เอกสารประกอบการสอน Student [COMPANY NAME] [Company address] เอกสารการสอน เร่อื ง การวนิ ิจฉยั ปัญหาสุขภาพชมุ ชน ปีกศษ 2562 อ.ขวญั ตา เพชรมณโี ชติ วพบ.ชลบรุ ี หนา้ 1
บทท่ี 7 การวินิจฉัยปัญหาสุขภาพชุมชน สาหรบั นกั ศึกษาพยาบาลศาสตร์ ชั้นปีท่ี 4 รุน่ ที่ 40 ปีการศึกษา 2562 (สอนออนไลน์ Covid-19) อ.ขวญั ตา เพชรมณโี ชติ ภาควชิ าการพยาบาลอนามัยชมุ ชนและจติ เวช วทิ ยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบรุ ี หวั ขอ้ การสอน ก. การศึกษาสภาพชุมชนแบบองค์รวม ข. การประเมนิ ภาวะสขุ ภาพชมุ ชน ค. ข้อบ่งชี้ลักษณะชุมชนท่มี ีปญั หาสุขภาพ ง. การจัดลาดับความสาคญั ของปัญหาสขุ ภาพชมุ ชน จ. การวิเคราะหส์ าเหตขุ องปัญหา แนวคิด ก. การศึกษาสภาพชุมชนแบบองค์รวม สามารถพิจารณาได้ 3 มิติ คือ มิติด้านสถานะทางสุขภาพ (Status Dimensions) มิติด้านโครงสร้าง (Structural Dimensions) มิติด้านกระบวนการ (Process Dimensions) นอกจาน้ียังกาหนดดัชนีชี้วัดสุขภาพชุมชนได้อีก 4 มิติ คือ มิติทางกาย มิติทางใจ มิติ ดา้ นสังคมและสิง่ แวดล้อมและมิตดิ ้านจิตวิญญาณ ข. การประเมินภาวะสุขภาพชุมชน เป็นการประเมินสภาพการณ์อนามัยของชุมชนในแง่สถานะ สุขภาพของประชาชน บริการอนามัยตลอดจนปัจจัยท่ีมีผลต่อสถานการณ์นั้นรวมถึงลักษณะโครงสร้าง ของสังคม ประชากร เศรษฐกิจและการเมืองเพื่อทราบถึงปัญหาแล ะความต้องการด้านอนามัย เอกสารการสอน เรื่อง การวนิ จิ ฉยั ปัญหาสขุ ภาพชมุ ชน ปีกศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวญั ตา เพชรมณโี ชติ วพบ.ชลบุรีหนา้ 39
ประกอบด้วยขั้นตอนการรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล การนาเสนอข้อมูล การแปลผลข้อมูล และการสรุปผล ค. ข้อบ่งช้ีลักษณะชุมชนท่ีมีปัญหาสุขภาพ หรือ การวินิจฉัยอนามัยชุมชน (Community diagnosis) เป็นการประเมินเพ่ือที่จะทราบว่า อะไรคือปัญหาอนามัยที่สาคัญของชุมชนที่จะต้องทาการแก้ไข และอะไรคือสาเหตุของปัญหาน้ัน ขั้นตอนของการวินิจฉัยปัญหาอนามัยชุมชน ประกอบดว้ ย การระบุปัญหา อนามัยชมุ ชน การจดั ลาดับความสาคัญของปัญหาและการศึกษาสาเหตุของปัญหาอนามัยชุมชน ง. การจัดลาดับความสาคัญของปัญหาสุขภาพชุมชน มีวิธีการต่างๆ คือ วิธีการของแฮลอนเหมาะ สาหรับการจัดลาดับความสาคัญของปัญหาระดับนโยบาย วิธีการกระบวนการกลุ่มเป็นการนา กระบวนการกลุ่มมาใช้ในการจัดลาดับความสาคัญของปัญหาเพื่อให้คนในชุมชนตัดสินใจเลือกแก้ปัญหา ด้วยตนเอง วธิ กี ารคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหิดลเป็นวิธที ีน่ ยิ มและสามารถใชไ้ ดใ้ นทุกชุมชน เน่ืองจากมีองค์ประกอบท่ีตัดสินใจชัดเจนและคานวณออกมาเป็นคะแนนที่ตัดสินง่าย วธิ ีการของ 5 D เป็น การใช้หลกั การทางระบาดวิทยาเกณฑใ์ นการพิจารณา จ. การวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาจัดทาเพ่ือหาสาเหตุของการเกิดโรคและปัจจัยท่ีส่งเสริมให้มี การเกิดและการแพร่กระจายของโรคเพ่ิมขึ้นซ่ึงเป็นหัวใจสาคัญเบ้ืองต้นท่ีจะนาไปสู่ความสาเร็จและทาให้ การดาเนินงานควบคุมและป้องกันโรคบรรลุเป้าประสงค์ท่ีกาหนดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีหลายวิธี ได้แก่ การวิเคราะห์หาสาเหตุตามหลักวิทยาการระบาด วิเคราะห์ปัจจัยในตัวบุคคล โดย KAP survey วิเคราะห์พฤติกรรมสุขภาพตามกรอบแนวคิดของ PRECEDE Framework แผนภูมิก้างปลา แผนผัง ก้างปลาหรือเรียกเป็นทางการว่าแผนผังสาเหตุและผล การสร้างโยงใยแห่งความสัมพันธ์ของสาเหตุของ ปญั หา หรอื หาความสมั พันธ์ของสาเหตขุ องปัญหา (Web of causation) วัตถปุ ระสงค์ เมือ่ จบบทเรยี นผเู้ รียนสามารถ 1. บอกวธิ กี ารศกึ ษาสภาพชุมชนแบบองคร์ วมได้ 2. อธบิ ายการประเมินภาวะสขุ ภาพชมุ ชนได้ 3. ระบุชมุ ชนทมี่ ปี ัญหาสุขภาพตามสถานการณท์ ่กี าหนดได้ 4. จดั ลาดับความสาคญั ของปญั หาสขุ ภาพชุมชนตามสถานการณท์ ี่กาหนดได้ 5. วเิ คราะห์สาเหตุของปัญหาสุขภาพชุมชนตามสถานการณท์ ก่ี าหนดได้ ก. การศกึ ษาสภาพชุมชนแบบองคร์ วม ชุมชนโดยท่ัวไป หมายถึง การอยู่รวมกันของบุคคลที่มีลกั ษณะและความต้องการหลากหลายและมี ความผูกพันกันทางสังคมในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง มีการใช้ทรัพยากรร่วมกันหรือมีสิ่งท่ีเป็นความสนใจ รว่ มกนั ซึ่งชุมชนมหี น้าท่พี นื้ ฐาน 5 ประการ คือ เอกสารการสอน เร่อื ง การวินิจฉยั ปญั หาสุขภาพชมุ ชน ปกี ศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวัญตา เพชรมณีโชติ วพบ.ชลบุรีหน้า 39
1. การผลติ การกระจายการบริโภคสนิ คา้ และการบริการ 2. การขัดเกลาสมาชิก 3. การควบคุมสมาชิกในสงั คม 4. การมีปฏิสัมพันธ์ 5. การสนบั สนุนชว่ ยเหลอื ซง่ึ กนั และกนั ความหมายของสุขภาพชุมชน พจนานุกรมไวกิพีเดีย ( Wikipedia, 2009 ) ระบุว่าสุขภาพชุมชน หรืออนามัยชุมชน เป็นส่วนหนึ่งของการสาธารณสุขซ่ึงเก่ียวข้องกับการพัฒนาภาวะสุขภาพต่างๆที่อยู่ใน ชุมชนโดยมองชุมชนเชิงกายภาพมากกว่าที่จะมองการมีลักษณะร่วมของคนในชุมชนเพื่อให้สามารถระบุ ขอบเขตหรือกาหนดพื้นที่ของชุมชนท่ีชัดเจนและสามารถคานวณหรือค้นหาภาวะสุขภาพท่ีต้องการได้ ( Allender & Spradly, 2001:3 อ้างถึงในวนิดา ดุรงค์ฤทธิชัย และจริยาวัตร คมพยัคฆ์ 2554 :73) เป้าหมายของสุขภาพชุมชน คือ การสร้างความรสู้ กึ ผาสุกหรือเป็นสุข หรือท่ีเรียกวา่ คณุ ภาพชีวติ ( Quality Of Life : QOL) ให้คนในชุมชนเกิดความสัมพันธ์อย่างมีความหมายหรือสัมพันธ์กันแบบใช้เหตุผล มีความรู้สึกว่าตนเป็นสมาชิกของกลุ่ม องค์กรหรือชุมชน ซ่ึงหากคนในชุมชนขาดความรู้สึกเช่นนี้คุณภาพ ชีวิตโดยรวมจะลดลงและส่งผลให้สุขภาพชุมชนเสียไปด้วย ดังน้ัน จิตสานึกของคนในชุมชนท่ีตระหนักว่า ตนเองเป็นผู้กาหนดสุขภาพจึงเป็นรากฐานสาคัญและเป็นดัชนีบ่งช้ีระดับสุขภาพชุมชนได้ดีกว่าการมอง เฉพาะการเจ็บปว่ ยและการตายเท่านน้ั การมองสขุ ภาพชมุ ชนแบบองค์รวมสามารถพิจารณาได้ 3 มิตแิ ละสามารถระบดุ ชั นชี วี้ ัดในแต่ละมิติ ดังนี้ 1. มิติด้านสถานะทางสุขภาพ (Status Dimensions) ได้แก่ องค์ประกอบด้านชีววิทยา อารมณ์ และสงั คม ดัชนชี ี้วัดท่เี กย่ี วข้อง ได้แก่ ดัชนีการป่วย การตาย อายุขัย ปจั จัยเสี่ยงต่างๆ ความพึงพอใจ ของผบู้ รโิ ภค สุขภาพจิต อัตราการเกดิ อาชญากรรม การขาดงานและอัตราการตายของทารก 2. มิติด้านโครงสร้าง (Structural Dimensions) ได้แก่ การบริการต่างๆเก่ียวกับสุขภาพใน ชุมชนและแหล่งบริการสุขภาพ ดัชนีชี้วัดท่ีเก่ียวข้อง ได้แก่ รูปแบบการให้บริการ ข้อมูลการรักษาและ สดั ส่วนของผู้ให้และผใู้ ช้บริการ นอกจากนย้ี ังสามารถใช้เป็นดัชนีช้วี ัดด้านสังคม เช่น การกระจายทางดา้ น เศรษฐกิจ ฐานะทางสงั คมและระดบั การศึกษา เป็นต้น 3. มิติด้านกระบวนการ(Process Dimensions) ได้แก่ การทาหน้าทท่ี ี่มีประสทิ ธิภาพของชุมชน และการแก้ปัญหาที่เกิดจากความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วมกันแล้วทาให้ชุม ชนเข้มแข็งดัชนีชี้วัดที่เก่ียวข้อง ได้แก่ ความตระหนักเก่ียวกับตนเองและคนในชุมชน การส่ือสารท่ีมีประสิทธิภาพ การจัดการความ ขดั แย้ง การมีสว่ นรว่ ม ปฏิสมั พนั ธข์ องคนในชมุ ชนและกลไกตา่ งๆทีเ่ ออ้ื อานวยต่อการตัดสินใจ นอกจากนี้ยังสามารถกาหนดดชั นีชีว้ ดั สขุ ภาพชมุ ชนใน 4 มติ ิ คอื มิตทิ างกาย มติ ทิ างใจ มติ ดิ ้านสงั คมและสิ่งแวดล้อมและมิติดา้ นจิตวิญญาณ มิตเิ หล่านีใ้ ช้ประเมินภาวะสุขภาพทงั้ เชงิ สูญเสียและ เชิงสรา้ งเสริมได้เช่นกัน มิติทางกาย ประกอบด้วยสภาพทางร่างกายและพฤตกิ รรมมนุษย์ มติ นิ ีม้ ดี ัชนชี วี้ ัดทเ่ี หน็ ได้ชดั เจน เอกสารการสอน เรื่อง การวนิ ิจฉยั ปญั หาสุขภาพชุมชน ปกี ศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวัญตา เพชรมณีโชติ วพบ.ชลบุรีหนา้ 39
และง่ายกว่าสุขภาพในมิติอ่ืนๆเพราะการประเมินสุขภาพของคนในสังคมจะเร่ิมต้นจาการประเมินสุขภาพ รา่ งกายและพฤตกิ รรมเปน็ หลัก มิติทางจิต เป็นมิติที่มีความหมายครอบคลุมถึงสมรรถนะที่จะมีสัมพันธภาพและรักษาสัมพันธภาพ กับผู้อ่ืนได้ราบร่ืนประกอบด้วย ด้านปัญญาความคิด ความเข้าใจด้านประสบการณ์อารมณ์ ด้าน ความสัมพนั ธท์ างสงั คม ด้านการงานรวมไปถงึ การรจู้ ักตนเองมติ ิทางสขุ ภาพจติ จึงมีความสาคัญในแง่ที่ช่วย เช่ือมต่อจิตวิญญาณ ของบุคคลกับสุขภาพกาย สังคม ส่ิงแวดล้อมภายนอกและเป็นกลไกหลักท่ีทาหน้าที่ ควบคุมสมดลุ ของสุขภาพ มิติทางสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นมติ ิท่ีแสดงความสัมพันธ์ระหว่างคนในสังคม ครอบครัวและชุมชน ซง่ึ จะได้รบั ผลกระทบจากกลไกสงั คมและเศรษฐกิจ มิตทิ างจติ วิญญาณ เป็นมติ ิท่ีบูรณาการความเปน็ องค์รวมของสุขภาพ สงั คมและชุมชนซึ่งแยกออก ได้เป็น 2 ระดบั คือระดับปัจเจกชนและระดับนโยบายสาธารณะ ดัชนีที่บ่งชี้ระดับปัจเจกชนได้แก่ การติด ยาเสพติด การฆ่าตัวตายและการเบียดเบียนผู้อ่ืน ส่วนดัชนีบ่งช้ีระดับนโยบายสาธารณะ ได้แก่ การ เคลื่อนไหวของประชาคมในรูปแบบต่างๆที่แสดงประชามติต่อภารกิจในงานของภาครัฐเป็นต้น ซึ่งสามารถ สรปุ 4 มิตทิ างสุขภาพและดัชนชี ้วี ัด ดงั ตารางท่ี 1 ตารางที่ 1 มติ ทิ างสขุ ภาพและดัชนชี ี้วัด มติ ทิ างสุขภาพ ดชั นีเชิงสูญเสีย ดัชนีเชิงสร้างเสรมิ มิติทางกาย อตั ราป่วย ตาย พิการ พฤตกิ รรมทาลาย อายขุ ยั เฉลี่ย สมรรถภาพรา่ งกาย สขุ ภาพ พฤติกรรมสร้างเสรมิ สุขภาพ มิติทางจิตใจ อตั ราความชุกของปัญญาอ่อน โรคจิต การ เชาวป์ ัญญา การควบคมุ อารมณ์ ฆา่ ตวั ตาย ความม่นั คงในตนเอง มติ ทิ างสงั คมและ อัตราความชุกของการใช้ความรุนแรง ปัญหา การปรับแก้ปัญหาข้อขัดแย้งในสังคม ส่ิงแวดลอ้ ม อาชญ ากรรม การตายและป่ วยอั น และชมุ ชน เน่ืองมาจากสิ่งแวดล้อมและการประกอบ การอนรุ กั ษส์ ง่ิ แวดลอ้ ม อาชพี นโยบายสาธารณะท่ีเอื้อต่อสขุ ภาพ มิตทิ างจติ วิญญาณ จานวนกลุ่มผ้ดู ้อยโอกาส อัตราส่วน ประชากร ความเท่าเทียมกันของมนุษยชาติ ยากจน ความไม่เปน็ ธรรม ความต้องการท่ีพอเพียง สันติภาพ ในการกระจายรายได้ ความขดั แย้งในสังคม ความสมานฉนั ท์ เอกสารการสอน เรอ่ื ง การวินจิ ฉยั ปญั หาสขุ ภาพชุมชน ปีกศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวัญตา เพชรมณโี ชติ วพบ.ชลบุรีหนา้ 39
ด้วยเหตุที่ชุมชนมีผลโดยตรงต่อสุขภาพของบุคคล ครอบครัว กลุ่มคนและชุมชนรวมท้ังมีผลต่อ การบริการสุขภาพต่างๆ ที่มีในชุมชน ขณะเดียวกันบุคคล ครอบครัว กลุ่มคนและการบริการสุขภาพก็มี อิทธิพลตอ่ ชุมชนด้วยเชน่ กัน นอกจากนส้ี ุขภาพชุมชนยังต้องพิจารณาสถานะสุขภาพของแตล่ ะบคุ คลใน ฐานะท่ีเป็นสมาชิกของครอบครัวและสมาชิกของชุมชนภายใต้เขตพ้ืนท่ีที่ชัดเจน ดังนั้น ครอบครัวและ ชุมชนจึงถือเป็นหน่วยท่ีจะต้องใช้บริการสุขภาพ หรือเรียกได้ว่า ครอบครัวในฐานะผู้ใช้บริการ ( Family as a Client ) และ ชุมชนในฐานะผู้ใชบ้ ริการ ( Community as a Client ) การมองชุมชนในฐานะผู้ใช้บริการ มีมิติต่างๆท่ีต้องนามาพิจารณา 3 มิติ คือ ขอบเขตทาง กายภาพ ประชากรเป้าหมาย และระบบสังคมของชมุ ชน ขอบเขตทางกายภาพ ลักษณะทางกายภาพเป็นตัวบอกตาแหน่งแห่งท่ีเฉพาะของแต่ละชุมชน เช่น แหล่งท่ีตั้งของสถานบริการสุขภาพ สภาพภูมิอากาศ การเกษตรในท้องท่ีและสิ่งแวดล้อมอ่ืนๆท่ี มนุษย์สร้างขึ้น ขอบเขตทางกายภาพน้ีเป็นตัวสนับสนุนการมีทรัพยากรให้แก่คนในชุมชน ชุมชนที่มี สุขภาพท่ีดีย่อมหมายถึงการมีความสามารถในการจัดหาและใช้ทรัพยากรได้อย่างเหมาะสม นอกจากน้ี ขอบเขตของชุมชนยังบ่งชีค้ วามแตกต่างสุขภาพของประชาชน เช่น ในเขตเมืองจะมีประชากรผสู้ ูงอายุนอ้ ย กว่าในเขตชนบทแต่สามารถเข้าถึงบริการสุขภาพได้มากกว่าเนื่องจากมีแหล่งบริการสุขภาพต้ังอยู่เป็น จานวนมาก อย่างไรก็ตามผูส้ ูงอายุในเขตเมืองป่วยดว้ ยโรคระบบทางเดินทางหายใจ โรคระบบหัวใจและ หลอดเลือดมากกว่าเน่ืองจากมีโรงงานอุตสาหกรรมตั้งอยู่เป็นจานวนมาก และมีพฤติกรรมขาดการออก กาลังกาย ประชากรเป้าหมาย เน่ืองจากประชากรท่ีอาศัยอยู่ในชุมชนมลี ักษณะของการอย่รู วมกันเป็นกลุ่มๆ และมีความหลากหลายสุขภาพของชุมชนจึงได้รับผลกระทบจากประชากรเหล่าน้ี ความแตกต่างของ ประชากร เช่น ขนาด ความมากน้อย องค์ประกอบ อัตราการเพ่ิมหรือลดลง ลักษณะทางเศรษฐกิจ สังคมและ วัฒนธรรม ชนชนั้ ทางสงั คมและความเคลื่อนไหวตา่ งๆจะบ่งช้คี วามต้องการทางสุขภาพแตกต่างกันไป ระบบสังคมของชุมชน ประกอบไปด้วยระบบย่อยต่างๆ ภายในระบบย่อยเหล่านี้จะมีปฏิสัมพันธ์ และส่งผลซงึ่ กนั และกัน ได้แก่ ระบบสุขภาพ ระบบครอบครวั ระบบเศรษฐกิจ ระบบการศกึ ษา สถาบัน ศาสนา ระบบกฎหมายและการเมือง ระบบสันทนาการและระบบการสื่อสาร แสดงความสัมพันธ์ ดังตารางที่ 2 ตารางที่ 2 ความสัมพันธ์ระหว่างระบบย่อยในระบบสังคมท่ีเก่ยี วขอ้ งกับสุขภาพชุมชน ระบบย่อยในระบบสังคม สุขภาพชุมชน - ระบบสุขภาพ - แตล่ ะระบบตอ้ งทาหนา้ ท่ีของตนเองอย่างสมบูรณเ์ พ่ือใหช้ ุมชนมี - ระบบครอบครัว สุขภาพดี - ระบบเศรษฐกิจ - การประสานความร่วมมือเพ่อื ใหบ้ รรลเุ ปา้ หมายของแต่ละระบบ - ระบบการศกึ ษา - การทางานทไ่ี ม่ตอ่ เนื่องเชอื่ มโยงซึ่งกนั และกันอาจมีผลกระทบท่ี เอกสารการสอน เรอ่ื ง การวินิจฉยั ปญั หาสขุ ภาพชุมชน ปีกศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวัญตา เพชรมณีโชติ วพบ.ชลบุรีหนา้ 39
- ระบบศาสนา ไม่ดีต่อสขุ ภาพของชุมชน - ระบบสงั คมสงเคราะห์ - การตกลงกันเก่ยี วกบั ทรัพยากรต่างๆท่จี ะทาให้ชุมชนบรรลุ - ระบบการเมือง เป้าหมายจะมีผลต่อสุขภาพชมุ ชน - ระบบสนั ทนาการ - การสอื่ สารระหวา่ องค์กร หน่วยงานต่างๆในแตล่ ะระบบจะมผี ล - ระบบการสอื่ สาร ตอ่ สขุ ภาพชมุ ชน ทีม่ า : Allender , J.A & Spradly, B.W., 2001:360 อ้างถึงในวนิดา ดรุ งคฤ์ ทธชิ ัย และ จรยิ าวัตร คมพยคั ฆ์ 2554 :91) การดแู ลสุขภาพชมุ ชนเป็นการดูแลทง้ั ด้านร่างกาย จติ ใจ และจิตวิญญาณ ทง้ั ของบุคคล กลมุ่ บุคคล ครอบครัว และชุมชน และครอบคลุมถึงหน่วยงานองค์กรอื่นๆ ในชุมชน เช่น สถานศึกษา สถาน ประกอบการ เป็นต้น ซึ่งไม่เพียงแต่ต้องใช้ทักษะทางการพยาบาลเท่าน้ัน ยังต้องใช้ความเชี่ยวชาญและ ทกั ษะในดา้ นอื่นๆ เช่น การสอ่ื สาร การบรหิ ารจดั การ เศรษฐศาสตร์ และจติ วิทยาเปน็ ตน้ การใช้กระบวนการพยาบาลอนามัยชุมชน ในการดูแลชุมชนน้ันเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการ จดั ระเบยี บกระบวนการคดิ ทเี่ ป็นระบบ เพื่อประกอบการตดั สินใจและแกไ้ ขปัญหาทางการพยาบาล กระบวนการพยาบาลอนามัยชุมชน ประกอบด้วย 5 ขนั้ ตอน คือ ข้นั ตอนท่ี 1 การประเมินภาวะสขุ ภาพชุมชน (Community health assessment) ข้ันตอนที่ 2 การวินิจฉัยและลาดับความสาคัญของปัญหาสุขภาพชุมชน (Community diagnosis & Priority setting) ข้ันตอนท่ี 3 วางแผนการดาเนนิ งาน (Planning) ขั้นตอนท่ี 4 ดาเนนิ งานตามแผนทกี่ าหนดไว้ (Intervention) ขนั้ ตอนท่ี 5 ประเมนิ ผลการดาเนนิ งาน ( Evaluation) ข. การประเมินภาวะสุขภาพชมุ ชน (Community health assesment) การประเมินภาวะสุขภาพชุมชนเป็นการประเมินสภาพการณ์อนามัย (Health Situation) ของ ชุมชนในแง่สถานะสุขภาพ (Health status) ของประชาชน บริการอนามัยตลอดจนปัจจัยที่มีผลต่อ สถานการณ์น้ันรวมถึงลักษณะโครงสร้างของสังคม ประชากร เศรษฐกิจและการเมืองเพื่อทราบถึงปัญหา และความต้องการด้านอนามัย การประเมินภาวะสุขภาพชุมชนสามารถใช้แนวคิดต่างๆเป็นแนวทางโดย ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการประเมินผลลัพธ์ท่ีต้องการ แนวคิดท่ีสาคัญในการประเมินของการพยาบาล อนามัยชมุ ชน คือ แนวคิดทางสังคม ความเขา้ ใจในวัฒนธรรม วิถชี ุมชน โครงสร้างและองค์ประกอบของชุมชนชว่ ยให้ รู้จักคนในชุมชน การใช้ชีวิตและเงื่อนไขการดาเนินชีวิตภายใต้ส่ิงแวดล้อมของชุมชน เคร่ืองมือท่ีอาจ เอกสารการสอน เรอื่ ง การวินจิ ฉยั ปญั หาสขุ ภาพชุมชน ปกี ศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวญั ตา เพชรมณโี ชติ วพบ.ชลบุรีหน้า 39
นามาใช้ เช่น เคร่ืองมือการศึกษาวิถีชุมชน (โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์และคณะ, 2545) ซ่ึงจะช่วยให้ มองเห็นปจั จัยทีก่ ่อใหเ้ กดิ ปญั หาสุขภาพหรอื ทีเ่ ป็นศกั ยภาพในการจดั การปัญหาของชมุ ชนได้ แนวคิดทางระบาดวิทยา เป็นฐานในการเช่ือมโยงปัญหาด้านสุขภาพกับปัจจัยเส่ียงที่เป็นท้ัง พฤติกรรม พันธุกรรมและภาวะคุกคามของส่ิงแวดล้อมต่อสุขภาพของคนโดยใช้วิธีการโยงใยสาเหตุแห่ง ปัญหา (Web of Causation) มาเป็นแนวทางในการสร้างเคร่ืองมือรวบรวมข้อมูลเพื่อวิเคราะห์ปัจจัย ตา่ งๆให้ชดั เจนมากข้ึน การปฏิบัติการพยาบาลอนามัยชุมชนมีความแตกต่างจากการปฏิบัติการพยาบาลในสถานบริการที่ ผู้ใช้บริการเข้ามาหา ดังนั้นก่อนเร่ิมกระบวนการพยาบาลอนามัยชุมชน พยาบาลอนามัยชุมชนต้อง “ เตรยี มชุมชน ” เพอื่ ให้ได้รบั การยอมรับและไว้วางใจ การเตรียมชมุ ชน พยาบาลอนามยั ชุมชน ดาเนนิ การได้ ดังนี้ 1. การสร้างสัมพันธภาพกับชุมชน โดยการทาความรู้จักหรือความคุ้นเคยกับผู้นาชุมชนบุคคลท่ี ประชาชนศรัทธารวมถึงประชาชนท่ัวไป แนะนาตนเอง แจ้งบทบาทหน้าที่ท่ีรับผิดชอบท่ีมีต่อชุมชนการ ดาเนนิ การดงั กล่าวจะชว่ ยให้เป็นท่ียอมรับและยนิ ดใี ห้ความรว่ มมือในการดาเนินงานของพยาบาลอนามยั ชุมชน 2. ช้ีแจงวัตถุประสงค์ในการจัดบริการสุขภาพ ขัน้ ตอนการดาเนนิ งานและประโยชน์ทช่ี มุ ชนจะ ได้รับจากการดาเนินงานรวมท้ังแสวงหาโอกาสของความร่วมมอื และประสานงานในแต่ละขน้ั ตอนการ ดาเนนิ งาน 3. รวบรวมข้อมลู ของชมุ ชนเพ่ือประเมนิ ภาวะสุขภาพ ปัญหาและความต้องการของชมุ ชนทัง้ ดา้ นสขุ ภาพและปจั จยั ที่เกี่ยวขอ้ งทถี่ ูกต้องตรงกบั ความเปน็ จรงิ มากที่สุดซึ่งจะเปน็ ประโยชนต์ ่อการวินจิ ฉัย และวางแผนดาเนนิ การแก้ไขปัญหาได้อยา่ งเหมาะสม 4. ประชาสัมพันธ์ให้ชุมชนเข้าใจถึงความต้ังใจ จริงใจในการที่จะสร้างเสริมศักยภาพและพัฒนา ภาวะสุขภาพของชุมชนซ่ึงจะช่วยให้การดาเนินงานในข้ันต่อๆไปได้รับความร่วมมือ นัดหมาย เวลาและ สถานที่ในการที่เข้าไปสารวจภาวะสุขภาพ ความต้องการและปัญหาโดยพิจารณาตามความพร้อมของ ชุมชนเปน็ หลัก 1. ข้อมูลท่ใี ช้ในการการประเมินภาวะสุขภาพชมุ ชน ประกอบดว้ ยข้อมูลด้านตา่ งๆ ดงั น้ี 1.1 ข้อมูลท่ัวไปของชุมชน ได้แก่ ข้อมูลที่ตั้งของชุมชน อาณาเขตติดต่อ สภาพทาง ภูมิศาสตร์ ข้อมูลเหล่านี้สามารถแสดงในรูปแผนท่ีโดยสังเขป นอกจากนี้อาจแสดงได้ด้วยแผนท่ีเดินดิน (โกมาตร จงึ เสถยีรทรพั ย์และคณะ,2545) ซ่ึงเป็น 1 ใน 7 ชน้ิ ของเครอื่ งมือศกึ ษาชุมชน การทาแผนทเ่ี ดนิ ดิน จะมีลักษณะท่ีเพิ่มเติมจากการทาแผนท่ีท่ัวไปที่จะมีการบันทึกลักษณะความเป็นอยู่ของชุมชนลงไปด้วย เช่น การระบุท่ีว่างที่เป็นลานเอนกประสงค์ที่ชุมชนใช้เล่นกีฬาทุกเย็น บ้านของผู้อาศัยที่ยากจน (คนชายขอบ) ซึ่งหากระบุบ้านเลขที่เพียงอย่างเดียวจะมองไม่เห็นความสัมพันธ์ของกลุ่มคนหรือความ ขดั แยง้ ของคนในชุมชน ซงึ่ เหล่านี้ลว้ นเป็นประโยชนใ์ นการทางานของพยาบาลอนามัยชมุ ชน เอกสารการสอน เรื่อง การวนิ ิจฉยั ปัญหาสุขภาพชุมชน ปีกศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวญั ตา เพชรมณีโชติ วพบ.ชลบุรีหนา้ 39
การทาแผนทที่ ว่ั ไป การทาแผนทโ่ี ดยสงั เขปของชุมชนเพื่อทราบอาณาเขตและลักษณะของชุมชนโดยกาหนด ทิศทางและกาหนดมาตราสว่ นเดียวกันท้ังกวา้ งและยาว ยอ่ ส่วนให้พอเหมาะ แผนที่ทีด่ ีจะต้องแสดง สง่ิ ต่าง ๆท่ีเปน็ องคป์ ระกอบสาคญั ไว้อย่างครบถว้ นเพื่อใหผ้ ้ใู ชห้ รือผู้อ่านเข้าใจงา่ ย ภาพที่ 1 แผนทีบ่ ้านเขานา้ ซับ หมู่ 6 ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรรี าชา จ.ชลบรุ ี เอกสารการสอน เร่ือง การวนิ จิ ฉยั ปัญหาสุขภาพชมุ ชน ปีกศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวญั ตา เพชรมณีโชติ วพบ.ชลบรุ ีหนา้ 39 ท่ีมา : จากการสารวจแผนที่ชุมชนโดยนกั ศึกษาพยาบาลศาสตร์ ชน้ั ปีท่ี 4 วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี ชลบรุ ี ปี พ.ศ.2557
องคป์ ระกอบท่ีสาคัญของแผนที่ ควรประกอบดว้ ย 1) ชื่อแผนที่ จะต้องบอกใหช้ ัดเจนว่าเป็นทแ่ี สดงอะไรของชุมชน ไหน เช่น แผนที่แสดงอาณาเขตรณรงค์ ป้องกนั โรคพษิ สุนขั บ้า ตาบลหลมุ ดนิ อาเภอเมือง จงั หวัดราชบรุ ี ชื่อแผนที่ นยิ มเขยี นไว้สว่ นบนของแผนที่ 2) ทิศทาง เปน็ สิง่ ท่ีต้องแสดงใหถ้ ูกต้องตามแนวของทิศท่ีเป็นจริงในภูมปิ ระเทศโดยทวั่ ไป แผนทจ่ี ะยดึ “ทิศเหนือ” เป็นหลกั และแสดงสัญลักษณ์ของทิศเหนือไว้มุมบนขวามือของแผนทีเ่ สมอ 3)มาตราส่วน คือ อัตราส่วนหรือจานวนตัวเลขท่ีแสดงส่วนสัมพันธ์ของระยะบนแผนท่ี กบั ระยะ ภูมิประเทศตามแนวราบ การย่อสว่ นในแผนทแ่ี ผ่นเดยี วกันจะต้องใชม้ าตราส่วนเดียวกันหมด ซึ่งนิยมใช้เศษเป็น 1 เสมอ ที่นิยมใช้กันคือ มาตราส่วนเลขเศษส่วน เช่น 1:1,000หรือ 1/1,000 ระยะ ทางการวดั ระยะทางระหวา่ งสว่ นตา่ ง ๆ ของแผนทใ่ี หท้ าโดยสังเขปอาจคาดคะเนด้วยวธิ ีนบั กา้ วเดนิ 1.2 ข้อมูลด้านประชากร ลักษณะประชากร ได้แก่ โครงสร้างประชากร อายุ เพศ ศาสนา ความหนาแน่นของประชากร คุณภาพประชากร ระดับการศึกษาอาชีพ ฯลฯ ตลอดจนการกระจายและ การขยายตัวของประชากร การเคลอื่ นยา้ ย และความสัมพนั ธ์ของอัตราเกิด อัตราตายและอัตราเพมิ่ ตัวอยา่ งข้อมูลท่ีเกยี่ วข้องกับดา้ นประชากร - จานวนและร้อยละของประชากรจาแนกตามกล่มุ อายุและเพศ - จานวนและร้อยละของประชากรจาแนกตามระดบั การศกึ ษา - จานวนและร้อยละของประชากรหญิงอายุ 15-44 ปี จาแนกตามสถานะภาพการสมรส และการใช้วธิ กี ารคมุ กาเนิดของผู้ที่มีสถานภาพสมรสคู่ - จานวนประชากรที่มีการยา้ ยเข้า ย้ายออกพร้อมเหตุผล - อตั ราเกิด อัตราตาย อตั ราเพม่ิ ตามธรรมชาติของประชากร 1.3 ข้อมูลด้านเศรษฐกิจและสังคม เป็นข้อมูลท่ีแสดงให้เห็นฐานะ วิถีการดาเนินชีวิต และความเป็นอยู่ของชุมชน เช่น กิจกรรมในรอบปี กิจกรรมตามประเพณีและกลุ่มคนที่เกี่ยวข้อง อาชีพ ความเช่ือ ข้อมูลเหล่านี้ทาให้เข้าใจปัญหาและปัจจัยที่เป็นสาเหตุหรือเก่ียวข้องได้ชัดเจนข้ึนซ่ึงมีประโยชน์ ต่อการวางแผน ตวั อย่างขอ้ มลู ท่ีเกย่ี วข้องกบั ด้านด้านเศรษฐกจิ และสังคม 1) ด้านเศรษฐกิจท้ังที่อยู่อาศัย การมีที่ทากินเป็นของตนเอง การอาศัยหรือเช่าผู้อ่ืน ประกอบดว้ ย เอกสารการสอน เรื่อง การวินจิ ฉยั ปัญหาสขุ ภาพชมุ ชน ปีกศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวัญตา เพชรมณีโชติ วพบ.ชลบุรีหนา้ 39
- จานวนและร้อยละของประชาชนวัยทางาน 15 ปีขึ้นไปจาแนกตามการมีงานทา การ วา่ งงาน อาชีพหลัก อาชีพรอง - จานวนและร้อยละของครอบครัวจาแนกตามการมีเครื่องอานวยความสะดวกด้าน เทคโนโลยีต่างๆ เช่น วิทยุ โทรทัศน์ เคร่ืองใช้ไฟฟ้า เครื่องผ่อนแรงในการประกอบอาชีพและใช้ใน ชีวิตประจาวัน 2) ดา้ นสงั คม ความเป็นอยู่ การศกึ ษา การเมือง การปกครอง ประกอบด้วย - สัมพันธภาพระหว่างครอบครวั ภายในชมุ ชน - สมั พนั ธภาพกับบคุ คลภายนอกชุมชน ชมุ ชนใกลเ้ คียง - การตดิ ต่อสอื่ สาร โทรศพั ท์ การคมนาคม การขนส่งทางบก ทางนา้ ที่สะดวกของชุมชน - องค์กรชุมชน การปกครองส่วนท้องถ่ิน ผู้นาชุมชน การรวมกลุ่มกิจกรรมเพื่อ เศรษฐกจิ สังคมหรือสุขภาพ ฯลฯ - ความสามารถในการพ่ึงตนเองของชุมชนด้านต่างๆ เช่น กลุ่มสหกรณ์ กลุ่มอาชีพ ธนาคารชมุ ชน จานวนและรอ้ ยละของครอบครวั จาแนกตามการนับถือศาสนา - การปฏิบัติตามความเชื่อ ศาสนา วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีของชุมชน กจิ กรรมสาคญั ของชุมชนตลอดปี - สถานศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชนในระบบและนอกระบบ เช่น โรงเรียนสอนศาสนา โรงเรียนสอนภาษา การรวบรวมข้อมูลทางด้านเศรษฐกิจและสังคมนอกจากจะเกบ็ ขอ้ มลู เชงิ ปรมิ าณที่นาไปวิเคราะห์ทาง วิทยากรระบาดแล้ว อาจศึกษาเพิ่มเติมโดยใช้เครื่องมือการศึกษาชุมชน 7 ช้ิน ได้แก่ ผังเครือญาติ โครงสร้าง องค์กรชุมชน ปฏิทินชุมชน ประวัติศาสตร์ชุมชน ประวัติชีวิตของบุคคลท่ีน่าสนใจ ทาให้ได้ข้อมูลเชิง คุณภาพที่เขา้ ใจวิถีชีวิตความเปน็ อยูข่ องชมุ ชนชดั เจนขึ้นและเป็นประโยชนใ์ นการทางานในชุมชน 1.4 ข้อมูลด้านสุขภาพ เป็นข้อมูลหลักในการวินิจฉัยปัญหาสุขภาพของชุมชน ได้แก่ จานวน ผปู้ ่วยด้วยโรคต่างๆ ผู้ป่วยใน ผ้ปู ่วยนอกรวมทง้ั ขอ้ มูลการรับบริการด้านการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ข้อมูลส่วนหนึ่งที่ต้องสอบถามโดยตรงจากประชาชน เช่น การติดสารเสพติด สุขภาพจิต โรคที่ต้องรักษาจาก สถานบริการระดบั ตตยิ ภูมท่ีไม่มีการรับส่งตอ่ ประกอบดว้ ย - อตั ราป่วย อตั ราตาย อตั ราผ้ปู ว่ ยตายจาแนกตามสาเหตุสาคัญ 10 อนั ดบั แรกของชมุ ชน - อตั ราความพิการและสาเหตขุ องความพกิ าร - สัดส่วนเดก็ ทไ่ี ดร้ ับภมู คิ มุ้ กันโรคครบตามอายุ - จานวนและร้อยละของมารดา จาแนกตามการได้รับการดูแลระยะต้ังครรภ์ คลอดและ หลงั คลอดครบตามเกณฑ์ อตั ราการคลอดผิดปกติ - อัตราการตายทารกและมารดาตอ่ เกิดมีชพี 1,000 คน เอกสารการสอน เรื่อง การวนิ ิจฉยั ปญั หาสขุ ภาพชมุ ชน ปีกศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวญั ตา เพชรมณีโชติ วพบ.ชลบุรีหน้า 39
1.5 ข้อมูลดา้ นพฤติกรรมสุขภาพ พฤติกรรมสร้างเสริมและพฤติกรรมเสยี่ งต่อสขุ ภาพของ ประชาชน ประกอบด้วย - จานวนและร้อยละของประชากรตามกลุ่มอายุและเพศที่มีพฤติกรรมการสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า การ ใช้สารเสพติด - จานวนและร้อยละของประชากรตามกลุ่มอายุและเพศท่ีมีพฤติกรรมการใช้ถุงยาอนามัย การ ซอ้ื บริการทางเพศ - จานวนและร้อยละของประชากรตามกลุ่มอายุและเพศท่ีมีพฤติกรรมการสร้างเสริมสุขภาพ เช่น การออกกาลังกาย การดูแลด้านบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพตามวัยต่างๆ การสร้างเสริมสุขภาพจิต การพักผ่อนหย่อนใจ การคลายเครียดและการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์โดยวิธีต่างๆของชุมชน การ ดแู ลสุขภาพปากฟนั สขุ วทิ ยาส่วนบุคคล เปน็ ตน้ 1.6 ข้อมูลด้านอนามัยส่ิงแวดล้อมของชุมชนเก่ียวกับน้าด่ืม น้าใช้ วิธีการปรับปรุง น้าก่อนใช้ การกาจัดของเสีย สัดส่วนการมีส้วมท่ีถูกสุขลักษณะ วิธีการกาจัดและบาบัดน้าท้ิง ความชุกชุม และวิธีการกาจัดแมลง สัตวน์ าโรคเพอ่ื ทราบปัจจัยเส่ียงด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมต่อสุขภาพ ประกอบด้วย - แหล่งน้าสะอาดสาหรับบริโภคของชมุ ชน เชน่ น้าประปา น้าบาดาล หรือใช้น้าจากแม่น้า ลาคลอง บอ่ น้าชุมชน - จานวนและร้อยละของครัวเรอื นจาแนกตามวธิ ีการปรบั ปรงุ นา้ ด่มื นา้ ใช้ - จานวนและร้อยละของครอบครัวท่ีมสี ้วมทถ่ี กู สุขลกั ษณะใช้ การถ่ายลงนา้ ถ่ายตามไรน่ า - จานวนและร้อยละของครัวเรือนจาแนกตามวิธีการกาจัดและบาบัดน้าทิ้ง ขยะมูลฝอยและ สง่ิ สกปรกของชุมชน - จานวนและร้อยละของครัวเรือนจาแนกตามสัตว์เลี้ยง เช่น หมู วัว ควาย เป็ด ไก่ วิธีการ กาจัดมลู สตั วไ์ มใ่ ห้เปน็ สิ่งรบกวนราคาญแกเ่ พอื่ นบ้านหรือชมุ ชนรวมทัง้ สนุ ขั แมว นก - ความชกุ ชมุ ของแมลง สตั วน์ าโรคและ/หรือสรา้ งความราคาญเช่นยุงแมลงวนั แมลงสาบ หนูในชุมชน - ปริมาณ ลกั ษณะและวิธกี ารกาจดั ยะมูลฝอยของชุมชน - มลพิษส่ิงแวดล้อมในชุมชน ฝุ่นในอากาศ กล่ินเน่าเหม็น เสียงดังรบกวน สารเป็นพิษ จากการเกษตร สถานประกอบการโรงงานในชมุ ชนหรอื ใกลเ้ คยี ง 1.7 ข้อมูลด้านบริการสุขภาพ ระบบบริการสุขภาพ คุณภาพบริการ ความพอเพียง ระบบของรัฐและเอกชนรวมท้ังบริการสุขภาพแบบพ้ืนบ้าน สมุนไพร แพทย์แผนโบราณ ร้านขายยา แผนต่างๆประกอบด้วย - จานวนและลักษณะรา้ นขายยาแผนปัจจบุ ันและยาแผนโบราณ หมอพื้นบา้ น - ความนยิ ม ความพอใจของชมุ ชนตอ่ บรกิ ารนน้ั ๆเหตุผลที่พอใจหรอื ไม่พอใจ เอกสารการสอน เรื่อง การวนิ จิ ฉยั ปญั หาสุขภาพชมุ ชน ปีกศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวัญตา เพชรมณีโชติ วพบ.ชลบรุ ีหน้า 39
ข้อมูลภาวะสุขภาพชุมชนและปัจจัยต่างๆ ที่ได้มาจากการศึกษาเชิงพรรณนาต่างๆจะทาให้ ทราบลักษณะของโรคหรือปัญหาสุขภาพ ดัชนีอนามัยและสถิติชีพท่ีสาคัญ เช่น อัตราความชุก อัตรา อบุ ัตกิ ารณ์ อตั ราตาย อตั ราเกดิ อตั ราเพ่มิ ประชากรและขอ้ มลู อน่ื ๆท่ีจาเป็น 2. การรวบรวมข้อมูล 2.1 แหลง่ ข้อมูล การรวบรวมข้อมูล สามารถหาได้จากแหลง่ ใหญ่ ๆ 2 แหลง่ คอื 1) แหล่งข้อมูลปฐมภูมิ หมายถึง ข้อมูลที่ได้มาจากเจ้าของข้อมูลโดยตรงเป็นข้อมูลต้อง รวบรวมขึ้นใหม่หรือค้นหาเพิ่มเตมิ เช่น ได้จากการสัมภาษณ์ การตรวจร่างกาย หรือการเฝา้ ดูอย่างใกล้ชิด การรวบรวมข้อมูลชนิดนี้ต้องลงทุนมาก เสียเวลา แต่จะได้ข้อมูลตรงตามความต้องการ สามารถควบคุม การบันทึกได้ถูกตอ้ งสมบูรณ์ 2) แหล่งข้อมูลทุติยภูมิ หมายถึง ข้อมูลท่ีได้จากการคัดลอกระเบียนต่าง ๆ ของหน่วยงานเป็น ข้อมลู ทม่ี ีอยู่เดิมแลว้ เช่น จากระเบียนผปู้ ่วยรายวันตึกตรวจโรคผูป้ ่วยนอกเป็นต้น ขอ้ มูลชนิดนีไ้ ม่ต้องลงทุนมาก สามารถบันทึกเหตุการณ์ขณะเกิดข้ึนจริงๆได้แต่ข้อมูลท่ีได้รับมัก ไม่ค่อยสมบูรณ์ตามต้องการและอาจเกิดการ ผิดพลาดจากการคัดลอกได้ การรวบรวมข้อมูลมีอยู่หลายวิธี ท้ังนี้ข้ึนอยู่กับวัตถุประสงค์ของผู้รวบรวม ความเหมาะสม ชนิดของข้อมูลที่ต้องการ งบประมาณ กาลังคน ระยะเวลา ฯลฯ 2.2 วิธกี ารเก็บรวบรวมข้อมลู ทใ่ี ชใ้ นปจั จบุ ัน คือ 1) การสังเกต เป็นวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลเก่ียวกับบุคคล หรือปรากฏการณ์ต่าง ๆ ท่ี เกิดขึ้นเป็นปกติวิสัยหรือเกิดขึ้นทันทีทันใดเป็นพิเศษ วิธีน้ีต้องอาศัยประสาทสัมผัสของผู้สังเกตเป็นหลัก ฉะน้ันการสังเกตท่ีดีจึงต้องมีข้อกาหนดหรือเงื่อนไขสาหรับผู้สังเกต และผู้สังเกตจะต้องมีความตั้งใจมี ประสาทสัมผัสที่ดีและมีความสามารถในการรับรู้หรือส่ือความหมายท่ีดีในการสังเกต ผู้สังเกตจะต้อง กระทาอยา่ งเป็นธรรมชาติโดยไม่ให้ผู้ถูกสังเกตทราบเพราะจะไม่ได้ขอ้ เท็จจริง ถ้าผู้ถกู สังเกตรู้ตัวว่าถูกจับ ตามอง นอกจากนี้บางครง้ั การสังเกตด้วยการเข้าไปคลุกคลีอยู่ในชุมชนและมีการร่วมกิจกรรมจะได้ข้อมูล ท่เี ป็นความจริงมากกวา่ การพดู ในระยะเวลาส้ัน 2) การสัมภาษณ์ เป็นวิธีการรวบรวมข้อมูลด้วยการสนทนาอย่างมีจุดหมาย โดยกาหนด วัตถุประสงค์ไวล้ ่วงหน้า การสัมภาษณเ์ ป็นวิธีการทีช่ ่วยให้รายละเอียดของข้อมูลไดต้ รงเป้าหมาย ทง้ั น้ีตอ้ ง อาศัยเวลาและความสามารถของผู้สัมภาษณ์เป็นหลักสาคัญซ่ึงการสัมภาษณ์จะมีเคร่ืองมือ ประกอบการ บันทึกข้อมูล อาจเป็นแบบสอบถามหรือแบบสารวจ หรือแบบสัมภาษณ์ที่ต้ังคาถามที่ต้องการไว้ และให้ สัมภาษณ์ตลอดจนบันทึกข้อมูลท่ีได้รับลงไป ก่อนการสัมภาษณ์ผู้สัมภาษณ์จะต้องศึกษาเครื่องมือให้ เข้าใจและแปลความหมายคาบางคาให้ตรงกัน ซ่ึงบางคร้ังจะมีคู่มืออธิบายการใช้ประกอบไว้ด้วย การศึกษาเครื่องมือท่ใี ชใ้ นการสัมภาษณ์ ทาให้ผสู้ ัมภาษณ์มีความมั่นใจไมเ่ ก้อเขิน และสามารถพูดคุยอยา่ ง เป็นธรรมชาติ เป็นกันเองกับผู้ถูกสัมภาษณ์อีกด้วย การสร้างความประทับใจขณะเข้าไปพบปะกับผู้ เอกสารการสอน เร่อื ง การวนิ ิจฉยั ปัญหาสขุ ภาพชุมชน ปีกศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวัญตา เพชรมณโี ชติ วพบ.ชลบุรีหน้า 39
สัมภาษณ์คร้ังแรกเป็นส่ิงสาคัญ ซึ่งก่อนอื่นจะต้องแนะนาตัวว่าเป็นใคร มาจากไหน มาด้วยวัตถุประสงค์ อะไร ขณะสัมภาษณผ์ สู้ ัมภาษณ์จะต้อง - สนใจในตวั ผู้ถูกสัมภาษณ์ สนใจในคาตอบที่ไดร้ ับ - เป็นผู้สงั เกตทด่ี ี โดยสงั เกตสีหน้า แววตา เปรยี บเทียบกบั คาตอบท่ีได้รับ - สงั เกตส่ิงแวดล้อมรอบ ๆ ตัวผู้ถกู สมั ภาษณ์ - ควรสนทนาให้เป็นธรรมชาตแิ บบพดู คยุ ไม่ควรสนใจแบบสมั ภาษณ์ให้มากนัก ดังน้ันการศึกษาเครือ่ งมอื มาก่อน จะชว่ ยใหส้ ามารถรวบยอดขอ้ มูลทีไ่ ด้รับลงในแบบสัมภาษณไ์ ดอ้ ย่าง ถูกต้องครบถ้วน เปน็ กนั เอง และประหยัดเวลา - เป็นผฟู้ ังที่ดี - รจู้ ักกาลเทศะ เช่น บางคร้งั ผู้ถกู สัมภาษณ์มีงานยงุ่ ไมส่ ะดวกในการสนทนา ควรนดั หมายคร้งั ต่อไป - ไม่ปล่อยช่องว่างให้นานเกินไป เพราะจะทาให้ผู้ถกู สมั ภาษณข์ าดความสนใจ ขาด ความต่อเนอื่ ง ในการสนทนา เกดิ เป็นความเบอ่ื หนา่ ยในทส่ี ุด - กล่าวคาขอบคุณเม่ือลากลับและไม่ควรลืมตรวจสอบว่าได้รับคาตอบท่ีต้องการ ครบถว้ นแล้ว 3) การใช้แบบสอบถาม แบบสอบถามเป็นเคร่ืองมือรวบรวมข้อมูลท่ีนิยมใช้กนั มาก โดยเฉพาะ ในการรวบรวมข้อมลู ที่เกี่ยวขอ้ งกับความคิดเห็น ความสนใจ หรือทัศนคติ การใช้แบบสอบถามอาจกระทาโดยนาไป ซกั ถามหรือสมั ภาษณ์ดังที่ไดก้ ล่าวมาแล้วหรือให้ผทู้ ี่ต้องการคาตอบกรอกข้อความเอง ท้ังน้ีในแบบสอบถามจะต้อง ชี้แจงรายละเอียดเกยี่ วกบั วธิ กี ารตอบให้เขา้ ใจได้งา่ ยชัดเจน ซ่งึ วิธนี ไ้ี ม่เหมาะสมถ้าผู้ตอบอา่ นหนังสือไม่ออก 4) การทดสอบ เป็นวิธีการรวบรวมขอ้ มลู ดว้ ยการใช้เครื่องมืออย่างใดอยา่ งหนง่ึ ทดสอบกับผู้ทีต่ อ้ งการให้ขอ้ มูล มกั ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมในด้านความจา ความถนัด สติปญั ญา รวมทงั้ การวัดสภาพจิตใจ 5) การตรวจชนดิ ต่าง ๆ ไดแ้ ก่ การตรวจร่างกาย การตรวจทางห้องชนั สตู รรวมทัง้ การใช้ เคร่อื งมือทางอเิ ล็กทรอนิกสต์ ่าง ๆ 2.3 ข้ันตอนการรวบรวมข้อมูล 1) กาหนดวัตถุประสงค์ของการรวบรวมข้อมูลต้ังวัตถุประสงค์ซึ่งจะช่วยบอกแนวทาง ว่า ต้องการทราบข้อมูลอะไร จะใช้วิธีรวบรวมข้อมูลอย่างไร และจะได้ข้อมูลมาจากแหล่งไหนในกรณีท่ีเจ้าหน้าท่ี ผสู้ ารวจมีความสามารถ มีเวลา มีทรัพยากรดา้ นคนและเงนิ ตลอดจนมีเครือ่ งมอื ต่าง ๆ พร้อมมลู จะทาใหก้ าหนด ขอบเขตครอบคลุมในทุกเรื่องที่สัมพันธ์กับสุขภาพอนามัยและความลึกซึ้งในแต่ละเร่ืองรวมทั้งมีปริมาณของ ประชากร แต่ในกรณีที่มีความสามารถ ไม่มาก ขาดแคลนทรัพยากร และมีเวลาน้อย วัตถุประสงค์ของการ สารวจก็จาเป็นต้องให้สอดคล้องกับความสามารถและทรัพยากรที่มีอยู่หรือมุ่งสารวจเฉพาะเรื่องท่ีเป็นปัญหา สาคัญตามทีต่ อ้ งการหรือตามท่ชี มุ ชนเหน็ ว่าจาเป็นก่อน เอกสารการสอน เร่ือง การวินิจฉยั ปญั หาสขุ ภาพชุมชน ปกี ศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวญั ตา เพชรมณีโชติ วพบ.ชลบรุ ีหนา้ 39
2) การสร้างเครื่องมือเพ่ือเก็บข้อมูล ต้องกระทาด้วยความรอบคอบ และตอบคาถาม ดังต่อไปน้ีให้ได้ครบถ้วน คือ ทาไมจึงจะทาการสารวจจะสารวจท่ีไหนบ้าง ใครจะเป็นผ้ถู ูกสารวจ จะสารวจ เมื่อไร หัวข้อสารวจมีอะไรบ้าง เม่ือตอบคาถามได้ครบแล้ว ก็จะได้รายการหัวข้อที่จะทาการสารวจพร้อม ทั้งตวั แปรทเ่ี ก่ยี วขอ้ งในแต่ละหัวข้อนนั้ ทาให้สามารถระบุเครอื่ งมือทีจ่ ะนามาใชใ้ นการวัดเหลา่ น้ี 3) เตรียมผู้เก็บข้อมูล เพื่อให้การใช้แบบสอบถามมีมาตรฐานเดียวกันหมดจาเป็นจะต้องมีการ ฝกึ ผู้ทจ่ี ะนาแบบสอบถามไปใช้ ทั้งนี้เพราะเหตุว่าถ้าหากแตล่ ะคนท่นี าแบบสอบถามไปใชโ้ ดยวิธกี ารท่ีแตกต่างกัน คาตอบท่ีได้กจ็ ะเช่อื ถือไม่ได้ หรือหากจะใช้การตรวจร่างกายผู้สารวจกจ็ ะต้องใช้เทคนคิ เหมอื นกันหมด วิธกี ารฝึก ผู้สารวจเหล่านี้จะต้องทาโดยวิธีการที่เหมาะสม เช่น การฝึกหัดปฏิบัติการสัมภาษณ์แบบบุคคล ซ่ึงจะถูก สมั ภาษณจ์ รงิ ๆ ใหใ้ กล้เคียงกบั ของจริงมากที่สุดเพื่อใหผ้ สู้ ารวจเกิดความสามารถตรงตามท่ตี ้องการทุกคน 4) เคร่ืองมือ เม่ือไดส้ รา้ งแบบสารวจ เชน่ แบบสอบถามแล้วกอ่ นทีจ่ ะนาไปใชค้ วร นาแบบสอบถามน้ันไปทดลองก่อน การทดลองน้ีควรจะใช้กับตัวอย่างที่มีจานวนน้อยแต่มีลักษณะ คล้ายคลึงกับประชากรของจริงท่ีจะทาการศึกษาเพ่ือหาว่าแบบสอบถามนั้น เมื่อไปใช้เก็บข้อมูลจริง ๆ จะได้ผลอย่างไร เม่ือมีส่วนใดที่จะต้องเพิ่มเติมหรือแก้ไข การทดสอบจะทาครั้งเดียวหรือหลายครั้งก็ได้ ขนึ้ อย่กู บั เวลาและค่าใชใ้ ช้จ่ายวา่ มเี พยี งพอหรอื ไม่ วัตถปุ ระสงคข์ องการตรวจสอบแบบสอบถามมดี ังน้ี - เพอื่ หาว่าแบบสอบถามน้นั สามารถวัดส่งิ ที่ต้องการได้อยา่ งถูกต้องหรือไม่ - เพอื่ หาความเชือ่ ถือได้ของแบบสอบถาม - เพือ่ หาวา่ ผูต้ อบมคี วามเข้าใจตรงตามความเข้าใจ 5) กลุ่มตัวอย่าง โดยทั่ว ๆ ไปแล้วการรวบรวมข้อมูลจากประชากรเราไม่สามารถรวบรวม ข้อมูลจากประชากรท้ังหมดในท้องท่ีใดท้องที่หน่ึงเพราะเป็นการสิ้นเปลืองเวลา เงิน และกาลังคนมากเกินไป ดงั นัน้ จึงจาเปน็ ต้องใชว้ ธิ ีการสุม่ เลอื กตัวอย่างมาใช้เพ่อื ให้ไดก้ ลุ่มตวั อย่างทด่ี ี 6) การสารวจและรวบรวมข้อมูลเพ่ือให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง เช่ือถือได้ผู้สารวจจะต้องมี ความรู้และปฏิบัติเกี่ยวกับการสัมภาษณ์ดังที่กล่าวมา การรวบรวมข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นด้วยวิธีใดก็ตาม จะต้องมีการบันทึกไว้และข้อมูลที่เกี่ยวกับลักษณ ะของชุมชน เช่น ลักษณ ะทางภูมิศาสตร์ ความหนาแน่นของบ้านเรือน ตลอดจนสถานที่สาคัญ ๆ ของชุมชนจาเป็นต้องแสดงไว้ด้วยการทาแผนท่ีชุมชน กล่าวโดยสรปุ ลักษณะของขอ้ มลู ทีด่ ีจะตอ้ งมีความเที่ยงตรง เชอ่ื ถือได้ และมคี วามเปน็ ปรนัย 2.4 การวิเคราะห์ข้อมลู การวิเคราะห์ข้อมูล หมายถึงการนาขอ้ มลู หรือตวั เลขท่รี วบรวม ได้ มาจดั ใหเ้ ปน็ ระเบยี บแล้วทาการคานวณหาค่าต่าง ๆ ตามหลักสถิติเพื่อพิจารณาความหมายซง่ึ มี ขนั้ ตอนในการดาเนินงานดังน้ี 1) ตรวจสอบความสมบรู ณ์ของข้อมลู ทุกชุดจากเครื่องมอื ที่รวบรวมมา 2) จดั หรือแยกข้อมลู ใหเ้ ป็นหมวดหมู่ สอดคลอ้ งกบั ความมุ่งหมายของการศึกษานน้ั เชน่ - หมวดประชากร จาแนกตามจานวน เพศ อายุ - หมวดสุขภาพ เช่น อัตราปว่ ย อัตราเกิด อตั ราตาย สภาวะโภชนาการ ฯลฯ เอกสารการสอน เร่อื ง การวินจิ ฉยั ปัญหาสุขภาพชุมชน ปกี ศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวัญตา เพชรมณีโชติ วพบ.ชลบุรีหน้า 39
- หมวดอนามัยสิ่งแวดล้อม เชน่ จานวนส้วม น้าด่ืมน้าใช้ การกาจดั ขยะมลู ฝอยฯลฯ - หมวดความรู้ เจตคติ และการปฏบิ ตั ิตนในเรื่องสุขภาพ 3) แจกแจงข้อมูลออกเปน็ กลุ่มตวั แปรอิสระท่จี ะศึกษา ทาไดง้ ่าย ๆ โดยการขดี นับลงในตาราง วเิ คราะหท์ ี่เตรยี มไว้ หรือถา้ ข้อมูลมีจานวนมากอาจใช้เครือ่ งสมองกล 4) วเิ คราะห์และเสนอข้อมูลเปน็ ตอน ๆ ไปใหค้ รอบคลุมวัตถปุ ระสงค์ท่ีตงั้ ไว้ 5) คานวณคา่ สถติ ิของขอ้ มลู เพือ่ สะดวกในการแปลผล และนาเสนอตอ่ ไป ค่าสถติ ิที่นิยมใช้ ได้แก่ การแจกแจงความถ่ี การหาคณุ สมบัตทิ ีเ่ ป็นตัวแทน เช่น ค่าเฉลี่ย ฐานนิยม เป็นตน้ การหาคา่ ความ เบยี่ งเบนมาตรฐาน การทดสอบความสัมพนั ธ์ 6) นาเสนอผลการวิเคราะห์ที่ไดใ้ ห้ชัดเจน 2.5 การนาเสนอข้อมลู เป็นการนาเอาขอ้ มูลที่ไดจ้ ากการรวบรวมและวเิ คราะห์ไวม้ าแสดง เพ่ือใหเ้ ข้าใจได้งา่ ยขน้ึ การนาเสนออาจทาเป็นบทความ ตาราง แผนภมู แิ บบต่าง ๆเชน่ แผนภูมิวงกลม แผนภมู ิแท่ง ภาพ และกราฟ ทั้งนี้ข้ึนอยูก่ ับลักษณะข้อมลู และความต้องการของผู้เสนอ การนาเสนอข้อมูล มีหลายวธิ ี ดงั นี้ 2.5.1 การนาเสนอในรูปบทความ มลี ักษณะเปน็ การพรรณนา หรอื บรรยายส้ัน ๆ ปนไป กับตัวเลขเหมาะสาหรับข้อมูลท่ีมีรายการจานวนน้อย เช่น การบรรยายลักษณะภูมิประเทศและสภาพ บ้านเรือนของชุมชน จานวนประชากรทง้ั หมด จานวนครอบครัว เปน็ ต้น ตัวอย่าง จากการสารวจข้อมูลการวางแผนครอบครวั ของหญิงวยั เจรญิ พันธห์ุ มบู่ ้านลีลาวดี พบวา่ มีการวางแผนครอบครวั คดิ เปน็ ร้อยละ 100 2.5.2 การนาเสนอในลักษณะกง่ึ ตารางก่งึ บทความ เปน็ การเสนอบทความและตัวเลขที่ จดั เป็นหมวดหมู่ มีจานวนไม่มากนกั ตวั อย่าง ข้อมูลความเพียงพอของการมนี ้าสะอาดดื่มของประชาชนหมู่บ้านลีลาวดี พบว่า เพยี งพอ คิดเป็นร้อยละ 98.6 ไม่เพยี งพอ คิดเปน็ ร้อยละ 1.4 2.5.3 การนาเสนอข้อมลู อย่างเป็นแบบแผน เปน็ การนาเสนอข้อมูลที่มเี ป็นจานวนมาก และอยู่อยา่ งไมเ่ ป็นระเบยี บมาจดั รวมเขา้ เปน็ หมวดหมู่ตามความเกยี่ วข้องซ่งึ กันและกันและเปรยี บเทยี บ ส่วนท่สี าคญั ใหเ้ หน็ อยา่ งเด่นชัดและเข้าใจงา่ ย การนาเสนอข้อมูลเชงิ คุณภาพ เปน็ ขอ้ มลู ที่มีความต่อเนื่อง ได้แก่ ตาราง , แผนภูมิ 2.5.4 การนาเสนอข้อมูลเชิงปริมาณ เป็นข้อมูลท่ีมีความต่อเน่ืองเป็นการเปรียบเทียบ ข้อมูลแต่ละช่วงเวลา การนาเสนอในรูปกราฟ และแผนภูมิ เป็นเคร่ืองมือในการรายงาน สถิติข้อมูลได้ ชัดเจน รวดเร็ว เข้าใจง่ายซึ่งแสดงความสัมพันธ์ร่วมกันของข้อมูล การนาเสนอวิธีน้ีได้แก่ กราฟเส้น กราฟรูปเจดยี ์ แผนภูมแิ ท่ง แผนภูมิกง แผนภูมภิ าพ แผนภมู ิแยกส่วนประกอบ รปู ภาพ เอกสารการสอน เรอื่ ง การวนิ ิจฉยั ปญั หาสุขภาพชุมชน ปกี ศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวญั ตา เพชรมณีโชติ วพบ.ชลบรุ ีหนา้ 39
2.6 การแปลผลข้อมูล การแปลผลเป็นอีกข้ันตอนหนึ่งของการจดั ทาข้อมูล ซ่ึงประกอบดว้ ยการเก็บขอ้ มลู การ วิเคราะห์ข้อมูล การแปลผล การสรปุ ผล และการนาเสนอขอ้ มลู การแปลผลน้นั อาจแปลตรงไปตรงมา ใช้ วิธีทางสถิติช่วยหรือมีการเปรียบเทียบข้อมูลของชุมชนที่สารวจได้กับข้อมูลของชุมชนอ่ืน การแปลผลของ ขอ้ มูลต้องอยู่ในขอบเขตของข้อมูลและความมุ่งหมายใหช้ ัดเจน เข้าใจงา่ ย 2.7 การสรปุ ผล เปน็ การชีบ้ อกหรืออธิบายผลของการสารวจชุมชนวา่ ลกั ษณะองค์ประกอบและโครงสร้าง ของชุมชนนั้นเป็นอย่างไร ลักษณะพฤติกรรมของประชากรในชุมชนนั้นเป็นอย่างไร มีปัญหาอะไรบ้างที่ เกดิ ขึ้นในชมุ ชนน้นั การสรปุ ผลตอ้ งมเี หตผุ ล มหี ลกั ฐานและไมส่ รุปง่ายหรือเร็วจนเกินไป 2.8 การนาเสนอขอ้ มลู ในรูปแบบต่างๆ 2.8.1 ตาราง (Table ) ประกอบด้วยส่วนต่างๆ ดังนี้ หมายเลขตาราง……. … ช่ือเรอ่ื ง ( เร่ืองอะไร ไดจ้ ากท่ใี ด ได้มาเมื่อใดและจาแนกรายละเอียด ของสิ่งทบ่ี รรจุในตาราง ว่าเป็นอะไรบ้าง ) 1. ตาราง (Table ) ประกอบด้วยสว่ นตา่ งๆ ดงั น้ี หมายเลขตาราง……. … ชือ่ เร่ือง ( เรอ่ื งอะไร ได้จากท่ีใด ได้มาเมอื่ ใดและจาแนกรายละเอียด ของสิ่งท่ีบรรจใุ นตาราง ว่าเป็นอะไรบ้าง ) สดมภ์ แถว แหลง่ ข้อมูล ตัวอยา่ งตาราง ลักษณะเดียว ตารางท่ี 3 จานวนและร้อยละของประชาชนบ้านกอหญา้ หมทู่ ่ี 2 ต.บางแกว้ อ.เมือง จ.ไกอ่ ู จาแนกตามสาเหตุการเสียชีวติ สาเหตุ จานวน(คน) ร้อยละ โรคชรา 97 53.89 28 15.55 หัวใจล้มเหลว 14 7.78 มะเร็ง 12 6.67 ไข้ 9 5.00 อุบตั ิเหตุ 208 11.11 อน่ื ๆ เอกสารการสอน เร่อื ง การวินิจฉยั ปัญหาสขุ ภาพชมุ ชน ปกี ศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวัญตา เพชรมณโี ชติ วพบ.ชลบรุ ีหน้า 39
รวม 180 100.00 ท่มี า : สานกั งานสาธารณสุขจังหวดั ไก่อู , มีนาคม 2559 จากตารางท่ี 3 พบวา่ ประชาชนบา้ นกอหญ้าเสยี ชีวติ ด้วยสาเหตจุ ากโรคชรามากทีส่ ดุ จานวน 97 คน คิดเปน็ ร้อยละ 53.89 รองลงมา หวั ใจลม้ เหลว จานวน 28 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 15.55 และน้อยทส่ี ุด คือ อุบตั เิ หตุ จานวน 9 คน คิดเปน็ ร้อยละ 5.00 ตัวอยา่ งตารางสองลกั ษณะ ตารางท่ี 4 ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งการกนิ ขนมปังสงั ขยากับการป่วยโรคอาหารเป็นพิษของ นกั เรยี นโรงเรียนบ้านกอหญา้ ต.บางแก้ว อ.เมอื ง จ.ไก่อู เมื่อวนั ที่ 13 มถิ ุนายน 2559 ขนมปงั สังขยา โรคอาหารเป็นพษิ รวม รอ้ ยละ ป่วย (คน) ร้อยละ ไมป่ ่วย (คน) ร้อยละ รบั ประทาน 49 38.28 14 10.93 63 49.21 ไมร่ บั ประทาน 19 14.84 46 35.94 65 50.78 รวม 68 53.12 60 46.87 128 100.0 ท่มี า : สานกั งานสาธารณสขุ อาเภอเมือง , มถิ ุนายน 2559 จากตารางท่ี 4 พบว่าเด็กนกั เรียนโรงเรียนบ้านกอหญ้าทร่ี ับประทานขนมปังสงั ขยาจานวน 63 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 49.21 มีนักเรียนป่วยด้วยโรคอาหารเป็นพิษ จานวน 49 คน คิดเป็นร้อยละ 38.28 ไม่ป่วย จานวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 10.93 เด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านกอหญ้าที่ไม่รับประทานขนมปังสังขยา จานวน 65 คน คดิ เป็นร้อยละ 50.78 นักเรียนป่วยด้วยโรคอาหารเป็นพิษ จานวน 19 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 14.84 ไม่ป่วย จานวน 46 คน คดิ เป็นร้อยละ 35.94 2. แผนภูมิ 2.1 การนาเสนอด้วยปิรามิดประชากร เป็นการนาเสนอเพ่ือเปรียบเทียบจานวน เอกสารการสอน เรอื่ ง การวินจิ ฉยั ปัญหาสุขภาพชมุ ชน ปีกศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวัญตา เพชรมณีโชติ วพบ.ชลบรุ ีหนา้ 39
ประชากรเพศหญงิ และเพศชายในชุมชน ท้งั นน้ี ยิ มเริ่มตน้ ตั้งแต่ 0-4 ปี เปน็ ฐานแรก แผนภูมิที่ 1 พรี ะมดิ ประชากรหมบู่ ้านเขาน้าซบั หมูท่ ี่ 6 ต.ทงุ่ สุขลา อ.ศรรี าชา จ.ชลบรุ ี จาแนกตาม อายแุ ละเพศ อา 1.95 2.33 า ปป 3.52 1.55 12.79 ป 0.39 5.04 ป 2.73 4.26 15.00 ป 3.52 3.49 ป 6.64 ป 10.16 6.59 ป 10.16 6.59 ป 8.98 9.38 9.30 5.47 7.75 7.42 6.59 8.20 5.81 7.81 6.20 8.59 7.36 5.08 7.75 6.59 15.00 10.00 5.00 0.00 5.00 10.00 ที่มา : จากการสารวจระหวา่ งวันที่ 4-9 พฤศจิกายน 2557 โดยนกั ศกึ ษาพยาบาลศาสตร์ชน้ั ปที ่ี 4 วทิ ยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบรุ ี จากแผนภูมิท่ี 1 พบว่าพีระมิดประชากรของหมู่บ้านเขาน้าซับ หมู่ท่ี 6 ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จาแนกตามอายุและเพศ เพศหญิงพบช่วงอายุที่มากที่สุดอยู่ระหว่าง 40-44 ปี คิดเป็นร้อยละ 12.79 รองลงมาอยู่ในช่วงอายุ 35-39 ปี คิดเป็นร้อยละ 9.30 และน้อยท่ีสุดคือช่วงอายุระหว่าง 70-74 ปี คิดเป็นร้อยละ1.55 เพศชายพบช่วงอายุที่มากที่สุดอยู่ระหว่าง 40-49 ปี คิดเป็นร้อยละ 10.16 รองลงมา อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 30-34 ปี คิดเป็นร้อยละ 9.38 และน้อยที่สุดคือช่วงอายุระหว่าง 65-69 ปี คิดเป็น รอ้ ยละ 0.39 2.2 แผนภมู ิกงหรือวงกลม (Pie chart) เป็นการเปรียบเทียบขอ้ มูลทเ่ี ป็นชุดเดียวกัน ภายใต้พื้นที่วงกลม โดยเรม่ิ ตน้ ทรี่ ัศมีในแนวด่ิง (เร่ิมที่ 12 นาฬิกา) และหมุนไปตามเขม็ นาฬิกา ซ่ึงนิยมแปลงเป็น รูปร้อยละ โดยจานวนรวมเท่ากับ 100 % (100 % = 360 องศา) ทาให้เกิดความเด่นชัดของข้อมูลและ บอกได้วา่ ขอ้ มลู อะไรมากกว่าข้อมูลอื่นๆ แผนภมู ทิ ี่ 2 รอ้ ยละประชากรวยั แรงงานอายุ 15-59 ปี หมู่บา้ นเขานา้ ซบั หมู่ท่ี 6 ต.ทงุ่ สุขลา อ.ศรีราชา เอกสารการจสอ.ชนลเรบือ่ ุรงี กจาารวแินนจิ กฉยัตปาัญมหอาสาขุชภีพาพชมุ ชน ปีกศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวัญตา เพชรมณีโชติ วพบ.ชลบรุ ีหน้า 39
านา า ร 1.21% 1.61% 2.81% 7.63% ร สา ก 48.99% 9.24% ารา การ าา 28.51% รก สน ท่มี า : จากการสารวจระหว่างวันท่ี 4-9 พฤศจิกายน 2557 โดยนักศกึ ษาพยาบาลศาสตร์ชั้นปีท่ี 4 วทิ ยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบรุ ี จากแผนภูมทิ ี่ 2 ประชากรวัยแรงงานอายุ 15-59 ปี หม่บู า้ นเขาน้าซบั หมู่ 6 ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จาแนกตามอาชีพ พบว่ามากที่สุดคือรับจ้าง คิดเป็นร้อยละ 48.99 รองลงมาคือพนักงานบริษัท คดิ เปน็ รอ้ ยละ 28.51 และนอ้ ยทส่ี ุดคอื ทาไร่ทานา คดิ เปน็ รอ้ ยละ 1.21 2.3 แผนภมู ิแท่ง (Bar chart) การนาเสนอด้วยวธิ นี ท้ี าใหส้ ามารถเปรียบเทียบข้อมลู แต่ละชุดทน่ี าเสนอไดว้ า่ อะไรมากหรือน้อยกวา่ อะไร หรือมากกว่าเปน็ กี่เท่าซึ่งส่วนใหญเ่ ปน็ การ เปรียบเทียบในชว่ งเวลาเดยี วกัน แผนภมู ิท่ี 3 ร้อยละประชากรหมู่บ้านเขา้ น้าซับ หมู่ที่ 6 ต.ทุ่งสขุ ลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จาแนกตามพฤตกิ รรมสขุ ภาพดา้ นการรบั ประทานอาหาร (ด้านบวก) 70 62.87 60.60 65.90 63.63 60 37.12 39.39 ส าเส อ 50 31.81 บา ร 40 0.00 0.00 3.09 0.00 6.00 เ 30 20 10 0 เอกสารการสอน เรือ่ ง การวินจิ ฉยั ปญั หาสุขภาพชุมชน ปกี ศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวัญตา เพชรมณโี ชติ วพบ.ชลบรุ ีหน้า 39
พยาบาลศาสตร์ชั้นปีท่ี 4 จากแผนภูมิที่ 3 ประชากรหมู่บ้านเขาน้าซับ หมู่ท่ี6 ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จาแนกตาม พฤติกรรมสุขภาพด้านการรับประทานอาหาร (ด้านบวก) มากท่ีสุดคือรับประทานอาหารท่ีมีกากใยสูง บางครั้ง คิดเป็นร้อยละ 65.90 รองลงมาคือล้างมือก่อนหลังรับประทานอาหารบางครั้ง คิดเป็นร้อยละ 63.63 และน้อยที่สุดคือ รบั ประทานอาหารครบ 5 หมู่ รับประทานอาหารครบ 3 มื้อและ รับประทานอาหารท่ีมี กากใยสงู คดิ เป็นรอ้ ยละ 0.00 ตัวอย่าง กราฟเสน้ เลขคณิต (Arithmetic scale line graph) แผนภูมิที่ 4 ผปู้ ่วยโรคไข้เลอื ดออกเปน็ รายเดือน จังหวดั ….เปรยี บเทยี บ พ.ศ. 2547 กับ 2542 – 2546 ผู้ป่ ย( ย) 300 250 200 150 100 50 0 ีย ย ย ย ดธ 2542 2543 2544 2545 2546 2547 ปัญหาพ้นื ฐานของการอนามัยชมุ ชนในชนบท ความยากจน เอกสารการสอน เรอื่ ง การวินิจฉยั ปัญหาสขุ ภาพชมุ ชน ปีกศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวัญตา เพชรมณโี ชติ วพบ.ชลบรุ ีหน้า 39
ความเจบ็ ป่วย ความไม่รู้ ภาพที่ 2 ปัญหาพ้นื ฐานของการอนามัยชุมชนในชนบท ความยากจน ความไม่รู้และความเจ็บป่วยมีส่วนสัมพันธ์กันเป็นวงจร ความเจ็บป่วยเป็น บ่อเกิดแห่งความยากจน และในมุมกลับความยากจนก็ทาให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บมากยิ่งขึ้น ความสัมพันธ์ในทานองเดียวกันน้ีก็มีอยู่ระหว่างความเจ็บไข้กับความไม่รู้อันเน่ืองมาจากขาดการศึกษา และความสัมพันธ์ระหว่างความยากจนกับความไม่รู้เป็นการยากมากที่จะบอกว่าองค์ประกอบไหนเป็น สาเหตุนามาก่อนและอะไรเป็นผลที่ตามมา หากว่าเมื่อใดเกิดวงจรดังกล่าวแล้วก็ย่อมจะแน่ชัดว่า องค์ประกอบแต่ละองค์ประกอบจะมีส่วนช่วยให้องค์ประกอบท่ีไม่พึงปรารถนาอื่นๆท้ังหมดดาเนินอยู่ ต่อไปได้ ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า เป็นการสะสมและเพ่ิมพูนสาเหตุที่ไม่พงึ ปรารถนาเพ่ิมมากข้ึน หากไม่มี การแก้ไข หรอื ไมม่ ีการพยายามตดั วงจรน้ใี หข้ าด ปจั จยั ทเ่ี กี่ยวข้องกบั สุขภาพ พนั ธุกรรม สิง่ แวดล้อม สุขภาพ พฤติกรรม บริการสาธารณสุข พนั ธุกรรม เปน็ ความบกพร่องทางร่างกายหรือจติ ใจท่ีถ่ายทอดมาทางพนั ธกุ รรม มีความเจ็บปว่ ย มาแตก่ าเนิด ยากทีจ่ ะแก้ไขใหค้ นื สปู่ กติได้ สิง่ แวดล้อม สภาพแวดลอ้ มที่สกปรก มีภาวะมลพิษ ยอ่ มก่อให้เกดิ ความเส่อื มโทรมของสุขภาพ และเสยี่ งตอ่ ความเจบ็ ป่วยสงู อยา่ งแน่นอน เอกสารการสอน เร่อื ง การวนิ ิจฉยั ปัญหาสุขภาพชุมชน ปีกศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวญั ตา เพชรมณีโชติ วพบ.ชลบรุ ีหนา้ 39
พฤติกรรม พฤติกรรมท่ีขาดความสะอาด ประมาทในการปฏิบัติงาน ประมาทในการกิน การนอน การออกกาลงั กายกอ่ ใหเ้ กดิ ความเสอื่ มโทรมแกส่ ุขภาพและเสยี่ งต่อความเจ็บปว่ ยสูงเชน่ เดียวกนั บรกิ ารสาธารณสุขบริการสาธารณสุขท่ดี ี ยอ่ มปอ้ งกันและแก้ปัญหาตลอดถึงส่งเสริมใหส้ ุขภาพดีได้ ในการปฏิบัติงานทางด้านอนามัยชุมชนหรือสาธารณสุข ผู้ปฏิบัติงานไม่พอใจแต่เพียงความไม่มีโรค เท่าน้ันแต่ยังมุ่งสร้างเสริมปรับปรุงสุขภาพและภาวะสิ่งแวดล้อมอยู่ตลอดเวลาเพื่อประโยชน์ในด้านการ ปรับปรุง ส่งเสริมภาวะสุขภาพของชุมชนแต่ละบุคคลให้ดีข้ึน การสาธารณสุขเกี่ยวข้องครอบคลุมถึงการ สร้างภาวะ การอย่ดู ขี องชมุ ชนซ่ึงภาวะ การอย่ดู ี มคี วามหมายรวมทั้งทาง ร่างกาย จติ ใจและทางสงั คมด้วย ค. ข้อบง่ ชีล้ กั ษณะชมุ ชนท่ีมปี ญั หาสขุ ภาพ ( การวินิจฉยั อนามยั ชุมชน ) การวินจิ ฉยั อนามัยชุมชน (Community diagnosis) เปน็ การประเมินเพ่ือทีจ่ ะทราบว่า อะไรคือปัญหาอนามัยท่ีสาคญั ของชมุ ชนที่จะต้องทาการแกไ้ ข และอะไรคอื สาเหตุของปัญหานัน้ นอกจากนยี้ งั ประเมนิ เพ่อื ทจี่ ะทราบถึงลกั ษณะท่ัวไปของชุมชน และ ลกั ษณะทรัพยากรท้องถน่ิ การวินิจฉัยอนามัยชุมชนจะมีลักษณะคล้ายกับแพทย์วินิจฉัยผู้ป่วย ซ่ึงก่อนท่ีจะทาการวินิจฉัยได้ แพทย์ต้องประเมินภาวะสุขภาพของผู้ป่วยก่อนโดยการตรวจต่าง ๆ และการซักประวัติ แล้ววิเคราะห์ ประมวลข้อมูลต่าง ๆ เพื่อวินิจฉัยว่าส่ิงที่พบบ่งบอกถึงปัญหาได้ ในการดาเนินงานอนามัยชุมชนก็มีความ คล้ายคลึงกันโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและประชาชนในท้องถิ่นจะร่วมมือกันเก็บรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ที่ เก่ยี วขอ้ งมาวิเคราะห์ และสรุปวนิ จิ ฉัยปญั หาของชุมชน ประโยชนข์ องการวินิจฉัยอนามัยชุมชน 1. ทาให้มองเห็นสภาพการณ์ ของชุมชนได้ชัดเจนข้ึนว่าต้องการบริการหรือความช่วยเหลือด้าน สุขภาพอะไรบ้าง 2. ข้อมลู ปัญหานี้สามารถใช้เปน็ ขอ้ ความในการสือ่ สารในทมี สุขภาพให้มคี วามเข้าใจตรงกัน 3. ข้อมลู ปญั หานี้สามารถใชเ้ ป็นข้อความในการสอ่ื สารให้ชุมชนทราบและเขา้ ใจถึงสภาวะสขุ ภาพ ของชมุ ชนเอง เพอื่ รว่ มกนั หาแนวทางแกไ้ ข การระบุปัญหาอนามัยชุมชน (Identify problem) หรือการแจกแจงปัญหาอนามัยชุมชน เป็น การนาเสนอข้อมูลท่ีไดจ้ ากการวิเคราะห์มาเปรียบเทียบกบั ส่ิงใดสง่ิ หนึ่ง หรือค่ามาตรฐานทส่ี ังคมยอมรบั ปัญหา คือ สิ่งที่คาดหวังไว้แต่กลบั ไม่เป็นไปตามความคาดหวงั ก่อใหเ้ กิดภาวะคับข้องใจและวิตกกังวล ปัญหา หมายถงึ (สิ่งทีค่ วรเป็น – ส่งิ ทเ่ี ปน็ อยู่) X ความกังวลห่วงใย เอกสารการสอน เรื่อง การวนิ ิจฉยั ปัญหาสขุ ภาพชมุ ชน ปีกศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวญั ตา เพชรมณีโชติ วพบ.ชลบรุ ีหน้า 39
ปญั หาสาธารณสุข หมายถงึ ส่ิงที่มีผลกระทบต่อสุขภาพทั้งตรงและทางอ้อมอาจมองเห็นชดั เจน เช่น การเจ็บป่วย หรือสิ่งท่ีมีผลทางอ้อมเช่น ภาวะทุพโภชนาการทาให้มีภูมิต้านทานน้อยเป็นผลให้ เจ็บปว่ ยไดง้ ่ายหรอื สถานบริการสาธารณสุขไมเ่ พียงพอทาให้ไม่สามารถรับบริการสุขภาพได้ ปัญหาสขุ ภาพอนามัยทพ่ี บบอ่ ยในชุมชน 1. ปญั หาเกี่ยวกบั โรคภัยไขเ้ จบ็ 1.1 โรคติดเชื้อ ได้แก่ โรคระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องร่วง อาหารเป็นพิษ โรคระบบ ทางดินหายใจ เช่น วัณโรค การติดเชื้อระบบทางดินหายใจเฉียบพลัน โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง มาลาเรีย โรคท่เี กิดจากแมลงเป็นสอ่ื 1.2 โรคไร้เช้ือ ได้แก่ โรคที่เกิดจาการปฏิบัติตัวไม่ถูกต้องเนื่องจากความเช่ือต่างๆ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคท่ีเกิดจากการทางาน หรือ โรคทีเ่ ก่ียวพันกบั การประกอบอาชีพ เป็นตน้ 2. ปัญหาท่ีเกดิ จากอุบตั เิ หตุ การเปน็ พิษ พลวเหตุ เปน็ ตน้ 3. ปญั หาภาวะโภชนาการ ท้ังภาวะโภชนาการเกิน และทพุ โภชนาการ 4. ปญั หาอนามยั แมแ่ ละเด็ก 5. ปัญหาการใช้สารเคมปี ราบศตั รูพืช 6. ปญั หาโรคจิต โรคประสาท 7. ปญั หาสุขาภบิ าลท่อี ย่อู าศยั และส่งิ แวดล้อมไม่ถูกสุขลักษณะ ปญั หาอนามัยชุมชนแบ่งไดเ้ ปน็ 2 พวก คอื 1. เป็นปัญหาในตัวเอง คือ สิ่งที่ทาให้กระทบกระเทือนต่อสุขภาพอนามัยของคน และชุมชน โดยตรง เช่น ความป่วย ความพิการ หรอื การตาย เป็นต้น 2. ปัญหาอนามัยชุมชนท่ีตัวมันเองไม่ใช่ปัญหา แต่จะเป็นสาเหตุหรือพาหะที่จะนาไปสู่ปัญหา อนามยั ชุมชนได้ เช่น ปญั หาลกู นา้ ยุงลาย ปัญหาแหล่งเสื่อมโทรมในชมุ ชน การกาหนดปัญหาของชุมชน (รักชนก คชไกร, 2559: 41) พยาบาลชุมชนควรดูปัญหาต่างๆ อย่างกว้างๆ ทุกปญั หา จัดปญั หาเป็นกลมุ่ การวนิ จิ ฉัยท่พี บในการดูแลชมุ ชนน้นั มี 3 ประเภท คอื 1. การวินิจฉัยปัญหาที่แท้จริงของชุมชน (Actual community diagnosis) หมายถึง การ วินิจฉัยชุมชน ที่เก่ียวข้องกับปัญหาสุขภาพที่พบหรือปรากฏอยู่ในขณะท่ีพยาบาลดาเนินการประเมิน ชุมชน อาจเป็นปัญหาที่คุกคามต่อชีวิต ภาวะเป็นอยู่ที่ต้องแก้ไข เช่น ผู้ป่วยเบาหวานมีอัตราการเกิด ภาวะแทรกซอ้ น รอ้ ยละ 36 2. การวินิจฉัยความเสี่ยงของชุมชน ( Risk community diagnosis ) หมายถึง การวินิจฉัยกลุ่มคน หรือชุมชนที่มกี ารเปล่ียนแปลง บ่งชี้บอกเหตุให้ทราบวา่ ถ้าไม่ดาเนินการแก้ไขอย่างใด อยา่ งหนึ่งในอนาคต เอกสารการสอน เรอ่ื ง การวนิ ิจฉยั ปัญหาสุขภาพชุมชน ปีกศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวัญตา เพชรมณโี ชติ วพบ.ชลบุรีหนา้ 39
จะเกิดปัญหาแน่นอน เช่น ผู้สูงอายุในชุมชน เสี่ยงต่อการเกิดโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 เนื่องจากไม่ได้รับการ ฉดี วัคซีนปอ้ งกัน รอ้ ยละ 50 เปน็ ตน้ 3. การวินิจฉัยภาวะสุขภาพดี ( Wellness community diagnosis ) เป็นการวินิจฉัยกลุ่มคนหรือ ชมุ ชนที่มีการเปลี่ยนแปลง บ่งชี้ให้ทราบว่ามีการพัฒนาภาวะสุขภาพให้อยู่ในระดับที่ดีข้ึน เช่น ประชาชน ในชุมชนมีการออกกาลังกายมากขึ้นร้อยละ 60 เน่ืองจาก อบต.มีนโยบายจัดสถานท่ีให้ออกกาลังกาย หมู่บา้ นละ 1 แห่ง เป็นต้น วิธีการเขียนปัญหาต้องเขียนให้ชัดเจนโดยบ่งบอกผู้ที่ประสบปัญหา ลักษณะปัญหา จานวน หรือขนาดของปัญหา ความเดือดร้อน พฤติกรรมหรือสภาพการณ์ต่างๆที่ต้องการให้เกิดขึ้นออกมาในรูปที่ สามรถประเมินผลออกมาได้ วิธีการระบปุ ัญหาอนามัยชุมชน การระบปุ ัญหาอนามยั ชุมชนมีหลายวธิ ี การท่ีจะใช้วธิ ีใดขน้ึ อยู่ กับหลกั การและวธิ ีการระบุปัญหา สถานการณ์ และประสบการณ์ของผูด้ าเนนิ การ วิธกี ารระบปุ ญั หา อนามัยชมุ ชนมดี งั นี้ 1. ระบปุ ัญหาอนามัยชมุ ชนโดยใชห้ ลกั 5 D ประกอบด้วย ตาย (Death) พกิ าร (Disability) โรค (Disease) ความไม่สุขสบาย (Discomfort) และความไม่พึงพอใจ (Dissatisfaction) การระบุปัญหา ในลักษณะนี้เป็นการนาหลักระบาดวิทยามาประยุกต์ใช้ในการพิจารณาปัญหาร่วมกับควา มวิตกกังวลของ ชุมชนในการพิจารณา หากพบว่า D ใด D หนึ่ง เป็นปัญหาหรือปัญหาใดมี D หลายตัวประกอบกันจะเพ่ิม ขนาดและความสาคัญของปัญหาโดยจะมีผลกระทบกับสขุ ภาพของชมุ ชนมากขนึ้ 2. ระบุปัญหาโดยใช้การเปรียบเทียบกับเกณฑ์ หรอื ค่ามาตรฐานสากล ซง่ึ เป็นค่าตัวเลขที่แสดง ถงึ เป้าหมายว่าตอ้ งการให้ชุมชนมีสุขภาพอยู่ในระดับใด เกณฑห์ รือค่ามาตรฐานน้ี เช่น เกณฑ์ขององค์การ อนามัยโลก ความจาเป็นพื้นฐาน (จปฐ.) การพิจารณาระบุปัญหาชนิดน้ีควรนาเสนอข้อมูลปัญหาในรูป ของปรมิ าณ หรอื ปัญหา เช่น อัตรา สัดสว่ น ร้อยละ 3. การระบุปัญหาอนามัยชุมชนโดยใช้กระบวนการกลุ่ม (Nominal group process) โดยการให้ ประชาชนในชุมชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจด้วยตัวเองว่าอะไรเป็นปัญหาอนามัยชุมชน การระบุปัญหาด้วย วิธีน้ีผู้ดาเนินงานต้องนาเสนอข้อมูลท่ีผ่านการวิเคราะห์แล้วให้ชุมชนรับทราบ พร้อมท้ังแจ้งให้ทราบถึงผลดี ผลเสยี ต่อสขุ ภาพ หลังจากนั้นจงึ ให้ประชาชนลงความเหน็ ว่าข้อใดสมควรเป็นปัญหาอนามัยชุมชน ง. การจัดลาดบั ความสาคญั ของปัญหา ปัญหาอนามยั ชุมชนที่ไดร้ ับการวินจิ ฉัยมกั มีหลายปัญหาซึ่งไม่สามารถจะให้ได้รบั การแก้ไขในเวลา เดียวกันหรือพร้อม ๆ กันได้ ทั้งนี้เน่ืองจากทรัพยากรในการแก้ปัญหามีจากัด และระยะเวลา ในทาง ปฏิบัติไม่เอื้ออานวยที่จะให้รอต่อไปจึงมีความจาเป็นจะต้องมีการเลือกว่าปัญหาใดควรได้รับการแก้ไข เอกสารการสอน เรือ่ ง การวนิ จิ ฉยั ปญั หาสขุ ภาพชมุ ชน ปีกศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวญั ตา เพชรมณโี ชติ วพบ.ชลบุรีหน้า 39
ก่อนหลงั การจดั ลาดับความสาคัญของปัญหามีอย่หู ลายวิธีแต่ละวิธตี ้องนาไปดัดแปลงเพื่อใช้ให้เหมาะสม กับสภาพการณ์ของชมุ ชนซ่ึงการตัดสินใจเลือกวิธีและการกาหนดเกณฑ์พิจารณาจะต้องมีความร่วมมือกัน ในบุคลากรทีมสุขภาพและองค์กรที่เป็นแกนนาของชุมชน ทั้งนี้บุคลากรในทีมสุขภาพจะต้องทราบ นโยบายและวัตถุประสงค์ของหน่วยงานเป็นอย่างดี พอที่จะช้ีแจงและให้เหตุผลในการพิจารณาจัดลาดับ ว่าสามารถปฏบิ ัตไิ ดห้ รอื ไม่ องค์ประกอบที่ช่วยในการจัดลาดับความสาคัญ ได้แก่ อุบัติการณ์ของโรค(Incidence rate) หมายถึง จานวนผ้ปู ่วยใหม่ท่ีเกิดข้ึนในช่วงระยะเวลาหนึ่งเวลาใด เปน็ ดัชนที ่ีแสดงถึงมาตรการการป้องกัน ถ้ามีอุบัติการณ์ของโรคสูง แสดงว่าโรคน้ันยังเป็นปัญหาของชุมชน เช่น โรคมะเร็ง เป็นต้น นอกจาก อุบัติการณ์แล้ว ความชุกของโรค (Prevalence ) ก็เป็นดัชนีอีกตัวหนึ่ง ความชุกของโรคหมายถึงจานวน ผู้ป่วยท้ังหมดที่มีอยู่ในชุมชนในช่วงเวลาหน่ึงเวลาใด เป็นดัชนีแสดงถึงประสิทธิผลของการป้องกันและ คณุ ภาพของการรกั ษาประกอบกัน เปน็ ต้น วิธีการจดั ลาดับความสาคญั ของปัญหา มีวิธกี ารต่างๆ คือ 1. วิธีการของแฮลอน เหมาะสาหรับการจัดลาดับความสาคัญของปัญหาระดับนโยบายแต่ สามารถนามาประยุกตใ์ ช้ในการจัดลาดับความสาคัญของปัญหาในชุมชนใหญ่ๆที่มีประชากรมากๆได้ วิธีน้ี พิจารณาความสาคัญจากองคป์ ระกอบ 4 องคป์ ระกอบ คอื 1) องค์ประกอบ A : ขนาดปัญหา (Size of the Problem ) หมายถึง คนที่มีปัญหา หรอื คนท่ีไดร้ ับผลกระทบจากปัญหานัน้ เช่น อัตราอบุ ัตกิ ารณ์ (Incidence Rate) หรืออัตราความชุกของ โรค (Prevalence Rate) ขนาดปัญหาจะมคี ะแนนอยรู่ ะหวา่ ง 0-10 2) องค์ประกอบ B : ความรุนแรงของปัญหา (Seriousness of the Problem ) หมายถึง ปัจจัย 4 อยา่ ง คือ ความเร่งด่วน ความร้ายแรง การสูญเสียทางเศรษฐกิจและความเกี่ยวข้องของคนกับ ปญั หา ปัญหาท่มี ีความรนุ แรงสูงคะแนนจะมากคะแนนอยูร่ ะหว่าง 0-20 3) องค์ประกอบ C : ประสทิ ธิผลของการปฏบิ ัติงาน (Effectiveness of the Intervention ) หมายถึง ความเป็นไปได้ของวิธีการที่จะนาไปใช้ในการแก้ปัญหา ปัญหาใดมีวิธีการแก้ไขท่ีเหมาะสมค่า คะแนนจะสงู คะแนนอยู่ระหวา่ ง 0-10 4) องค์ประกอบ D : ขอ้ จากัด (Limitation) หมายถงึ ปัจจยั ท่ีกาหนดความสาเร็จของ โครงการภายใตท้ รัพยากรที่มีอยู่ภายในระยะเวลาที่จากดั โดยแต่ละปจั จยั มีคะแนนเป็น 0 หรอื 1 2. วธิ กี ารกระบวนการกลมุ่ (Nominal Group Process) เป็นกระบวนการกลุ่มมาใชใ้ น การจัดลาดับความสาคัญของปัญหาเพ่ือให้คนในชุมชนตัดสินใจเลือกแก้ปัญหาด้วยตนเองตามลาดับ ความสาคญั ปัญหาก่อนหลงั กระบวนการน้ีใช้ไดด้ มี ากในการใหช้ ุมชนตดั สนิ เอง 3. วิธีการคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล วิธีนี้เป็นวิธีที่นิยมในปัจจุบันและ สามารถใช้ได้ในทุกชุมชนเน่ืองจากมีองค์ประกอบท่ีตัดสินใจชัดเจนและคานวณออกมาเป็นคะแนนที่ตัดสินง่าย เอกสารการสอน เรอื่ ง การวนิ ิจฉยั ปัญหาสุขภาพชมุ ชน ปีกศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวัญตา เพชรมณโี ชติ วพบ.ชลบุรีหน้า 39
ไม่มีความสลับซับซ้อน เกณฑ์ที่ใช้ในการพิจารณามี 4 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) ขนาดของปัญหา 2) ความ รนุ แรงของปัญหา 3) ความยากง่ายและความพร้อมในการแก้ปัญหา 4) ความตระหนักและความร่วมมือ ของชุมชนในการแก้ไขปัญหา ให้คะแนนจาก 0 – 4 แล้วรวมคะแนนท่ีได้ท้ังหมดนามาเรียงลาดับจาก คะแนนสูงสุดตามลาดับ องคป์ ระกอบทน่ี ามาพจิ ารณา ดงั น้ี 3.1 องค์ประกอบที่ 1 ขนาดของปญั หา (Size of Problem) หมายถึง จานวนประชาชนในชุมชนท่ีป่วยด้วยโรคที่เก่ียวข้องกับปัญหาภายในระยะเวลา ทีก่ าหนด ซงึ่ มักพจิ ารณาจากอัตราอุบัตกิ ารณ์ หรือ ความชกุ โดยคานวณเปน็ ร้อยละ ตารางท่ี 5 การจดั ลาดับความสาคัญตามขนาดของปัญหา ขนาดของปัญหา (ร้อยละผู้ปว่ ย) คะแนน ไมม่ ีเลย 0 1 มากกว่าร้อยละ 0 ถึง 25 2 ร้อยละ 26 ถึง 50 3 รอ้ ยละ 51 ถึง 75 4 รอ้ ยละ 76 ถึง 100 3.2 ความรนุ แรงของปัญหา (Severity of Problem) หมายถงึ จานวนประชากรท่ตี าย พกิ ารหรือได้ผลกระทบจากปัญหาหรือโรค คานวณเป็น ร้อยละหรืออัตราของประชากรท่ีได้รับผลจากปัญหาและสามารถพิจารณาแนวโน้มของปัญหาที่จะทาให้ เกิดการตาย พิการ หรือไม่สุขสบาย ความรุนแรงของปัญหามีคะแนนอยู่ระหว่าง 0 – 4 โดยมีคะแนน ความร้ายแรงปัญหาจากน้อยไปมาก ซ่งึ เกณฑ์การให้น้าหนักคะแนนความรุนแรงของปัญหา มี 2 แบบ ดงั นี้ ตารางที่ 6 การจัดลาดบั ความสาคัญตามความรนุ แรงของปญั หา แบบที่ ความรนุ แรงของปญั หา คะแนน 1 ไมม่ ีผู้พกิ ารหรือเสยี ชวี ติ 0 ร้อยละหรืออตั ราประชากรที่ มากกว่าร้อยละ 0-25 ท่พี ิการหรือตาย 1 ได้รับผลกระทบจากปัญหา 2 รอ้ ยละ 26 -50 ท่ีพิการหรือตาย 3 ร้อยละ 51 -75 ทีพ่ ิการหรือตาย 4 ร้อยละ 76 - 100 ทีพ่ ิการหรือตาย เอกสารการสอน เร่อื ง การวินิจฉยั ปัญหาสุขภาพชมุ ชน ปกี ศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวัญตา เพชรมณโี ชติ วพบ.ชลบรุ ีหน้า 39
2 ไมร่ า้ ยแรง 0 ความร้ายแรงของปัญหา ไม่สุขสบาย 1 เปน็ โรค 2 3 พิการ 4 ตาย 3.3 องคป์ ระกอบดา้ นความยากง่ายในการแกไ้ ขปัญหา (Ease of Management of Susceptibility) หมายถึงว่าในดา้ นการดาเนนิ การแก้ไขปัญหาดงั กลา่ วจะทาไดห้ รือไม่ ขน้ึ อยูก่ ับ 1) ด้านวิชาการ มีความรู้ด้านวิชาการในการนามาใชแ้ ก้ปัญหาได้หรือไม่ เพียงใด เช่น การฉีดวัคซีนป้องกันโรค ยารักษาโรคโดยตรง เป็นต้น ด้านวิชาการนี้แม้ว่าในชุมชนน้ันจะมีไม่เพียงพอก็ สามารถพิจารณาจากหน่วยงานอนื่ ๆท่สี ามารถใหค้ วามชว่ ยเหลือได้ 2) ดา้ นการบริหาร ดบู คุ ลากร วสั ดอุ ุปกรณ์และวธิ ีดาเนนิ การรวมทั้งนโยบาย สนับสนุนของผ้บู รหิ าร 3) ระยะเวลา มีเวลาเพียงพอท่จี ะแก้ปัญหาน้ัน ๆ หรือไม่ 4) ดา้ นกฎหมาย พจิ ารณาว่าวิธีการแกป้ ัญหาทจ่ี ะจัดข้ึนกับกฎหมายหรือไม่ 5) ด้านศีลธรรม พิจารณาวา่ วิธกี ารท่ีจะจัดข้ึนขัดกับศีลธรรม จรรยา ขนบธรรมเนยี มประเพณีหรือไม่ การรณรงค์ทาหมนั ให้แก่หญิงวยั เจรญิ พันธ์ุซงึ่ นับถือศาสนาอิสลามในเขต 3 จังหวดั ชายแดนใต้ ความยากง่ายในการแก้ไขปัญหาจะมคี ะแนนอย่รู ะหวา่ ง 0-4 โดยมีคะแนนความยากงา่ ย ในการแกไ้ ขปัญหาจากมากไปน้อย ตารางท่ี 7 การจดั ลาดบั ความสาคญั ตามความยากงา่ ยในการแก้ปญั หา การแกป้ ัญหา คะแนน ไม่มีทางแกไ้ ขไดเ้ ลย 0 1 ยากมาก 2 ยาก 3 ง่าย 4 งา่ ยมาก 3.4 ความตระหนกั และความรว่ มมือของประชาชนในชุมชน (Community Concern) เป็นความร่วมมือหรอื ความวติ กกังวลต่อปญั หาของชุมชนวา่ คนในชมุ ชนเห็นความสาคญั ของ ปัญหาที่เกิดข้นึ เพยี งใด มีความวิตกกงั วล สนใจหรือต้องการแกไ้ ขหรอื ไม่ การประเมนิ ความร่วมมอื ของ เอกสารการสอน เรอ่ื ง การวนิ จิ ฉยั ปญั หาสุขภาพชมุ ชน ปีกศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวญั ตา เพชรมณีโชติ วพบ.ชลบรุ ีหนา้ 39
ชุมชนอาจได้จากการสงั เกต การสัมภาษณ์ การพดู คุยหรือการใหป้ ระชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสนิ ใจเลอื ก ปญั หาท่ีเหมาะสมเพอื่ นาไปสู่การวางแผน ลงมอื แก้ไข การให้ค่าคะแนนในองค์ประกอบน้ี ใหค้ ่าคะแนนอย่รู ะหว่าง 0-4 โดยมีคะแนนความ วิตกกงั วลจากน้อยไปมาก ในการคิดคะแนนใหค้ ดิ จากจานวนประชากรในชมุ ชนท่ตี ระหนกั และเข้าใจถึง ความสาคญั ของปัญหา หรอื จานวนประชาชนที่ใหค้ วามรว่ มมอื ในการดาเนินงานเพื่อแก้ไขปญั หา ตารางท่ี 8 การจัดลาดับความสาคัญตามความสนใจ ความร่วมมือ ความวิตกกังวลต่อปัญหาของชุมชน ความรว่ มมือ ความสนใจ หรือ คะแนน ความวิตกกงั วลต่อปัญหาของชมุ ชน ไมส่ นใจให้ความร่วมมือหรอื วิตกกังวลเลย 0 1 มีมากกว่าร้อยละ 0 ถึง 25 2 รอ้ ยละ 26 ถึง 50 3 ร้อยละ 51 ถึง 75 4 รอ้ ยละ 76 ถึง 100 ภายหลังการให้คะแนนในแต่ละองค์ประกอบเรียบร้อยแล้ว ข้ันตอนต่อไปคือการจัดลาดับ ความสาคญั ของปัญหา ซงึ่ ทาได้ 2 วธิ ี คือ 1) วิธีบวก 2) วิธคี ูณ วธิ ีที่ 1 วิธีบวก นาคะแนนแต่ละองค์ประกอบมาบวกกนั ผลท่ีได้อาจเหน็ ความแตกตา่ งของแตล่ ะปัญหาไดน้ ้อย เน่ืองจากความกว้างของคะแนนแคบแตล่ ดปัญหาของค่าคะแนนในองค์ประกอบใดท่เี ปน็ 0 วิธที ่ี 2 วธิ ีคณู นาคะแนนแตล่ ะองคป์ ระกอบมาคูณกัน วธิ นี จี้ ะทาให้เหน็ ขอ้ แตกต่างของคะแนนผลรวมทช่ี ดั เจน แตม่ ขี อ้ เสยี คอื ในกรณีทอี่ งค์ประกอบใดมีค่าคะแนนเปน็ 0 ผลลพั ธ์ที่ไดจ้ ากการคูณจะเป็น 0 ทง้ั หมด ซ่ึงมิได้หมายความว่าปัญหานั้นจะไม่ใช่ปัญหาของชุมชน แต่หมายความว่าปัญหานั้นไม่อาจแก้ไขได้ใน ระยะเวลาสั้น หรือเป็นปัญหาที่แก้ไขยาก การให้คะแนน 0 จึงต้องคิดให้รอบคอบ ดังน้ันการให้ค่า คะแนนต่าสุดจึงควรเป็น 1 ในกรณีที่พบว่าปัญหามีคะแนนเท่ากันพยาบาลชุมชนหรือทีมจะต้องนา ปัญหาน้ันมาพิจาณาการให้น้าหนักคะแนนใหม่ ในวิธีการคูณน้ีอาจทาได้โดยไม่ต้องถ่วงน้าหนัก (Unweight) หรือวิธีถ่วงน้าหนัก (Weight) ของ ความสาคัญของแต่ละองค์ประกอบ โดยการถ่วงน้าหนักรวมคิดเป็น 100 และแต่ละองค์ประกอบให้ น้าหนักความสาคัญเป็นอย่างไรจะต้องกาหนดขึ้น เช่น ให้ค่าน้าหนักองค์ประกอบที่ 1 เป็น 20 องค์ประกอบที่ 2 เป็น 30 องค์ประกอบท่ี 3 เป็น 40 องค์ประกอบที่ 4 เป็น 10 ตามลาดับ แล้วนา เอกสารการสอน เรือ่ ง การวนิ ิจฉยั ปัญหาสุขภาพชุมชน ปีกศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวัญตา เพชรมณีโชติ วพบ.ชลบรุ ีหนา้ 39
น้าหนักที่ถ่วงไปคูณเข้ากับคะแนนท่ีได้ในองค์ประกอบนั้นๆและรวมคะแนนทุกองค์ประกอบเข้าด้วยกันก็ จะได้คะแนนรวมของปัญหาดังกลา่ ว ตัวอยา่ ง การจัดลาดบั ความสาคญั ของปัญหาแบบไม่มกี ารถ่วงน้าหนัก การจัดลาดับความสาคญั ของปัญหาชมุ ชนลาดวน หมู่ท่ี 6 ต.บางกระเจ็ด อ.บางระกาจ.บางย่ขี นั ปัญหา ขนาด ความ ความ ความรว่ มมอื ความสนใจ วธิ ีบวก วิธคี ณู ลาดบั ปญั หา รนุ แรง ยากง่าย หรือความวติ กกงั วลตอ่ ปัญหาของชมุ ชน 1. มารดาไม่ฝากครรภ์ 3 23 2 10 36 2 รอ้ ยละ 61.3 2. ประชาชนเสยี ชวี ิต 1 44 4 13 64 1 ดว้ ยไข้เลือดออก ร้อยละ 0.01 3. เด็ก 0-5ปี ขาด 2 2 3 2 9 24 3 สารอาหารระดับ 2 รอ้ ยละ 29.3 จากตวั อยา่ งการจัดลาดับความสาคญั ของปัญหา พบว่าปญั หาท่จี ะต้องดาเนินการแกไ้ ขเรยี ง ตามลาดบั ดังนี้ ลาดับที่ 1 ประชาชนเสียชวี ติ ดว้ ยไขเ้ ลอื ดออก ลาดบั ท่ี 2 มารดาไม่ฝากครรภ์ ลาดบั ที่ 3 เดก็ 0-5ปี ขาดสารอาหารระดับ 2 ตวั อย่าง การจัดลาดบั ความสาคัญของปัญหาแบบมีการถว่ งน้าหนกั ปัญหา ขนาด ความ ความ ความรว่ มมอื ความสนใจ วิธีบวก ลาดับ ปญั หา รนุ แรง ยากง่าย หรือความวิตกกงั วลตอ่ 240 2 (20) (20) (20) ปญั หาของชมุ ชน (40) 340 1 220 3 1. มารดาไม่ฝากครรภ์ 3 60 2 40 3 60 2 80 ร้อยละ 61.3 2. ประชาชนเสียชีวติ 1 20 4 80 4 80 4 160 ด้วยไขเ้ ลือดออก ร้อยละ 0.01 3. เดก็ 0-5ปี ขาด 2 40 2 40 3 60 2 80 สารอาหารระดบั 2 ร้อยละ 29.3 เอกสารการสอน เรอื่ ง การวนิ ิจฉยั ปัญหาสขุ ภาพชมุ ชน ปกี ศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวญั ตา เพชรมณโี ชติ วพบ.ชลบรุ ีหน้า 39
หมายเหตุ การเขียนปัญหานัน้ ต้องประกอบดว้ ยใครคือปัญหา ปญั หาน้ันคืออะไร ปญั หานน้ั มีจานวน จานวนเทา่ ใดโดยจานวนทรี่ ะบุตอ้ งเปน็ ค่ารอ้ ยละเพ่อื สามารถเทียบเคียงกบั เกณฑก์ ารให้คะแนนได้ 4. วิธีการของ 5 D เปน็ การใช้หลักการทางระบาดวิทยา เกณฑ์ในการพจิ ารณา ไดแ้ ก่ 1. Death ได้แก่ จานวนประชากรท่ีตายจากปญั หา หรอื อตั ราตาย(Mortality rate)ที่ เกิดข้นึ ในชุมชน 2. Disability ไดแ้ ก่ จานวนประชากรท่ีพิการจากปัญหา หรอื ปญั หานัน้ มแี นวโนม้ ท่ี กอ่ ให้เกดิ ความพิการกบั ประชาชนในชุมชนได้มากน้อยเพียงใด 3. Disease ได้แก่ จานวนประชากรท่ปี ่วยดว้ ยโรคจากปัญหาหรืออัตราป่วย(Morbidity rate) ท่เี กดิ ขน้ึ 4. Discomfort ได้แก่ ความรสู้ กึ ไม่สุขสบายของประชากรในชุมชน และการตระหนัก ถงึ ความสาคัญของปัญหาทเ่ี กิดขึ้นในชุมชน 5. Dissatisfaction ได้แก่ ความรู้สึกไม่พงึ พอใจของประชาชนตอ่ ปญั หาท่เี กดิ ขึน้ และ ต้องการทีจ่ ะแก้ไขปัญหา เน่ืองจาก Discomfort และ Dissatisfaction นั้นเป็นความรู้สึกของคนในชมุ ชน ดังนั้นคะแนน จากส่วนน้ีจึงควรมาจากชมุ ชน การให้คะแนนในแตล่ ะเกณฑ์น้นั ผู้ดาเนินงานจะเป็นผู้กาหนดขนึ้ เช่น คะแนน = 3 มาก คะแนน = 2 ปานกลาง คะแนน = 1 น้อย แล้วนาคะแนนทั้งหมดมารวมกันเร่ืองใดมีคะแนนมากกวา่ มลี าดับ ความสาคญั ของปัญหาสงู จ. การวเิ คราะห์สาเหตขุ องปญั หา ( Problem Analysis ) ความสาคัญของการวเิ คราะหส์ าเหตขุ องปัญหา ในการวางแผนป้องกันและควบคุมโรคตลอดจนการดาเนินงานเพื่อป้องกันและควบคุมโรค ซ่ึงเป็น ปัญหาสาธารณสุขของชุมชนใดๆก็ตาม การวิเคราะห์ปัญหาเพ่ือหาสาเหตุของการเกิดโรคและปัจจัยท่ี ส่งเสริมให้มีการเกิดและการแพร่กระจายของโรคเพิ่มข้ึนในชุมชนน้ันเป็นหัวใจสาคัญเบ้ืองต้นท่ีจะนาไปสู่ ความสาเร็จและทาให้การดาเนินงานควบคุมและป้องกันโรคบรรลุเป้าประสงค์ท่ีกาหน ดได้อย่างมี ประสิทธิภาพ กล่าวคือ สามารถดาเนินการแก้ไขปัญหาได้ตรงตามสาเหตุทาให้สามารถประหยัด ทรัพยากรต่างๆได้ เมื่อเปรียบเทียบกับการแก้ปัญหาท่ีขาดการวิเคราะห์หาสาเหตุ เม่ือได้ปัญหาอนามัย ชุมชนแล้ว และเรียงลาดบั ความสาคญั ของปัญหาแล้ว ส่งิ ทจ่ี ะต้องดาเนินการตอ่ ไป คือ การรวบรวมขอ้ มูล เพ่ือสนับสนุนถึงสาเหตุที่ทาให้เกิดปัญหาซึ่งจาเป็นต้องใช้ความรู้ทางวิชาการเข้ามาช่วย การรวบรวม ข้อมูลเพื่อหาสาเหตุของปัญหา บางครั้งอาจต้องใช้หลายวิธีในการวิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหาซึ่งมีหลายวิธี ควรพิจารณาเลือกวิธีที่เหมาะสมกับสถานการณ์หรือปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชน หรือให้สอดคล้องกับบริบท เอกสารการสอน เรอ่ื ง การวินจิ ฉยั ปัญหาสุขภาพชุมชน ปกี ศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวญั ตา เพชรมณีโชติ วพบ.ชลบุรีหนา้ 39
ของชุมชน และต้องพิจารณาดูจุดอ่อน จุดแข็งของแต่ละวิธีด้วย เพื่อให้ได้สาเหตุของปัญหาท่ีแท้จริงและ ครอบคลุม จึงจะทาให้แก้ปัญหาของชุมชนได้ตรงกับสาเหตุ และเมื่อทราบสาเหตุแล้ว ทาให้สามารถ วางแผนในกจิ กรรมของโครงการได้อย่างเปน็ รปู ธรรมจริงตามบริบทของชมุ ชนจึงจะสามารถพัฒนาอนามัย ชมุ ชนใหส้ าเรจ็ ลลุ ่วงไปได้ด้วยดี วธิ ีท่ี 1 การวิเคราะห์หาสาเหตตุ ามหลักวทิ ยาการระบาด เป็นการวิเคราะห์ปัจจัยท่ีมีผลกระทบต่อสุขภาพ 3 ประการได้แก่ Agent (ส่ิงท่ีทาให้เกิดโรค) Human Host (ปัจจัยของตัวมนุษย์) และ Environment (ปัจจยั ของส่ิงแวดล้อม) ซึง่ วิธีน้ีน่าจะเป็นวิธีที่ ครอบคลุมสาเหตุของปัญหาสุขภาพทั้งหมดในชุมชน และหลักการน้ีก็มีอยู่ในหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต แต่ต้องวิเคราะห์ด้วยความละเอียดถี่ถ้วนว่า Agent Factor (ส่ิงที่ทาให้เกิดโรค)ประกอบด้วยส่ิงใดบ้าง ได้แก่ สิ่งท่ีทาให้เกิดปัญหาสุขภาพทางชีวภาพ ทางเคมี ทางกายภาพ และทางสรีระวิทยา (ปัจจัยในตัว มนุษย์เอง) โดยมิได้หมายถึงตัวเช้ือโรคเพียงอย่างเดียว Human Host Factor ประกอบด้วย กรรมพันธ์ุ องค์ประกอบทางสรีระวิทยา องค์ประกอบด้านจิตใจ องค์ประกอบด้านพฤติกรรม (ความรู้ เจตคติและ การปฏิบัติ ก็อยู่ใน Human Host Factor) และการมภี ูมิค้มุ กันเฉพาะโรคมากอ่ น สาหรบั Environment Factor นัน้ ประกอบดว้ ยสง่ิ แวดลอ้ มทางกายภาพ ชีวภาพ ตลอดจนทางเศรษฐกจิ และสังคมด้วย วิธีท่ี 2 วิเคราะห์ปัจจัยในตัวบุคคล (Intra Individual Causal Assumption) โดย KAP survey เพื่อดูว่าประชาชนมีความรู้ ทัศนคติ หรือพฤติกรรมในการปฏิบัติอย่างไรจึงทาให้เกิดปัญหาข้ึนมาได้ ซงึ่ เราเรียกว่าการเกบ็ ข้อมลู นวี้ า่ KAP survey (K = Knowledge , A = Attitude , P = Practice) ในการทา KAP survey น้ัน การสรา้ งแบบสอบถามควรต้องมีขอ้ คาถามทั้ง K, A และ P เท่า ๆ กันนาไปสอบถามประชาชนในชุมชนตลอดจนใช้วิธกี ารเกบ็ ขอ้ มูลวิธอี ื่นร่วมดว้ ย ( ปัจจบุ นั ไมน่ ิยมใช้วิธกี าร นเ้ี นื่องจากมีปจั จยั อน่ื ๆที่เกี่ยวข้องอีกมาก การได้คาตอบจาก KAP จงึ อาจไมส่ อดคล้องกับความเป็นจรงิ ) วธิ ที ่ี 3 วิเคราะห์พฤติกรรมสุขภาพตามกรอบแนวคิดของ PRECEDE Framework เป็นการวิเคราะห์พฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้ทราบว่า ทาไมบุคคลจึงมีการกระทาหรือปฏิบัติ พฤติกรรมอยา่ งน้ันจนทาให้เกดิ ปัญหาสขุ ภาพในชุมชนและมีปจั จัยอะไรบ้างที่เป็นตัวกาหนดหรือทาให้เกิด การกระทาพฤติกรรมน้ัน ๆ เช่น พฤติกรรมของผู้บริโภคไม่สามารถ เลือกซื้อและบริโภคผลิตภัณฑ์ อาหารประเภทน้าปลา น้าส้มสายชู ซอส และน้าด่ืมบรรจุขวดที่ได้มาตรฐานในความรับผิดชอบของ สานักงานคณะกรรมการอาหารและยามาใช้ หรอื มาบรโิ ภคมีการกระทาหรือไม่กระทาพฤตกิ รรมนั้น โดย วิเคราะห์จากปัจจัยทางดา้ นพฤตกิ รรม 3 ปัจจัยคอื 1. ปัจจยั นา (Predisposing Factors) หรอื ปจั จยั หลกั เป็นองคป์ ระกอบที่สาคญั อยู่ ภายในตัวบคุ คล ได้แก่ ความรู้ ความเช่อื คา่ นิยม การรบั รู้ เช่น ความรใู้ นการเลอื กผลติ ภัณฑ์อาหาร มาบริโภค ค่านิยมและทัศนคติในการบริโภคอาหารที่ได้หรือไม่ได้มาตรฐานของความเช่ือในโอกาสเส่ียง ต่อการเป็นโรคที่เกิดจากการบริโภคผลิตภัณฑ์อาหารท่ีไม่ได้มาตรฐานอย. ตลอดจนการได้รับรู้ถึง ประโยชนแ์ ละอปุ สรรคทจี่ ะได้รับการปฏบิ ัติหรอื กระทาในส่งิ ที่ถูต้อง เอกสารการสอน เรอื่ ง การวินจิ ฉยั ปญั หาสขุ ภาพชมุ ชน ปีกศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวญั ตา เพชรมณโี ชติ วพบ.ชลบุรีหน้า 39
2. ปัจจยั เออ้ื (Enabling Factor) หรอื ปจั จยั เอ้ืออานวย เป็นองคป์ ระกอบภายนอกตัวบคุ คล หรือส่ิงแวดล้อมที่จะช่วยให้เกิดการกระทาหรือไม่กระทาพฤติกรรม หรือส่ิงท่ีเป็นแหล่งทรัพยากรท่ีจาเป็นการ แสดงพฤตกิ รรมของบุคคล ชุมชน รวมท้ังทักษะที่จะชว่ ยให้บุคคลสามารถแสดงพฤติกรรมน้ัน ๆ ได้และสามารถ ที่จะใช้แหล่งทรัพยากรเหล่านั้นซึ่งเกี่ยวกับราคา ระยะทาง เวลา ความยากง่ายของการเข้าถึงบริการ เช่น ทักษะในการเลือกผลิตภัณฑ์มาบริโภค อานาจในการซ้ือ หรือฐานะเศรษฐกิจของบุคคล แหล่งขายอาหารที่มี คุณภาพ และผลิตภัณฑ์อาหารท่ีไดม้ าตรฐานอย.ซ่งึ ปราศจากสารพิษและการปนเปอ้ื นในอาหาร มแี หล่งทีห่ าซื้อได้ง่าย พอเพียงและราคาถูกหรอื ไม่ มีของแจกของแถมหรอื ไมเ่ ปน็ ต้น 3. ปัจจัยสนับสนุน (Supporting factor) หรือปจั จัยเสรมิ เปน็ องค์ประกอบทางด้าน สังคมและจิตวิทยา ที่ผู้บริโภคได้รับหรือข้อมูลท่ีป้อนกลับมาสู่ผู้บริโภคซ่ึงมาจากบุคคลอื่น ๆ หรือบุคคล รอบข้างหลังจากที่ผู้บริโภคได้ปฏิบัติหรือได้กระทาพฤติกรรมหน่ึง ๆ แล้ว ซ่ึงอาจจะช่วยสนับสนุนหรือ ขัดขวางการกระทาพฤติกรรมนั้นได้ เช่น การได้รับแรงสนับสนุนทางสังคมจากญาติ จากผู้ที่เคารถนับถือ ผู้นาชุมชน เช่น ได้รับรางวัล การได้รับคาชมเชย หรือการตาหนิติเตียนการได้รับข้อมูลข่าวสาร นโยบาย หรอื กฎระเบียบของหนว่ ยงานทเี่ กี่ยวข้อง การโฆษณาชวนเช่ือทางสื่อมวลชนในรปู แบบตา่ ง ๆ เป็นตน้ การวิเคราะห์พฤติกรรมสุขภาพเพื่อปรับเปล่ียนพฤติกรรม เป็นการวิเคราะห์ส่วนขาดของ พฤติกรรมทั้ง 3 ปัจจัย หากพบว่าปัจจัยไหนขาดก็ดาเนินการจัดกิจกรรมสร้างเสริมหรือเติมลงไปให้ สอดคล้องกับปัญหาพฤติกรรมสุขภาพที่เกิดหรือค้นพบ เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพไปในทิศทางที่ พงึ ประสงค์ ตามสภาพสังคมส่ิงแวดล้อม ขนบธรรมเนยี มประเพณีของกลุม่ เป้าหมาย วิธที ่ี 4 แผนภมู ิกา้ งปลา แผนผังกา้ งปลาหรือเรียกเป็นทางการวา่ แผนผงั สาเหตแุ ละผล (Cause and Effect Diagram) แผนผังสาเหตุและผลเป็นแผนผังที่แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างปัญหา (Problem) กับสาเหตุ ทั้งหมดที่เป็นไปได้ที่อาจก่อให้เกิดปัญหาน้ัน (Possible Cause) เราอาจคุ้นเคยกับแผนผังสาเหตุและผล ในชื่อของ \"ผังก้างปลา (Fish Bone Diagram) \" เน่ืองจากหน้าตาแผนภูมิมีลักษณะคล้ายปลาท่ีเหลือแต่ ก้าง หรือหลายๆ คนอาจรู้จักในชื่อของแผนผังอิชิกาว่า (Ishikawa Diagram) ซ่ึงได้รับการพัฒนาคร้ังแรก เมื่อปี ค.ศ. 1943 โดย ศาสตราจารย์คาโอรุ อิชิกาว่า แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียวเป็นการค้นหาสาเหตุที่มี ประโยชน์ สามารถหาสาเหตยุ อ่ ยๆไดอ้ กี ทาไดโ้ ดย วธิ กี ารสรา้ งแผนผงั สาเหตแุ ละผลหรือผังกา้ งปลา ส่งิ สาคัญในการสร้างแผนผัง คือ ต้องทาเปน็ ทมี เปน็ กลมุ่ โดยใชข้ ัน้ ตอน 6 ข้ันตอนดังนี้ 1. กาหนดประโยคปัญหาทหี่ วั ปลา หรือ ผล คือหัวปลา เปน็ หวั ขอ้ ทจ่ี ะระดมพลงั สมอง 2. กาหนดกลุ่มปจั จัยท่จี ะทาใหเ้ กดิ ปัญหาน้ันๆ โดยแสดงลกู ศรทุกอันให้ชดั เจน จากซ้ายไปขวา 3. ระดมสมองเพื่อหาสาเหตุในแตล่ ะปจั จยั ซึง่ สาเหตุและผลตอ้ งสมั พันธ์กัน 4. หาสาเหตุหลกั ของปัญหา โดยเขียนสาเหตุใหญ่ซึ่งเปน็ ก้างปลาเข้าหาแกนกลางซ่ึงสาเหตุ เอกสารการสอน เรื่อง การวนิ ิจฉยั ปัญหาสขุ ภาพชุมชน ปีกศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวัญตา เพชรมณโี ชติ วพบ.ชลบุรีหนา้ 39
ใหญ่เป็นอิสระไม่ขึ้นแกก่ นั เขยี นสาเหตุยอ่ ยเปน็ ก้างปลา เข้าหากา้ งปลาใหญ่ 5. จัดลาดับความสาคัญของสาเหตุ 6. ใช้แนวทางการปรบั ปรุงทจ่ี าเปน็ โครงสร้างของแผนผังสาเหตุและผล ภาพท่ี 3 แสดงแผนผงั ก้างปลา ผังก้างปลาประกอบดว้ ยส่วนต่างๆ ดงั ตอ่ ไปนี้ >> ส่วนปญั หาหรือผลลพั ธ์ (Problem or Effect) ซง่ึ จะแสดงอยูท่ ี่หัวปลา >> ส่วนสาเหตุ (Causes) จะสามารถแยกย่อยออกได้อีกเป็น o ปจั จัย (Factors) ท่สี ่งผลกระทบต่อปัญหา (หัวปลา) o สาเหตุหลกั o สาเหตุยอ่ ย ซ่งึ สาเหตขุ องปญั หา จะเขยี นไว้ในกา้ งปลาแตล่ ะก้าง กา้ งย่อยเป็นสาเหตุของ กา้ งรองและก้างรองเปน็ สาเหตุของก้างหลัก เป็นต้น การกาหนดหัวข้อปัญหาที่หัวปลา การกาหนดหัวข้อปัญหาควรกาหนดให้ชัดเจนและมีความเป็นไปได้ ซงึ่ หากเรากาหนด ประโยคปญั หาน้ีไมช่ ดั เจนตัง้ แต่แรกแล้ว จะทาใหเ้ ราใช้เวลามากในการค้นหาสาเหตุ และจะใชเ้ วลานาน ในการทาผังกา้ งปลา การกาหนดปญั หาท่หี วั ปลา เช่น อัตราของเสยี อัตราช่วั โมงการทางานของคนที่ไม่มปี ระสิทธิภาพ เอกสารการสอน เรอ่ื ง การวินจิ ฉยั ปญั หาสขุ ภาพชมุ ชน ปกี ศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวญั ตา เพชรมณีโชติ วพบ.ชลบรุ ีหนา้ 39
อัตราการเกิดอบุ ตั ิเหตุ หรืออตั ราต้นทนุ ต่อสนิ ค้าหนึ่งชิน้ เป็นต้น ซึ่งจะเหน็ ได้วา่ ควรกาหนดหวั ขอ้ ปัญหาในเชิงลบ เทคนคิ การระดมความคดิ เพ่อื จะได้กา้ งปลาที่ละเอียดสวยงาม คอื การถาม ทาไม ทาไม ทาไม ในการเขียนแต่ละก้างย่อยๆ การกาหนดปัจจยั บนก้างปลา เราสามารถทจ่ี ะกาหนดกลมุ่ ปัจจัยอะไรก็ได้ แตต่ ้องมั่นใจวา่ กลมุ่ ที่เรากาหนดไวเ้ ป็นปัจจยั น้ัน สามารถทีจ่ ะชว่ ยใหเ้ ราแยกแยะและกาหนดสาเหตุต่างๆ ได้อยา่ งเป็นระบบ และเป็นเหตุเป็นผล โดยส่วนมากมักจะใช้หลักการ 4M 1E เปน็ กลมุ่ ปัจจัย (Factors) เพื่อจะนาไปสูก่ ารแยกแยะ สาเหตตุ ่างๆ ซึง่ 4M 1E นม้ี าจาก M Man คนงาน หรอื พนักงาน หรือบุคลากร M Machine เคร่ืองจกั รหรืออปุ กรณ์อานวยความสะดวก M Material วตั ถดุ ิบหรืออะไหล่ อุปกรณ์อืน่ ๆ ท่ีใชใ้ นกระบวนการ M Method กระบวนการทางาน E Environment อากาศ สถานท่ี ความสว่าง และบรรยากาศการทางาน ภาพท่ี 4 แสดงการกาหนดตัวอย่างปจั จัยบนก้างปลา แต่ไม่ได้หมายความว่า การกาหนดก้างปลาจะต้องใช้ 4M 1E เสมอไป เพราะหากเราไม่ได้อยู่ใน กระบวนการผลิตแล้ว ปัจจัยนาเข้า (input) ในกระบวนการก็จะเปลี่ยนไป เช่น ปัจจัยการนาเข้าเป็น 4P ได้แก่ Place , Procedure, People และ Policy หากกลุ่มท่ีใช้ก้างปลามีประสบการณ์ในปัญหาท่ีเกิดขึ้นอยู่แล้ว ก็ สามารถท่จี ะกาหนดกลุ่ม ปัจจัยใหม่ให้เหมาะสมกับปัญหาต้ังแต่แรกเลยก็ได้ เช่นกัน ตัวอย่างแผนผังกา้ งปลา เอกสารการสอน เรือ่ ง การวินิจฉยั ปัญหาสขุ ภาพชมุ ชน ปกี ศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวญั ตา เพชรมณโี ชติ วพบ.ชลบรุ ีหนา้ 39
ส เร ก ภาพท่ี 5 แสดงตัวอย่างแผนผงั ก้างปลา ทมี่ า : cdn.learners.in.th/assets/.../original_FishBone.ppt วิธีที่ 5 การสร้างโยงใยแห่งความสัมพันธ์ของสาเหตุของปัญหา หรือ หาความสัมพันธ์ของ สาเหตุของปัญหา (Web of causation) จากปัจจัยทางทฤษฎีท่ีได้ทบทวนธรรมชาติของการเกิดโรค ( Theoretical web of causation) ปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรคท้ังมนุษย์ เชื้อโรคและส่ิงแวดล้อม อาจมี ความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน การสร้างโยงใยแห่งความสัมพันธ์ของสาเหตุของปัญหาถือว่าเป็นการ โยงใย หรือเครือข่ายลูกโซ่แห่งเหตุที่จะครอบคลุมทุกองค์ประกอบและทุกปัจจัยท่ีเป็นสาเหตุของโรค โดยสามารถ เขียนได้หลายรูปแบบข้ึนอยู่กับความสัมพันธ์ขององค์ประกอบและปัจจัยต่างๆท่ีเป็นสาเหตุของโรคท้ัง ทางตรงและทางอ้อม โดยอาศัยหลกั การของทฤษฏีแหง่ ความสมั พันธ์ระหวา่ งเหตุและผลได้แก่ 1. เหตุนน้ั จะเกดิ ก่อนผล 2. การเป็นเหตุและผลนน้ั จะต้องมีความเปน็ ไปได้ตามหลกั วิทยาศาสตร์ 3. ความจาเพาะของเหตทุ ี่ทาใหเ้ กดิ ผลคอื ปัจจัยหน่ึงท่ที าให้เกดิ ผลเพียงโรคเดยี ว 4. ปัจจัยทม่ี ีคา่ อัตราเสย่ี งสัมพัทธส์ ูง ยิ่งมโี อกาสจะเป็นสาเหตไุ ดม้ ากขนึ้ 5. ถา้ ปัจจยั เสีย่ งมากก็ยง่ิ พบว่ามีการเกิดโรคมาก และปัจจัยใดเสีย่ งนอ้ ยก็พบว่ามีการเกิดโรคนอ้ ย 6. ความสัมพนั ธ์ระหว่างปจั จัยน้ันกับการเกิดโรคเหมือนกนั ปัจจยั นั้นย่งิ มโี อกาสเป็นเหตุของโรค ไดม้ ากข้นึ นอกจากหลกั การดังกล่าวแล้วยงั เกิดความสัมพันธข์ องโรคและปัจจัยตา่ ง 2 แบบคือ ความสัมพนั ธ์โดยตรง เชน่ การด่มื น้าท่ีปนเป้ือนด้วยเชอ้ื โรค ความสมั พันธ์ทางอ้อม เช่นการถา่ ยอุจจาระโดย ไม่ใชส้ ้วม เอกสารการสอน เรอ่ื ง การวินจิ ฉยั ปัญหาสุขภาพชมุ ชน ปกี ศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวัญตา เพชรมณีโชติ วพบ.ชลบรุ ีหน้า 39
การเขียนโยงใยแห่งความสัมพันธ์ของสาเหตุของปญั หา แสดงตัวอยา่ งไว้ ดงั แผนภมู ิที่ 4 เอกสารการสอน เรือ่ ง การวินิจฉยั ปญั หาสุขภาพชมุ ชน ปีกศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวญั ตา เพชรมณีโชติ วพบ.ชลบุรีหนา้ 39
เอกสารการสอน เร่อื ง การวนิ ิจฉยั ปัญหาสขุ ภาพชมุ ชน ปกี ศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวัญตา เพชรมณโี ชติ วพบ.ชลบรุ ีหนา้ 39
เ ร านะ า กรร พน ์ สู เส เ ร านะ าใ า สู รอบ ร านะ า CVA , CHF , CRF าร แผนภมู ิที่ 5 การโยงใยค ที่มา เอกสารการสอน เร่ือง
า รูนอ สู อา * สูบบ ร * ดื แอลกอฮอล์ การปฏบ ถูก อ เรด * รบประ านอา ารเ ็ * รบประ านอา าร น า ดนโล สู ใ รา กา *ปดร ะ *เ นระ * ลืน ส อาเ น * าพรา เ ็น า สา ความสมั พันธข์ องสาเหตขุ องปญั หาโรคความดนั โลหติ สูง : สมใจ วนิ จิ กลุ (2552) ง การวินจิ ฉยั ปัญหาสุขภาพชุมชน ปกี ศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวญั ตา เพชรมณีโชติ วพบ.ชลบรุ ีหน้า 39
การทาประชาคม ประชาคม หมายถึง การท่ีประชาชนหรือหมู่ชนที่เข้ามารวมกันเพื่อพูดคุย ปรึกษา หารือและ แลกเปล่ียนความคิดเห็นในรูปของกลุ่มหรือเครือข่าย ในประเด็นใดประเด็นหนึ่งโดยมีจุดมุ่งหมายที่ แก้ปญั หานั้นๆใหล้ ลุ ่วง หรอื พฒั นาประเด็นนน้ั ๆ รว่ มกัน ประชาคมเป็นกระบวนการ ที่ประกอบด้วยหลากหลายวิธีการ และขั้นตอนที่ชัดเจน ท่ีจัดข้ึน เพื่อให้ได้มาซึ่งความคิดเห็นท่ีหลากหลาย ข้อสังเกต และ/หรือข้อสรุป ของประชาชนหรือคนที่มีส่วน เก่ียวข้อง หรือมีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) ว่ามีความรู้สึก หรือมีความคิดต่อเรื่องใดเร่ืองหนึ่งท่ีมี ผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของเขาท้ังทางตรงและทางอ้อมอย่างไรและ มีแนวทางที่จะแก้ปัญหา หรือ ผลักดันในประเด็นน้ันๆ อย่างไร ท้ังนี้เพ่ือเป้าหมายสุดท้ายคือการพัฒนาท่ีย่ังยืนที่ประชาชนมีส่วนร่วม และเป็นเจ้าของการพัฒนานั้น ประชาคมเป็นกระบวนการเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วม (Participatory Learning Process) ที่เปิด โอกาสให้คนทุกคนที่เข้าร่วมในกระบวนการได้แสดงความรู้สึก และความคิดเห็นต่อประเด็นอย่างเสรี เท่าเทียม และตรงไปตรงมา การจัดให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนน้ันทาได้หลายวิธี เช่น การจัดเวทีประชาคม (people forum) การพัฒนาเครือข่ายความรว่ มมือระหวา่ งคนหรอื กลมุ่ คนท่ีมคี วาม คดิ เห็นร่วมต่อประเด็นใดประเด็นหนึ่ง (People Networking) การส่งเสริมหรือพัฒนาให้เกิดศักยภาพใน ท้องถ่ิน (Local Capacity Building) โดยใช้กระบวนการฝึกอบรม หรือการทางานร่วมกันระหว่าง ชาวบ้านกับองคก์ รภายนอก เป็นต้น เวทีประชาคม (Civil Society Forum or People Forum) เป็นวิธีการและเป้าหมายที่กระตุ้น ให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วม (participatory learning) ระหว่างคนท่ีมีประเด็นหรือปัญหาร่วมกัน โดยใช้เวทีในการสื่อสารเพือ่ การรับรู้และเข้าใจในประเด็น/ปัญหา และช่วยกนั ผลักดัน หรือหาข้อสรุปเป็น แนวทางแก้ไขประเด็นปัญหาน้นั ๆ องค์ประกอบของการจัดเวทีประชาคมทด่ี นี นั้ ต้องประกอบด้วย 1. ประเด็นที่เปน็ ท่ปี ระจักษ์ว่าเป็นปัญหารว่ ม ซง่ึ ประเดน็ ดงั กลา่ วต้องท่ีชัดเจน ครอบคลุม งา่ ย ตอ่ ความเข้าใจโดยไมต่ ้องอธบิ ายความมาก เป็นเร่ืองที่มีการรับรูร้ ว่ มกนั มาก่อนแลว้ สาหรับผเู้ ข้ารว่ มใน กระบวนการประชาคมทกุ คน เอกสารการสอน เร่อื ง การวนิ จิ ฉยั ปญั หาสขุ ภาพชุมชน ปกี ศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวญั ตา เพชรมณีโชติ วพบ.ชลบรุ ีหนา้ 39
2. มีวัตถปุ ระสงค์ของการจัดประชาคมท่ีชัดเจน วา่ จดั เพื่ออะไร จดั ไปทาไมและจะเอาผลทไ่ี ด้ จากการประชาคมนนั้ ไปทาอะไร ควรมีการช้ีแจงวัตถุประสงค์ของการจัดประชาคมอย่างตรงไปตรงมา โดยไมม่ ปี ระเด็นซ่อนเร้น (No hidden agenda) 3. มกี ระบวนการ ข้ันตอน และวธิ ีการทดี่ ี ในการขบั เคลือ่ นประเด็นไปสู่วตั ถุประสงค์ที่ต้องการ โดยทุกคนมสี ว่ นร่วมอยา่ งเท่าเทียม 4. ผู้เข้าร่วมประชาคม มีการแสดงความคิดเห็น และความรู้สึกได้อย่างกว้างขวาง อิสระ ไม่ถูก ครอบงา และเป็นไปอย่างเท่าเทียม ผู้เข้าร่วมต้องเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหรือเป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรง สามารถแบ่งเป็น 2 กลมุ่ คือผเู้ ขา้ ร่วมท่เี ปน็ ตัวแทนท่ีแท้จริงของชุมชนท่ีเขา้ ใจปัญหาหรือประเด็นทพ่ี ดู คุย และผู้เข้าร่วมที่เป็นตัวแทนของผู้มีหน้าท่ีให้บริการ หรือจัดสวัสดิการให้แก่ชุมชน ยกตัวอย่างเช่น การจัด เวทีประชาคมเพื่อระดมการป้องกันและแก้ปัญหาไข้หวัดนก ผู้เข้าร่วมประชาคม ควรประกอบด้วยกลุ่ม แรกคือ ตัวแทนชุมชน เช่น กานัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. อสม. พระ ครู ฯลฯ กับ กลุ่มท่ีสองที่เป็นผู้มีหน้าที่ ใหบ้ ริการ (หรือเจ้าหนา้ ท่ขี องรฐั ) เช่น เจา้ หน้าทส่ี าธารณสุข เกษตรอาเภอ พัฒนาชุมชน เปน็ ตน้ 5.มีผู้อานวยการให้เกิดการแลกเปล่ียนเรียนรู้ หรือวิทยากรกระบวนการ ถือว่าเป็นหัวใจ สาคัญของการจัดเวทีประชาคม (Facilitator/Moderator)ที่มีทักษะและประสบการณ์และเป็นกลาง ไม่ ครอบงา ไม่ชี้นา หรือมีคาตอบอยู่ในใจล่วงหน้า (Pre-conditioned decision) ทักษะที่จาเป็นคือ ทักษะ ในการตั้งและถามคาถาม รู้จักเลือกวิธีการท่ีเหมาะสมสาหรับคนแต่ละกลุ่ม ทักษะในการฟัง ทักษะในการ วิเคราะห์และสรุปประเด็นหรือข้อคิดเห็นจากกลุ่มและทักษะในการจัดการกลุ่ม เช่น จัดการกับผู้เข้าร่วมท่ี ชอบพูดมากเกินไปหรือไม่ชอบพูดเลย โดยใช้คาพูดและท่าทีที่นุ่มนวลหรืออาจใช้อารมณ์ขันเข้ามาช่วย เพื่อให้เกิดการถกอภิปรายแลกเปลี่ยนกัน (Deliberate) อย่างกว้างขวาง ตรงประเด็น และมีข้อสรุปที่ นาไปปฏิบัติหรือทาให้เกิดความก้าวหน้าในข้ันตอนต่อไปได้ ซ่ึงในงานด้านสาธารณสุขน้ัน โดยส่วนใหญ่ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข แพทย์ พยาบาล ที่ปฏิบัติงานในพ้ืนที่มักมีโอกาสต้องทาหน้าที่ดังกล่าวอยู่บ่อยครั้ง ในการจัดเวทีประชาคมในประเด็นสาธารณสุข อาจพิจารณาใช้วิทยากรกระบวนการท่ีเป็นบุคลากร สาธารณสุขเองหรือเป็นบุคคลภายนอกวิชาชีพก็ได้ ซ่ึงมีข้อดีต่างกันในแง่ที่บุคลากรสาธารณสุขจะเข้าใจ เนื้อหาแต่อาจจะอดไม่ได้ที่จะช้ีนา ในขณะที่บุคคลภายนอกอาจจะมีความเป็นกลางแต่ต้องเข้าใจเนื้อหา และระบบงานท่ีเกย่ี วขอ้ งพอสมควรด้วย ผูท้ ่ีต้องทาหน้าท่วี ิทยากรกระบวนการบอ่ ย ๆ ควรหาโอกาสเข้า รับการฝึกอบรมทักษะการเป็นวิทยากรกระบวนการซ่ึงจะช่วยให้เกิดความม่ันใจในการทาหน้าท่ีดังกล่าว มากขึน้ ข้อแนะนาสาหรับการทาหน้าท่วี ิทยากรกระบวนการ ดังน้ี เอกสารการสอน เรือ่ ง การวินจิ ฉยั ปญั หาสุขภาพชมุ ชน ปีกศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวญั ตา เพชรมณีโชติ วพบ.ชลบุรีหน้า 39
1. มีบรรยากาศที่ดี ซ่ึงรวมถึง มีคาถามท่ีดี ที่เปิดโอกาสให้คนได้เกิดการแสดงความเห็นอย่าง ตรงไปตรงมา มีบรรยากาศของการเรียนรู้ร่วมกันและสมานฉันท์ มีสถานที่ที่ดีและเอื้ออานวยต่อการ พูดคุย เช่น มีห้องที่ทาให้ผู้เข้าร่วมเวทีมีสมาธิ มีเครื่องขยายเสียงท่ีช่วยให้ได้ยินการสนทนาต่างๆ อย่าง ท่วั ถึง มีการจัดทน่ี ่ังทเ่ี หมาะสม มผี ูอ้ านวยการแลกเปลีย่ นเรยี นรทู้ ่ีดี เป็นต้น 2. มีระยะเวลาท่ีเหมาะสมไม่เร็วหรือรวบรัดเกินไปจนทาให้ผู้เข้าร่วมรู้สึกอึดอัดและไม่ช้าหรือ นานเกินไปจนทาใหเ้ กดิ ความรู้สกึ เบ่อื 3. ตอ้ งมขี ้อสรุปเกิดขึ้นทกุ ครง้ั ท่ีทาเวทีประชาคม วา่ คนในกลมุ่ คิดอย่างไรกบั ประเด็นน้นั ๆ จะ มแี นวทางในอนาคตรว่ มกนั อยา่ งไร เพ่ือแกไ้ ขหรอื ผลักดนั ประเด็นดังกล่าว มีข้อเสนอแนะไหนบา้ งที่ น่าสนใจและน่าจะนาไปขยายตอ่ เม่ือสรปุ แลว้ ต้องแจง้ ตอ่ ท่ีประชมุ เพ่ือแก้ไข เพม่ิ เตมิ และให้ทีป่ ระชุมมี มติยอมรับผลทเ่ี กดิ จากการประชาคมน้ันๆ 4. มีส่ือและอุปกรณ์การสื่อสารท่ีชว่ ยให้เกิดความเข้าใจประเด็นเนื้อหาตรงกัน เช่น ในขัน้ ตอน การอธิบายวัตถุประสงค์ของการจัดเวที อาจจาเป็นต้องใช้สื่อภาพและเสียง(Audio/visual) เพ่ือให้เกิด ความเข้าใจมากข้ึน เช่น การฉาย power point หรือการแจกเอกสารช้ีแจงประเด็นหลัก ๆ ให้กับ ผเู้ ขา้ ร่วมเวที รวมไปถึงกระดาน กระดาษ การด์ ปากกา เทปกาวหรอื หมุด ฯลฯ 5. มกี ารประสานงานล่วงหนา้ เพ่ือให้ผู้ทีจ่ ะมารว่ มเวทีมเี วลาเตรยี มขอ้ มูล เตรียมความคิดทจี่ ะ มานาเสนอไดเ้ ปน็ อยา่ งดี หากเนอื้ หามคี วามซับซ้อนอาจจาเปน็ ต้องสง่ ข้อมลู ให้ศกึ ษาลว่ งหน้า เปน็ ตน้ ขัน้ ตอนในกระบวนการจัดทาเวทปี ระชาคม กระบวนการที่ 1 การเตรยี มการกอ่ นทาเวทปี ระชาคม ขั้นตอนนี้วิทยากรกระบวนการ หรือ ผอู้ านวยการเรียนรู้ประชาคม(Facilitator/Moderator) จะตอ้ งเตรยี มตวั โดยจดั เตรียมเรอ่ื งในตอ่ ไปน้ี การเตรยี มประเด็นทีต่ ้องการในเวทีประชาคม โดยใชแ้ นวทางดงั น้ี - ต้ังคาถามกับตัวเองว่า ประเด็นนั้นๆ เก่ียวข้องกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกส่วนหรือไม่อย่างไร ประเดน็ ดังกล่าวนั้นมีความชัดเจนหรืองา่ ยต่อความเข้าใจของทุกๆคน ทีม่ าจากหลากหลายภูมิหลังหรือไม่ หากยากเกนิ ไปจะทาให้ประเด็นนั้นชัดเจนและงา่ ยต่อความเขา้ ใจอย่างไร - คาถามอะไรบ้าง หรือเครอื่ งมืออะไรบ้างท่ีจะชว่ ยให้ผเู้ ข้าร่วมในประชาคมเขา้ ใจประเด็นอย่าง ชัดเจน เพ่ือร่วมกนั อภปิ รายได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ - ทาความเข้าใจกบั ประเดน็ น้นั ๆ โดยอาจจะต้องอา่ น และสรปุ ประเด็นน้ันลงในกระดาษ เอกสารการสอน เรอ่ื ง การวนิ ิจฉยั ปญั หาสขุ ภาพชมุ ชน ปีกศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวัญตา เพชรมณโี ชติ วพบ.ชลบรุ ีหนา้ 39
- หากจะใช้คาถามเป็นเครื่องมือในการทาให้ประเด็นนั้นๆ ชัดเจนข้ึนระหว่างการทาประชาคม ต้องเขียนคาถามลงในกระดาษ และเขียนโดยเรียงลาดับกัน ในแต่ละคาถามให้ถามตัวเองว่าต้องการจะ บอกอะไร หรอื ให้ขอ้ มลู อะไร แก่ผู้ขา้ ร่วมประชาคม เขยี นขอ้ มลู นัน้ โดยสรปุ ลงไปหลงั คาถาม ตัวอย่าง การเตรยี มประเด็นโดยใชต้ าราง ประเดน็ ประเด็นย่อย ขอ้ มลู ท่ีต้องการสอื่ ในประชาคม ความคิดเหน็ ของประชาชนเรื่อง ความพอใจในบริการ เพื่อให้ประชาชน/ผเู้ กี่ยวข้องแสดง ความรสู้ ึก/ความคิดเหน็ เหมือนเป็น การใหบ้ รกิ ารสาธารณสุข ระดบั ความตอ้ งการใหเ้ กดิ การปรับปรงุ เจา้ ของบริการ ในฐานะเจ้าของบริการสามารถบอก ปฐมภมู ิ บรกิ าร ไดว้ ่าตอ้ งการบริการแบบใด ในฐานะเจา้ ของบรกิ าร เป็นหน้าที่ การมีสว่ นร่วมของประชาชนในการ และทตี่ ้องร่วมมือกันในการสนบั สนุน ให้เกดิ การจัดบริการตามท่ตี ้องการ ปรับปรุงบรกิ าร การเตรยี มข้อมูลเก่ียวกับกลุ่ม - ศึกษาข้อมลู ภูมหิ ลัง เชน่ เพศ วยั การศกึ ษา ฯลฯ เพอ่ื นามาใชใ้ นการเตรยี มเคร่ืองมือและ วธิ กี าร ในกระบวนการทาประชาคมให้สอดคล้องกับภูมิหลังของกลุ่ม - ความสนใจตอ่ ประเด็นท่ีทาประชาคม และการไดเ้ ขา้ มาร่วมการประชาคมของผูเ้ ข้ารว่ ม และ ความคาดหวังของผเู้ ขา้ อบรมตอ่ ผลการประชาคมในประเด็น - ดจู านวนของผู้เข้าอบรมเพอื่ เตรียมทีมงาน - ทม่ี าในการเข้าร่วมประชาคมของกลุ่ม มาโดยสมัครใจเพราะประเดน็ ท่ีทาประชาคมตรองกับ ความต้อง หรือมาโดยถูกเกณฑ์ ซง่ึ มผี ลต่อการมีส่วนรว่ มในกระบวนการประชาคม การเตรยี มข้ันตอน เครอ่ื งมอื และอุปกรณส์ าหรับการทาประชาคม - นาผลการศกึ ษาประเดน็ และกลุ่มมาพิจารณา เพอ่ื วางแผนการทาประชาคม ซงึ่ แผน ประกอบดว้ ยเรื่องหลักๆ 3 เรื่อง คือ เครื่องมือและวิธกี ารท่ีใช้สาหรบั กระบวนการประชาคม ขนั้ ตอนการ ทาเรยี งจากขัน้ ตอนทห่ี น่ึงจนขน้ั ตอนสดุ ท้าย และทีมงานในการทาประชาคม เอกสารการสอน เรือ่ ง การวินจิ ฉยั ปญั หาสุขภาพชมุ ชน ปีกศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวญั ตา เพชรมณโี ชติ วพบ.ชลบรุ ีหน้า 39
- เครื่องมือและวิธกี าร สาหรับการดึงการมสี ว่ นรว่ มในกระบวนการประชาคมมหี ลายเครื่องมือ การเตรยี มแนวคาถาม - การซักถาม คือเคร่ืองมือหนึ่งในการสนับสนุนการมีส่วนร่วมจากประชาชน หรือผู้เข้าร่วมใน กระบวนการประชาคม คาถามที่ดีจึงเป็นแนวทางในการทาให้กระบวนการประชาคม บรรลุตาม วัตถุประสงค์ท่ีวางไว้ ผู้อานวยการแลกเปล่ียนเรียนรจู้ ึงจาเป็นต้องจัดทาคาถามเพื่อช่วยกากบั ทิศทางของ กระบวนการประชาคม - คาถามที่ดี คือคาถามท่ีต้องกระชับ ง่ายต่อความเข้าใจ และไม่ซับซ้อน ดังน้ันในการถามแต่ละครั้ง คาถามต้องตรงไปตรงมา มุ่งที่จะสื่อสารประเด็นใดประเด็นหน่ึง (หน่ึงประเด็นต่อการถามหน่ึงคร้ัง) เป็น คาถามท่ีไม่ต้องอธิบายซ้าแล้วซ้าอีกถึงเนื้อหาสาคัญหรือประเด็นสาคัญท่ีต้องการจะถาม และต้องเป็น คาถามที่กระตุ้นให้เกิดการพูดคุย อภิปราย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น(ไม่ใช่คาถามปิด หรือคาถามที่มี คาตอบอยู่ในใจ) - ควรมีวตั ถปุ ระสงคท์ ี่ชดั เจนในการถามคาถามแตล่ ะครงั้ ดงั นัน้ ในระหว่างการตัง้ คาถามจึงควรท่ี จะตอ้ งวเิ คราะห์วา่ อะไรคือวตั ถุประสงค์ของการถาม(ถามทาไม) - ในบางประเดน็ ที่เปน็ ประเด็นใหญ่ อาจจาเป็นต้องมีคาถามยอ่ ย หลายคาถามเพ่ือให้ได้คาตอบที่ ต้องการ - เลอื กลกั ษณะของการถามใหต้ รงกบั เป้าหมายในการถาม โดยปกตแิ ลว้ ในการถามคาถามมี 2 ลักษณะ คอื - คาถามที่ต้องการสะท้อนถึงความเข้าใจในประเด็นที่ผู้ถูกซักถามตอบมาแล้ว (Reflective questions) ลักษณะการถามแบบน้ีมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยสร้างความเข้าใจท่ีตรงกันระหว่างผู้ตอบและ ผู้ซกั ถาม ลักษณะของคาถามเป็นคาถามแบบเปิดและทบทวนในสง่ิ ที่ผูต้ อบให้ข้อมลู มาแล้ว เช่น “… เมอ่ื ก้ี คุณป้า เล่าให้ฟังว่าคุณป้ามีลูกชายและลูกสาวอย่างละหนึ่งคน และทั้งสองคนทางานอยู่ในกรุงเทพ นานๆ จงึ จะกลับมาเย่ียมบ้านที อย่างนั้นใช่มยั๊ ครับ หรอื มเี รื่องอะไรเพ่ิมเติมอีกทคี่ ุณป้าได้เล่าให้ฟังเมื่อก้ี แลว้ ผม ไมไ่ ดพ้ ดู ถึง...” - คาถามที่ต้องการความคิดเหน็ หรอื ต้องการให้แสดงความรู้สึกต่อประเด็นใดประเด็นหน่ึง (Probing questions) ลักษณะของคาถามประเภทน้ีมีจุดมุ่งหมายเพื่อสอบถามความรู้สึก และความคิดเห็นของ ผู้เข้าร่วมอภิปรายเพื่อหาข้อสรปุ ในประเดน็ ที่เปน็ หัวข้อ เช่น “ คณุ รู้สึกอย่างไรในเรือ่ งการกีดกันให้ผู้หญิง เขา้ ร่วมในกระบวนการตัดสินใจเชงิ นโยบายในชมุ ชน ทาไมจึงรู้สึกเช่นนน้ั ” “คุณมีความคิดเห็นอย่างไรกับ เอกสารการสอน เรือ่ ง การวินจิ ฉยั ปญั หาสุขภาพชมุ ชน ปีกศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวัญตา เพชรมณโี ชติ วพบ.ชลบุรีหนา้ 39
ระบบการให้บริการสาธารณสุขในปัจจุบัน” “ ทาไมจึงคิดเช่นน้ัน” “แล้วคุณล่ะ มีความคิดเห็นในเรื่องน้ี อยา่ งไร” อะไรเป็นเหตุผลของการรสู้ กึ เช่นนัน้ ” ฯ - ควรจะต้องกาหนดการใช้เวลา(ท่ีมากท่ีสุด)ของการถามแต่ละคร้ังเพ่ือให้ครอบคลุมประเด็นท่ี ตอ้ งการพูดคยุ อย่างไรก็ตามไม่จาเป็นตอ้ งถามคาถามท้ังหมดทีเ่ ตรยี มไวใ้ นการทาเวทีประชาคมแตล่ ะคร้ัง - ระลึกไว้เสมอการวางแผนคาถามน้ีเป็นเพียงเครื่องมือในการกาหนดทิศทางของขั้นตอนใน กระบวนจดั ประชาคมเทา่ น้ัน ดังน้ันไม่จาเป็นท่ีต้องถามคาถามท้ังหมดท่ีเตรยี มไว้ แต่การถามแต่คร้ังต้อง ลื่นไหลเป็นไปตามธรรมชาติ(Spontaneous) ปล่อยให้กระบวนการพูดคุยเปน็ ตวั กาหนดคาถามทตี่ ้องการ ถามต่อไป การเตรยี มทมี งานจัดเวทปี ระชาคม ทมี งานของการจัดเวทปี ระชาคม โดยทัว่ ไปควรแบ่งเป็น 2 ส่วน คอื 1. ผู้อานวยการเรยี นรู้หลักหรือวทิ ยากรกระบวนการหลัก (Core or Key Facilitator/Moderator) มีหน้าที่ขับเคล่ือนการมสี ่วนรว่ มเวทีประชาคมท้ังกระบวน และเป็นวทิ ยากรหลักท่ที าให้เกิดการแสดง ความคิดเหน็ ร่วมกันระหวา่ งผู้เขา้ ร่วมอภิปรายในเวทีประชาคม 2. ผู้สนับสนุนวิทยากรกระบวนการ ซ่ึงอาจจะแสดงบทบาทเป็นวิทยากรรอง หรือ ผู้จดบันทึก การประชุม ผู้สนับสนุน มีหน้าท่ีเติมคาถามในเวทีเพ่ือให้ประเด็นบางประเด็นสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น สังเกต ลักษณะท่าทีและบรรยากาศของการอภิปราย สรุปประเด็นที่อภิปรายไปแล้ว และให้ข้อมูลเพิ่มเติมท่ี เก่ียวกับกลุ่มและบรรยากาศแก่วิทยากรหลักหากพบว่าทิศทางของกระบวนการเบ่ียงเบนไปจาก วตั ถุประสงค์ หรอื ประเดน็ ทต่ี ัง้ ไว้ จานวนของทีมงานขน้ึ อยกู่ ับจานวนหรอื ปริมาณของผ้เู ขา้ รว่ มอภปิ ราย ทกั ษะและประสบการณ์ ผ้อู านวยการเรียนรู้/วทิ ยากรกระบวนการหลกั จาเปน็ ตอ้ งมีการวางแผนและซักซอ้ มข้นั ตอนของกระบวนการระหว่างทมี งาน ซึ่งรวมถึงใครจะทา อะไร ใครมีบทบาทอะไรระหว่าง ก่อน และหลงั การทาประชาคม ตอนไหน ใครจะนั่งตรงไหน ใครจะพดู ก่อนหลัง เอกสารชิน้ ใดจะแจกตอนไหน เปน็ ต้น กระบวนการที่ 2 กระบวนการดาเนนิ การเวทีประชาคม เอกสารการสอน เรื่อง การวนิ ิจฉยั ปัญหาสขุ ภาพชมุ ชน ปีกศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวัญตา เพชรมณีโชติ วพบ.ชลบุรีหนา้ 39
ข้ันตอนน้ี ผู้อานวยการเรียนรู้/วิทยากรกระบวนการมีบทบาทมากทส่ี ุด ขัน้ ตอนในกระบวนการน้ี ประกอบดว้ ย 1.การทาความรู้จักกันระหว่างผู้เข้าร่วมอภิปรายและทีมงานจัดการ ซ่ึงวิธีการอาจจะให้ หลากหลายกิจกรรมขึ้นอยู่กับกลุ่ม และภูมิหลังกลุ่ม จุดมุ่งหมายของขั้นตอนน้ีคือการละลายกาแพงใน กลมุ่ และระหว่างกลุ่มกบั ทมี งาน เพอ่ื สรา้ งบรรยากาศท่ีดีระหว่างการอภปิ ราย 2. บอกวัตถุประสงค์ของการจัดเวทีประชาคม เป็นการบอกกล่าว เพื่อให้ผู้เข้าอภิปรายได้เตรียมตัว ในฐานะผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับประเด็น/ปัญหา การบอกวัตถุประสงค์ของการจัดเวทีประชาคมน้ีสามารถทาได้ หลายวิธี ตั้งแต่การบอกไปเลยว่าวัตถุประสงค์ของการจัดเวทีประชาคมมีอะไรบ้าง หรือ เร่ิมด้วยการถามถึง สาเหตกุ ารเข้ามารวมกันในเวที ไปจนถึงใช้การเขียนบนกระดาษและตดิ ไว้ให้ผู้อภิปรายได้เห็นพร้อมกนั การใช้ การ์ดสี ฯลฯ อย่างไรก็ตามการที่จะเลือกใช้วิธีไหนน้ันต้องคานึงถึงความถนัดและทักษะของวิทยากร กระบวนการ และการกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมของผู้ร่วมอภิปราย ควรใช้ภาษาที่สอดคล้องกับภูมิหลังของ ผู้เขา้ รว่ มอภิปราย และตอ้ งให้ผู้อภิปรายในเวทีประชาคมรู้สึกไวใ้ จตั้งแต่เริ่มต้น 3. การเกริ่นนาเข้าสู่ท่ีมาท่ีไปของประเด็นสาหรับการอภิปรายในเวทีประชาคม เพื่อให้ ผูเ้ ข้าร่วมได้เข้าใจทีไ่ ปที่มา และความสาคญั ของประเด็นต่อการดาเนนิ ชีวิต หรอื วถิ ีชีวติ และบอกถงึ ความ จาเป็นในการร่วมมือกัน หรือแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นน้ีรวมกัน เพ่ือหาจุดยืนหรือแนวทางแกป้ ัญหา ของประเด็นดังกล่าว ท้ังนี้จุดมุ่งหมายของขั้นตอนน้ีคือกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมในฐานะผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยตรงต่อประเด็น/ปัญหา ต้องช่วยกันผลักดันหรือมีส่วนร่วมในกระบวนการแก้ไขปัญหาท่ีส่งผลกระทบ โดยตรง 4. การวางกฎ และระเบียบของการจัดเวทีประชาคมร่วมกัน ขั้นตอนน้ีเป็นขั้นตอนก่อนการ เร่ิมอภิปรายในประเด็นท่ีต้ังไว้ มีจุดมุ่งหมายเพ่ือร่วมกันกาหนดขอบเขต และการวางระเบียบของการ จัดทาเวทีประชาคมร่วมกันระหว่างผดู้ าเนินการอภิปรายและผูร้ ว่ มอภปิ ราย ทั้งน้ีเพื่อป้องกันความขัดแย้ง ระหว่างการอภิปราย การมีอิทธิพลต่อความคิดเห็นของคนใดคนหน่ึงต่อคนอื่นๆ ฯลฯ เพื่อให้เวที ประชาคมดาเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุตามวตั ถุประสงค์ทีว่ างไว้ การวางกฎระเบียบร่วมกันน้ี สามารถเร่ิมได้จากการที่วิทยากรกระบวนการให้ผู้เข้าร่วมเวทีประชาคมเสนอกติกาการพูดคุยร่วมกันว่า กฎกตกิ ามารยาทของเวทีจะมีอะไรบา้ ง เพื่อจะชว่ ยให้การพูดคุยกันเปน็ ไปตามวัตถุประสงคท์ ่ีวางไว้ และมี บรรยากาศการพูดคุยท่ีดี เม่ือผู้เข้าร่วมเวทีเสนอกติกาใดกติกาหน่งึ ข้ึนมา วทิ ยากรต้องจดไว้ในกระดาษให้ ทุกคนเห็น เมื่อรวบรวมข้อเสนอได้แล้ว ให้มีการโหวตร่วมกันว่ากติกามารยาทระหว่างการจัดเวที ประชาคมทีท่ ุกคนตกลงร่วมกันมีอะไรบา้ ง เมือ่ ไดข้ ้อสรุปแล้วต้องเขียนกตกิ า-มารยาทนั้นในกระดาษ หรือ เอกสารการสอน เรอื่ ง การวินิจฉยั ปญั หาสุขภาพชุมชน ปกี ศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวัญตา เพชรมณีโชติ วพบ.ชลบรุ ีหน้า 39
กระดาน วางหรือติดไว้ในท่ีท่ีทุกคนเห็นได้ตลอดเวลาของการจัดเวทีประชาคม ข้อเสนอที่อาจจะได้ เช่น ต้องปิดมือถือ ต้องตรงต่อเวลา ต้องยกมือก่อนพูด ต้องพูดตรงประเด็น เป็นต้น การได้กฎกติกาท่ีมาจาก กลุ่มจะช่วยให้กลุ่มเกิดความรู้สึกว่าต้องเคารพกฎกติกานั้น ๆ มากกว่าท่ีจะเป็นกฎที่ผู้จัดเวทีเป็นฝ่าย กาหนดข้ึน อย่างไรก็ตามหากกติกาที่ผู้เข้าร่วมไม่ได้เสนอแต่เป็นกฎพ้ืนฐานที่จาเป็นสาหรับกิจกรรมระดมสมอง เช่น เวทีประชาคมน้ัน วิทยากรกระบวนการจาเป็นที่ต้องเสนอในที่ประชุม ซ่ึงอาจจะเสนอเพิ่มเติม ภายหลังจากที่ผู้เข้าร่วมเวทีประชาคมได้เสนอมาแล้ว กฎพ้ืนฐานคือ 1) ทุกคนต้องแสดงความคิดเห็น (หรือหากเป็นกลุ่มใหญ่ ตัวแทนของแต่ละกลุ่มต้องแสดงความคิดเห็น) 2) กาหนดเวลาที่แน่นอนในการ พดู แตล่ ะครัง้ 3) ไม่แทรกพูดระหว่างคนอนื่ กาลังอภิปราย 4) ทกุ คนในเวทีประชาคมมีความเท่าเทยี มกัน ในการแสดงความคิดเห็นไม่ว่าผู้เข้าร่วมจะมีสถานะทางสังคม หรือสถานะภาพที่ต่างกัน เช่น ลูกบ้าน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้รับบริการ ผู้ให้บริการ ผู้หญิง ผู้ชาย ฯลฯ 5) ทุกคนสามารถเสนอประเด็นใหม่ๆได้แต่ต้อง ตรงกับประเด็นหลกั ที่เป็นประเด็นอภิปราย 6) วิทยากรหลักเป็นเพียงคนกลางท่ีช่วยกระตุ้นให้เกิดการ พดู คยุ และสรุปประเด็นทีเ่ กดิ จากการอภปิ ราย ไมใ่ ชผ่ ้เู ชี่ยวชาญในการแกป้ ัญหา 5. การอภิปรายประเด็นหรือปัญหา ในขั้นตอนน้ีวิทยากรกระบวนการ/ผู้อานวยการเรียนรู้ต้อง ดาเนนิ การอภิปรายใหบ้ รรลตุ ามวัตถปุ ระสงค์ ตามกระบวนการ และตามแผนที่วางไว้ นอกจากนน้ั ทีมงาน เองก็ต้องช่วยสนับสนุนให้เวทีประชาคมการดาเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ และตามแผนท่ีได้ตกลงกันไว้ วทิ ยากรหลกั สามารถใชว้ ิธีการอนื่ ๆเข้ามาชว่ ยสนับสนุนการซักถามเพื่อกระตุ้นการมสี ่วนร่วมในเวทีให้มากทส่ี ุด เช่น ให้ผู้เข้าร่วมเขียนความเห็นลงในกระดาษที่เตรียมไว้ก่อน และให้วิทยากรกระบวนนาความเห็นใน กระดาษมาเร่ิมเป็นประเด็นอภิปรายต่อไป หรือวิทยากรกระบวนการอาจจะเร่มิ ด้วยการเสนอกรณีศึกษา ของผลกระทบจากประเด็นท่ีเป็นหวั ขอ้ ในการอภปิ รายก่อนเพ่ือกระต้นุ ให้เกิดการอภปิ รายในประเด็นนน้ั ๆ อย่างกวา้ งขวางมากขึ้น เปน็ ต้น 6. การสรุป เป็นข้ันตอนสุดท้ายของการจัดเวทีประชาคม ซ่ึงวิทยากรหลัก/ผู้อานวยการเรียนรู้ ต้องสรุปผลของการอภปิ ราย โดยแยกเป็นผลทไี่ ด้จากการพูดคยุ กันเพ่อื นาไปเปน็ แนวทางในการแก้ปญั หา ต่อไป ผลที่ไม่สามารถสรุปได้ในเวทีและจาเป็นต้องดาเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไป ในข้ันตอนน้ี จาเป็นต้องมีการทบทวนผลร่วมกัน และทาเป็นข้อตกลงร่วมกันว่าจะต้องมีการดาเนินการอย่างไรกับผลที่ ได้จากเวทปี ระชาคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจระบุอยา่ งชัดเจนวา่ ใครจะตอ้ งไปทาอะไรต่อ และจะนัดหมาย กลบั มาพบกันเพือ่ ตดิ ตามความคบื หน้ากันเม่ือไร อย่างไร กระบวนการสุดทา้ ย: กระบวนติดตาม-ประเมินผล เอกสารการสอน เร่อื ง การวนิ ิจฉยั ปญั หาสุขภาพชุมชน ปีกศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวัญตา เพชรมณีโชติ วพบ.ชลบุรีหน้า 39
เปน็ กระบวนการต่อเน่ืองหลงั จากการจัดเวทีประชาคมเสรจ็ ส้ินแล้ว ซึ่งสามารถแบ่งกระบวนการนี้ เป็น 2 ขนั้ ตอนใหญ่ คือการติดตาม และการประเมินผล - ขนั้ ตอนการติดตาม เปน็ การตามไปดวู ่ามีการดาเนนิ การอย่างใดอย่างหน่ึงหรือไม่ตามที่ได้ตกลง กันไว้ ข้ันตอนนี้จาเป็นต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนหรือผู้ที่มีส่วนเก่ียวข้องได้เข้ามามีส่วนร่วมในการ ตดิ ตามผล โดยอาจจะกาหนดบทบาทหน้าท่ี ทาแผนการติดตาม และกาหนดวิธีการติดตามร่วมกัน และมี การติดตามร่วมกันอย่างสม่าเสมอตามแผนที่วางไว้ ข้ันตอนนี้จะช่วยให้ผู้เข้าร่วมในเวทีประชาคม เข้าใจ ความสาคัญของการทางานร่วมกันในฐานะเจ้าของประเด็น/ปัญหา และเรียนรู้จากประสบการณ์การ ติดตามเพอ่ื นาไปเพม่ิ ทักษะการจัดการปญั หาของชาวบา้ นเองในอนาคต - ขั้นตอนของการประเมนิ ผล สามารถแบ่งไดเ้ ป็น 2 เรื่อง คือ 1) เพอื่ ตรวจสอบการเปลย่ี นแปลง ภายหลงั การจัดเวทีประชาคมวา่ ประชาชนมีคุณภาพชีวติ ท่ดี ีข้ึนหรือไม่ เม่ือมีการจัดการอยา่ งใดอยา่ งหนึ่ง แล้ว เช่น เม่ือมีการผลักดันประเด็นใดประเด็นหนึ่งท่ีเป็นปัญหาเข้าสู่ความสนใจของผู้มีอานาจในการ กาหนดนโยบาย หรือบรรจุอยู่ในนโยบายของรัฐแล้ว เป็นต้น และ 2) เพื่อประเมินท้ังประสิทธิภาพและ ประสิทธิผลของกระบวนการจัดเวทีประชาคมท้ังหมด ว่า ได้รับความร่วมมือมากน้อยเพียงใด ลักษณะ และกระบวนการที่ทาเอื้อต่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันหรือไม่ ผลที่ได้รับคุ้มค่าหรือไม่และบรรลุตาม วัตถุประสงค์ท่วี างไว้หรือไมอ่ ยา่ งไร การสรุปข้อมลู ที่ได้จากการติดตามและการประเมินผลจะชว่ ยให้ทั้งผ้จู ดั เวทีประชาคมและผู้ข้ารว่ มได้ มีบทเรียนรว่ มกัน และสามารถนาประสบการณท์ ี่ได้ไปใชพ้ ัฒนาในการจัดกิจกรรมประชาคมอ่ืนๆ ต่อไป เอกสารการสอน เรือ่ ง การวินจิ ฉยั ปญั หาสุขภาพชุมชน ปกี ศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวัญตา เพชรมณีโชติ วพบ.ชลบุรีหน้า 39
เอกสารการสอน เร่อื ง การวนิ ิจฉยั ปัญหาสขุ ภาพชมุ ชน ปกี ศษ 2562 สอนออนไลน์ อ.ขวัญตา เพชรมณโี ชติ วพบ.ชลบรุ ีหนา้ 39
Search
Read the Text Version
- 1 - 50
Pages: