Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 5 ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม

หน่วยที่ 5 ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม

Published by kingmanee2614, 2021-08-03 03:54:37

Description: หน่วยที่ 5 ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม

Search

Read the Text Version

หนว ยการเรียนรูที่ 5 ความรูเกี่ยวกบั กระบวนการยุติธรรม

1. ความหมายของกระบวนการ ยุติธรรม กระบวนการยตุ ิธรรม หมายถึง วิธีการตามกฎหมายทีม่ ีไวดาํ เนินการ กฎหมาย เพื่อใหเกิดความยตุ ิธรรมข้ึนใน สังคม เชน กฎหมายแพงและพาณิชย กฎหมายอาญา กฎหมายมหาชน

2. กระบวนการยตุ ิธรรมทางแพง 2.1 บุคคลทีเ่ กี่ยวของในกระบวนการ ยุติธรรมทางแพง 1) คคู วาม คือ ผทู ี่เปน โจทกและจําเลย ในคดีแพงทีม่ ีขอพิพาท หรือผูรองคดีทีไ่ มมี ขอพิพาทและรวมถึงทนายความ

2) ศาล ศาลทีพ่ ิจารณาคดีมี 2 ช้ัน คือ ศาลช้ันตน ศาลอุทธรณ ศาลฎีกา ซึ่งศาล จังหวดั ทกุ ศาลจังหวดั มีอํานาจพิจารณาคดี ไดท้งั คดีแพงและคดีอาญา 3) เจา พนกั งานบงั คบั คดี คือ เจาพนกั งานของศาลหรือเจาพนักงานอื่นทีเ่ ปนออก หมายบังคบั คดีต้ังผนู ้นั เปนเจาพนักงาน บังคับคดี

2.2 การพิจารณาคดีของศาล 1) วิธีพิจารณาในศาลชั้นตน คดีแพง แบงออกเปน 2 ประเภท ไดแก คดีมีขอ พิพาทและคดีไมมีขอพิพาท ดงั จะอธิบาย ตอไปนี้

1. คดีมีขอพิพาท คือ คดีทีจ่ ําเลยจะตอง เขามาเปนคคู วามดวย โดยเปนการ โตแยง สิทธิหรือหนาที่ สิทธิที่ยืนโตแยง เรื่องโดย ทาํ เปน คาํ ฟองเสนอตอศาล ซึง่ ผูยื่นคาํ ฟอง เรียกวา “โจทก” สวนผูถกู ฟองเรียกวา “จาํ เลย”

2. คดีไมม ีขอ พิพาท คือ คดีที่ไมมีจําเลย มีแตผรู องฝายเดียวเปนคนยืน่ คํารอง ซึ่ง อาจเปน การขอใหศาลมีคาํ สัง่ ใหตนมีสิทธิ อยางใดอยางหนึง่ แตหากมีผอู ื่นมายืน คดั คานคํารอง ที่ผรู องยืน่ ตอศาลน้นั คดีไม มีขอพิพาทก็อาจกลายเปนคดีมีขอพิพาทได

2) วิธีพิจารณาในศาลอทธรณ เมื่อ ศาลช้ันตนมีคาํ พิพากษาแลว ถาคูความไม พอใจกม็ ีสิทธิยืน่ อุทธรณตอศาลอทุ ธรณได 3) วิธีพิจารณาในศาลฎีกา เมื่อศาล อทุ ธรณไดมีคาํ พิพากษาแลวถาคูความไม พอใจก็มีสิทธิยื่นฎีกาได เวนแตกรณีที่มี บทบัญญัติแหงกฎหมายในการหามฎีกา

4) การบงั คับคดีแพง เมื่อมีคาํ พิพากษา ของศาลแลว ถาคูความผูแพคดีไมปฏิบตั ิ ตามกจ็ ะมีการบงั คับคดีแพงเพือ่ ใหคําพิพาก ษาของศาลน้ันมีผล ผูชนะคดีมีอํานาจขอให ศาลบงั คบั คดีไดภายในกําหนดเวลา 10 ป นบั ต้ังแตวันมีคําพิพากษาหรือคาํ สัง่

3. กระบวนการยตุ ิธรรมทางอาญา กระบวนการยตุ ิธรรมทางอาญาเปน กระบวนการสําหรับดําเนินคดีทางอาญา เริม่ ต้งั แตเมื่อมีการกระทําความผิดทาง อาญาข้ึน โดยเมือ่ มีความผิดเกิดขึ้น เจา พนักงานตาํ รวจจะทาํ การสืบสวนสอบสวน จับกุม ควบคมุ ตัวผตู องหา

3.1 บุคคลทีเ่ กี่ยวขอ งในกระบวนการ ยุติธรรมทางอาญา 1) ผถู กู กลาวหา ผตู อ งหา จําเลย คือ ผูท ี่ถูก กลา วหาวากระทําความผิดทางอาญา และผถู ูก กลาวหาจะเปลี่ยนแปลงฐานะเปนผตู อ งหาเมือ่ มี การเปล่ยี นแปลงไปตามขน้ั ตอนการดาํ เนนิ คดี เปน ผตู องหา แตย ังไมไดถ กู ฟอ งตอ ศาล

2) ผเู สียหาย คือ บุคคลผไู ดรับ ความเสียหายเนื่องจากการกระทาํ ผิด ฐานใดฐานหนึง่ รวมท้งั บคุ คลทีม่ ี อาํ นาจจัดการแทนไดตามกฎหมาย

3) พนักงานฝายปกครองหรือตาํ รวจ คือ เจาพนักงานซึง่ กฎหมายใหมีอํานาจ และ หนาทีร่ ักษาความสงบเรียบรอยของ ประชาชน รวมท้งั พัศดี เจาพนักงานกรม สรรพสามิต กรม ศุลกากร กรมเจาทา พนกั งานตรวจคนเขาเมือง และเจา พนกั งานอื่นๆ

4) พนกั งานอยั การ คือ เจาพนักงาน ผมู ีหนาทีฟ่ องผตู องหาตอศาล พนกั งานอัยการ เปนเจาหนาที่ของรัฐซึ่ง ดาํ เนินคดีตอจากพนกั งานสอบสวน

5) ศาล หมายความถึงศาลยตุ ิธรรม หรือผพู ิพากษา มีอาํ นาจพิจารณา พิพากษาคดี อาญา ศาลมีความหมาย 2 อยาง คือหมายถึงตวั ศาลและผู พิพากษาที่มีอํานาจพิจารณาคดีในศาล

6) เจาหนาทีฝ่ ายราชทัณฑ เปน เจา หนาที่ของรัฐที่ทําหนาทีค่ วบคุมตวั ผู ตองหา หรือจาํ เลยไวในระหวางที่มีการ ดําเนินคดี และเปน ผดู ําเนินการใหเปน ไปตามคาํ พิพากษาเมื่อมีคําพิพากษาให จาํ คุกหรือประหารชีวิต

7. ทนายความ คือ บุคคลไดจด ทะเบียนอนญุ าตใหมีสิทธิประกอบ อาชีพทนายความ ไดเปนผใู หคํา แนะนาํ ปญหาขอกฎหมาย

3.2 วิธีพจิ ารณากอนคดีขึน้ สูศาล วิธีการดําเนินการแกผูกระทาํ ความผดิ ทาง อาญา มดี งั น้ี 1) การจบั และควบคุมตวั กอ นพจิ ารณาคดี หลักการจบั บคุ คลผถู กู ตอ งสงสัยวากระทาํ ความผดิ น้นั จะตอ งมีหมายจับ ยกเวน มีการ กระทาํ ความผดิ ซง่ึ หนาหรือมีเหตจุ าํ เปนอยา ง อืน่ ใหจบั ได

2) การสืบสวนสอบสวนเปนหนา ที่ของพนกั งานฝายปกครองและ ตํารวจ การสืบสวนเปน การแสวง หาขอเทจ็ จริงและหลกั ฐาน

3.3 วิธีพิจารณาคดีในชั้นศาล วิธีการพิจารณาคดีในช้ันศาลน้ันตอง ดําเนินไปตามลําดับ คือ ศาลช้นั ตน ศาล อทุ ธรณ และ ศาลฎีกา การฟองคดีอาญา น้นั ผมู ีอํานาจฟองคดีตอศาล มีดังนี้

1. ผเู สียหายฟองคดี คือผเู สียหายสามารถ ฟองคดีไดโดยไมตองมีการสอบสวนกอน 2. พนกั งานอัยการฟองคดี เมื่อพนกั งาน สอบสวนทําการสืบสวนสอบสวนคดีเสร็จ แลวจะสงสาํ นวนคดีไปยงั พนกั งานอยั การ พรอมกบั ความเห็นวาควรสั่งฟองหรือสั่งไม ฟองผตู องหา

การพิจารณาคดีของศาลแตละช้ันน้ันมี ข้ันตอนการดําเนินการ ดังนี้ 1. การพิจารณาคดีในศาลช้ันตน เมื่อโจทก ฟองใหศาลตรวจวาทองทีท่ ีย่ ืนฟองถูกตอง หรือไม ถาเปนคดีที่ราษฎรฟอง ศาลจะไต สวนมูลฟอง

2. การพิจารณาคดีในศาลอุทธรณเมื่อ ศาลช้ันตนมีคาํ พิพากษาแลวถาคูความไม พอใจคําพิพากษาของศาลกส็ ามารถ อทุ ธรณไปยังศาลอทุ ธรณเพื่อใหศาล อุทธรณพิจารณาพิพากษาคดีน้ันไดแตตอง อุทธรณภายในเวลา 1 เดือน นับต้งั แตวนั ที่ มีคาํ พิพากษา

3. การพิจารณาคดีในศาลฎีกาเมื่อคู ความไมพอใจในคาํ พิพากษาคดีของศาล อุทธรณ กส็ ามารถฎีกาคําพิพากษาศาล อุทธรณตอศาลฎีกาไดการยื่นฎีกาจะตอง ยื่นตอศาลช้ันตนทีพ่ ิพากษาคดีน้ันภายใน เวลา 1 เดือนนบั แตวันอานคําพิพากษาศาล อทุ ธรณใหคูความฟง

3.4 การบังคบั คดีอาญา มีข้ันตอนการ ดาํ เนินการ คือ 1. ในกรณีคดีถึงที่สดุ โดยศาลลงโทษจาํ คกุ หรือกกั ขัง ถาจาํ เลยถูกขังอยูในระหวาง พิจารณา ศาลจะออกหมายแดงแจงโทษ เด็ดขาดไปยังเจาหนาที่ราชทัณฑเพือ่ ให ดําเนินการจาํ คุก หรือกกั ขังจาํ เลยตามคํา พิพากษา

2. ในกรณีคดีถึงทีส่ ดุ โดยคาํ พิพากษาของศาลใหปรบั หรือริบ ทรัพยจาํ เลย ศาลจะเปนผูบงั คบั คดีเอาโดยใหจําเลยเสียคาปรับตอ เจาหนาทีศ่ าล

3.ในกรณีคดีถึงที่สุดโดยคําพิพากษา ใหคุมประพฤติ เจาพนกั งานคุมประ พฤติก็จะ ดําเนินการใหเปนไปตาม คําพิพากษา

4. ในกรณีคดีถึงทีส่ ดุ โดยคําพิพากษา ยกฟอง ศาลจะออกหมายปลอยและ แจงใหเจาหนาที่ราชทณั ฑปลอยตัว จาํ เลย

4. ปญ หาการใชกฎหมาย มีดังนี้ 1.1 ปญ หาทีเ่ กิดจากดานผใู ชกฎหมาย ใชกฎหมาย ไดแก บรรดาขาราชการ เจา พนกั งานของรัฐ เจาพนักงานทองถิ่นซึ่งมี อาํ นาจ หนาทีป่ ฏิบัติตามกฎหมายตางๆที่ เกีย่ วของ เชน ตํารวจ พนกั งานอัยการ ศาล เปนตนปญหาที่เกิดมีดงั น้ี

1) ปญหาเจาหนาที่ของรัฐทาํ งานขาด ประสิทธิภาพ เมือ่ มีการกระทาํ ผิดเกิดข้ึน โดยเฉพาะในคดีอาญา ผูเสียหายยอม ตองการใหเจาหนาที่ของรัฐดาํ เนินการจับ ตวั ผูกระทาํ ผิดมาลงโทษตามกฎหมาย

2) ปญ หาที่เกิดจากการไมไ ดรับความ เปน กฎหมาย ขาราชการหรือเจาพนักงาน บางตาํ แหนงอยใู นฐานะที่สามารถจะใช กฎหมาย ตีความกฎหมายหรือดุลยพินิจ ตามกฎหมายพิจารณาใหคุณใหโทษแก บคุ คลอืน่

3) ปญหาการฉอ ราษฎรบงั หลวง การฉอ ราษฎรบังหลวงคือการแสวงหาผลประ โยชนอัน มิชอบจากตาํ แหนงหนา ทท่ี างราชการหรือจาก อาํ นาจหนาทีข่ องตนเองทมี่ ีอยู ตามกฎหมาย การรับสนิ บน การเรียกเอาผลประโยชนจาก บคุ คลอืน่ เพือ่ เปน การตอบแทน

4) ปญ หาเจาหนา ที่ผูซึ่งใชกฎหมายมี จาํ นวนไมเพียงพอ เมื่อมีกฎหมายออกใช บงั คับ ผูทีฝ่ าฝน กฎหมายจะตองไดรบั โทษ ผูทีม่ ีหนาที่จับกุมหรือดาํ เนินคดีมีจํานวน นอยไมสามารถ จะปฏิบัติงานได

5) ปญ หาความลาชา ของกระบวนการ ยุติธรรม ผทู ี่เกี่ยวของกบั กระบวนการยตุ ิ ธรรมอนั ไดแก ตาํ รวจ ทนายความพนกั งานอยั การ ผพู ิพากษา ในการดําเนินคดี อาญากวา ตาํ รวจจะจบั ตวั ผูกระทําความ ผิดได

4.2 ปญหาที่เกิดจากดานประชาชน 1) ประชาชนขาดการศึกษาหรือขาดความรู เรือ่ งกฎหมายเปนสาเหตหุ น่ึงท่ที าํ ให ประชาชน ทาํ ผดิ กฎหมาย 2) ประชาชนยังขาดความรวมมือในการใช บงั คับกฎหมาย กระบวนการ ยุตธิ รรมทกุ ขั้น ตอน ประชาชนจะตอ งเขามามีสว นรวมดวย เมื่อ มกี ารกระทาํ ผดิ อาญาเกดิ ข้นึ

3) สภาพความกดดันทางเศรษฐกิจ และสังคม อิทธิพลของสิง่ แวดลอ มความ ยากจนและความอดอยากเปนสาเหตหุ นึง่ ที่บังคบั ใหคนกระทําความผิด 4) การใชชอ งวางของกฎหมายหลีก เลีย่ งการทาํ ความผิด ประชาชนบางคน ทําผิดกฎหมายโดยกฎหมายไมสามารถเอา ผิดได

4.3 ปญ หาทีเ่ กิดจากตัวบทกฎหมาย 1. กฎหมายไมสอดคลองกับสภาพของ สงั คม ในกรณีการใหกูยืมเงินกาํ หนดให อัตราดอกเบี้ยไมเกินรอยละสิบหาตอป 2) กฎหมายที่เปดโอกาสใหผใู ชกฎหมายใช ดลุ ยพินิจและกวางขวาง เชน กฎหมายที่ เกีย่ วกบั ภาษีอากร

5. แนวทางการแกไ ขปญหาการใช กฎหมาย 5.1 ดานประชาชน ซ่งึ มแี นวทางการแก ไข ดังน้ี 1) มศี นู ยบ ริการใหคาํ แนะนําทางกฎหมาย เพื่อ ใหประชาชนไดเรยี นรูกฎหมาย จงึ ควรมีศนู ยบ ริ การหรือหนว ยงานทใี่ หค าํ แนะนาํ ทางกฎหมาย แกป ระชาชนโดยไมคดิ มลู คา

2) ปลูกฝง ความรสู ึกนึกคิดของ ประชาชนใหตระหนักในหนาที่ทีจ่ ะตอง ปฏิบตั ิตามกฎหมาย โดยอธิบายให ประชาชนเกิดความ รูความเขาใจถึงเหตุผล และความจาํ เปนที่บคุ คลจะ ตองปฏิบัติตาม กฎหมาย

3) ปลูกฝง ประชาชนใหเ ปนผูมีคณุ ธรรมประจําใจ นอกจากการใหการศึกษา แก ประชาชนใหอยูในระเบียบวินยั และรจู กั สิทธิหนาทีแ่ ลวสิ่งสาํ คญั อีกอยางหนึง่ คือ การปลูกฝง ใหประชาชนเปน ผมู ีคุณธรรม

4) ประชาชนมีสวนชวยในการแกป ญ หาการใชกฎหมาย เชน หากมีปญ หา เกิดข้ึนเพราะกฎหมายลาสมยั ก็อาจเสนอ แนะรายงานใหผูแทนราษฎรในจังหวดั ของ ตนทราบ เพือ่ หาทางเปลีย่ นแปลงแกไข กฎหมายตามวิธีทางรัฐสภา

5.2 ดานผูบงั คบั ใชกฎหมายและตวั บท กฎหมาย ผบู ังคับใชกฎหมายซึ่งเปน คนของรฐั บาล จะตองปฏิบตั ิหนาทีด่ วยความซื่อสัตยสจุ ริต อยูในระเบียบวินยั ดํารงตนไวซึง่ ความยุติ ธรรม การที่จะรับบุคคลตางๆ เขามาดํารง ตําแหนงหนาทีต่ างๆ

สรุป กระบวนการยตุ ิธรรมเปน การกลา วถงึ วิธกี าร ดาํ เนินการตามท่กี ฎหมายบญั ญัติไวเ กีย่ วกบั ผูที่ กระทําการฝาฝน กฎหมาย เพื่อใหเกดิ ความเปน ธรรมข้นึ ในสังคม โดยมีกฎหมายทเี่ กีย่ วขอ งมาก มาย ไดแก กฎหมายแพง และพาณิชย กฎหมาย อาญา กฎหมายมหาชน กฎหมายปกครอง เปน ตน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook