Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Presentation1

Presentation1

Published by Tanat Kittisukaseam, 2020-09-28 02:57:51

Description: Presentation1

Search

Read the Text Version

พฒั นาการดา้ นต่างๆของทวีปยุโรป

พฒั นาการดา้ นการเมืองการปกครอง • โดยทว่ั ไปกล่าวไดว้ า่ ในอดีตดินแดนส่วนใหญ่ของทวปี ยโุ รปมีกษตั ริยเ์ ป็นประมุข สูงสุด แมแ้ ต่ในสมยั กรีกเรืองอานาจเม่ือกวา่ ๕๐๐ ปี ก่อนคริสตศ์ กั ราช ระบอบการ ปกครองแบบกษตั ริยก์ เ็ ป็นท่ีรู้จกั กนั แพร่หลายแลว้ ในสมยั จกั รวรรดิโรมนั (๒๗ ปี ก่อนคริสตศ์ กั ราช-ค.ศ.๔๗๖) พระประมุขสูงสุด เรียกวา่ ซีซาร์หรือจักรพรรดิซ่ึงทรง ปกครองอาณาบริเวณกวา้ งขวางครอบคลุมพ้นื ที่ในยโุ รปและบางส่วนของเอเชียและ แอฟริกา

พฒั นาการดา้ นการเมืองการปกครอง(ในบจั จุบนั ) • ระบอบประชาธิปไตย เป็นระบอบที่เนน้ ความเป็นปัจเจกบคุ คลนิยม (individualism) เหตุผลนิยม (rationalism) และเสรีภาพ (freedom) หลกั การสาคญั ของแนวความคิดประชาธิปไตย คือ สิทธิ เสรีภาพของประชาชน ประชาชนเป็นท่ีมาของอานาจ อธิปไตย ทุกคนมีสิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคภายใตก้ ฎหมาย การปกครองระบอบประชาธิปไตยมีตน้ กาเนิดมาต้งั แต่สมยั กรีกโบราณ เม่ือกวา่ ๕๐๐ ปี ก่อนคริสตศ์ กั ราช โดยนครรัฐเอเธนส์เป็นดินแดนแห่งแรกที่ใหส้ ิทธิแก่พลเมืองเพศชายที่เป็นเสรี ชนทุกคนมีสิทธิในการเลือกต้งั และเขา้ นงั่ ในสภา ท้งั ยงั ดารงตาแหน่งผปู้ กครองได้ ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยเป็น ระบอบการปกครองท่ีประชาชนมีอานาจสูงสุด โดยมีรัฐสภาทาหนา้ ที่เป็นตวั แทนของประชาชน

พฒั นาการดา้ นเศรษฐกิจ • ระหวา่ ง ค.ศ. ๔๗๖-๑๐๕๐ หรือสมยั กลางตอนตน้ ชาวไร่ชาวนาส่วนใหญ่ต่างสูญเสียอิสรภาพและกลายเป็น ทาสติดท่ีดิน (serf) ตอ้ งอยใู่ นสงั กดั ของขนุ นางเจา้ ของที่ดินและดารงชีวติ อยใู่ นเขตแมเนอร์ (manor) ซ่ึงเป็น เขตที่ดินในปกครองของขนุ นาง และเป็นที่เพาะปลูกและอยอู่ าศยั โดยมีเขตที่เป็นที่ต้งั ปราสาทของขนุ นาง เจา้ ของท่ีดิน และเขตหมู่บา้ นซ่ึงเป็นเขตที่อยอู่ าศยั ของพวกทาสติดที่ดินและชาวไร่ชาวนาบางคนที่เป็นเสรี ชน เศรษฐกิจในเขตแมเนอร์เป็นเศรษฐกิจพอเล้ียงตนเอง (self-sufficient economy) ท่ีชาวไร่ชาวนาต่าง ประกอบอาชีพพอกินพอใชแ้ ละผลิตสินคา้ เพ่ือใชเ้ องหรือแลกเปลี่ยนกนั การคา้ ท่ีเคยรุ่งเรืองในสมยั จกั รวรรดิ โรมนั ตอ้ งหยดุ ชะงกั เป็นเวลากวา่ ๕๐๐ ปี ก่อนที่ยโุ รปจะฟ้ื นตวั จนสามารถสร้างความเป็นปึ กแผน่ และ ปลอดภยั จากการรุกรานของพวกอนารยชน จานวนประชากรไดเ้ พิม่ มากข้ึนและสามารถผลิตสินคา้ เพื่อ การคา้ ขายท้งั ภายในประเทศและส่งออกได้

พฒั นาการดา้ นเศรษฐกิจ • การฟ้ื นตวั ของเศรษฐกิจและสงั คมของยโุ รป ส่วนหน่ึงเป็นผลจากสงครามครูเสด (Crusades, ค.ศ. ๑๐๙๖- ๑๒๙๑) ท่ีชาวคริสตร์ บกบั ชาวมุสลิมในดินแดนตะวนั ออกกลาง และมีโอกาสนาเอาความรู้ ความเจริญ และ ศิลปะวทิ ยาการของโลกตะวนั ออกกลบั มาเผยแพร่ใหแ้ ก่โลกตะวนั ตกหลงั จากที่ความรู้ต่างๆ เหล่าน้ีหายไป ในสมยั กลางตอนตน้ ส่วนสินคา้ ที่โลกตะวนั ตกตอ้ งการ ไดแ้ ก่ เครื่องเทศ น้าตาล ขา้ ว สม้ มะนาว พริกไทย ผา้ ไหม และพรม โดยมีพอ่ คา้ อิตาลีเป็นคนกลางและใหอ้ ิตาลีเป็นดินแดนท่ีมง่ั คงั่ ท่ีสุดในทวปี ยโุ รป พอ่ คา้ อิตาลีซ่ึงเป็นท่ีรู้จกั กนั ดีไดแ้ ก่ มาร์โก โปโล (Marco Polo) ชาวเวนิส ไดเ้ ดินทางไปคา้ ขายจนถึงเมืองจีน และ กลบั มาเลา่ เรื่องราวความเจริญรุ่งเรืองและวฒั นธรรมของโลกตะวนั ออกจนเป็นท่ีรู้จกั แพร่หลาย

พฒั นาการดา้ นสงั คมศิลปวฒั นธรรม • แมว้ า่ ศิลปวฒั นธรรมของกรีก-โรมนั คือ รากเหงา้ ของอารยธรรมตะวนั ตก แตค่ ริสตศ์ าสนาซ่ึงเป็นที่ยอมรับ ในจกั รวรรดิมนั ต้งั แต่ตน้ คริสตศ์ ตวรรษที่ ๔ และมีอิทธิพลอยา่ งมากในโลกตะวนั ตกจนสมยั กลางไดช้ ่ือ วา่ ยคุ แห่งศรัทธา (Age of Faith) กค็ ือ พลงั ท่ีแต่งเติมใหศ้ ิลปวฒั นธรรมของยโุ รปบรรลุความงามและความ สมบูรณ์แบบ ท้งั มีการสร้างมหาวหิ าร (cathedral) ดว้ ยศิลปะแบบกอทิกไปทวั่ ยโุ รปในระหวา่ ง ค.ศ. ๑๑๐๐- ๑๓๐๐ มีจานวนมากกวา่ ๕๐๐ แห่ง ตอ่ มาในยคุ ฟ้ื นฟศู ิลปะวทิ ยาการ (Renaissance) ท่ีเริ่มตน้ ในอิตาลีใน กลางคริสตศ์ ตวรรษท่ี ๑๔ ยโุ รปสามารถฟ้ื นฟกู ารศึกษาและผลงานสร้างสรรคท์ างดา้ นวจิ ิตรศิลป์ ของกรีก- โรมนั ข้ึนมาใหม่ ศิลปิ นตา่ งหวนกลบั ไปสู่โลกของธรรมชาติ จนเกิดเป็นรูปแบบของศิลปะซ่ึงเป็นความงาม ของธรรมชาติและการวภิ าคของมนุษยท์ ี่จดั วา่ เป็นผลงานอนั ยง่ิ ใหญ่ของพระเป็นเจา้ มาซกั ซีโอ (Masaccio, ค.ศ. ๑๔๐๑-๑๔๒๘) เป็นจิตรกรอิตาลีคนแรกที่นาเทคนิคการวาดภาพ ๓ มิติมาใช้ จนเกิดเป็นแนวคิดใหม่ ที่วา่ ลกั ษณะท่ี สมจริง (realism) น้นั เป็นอยา่ งไร

พฒั นาการดา้ นสงั คมศิลปวฒั นธรรม • ในช่วงระยะเวลาน้ี งานจิตรกรรมและงานประติมากรรมกเ็ ร่ิมมีความโดดเด่น มีการสร้างงานประติมากรรม เป็นรูปนกั บุญประดบั ประดาตามจตั ุรัสต่างๆ รวมท้งั ภาพจิตรกรรมฝาผนงั ปูนเปี ยก (fresco) ตามผนงั ของ โบสถว์ หิ ารและบา้ นเรือนต่างๆ ศิลปิ นชาวเฟลมิชหรือดตั ชเ์ ป็นพวกแรกที่พฒั นาเทคนิคการวาดภาพสีน้ามนั ท่ีผสมไข่ขาวและน้าแทนสีฝ่ นุ ซ่ึงสามารถสร้างสีออ่ นแก่ ดูโปร่งแสง มีรายละเอียดเหมือนภาพถ่ายใน ปัจจุบนั ในเวลาตอ่ มาศิลปิ นอิตาลีกน็ าไปพฒั นาเป็นภาพเขียนใส่กรอบประดบั ฝาภายในอาคารที่พกั อาศยั โด นาเตลโล (Donatello, ค.ศ. ๑๓๖๘-๑๔๖๖) เป็นประติมากรคนแรกที่สร้างผลงาน เดวิด (David) เดก็ หนุ่มใน คมั ภีร์ไบเบิล เป็นรูปชายหนุ่มเปลือยในท่ายนื โดดเด่นอยา่ งอิสระจากขอ้ บงั คบั ท่ีเคร่งครัดของสมยั กลาง แตก่ ็ สะทอ้ นความเป็นธรรมชาติของมนุษย์

จดั ทาโดย ธนทั กิตติสขุ เกษม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook