Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ความรู้เกี่ยวกับภาษี

ความรู้เกี่ยวกับภาษี

Published by daranee6070, 2020-05-12 22:26:25

Description: ความรู้เกี่ยวกับภาษี

Search

Read the Text Version

ภาษเี งินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินไดบ้ ุคคลธรรมดา..... คอื ภาษที จ่ี ดั เก็บจากบคุ คลทั่วไป หรือจากหน่วยภาษที ีม่ ลี กั ษณะ พเิ ศษ ตามทกี่ ฎหมายกำหนดและมรี ายไดเ้ กิดข้นึ ตามเกณฑท์ ี่กำหนด โดยปกตจิ ดั เก็บเปน็ รายปี รายได้ที่ เกิดข้นึ ในปใี ดๆ ผมู้ ีรายได้มหี นา้ ทต่ี อ้ งนำไปแสดงรายการตนเองตามแบบแสดงรายการภาษที ี่กำหนด ภายในเดอื นมกราคมถงึ มีนาคมของปีถดั ไป สำหรบั ผมู้ เี งินไดบ้ างกรณกี ฎหมายยงั กำหนดให้ย่นื แบบฯ เสยี ภาษตี อนคร่งึ ปี สำหรบั รายได้ ทีเ่ กิดข้นึ จรงิ ในชว่ งคร่งึ ปีแรก เพอื่ เป็นการบรรเทาภาระภาษีทต่ี ้องชำระและ เงินไดบ้ างกรณี กฎหมายกำหนดให้ ผ้จู ่ายทำหนา้ ทห่ี กั ภาษี ณ ท่จี า่ ยจากเงินไดท้ จ่ี า่ ยบางส่วน เพ่อื ใหม้ ีการ ทยอยชำระภาษขี ณะท่ีมเี งินไดเ้ กิดข้นึ อกี ด้วย ใครมีหน้าทเ่ี สียภาษีเงนิ ไดบ้ ุคคลธรรมดา ผูม้ หี น้าท่ีเสียภาษีเงินไดบ้ ุคคลธรรมดา ได้แก่ ผู้ท่ีมเี งินไดเ้ กิดข้นึ ระหวา่ งปีทผ่ี า่ นมาโดยมสี ถานะ อยา่ งหนง่ึ อยา่ งใด ดังน้ี 1) บุคคลธรรมดา 2) หา้ งหุ้นส่วนสามญั หรือคณะบุคคลทีม่ ิใช่นติ บิ คุ คล 3) ผู้ถงึ แก่ความตายระหว่างปภี าษี 4) กองมรดกทย่ี งั ไมไ่ ด้แบ่ง 5) วสิ าหกจิ ชุมชน ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการสง่ เสริมวสิ าหกจิ ชมุ ชน เฉพาะทเี่ ป็นห้างหนุ้ สว่ นสามัญ หรือคณะบคุ คลท่ีมใิ ชน่ ติ ิบุคคล

ผูม้ ีหน้าท่เี สียภาษีเงนิ ได้ต้องปฏบิ ัติ เมือ่ มเี งนิ ไดเ้ กดิ ขึ้นแลว้ ผู้มหี นา้ ทีเ่ สียภาษีจะตอ้ งทำอะไรบา้ ง 1. ขอมเี ลข และบตั รประจำตัวผเู้ สยี ภาษี ภายใน 60 วนั นับแตว่ ันทมี่ เี งนิ ไดเ้ กดิ ขน้ึ ผู้มีเงนิ ได้ ที่มเี ลขประจำตัวประชาชน สามารถใช้ เลขประจำตวั ประชาชน แทนเลขประจำตวั ผเู้ สยี ผู้ภาษีอากรได้ โดยไมต่ อ้ งขอมเี ลขประจำตวั ผเู้ สยี ภาษอี ากรอกี ผมู้ ีเงินไดท้ ่ีมีภูมลิ ำเนา อยู่ในกรงุ เทพมหานคร อาจย่ืนคำรอ้ ง ณ สำนักงานสรรพากรพนื้ ที่ กรุงเทพมหานคร ทง้ั 30 แห่ง หรือ สำนักสรรพากรพ้นื ที่ สาขา(อำเภอ)ทกุ แหง่ สำหรับในตา่ งจังหวดั ยนื่ คำขอได้ท่สี ำนกั งานสรรพากร พนื้ ท่ี (จงั หวัด) และสำนักงานสรรพากร พืน้ ทีส่ าขา (อำเภอ) ทกุ แหง่ แลว้ แตก่ รณี กรณเี ปน็ ผมู้ ีเงนิ ได้ ทไ่ี มม่ เี ลขประจำตวั ประชาชน ได้แก่ เป็นคนต่างดา้ ว หรือกองมรดกท่ยี งั ไม่ได้แบง่ ต้องขอมีเลข และบตั รประจำตวั ผูเ้ สยี ภาษี 2. ยน่ื แบบแสดงรายการ ปกตปิ ีละ 1 ครั้ง เงินได้ ของปใี ด ก็ยนื่ แบบฯ ภายใน วันท่ี 31 มนี าคม ของปี ถัดไป เว้นแต่ เงนิ ได้ บางลักษณะ เชน่ การใหเ้ ช่า ทรพั ยส์ นิ เงนิ ได้จาก วิชาชพี อิสระ เงินได้จาก การ รับเหมา เงินได จ้ ากธรุ กจิ การพาณชิ ย์ เป็นต้น จะต้อง ย่นื แบบฯ ตอนกลางปี สำหรบั เงินได้ ที่ เกิดขน้ึ ใน 6 เดือนแรก ภายใน เดือนกันยายน ของทุกปี

แหลง่ ทีม่ าของเงินได้ แหล่งท่ีมาของเงนิ ได้ ซ่งึ แบ่งเป็นเงินไดจ้ ากแหลง่ ในประเทศและนอกประเทศ เงินไดจ้ ากแหล่งต่างๆ นี้ จะตอ้ งนำไปรวมคำนวณภาษเี งินไดบ้ คุ คลธรรมดาหรือไม่ ใหพ้ จิ ารณา ดงั น้ี 1. เงนิ ไดเ้ กดิ จากแหล่งในประเทศ หมายถงึ เงนิ ได้ทเ่ี กดิ ขน้ึ หรอื เป็นผลสบื เนือ่ งจากมี 1.1 หนา้ ทงี่ านทีท่ ำในประเทศไทย หรอื 1.2 กจิ การทท่ี ำในประเทศไทย หรอื 1.3 กจิ การของนายจา้ งในประเทศไทย หรือ 1.4 ทรพั ย์สนิ ทีอ่ ยู่ในประเทศไทย (ดอกเบี้ย เงินปนั ผล ค่าเชา่ ฯลฯ) * เงือ่ นไข ผมู้ ีเงินไดเ้ กดิ จากแหลง่ ในประเทศนี้มหี น้าทตี่ ้องเสยี ภาษเี งนิ ไดต้ ามทปี่ ระมวลรัษฏากร กำหนด ไว้เสมอเวน้ แตจ่ ะมขี อ้ ยกเวน้ ตามกฎหมาย ทง้ั นี้ ไมว่ ่าเงินไดพ้ ึงประเมนิ ในปีภาษที ่ลี ว่ งมาแลว้ น้ัน จะจา่ ย ในหรือนอกประเทศ และไมว่ า่ ผมู้ เี งนิ ได้นั้นจะเปน็ ผูอ้ ยใู่ นประเทศไทยหรือไมก่ ต็ าม) 2. เงินไดเ้ กดิ จากแหล่งนอกประเทศไทย หมายถึง เงินไดท้ ่เี กิดขน้ึ หรือเป็นผลสืบเนื่องจากมี 2.1 หนา้ ทง่ี านทท่ี ำในต่างประเทศ หรือ 2.2 กิจการทที่ ำในตา่ งประเทศ หรอื 2.3 ทรพั ยส์ นิ ทีอ่ ย่ใู นตา่ งประเทศ * เงื่อนไข ผู้มเี งนิ ได้เกดิ จากแหล่งนอกประเทศในปีภาษที ่ีลว่ งมาแลว้ จะต้องเสียภาษเี งินได้ ในประเทศ ไทยกต็ ่อเมอ่ื เข้าองคป์ ระกอบทัง้ 2 ประการ ดังต่อไปนี้ (1) ผูม้ เี งินได้เป็น ผู้อย่ใู นประเทศไทย ในปีภาษนี ัน้ ชัว่ ระยะเวลาหนงึ่ หรือหลายระยะเวลา รวมทงั้ หมดถงึ 180 วัน และ (2) ผมู้ เี งินได้ นำเงนิ ไดน้ น้ั เขา้ มาในประเทศไทยในปภี าษีนนั้ ดว้ ย ในการเสยี ภาษเี งินได้บุคคลธรรมดาบางกรณี ถา้ เก่ยี วขอ้ งกบั บคุ คลของบางประเทศท่ีมี อนสุ ัญญาภาษี ซอ้ น* หรือความตกลงเพื่อป้องกันการเก็บภาษซี ำ้ ซอ้ นกบั ประเทศไทยจำเป็นตอ้ งพจิ ารณาถึงความ ตกลงหรืออนุสญั ญาวา่ ดว้ ยการเว้นการเกบ็ ภาษซี ้อนระหวา่ งประเทศไทยไดท้ ำความตกลงไว้ดว้ ย

เงนิ ได้พงึ ประเมนิ ท่ตี ้องเสียภาษี เงินได้พึงประเมนิ หมายความว่าเงินไดอ้ ันเข้าลกั ษณะพงึ เสียภาษใี นหมวดน้ี เงินได้ทก่ี ลา่ วน้ใี ห้ หมายความรวมตลอดถึงทรัพยส์ ิน หรอื ประโยชน์อยา่ งอ่นื ท่ีได้รบั ซง่ึ อาจคดิ คำนวณไดเ้ ป็นเงนิ เงนิ ค่าภาษี อากรทผี่ ู้จา่ ยเงนิ หรอื ผู้อ่ืนออกแทนให้สำหรบั เงินไดป้ ระเภทตา่ ง ๆ ตามมาตรา 40 และเครดติ ภาษี ตาม มาตรา 47 ทวิ ดว้ ย ไดแ้ ก่ 1. เงิน หมายถึง เงนิ ทผี่ ู้มีเงนิ ไดไ้ ด้รบั แลว้ ในสว่ นทีย่ งั ไม่ไดร้ บั จะยงั ไมถ่ อื เปน็ เงินไดพ้ งึ ประเมนิ 2. ทรัพย์สนิ ซง่ึ อาจคดิ คำนวณไดเ้ ป็นเงิน ผู้มเี งินได้ต้องได้รบั แลว้ เชน่ กนั 3. ประโยชน์ ซง่ึ อาจคดิ คำนวณไดเ้ ป็นเงิน ผู้มเี งนิ ได้ตอ้ งไดร้ บั แล้วเชน่ เดยี วกัน 4. เงินค่าภาษีอากร ทผี่ จู้ า่ ยเงินหรือผอู้ นื่ ออกแทนให้ 5. เครดิตภาษี ตามมาตรา 47 ทวิ หรือเครดิตภาษีเงินปันผลหรอื เงนิ ส่วนแบง่ กำไร ประเภทเงนิ ไดพ้ งึ ประเมนิ ประมวลรัษฎากร มาตรา 40 ได้แบง่ เงินไดพ้ ึงประเมินออกเปน็ 8 ประเภท ดังน้ี 1. เงนิ ไดพ้ ึงประเมินประเภทที่ 1 : มาตรา 40 (1) เงนิ ได้เน่ืองจากการจา้ งแรงงาน จะต้องมสี ญั ญา การจ้างงานระหว่างนายจ้างและลกู จ้าง การจา่ ยคา่ จา้ งจะจา่ ยเมือ่ ถงึ กาํ หนดเวลาการจา้ งงาน โดยไมไ่ ด้ มงุ่ ผลสําเรจ็ ของงานเป็นสาํ คญั เกิดไดห้ ลายลักษณะ ดังน้ี 1.1 เงนิ เดอื น คา่ จา้ ง เบ้ียเลยี้ ง โบนสั เบยี้ หวดั บําเหน็จบํานาญ 1.2 เงินค่าเช่าบา้ นทีไ่ ด้รบั จากนายจา้ ง 1.3 เงินทค่ี าํ นวณได้จากมูลค่าของการได้อยบู่ า้ น ซง่ึ นายจ้างให้อยโู่ ดยไม่เสียค่าเชา่ 1.4 เงินท่นี ายจา้ งจา่ ยชําระหนี้ใด ๆ ซึง่ ลกู จา้ งมหี น้าที่ต้องชําระ 1.5 เงนิ ทรัพยส์ ิน หรอื ประโยชนใ์ ด ๆ บรรดาทีไ่ ด้เนือ่ งจากการจา้ งแรงงาน เชน่ มูลค่าของการ ได้ รบั ประทานอาหาร เป็นตน้ ตัวอยา่ งแนววนิ ิจฉัยของกรมสรรพกร (1) เงนิ เดือน ค่าล่วงเวลา บริษัทจ่าย คา่ จ้างให้แกล่ กู จ้างโดยคิดเป็นรายวัน กําหนดจ่ายเดือนละ 2 ครั้ง ทกุ วนั ท่ี 15 และ 30 ของเดอื น ลักษณะงานทลี่ ูกจา้ งปฏิบตั ิคือเกบ็ ผลปาลม์ ใสป่ ยุ๋ และตกแต่งภายในสวนอุปกรณ์และ เครอ่ื งมอื ท่ีใช้เปน็ ของบริษทั ทงั้ ส้ิน โดยมไิ ดม้ ุง่ ถงึ ผลสําเรจ็ ของานที่ทาํ การจ่ายค่าจา้ งให้แกล่ ูกจ้างดงั กลา่ ว 2. เงนิ ได้พงึ ประเมินประเภทท่ี 2 : มาตรา 40 (2) เงินไดเ้ นือ่ งจากหน้าที่ หรอื ตาํ แหนง่ งานทท่ี ํา หรือจากการรบั ทาํ งานให้ โดยมุ่งถงึ ผลสําเรจ็ ของงานเป็นสาํ คญั งานเสรจ็ เงนิ ถงึ ได้ เกดิ ความสมั พนั ธข์ อง ผจู้ ่ายเงินได้ (ผวู้ า่ จา้ ง) กับผู้มเี งินได้ (ผรู้ ับจ้าง) เกดิ ไดห้ ลายลักษณะ 2.1 คา่ ธรรมเนียม คา่ นายหนา้ คา่ ส่วนลด 2.2 เงินอดุ หนนุ ในงานทท่ี าํ เบ้ยี ประชมุ บาํ เหนจ็ โบนสั 2.3 เงินค่าเชา่ บ้านที่ไดร้ บั เนอื่ งจากหน้าที่ หรอื ตาํ แหนง่ งานที่ทํา หรอื จากการรับทํางานให้

2.4 เงินทคี่ ํานวณไดจ้ ากมลู ค่าของการได้อยบู่ า้ น ทผ่ี จู้ า่ ยเงินได้ให้อยู่โดยไมเ่ สยี คา่ เชา่ 2.5 เงนิ ที่ผจู้ ่ายเงนิ ไดจ้ า่ ยชาํ ระหนีใ้ ด ๆ ซึ่งผมู้ เี งินไดม้ หี นา้ ทต่ี ้องชาํ ระ 2.6 เงนิ ทรพั ยส์ นิ หรอื ประโยชนใ์ ด ๆ บรรดาทีไ่ ดเ้ น่อื งจากหนา้ ทห่ี รือตําแหนง่ งานทที่ ํา หรอื จาก การรบั ทํางานให้น้ัน ไม่วา่ หน้าทีห่ รือตาํ แหนง่ งาน หรืองานทีร่ ับทําให้นน้ั จะเปน็ การประจําหรอื ช่ัวคราว ตัวอย่างแนววินิจฉัยของกรมสรรพกร (1) เงนิ บําเหนจ็ คา่ ตอบแทนและโบนสั ของคณะกรรมการ ดาํ เนินการของสหกรณ์ออมทรพั ย์ เป็น เงนิ ไดพ้ งึ ประเมินตามมาตรา 40 (2) แหง่ ประมวลรัษฎากร (กค 0802/4542 ลงวนั ท่ี 19 เมษายน 2528) (2) เงินได้พงึ ประเมนิ จากการรบั จา้ งทําความสะอาดอาคารเปน็ รายเดือน การรบั จ้างดงั กลา่ วเปน็ เงนิ ได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (2) แห่งประมวลรษั ฎากร (กค 0802/5742 ลงวนั ท่ี 13 พฤษภาคม 2529) 3. เงินได้พึงประเมนิ ประเภทท่ี 3 : มาตรา 40 (3) ค่าแห่งกูด๊ วิลล์ ค่าแห่งลขิ สทิ ธ์ิ หรอื สทิ ธิ อยา่ ง อ่นื เงินทไ่ี ด้รบั เป็นรายปีโดยทางราชการจ่ายให้ (เชน่ เงนิ ปพี ระบรมวงศานวุ งศ)์ หรอื เงนิ ไดท้ มี่ ลี กั ษณะ เปน็ เงนิ รายปอี นั ได้จากพินยั กรรม นติ กิ รรมอยา่ งอ่นื หรือคาํ พพิ ากษาของศาล ตวั อยา่ งแนววนิ ิจฉัยของ กรมสรรพกร (1) บรษิ ัทฯ ผลิตชน้ิ ส่วนรถจกั รยานยนต์ ไดท้ าํ สญั ญารว่ มมอื ทางเทคนคิ กับบริษัทญปี่ ่นุ ประกอบด้วย การบรหิ าร ความรูค้ วามชํานาญ (หมายถึง แผน ภาพวาด มาตรฐาน รายละเอียดทางเทคนคิ ข้อมูลทางเทคนคิ ของช้นิ สว่ นประกอบ อะไหลส่ าํ หรบั ซ่อมหรือเปลีย่ นของรถยนตห์ รือรถจักรยานยนต์) คาํ แนะนาํ ก่อสรา้ งโรงงาน การใหบ้ ริการตามสญั ญาบรษิ ัทญป่ี นุ่ ไดส้ ่งช่างเทคนิคจาํ นวน 2 คน มาฝึกอบรม และสอนงานใหก้ ับพนักงานของบริษัทฯ ค่าตอบแทนการส่งชา่ งเทคนิคมาฝกึ อบรมพนกั งานของบรษิ ทั ฯ เปน็ เงนิ ได้พงึ ประเมนิ ประเภทค่าสทิ ธิ ตามมาตรา 40 (3) แหง่ ประมวลรัษฎากร (กค 0802/5355 ลงวนั ที่ 7 พฤษภาคม 2528) 4. เงินไดพ้ งึ ประเมนิ ประเภทที่ 4 : มาตรา 40 (4) เงินได้ทเ่ี กดิ จากการการลงทุน ได้แก่ (ก) ดอกเบ้ียรบั ไดแ้ กด่ อกเบี้ยพันธบตั ร ดอกเบย้ี เงินฝาก ดอกเบย้ี หุน้ กู้ ดอกเบีย้ เงนิ กยู้ มื ไม่ว่าจะมี หลักประกันหรอื ไม่ ดอกเบ้ยี เงนิ กู้ยมื ท่ีอยใู่ นบงั คับตอ้ งถกู หกั ภาษีไว้ ณ ท่จี า่ ยตามกฎหมายว่าด้วยภาษเี งิน ได้ ปโิ ตรเลียมเฉพาะส่วนทเี่ หลอื จากถกู หกั ภาษไี ว้ ณ ที่จา่ ยตามกฎหมายดงั กลา่ ว หรอื ผลตา่ งระหว่างราคา ไถ่ ถอนกบั ราคาจาํ หน่ายตว๋ั เงนิ หรือตราสารแสดงสทิ ธใิ นหนที้ ่ีบริษัท หรอื ห้างหุ้นสว่ นนติ ิบคุ คล หรอื นติ ิ บคุ คล อืน่ เป็นผ้อู อกและจาํ หนา่ ยคร้ังแรกในราคาตํ่ากวา่ ราคาไถ่ถอน รวมทง้ั เงนิ ไดท้ มี่ ลี ักษณะทํานอง เดียวกันกับ ดอกเบ้ยี ผลประโยชนห์ รอื คา่ ตอบแทนอื่น ๆ ทไี่ ด้จากการให้กยู้ ืมหรือจากสทิ ธิเรียกรอ้ งในหน้ี ทกุ ชนิดไมว่ า่ จะมหี ลกั ประกนั หรือไม่ก็ตาม (ข) เงินปันผล เงนิ สว่ นแบ่งของกาํ ไร หรือประโยชน์อื่นใดที่ไดจ้ ากบรษิ ัทหรือห้างหุ้นสว่ นนติ ิบุคคล กองทุนรวม หรอื สถาบนั การเงินทมี่ ีกฎหมายไทยใหจ้ ัดตง้ั โดยเฉพาะสําหรบั ให้ก้ยู มื เงนิ ฯลฯ ในกรณบี ตุ ร ผูเ้ ยาวย์ งั ไมบ่ รรลนุ ติ ภิ าวะ และมเี งินไดใ้ นข้อน้ี เงินดงั กลา่ วจะต้องถือเปน็ เงนิ ไดพ้ ึงประเมนิ ของบดิ า ถา้ ความเป็นสามภี ริยาอยู่ตลอดปี หรือเป็นของผทู้ ่มี อี ํานาจปกครองบุตรตามกรณี จึงเทา่ กบั บตุ รไม่มีเงินได้ (ค) เงนิ โบนัสทจ่ี า่ ยแกผ่ ถู้ อื หุ้น หรอื ผูเ้ ปน็ หุ้นสว่ นในบริษทั หรือหา้ งหุ้นส่วนนิติบคุ คล

(ง) เงนิ ลดทนุ ของบรษิ ัทหรือห้างหุ้นส่วนนติ ิบุคคล เฉพาะสว่ นที่จา่ ยไมเ่ กินกว่ากาํ ไรและเงินทกี่ ัน ไว้ รวมกัน (จ) เงินเพมิ่ ทุนของบรษิ ทั หรือหา้ งหุน้ สว่ นนิติบุคคล ซง่ึ ตง้ั จากกําไรที่ได้มาหรือเงินทีก่ ันไว้รวมกนั (ฉ) ผลประโยชนท์ ี่ไดจ้ ากการทบ่ี ริษัทหรือหา้ งหุ้นส่วนนติ บิ ุคคลควบเขา้ กนั หรือรับช่วงกัน หรอื เลิก กนั ซึ่งตรี าคาเปน็ เงินไดเ้ กินกว่าเงินทุน (ช) ผลประโยชน์ท่ีได้จากการโอนการเปน็ หนุ้ ส่วน หรอื โอนหนุ้ หนุ้ กู้ พนั ธบตั ร หรือตัว๋ เงนิ หรือ ตราสารแสดงสทิ ธใิ นหนท้ี ่ีบรษิ ทั หรือห้างห้นุ สว่ นนิตบิ คุ คลหรอื นิติบุคคลอื่นเป็นผ้อู อก ท้งั นี้ เฉพาะซ่งึ ตี ราคา เปน็ เงนิ ได้เกินกว่าทลี่ งทุน 5. เงนิ ไดพ้ งึ ประเมินประเภทท่ี 5 : มาตรา 40 (5) เงินได้หรอื ประโยชน์อย่างอน่ื ทไ่ี ดจ้ าก (ก) การใหเ้ ชา่ ทรพั ย์สนิ แบง่ ไดเ้ ปน็ 5 ประเภทดงั น้ี 1. บา้ น โรงเรือน สงิ่ ปลูกสร้าง อย่างอ่นื หรอื แพ 2. ท่ีดินท่ีใช้ในการเกษตรกรรม 3. ทีด่ ินท่มี ิได้ใช้ในการเกษตรกรรม 4. ยานพาหนะ และ 5. ทรพั ย์สนิ อยา่ งอ่ืน (ข) การผิดสญั ญาเช่าซอื้ ทรพั ยส์ นิ (ค) การผิดสัญญาซ้ือขายเงนิ ผอ่ น ซง่ึ ผู้ขายไดร้ บั คืนทรพั ยส์ นิ ที่ ซ้ือขายนนั้ โดยไม่ต้องคนื เงิน หรือประโยชนท์ ี่ได้รับไวแ้ ล้ว 6. เงนิ ได้พึงประเมนิ ประเภทที่ 6 : มาตรา 40 (6) เงนิ ไดจ้ ากการประกอบวชิ าชพี อิสระ คือ วชิ ากฎหมาย การประกอบโรคศลิ ปะ วิศวกรรม สถาปตั ยกรรม การบญั ชี ประณีตศลิ ปกรรม หรือวิชาชีพ อสิ ระอ่นื ซงึ่ จะมพี ระราชกฤษฎีกากาํ หนดชนดิ ไว้ การทํางานในวิชาชพี นจี้ ะมพี ระราชบญั ญัติ หรอื กฎหมาย เฉพาะควบคมุ การทํางาน แบ่งไดเ้ ป็น 6 ประเภท ดังนี้ (1) วิชากฎหมาย เงินไดจ้ ากการประกอบวชิ าชีพ โดยอาศยั ความรู้ทางวชิ ากฎหมาย เช่น การวา่ ความของทนายความ การทาํ พินยั กรรม (2) การประกอบโรคศิลป คําว่า “โรคศิลป” หมายถงึ กิจการใด ๆ อนั กระทาํ โดยตรงตอ่ รา่ งกาย มนษุ ยใ์ นการบําบดั ซง่ึ รวมตลอดถงึ การตรวจโรคและป้องกนั โรคในสาขาต่าง ๆ ดังน้ี เวชกรรม ทนั ตกรรม เภสชั กรรม การพยาบาล การผดงุ ครรภ์ กายภาพบําบดั เทคนิคการแพทย์ และรวมถึงการผ่าตดั ฉีดยา ฉดี สาร หรือสอดใสว่ ตั ถใุ ด ๆ เข้าในรา่ งกายและใช้เคร่อื งมอื กายภาพบําบดั เพอ่ื การเสริมสวย การ คุมกาํ เนิด การทาํ หมัน หรอื การบํารงุ ร่างกายดว้ ย (มาตรา 4 แห่งพระราชบญั ญตั คิ วบคุมการประกอบ โรค ศลิ ป พ.ศ. 2479) (3) วศิ วกรรม วิชาชพี วิศวกรรม หมายความวา่ วิชาชีพการชา่ งในสาขาวิศวกรรมโยธา วิศวกรรม เครือ่ งยนต์ วศิ วกรรมไฟฟา้ วศิ วกรรมอุตสาหกรรม วศิ วกรรมเหมอื งแร่ และสาขาวิศวกรรมอนื่ ใด (4) สถาปัตยกรรม วิชาชีพสถาปัตยกรรม หมายความวา่ วิชาชพี การชา่ งในสาขาสถาปัตยกรรม หลกั สาขาสถาปัตยกรรมผงั เมือง สาขาสถาปตั ยกรรมอุตสาหกรรม สาขาสถาปัตยกรรมอ่ืนใด (5) การบญั ชี วชิ าชีพบัญชี หมายความวา่ วิชาชพี ในด้านการทาํ บญั ชี ดา้ นการสอบบญั ชี ดา้ นการ บญั ชีบรหิ าร ด้านการวางระบบบัญชี ดา้ นการบัญชภี าษอี ากร ดา้ นการศึกษาและเทคโนโลยกี ารบญั ชี และ บรกิ ารเก่ยี วกบั การบญั ชดี า้ นอื่น ตามท่ีกาํ หนดโดยกฎกระทรวง ควบคมุ การประกอบวชิ าชีพโดย จดั วาง แต่ถา้ ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี ทํางานในฐานะลูกจ้าง เงนิ ทไี่ ด้รบั กจ็ ะถือเปน็ เงินไดต้ ามมาตรา 40 (1) แห่ง ประมวลรัษฎากร

(6) ประณีตศลิ ปกรรม เป็นงานทเี่ กี่ยวกบั งานทมี่ ีคณุ ค่าทางศิลปะ เช่น การรับจา้ งปนั้ วาดภาพ เป็นตน้ ปจั จบุ นั การประกอบวชิ าชพี อสิ ระซงึ่ เป็นเงนิ ไดต้ ามมาตรา 40 (6) แห่งประมวลรษั ฎากร มอี ยู่ 6 ประเภท การประกอบวิชาชพี ของบคุ คลดงั กลา่ วทม่ี กี ฎหมายควบคุมกาํ หนดใหต้ อ้ งมใี บอนุญาต เช่น สถาปนกิ แตห่ ากวา่ ใบอนญุ าตหมดอายุ แตย่ งั คงประกอบวชิ าชีพต่อไป เงนิ ท่ไี ด้รับก็ยงั ถือเปน็ 40 (6) และตอ้ งพงึ ระวังเรอื่ งเงินไดท้ ไี่ มเ่ ข้าลักษณะ แมผ้ ู้มเี งนิ ไดจ้ ะเขา้ ใจวา่ ทาํ งานเปน็ วิชาชีพอิสระ แต่กไ็ ม่ถือ เป็น เงินไดต้ ามมาตรา 40 (6) แห่งประมวลรษั ฎากร เช่น สัตวแพทย์ เพราะไมเ่ ข้าคาํ นิยาม “โรคศิลป” 7. เงนิ ได้พึงประเมินประเภทท่ี 7 : มาตรา 40 (7) เงนิ ได้จากการรับเหมาท่ีผรู้ บั เหมาต้องลงทนุ ด้วยการจัดหาสมั ภาระในสว่ นสาํ คญั นอกจากเครอื่ งมอื (รบั ทาํ งานทั้งของและแรงงาน) เช่น (1) ผรู้ บั เหมากอ่ สร้างตึกแถวดว้ ยทุนทรพั ยข์ องตนเอง (2) เงินไดจ้ ากการรบั จ้างทาสี ซอ่ มสี โดยผรู้ บั เหมาเปน็ ผจู้ ดั หาสมั ภาระในสว่ นสําคัญนอกจาก เครอ่ื งมอื เป็นเงนิ ได้ตามมาตรา 40 (7) แหง่ ประมวลรษั ฎากร (3) การรบั เหมาทําตู้ โตะ๊ หรือเครือ่ งใชอ้ ลูมเิ นียม โดยผรู้ บั เหมาตอ้ งลงทนุ ด้วยการซอื้ ของเอง นอกจากเครื่องมอื ไม่วา่ จะมกี ารตกลงราคาค่าจ้างกนั กอ่ นหรอื ภายหลงั ทง่ี านสาํ เร็จ เปน็ เงินไดต้ ามมาตรา 40 (7) แห่งประมวลรัษฎากร 8. เงินได้พงึ ประเมินประเภทท่ี 8 : มาตรา 40 (8) เงินไดจ้ ากการธรุ กจิ การพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนสง่ หรอื การอ่นื นอกจากทร่ี ะบุไวใ้ น 40 (1) ถึง 40 (8) ตามประมวลรษั ฎากร แบ่งไวเ้ ป็น 44 ประเภท เงนิ ไดพ้ ึงประเมนิ ตามมาตรา 40 ทวิ ประมวลรษั ฎากร มาตรา 40 ทวิ “ผใู้ ดสง่ สนิ ค้าออกไป ต่างประเทศให้แกห่ รือตามคำสง่ั ของสำนกั งานใหญ่ สาขา ตวั การ ตวั แทน นายจ้าง หรอื ลกู จา้ ง ใหถ้ อื วา่ การ ทไี่ ด้ส่งสินคา้ ไปน้นั เปน็ การขายในประเทศไทยด้วย และให้ถือราคาสนิ คา้ ตามราคาตลาดในวนั ทีส่ ง่ ไปเปน็ เงินไดพ้ งึ ประเมินในปที ี่สง่ ไปนนั้ ” เงินได้พึงประเมินที่ไดร้ ับยกเวน้ ภาษเี งินไดบ้ คุ คลธรรมดา เงินไดพ้ ึงประเมินท่ีได้รับยกเว้นภาษีเงนิ ได้บุคคลธรรมดา กฎหมายก็ไดบ้ ัญญัติข้อยกเว้นไว้หลายประการ ดว้ ยกนั ซึ่งพอจำแนกได้ คือ 1.บุคคลที่ได้รบั ยกเว้นภาษีเงินได้บคุ คลธรรมดา ได้แก่ บคุ คลตามข้อผูกพันทปี่ ระเทศไทย เจา้ หนา้ ท่ี หรือผเู้ ช่ยี วชาญขององค์การสหประชาชาติ บคุ คลในคณะทูต คณะกงสุล บคุ คลทท่ี ำงานในประเทศทท่ี ำ อนุสัญญาวา่ ดว้ ยการเว้นการเกบ็ ภาษีซอ้ น 2. เงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินไดบ้ ุคคลธรรมดา ได้แก่ ยกเว้นตามประมวลรษั ฎากร มาตรา 42 และ พระราชกฤษฎีกาที่เกี่ยวข้อง ยกเวน้ ตามกฎกระทรวง ยกเวน้ ตามประมวลรษั ฎากร มาตรา 42 และพระ ราชกฤษฎีกาท่ีเกี่ยวข้อง ยกเว้นตามกฎกระทรวง (ฉบับที่ 126) และฉบับอื่นจนถึงปัจจุบันทีส่ ำคัญ ได้แก่ เงินได้จากกิจการของโรงเรียนเอกชนซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน การจำหน่าย หรือ สว่ นลดจากการจำหน่ายสลากกินแบ่งของรัฐบาล คา่ จา้ งการทำงานในระหว่างเวลาปิดภาคการศึกษาของ

คนตา่ งด้าว ค่ารกั ษาพยาบาลทนี่ ายจา้ งให้หรือจา่ ยแทนลูกจ้าง เงินทท่ี างราชการจา่ ยให้เปน็ เงนิ คา่ เชา่ บ้าน เงินค่าเช่าบ้านที่ได้รับจากวิสาหกิจ ซึ่งมิใช่บรษิ ัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล เงินช่วยการศึกษาบตุ ร เงิน ช่วยเหลือบตุ ร เงนิ คา่ เบย้ี กันดาร รางวลั ทท่ี างราชการจา่ ยใหเ้ พื่อปอ้ งกันมิใหม้ กี ารกระทำความผิเก่ียวกับ ภาษีอากร ดอกเบี้ยเงินสะสมท่ีได้รับจากรัฐวิสาหกิจ เงินได้ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลต่างประเทศซึ่งปฏิบัติ หน้าที่ในไทยได้รับจากรัฐบาลของตน เงินได้ที่ทางราชการจ่ายให้เพื่อประโยชน์ในการรักษาความม่ันคง ภายในราชอาณาจกั ร เงินได้จากการขายอสังหารมิ ทรพั ยอ์ ันเปน็ มรดกท่ไี ด้รับจากการให้โดยเสนห่ า เงินได้ จากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ให้แก่บุตร ดอกเบี้ยเงินฝากประเภทออม ทรพั ย์ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เงนิ ได้จากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรพั ย์ แหง่ ประเทศไทยแต่ไม่รวมถึงเงนิ ได้จากการขายหลกั ทรพั ย์ทเ่ี ป็นหนุ้ กู้หรือพนั ธบัตร เปน็ ต้น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook