Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงงาน

โครงงาน

Published by sutasineeyasaeng63, 2021-10-05 15:10:19

Description: โครงงาน

Search

Read the Text Version

โครงงาน เรื่อง สารช่วยชะลอความเห่ียวของผัก ผ้จู ดั ทาโครงงาน 1.นางสาวสุธาสินี ยะแสง เลขที่ 7 ม.5/5 2.นายธนวฒั น์ นันตาเสน เลขที่ 8 ม.5/5 3.นางสาวสุปรียา เทพจนั ตา เลขที่ 12 ม.5/5 4.นางสาวทัตพชิ า เข่ือนธะนะ เลขที่ 31 ม.5/5 5.นางสาวนิตยกานต์ รกไพร เลขท่ี 35 ม.5/5 ครูทปี่ รึกษาโครงงาน นายดารงค์ คนั ธะเรศย์ โครงงานนีเ้ ป็ นส่วนหนงึ่ ของวชิ า IS 1 ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2564 โรงเรียนปัว

กติ ติกรรมประกาศ การจดั ทาโครงงานเรื่อง สารช่วยชะลอความเหย่ี วของผัก สาเร็จได้เนื่องจากคณะ ผ้จู ดั ทา ได้รับการสนับสนุนเป็ นอย่างดีจาก นายดารง คนั ธะเรศย์ ทคี่ อยให้คาปรึกษา คา แนะแนว ตลอดการแก้ปัญหาในข้อบกพร่องของโครงงาน และขอขอบคุณเพ่ือนๆทกุ คนท่ี คอยให้คาชี้แนะ คณะผ้จู ัดทาขอขอบพระคุณเป็ นอย่างสูง คณะผ้จู ดั ทา

สารบัญ ก ข กติ ติกรรมประกาศ ค บทคัดย่อ ง สารบญั สารบัญตาราง 1 1 บทที่ 1 บทนา 1 1.1 ท่มี าและความสาคญั 2 1.2 วตั ถปุ ระสงค์ 2 1.3 สมมติฐาน 2 1.4 ตัวแปรท่เี กยี่ วข้อง 2 1.5 ขอบเขตการศึกษา 1.6 นยิ ามคาศัพท์ 3 1.7 ผลทค่ี าดว่าจะได้รับ 4 บทที่ 2 เอกสารที่เกย่ี วข้อง 2.1 การเสื่อมเสียของผักและผลไม้ 2.2 การเส่ือมเสียของผกั ผลไม้เน่ืองจากสาเหตุทางกายภาพ

2.3 คณุ ภาพของผกั หลงั การเกบ็ เกย่ี ว 6 บทที่ 3 วิธีการจดั ทาโครงงาน 12 3.1 เครื่องมือทใี่ ช้ในการดาเนนิ การ 13 3.2 วธิ ีดาเนนิ การ 14 3.3 วิธีการทดลอง 15 บทท่ี 4 ผลการทดลอง 4.1 ตารางแสดงผลการทดลอง 16 16 บทท่ี 5 สรุปผลและอภปิ รายผล 16 5.1 สรุปผลการศึกษา 17 5.2 อภิปรายผลการศึกษา 5.3 ประโยชน์ท่ไี ด้รับจากโครงงาน 5.4 ข้อเสนอแนะ

บทท่ี 1 บทนา ท่ีมาและความสาคัญของโครงงาน ผปู้ ระกอบอาชีพเกษตรกรผปู้ ลูกผกั ไดเ้ ก็บเกี่ยวผกั ของตนเพ่อื นาไปจาหน่ายต่อ ท้งั ที่จะ เดินทางมารับ และกระจายไปตามที่ตา่ งๆ มกั จะประสบปัญหาผลผลิตที่เก็บเก่ียว รอการนาไป จาหน่ายน้นั เร่ิมเหี่ยวเฉาภายในเวลาไม่นาน โดยเฉพาะกลมุ่ เกษตรกรที่ไมม่ ีตน้ ทุนในการซ้ือตแู้ ช่ ขนาดใหญ่ท่ีช่วยคงความสดได้ จะประสบปัญหาการรักษาความสดของผกั ย่ิงในสภาพอากาศที่ ร้อนอบอา้ ว หากเกบ็ รักษาผลผลิตไวไ้ ม่ดี เวลานาออกไปจาหน่ายน้นั จะไดค้ า่ ตอบแทนที่ไม่ดีนกั จากการสารวจภายในชุมชนพบวา่ มีการปลูกผกั ของเกษตรกรหรือการปลกู ผกั ในครัวเรือนของ ชาวบา้ นในชุมชน ส่วนใหญ่ผกั ท่ีปลูกคือ กวางตุง้ ผกั บงุ้ คะนา้ และอื่นๆ และมกั มีปัญหาเร่ืองการ เกบ็ รักษาผกั ดงั น้นั กลุ่มของขา้ พเจา้ จึงสนใจในการแกป้ ัญหาน้ีโดยการทดสอบสารที่หาไดใ้ น ครัวเรือน ภายในชุมชน ท่ีมีรายจ่ายนอ้ ย มาช่วยในการคงความสดของผกั ของเกษตรกรในชุมชน เพอื่ ช่วยคงความสดของผกั เหลา่ น้นั ไดน้ านข้ึน เพ่อื ใหไ้ ดค้ า่ ตอบแทนท่ีมากข้ึนในการจาหน่ายผกั ที่ สด และปลอดจากสารพษิ เป็นมิตรตอ่ ผบู้ ริโภคและส่ิงแวดลอ้ มภายในชุมชน วัตถปุ ระสงค์ของการทาโครงงาน 1.เพ่ือทดสอบสารท่ีช่วยคงความสดของผกั โดยเลือกสารท่ีหาไดง้ า่ ยในชุมชน 2.เพอ่ื ทดสอบคุณภาพของสารในการคงความสดของผกั 3.เพอ่ื ช่วยเกษตรกรและผคู้ า้ ขายผกั ในการแกป้ ัญหาเร่ืองความเห่ียวของผกั 4.เพ่อื ใหผ้ บู้ ริโภคทราบวิธีการคงความสดของผกั ท่ีซ้ือมาใหส้ ามารถยดื อายผุ กั ไดน้ านข้ึน โดยสารท่ีหาไดใ้ นครัวเรือน สมมติฐานของการศึกษา สารละลายน้าตาลคงความสดของผกั ไดน้ านที่สุด

ตัวแปรทีเ่ กย่ี วข้อง ตวั แปรต้น ชนิดของสารท่ีนามาทดสอบคุณสมบตั ิการช่วยชะลอความเหี่ยวของผกั ตวั แปรตาม ความสดของผกั กวางตงุ้ ตวั แปรควบคุม ขนาดของภาชนะที่ใส่สาร ปริมาตรของสารท่ีใชท้ ดสอบ ขอบเขตการศึกษา เร่ืองที่ศึกษา สารช่วยชะลอความเห่ียวของผกั สถานที่ โรงเรียนปัว ระยะเวลา 14 กรกฎาคม– 28 กนั ยายน 2564 นิยามคาศัพท์ เห่ียว คือ ใบของผกั เร่ิมเปล่ียนสี ผลทคี่ าดว่าจะได้รับ 1. สามารถนาสารเคมีท่ีหาไดง้ า่ ยในครัวมาประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ 2. ทาใหท้ ราบวธิ ีรักษาผกั มีความสดและคงทนอยไู่ ดน้ าน 3. ช่วยเพม่ิ รายไดข้ องเกษตรกรจากการขายผกั ที่สด 4. เป็นการฝึกทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์โดยการทาโครงงานวิทยาศาสตร์

บทท่ี 2 เอกสารทเ่ี กย่ี วข้อง การเสื่อมเสียของผกั และผลไม้ ผกั และผลไมเ้ ป็นอาหารสดและเป็นวตั ถุดิบ ซ่ึงใชเ้ พื่อการแปรรูปอาหาร ผกั และผลไมเ้ ป็น อาหารที่เส่ือมเสียงา่ ย (perishable food) เนื่องจาก มีปริมาณน้าสูง มีสารอาหารที่เหมาะสมกบั การ เจริญของจุลินทรีย์ และมีลกั ษณะอวบน้า เม่ือมีแรงกระแทกจากการเก็บเกี่ยว การปฏิบตั ิหลงั การ เกบ็ เกี่ยว จะทาให้บอบช้าไดง้ ่าย การเส่ือมเสียของผกั และผลไมส้ ด มีสาเหตุหลกั ดงั ต่อไปน้ี - การเสื่อมเสียของผกั และผลไมเ้ น่ืองจากจุลินทรียจ์ ุลินทรียห์ ลายชนิดที่มกั พบ เป็นสาเหตุ สาคญั ทาใหผ้ กั และผลไมเ้ น่าเสีย ไดแ้ ก่ แบคทีเรียที่พบในผกั และผลไมท้ ี่เป็นโรคพืช และ เป็นสาเหตุใหผ้ กั ผลไมเ้ น่าเสีย ไดแ้ ก่ แบคทีเรียท่ีตอ้ งการอากาศ (aerobic bacteria) เช่น Pseudomonas, Xanthomonas, Erwinia, Bacillus, Chromobacterium และ พบแบคทีเรียท่ี สร้างกรดแลก็ ทิก(lacticacidbacteria) เช่น Streptococcus, Lactobacillus, Leuconostoc รวมท้งั แบคทีเรียในกลุ่มโคลิฟอร์ม(coliform) ซ่ึงเป็นดชั นีบง่ ช้ีสุขลกั ษณะการเกษตร เช่นEscherichiacoli, Enterobacter แบคทีเรียที่เกิดจากการสัมผสั ของมนุษย์ เช่น Staphylococcus รวมท้งั สปอร์ของแบคทีเรีย (bacterialspore) ของClostridium และ Bacillus ท่ีอยใู่ นดิน และ ฝ่นุ ละอองในอากาศ - แบคทีเรียก่อโรค เช่น Escherichia coli, Salmonella, Listeria monocytogenes รา (mold) ราท่ีมกั พบในผกั ผลไมแ้ ละเป็นสาเหตทุ ่ีทาใหเ้ กิดโรค และการเน่าเสียของผกั ผลไม้ ไดแ้ ก่เช้ือราในสกลุ

Alternaria,Botrytis, Aspergillus,Fusarium, Penicillium, Rhizopus,Geotricum เป็นตน้ มีลกั ษณะ เป็นเส้นใยปกคลมุ ผิวของผลไม้ เช่น สม้ มะนาว ยสี ต์ (yeast) การเส่ือมเสียของผกั และผลไม้ เน่ืองจากจุลินทรียม์ ีผลทาให้เน้ือสมั ผสั กลิ่น รสชาติ ของผกั และผลไมเ้ ปล่ียนไป เช่น ความเป็นกรด-ด่างลดต่าลง เนื่องจากกรดอินทรียท์ ่ีจุลินทรียส์ ร้างข้ึน เช่น กรดแลก็ ทิก (lactic acid) กรดแอซีติก (acetic acid) เน้ือสัมผสั น่ิมเน่าเละเน่ืองจากจากแบคทีเรียมีเอนไซมเ์ พกทิเนส(pectinase) แบคทีเรีย เช่น Pseudomonas ซ่ึงยอ่ ยสลายสารเพกทินมีกลิ่นหมกั จากการหมกั ของยสี ตใ์ หเ้ กิด เอทิลแอลกอฮอล์ เป็นตน้ การเน่าเสียของผกั สลดั จะเกิดข้ึนเมื่อมีปริมาณจุลินทรียท์ ้งั หมด(standardplatecount) เพม่ิ ข้ึน มากกวา่ 7 log10 cycles การเสื่อมเสียของผักผลไม้เน่ืองจากสาเหตุทางกายภาพ ผกั และผลไมเ้ ป็นเน้ือเยอื่ พชื ที่อวบน้าจึงการเสื่อมเสียไดง้ ่ายเนื่องจากแรงทางกายภาพท่ีมี สาเหตมุ าจากแรงกล (mechnical damage) ไดแ้ ก่ แรงการกระแทก แรงอดั แรงเจาะ การกดั กินของ แมลง และสตั วก์ ดั แทะที่เกิดข้ีนก่อนการเก็บเก่ียว ระหวา่ งระหวา่ งการเก็บเก่ียว การขนส่ง การแปร รูป และการเก็บรักษา ทาใหผ้ กั ผลไมม้ ีการแตกหกั ช้ามีบาดแผล นอกจากน้ีการงอกของพืชหวั เช่น หอมหวั ใหญ่ มนั ฝร่ัง ก็จดั เป็นการเส่ือมเสียทางกายภาพเพราะสารอาหาร เช่น สตาร์ช และ น้าตาล ในหวั พชื ถกู นาไปใชร้ ะหวา่ งการงอกทาใหร้ สชาติและลกั ษณะเน้ือสมั ผสั เสียไป การเสื่อมเสียของผกั และผลไมเ้ น่ืองจากสาเหตทุ างกายภาพ ยงั เป็นสาเหตุสาคญั ท่ีทาใหเ้ กิด การเสื่อมเสียของผกั ผลไมต้ อ่ เน่ืองจากสาเหตุทางเคมีและจุลินทรียต์ ่อไปไดอ้ ีกเน่ืองจากบาดแผล

จากรอยแตกหัก หรือรอยช้า ซ่ึงอาจป้องกนั ไดด้ ว้ ยการใชว้ สั ดุป้องกนั การส่ันกระแทก การเสื่อมเสีย ทางกายภาพยงั เร่งใหส้ ารอาหาร ทาปฏิกิริยากบั เอนไซมห์ รือทาปฏิกิริยากนั เองกบั สภาพแวดลอ้ ม เช่น ออกซิเจน หรือ ความช้ืนในบรรยากาศไดง้ า่ ยอีกดว้ ย การป้องกนั การเส่ือมเสียของผกั และผลไมท้ างกายภาพ ทาไดโ้ ดยเลือกใชก้ รรมวิธีเก็บเก่ียว การขนส่งที่เหมาะสม และกระทาอยา่ งระมดั ระวงั ใชว้ สั ดุและบรรจุภณั ฑท์ ี่ช่วยรองรับการกระแทก ระหวา่ งการขนส่งและการจดั จาหน่าย การเส่ือมเสียของผกั และผลไม้ เนื่องจากเอนไซม์ เน่ืองจากเอนไซม์ (enzyme) เป็นโปรตีนท่ี พบในส่ิงมีชีวติ มีหนา้ ท่ีเร่งปฏิกิริยาทางชีวเคมีภายในเซลล์ และเน้ือเยอื่ ของสิ่งมีชีวิต เช่น การสลาย โมเลกลุ ของสารอาหารท่ีมีขนาดใหญ่ใหเ้ ลก็ ลง รวมท้งั เร่งการสังเคราะหส์ ารตา่ งๆ ภายในเซลลเ์ มื่อ ผกั และผลไมถ้ ูกเกบ็ เกี่ยว เอนไซมท์ ี่ยงั คงทาหนา้ ที่อยจู่ ะไปเร่งการสลายโมเลกุลของอาหาร เช่น เร่ง ใหผ้ ลไมส้ ุก สีเปลี่ยนจากเขียวเป็นเหลือง เปล่ียนสตาร์ซ (starch) ใหเ้ ป็นน้าตาล ทาใหผ้ ลไมม้ ีรส หวาน มีเน้ือน่ิม ในระหวา่ งการเตรียมวตั ถุดิบ ผกั และผลไม้ อาจถกู ปอกเปลือก (peeling) และ ลดขนาด (size reduction) ดว้ ยการ หน่ั สบั บด ทาใหเ้ อนไซมใ์ นอาหารสัมผสั กบั โมเลกุลของซบั เสตรต มากข้ึน จึง เร่งใหเ้ กิดการเสื่อมเสียไดเ้ ร็วข้ึน เช่น ปฏิกิริยาการเกิดสีน้าตาลซ่ึงเก่ียวขอ้ งกบั เอนไซม์ (enzymatic browning reaction) ไดแ้ ก่ เอนไซมฟ์ ี นอเลส (phenolase) พอลิฟี นอเลส (polyphenolase) พอลิฟี นอ ลออกซิเดส (polyphenol oxidase) ซ่ึงเอนไซมเ์ หลา่ น้ีจะเร่งปฏิกิริยาใหส้ ารประกอบในกลมุ่ ฟี นอล (phenolic compounds) ซ่ึงพบมากในผกั ผลไม้ เช่น กลว้ ย แอปเป้ิ ล มนั เทศ มะเขือ กระทอ้ น เปลือก มะพร้าวอ่อน เปล่ียนเป็นสารที่มีสีน้าตาล โดยเฉพาะเมื่อผกั ผลไมพ้ วกน้ีถกู ปอกเปลือก หน่ั ชิ้นให้ สมั ผสั กบั ออกซิเจน เอนไซมเ์ พกทิเนส (pectinase) จะเร่งการยอ่ ยสลายเพกทิน (pectin) ซ่ึงเป็นสารพอลิแซ็กคาไรด์ (polysaccharide) ท่ีเป็นตวั เชื่อมประสานทาใหโ้ ครงสร้างเซลลข์ องผกั และผลไม้ แขง็ แรง ทาใหผ้ กั

และผลไมม้ ีเน้ือสมั ผสั นิ่ม นอกจากน้ี เอนไซมเ์ พกทิเนส ยงั ทาใหน้ ้าผกั น้าผลไมท้ ่ีค้นั สดที่ต้งั ทิ้งไว้ แยกช้นั ไมเ่ ป็นเน้ือเดียวกนั เหมือนท่ีค้นั ใหม่ การเส่ือมเสียทางเคมีเป็นการเส่ือมเสียเนื่องจากปฏิกิริยาทางเคมีท่ีเกิดข้ึนระหวา่ งส่วนประกอบ ของอาหาร ระหวา่ งอาหารกบั บรรจุภณั ฑ์ หรือ ระหวา่ งอาหารกบั สภาวะแวดลอ้ ม การเส่ือมเสียทาง เคมี ไดแ้ ก่ - การเกิดสีน้าตาลของอาหารท่ีไมเ่ กี่ยวขอ้ งกบั เอนไซม์ (non enzymatic browning reaction) - การเกิดการหืนเน่ืองจากปฏิกิริยาออกซิเดชนั ของไขมนั และน้ามนั (lipid oxidation) คณุ ภาพของผกั หลงั การเกบ็ เกย่ี ว ปัจจยั หลายปัจจยั ท่ีตอ้ งไดร้ ับการปรับเปลี่ยนเพ่อื ให้เหมาะสมต่อการรักษาคุณภาพของ ผกั รอยช้า รอยแผลต่างๆไม่เพียงแตม่ ีผลต่อคุณภาพและลกั ษณะปรากฏเทา่ น้นั แตย่ งั เพิ่มอตั ราการ หายใจและการสูญเสียน้าดว้ ย ซ่ึงกระตนุ้ ใหผ้ กั เสื่อมสภาพเร็วข้ึน เมื่อเก็บเก่ียวผกั แลว้ ควรกาจดั ส่วนที่มีแผลหรือโรคออก และนาผกั เขา้ สู่ระบบอณุ หภมู ิต่าทนั ที ไมว่ า่ ผกั น้นั จะบริโภคสดหรือ แปรรูปก็ตาม เพอ่ื — ลดกระบวนการเมตาบอลิซึมใหเ้ กิดนอ้ ยลง — ป้องกนั การสะสมความร้อน — ป้องกนั ไม่ใหน้ ้าตาลในผกั เปล่ียนเป็นแป้ง การเตรียมผกั ออกสู่ตลาด ปัจจยั หลายปัจจยั มีผลกระทบตอ่ อายกุ ารวางจาหน่ายของผลิตผลผกั ในตลาด เช่น — พนั ธุ์ผกั

— สภาพดินฟ้าอากาศ — การเขตกรรมในระหวา่ งการเจริญเติบโตของผกั — ระดบั ความแก่ในช่วงท่ีเก็บเก่ียว — การสภาพแวดลอ้ มและการจดั การหลงั การเก็บเกี่ยว ซ่ึงเม่ือพิจารณาถึงปัจจยั สุดทา้ ย จะมีปัจจยั ยอ่ ยที่เขา้ มาเก่ียวขอ้ ง คือ 1. อตั ราการหายใจและอตั ราการเกิดกระบวนการเมตาบอลิซึม ซ่ึงจะส่งผลใหเ้ กิดการ สูญเสียคุณคา่ ทางอาหารและอายกุ ารใชง้ านโดยตรง 2. การสูญเสียน้า ซ่ึงทาใหเ้ กิดการเห่ียว 3. การชอกช้าท่ีเกิดจากความเสียหายทางกล 4. การเขา้ ทาลายของเช้ือจุลินทรีย์ และการผิดปกติทางสรีรวทิ ยา 5. การเจริญเติบโตต่อเน่ือง การดาเนินการอ่ืนๆที่มีผลกระทบต่อคุณภาพและอายกุ ารวางจาหน่ายของผกั 1. การทาความสะอาด (Cleaning) • การลา้ งทาความสะอาดจะช่วยกาจดั เศษดินและสิ่งสกปรกต่างๆทาใหผ้ กั มีลกั ษณะ น่าดู แตอ่ าจจะทาใหเ้ กิดโรคไดง้ ่าย • การลา้ งผกั ใบตอ้ งคานึงถึงชนิดของผกั ผกั ตอ้ ง ไม่อมุ้ น้าไวม้ ากเพราะจะทาใหเ้ กิดการเน่า เสียจากเช้ือจุลินทรีย์ เช่น ผกั กาดหอม กะหล่าปลี และปวยเหลง็ • การเจริญเติบโตของเช้ือจุลินทรียข์ ้ึนอยกู่ บั การแพร่ระบาดของเช้ือจุลินทรียแ์ ละการเกิด แผลของผกั • การใชน้ ้าผสมคลอรีนจะช่วยลดการระบาดของเช้ือจุลินทรียไ์ ด้

• การแปรงผกั เพื่อทาความสะอาดผลไมแ้ ละผกั หวั อาจจะช่วยใหผ้ กั มีผวิ มนั ข้ึน แต่อาจทา ใหผ้ กั ช้าและกระตนุ้ การสุกท่ีเกิดจากการสังเคราะหเ์ อทธิลีนจากการช้า 2. การกาจดั เอทธิลีน เอทธิลีนมีผลเสียต่อผกั หลายชนิด เช่น — ผกั ใบจะเส่ือมสภาพเปล่ียนจากสีเขียวเป็นสีเหลืองอยา่ งรวดเร็ว — เร่งการสุกของแตงเทศ และมะเขือเทศ — ผกั กาดหอมห่อยงั แสดงอาการที่กา้ นใบเกิดเป็นจุดสีน้าตาลแดงซ่ึงเรียกวา่ Russet Spot — ทาใหแ้ ครอทมีรสขม จึงจาเป็นตอ้ งมีการกาจดั ก๊าซเอทธิลีนไปจากบรรยากาศท่ีเกบ็ รักษาหรือ ขนส่งผกั ดว้ ยสารหลายชนิด — KMnO4 — กา๊ ซโอโซน น้าตาลทราย นา้ ตาล คือ สารใหค้ วามหวานตามธรรมชาติชนิดหน่ึง มีเรียกกนั หลายแบบ ข้ึนอยกู่ บั รูปร่างลกั ษณะของน้าตาล เช่น น้าตาลทราย น้าตาลกรวด น้าตาลกอ้ น น้าตาลปี บ เป็นตน้ แต่ในทาง เคมี โดยทว่ั ไปหมายถึง ซูโครส หรือ แซคคาโรส ไดแซคคาไรด์ ที่มีลกั ษณะเป็นผลึกของแขง็ สีขาว น้าตาลเป็นสารเพมิ่ ความหวานที่นิยมใชก้ นั อยา่ งแพร่หลาย ในอตุ สาหกรรมการผลิตอาหาร โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ขนมหวาน และเคร่ืองด่ืม ในทางการคา้ น้าตาลผลิตจาก ออ้ ย(sugar cane), ตน้ ตาล(sugar palm), ตน้ มะพร้าว(coconut palm), ตน้ แอปเปิ้ ลน้าตาล(sugar maple) และหวั บีท (sugar beet) ฯลฯ น้าตาลที่มีองคป์ ระกอบทางเคมีแบบงา่ ยที่สุด หรือ โมโนแซคคาไรด์ เช่น กลูโคส เป็นท่ี เก็บพลงั งาน ท่ีจะตอ้ งใชใ้ นกิจกรรม ทางชีววทิ ยา ของเซลล์ ศพั ทท์ างเทคนิคท่ีใชเ้ รียกน้าตาลจะลง ทา้ ยดว้ ยคาวา่ \"-โอส\" (-ose) เช่น กลูโคส

ประโยชน์ของนา้ ตาลทราย 1. ใส่น้าตาลตาลทราย 1 ชอ้ นชา หรือ 1 กอ้ น ในแจกนั ดอกไมท้ ี่มีน้าเตม็ จะช่วยให้ ดอกไมส้ ดช่ืน 2. ผสมน้าตาลทราย 1 ชอ้ นโต๊ะกบั น้ามนั พชื นวดมือที่แหง้ กร้าน จะช่วยใหม้ ีมือท่ีนุ่ม ข้ึน 3. น้าตาลทราย 1/2 ชอ้ นชาใส่ในอาหารคามแทนผงชูรส จะทาใหอ้ าหารรสชาดดีข้ึน 4. ถา้ รับประทานอาหารเผด็ จดั ใหอ้ มน้าตาลทรายหรือน้าตาลกอ้ น จนน้าตาลละลาย แลว้ จึงบว้ นออกอาการเผด็ แสบร้อนจะหายไป 5. ขณะท่ียา่ งหมูสะเตะ๊ บาบีคิว ใหโ้ รยน้าตาลทรายลงไปบนไฟถ่านจะทาใหถ้ ่านคุโชน และยา่ งไดส้ ุกเร็วข้ึน 6. ใชใ้ นการปรุงอาหาร โซดา ตามความเห็นของผเู้ ชี่ยวชาญดา้ นไมด้ อกนาง Susan Han จาก University of Massachusetts เขาวา่ คาเลา่ ลือน้นั เป็นเร่ืองจริง หากโซดา (น้าอดั ลม) ผสมกบั น้าใน อตั ราส่วนที่เหมาะสมแลว้ มนั ก็สามารถช่วยใหด้ อกไมส้ วย สดอยนู่ านได้ เน่ืองจาก สารละลายน้นั มีอาหารที่ตน้ ไมต้ อ้ งการ จะวา่ ไปแลว้ เคร่ืองด่ืม เซเวน่ อพั (7-up) น้นั ทาหนา้ ที่ น้ีไดเ้ ป็นอยา่ งดี นอกจากน้ีเหลา้ วอดกา (Vodka) ซ่ึงมีส่วนผสมของแอลกอฮอลก์ ส็ ามารถ ช่วยยดื อายุ ดอกไมโ้ ดยการไปป้องกนั กระบวนการเน่าเสียของดอกไมไ้ ด้

เหตุผลของกระบวนการน้ีอธิบายไดว้ า่ เม่ือดอกไมถ้ กู ตดั ออกมาจากส่วนตน้ และราก มนั กไ็ ม่สามารถผลิตอาหารไดอ้ ีกตอ่ ไป แตถ่ า้ หากมนั ไดร้ ับน้ามนั กจ็ ะคงความชุ่มช้ืนไว้ นอกจากน้ี น้าท่ีมีส่วนผสมของโซดาหรือน้าอดั ลมอ่อนๆ (มีกรดอ่อนๆ) น้นั สามารถเดินทาง ข้ึนไปตามท่อลาเลียงน้าของดอกไมไ้ ดร้ วดเร็วกวา่ น้าเปล่า ทาใหด้ อกไมไ้ ดร้ ับน้าอยา่ ง เพียงพอและคงความสดไดน้ าน นอกจากน้ี ดอกไมย้ งั ตอ้ งการน้าตาลเพื่อใชเ้ ป็นอาหาร ดงั น้นั การเติมน้าอดั ลม เช่น เซเวน่ อพั (7-up) หรือ สไปร์ท จึงเป็นส่วนผสมที่ลงตวั ในการทาใหด้ อกไมต้ ดั น้นั สดไดน้ าน เพราะน้าอดั ลมดงั กลา่ ว มีท้งั กรดซิตริกและน้าตาลท่ีดอกไมต้ อ้ งการ แตข่ อ้ พงึ ระวงั กค็ ือ แม้ กรดซิตริกจะไปลดคา่ pH แต่ก็มีน้าตาลอยใู่ นปริมาณมาก (ถึง 38 กรัม) ซ่ึงความหวานน้นั ทา ใหแ้ บคทีเรียเจริญเติบโตไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว ซ่ึงแบคทีเรียอาจจะไปทาใหด้ อกไมเ้ น่าได้ ฉะน้นั โปรเฟสเซอร์ William Miller ผเู้ ชี่ยวชาญดา้ นพืชสวนจาก Cornell University แนะนาวา่ ควรเติมสารฟอกขาว (bleach) ลงไปดว้ ยในปริมาณเลก็ นอ้ ยเพอ่ื ฆ่าเช้ือโรค สดั ส่วนในการผสมน้ากบั น้าอดั ลม อาจจะเป็น 1:1 เช่นเดียวกบั ผงอาหารดอกไม้ (ท่ี เราไดม้ าพร้อมกดั อกไมจ้ ากร้านขายดอกไม)้ กไ็ ด้ แต่นาง Susan Han เองชอบสูตรส่วนผสม ของน้าตอ่ น้าอดั ลมในอตั ราส่วน 3:1 แลว้ หยอดสารฟอกขาวลงไป 2-3 หยด ในขณะท่ีเหลา้ รัสเซียอยา่ งวอดกา้ กส็ ่งผลตอ่ ดอกไมใ้ นหลายๆทาง หากหยดลงไปในน้าในแจกนั เหลา้ วอดกา้ จะช่วยถนอมดอกไมโ้ ดยการไปยบั ย้งั การผลิตก๊าซเอธิลีน(ethylene) เนื่องจากก๊าซเอธิ ลีนเป็นกา๊ ซที่พชื ผลิตข้ึนเม่ือมนั มีอายมุ ากข้ึน การยบั ย้งั ก๊าซก็จะไปช่วยยบั ย้งั การเห่ียวเฉา ของมนั แต่พืชก็สามารถทนทานต่อฤทธ์ิของแอลกอฮอลค์ วามเขม้ ขน้ ไมเ่ กิน 8% เทา่ น้นั แต่ เหลา้ วอดกา้ ส่วนใหญน่ ้นั มีความเขม้ ขน้ ท่ี 40% ฉะน้นั การจะนาวอดกา้ มาใชจ้ ึงจาเป็นตอ้ งมา ทาเจือจางแตถ่ า้ เป็นระดบั อุตสาหกรรม เกษตรกรจะใช้ silver thiosulfate ซ่ึงทาหนา้ ที่ยบั ย้งั การผลิตก๊าซเอธิลีนไดด้ ีกวา่ น้าปนู ใส

น้าปนู ใสคือน้าที่เราเอาน้าไปผสมกบั ปูนแดงท่ีคนเฒ่าคนแก่ทา่ นเอาไวท้ านกบั หมาก แลว้ ปลอ่ ยใหต้ กตะกอน แลว้ กใ็ ชน้ ้าส่วนที่ลอยเหนือปูนที่ตกตะกอนเอามาใช้ ปูนแดง ก่อนจะมาเป็นปนู แดง ปนู ขาว เป็นวสั ดุที่ไดจ้ ากการเผาหินปนู (แคลเซียม คาร์บอเนต) โดยใชค้ วามร้อนสูง จะไดเ้ ป็นปูนสุก (แคลเซียมออกไซด์, CaO) เม่ือเยน็ ตวั ลง แลว้ พรมน้าใหช้ ุ่ม ปนู สุกจะทาปฏิกิริยากบั น้าไดเ้ ป็น แคลเซียมไฮดรอกไซด์ ส่วนที่เป็นผง แหง้ ไดเ้ ป็น ปูนขาว ปูนแดง ไดม้ ากจากการผสมปูนขาวกบั ผงขมิน้ จากน้นั ทางปฎิกริยาเคมี ก็จะเปลี่ยนปนู ขาวเป็นสีแดง เลยเรียกวา่ ปูนแดง จาก CaO + H2O = Ca(OH)2 ก็คือเอาปูน ขาวหรือปูนแดง ผสมกบั น้า กจ็ ะได้ สารละลาย แคลเซียมไฮดรอกไชค์ หรือน้าปนู ใสนน่ั เอง (คุณสมบตั ิเป็นด่าง) คุณสมบตั ิของสารละลายตวั น้ีกค็ ือ เมื่อจบั ตวั กบั กา๊ ช คาร์บอนไดอ๊อก ไซค์ จะไดผ้ ลึกหินปูนเลก็ ๆ จากหลกั การน้ีเอง เราทราบวา่ ในท่อน้าเล้ียงของพืชมีก๊าซคาร์บอนไดออ๊ กไชคอ์ ยู่ เมือน้าพืช เหล่าน้นั เช่น กลว้ ย ฝักทอง ไปแช่น้าปูนใส กจ็ ะเกิดผลึกหินบูนเล็กๆในทอ่ น้าเล้ียงทาใหอ้ าหารมี ความกรอบ

บทที่ 3 วธิ ีจัดทาโครงงาน เครื่องมือทใ่ี ช้ในการดาเนินการ 1.สมุดบนั ทึก 2.ปากกา 3.ผกั (กวางตงุ้ ) 4.โซดา 5.สารละลายน้าตาล 6.น้า 7.น้าปูนใส วิธีดาเนนิ การ 1.เลือกหวั ขอ้ ท่ีจะทาโครงงาน 2.คน้ ควา้ หาขอ้ มูลท่ีเกี่ยวกบั โครงงาน 3.ปรึกษาและขอคาแนะนาจาอาจารยท์ ่ีปรึกษาโครงงาน 4.ประชุมกลมุ่ โครงงาน และวางแผนการดาเนินงาน 4.แบ่งงานและคน้ ควา้ หาขอ้ มูลเกี่ยวกบั โครงงานท่ีจดั ทา 6.เตรียมอุปกรณ์และทดลองทาโครงงาน

7.บนั ทึกผล และทาการทดลองซ้าอีก2คร้ัง 8.ประเมินผลการปฏิบตั ิงาน 9.สรุปผลการทดลอง 10.จดั ทาโครงงาน 11.นาเสนอ วิธีการทดลอง 1.เตรียมสารละลายน้าตาล โซดา น้าปูนใส และน้า ในปริมาตรที่เทา่ กนั 2.เตรียม ผกั (กวางตงุ้ ) จานวน 1 กิโลกรัม 3.เตรียมภาชนะ 4.เทสารใส่ภาชนะท่ีเตรียมไว้ จากน้นั นาผกั ลงไปแช่ 5.แช่ผกั ทิ้งไว้ 1 ชว่ั โมง 6.สังเกต บนั ทึกการเปลี่ยนแปลง 7.บนั ทึกผล

บทท่ี 4 ผลการทดลอง ตารางที่ 4.1 ตารางแสดงผลการทดลอง

บทที่ 5 สรุปผลและอภปิ รายผลการดาเนินการจดั ทาโครงงาน สรุปผลการศึกษา จากผลการทดลองเปรียบเทียบประสิทธิภาพของสารละลายที่มีผลตอ่ ความสดและของ ผกั กวางตงุ้ พบวา่ ในระยะเวลา 3 วนั ผกั กวางตงุ้ มีความสดและความคงทนมากที่สุด เมื่อแช่ ผกั กวางตงุ้ ในสารละลายน้าตาล รองลงมาคือน้าปูนใส และน้าเปลา่ ผกั กวางตุง้ มีความสดและความ คงทนนอ้ ยที่สุด เมื่อแช่ในโซดา อภิปรายผลการศึกษา จากการศึกษาและทดลองโครงงานวทิ ยาศาสตร์เร่ือง สารช่วยชะลอความเห่ียวของผกั ได้ ขอ้ สรุปประเด็นอภิปรายการศึกษาวา่ เม่ือแช่ผกั กวางตุง้ ในสารแต่ละชนิดไดแ้ ก่ สารละลายน้าตาล โซดา น้าปูนใสและน้าเปลา่ สารที่มีประสิทธิภาพตอ่ ความสดและความคงทนของผกั กวางตุง้ ไดด้ ีที่สุดคือ สารละลายน้าตาล เน่ืองจากน้าตาลเป็นสารที่พืชตอ้ งในในการดารงชีวิตอยู่ เพราะการท่ีผกั หรือพชื ชนิด ตา่ งๆเหี่ยวน้นั ปัจจยั หน่ึงเกิดจากการขาดน้าตาล และการที่เราช่วยเพมิ่ น้าตาลใหก้ บั พืชจึงเป็นการช่วย ใหพ้ ืชคงความสดอยไู่ ด้ ทาใหเ้ ราสามารถนาสารเคมีใกลต้ วั ในมาประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ใน ชีวิตประจาวนั ได้ ประโยชน์ท่ไี ด้รับจากโครงงาน 1. สามารถนาสารเคมีท่ีหาไดง้ ่ายในครัวมาประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ 2. ทาใหท้ ราบวธิ ีรักษาผกั มีความสดและคงทนอยไู่ ดน้ าน 3. ช่วยเพิม่ รายไดข้ องเกษตรกรจากการขายผกั ที่สด 4. เป็นการฝึกทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์โดยการทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์

5. เป็นการฝึกการทางานร่วมกนั เป็นกลุ่ม สร้างความสามคั คีในหมูค่ ณะและมีการรับฟัง ความคิดเห็นของผอู้ ่ืน ข้อเสนอแนะ 1.ควรเพม่ิ สารท่ีนามาทดลอง เพือ่ การเปรียบเทียบประสิทธิภาพท่ีมากข้ึน 2.ควรทดลองในผกั ชนิดอื่น เพื่อการเปรียบเทียบประสิทธิภาพท่ีมากข้ึน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook