ใบความร้ทู ี่ 1 ความรทู้ ว่ั ไปเกย่ี วกบั การจกั สาน เคร่ืองจกั สาน คือ เครื่องใชท้ ่ีทำดว้ ยไมไ้ ผห่ รือหวำย จำกฝีมือควำมคดิ ภูมิปัญญำของ ชำวบำ้ นมีลกั ษณะรูปทรงแตกตำ่ งกนั ไปตำมแตล่ ะทอ้ งถ่ินท้งั น้ีข้ึนอยกู่ บั ภมู ิประเทศ วสั ดุ อุปกรณ์คตินิยม และอำชีพของคนในทอ้ งถิ่นน้นั คำวำ่ “ จกั สาน” คำวำ่ จกั คือ กำรทำใหเ้ ป็นแฉก เป็นหยกั ๆ ดว้ ยฟันเล่ือย หรืออีกวธิ ีกำร หน่ึง กำรท่ีชำวบำ้ นใชค้ มมีดผำ่ ไมไ้ ผแ่ ลว้ ทำใหเ้ ป็นเส้นบำงๆ วธิ ีกำรอยำ่ งน้ีก็เรียกวำ่ จกั เช่นกนั ส่วนไมไ้ ผ่ หรือ หวำย ที่จกั ออกมำเป็นเสน้ บำงๆ น้นั เรียกวำ่ ตอก ถึงตอนน้ีกำรท่ี ชำวบำ้ นนำตอกมำขดั กนั จนเกิดลวดลำยท่ีตอ้ งกำร เรำเรียกวำ่ สำน ตอ่ จำกน้นั แลว้ กจ็ ะเป็นกำร สร้ำงสรรคใ์ หเ้ กิดรูปทรงตำ่ งๆ จนทำ้ ยที่สุดเป็นภำชนะสำมำรถนำไปใชส้ อยไดต้ ำมตอ้ งกำร จะเห็นวำ่ เคร่ืองจกั สำนไทยน้นั มีมำกมำยหลำยชนิด และมีเอกลกั ษณ์เฉพำะถ่ิน ท่ีแตกตำ่ งกนั ไป ลกั ษณะเฉพำะถ่ินของเครื่องจกั สำนเหล่ำน้นั สะทอ้ นใหเ้ ห็นสภำพ ภมู ิศำสตร์ของแต่ละทอ้ งถ่ิน สภำพกำรดำรงชีวิต ขนบประเพณี ควำมเช่ือ ตลอดจนถึง กำรนบั ถือศำสนำของกลมุ่ ชน ที่ผลิตเครื่องจกั สำน เคร่ืองจกั สำนจึงเป็น ศิลปหตั ถกรรม มีคุณค่ำ ในฐำนะที่เป็นหลกั ฐำนทำงประวตั ิศำสตร์ของชุมชนทอ้ งถิ่น ต่ำงๆ ไดด้ ีอยำ่ งหน่ึง คุณค่ำอีกประกำรหน่ึงของเครื่องจกั สำนคอื คณุ ค่ำทำงศิลปะ และ ควำมงำม เคร่ืองจกั สำนหลำยชนิด มีรูปทรง โครงสร้ำง และลวดลำยที่ลงตวั งดงำม
เครอ่ื งจักสารมกี ี่ ?ประเภท เคร่ืองจกั สานพื้นบ้านทมี่ ใี ช้กนั อย่ใู นชนบทปัจจุบนั นี้ จดั แบ่งตามหน้าทใ่ี ช้สอยได้เป็ น ๔ ประเภท คือ ๑. เคร่ืองมือกสิกรรม ซ่ึงเป็นหตั ถกรรมท่ีสร้ำงข้ึน เพ่ือสนองประโยชนใ์ หก้ บั ชำวนำ และ ชำวสวน ในชีวิตประจำวนั ไดแ้ ก่ โชงโลงหรือโพง เขง่ ใส่ของ ครำด พอ้ ม ป้งุ กี๋ สุ่มครอบไก่ ตะกร้อสอยผลไม้ ฯลฯ กำรสำนเข่งกระจำด สำแหรก และไมค้ ำน ๒. เคร่ืองมือจับปลา ซ่ึงส่วนมำกชำวบำ้ นจะสร้ำงข้ึนใชเ้ อง เพื่อใชส้ ำหรับหำปลำในกำรเล้ียงชีพ กนั ไปวนั หน่ึงๆ มี ชนำง ขอ้ ง กระชงั ลอบ ไซ สุ่ม ตุม้ และอีจู้ เป็นตน้ ๓. เคร่ืองใช้ภายในบ้าน ซ่ึงยงั คงเป็นที่นิยมใชก้ นั ในบรรดำชำวชนบท เคร่ืองใชเ้ หลำ่ น้ี คือ ชะลอม ฝำชี พดั กระบงุ กระจำด กระชอน กระโล่ กระดง้ ตะกร้ำ ตะแกรง เสวยี น พดั ๔. ส่ิงของเบด็ เตลด็ ซ่ึงผเู้ ขียนไดแ้ ยกออก ตำมลกั ษณะกำรใชเ้ ป็น ๕ กล่มุ ดว้ ยกนั คือ เคร่ือง ใช้ ในกำรประกอบอำหำร เครื่องแต่งกำย เครื่อง หมำยสญั ลกั ษณ์ เครื่องกีฬำและเครื่องเล่น คือ กะจ้ี เขง่ ปลำ ที่ชอ้ นฟองน้ำตำล ที่กนั น้ำปลำ หมวก งอบ เฉลวปักหมอ้ นก กุง้ ตก๊ั แตน ปลำ
วตั ถดุ ิบท่ีใช้ทำเครอ่ื งจกั สำน วตั ถุดบิ จากธรรมชาตทิ ใ่ี ชท้ าเครอ่ื งจกั สาน มหี ลายชนดิ ดงั น้ี ไผ่ เป็นไมม้ ลี าตน้ สงู และเป็นปลอ้ งๆ มมี ากมายหลายชนิด เชน่ ไผ่สสี ุกไผซ่ าง ไผต่ ง ไผ่เรย้ี ซง่ึ ขน้ึ อยทู่ วั่ ไป ในทกุ ภูมภิ าคของประเทศ แต่ละชนิดมคี ุณสมบตั ทิ น่ี ามาใชท้ าเครอ่ื งจกั สานไดด้ แี ตกต่างกนั ไป ไผส่ ีสุก เป็นไผ่ทน่ี ิยมนามาทาเคร่อื งจกั สานมากทส่ี ุด เพราะมผี วิ สวย เรยี บเป็นมนั เน้อื หนาและแขง็ ลาตน้ ตรง พบอยทู่ วั่ ไปแทบทุกภาค ของประเทศ ไผซ่ ำง เป็นไผ่ขนาดกลาง ปลอ้ งยาว เน้อื ออ่ น ขน้ึ ทวั่ ไปในภาคเหนือนิยมนามาทาตะกรา้ หรอื ทาตอกใชม้ ดั สงิ่ ของ ไผ่ตง เป็นไผ่ลาใหญ่และสงู ลาตน้ ตรง ไม่มหี นาม เน้อื ไมห้ นาใชท้ าเครอ่ื งจกั สานไดด้ ี ไผบ่ ง เป็นไผ่ลาขนาดกลาง ลาตน้ ตรง นิยมนามาสานชะลอม พดั ใชท้ าตอกมดั ของทุกชนิด ไมไ้ ผ่ที่ใช้ทำเครื่องจกั สำนได้ยงั มีอีกหลำยชนิด เช่น ไผห่ ก ไผร่ วก ไผเ่ รี้ย (เฮี้ย) ไม้ไผ่เหล่ำนี้นำมำทำ เครื่องจกั สำนได้มำกมำยหลำยชนิด ตงั้ แต่ทำเป็นพวกภำชนะเครอ่ื งใช้ เช่น กระบงุ ตะกรำ้ กระจำด ไปจนถึง ทำเป็นเคร่อื งมอื ดกั จบั หรือขงั สตั วน์ ้ำ เช่น ตะข้อง กระชงั ส่มุ อีจู้ ลอบ ไซ ชนำง
หวำย มลี าตน้ ยาว ผวิ เกลย้ี ง เหนยี ว ขน้ึ เป็นกอ มหี ลายชนดิ เช่น หวายตะคา้ ทอง ซง่ึ เป็นหวายชนดิ หน่งึ ทห่ี าไดง้ า่ ย เคร่อื งจกั สานทท่ี าดว้ ยหวายอาจใชห้ วายทงั้ หมด หรอื ผสมกบั วสั ดุ ชนดิ อ่นื เช่น ไมไ้ ผ่ ใบตาล ใบลาน ยำ่ นลิเภำ เป็นเฟิรน์ เถา มมี ากทางภาคใต้ เรยี กช่อื ต่างกนั ไป เชน่ หญา้ ลเิ ภา หญา้ ยายเภา หรอื ยา่ นบองหยอง ภาษามลายู เรยี ก “ลบิ ”ู มที งั้ ชนดิ ทเ่ี ถาสดี าและสนี ้าตาลแดง สว่ นทน่ี ามาใชค้ อื เปลอื กเถา โดยนามาจกั เป็นเสน้ สานเป็นเคร่อื งใชต้ ่างๆ เช่น พาน กระเป๋ าถอื สตรี เชย่ี นหมาก ทร่ี องแกว้ หยุ่นคนั ่ กระจดู เป็นไมล้ ม้ ลกุ ชนิดหน่งึ มลี าตน้ กลม ภายในกลวงและมเี ยอ่ื ออ่ น แหง้ เป็นขอ้ ๆมมี ากทางภาคใต้ กระจดู เม่อื นาตน้ มาทุบใหแ้ บน แลว้ ตากแดดให้ ใชส้ านเสอ่ื กระสอบ หรอื สานเป็นเครอ่ื งใช้ และภาชนะหลายอย่างไดด้ ี กก เป็นไมล้ ม้ ลุก มหี ลายชนิด ขน้ึ ในทช่ี น้ื แฉะ ชนดิ ทม่ี ลี าตน้ กลมนยิ มนามาสานเสอ่ื นอกจากใชต้ ้นหรอื เถาของพรรณไมบ้ างชนิดมาทาเคร่อื งจกั สานแลว้ ยงั มกี ารนาใบไมข้ องตน้ ไม้ เชน่ ตาล มะพรา้ ว ลาน ลาเจยี กหรอื ปาหนนั เตย จาก คลา้ มาทาเป็นเครอ่ื งจกั สานดว้ ย
Search
Read the Text Version
- 1 - 4
Pages: