คำนำ e-book เลม่ นจี้ ัดทำเพื่อเป็นส่วนหน่งึ ของรายวิชา หนา้ ท่พี ลเมือง ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 เพือ่ ให้ไดศ้ กึ ษาหา ความรูใ้ นเรอ่ื ง การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยและเพือ่ ให้ เปน็ ประโยชน์ตอ่ การเรียนอย่างมากทสี่ ุด คณะผจู้ ดั ทำหวังว่า e-book เล่มนจี้ ะเปน็ ประโยชน์แก่ ผู้ทไี่ ด้อ่าน และหากมีขอ้ ผิดพลาดประการใด คณะผู้จดั ทำ ขอนอ้ มรับไวแ้ ละขออภัยมา ณ ทีน่ ้ีดว้ ย คณะผู้จัดทำ 29/07/2564
สารบญั ก ข หนา้ 1 คำนำ 1-2 สารบัญ 2-5 1.ความรูท้ วั่ ไปเก่ียวกับรฐั 5-6 - ความหมายของรฐั ชาติ และประเทศ 7-10 - รูปแบบของรัฐ 10 - หน้าทข่ี องรฐั - แนวนโยบายพนื้ ฐานแห่งรัฐ 10-13 2.ความสำคญั ของการปกครอง 13-14 ระบอบประชาธปิ ไตย - ความหมายของประชาธิปไตย 15-16 - หลกั การสำคัญของการปกครอง 16-17 ในระบอบประชาธิปไตย - ปัจจัยที่จำเปน็ ต่อการปกครอง ระบอบประชาธิปไตย - คณุ คา่ ของการปกครอง ระบอบประชาธิปไตย
3.ความสำคัญของการปกครองระบอบ 19 ประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมขุ - ฐานะของพระมหากษัตรยิ ์ตามรฐั ธรรมนูญ 19-20 - พระราชอำนาจตามรฐั ธรรมนญู 20-21 - พระราชอำนาจตามนติ ริ าชประเพณี 22 4.สรุปการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย 23 บรรณานกุ รม 24
1. ความรทู้ ว่ั ไปเกย่ี วกบั รฐั 1.1 ความหมายของรฐั ชาติ และประเทศ รัฐ หมายถงึ ชุมชนทางการเมืองของมนษุ ย์ท่ีอาศยั อยู่ ร่วมกนั โดยมีอาํ นาจอธิปไตยเป็นของตนเองมีอาณาเขตของ ดินแดนท่แี น่นอนและอย่ภู ายใต้การบริหารงานของรัฐบาล เดยี วกัน ชาติ หมายถึง ชุมชนของมนุษย์ท่ีอาศยั อย่รู ่วมกันโดยมีความ เปน็ มาทางประวตั ศิ าสตรแ์ ละมีความผกู พนั ในทางวัฒนธรรมร่วมกัน ประเทศ หมายถึง ดินแดนท่บี ง่ ช้ีใหเ้ ห็นถงึ สภาพทางภมู ศิ าสตร์ รฐั ชาติ ประกอบไปด้วยลักษณะสาํ คัญ ดงั นี้ 1. มีความผกู พนั กันในทางวัฒนธรรม 2. มีความเปน็ มาทางประวัติศาสตรร์ ว่ มกนั 3. มอี าํ นาจอธปิ ไตยเป็นของตนเอง 4. มอี าณาเขตของดนิ แดนทีแ่ นน่ อน 5. มรี ัฐบาลชุดเดยี วกันทาํ หนา้ ทใี่ นการบริหารประเทศ นาย ธีรเทพ อ่อนน่ิม ม.4/2 เลขท่ี 1
องค์ประกอบของรัฐ 1) ประชากร 2) ดนิ แดน 3) รัฐบาล 4) อํานาจอธิปไตย รฐั ทุกรฐั ตอ้ งมอี งค์ประกอบครบทัง้ 4 ประการข้างต้น ถ้าขาดขอ้ ใด ข้อหนึ่งไป จะถือว่าขาดคุณสมบัตขิ องความเป็นรัฐ 1.2 รปู แบบของรฐั รฐั จาํ แนกออกได้เป็น 3 ประเภท คือ 1).รฐั เด่ียว หมายถงึ รฐั ท่ีเปน็ เอกภาพมีเพียงรัฐบาลเดียวท่มี ีอาํ นาจในการ บรหิ ารกจิ การตา่ ง ๆ สําหรับการบรหิ ารราชการแผ่นดนิ ของไทย แบง่ ออกเปน็ 3 ส่วน คือ (1).การบริหารราชการส่วนกลาง ประกอบด้วยสาํ นกั นายก รฐั มนตรี กระทรวงหรือทบวงซงึ่ มฐี านะเทียบเท่า กระทรวง และกรมหรือสว่ นราชการท่ี เรยี กชือ่ อย่างอื่นโดยมฐี านะเป็นกรม นาย ธีรเทพ ออ่ นนม่ิ ม.4/2 เลขที่ 1
(2).การบรหิ ารราชการส่วนภูมิภาค ได้แก่ จงั หวัดและอําเภอ การบรหิ าร ราชการแบบนเี้ ป็นการบริหารแบบแบง่ อํานาจทางการบริหารบางสว่ น จากสว่ นกลางไปให้แก่จังหวดั และอําเภอ (3).การบรหิ ารราชการสว่ นทอ้ งถิน่ มี 4 รูปแบบ ไดแ้ ก่ เทศบาล องคก์ าร บรหิ ารสว่ นตําบล (อบต.) องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัด (อบจ.) และเขตการ ปกครองพเิ ศษ ซงึ่ ได้แก่ กรงุ เทพมหานครและเมืองพทั ยา การบริหาร ราชการสว่ นทอ้ งถนิ่ เป็นการกระจายอํานาจการบรหิ ารไปให้แกอ่ งค์กร ปกครอง สว่ นท้องถิ่น โดยมเี ปา้ หมายเพอื่ -แบง่ เบาภาระหน้าทแี่ ละความรบั ผิดชอบของรฐั บาล -ส่งเสริมใหป้ ระชาชนในท้องถน่ิ มีส่วนรว่ มในการปกครอง -ให้สามารถจัดทำบริการสาธารณะทต่ี อบสนองต่อความตอ้ งการ ของประชาชนอยา่ งแท้จริง ครอบคลมุ ท่วั ถงึ และรวดเร็ว นาย ธีรเทพ ออ่ นนิม่ ม.4/2 เลขที่ 1
2).สหพันธรฐั หมายถึง รัฐท่ีเกิดจากการรวมตัวกันของรัฐตัง้ แต่ 2 รัฐ ข้ึนไปโดยรัฐ แต่ละแหง่ ยังคงสภาพของความเป็นรัฐเดิมเพียงแต่การใช้อาํ นาจของรัฐจะ ถกู จาํ กดั ขอบเขตไปตามพนั ธสัญญาท่ตี ราขน้ึ เป็นกฎหมายรว่ มกัน ซ่งึ ตาม สัญญานจี้ ะมกี ารกาํ หนดอาํ นาจของ “รัฐบาลกลาง” และ“รฐั บาลของแต่ ละรฐั ”ไว้อย่างชดั เจนโดยรัฐ แตล่ ะรฐั จะมอบอํานาจในสว่ นท่เี ก่ียวกบั ผลประโยชน์อนั เป็นส่วนรวม ของรฐั ทงั้ หมดให้แก่รฐั บาลกลางขณะที่รัฐ แตล่ ะรัฐจะมอี าํ นาจในการควบคุมดแู ลผลประโยชนใ์ นรัฐของตน ตัวอยา่ ง ของสหพันธรัฐ เชน่ ประเทศสหรัฐอเมรกิ า สาธารณรัฐอนิ เดยี แคนาดา และมาเลเซยี สหพันธรฐั จะช่วยปอ้ งกันมิให้มกี ารรวมศูนยอ์ ำนาจไวท้ ี่รัฐใดมาก เกินไป และยังชว่ ยไม่ให้เกดิ ระบบเผดจ็ การของรับบาลกลางขึ้นมาด้วย อยา่ งไรก็ตาม ปัญหาสำคัญของสหพันธรฐั คือ อาจเกดิ การทำงานท่ี ซ้ำซ้อนระหว่างรัฐบาลกลางกับรฐั บาลของแต่ละรฐั ได้ อนึ่งปัญหาท่ีสรา้ ง ความวติ กใหแ้ กร่ ฐั บาลแตล่ ะรัฐมากกว่าการทำงานที่ซบั ซอ้ นคือ การเพมิ่ อำนาจของรฐั บาลกลาง โดยเฉพาะในชว่ งวิกฤติการณ์ ซึง่ อ้างว่าต้องเพิม่ อำนาจเพือ่ ใหด้ ลุ กับความรบั ผิดชอบ และหลงั จากผ่านพน้ ไปแล้ว รัฐบาล กลางก็ยังจะคงอำนาจดงั กลา่ วไว้ นาย ธรี เทพ ออ่ นนิม่ ม.4/2 เลขท่ี 1
3).สมาพนั ธรัฐ เปน็ การรวมตัวของรัฐเพ่ือกระทาํ ภารกิจบางประการเป็นการเฉพาะ โดยไมม่ รี ัฐธรรมนูญหรอื รัฐบาลกลางรว่ มกนั และจะสลายตัวไปหลงั บรรลุผลตามเปา้ หมายทตี่ ้องการแล้วเช่นการรวมตัวของรฐั ในรปู ของการ เปน็ พนั ธมิตรเพ่ือทําสงครามร่วมกนั 1.3 หนา้ ทขี่ องรฐั 1) ด้านเศรษฐกจิ (1) รกั ษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ (2) วางระเบียบกฎเกณฑ์การดาํ เนินการทางเศรษฐกิจ (3) สรา้ งความเจรญิ เติบโตทางเศรษฐกจิ (4) สร้างความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ 2) ด้านสังคม (1) กระจายการพฒั นาใหม้ คี วามเปน็ ธรรมแกร่ ะบบสังคมสว่ นรวม (2) สร้างสนั ตสิ ขุ ระหว่างประชากรท่แี ตกตา่ งกันในดา้ นต่างๆ (3) สร้างงานสําหรับประชากรทถ่ี งึ วยั ทาํ งาน นาย ธรี เทพ อ่อนนมิ่ ม.4/2 เลขที่ 1
(4) รักษาความสงบเรยี บรอ้ ยในสงั คม (5) บริการดา้ นสังคมอนื่ ๆ เช่นการรกั ษาความสะอาดและความเป็น ระเบยี บเรียบรอ้ ยของบ้านเมืองการสง่ เสริมให้ประชาชนมีสขุ ภาพทีด่ ที ง้ั กายและจิต การควบคมุ และการปอ้ งกันโรค การสวัสดิการสงั คม 3) ด้านการเมืองการปกครอง (1) การส่งเสริมและพัฒนาการมสี ว่ นรว่ มของประชาชน (2) การกระจายอาํ นาจให้แก่ท้องถิ่น (3) การสร้างระบบการตรวจสอบและการบรหิ ารท่ดี ี 4) ด้านความม่ันคง (1) การรักษาผลประโยชน์แหง่ ชาติ เช่น ให้ความคมุ้ ครองและรกั ษา ผลประโยชนท์ างเศรษฐกจิ และทรพั ยากรของธรรมชาติ (2) การป้องกันประเทศ เชน่ ปรับปรุงและพัฒนากองทัพ 5) ด้านการศึกษา รฐั ตอ้ งพัฒนาบุคคลในประเทศให้เป็นมนษุ ยท์ ่ี สมบรู ณ์ในมิตติ ่างๆ สามารถอย่รู ว่ มกบั ผอู้ ่นื ได้ อย่างมีความสุข รวมทงั้ ตอ้ งให้มกี ารพฒั นาการ เรียนรขู้ องประชาชนตลอดชีวติ นาย ธีรเทพ อ่อนนมิ่ ม.4/2 เลขที่ 1
1.4 แนวนโยบายพน้ื ฐานแหง่ รฐั แนวนโยบายพืน้ ฐานแหง่ รฐั เป็นมาตรการกำหนดภาระหน้าท่ีสำคญั ของรฐั ทสี่ ะท้อนความตอ้ งการของประเทศและประชาชน และเป็นกรอบ กำกับแนวทางการปฏิบตั ิ ทงั้ นี้ ฝ่ายการเมืองจะต้องดำเนินการในส่วนที่ เกยี่ วกับแนวนโยบายพืน้ ฐานแห่งรฐั ดงั นี้ 1.รัฐบาลต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภาวา่ จะดำเนนิ การตาม แนวนโยบายพืน้ ฐานแหง่ รฐั อย่างไร 2.รัฐบาลต้องจดั ทำรายงานแสดงผลการดำเนนิ งาน รวมทั้งปญั หา และอปุ สรรคตอ่ รฐั สภา 3.รฐั ต้องจดั ให้มีสภาท่ีปรกึ ษาเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ เพอ่ื ให้ คำปรกึ ษาและข้อเสนอแนะตอ่ รัฐบาล 4.รฐั สภาตอ้ งติดตามการแถลงนโยบาย และการรายงานผลการ ดำเนินงานตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรฐั รวมท้ังผลกั ดนั และสนับสนนุ การออกกฎหมายเพ่อื รองรบั แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรฐั นางสาว พมิ พล์ ภัส สุวรรณยานนท์ ม.4/2 เลขที่ 22
1) ความจำเป็นทต่ี ้องมีแนวนโยบายพ้ืนฐานแหง่ รฐั เนื่องจากรัฐกบั รัฐบาลต้องแย่กจากกนั รฐั บาลจงึ มกั จะมุ่งดำเนิน นโยบายเพื่อหวงั ผลประโยชนท์ างการเมือง จงึ อาจจะละเลยนโยบายอืน่ ๆ ท่สี ำคญั ตอ่ ความเปน็ อยขู่ องประชาชนแต่ไมม่ ปี ระโยชน์ต่อรฐั บาล ดังน้ันในทางการเมืองการปกครองจึงตอ้ งกำหนดใหม้ ีแนวนโยบายพืน้ ฐาน แห่งรฐั ไวใ้ นรฐั ธรรมนูญ เพ่อื ประชาชนเกิดความเช่อื มั่นวา่ รฐั จะปฏิบัติให้ เปน็ ไปตามทก่ี ำหนดไว้ในแนวนโยบายพ้ืนฐานแห่งรัฐ 2) สง่ิ ที่ประเทศและประชาชนไดร้ บั จากการมีแนวนโยบายพื้นฐานแหง่ รฐั 1. ประชาชนจะได้รับโอกาสในการใชส้ ิทธิช้นั พน้ื ฐาน 2.ประชาชนจะไดร้ ับประโยชน์จากการทใี่ ช้สทิ ธิและเขา้ ไปมีสว่ นรว่ ม 3. การมีสว่ นร่วมของประชาชนจะไดร้ ับการปกป้องคมุ้ ครองจาก แนวนโยบายพนื้ ฐานแหง่ รัฐ ประชาชท่เี สียเปรียบในสงั คมจะไม่ถูกเลอื ก ปฏิบตั อิ ยา่ งไมเ่ ป็นธรรมจากรฐั บาล 4. เป็นหลกั ประกันให้วธิ ีการปกครองท่ียุตธิ รรมสามารถดำเนนิ การเพอื่ ประโยชนแ์ กส่ ว่ นรวมมากที่สดุ และสร้างความสมดุลความ สมั พนั ธ์ ระหวา่ งผลประโยชน์ของประชาชนกับผลประโยชน์ของประเทศ 5. เป็นหลกั ประกันในการจัดทำกฎหมายและนโยบาย ใหเ้ ป็นไปตามแนวนโยบายพนื้ ฐานแหง่ รฐั และปลอด จากเงื่อนไขทางการเมอื งเฉพาะกลุ่ม นางสาว พมิ พ์ลภัส สวุ รรณยานนท์ ม.4/2 เลขที่ 22
6.ปญั หาพน้ื ฐานของประเทศและปัญหาของประชาชนจะไดร้ บั การ แก้ไข หรือบรรเทาให้น้อยลง 7. กลุ่มอำนาจ กลุ่มผลประโยชนท์ ีค่ วบคมุ อำนาจทางการเมืองไม่ สามารถดำเนินการให้มกี ารเปลยี่ นแปลงทางกฎหมาย หรือกำหนด นโยบายทผี่ ูกพนั กบั แนวนโยบายพ้ืนฐานแห่งรฐั 3) แนวนโยบายพน้ื ฐานแหง่ รฐั ในรฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย ดา้ นความมน่ั คงของรัฐ เชน่ รัฐต้องพิทกั ษร์ ักษาสถาบนั พระมหากษตั ริย์ เอกราช อธปิ ไตย ดา้ นการบริหารราชการแผน่ ดิน เช่น -บรหิ ารราชการแผน่ ดนิ ใหเ้ ป็นไปเผ่ือการพฒั นาสงั คม เศรษฐกิจและ ความมั่นคงของประเทศอย่างยั่งยนื ดา้ นกฎหมายและความยตุ ิธรรม เช่น -สง่ เสริมการใหค้ วามช่วยเหลอื และให้ความรู้ทางกฎหมายแก่ประชาชน ด้านศาสนา สงั คม การศกึ ษา และสาธารณสุข เชน่ -รัฐต้องดำเนินการตามแนวนโยบายสงั คม การศึกษา ด้านการตา่ งประเทศ เชน่ -รัฐต้องสง่ เสริมสัมพนั ธไมตรแี ละความรว่ มมือกับนานาประเทศ ด้านทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม -รัฐต้องดำเนนิ การตามแนวนโยบายดา้ นทด่ี ิน ดำเนินการให้เกษตรกรมี กรรมสิทธิห์ รอื สทิ ธิในท่ดี นิ เพื่อประกอบเกษตรกรรมอย่างทว่ั ถึง นางสาว พิมพ์ลภัส สวุ รรณยานนท์ ม.4/2 เลขที่ 22
ดา้ นการมสี ว่ นร่วมของประชาชน เช่น -ส่งเสรมิ ใหป้ ระชาชนมีสว่ นร่วมในการกำหนดนโยบายและวางแผนพฒั นา เศรษฐกจิ และสงั คมทง้ั ในระดับชาตแิ ละระดับทอ้ งถิ่น มีสว่ นร่วมในการ ตัดสนิ ใจทางการเมอื งการตรวจสอบการใชอ้ ำนาจรัฐ -สนบั สนุนการดำเนินการของกลุ่มประชาชนที่รวมตวั กนั เปน็ เครอื ข่ายทุก รปู แบบ 2.ความสำคญั ของการปกครองระบอบ ประชาธปิ ไตย 2.1 ความหมายของประชาธปิ ไตย 1 ) วถิ ีชีวิต มลี กั ษณะดังต่อไปนี้ -การมองโลกในแง่ดี -การมีน้ำใจเป็นนักกีฬา -ความซื่อสตั ย์และจริงใจต่อกัน -การควบคุมอารมณ์หรอื การข่มใจ -ความอดทนและอดกลัน้ -ความเสียสละ -ความมีเหตุผล -การเขา้ ไปมีส่วนร่วมในกิจการบ้านเมือง นางสาว พิมพ์ลภสั สวุ รรณยานนท์ ม.4/2 เลขท่ี 22
2 ) การเมืองการปกครอง (1) ประชาธปิ ไตยของประชาชน มคี วามหมายอยู่ 2 ประการ คอื ประชาชนสามารถดำเนนิ การเพือ่ ใหม้ ีรัฐบาลทเ่ี ปน็ ไปตามเจตจำนงของตน หรือสามารถทำให้รฐั บาลกระทำตามขอ้ เรยี กร้องของตนโดยใช้วิธีการตา่ ง ๆ เชน่ การผลกั ดนั ใหพ้ รรคการเมอื งมีนโยบายที่สอดคลอ้ งกับความ ตอ้ งการของประชาชนสว่ นใหญ่ การเลอื กตัง้ การทำประชามติ การทำ ประชาพิจารณ์ การแสดงออกผ่านการสำรวจความคดิ เห็น ด้วยวิธีการ เหลา่ น้ี จะทำใหป้ ระชาชนสามารถเปลยี่ นแปลงรฐั บาลให้เปน็ ไปตามท่ีตน ต้องการได้ ความหวงแหนในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย ซงึ่ จะแสดงออกโดย การปฏิบัติตนตามกฎหมายและเอาใจใสใ่ นกิจการบา้ นเมือง โดยถือว่าเป็น \"ธรุ ะของตน\" และไม่ผลักสิ่งนี้ให้ไปเป็นหน้าท่ขี องรฐั บาล นางสาว พมิ พ์ลภสั สุวรรณยานนท์ ม.4/2 เลขที่ 22
(2) ประชาธิปไตยโดยประชาชน -การเขา้ ไปมสี ว่ นรว่ มโดยตรง ได้แก่ การที่ประชาชนร่วมกนั ตดั สินใจใน กจิ การบา้ นเมือง -การเขา้ ไปมีส่วนรว่ มโดยอ้อม เป็นประชาธิปไตยแบบผู้แทน หมายถึงการ ทป่ี ระชาชนเลือกผู้แทนเขา้ มาทำหนา้ ทปี่ กครองประเทศแทนตนเอง 3 ) อุดมการณท์ างการเมือง (1) อุดมการณว์ ่าดว้ ยสทิ ธแิ ละเสรภี าพ หมายถงึ ประชาชนทกุ คนมีสิทธิและเสรีภาพ บางครั้งอาจมกี ารละเมดิ สทิ ธิกันเกิดข้ึน ดังน้นั มนุษย์ตอ้ งถูกจำกดั พฤติกรรมโดยการทำสญั ญาประชาคม นอกจากนัน้ แลว้ ประเด็นสำคัญอีกประการหน่งึ คือ การใช้อำนาจ ดังน้ัน ถา้ อำนาจรวมศนู ย์กลางอยทู่ ีบ่ ุคคล หรอื องคก์ รเพยี งหนงึ่ เดียว โดย ไมม่ ีบคุ คลหรือองค์กรอื่น ๆ มาตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจโอกาสทีจ่ ะ เกดิ การใช้อำนาจไปในทางที่ผดิ ย่อมมไี ด้สูง ดังนั้น เพ่อื เป็นการหลีกเลยี่ ง การผกู ขาดการใช้อำนาจในทางมิชอบจงึ ได้เกดิ แนวคิดการแบง่ อำนาจ ออกเป็น 3 ทาง คอื อำนาจนติ บิ ัญญตั ิ อำนาจบริหาร และอำนาจตลุ า การเพอ่ื ให้เกดิ การถว่ งดุลอำนาจระหว่างกัน นางสาว รัตนาวดี วชิ าเกวยี น ม.4/2 เลขท่ี 23
( 2) อุดมการณ์วา่ ด้วยความเสมอภาค หมายถึง ประชาชนทุกคนมี ความเท่าเทยี มไมม่ กี ารเลือกปฏิบัติอนั เน่ืองมาจากความแตกตา่ ง ได้แก่ -ความเสมอภาคทางการเมือง หมายถึง ประชาชนทกุ คนมสี ิทธิทจ่ี ะเขา้ ไป มสี ว่ นร่วมในทางการเมอื ง เช่น การออกเสียงเลือกตง้ั สมาชกิ สภาผ้แู ทน ราษฎร ประชาชนที่มสี ิทธิเลือกตง้ั สามารถออกเสยี ง 1 เสียงตอ่ คน -ความเสมอภาคทางเศรษฐกจิ หมายถึง การลดช่องวา่ งระหวา่ งคนจนกับ คนรวยใหน้ ้อยลง นอกจากนี้ รัฐจะตอ้ งชว่ ยเหลือใหค้ นจนในชนบทและใน เมอื งได้มีชวี ิตทดี่ ขี ึน้ โดยเท่าเทียมกนั -ความเสมอภาคทางโอกาส หมายถึง ประชาชนมีโอกาสในการพฒั นาตนเอง 2.2 หลักการสำคัญของการปกครองในระบอบ ประชาธปิ ไตย มีดงั ต่อไปน้ี 1) อำนาจอธปิ ไตยซึ่งเป็นอำนาจสูงสดุ ในการปกครองประเทศเป็นของ ประชาชน และบคุ คลที่จะไดอ้ ำนาจนต้ี อ้ งได้รับความเหน็ ชอบจาก ประชาชน 2) มกี ารเลอื กตัง้ สมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎรใหเ้ ข้ามาทำหน้าทีฝ่ ่ายบริหาร และฝ่ายนติ บิ ัญญัติตามระยะเวลาและวิธกี ารท่ีกำหนดไว้ นางสาว รตั นาวดี วิชาเกวียน ม.4/2 เลขท่ี 23
3) รฐั บาลตอ้ งเคารพสิทธแิ ละเสรภี าพของประชาชน 4) ประชาชนทกุ คนมีความเสมอภาคในการทีจ่ ะได้รับบริการสาธารณะ จากรฐั การศกึ ษาการสาธารณสขุ การสวัสดิการสงั คม 5) รฐั บาลต้องบรหิ ารประเทศตามหลักนติ ิธรรม นำกฎหมายมาใช้เป็น หลกั ในการบริหารประเทศเพอ่ื ปกป้องสิทธิและเสรภี าพของประชาชน 6) การยอมรบั เสยี งส่วนใหญแ่ ละเคารพเสียงส่วนน้อย หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการยอมรบั เสยี งส่วนใหญแ่ ละ เคารพเสียงส่วนน้อย มดี ังน้ี (1) ความเทา่ เทยี มกนั ของการออกเสยี ง (2) การยอมรับผลลพั ธ์ของการออกเสียง (3) การใชเ้ หตผุ ลในการตัดสินใจเกยี่ วกับประเด็น ต่าง ๆ 4) การไม่ลดิ รอนสิทธิ การใชเ้ สยี งข้างมากต้องไมม่ ี เปา้ หมายเพอ่ื การ \"ปิดปาก”ฝา่ ยเสยี งข้างน้อย หรอื เปน็ การกระทำในลกั ษณะของ \"พวกมากลากไป\" โดยไมค่ ำนึงถงึ ความ ถูกต้องหรือความเป็นธรรม 5) การเปดิ โอกาส ก่อนการตัดสินใจใด ๆ จะต้องใหฝ้ า่ ยเสยี งขา้ งน้อยได้ แสดงความคดิ เห็นตามทศั นะหรือความเช่อื ของตน 6) มนุษย์ทกุ คนมีคณุ คา่ และเสมอภาคกัน รวมทง้ั เปน็ ผูม้ ีเหตผุ ลและ สามารถใช้เหตผุ ลท่ถี กู ต้องในการบรหิ ารบ้านเมอื ง นางสาว รตั นาวดี วิชาเกวยี น ม.4/2 เลขที่ 23
2.3 ปัจจยั ทีจ่ ำเป็นต่อการปกครองระบอบ ประชาธปิ ไตย มดี ังน้ี 1.) การศึกษา ก่อใหเ้ กิดประโยชน์ 2 ประการ คอื 1) ทำใหป้ ระชาชนมคี วามรทู้ ีเ่ พียงพอตอ่ การตัดสินใจในประเด็น สาธารณะการควบคมุ และตรวจสอบการทำงานของรฐั บาลในเรื่องตา่ ง ๆ (2) ทำให้ประชาชนสนใจและติดตามข่าวสารบา้ นเมืองในเร่อื งตา่ ง ๆ อย่างมีเหตุผลและมีวจิ ารณญาณ 2) การพัฒนาเศรษฐกจิ ประเทศท่มี คี วามเจรญิ เตบิ โต ทางเศรษฐกิจสูง แสดงให้เหน็ ถงึ มาตรฐานการครองชพี ท่ดี ขี องประชาชน 3) ปัจจยั ทางประวตั ิศาสตร์ โดยประเทศท่มี กี าร ปฏิวตั หิ รือรัฐประหารอยู่บอ่ ยครัง้ ประเทศท่ีไม่ สนับสนุนการเขา้ ไปมสี ว่ นรว่ มทางการเมืองของประชาชน และประเทศท่ี มีพรรคการเมืองการรวมตัวกันของบุคคลท่ีไม่มอี ดุ มการณ์ ประชาธิปไตย ของประเทศเหล่านม้ี ักจะอ่อนแอ 4) ศรทั ธาของประชาชน ประชาธปิ ไตยในประเทศหนึ่ง ๆ จะเข้มแขง็ หรอื ไม่ ขน้ึ อยู่กับวา่ ประชาชนของประเทศนน้ั มคี วามต้องการทจี่ ะ ปกครองตนเองมากน้อยเพียงใด พจิ ารณาได้จากการตดิ ตามข่าวสาร บา้ นเมอื ง การอทุ ิศตนให้เปน็ ประโยชน์ตอ่ บา้ นเมอื ง และการมคี วามเช่ือ ทว่ี ่าบ้านเมืองเป็นของประชาชนทกุ คนท่ีจะตอ้ งเข้าไปชว่ ยกันพฒั นา 5) การยอมรับหลักการประชาธิปไตย เช่น สทิ ธิ เสรีภาพ ความเสมอ ภาค การยึดหลักนิติธรรม การเคารพเสยี งส่วนใหญโ่ ดยไม่ลดิ รอนสทิ ธิ เสยี งสว่ นน้อย และการใช้หลักเหตุผล นางสาว รัตนาวดี วชิ าเกวียน ม.4/2 เลขที่ 23
6) วฒั นธรรมแบบประชาธิปไตย เช่น ความเคารพในคุณค่าของบคุ คล ความสำนึกของการเป็นพลเมอื งดี ตระหนกั ในหน้าท่ีและความรับผดิ ชอบ ของตน การตัดสินใจรว่ มกนั การใหค้ วามสำคญั ต่อผลประโยชนส์ ่วนรวม 7) คุณลกั ษณะของนกั ประชาธิปไตย เช่น การใช้หลักเหตุผลในการ แสดงออก การรบั ฟังความคดิ เห็นของบคุ คลอื่น การมีน้ำใจเป็นนักกฬี า การยึดม่นั ในขนบธรรมเนียมประเพณที ดี่ งี ามของสงั คม การปฏิบตั ิตาม ระเบียบกฎเกณฑข์ องสงั คม และการเคารพสทิ ธิมนุษยชน เคารพ รบั ฟัง มเี หตผุ ล มีน้ำใจ 2.4 คณุ คา่ ของการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย การปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยมคี ณุ ค่าใน 2 กรณี คือ คุณคา่ ต่อ บุคคล และคณุ คา่ ตอ่ สงั คม 1)คณุ ค่าต่อบคุ คล ส่งิ ทบี่ คุ คลในสงั คมประชาธปิ ไตยถอื เป็นหลักปฏบิ ตั ิ คอื การใหค้ วามเคารพในสถานภาพของบคุ คล ในสงั คมประชาธิปไตย บคุ คลยอ่ มเสมอภาคในกฎหมายและได้รบั ความคมุ้ ครองตามกฎหมายเท่า เทียมกัน นอกจากนี้ ในสงั คมประชาธิปไตยจะมกี ารประกนั การใช้ เสรภี าพของบคุ คลในเร่ืองตา่ ง ๆ เชน่ เสรีภาพในการนบั ถอื ศาสนา อยา่ งไรกต็ าม ถงึ แม้บุคคลมเี สรีภาพท่จี ะกระทำสง่ิ ตา่ ง ๆ ได้ตามความ ตอ้ งการ แต่การใชเ้ สรภี าพน้นั จะต้องไมล่ ะเมดิ ตอ่ เสรภี าพของบคุ คลอื่น รวมทง้ั จะตอ้ งไม่เป็นการขัดตอ่ ความสงบเรียบร้อยหรือศลี ธรรมอันดขี อง ประชาชน เสรีภาพในการนับ ถอื ศาสนา นางสาว รัตนาวดี วชิ าเกวยี น ม.4/2 เลขที่ 23
v 2) คุณคา่ ตอ่ สังคม ในการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยจะให้ ความสำคญั ในการมสี ว่ นรว่ มของประชาชน โดยให้ชมุ ชนทอ้ งถ่ินสามารถ ตัดสินใจในกจิ การของทอ้ งถ่ินได้ดว้ ยตนเอง รวมทั้งสามารถอนรุ กั ษ์หรือ ฟนื้ ฟูจารตี ประเพณี ภมู ิปัญญาท้องถิน่ ศลิ ปะหรือวฒั นธรรมอันดขี อง ท้องถิ่นและของชาติเพื่อการถ่ายทอดสบื ตอ่ ไปยงั คนรนุ่ หลงั การ ดำเนนิ การใด ๆ ทีม่ ผี ลกระทบตอ่ ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดงี ามของ ชมุ ชนตอ้ งมีการทำประชาพจิ ารณแ์ ละได้รับการยินยอมจากชุมชนก่อน การไปใช้สิทธเิ ลอื กตั้งน้ันถอื เป็นปัจจยั สำคญั ประการหน่งึ ของการปกครองใน 18ปขี น้ึ ไป ระบอบประชาธปิ ไตย เพราะการไปใช้ สทิ ธิเลือกตง้ั เป็นการคดั เลอื กบุคคลไปใช้ อำนาจอธิปไตยแทนประชาชนเพ่ือทำ หน้าท่อี อกกฎหมายและกำหนดนโยบาย บริหารราชการแผ่นดนิ ประเทศจะ พฒั นาเจริญเตบิ โตไปได้รวดเร็วและ ปราศจากการโกงกินหรือการฉอ้ ราษฎรบ์ ังหลวงหรอื ไม่ อยทู่ ีก่ ารไป เลอื กตั้งของประชาชน ดงั นนั้ หน้าทท่ี สี่ ำคญั ยง่ิ ของประชาชนในการไป เลือกตงั้ คือ การสง่ เสรมิ คนดีใหเ้ ข้ามาบริหารบา้ นเมอื ง v นางสาว รัตนาวดี วชิ าเกวียน ม.4/2 เลขที่ 23
ความสำคญั ของการปกครองระบอบ ประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ ในยคุ สมยั ทไี่ ทยมีการปกครองในระบอบสมบรู ณาญาสิทธิราชย์ ซง่ึ พระมหากษัตรยิ ท์ รงมีอำนาจสูงสุดในการปกครองแผน่ ดิน กม็ ิได้ทรงใช้ อำนาจตามอำเภอใจ แต่ทรงใชพ้ ระราชอำนาจด้วยความระมัดระวงั และ เทย่ี งธรรม ด้วยธรรมะอนั ไดแ้ ก่ ทศพิธราชธรรม จกั รวรดวิ ัตร เป็นเครอ่ื งกำกบั การใช้อำนาจใน การปกครองประเทศ เพือ่ ความ มั่นคงของชาติ บ้านเมือง และ ความผาสกุ ของราษฎรบำเพ็ญ พระราชกรณยี กิจดว้ ยความ เสียสละ และกอ่ นท่ีจะมีการ เปล่ยี นแปลงการปกครองใน พ.ศ. 2475 พระมหากษตั ริยไ์ ทย ต้งั แตร่ ัชกาลที่ 4 จนถึงรชั กาลที่ 7 กไ็ ด้ทรงดำเนินการที่จะ พระราชทานอำนาจอธิปไตย ใหแ้ กป่ ระชาชนไว้บ้างแล้ว นาย พชั รวชั ร์ มณีดษิ ฐ์ ม.4/2 เลขที่ 3
สถาบันพระมหากษตั ริย์ไทยจงึ เปน็ ศูนยร์ วม จิตใจของคนไทยทรงเปน็ ทเี่ คารพและเทิดทนู และเม่ือมีการเปล่ยี นแปลงการปกครองมาเป็น ระบอบประชาธิปไตย ชาวไทยทง้ั มวลตา่ งก็ ตอ้ งการให้เป็นการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย อนั มพี ระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทส่ี ถาบัน พระมหากษตั รยิ อ์ ยูภ่ ายใต้รฐั ธรรมนูญ และการที่ ทรงดำรงฐานะองค์พระประมขุ ก็มิได้เกดิ จาก บทบัญญตั ขิ องรัฐธรรมนญู ตามทฤษฎีการเมอื งเท่านั้น แต่เกดิ จากความ ผกู พนั และการยกยอ่ งเทิดทนู ของชาวไทยทั้งมวล ดงั นั้นฐานและพระราช อำนาจหลายประการท่ีทรงมอี ยู่จึงยังคงบัญญตั ิไวใ้ นรัฐธรรมนูญทุกฉบบั ดังนี้ 3.1 ฐานะของพระมหากษัตริย์ตาม รัฐธรรมนูญ 1) ทรงเปน็ พระประมขุ 2) ทรงเปน็ ทเี่ คารพสักกระ ผ้ใู ดจะละเมิดมิได้ ประชาชนจะกลา่ วหาหรือ ฟ้องรอ้ งพระมหากษตั ริย์ในทางใด ๆ มิได้ เพราะในฐานะพระประมุขจึง ทรงอยู่เหนอื การเมอื ง และทรงใช้อำนาจอธปิ ไตยทางรฐั สภา ทาง คณะรัฐมนตรี และทางศาล ความผิดพลาดตา่ ง ๆ ทเ่ี กิดข้ึนจึงถือว่ามไิ ด้ ทรงกระทำผดิ ผทู้ รี่ ับผดิ ชอบคอื ผ้ทู ล่ี งนามรับสนองพระบรมราชโองการ ตามที่รัฐธรรมนูญบญั ญตั ิ 3) ทรงเป็นพทุ ธมามกะ และเปน็ เอกอัครศาสนูปถัมภก นาย พชั รวัชร์ มณดี ิษฐ์ ม.4/2 เลขที่ 3
4)ทรงดำรงตำแหนง่ จอมทพั ไทย เน่ืองจากพระมหากษัตรยิ ไ์ ทยต้องสูร้ บ เพอื่ ปกปักรกั ษาเอกราชของชาติมาอยา่ งต่อเนอื่ งและยาวนาน 3.2 พระราชอำนาจตามรัฐธรรมนูญ 1) พระราชอำนาจส่วนพระององค์ (1) ทรงเลือกและแต่งตง้ั องคมนตรี (2) ทรงแต่งตั้งข้าราชการในพระองคแ์ ละสมหุ ราชองครกั ษ์ และการใหพ้ น้ จากตำแหน่ง (3) ทรงแตง่ ตง้ั ผูส้ ำเร็จราชการแผน่ ดิน (4) พระราชอำนาจในการแกไ้ ขเพ่ิมเติมกฎมณเฑียรบาลวา่ ดว้ ยการสบื ราชสนั ตตวิ งศ์ พทุ ธศักราช 2467 (5) ทรงแต่งต้ังพระรชั ทายาท ซ่ึงเป็นไปตามกฎมณเฑียรบาลวา่ ด้วยการ สบื ราช-สันตตวิ งศ์ พทุ ธศกั ราช 2467 2) พระราชอำนาจทางนิติบัญญัติ พระมหากษัตริยท์ รงใช้อำนาจอธปิ ไตยดา้ น นติ ิบญั ญัติทางรฐั สภาโดยมีผ้ลู งนามรับสนอง พระบรมราชโองการตามที่รฐั ธรรมนูญ บญั ญตั ิ เช่น (1) ทรงแตง่ ตง้ั ประธานและรองประธานสภา ทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒสิ ภา (2) ทรงแต่งตั้งผูน้ ำฝา่ ยค้านในสภา ผูแ้ ทนราษฎร (3) ทรงตรารัฐธรรมนูญ พระราชบัญญตั ิ ทไ่ี ดร้ บั ความเห็นชอบจาก รฐั สภา โดยทรงสามารถยับยั้งรา่ งรฐั ธรรมนูญและรา่ งพระราชบัญญัติ ที่ รัฐสภาให้ความเห็นชอบแลว้ ได้ นาย พชั รวชั ร์ มณีดิษฐ์ ม.4/2 เลขที่ 3
3) พระราชอำนาจทางบริหาร พระมหากษตั รยิ ท์ รงใชอ้ ำนาจอธปิ ไตยด้านบริหารทางคณะรัฐมนตรี โดย มผี ลู้ งนามรบั สนองพระบรมราชโองการตามท่รี ัฐธรรมนูญบัญญตั ิ เชน่ (1) ทรงแตง่ ตง้ั นายกรฐั มนตรแี ละรฐั มนตรี และทรงให้พ้นจากการเป็น รฐั มนตรี (2) ทรงตราพระราชกำหนด พระราชกฤษฎีกา (3) ทรงประกาศใช้และเลกิ ใช้กฎอัยการศึก (4) ทรงประกาศสงครามเมอื่ ได้รับความเห็นชอบจากรฐั สภา (5) ทรงทำหนงั สือสญั ญาสนั ตภิ าพ สญั ญาสงบศึก (6) ทรงถอดถอนฐานนั ดรศกั ด์ิ และเรยี กคนื เครอ่ื งราชอิสรยิ าภรณ์ (7) ทรงพระราชทานอภยั โทษ (8) ทรงแตง่ ต้ังข้าราชการทหารและพลเรือนระดับสงู พระราชอำนาจทางตุลาการ พระมหากษัตรยิ ท์ รงใช้อำนาจอธิปไตยดา้ นตลุ าการทาง ศาล โดยมผี ้ลู งนามรับสนองพระบรมราชโองการ ตามท่รี ฐั ธรรมนญู บัญญตั ิ เชน่ (1) ทรงแตง่ ต้งั ประธานศาลรัฐธรรมนญู และตุลาการ ศาลรฐั ธรรมนญู (2) ทรงแต่งต้งั ผูพ้ ิพากษาและตลุ าการศาลปกครอง และทรงใหพ้ ้นจากตำแหนง่ (3) ทรงแตง่ ตัง้ และถอดถอนตลุ าการศาลทหาร (4) พระราชอำนาจในการแต่งตัง้ และถอดถอนองคมนตรี นาย พชั รวชั ร์ มณดี ิษฐ์ ม.4/2 เลขท่ี 3
๓.๓ พระราชอำนาจตามนติ ริ าชประเพณี ในบางกรณีอาจไม่มีบทบญั ญตั แิ ห่งรัฐธรรมนญู บงั คับไว้ รัฐธรรมนูญก็จะ กำหนดให้วินจิ ฉยั ไปตามประเพณีการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมขุ เหตุการณ์ 14 ตุลา ได้แก่ 1) พระราชอำนาจทจี่ ะทรงแก้ไข วกิ ฤตการณ์ของประเทศ ดงั เชน่ เหตุการณ์เม่ือวันท่ี 14 ตลุ าคม พ.ศ. 2516 และเหตกุ ารณเ์ ม่ือเดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2535 2) พระราชอำนาจท่ีจะทรงให้ คำปรกึ ษาแนะนำแกร่ ฐั บาลหรอื หนว่ ยราชการ โดยการขอเขา้ เฝ้าถวาย รายงานและขอพระราชทานคำปรึกษาแนะนำ 3) พระราชอำนาจทจ่ี ะทรงตักเตอื น ด้วยการพระราชทานพระบรม ราโชวาท พระราชดำรสั 4)พระราชอำนาจทจี่ ะทรงพฒั นาและสนับสนุนการดำเนินงานท่เี ป็น ประโยชนต์ อ่ บา้ นเมอื ง 5)พระราชอำนาจทจ่ี ะทรงปลดเปลอ้ื งทุกขแ์ ก่ราษฎร ด้วยการถวายฎกี า รอ้ งทุกข์ นาย พชั รวัชร์ มณีดิษฐ์ ม.4/2 เลขที่ 3
ความร้ทู วั่ ไปเกย่ี วกบั รฐั รฐั ชาติ และประเทศเป็นดินแดนท่ีอยู่ภายใต้การปกครองเดียวกนั มีวฒั นธรรมท่ี เหมือนกัน และมีอานาจอธิปไตยเป็นของตนเอง องค์ประกอบของรฐั ท่ีสาคัญ คือ ประชากร ดนิ แดน รฐั บาล และอานาจอธปิ ไตย โดยรปู แบบของรฐั สามารถจาแนกเป็นรฐั เด่ยี ว สหพนั ธฐั และสมาพนั ธรฐั ซ่งึ รฐั มบทบาทหน้าท่ีต่างๆไดแ้ ก่ ด้านเศรษฐกจิ ด้าน สงั คม ดา้ นความมนั่ คง ดา้ นการเมอื งการปกครอง และดา้ นการศกึ ษา ความสำคัญของการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย ระบอบประชาธปิ ไตยเป็นระบอบการเมอื งการปกครองทป่ี ระชาชนสามารถเขา้ มามสี ว่ นร่วมในกจิ กรรมทางการเมอื งการปกครองและตรวจสอบการทางานของ ภาครฐั ได้ โดยมหี ลกั การสาคญั คอื มอี านาจอธปิ ไตยเป็นอานาจสูงสุด มกี าร เลอื กตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรเขา้ มาทาหน้าทฝ่ี ่ายบรหิ ารและฝ่ายนติ ิบญั ญตั ิ ประชาชนย่อมไดร้ บั การคุม้ ครองและไดร้ บั สทิ ธิ เสรภี าพ และความเสมอภาค เท่าเทยี มกนั ความสำคญั ของการปกครองระบอบประชาธิปไตย อนั มีพระมหากษตั รยิ ์ทรงเป็นประมุข ประเทศไทยมกี ารปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็น ประมุข พระมหากษัตริย์ไทยทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อปวงชนชาวไทย นานปั การ โดยไมแ่ บง่ แยกเชอ้ื ชาตแิ ละศาสนา และเป็น ศูนยร์ วมจติ ใจของชาวไทย
บรรณานกุ รม ➢ หนงั สอื หนา้ ทพี่ ลเมอื งวฒั นธรรมและการ ดำเนนิ ชวี ติ ในสงั คม ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4-6 หนา้ 113-133 - 1.ความรู้ท่ัวไปเก่ียวกับรฐั หนงั สอื หนา้ ทีพ่ ลเมืองวัฒนธรรมและการดำเนนิ ชีวิตใน สงั คม ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4-6 หน้า 114-121 - 2.ความสำคัญของการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย หนงั สือหน้าทีพ่ ลเมืองวฒั นธรรมและการดำเนนิ ชีวติ ใน สังคม ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4-6 หนา้ 122-128 - 3.ความสำคัญของการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมี พระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมขุ หนงั สอื หนา้ ทพี่ ลเมอื งวฒั นธรรมและการดำเนินชวี ติ ใน สังคม ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4-6 หนา้ 129-132
E-Book เรอ่ื ง การปกครองระบอบประชาธิปไตย รายวิชา หนา้ ท่ีพลเมือง (ส31101) รายชอ่ื ผู้จดั ทำ นาย ธีรเทพ ออ่ นนิ่ม ม.4/2 เลขท่ี 1 นาย พชั รวัชร์ มณีดษิ ฐ์ ม.4/2 เลขท่ี 3 นางสาว พิมพ์ลภสั สวุ รรณยานนท์ ม.4/2 เลขที่ 22 นางสาว รัตนาวดี วชิ าเกวียน ม.4/2 เลขที่ 23 เสนอ คณุ ครู ณัฐรนิ ยี ์ สมนกึ
Search
Read the Text Version
- 1 - 29
Pages: