การใชพ้ ลงั งานไฟฟา้ ในชวี ติ ประจาวัน 3 พว32023
ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 พลังงานไฟฟา้
ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอทงุ่ ชา้ ง การกาเนดิ ของไฟฟ้า 01 ไฟฟา้ ที่เกดิ จากการเสยี ดสขี องวัตถุ 04 ไฟฟ้าทเ่ี กดิ จากพลังงานแสงอาทติ ย์ 02 ไฟฟา้ ที่เกดิ จากการทาปฏกิ ริ ยิ าทางเคมี 05 ไฟฟา้ ที่เกิดจากพลงั งานแม่เหล็กไฟฟ้า 03 ไฟฟา้ ท่เี กิดจากความร้อน
ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอท่งุ ชา้ ง 01 ไฟฟา้ ท่ีเกิดจากการเสียดสีของวัตถุ เปน็ ไฟฟ้าทเี่ กดิ ข้นึ จากการนาวัตถุตา่ งกัน 2 ชนดิ มาขดั สกี นั เชน่ จากแท่งยางกบั ผา้ ขนสัตว์ แท่ง ขนสตั ว์ แกว้ กบั ผ้าแพร แผน่ พลาสติกกบั ผ้า และหวีกับผม เป็น ตน้ ผลของการขดั สดี ังกล่าวทาให้เกิดความไม่สมดุลขึ้น ของประจุไฟฟา้ ในวัตถุทัง้ สอง เนอื่ งจากเกดิ การถา่ ยเท ประจไุ ฟฟ้า วัตถุทัง้ สองจะแสดงศกั ยไ์ ฟฟ้าออกมา แทง่ ยาง ต่างกัน วัตถชุ นิดหนึ่งแสดงศักย์ไฟฟ้าบวก (+) ออกมา ภาพอุปกรณ์ไฟฟา้ ทเี่ กดิ จากการเสียดสขี องวตั ถุ วัตถอุ ีกชนิดหน่ึงแสดงศกั ย์ไฟฟา้ ลบ (-) ออกมา ซงึ่ เรียกว่า “ไฟฟ้าสถิต”
ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง 02 ไฟฟา้ ที่เกิดจากการทาปฏิกิริยาทางเคมี เป็นไฟฟา้ ทีเ่ กดิ จากการนาโลหะ 2 ชนดิ แบตเตอรี่ ที่แตกตา่ งกนั โลหะทงั้ สองจะทาปฏกิ ริ ิยาเคมีกับ ถา่ นอัลคาไลน์ 9 โวลต์ สารละลายอิเลก็ โทรไลท์ ซ่ึงปฏกิ ิรยิ าทางเคมีแบบน้ี เรยี กวา่ “โวลตาอิกเซลล”์ เช่น สังกะสกี ับทองแดงจ่มุ ลง ในสารละลายอเิ ลก็ โทรไลท์ จะเกิดปฏิกริ ยิ าเคมีทาใหเ้ กดิ ไฟฟา้ ดงั ตัวอยา่ งในแบตเตอรี่ และถา่ นอัลคาไลน์ (ถ่านไฟฉาย) เป็นตน้ ถ่านอลั คาไลน์ 1.5 โวลต์
ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอทุ่งชา้ ง 03 ไฟฟา้ ทเ่ี กดิ จากความรอ้ น เป็นไฟฟ้าท่เี กดิ ขึน้ จากการนาแทง่ โลหะหรอื แผน่ โลหะต่างชนิดกนั 2 แทง่ โดย นาปลายด้านหนงึ่ ของโลหะทั้งสองต่อตดิ กนั ด้วยการเชื่อมหรอื ยดึ ดว้ ยหมุดปลายทเ่ี หลอื อกี ดา้ นนาไปต่อกบั มเิ ตอร์วดั แรงดนั เมื่อให้ ความรอ้ นทปี่ ลายดา้ นตอ่ ติดกนั ของโลหะทง้ั สอง สง่ ผลให้เกดิ การแยกตัวของประจุไฟฟ้า เกดิ ศกั ย์ไฟฟา้ ข้ึนทปี่ ลายด้านเปดิ ของโลหะ แสดงค่าออกมาทมี่ ิเตอร์
ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอทุ่งชา้ ง 04 ไฟฟา้ ทเ่ี กดิ จากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยสามารถสร้างเซลลแ์ สงอาทิตย์ (Solar Cell) ทีท่ าหน้าท่ีเปล่ยี นพลังงานแสงอาทิตย์ ให้เปน็ พลงั งานไฟฟ้า ปจั จุบนั เครื่องใชไ้ ฟฟา้ หลาย ชนิดใชพ้ ลงั งานแสงอาทิตย์ได้ เชน่ นาฬกิ าข้อมอื เครอ่ื งคิดเลข เปน็ ต้น แตค่ า่ ใชจ้ ่ายในการผลติ กระแสไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์คอ่ นข้างสงู
ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง 05 ไฟฟ้าท่ีเกิดจากพลังงานแม่เหลก็ ไฟฟ้า กระแสไฟฟ้าทีไ่ ด้มาจากพลังงานแมเ่ หล็ก โดยวธิ กี ารใชล้ วดตัวนาไฟฟ้าตดั ผ่านสนามแมเ่ หลก็ หรือการนาสนามแม่เหล็กวง่ิ ตัดผ่านลวด ตวั นาอย่างใดอย่างหนึ่ง ทงั้ สองวธิ นี จ้ี ะทาใหม้ ีกระแสไฟฟ้าไหลในลวดตวั นาน้ัน กระแสที่ผลิต ได้มีทง้ั กระแสตรงและกระแสสลบั อุปกรณก์ าเนิดไฟฟา้ จากพลงั งานแม่เหล็กไฟฟา้
ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอทุ่งชา้ ง สถานการณพ์ ลงั งานไฟฟา้ ของประเทศไทย ประเทศในกลมุ่ อาเซยี น และโลก ปจั จุบนั การใชพ้ ลงั งานไฟฟ้าของประเทศไทยและประเทศต่าง ๆ ทว่ั โลกเพ่มิ สูงขนึ้ อย่างตอ่ เนอื่ ง โดยเชือ้ เพลิงหลกั ทน่ี ามาใช้ในการผลิตไฟฟา้ คอื เชื้อเพลิงฟอสซลิ เริม่ ลดลงเร่ือย ๆ
ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง สถานการณพ์ ลงั งานไฟฟา้ ของประเทศไทย 1. สดั สว่ นการผลิตไฟฟ้าจากเช้อื เพลงิ ประเภทต่าง ๆ ของประเทศไทย การผลิตไฟฟ้าของประเทศ ไทยมกี ารใชเ้ ช้ือเพลงิ ที่หลากหลาย ซง่ึ ไดม้ าจากแหลง่ เช้ือเพลงิ ทง้ั ภายในและ ภายนอกประเทศ จากข้อมูลปี พ.ศ. 2558 พบว่า ประเทศไทยมกี ารผลติ ไฟฟ้าจากกา๊ ซธรรมชาติเป็นสว่ นใหญ่ แผนภมู ิสดั ส่วนเชื้อเพลงิ ท่ีใชใ้ นการผลติ ไฟฟ้าของประเทศไทย ปี พ.ศ. 2558
ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง 2. การใชไ้ ฟฟา้ ในแตล่ ะชว่ งเวลาในหน่งึ วันของประเทศไทย การใช้ไฟฟ้าแตล่ ะช่วงเวลาในหนงึ่ วันของประเทศไทย มปี รมิ าณความตอ้ งการใช้ไฟฟ้า ไมส่ ม่า เสมอ โดยความต้องการไฟฟ้าสงู สดุ จะเกิด 3 ช่วงเวลา คอื เวลา 10.00 – 11.00 น. เวลา 14.00 –15.00 น. และเวลา 19.00 –20.00 น.
ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง ความตอ้ งการใชไ้ ฟฟ้าในแต่ละวนั จะแบ่งออกเปน็ 3 ระดบั ดงั น้ี ระดับ 1 ความต้องการไฟฟ้าพื้นฐาน (Base Load) เป็นความตอ้ งการใช้ไฟฟ้าต่าสดุ ของแต่ ละวันได้แก่ โรงไฟฟา้ พลังความรอ้ นท่ใี ชถ้ า่ นหินเปน็ เชื้อเพลิง โรงไฟฟา้ พลังความรอ้ นรว่ มท่ใี ชก้ า๊ ซ ธรรมชาติเปน็ เช้ือเพลงิ และโรงไฟฟา้ พลงั งานนิวเคลียร์ ระดับ 2 ความต้องการไฟฟา้ ปานกลาง (Intermediate Load) เป็นความตอ้ งการใช้ ไฟฟา้ มากขึ้นกวา่ ความต้องการพน้ื ฐานแต่กย็ ังไมม่ ากถึงระดบั สูงสดุ เช่น โรงไฟฟา้ พลังความรอ้ นร่วม ที่ใชก้ ๊าซธรรมชาติเป็นเชอ้ื เพลิง พลงั งานทดแทน เปน็ ตน้ ระดบั 3 ความตอ้ งการไฟฟา้ สูงสดุ (Peak Load) เปน็ ความตอ้ งการใชไ้ ฟฟา้ บาง ชว่ งเวลาเท่านัน้ เชน่ โรงไฟฟา้ กงั หนั กา๊ ซที่ใช้น้ามันดเี ซลเป็นเชื้อเพลิง โรงไฟฟ้าพลงั น้า โรงไฟฟา้ พลงั นา้ แบบสบู กลบั เป็นต้น
ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง 3. สภาพปจั จบุ ันและแนวโนม้ การใช้พลงั งานไฟฟ้า
ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอท่งุ ชา้ ง 4. แผนพัฒนากาลงั การผลิตไฟฟา้ ของประเทศไทย (Power Development Plan : PDP) แผนพัฒนากาลังการผลิตไฟฟา้ คือ แผนแม่บทในการผลติ ไฟฟ้าของประเทศ ว่าดว้ ย การจดั หาพลงั งานไฟฟ้า ในระยะยาว 15 – 20 ปี เพื่อสรา้ งความม่ันคงและความเพยี งพอตอ่ ความ ตอ้ งการใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน และเพ่ือการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของ ประเทศ ปจั จุบันใชแ้ ผนพฒั นากาลังการผลติ ไฟฟ้าของประเทศไทยปี 2561 – 2580 (PDP 2018) ซ่งึ เป็นแผนฉบับล่าสดุ และเป็นแผนทีส่ อดคล้องกบั แผนอนุรกั ษ์พลังงาน ที่มเี ป้าหมายเพอ่ื ประหยัด และเพ่มิ ประสทิ ธภิ าพการใช้พลงั งาน และแผนพฒั นาพลังงานทดแทนและพลงั งานทางเลอื ก ซง่ึ การจัดทาแผน PDP ตอ้ งจัดทาค่าพยากรณค์ วามต้องการไฟฟา้ ของประเทศ เพือ่ นาคา่ พยากรณ์ ความตอ้ งการไฟฟ้าจัดทาแผนการกอ่ สรา้ งโรงไฟฟา้ ใหเ้ พียงพอในอนาคตต่อไป
ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง ปจั จยั ที่ตอ้ งคานงึ ถึงในการจดั ทาแผนพฒั นากาลงั การผลติ ไฟฟา้ ของประเทศ (PDP)
ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอท่งุ ชา้ ง สดั สว่ นการผลิตไฟฟา้ จากเชื้อเพลงิ ประเภทต่าง ๆ ของประเทศในกลุ่มอาเซยี น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรอื อาเซียน ได้พยากรณ์ความ ต้องการไฟฟ้าใน 20 ปี ข้างหนา้ วา่ จะขยายตวั รอ้ ยละ 80 หรือ มากกวา่ เดิม 3 เท่าตัว เพอ่ื รองรับการขยายตัวทาง เศรษฐกจิ ในระดับสูงเฉล่ยี ร้อย ละ 4 - 6 ต่อปี
ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอทุ่งชา้ ง 1) เมยี นมาร์ (สาธารณรฐั แหง่ สหภาพเมยี นมาร)์ เมียนมาร์ เปน็ ประเทศทม่ี ที รพั ยากรธรรมชาติมากมาย ท่ีสาคัญ คอื กา๊ ซธรรมชาตแิ ละ นา้ มัน นอกจากนย้ี ังมีแหลง่ น้าท่มี ีศักยภาพในการนานา้ มาใช้ผลิตไฟฟ้าอกี ด้วย 2) กัมพชู า (ราชอาณาจกั รกมั พชู า) กัมพูชา มแี หล่งเชื้อเพลิงทสี่ าคัญ คือ พลงั งานชีวมวล แตเ่ นื่องจากพลังงานดงั กล่าว ไม่เหมาะสมที่จะนามาใชเ้ ปน็ เชื้อเพลงิ หลักในการผลติ ไฟฟ้า 3) เวยี ดนาม (สาธารณรฐั สงั คมนยิ มเวยี ดนาม) เวยี ดนาม มีแหล่งพลงั งานท่สี าคญั คอื นา้ มัน กา๊ ซธรรมชาติ และถา่ นหนิ นอกจากนี้ ยงั มแี หล่งนา้ ทม่ี ีศกั ยภาพในการนานา้ มาใชผ้ ลติ ไฟฟา้ ด้วย 4) ลาว (สาธารณรฐั ประชาธปิ ไตยประชาชนลาว) ลาวมสี ภาพภมู ปิ ระเทศท่ีมแี มน่ า้ หลายสายไหลผ่าน จงึ ทาใหล้ าวอดุ มไปด้วยพลังงาน จากนา้ ดังนัน้ สดั สว่ นเช้อื เพลงิ หลกั ในการผลติ ไฟฟ้าของประเทศลาวจงึ มาจากพลงั นา้
ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอท่งุ ชา้ ง 5) มาเลเซยี (สหพนั ธรฐั มาเลเซยี ) มีแหล่งพลังงานท่ีสาคญั คอื ก๊าซธรรมชาติ 6) อินโดนเี ซยี (สาธารณรฐั อนิ โดนเี ซยี ) อินโดนเี ซยี เปน็ ประเทศท่ีมีแหล่งเชอื้ เพลงิ จานวนมาก ทั้งก๊าซธรรมชาติ น้ามนั และถ่านหนิ เนื่องจากมลี กั ษณะภูมปิ ระเทศทีเ่ ปน็ เกาะและมภี ูเขาไฟ จึง ทาใหม้ ที รพั ยากรดงั กล่าวมากกวา่ ประเทศอนื่ ในกลมุ่ ประเทศอาเซยี น 7) ฟลิ ปิ ปนิ ส์ (สาธารณรฐั ฟลิ ปิ ปนิ ส)์ มแี หลง่ พลังงานที่สาคญั คอื กา๊ ซธรรมชาติ สาหรับการ ผลติ ไฟฟา้ 8) บรูไน (เนการาบรไู นดารสุ ซาลาม) มีแหล่งพลงั งานหลัก คือ กา๊ ซธรรมชาตแิ ละน้ามนั 9) สงิ คโปร์ (สาธารณรฐั สงิ คโปร)์ เป็นประเทศทีเ่ ป็นตลาดการซ้อื ขายนา้ มนั แหล่งใหญ่แห่งหนึง่ ในอาเซยี น จึงมกี ารใช้พลังงานหลักจากน้ามนั และกา๊ ซธรรมชาติ 10) ไทย (ราชอาณาจกั รไทย) มีแหลง่ พลังงานหลัก คือ กา๊ ซธรรมชาตแิ ละน้ามัน
ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง สถานการณพ์ ลงั งานไฟฟ้าของโลก ปัจจบุ ันความต้องการไฟฟา้ ยังคง เพิม่ ข้นึ ท่วั โลก สอดคลอ้ งกับจานวนประชากร ทเ่ี พมิ่ ขึ้นและการขยายตัวทางเศรษฐกจิ จาก การประเมนิ ขององค์การพลังงานระหวา่ ง ประเทศ(International Energy Agency : IEA) ระบวุ ่า การใชพ้ ลงั งานของโลกมี แนวโน้มเพม่ิ สูงขึน้ เร่อื ยๆ โดยแหลง่ พลังงาน ที่ใช้สูงสุด 3 อันดบั แรก ไดแ้ ก่ นา้ มนั ก๊าซ ธรรมชาติ และถ่านหนิ ภาพแผนภมู แิ สดงการผลติ ไฟฟ้าจากแหลง่ พลงั งานตา่ ง ๆ ของโลก ปี พ.ศ. 2557
ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอทุ่งชา้ ง หนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งดา้ นพลงั งานไฟฟา้ ในประเทศไทย หนว่ ยงานที่รบั ผดิ ชอบเก่ยี วกับไฟฟา้ ในประเทศไทยต้ังแตร่ ะบบผลติ ระบบสง่ จ่ายจนถึง ระบบจาหนา่ ยใหก้ ับผู้ใช้ไฟฟา้ แบ่งเป็น 2 ภาคส่วน คือ 12 ภาครัฐ ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต ภาคเอกชน มเี ฉพาะระบบผลิตไฟฟา้ แห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟา้ เท่าน้ัน เช่น บรษิ ัท ผลิตไฟฟ้าราชบรุ ี สว่ นภูมภิ าค (กฟภ.) และการไฟฟา้ โฮลดิ้งจากัด (มหาชน) บรษิ ทั ผลิต นครหลวง (กฟน.) ไฟฟ้า จากดั (มหาชน) เปน็ ต้น
ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง ระบบผลิต ระบบจาหนา่ ย การสง่ ไฟฟา้ จากโรงไฟฟ้าถึงผใู้ ชไ้ ฟฟา้
1. การไฟฟา้ ฝา่ ยผลติ แหง่ ประเทศไทย (กฟผ.) ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอทุ่งชา้ ง การไฟฟ้าฝา่ ยผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) Call center กอ่ ต้ังขนึ้ เมือ่ วนั ที่ 1 พฤษภาคม ของการไฟฟา้ ฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2512 โดยรฐั บาลไดร้ วมรฐั วสิ าหกจิ ที่รับผิดชอบใน การจดั หาไฟฟา้ ซ่งึ ได้แก่ การลิกไนท์ (กลน.) หมายเลข 1416 การไฟฟ้ายันฮี (กฟย.) และการไฟฟา้ ตะวันออกเฉียงเหนอื (กฟ.อน.) เปน็ หนว่ ยงานเดยี วกัน คือ “การไฟฟา้ ฝ่ายผลิตแหง่ ประเทศไทย” มีชอื่ ย่อว่า “กฟผ.” มี นายเกษม จาติกวณิช เปน็ ผูว้ า่ การคนแรกประกอบด้วย โรงไฟฟ้า 5 ประเภท คือ โรงไฟฟ้าพลงั ความรอ้ น โรงไฟฟา้ พลังความร้อนร่วม โรงไฟฟ้าพลงั นา้ โรงไฟฟ้าพลังงาน ทดแทน และโรงไฟฟา้ ดเี ซล
Call Center ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอทุ่งชา้ ง หมายเลข 1129 2. การไฟฟา้ สว่ นภมู ภิ าค (กฟภ.) การไฟฟ้าส่วนภมู ิภาค (กฟภ.) เปน็ รฐั วสิ าหกิจด้าน สาธารณูปโภค สังกดั กระทรวงมหาดไทย ก่อตั้งข้นึ ตาม พระราชบญั ญตั ิการไฟฟ้าสว่ นภูมิภาค พ.ศ. 2503 โดยรบั โอน ทรัพยส์ นิ หนส้ี นิ และความรับผิดชอบขององคก์ ารไฟฟ้าสว่ น ภูมภิ าคในขณะนั้นมาดาเนินการอยภู่ ายใตก้ ารกากับดแู ลของ กระทรวงมหาดไทย มีภารกิจในการผลติ จัดใหไ้ ดม้ า จัดสง่ จดั จาหน่ายและการบริการดา้ นพลงั งานไฟฟา้ ใหแ้ กป่ ระชาชน ธรุ กจิ และอตุ สาหกรรมต่างๆในเขตจาหน่าย 74 จังหวดั ทัว่ ประเทศ ยกเวน้ กรุงเทพมหานคร นนทบรุ ี และสมทุ รปราการ
ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอทุ่งชา้ ง 3. การไฟฟา้ นครหลวง (กฟน.) ศนู ยบ์ ริการขอ้ มูลขา่ วสารการไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้านครหลวงจัดต้ังข้นึ เมือ่ วนั ที่ 1 โทรศัพท์ 0-2252-8670 สงิ หาคม พ.ศ. 2501ตามพระราชบัญญตั ิ การไฟฟ้า ศูนยบ์ รกิ ารขอ้ มูลผ้ใู ชไ้ ฟฟา้ (MEA Call Center) นครหลวง พ.ศ. 2501 ซงึ่ มกี ารแกไ้ ขเพม่ิ เติมในปี พ.ศ. โทรศัพท์ 1130 หรือ อีเมล์ แอดเดรส : 2530 และ พ.ศ. 2535เป็นรฐั วสิ าหกิจประเภท สาธารณูปโภค สาขาพลงั งาน สงั กกั ระทรวงมหาดไทย [email protected] (ตลอด 24 ชว่ั โมง) มีภารกิจในการจดั ให้ไดม้ า จาหนา่ ย ดาเนนิ ธุรกิจ เกี่ยวกบั พลังงานไฟฟ้า และธุรกจิ เก่ียวเนอ่ื งหรอื ทีเ่ ปน็ ประโยชน์แกก่ ารไฟฟา้ นครหลวง โดยมพี น้ื ท่เี ขต จาหนา่ ยใน 3 จงั หวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบรุ ี และสมุทรปราการ
โทร: 0 2207 3599 ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอทุ่งชา้ ง Call Center: 1204 อีเมล์: [email protected] 4. คณะกรรมการกากบั กิจการพลงั งาน (กกพ.) คณะกรรมการกากับกิจการพลังงาน (กกพ.) จัดตั้งขึ้นเม่ือวันท่ี 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2551 ตาม พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 เพื่อแยกงานนโยบายและงานกากับดูแล ออกจากการ ประกอบกิจการพลังงาน โดยเปดิ โอกาสให้ภาคเอกชน ชุมชน และประชาชนมีส่วนร่วมและมีบทบาทมากขึ้น รวมทั้งให้การ ประกอบกิจการพลังงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีความ ม่ันคง มีปริมาณเพียงพอและท่ัวถึงในราคาท่ีเป็นธรรมและ มีคุณภาพได้มาตรฐาน โดย กกพ. ทาหน้าที่กากับกิจการ ไฟฟา้ และกิจการก๊าซธรรมชาติภายใต้กรอบนโยบายของรัฐ
ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง Thank You ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอทงุ่ ชา้ ง
Search
Read the Text Version
- 1 - 26
Pages: