ใบความรทู้ ี่ 3 เอกลกั ษณข์ องการจกั สานในชมุ ชน เคร่อื งจกั สานพน้ื บา้ นทน่ี ่าสนใจอกี อยา่ งหน่งึ คอื \"ตะกร้า\" หรอื ทภ่ี าษาถนิ่ เรยี ก \"กะตา้ \" หรอื \"กะตา่ \" ซง่ึ เป็น ภาชนะจกั สาน ทใ่ี ชก้ นั แพร่หลายในภาคอสี าน ตะกรา้ หรอื กะตา้ สาน มปี ระโยชน์ในการใชส้ อยเช่นเดยี วกบั ตะกรา้ ภาคกลาง หรอื เซา้ ภาคเหนือ เป็นภาชนะ ทใ่ี ชก้ นั อย่างกวา้ งขวางในภาคอสี าน เพราะใชใ้ สข่ องไดส้ ารพดั และใชไ้ ดท้ งั้ การหว้ิ หาบ และคอน ดว้ ยไมค้ าน รปู ทรง ของตะกรา้ หรอื กะตา้ ตา่ งไปจากตะกรา้ ภาคอ่นื กะตา้ สานดว้ ยไมไ้ ผ่ เรม่ิ สานก้นกอ่ น ดว้ ยลายขดั (ลายขดั บ)ี ตอกคู่ แลว้ คอ่ ยๆ สานต่อขน้ึ มาดา้ นขา้ งของตะกรา้ ดว้ ยลายธรรมดาเรอ่ื ยไปจนถงึ ปากของตะกรา้ ซง่ึ จะใชต้ อกเสน้ เลก็ เพอ่ื ความแขง็ แรงทนทาน ปากหรอื ขอบตะกรา้ จะใชว้ ธิ เี กบ็ นิม โดยสานซอ่ นตอกเขา้ ในตวั ตะกรา้ เสรจ็ แลว้ จะทาหตู ะกรา้ เพอ่ื ใชห้ ว้ิ หรอื หาบ โดยมากจะใชไ้ มไ้ ผ่อกี ชน้ิ หน่งึ โคง้ เหนือปากตะกรา้ แลว้ ผกู ปลายทงั้ สองเขา้ กบั ขอบตะกรา้ ตะกรา้ ภาคอสี าน จะมรี ูปทรงคลา้ ยๆ กนั เป็นสว่ นใหญ่ อาจจะมขี นาดเลก็ และใหญต่ า่ งกนั เท่านนั้ ตะกรา้ ชนิดน้จี ะใชไ้ ดท้ งั้ แบบเป็นคู่ และใชห้ ว้ิ เพยี งใบเดยี ว ตงั้ แต่ใชใ้ สผ่ กั ผลไม้ ถ่าน และสงิ่ ของอน่ื ๆ ไปจนถงึ ใชเ้ ป็นเชย่ี นหมาก สาหรบั ใส่ หมาก เรยี กวา่ \"คหุ มาก\" หรอื บางครงั้ ใชช้ นั ยา ทาเป็นครหุ รอื คุ สาหรบั ตกั น้ากไ็ ด้ ชาวอสี านนิยมใชก้ ะต้ากนั ทวั่ ไป เพราะมนี ้าหนกั เบา ทาไดง้ า่ ย ราคาถกู กว่าภาชนะชนดิ อ่นื อยา่ งไรกต็ าม ตะกร้าสานของอีสานถึงแมว้ ่า จะเป็นเครื่องจกั สานที่มีรปู ทรง และลวดลาย ในการสานงา่ ยๆ ไมล่ ะเอียดประณีต แต่เป็นเครือ่ งใช้ในครวั เรอื นท่ีใช้กนั แพรห่ ลาย เป็นเครอ่ื ง จกั สาน ท่ีมเี อกลกั ษณ์โดดเด่นชนิดหนึ่งของอีสาน จะพบเหน็ ชาวอีสานหิ้วตะกรา้ หรอื หาบ ตะกรา้ นี้ทวั่ ไป
ลวดลายในการสานเครื่องจกั สาน แบบอยา่ งของลวดลายของเคร่อื งจกั สานในแตล่ ะถนิ่ มหี ลกั เฉพาะทอ้ งถนิ่ ทแ่ี ตกต่างกนั ไป และมชี อ่ื เรยี กลายตา่ ง ๆ แตกตา่ งกนั แมจ้ ะเป็นลายชนิดเดยี วกนั กต็ าม ลกั ษณะของการ สรา้ งลวดลายแบง่ ไดเ้ ป็นแบบตา่ ง ๆ ดงั น้ี 1. ลายขดั 2. ลายทแยง 3. ลายขด 4. ลายอสิ ระ ลายขดั เป็นลายพน้ื ฐานของเครอ่ื งจกั สานซง่ึ อาจจะเป็นลวดลาย เบอ้ื งตน้ ของการทาเครอ่ื งจกั สานทเ่ี ก่าแกท่ ส่ี ุดกไ็ ด้ ลกั ษณะของลายขดั เป็นการสรา้ งแรงยดึ ระหว่างกนั ดว้ ยการขดั กนั ของตอก หรอื วสั ดุอน่ื ดว้ ยการ ขดั กนั ระหว่างแนวตงั้ หรอื เสน้ ตงั้ และแนวนอนหรอื เสน้ นอน ถา้ พจิ ารณา แลว้ จะเหน็ วา่ \"ลายขดั \" เป็นแม่แบบของลายสานทงั้ ปวง ซ่ึงมอี ย่ใู นงานจกั สาน ของชนชาตติ า่ ง ๆ ทวั่ ไป เป็นลายทว่ี วิ ฒั นาการขน้ึ มา เป็นลายตา่ งๆ ตงั้ แตล่ ายขดั ธรรมดาไปจนถงึ การสานแบบยกดอกเป็นลวดลายต่าง ๆ ลกั ษณะโครงสรา้ งของ ลายขดั น้เี ป็นลายทม่ี แี รงยดึ มาก จงึ มคี วามแน่น และแขง็ แรงใหค้ วามคงทนมาก จงึ นิยมใชส้ านประกอบกบั ลายอ่นื ๆ ในสว่ น ทต่ี อ้ งการความแขง็ แรง เช่นสว่ นทเ่ี ป็นกน้ เป็นปาก คอ ของภาชนะ เป็นตน้ ของลายทแยง ลายทแยง ลกั ษณะการสานคลา้ ยการถกั สว่ นมากใชต้ อกเสน้ แบน ๆ เป็นลายสานท่ี บาง ๆเพราะการสานลายชนดิ น้ตี อ้ งการแผน่ ทบึ โครงสรา้ ง โคง้ ของภาชนะ จะเบยี ดตวั กนั สนิทไม่มเี สน้ ตงั้ หรอื เสน้ นอนเหมอื นลายขดั สามารถทรง ตอ้ งการผวิ เรยี บบางสามารถสานต่อเชอ่ื มกนั ไปตามความ ทต่ี อ้ งการได้ เคร่อื งจกั สานทส่ี านดว้ ยลายทแยงน้สี ว่ นมากจะ รปู อย่ไู ดด้ ว้ ยตวั เอง แตค่ วามแขง็ แรงจะไม่ทนเท่าลายขดั ลายขด ลายสานแบบขดสว่ นมากจะใชส้ านภาชนะโดยสรา้ งรปู ทรงขน้ึ ดว้ ยการขดของวสั ดซุ อ้ นเป็นชนั้ ๆ แลว้ ใชต้ วั กลางเช่อื มถกั เขา้ ดว้ ยการเยบ็ ถกั หรอื มดั ลายสานแบบขด มกั ใชว้ สั ดจุ าพวกหวาย ปอ และวสั ดอุ ่นื ๆ ทไ่ี ม่สามารถคงรูปอยไู่ ดด้ ว้ ยความแขง็ ของตนเอง ลายสานแบบขดจะรบั น้าหนกั และแรงตน้ ไดด้ เี พราะโครงสรา้ งทุกสว่ นจะรบั น้าหนกั เฉลย่ี โดยทวั่ ถงึ กนั
ลายอิสระ เป็นลายทส่ี านขน้ึ ตามความตอ้ งการของผสู้ าน เป็นลายทเ่ี กดิ จากการสรา้ งสรรคท์ อ่ี สิ ระ ตามความตอ้ งการใชส้ อย เป็นการสรา้ งลวดลายใหเ้ กดิ เป็นเคร่อื งจกั สานทต่ี ่างไปจากลวดลายแบบอ่นื ๆ จะ พบเหน็ ทวั่ ไปในภาคตา่ ง ๆ ของประเทศ นบั วา่ เป็นลายทน่ี ่าสนใจลายหน่งึ ในกระบวนการกระทาเคร่อื งจกั สาน (สน ไชย ฤทธโิ์ ชต,ิ 2539 : 184) วสั ดจุ กั สานของไทย ประจกั ษ์ บญุ อารยี ์ กล่าวว่า กะต่า บางทอ้ งถน่ิ เรยี กว่า กะซ้า เป็นเคร่อื งจกั สานทค่ี รวั เรอื นชาวอสี านทกุ ครวั เรอื นตอ้ งใช้ มลี กั ษณะทวั่ ไปเป็นทรงกระบอก สว่ นล่างหรอื สว่ นก้นเลก็ ว่าสว่ นปากเลก็ น้อย สว่ นกลางโป่งออก พองาม โดยปกตทิ าดว้ ยไมไ้ ผ่ทช่ี าวอสี านเรยี กว่า ไมไ้ ผใ่ หญ่ บา้ งกท็ าดว้ ยหวาย ขนาดของกะตา่ ขน้ึ กบั วตั ถุประสงค์ ของการใชส้ อยและผใู้ ช้ ขนาดใหญ่ทส่ี ดุ เรยี กว่า กะต่าหม่นื คอื สามารถบรรจขุ า้ วเปลอื กไดป้ ระมาณหน่งึ หม่นื (12 กโิ ลกรมั ) หรอื มกี ้นขนาดประมาณ 8-12 น้วิ กะตา่ แบ่งตามลกั ษณะรูปร่างและประโยชน์ใชส้ อยได้ 3 ประเภท คอื กะตา่ ฮวง (รวง) กะตา่ หู และกะต่าตาแตก กะต่าฮวง มงี วงหรอื หหู รอื ทจ่ี บั ย่นื จากปากกะต่าขนาดเทา่ ความสงู ของกะต่า หรอื ไมเ่ กนิ สองเทา่ ของความ สงู ตวั กะต่า เพอ่ื ใหผ้ หู้ าบสามารถหาบพน้ จากพน้ื สงู พอทจ่ี ะเดนิ ไดส้ ะดวก ฮวงกะต่าอาจจะทาดว้ ยไมไ้ ผ่ หวาย หรอื ไมท้ ม่ี คี วามเหนียม สามารถทานน้าหนกั ของกะต่าได้ กะต่าหู หรอื กะต่าสาย ทาหทู ป่ี ากกะต่าตรงขา้ มกนั ขา้ งละสองหู เพอ่ื สอดเชอื กผกู รดั กบั กะตา่ ปล่อย เชอื กเป็นห่วง ความยาวขนาดพอกบั กะต่าฮวง เพอ่ื ทาหน้าทแ่ี ทนฮวงกะตา่ เรยี กว่า สายกะต่า สามารถผกู ปลาย เชอื กใหส้ นั้ ยาวไดต้ ามความตอ้ งการของผใู้ ช้ ถา้ ทาใหส้ นั้ ลงเรยี กว่า “จอ้ นสายกะต่า” ถา้ ทาใหย้ าวขน้ึ เรยี กว่า “ยาน สายกะต่า” ทงั้ กะตา่ ฮวงและกะต่าหู นยิ มทาเป็นค่หู รอื กะต่าหาบ กะต่าตาแตก หรอื กะต่าตาห่าง เป็นประเภทกะตา่ เดย่ี ว กะตา่ หทู ท่ี าสายขน้ึ พเิ ศษเพอ่ื การสะพาย
การสานกะต่า เรมิ่ ต้นดว้ ยการสานก้นเป็นลายคบุ หรอื ลายสองหรอื ลายสาม ขนาดตามความ ตอ้ งการ คดั กน้ ดว้ ยไมไ้ ขวก้ นั เพอ่ื ใหส้ ว่ นกลางนูนขน้ึ สว่ นมุมเป็นปุ่มทาหน้าทเ่ี ป็นตนี และช่วยเสรมิ ใหก้ น้ กะต่า แขง็ แรง เม่อื ก่อเสรจ็ จงึ ขน้ึ รปู โดยใชต้ อกสาน โดยปกตจิ ะสานทลี ะสามเสน้ พรอ้ มกนั แต่ไล่ตามกนั เป็นรอบ ๆ ลาย สานกะต่าจะ ใชล้ ายขดั สาม คอื ยกตอกยงั้ สามเสน้ แลว้ ขา้ มหรอื เวน้ สามเสน้ จงึ ยกอกี สามเสน้ เร่อื ยไป แต่ระหวา่ ง เสน้ ตอกสาน สามเสน้ ทส่ี านไลต่ ามกนั จะเหลอ่ื มตอกยงั้ กนั อย่เู สน้ เดยี ว การจดั รปู ร่างขน้ึ อย่กู บั ลกั ษณะความเนียน ของตอกและ ฝีมอื ของคนสาน เม่อื สานไดข้ นาดความสงู ตามตอ้ งการแลว้ จงึ มว้ นสว่ นปากกะต่าใหเ้ ป็นขอบดว้ ย วธิ กี ารมว้ นปาก กะต่าโดยเฉพาะ หลงั จากนนั้ จงึ ตอกตนี ขนาดประมาณ 1 น้วิ ทม่ี ุมก้น 4 มุม แลว้ จงึ ทาฮวงหรอื ทาหู กะต่าในภาคอีสานนี้จะมีรปู ทรงคลา้ ย ๆ กนั จะต่างกนั ด้วยขนาดเลก็ ใหญ่ กะต่าจะใช้ได้ทงั้ แบบเป็ นคู่ และใช้หิ้วเพียงใบเดียว ตงั้ แต่ใช้ใส่ผกั ผลไม้ ถ่าน และสิ่งของต่าง ๆ ไปจนถึง เช่ียนหมาก เรียกว่า คหุ มาก หรอื บางครงั้ ใช้ชนั ยาทาเป็นครหุ รือคสุ าหรบั ตกั น้ากไ็ ด้ เพราะมีน้าหนักเบา ทาได้งา่ ย ราคาถกู กว่าภาชนะอื่น
Search
Read the Text Version
- 1 - 4
Pages: