Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 20210808 หนังสือเรื่อง พรรณไม้ห้องสมุดในสวน

20210808 หนังสือเรื่อง พรรณไม้ห้องสมุดในสวน

Published by Rungthiwa.a, 2021-08-09 02:19:33

Description: 20210808 หนังสือเรื่อง พรรณไม้ห้องสมุดในสวน

Search

Read the Text Version

พนั ธุ์ไมห้ ้องสมดุ ในสวน 1

สำ�นักหอสมดุ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ KASETSART UNIVERSITY LEARNING CENTER พนั ธุ์ไมห้ ้องสมดุ ในสวน 2

คำ�นำ� E-book พนั ธ์ไุ ม้ห้องสมุดในสวน สำ�นักหอสมดุ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ จดั ท�ำ ข้นึ โดยแนวความคดิ ของ ผู้อำ�นวยการส�ำ นกั หอสมุด มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ จากการสำ�รวจพันธไ์ฺุ ม้รอบหนว่ ยงาน ซงึ่ มีอยู่หลายสายพนั ธุ์ ทง้ั ที่บริเวณ สวนพฤกษศาสตร์ ห้องสมุดในสวน และรอบอาคาร เม่ือสำ�รวจได้ระยะหนง่ึ จงึ มองเห็นว่าพนั ธุไ์ มท้ ี่ห้องสมดุ ในสวน มคี วาม นา่ สนใจ ทจี่ ะน�ำ มาเผยแพรเ่ ปน็ ความรู้ และ ประชาสมั พนั ธหุ์ ้องสมดุ ในสวนไปพร้อมกันด้วย เพอื่ ให้นิสิต บุคลากร ผู้ใช้บรกิ าร ซึ่งเข้ามาใช้สถานท่ีห้องสมดุ ในสวนเปน็ ทอ่ี ่านหนงั สือ ศึกษาความรู้ ผอ่ นคลาย พกั ผอ่ นสายตากับพนั ธไุ์ ม้ และเป็นแหล่งเรยี นร้ทู ี่ พนั ธ์ไุ มจ้ าก E-book พรรณไมฯ้ น้ีได้ นางสาววลฌา อาศัยผล ผู้จัดทำ� 23 กรกฎาคม พ.ศ.2564 พนั ธไ์ุ ม้หอ้ งสมดุ ในสวน 3

สารบัญ คำ�น�ำ สารบัญ ค�ำ นยิ ม หนา้ 4 หนา้ 5 หนา้ 6 เข็มม่วง เอื้องทอง ทองพันช่ัง ห น้า 7-9 ห น้า 10 หน้า 9 สังกรณี ต้อยต่งิ เทศ ใใบบเนงินากใบทอง หนา้ 11 หนา้ 12 หนา้ 13-14 ขาไกเ่ ขยี ว เสลดพงั พอน แคนา ตัวผู้ หนา้ 16 หน้า 17-19 หนา้ 15 แคสันต ิสขุ แคทะเล ภาพหอ้ งสมดุ หนา้ 20-21 หน้า 22 23 หน้า อ้างองิ หน้า 24 พันธุ์ไม้หอ้ งสมุดในสวน 4

ค�ำ นิยม ที่ปรึกษา นางวนิดา ศรีทองค�ำ ผู้อ�ำ นวยการส�ำ นักหอสมุด มก. พิสูจนอ์ ักษร/ถ่ายภาพ/ วลฌา อาศยั ผล จดั ออกแบบ เผยแพร่ประชาสัมพนั ธ์ นายชาญณรงค์ เผือกพนู ผล และผเู้ กย่ี วข้อง ทีผ่ ลกั ดนั ด�ำ เนินการ ท�ำ ให้มหี ้องสมุดในสวน พันธไ์ุ ม้หอ้ งสมุด ในสวน ทุกทา่ นทมี่ สี ่วนรว่ มต้งั แตต่ น้ จนปัจจบุ นั ผู้ดูแลทำ�ความ สะอาด ตดั แตง่ ก่ิงตน้ ไม้ ปลูก บ�ำ รงุ รกั ษาพันธ์ุไม้ งานดา้ นอาคารสถานท่ี นายอารณุ นกยงู ทอง, นายทวีชัย โนนกอ้ ม พันธุไ์ ม้ห้องสมดุ ในสวน 5

พันธุ์ไม้ ห้องสมุดในสวน เข็มม่วง พนั ธุ์ไมห้ ้องสมดุ ในสวน 6

ช่ือวิทยาศาสตร์ Pseuderanthemum andersonii Lindau ประมาณ 3-6 เซนตเิ มตรและยาวประมาณ 12-15 เซนติเมตร จั ด อ ยู่ ใ น ว ง ศ์ เ ห งื อ ก ป ล า ห ม อ ( A C A N T H A C E A E ) แผ่นใบเป็นมันสีเขียวสดเส้นใบเป็นสีเขียวเข้มออกดอกเป็นช่อ เขม็ ม่วง มีชื่อท้องถน่ิ อ่นื ๆ ว่า เฒ่าหลังลาย เฒ่าหล้งลาย แบบช่อฉตั รโดยจะออกตามซอกใบหรือทีป่ ลายกงิ่ ดอกเปน็ สี (ชลบุร)ี , เฉยี งพรา้ ปา่ (ตรัง), ยายปลงั รงไม้ (สรุ าษฎร์ธานี), ม่วงหรือสีฟา้ อมมว่ ง ใบประดับเป็นสีเขยี วเขม้ โคนกลบี ดอก รอ่ งไม้ (ภาคใต)้ , เข็มสีม่วง, เขม็ พญาอินทร์ เป็นตน้ เชือ่ มติดกนั เปน็ หลอดเลก็ ยาว ปลายแยกเปน็ กลบี 5 กลบี ส อ ง ก ลี บ ด้ า น บ น จ ะ ติ ด กั น เ ป็ น คู่ แ ล ะ มี ข น า ด เ ล็ ก ก ว่ า ลกั ษณะของเข็มม่วง สามกลบี ด้านลา่ ง กลีบดอกเปน็ สมี ว่ งอ่อน มจี ุดประสี มว่ ง สามารถออกดอกไดต้ ลอดทั้งปี แตโ่ รยเรว็ โดยจะ จัดเป็นไมพ้ มุ่ ขนาดเล็ก มีล�ำตน้ ตั้งตรง มคี วามสูงของต้น ออกดอกมากในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ ประมาณ 1-1.5 เมตรและอาจสงู ได้ถึง 2 เมตร ล�ำต้นแตก กิ่งกา้ นจ�ำนวนมาก เปน็ ทรงพมุ่ แน่นทบึ ขยายพันธด์ุ ้วยการ ผลเขม็ ม่วง ผลเปน็ ผลแห้งและแตกได้ ลกั ษณะของผลเป็น ตอนหรือการตัดกิ่งปักช�ำ เจริญเตบิ โตไดด้ ีในดินร่วนระบาย รปู ไขย่ าว นำ้� ดี ชอบความชื้นปานกลาง และแสงแดดปานกลางถงึ ร�ำไร สรรพคุณของเขม็ มว่ ง อตั ราการเจริญเติบโตอยู่ในระดบั ปานกลาง นิยมปลูกในท่ีมี ชาวบ้านจะใช้ทั้งต้นรวมรากน�ำมาต้มรับประทานเป็นยา แสงแดดแบบร�ำไรมากกว่าปลกู กลางแจง้ ในประเทศไทยพบได้ ว่ากันว่าสามารถช่วยต้านอนุมูลอิสระได้(ทั้งต้น)ชาวเขาเผ่าแม้ว ทกุ ภาค แตส่ ่วนมากมักพบขน้ึ ตามปา่ ทางภาคใต้ ในพ้นื ทีร่ ม่ และกะเหร่ียงจะใช้ต้นน�ำมาต้มกับน�้ำด่ืมเป็นยาบ�ำรุงร่างกาย ร�ำไร ตามป่าผสมผลดั ใบและปา่ ดบิ แลง้ ตัง้ แต่ระดับน�ำ้ ทะเลไป แกอ้ าการออ่ นเพลีบ (ตน้ ) จนถงึ ระดับความสงู ประมาณ 400 เมตร ตน้ ใชต้ ม้ กับน�ำ้ ดืม่ ชว่ ยรกั ษาโรคริดสีดวงทวาร ใบน�ำมา ต�ำพอกหรือต้มกับนำ�้ อาบ ช่วยแก้โรคผิวหนัง ผน่ื คัน และหดู ใบเป็นใบเดย่ี ว ออกเรยี งตรงข้ามเรียงเวยี นสลบั ลักษณะ ต�ำรับยาพื้นบา้ นลา้ นนาจะใชท้ งั้ ต้นเข็มมว่ ง น�ำมาผสมกับหวั ยา ของใบเป็นรูปรี หรอื รูปใบหอกถึงรูปไข่แกมใบหอก ปลายใบ ขา้ วเยน็ (ไม่ไดร้ ะบวุ ่าข้าวเยน็ เหนอื หรอื ข้าวเยน็ ใต)้ ตม้ กับนำ้� แหลม โคนใบแหลมหรอื มน สว่ นขอบใบเรยี บ ใบมขี นาดกวา้ ง ดื่มแก้อาการปวดเม่ือย (ท้งั ต้น) พนั ธไ์ุ ม้หอ้ งสมดุ ในสวน 7

จะน�ำ ภาพต้นเขม็ มว่ ง มาแทน ประโยชน์ของเข็มม่วง เออ้ื งทอง ดอกมีสีสนั สวยงาม สามารถออกดอกไดต้ ลอดปี ทรงพุ่ม ตดั แตง่ ได้ สามารถน�ำมาปลกู เป็นไม้ประดับได้ดโี ดยจะนิยมน�ำ ปลกู ตามสวน รมิ น้�ำตก ล�ำธาร หรอื ตามสระว่ายน้ำ� เป็นต้น ชอ่ื วิทยาศาสตร:์ Sanchezia speciosa Leonard ตน้ เขม็ ม่วง เป็นเข็มโบราณหายาก เหมาะท่ีจะใช้บูชาเทพและสง่ิ ศักดิ์สทิ ธิ์ ชอ่ื อ่นื : กนกลายไทย มา้ ลาย ตามความเชอ่ื ของคนไทยโบราณเชอ่ื ว่า หากบา้ นใดปลูกตน้ เข็ม ACANTHACEAE วงศ์: ไวเ้ ปน็ ไมป้ ระจ�ำบา้ น จะท�ำให้มคี วามเฉลียวฉลาด ดังนน้ั คน ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไทยจึงใช้ดอกเข็มในพธิ ไี หวค้ รู และยังใชด้ อกเขม็ เป็นเครอ่ื ง ตน้ ไมพ้ มุ่ สูงประมาณ 1 เมตร กิง่ รปู ทรงกระบอก ผวิ เรยี บ สี บูชาสิ่งศักดิ์สทิ ธแ์ิ ละใช้ในพิธที างศาสนาอกี ดว้ ย เหลืองอมเขยี ว เออื้ งทอง ใบ ใบเด่ยี ว เรียงตรงขา้ ม รปู รีถึงรูปไข่ ปลายแหลม โคนสอบ ขอบจักฟันเลอ่ื ย แผ่นสีเขียว เส้นกลางใบและเส้นใบสีเหลอื ง ดอก เป็นช่อแบบชอ่ เชิงลด ออกตามปลายยอด ดอกสีเหลอื ง ใบประดับสีแดงส้ม 2 ใบ โคนกลีบดอกเชือ่ มตดิ กันเป็น หลอดยาวประมาณ 10 เซนติเมตร ปลายแยก 5 แฉก ม้วน งอออกดา้ นนอก เกสรเพศผู้ 2 เกสร เกสรเพศเมีย 1 เกสร ขอ้ มูลท่วั ไป มถี ่ินก�ำ เนดิ ในเอกวาดอร์และเปรู การปลกู เลี้ยงและการใชป้ ระโยชน์ การปลกู เลยี้ ง ดินรว่ น ระบายน้�ำ ดี ต้องการน�้ำ ปานกลาง ชอบแดดปานกลาง-แดดจดั การขยายพันธุ์ ปกั ช�ำ กิ่ง การใชป้ ระโยชน์ ปลูกประดบั สวน ปลกู เปน็ ไม้กระถาง อ้างอิง : https://data.addrun.org/plant/archives/416-sanche zia-speciosa-leonard วนั ท่ี 12 กรกฎาคม พ.ศ.2564 พันธไ์ุ ม้ห้องสมุดในสวน 8

ทองพันชงั่ ชือ่ วิทยาศาสตร์ : Rhinacanthus nasutus (L.) ปลายกลบี ล่างหอ้ ยย้อยลง กว้างประมาณ 1.5 เซนตเิ มตร และ Kurz.<br>Rhinacanthus communis Nees หยกั เป็นสามลอน กลีบบนชีต้ ้ังข้นึ ปลายแยกเป็นสองลอน สว่ น ช่อื วงศ์ : ACANTHACEAE ก้านเกสรจะส้นั ติดอยู่ที่ปากท่อดอก เกสรเพศผ้สู ีน้ำ�ตาลอ่อน ยนื่ พน้ ปากหลอดออกมา ชอื่ สามัญ : White crane flower ชอื่ อนื่ ๆ : ภาคกลาง ทองพันช่งั , ทองคันช่งั , หญา้ มนั ไก่ ผล เปน็ ฝกั ทม่ี ขี นสน้ั ๆ คลมุ ภายในมี 4 เมลด็ พอแหง้ แตกออกได้ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ประโยชน์ทางยา ไม้พุ่ม ขนาดเลก็ สูงประมาณ 50 – 120 เซนติเมตร มักแตก ราก รสเมาเบอ่ื แกก้ ลากเกลอ้ื น รักษาโรคมะเรง็ รักษาโรค หนอ่ และแผก่ ่ิงก้านออกเป็นกอ ส่วนโคนของลำ�ต้นเนื้อเปน็ ผิวหนัง ดบั พษิ ไข้ แกพ้ ษิ งู แก้พยาธิวงแหวนตาม ผิวหนัง แกนแขง็ ลำ�ต้นและกงิ่ กา้ นมีขนประปรายท่ัวไป บริเวณขอ้ พอง หัว รสเมาเบ่ือ รกั ษาโรคผวิ หนงั แกน้ �ำ้ เหลอื งเสีย ผ่ืนคัน เล็กนอ้ ย กงิ่ ออ่ นมักเปน็ สนั สเี่ หล่ียมตามยาว ใบ เปน็ ใบเดีย่ ว ออกเรยี งตรงข้ามกนั เปน็ คูๆ่ ลักษณะใบรปู ไขห่ รอื รูปรี โคนและ รกั ษามะเร็ง คดุ ทะราด แกไ้ สเ้ ล่อื น ขับพยาธติ ามผวิ หนัง ตาม ปลายใบสอบเรียว ยาวประมาณ 4-6 เซนติเมตร และกว้าง บาดแผล ประมาณ 2-3 เซนติเมตร ขอบใบเรยี บหรอื เปน็ คลนื่ เลก็ นอ้ ย และแตล่ ะคอู่ อกสลับทิศทางกัน เน้ือใบบางและเกลีย้ ง แผ่นใบ ต้น รสเมาเบอ่ื บำ�รงุ รา่ งกาย รักษาโรคผมรว่ ง มสี ีเขียวเปน็ มัน ใบ รสเมาเบื่อ ดบั พษิ ไข้ แกก้ ลากเกล้ือน ผืน่ คนั แกโ้ รค ดอก ออกดอกเป็นช่อส้ันๆ ตามซอกมมุ ใบ กลบี ดอกมสี ขี าว ไขข้ออกั เสบ รกั ษาโรคผวิ หนงั รักษาโรคมะเร็ง รักษาโรคความ ดันโลหติ สงู แก้ผมรว่ ง บำ�รงุ รา่ งกาย แกพ้ ิษงู แก้อักเสบ กลบี รองดอกมี 5 กลบี และมีขน กลีบดอกรวมกนั เป็นหลอด ท้งั ต้น รสเมาเบื่อ รกั ษาโรคผวิ หนงั แก้น�ำ้ เหลืองเสีย ผ่นื คัน รูปแจกนั ทรงสูง มีความยาวประมาณ 2 เซนตเิ มตร ปลายแยก รกั ษามะเรง็ คดุ ทะราด แกไ้ สเ้ ลื่อน ขบั พยาธติ ามผิวหนงั ตาม เปน็ 2 กลบี กลบี มีขนยาวประมาณ 0.8 เซนตเิ มตรและกว้าง บาดแผล ประมาณ 0.1 เซนตเิ มตร ปลายแยกเปน็ 2 แฉกแหลมสนั้ ๆ อ้างอิง : http://pharmacy.su.ac.th/herbmed/herb/ text/herb_detail.php?herbID=103 (23 กรกฎาคม พ.ศ.2564) พนั ธ์ไุ มห้ อ้ งสมดุ ในสวน 9

สงั กรณี ชือ่ วิทยาศาสตร์ : Crossandra infundibuliformis ชื่อสามัญ : Crossandra วงศ์ : ACANTHACEAE ช่อื อืน่ ๆ หญา้ หงอนไก่ หญา้ หวั นาค ลกั ษณะทั่วไป เป็นไม้ประดับพุ่มเตย้ี กวา่ ๑ เมตร ลกั ษณะของดอก และล�ำต้น ทส่ี วยงามท�ำใหส้ งั กรณีใบมนั ได้รับความนิยมน�ำไปปลกู ประดบั บ้านเรอื นอย่างแพรห่ ลาย เปน็ ตน้ ไม้ท่ตี อ้ งไดร้ ับการ ดแู ลพอสมควร กลา่ วคือ หากตอ้ งการใหล้ �ำตน้ สวยงามควรมี การตัดแตง่ ทรงพ่มุ ในช่วงฤดูหนาวจะเปน็ ชว่ งพกั ตัว ควรตอน ก่ิงไปปลูกใหม่จะสวยกว่า การจดั เรยี งใบแบบใบค่อู อกตรงข้าม กนั ดอกเป็นหลอด ปลายหลอดแยกออกเป็นกลีบ สงั กรณเี ป็น ดอกไมท้ ช่ี อบ ทง้ั แดดกลางแจง้ และแดดร�ำไร ชอบนำ�้ ปานกลาง ออกดอกตลอดท้งั ปี เสน่ห์ของดอกไมช้ นิดน้ี คือ สีส้มของดอก ทมี่ ีความสวยงามสดใสอยา่ งมาก ประโยชน์ ต้นใชต้ ้มนำ�้ ดมื่ บ�ำรงุ ก�ำลัง รากใช้ปรุงเป็นยา รับประทาน ถอนพิษไข้ แกร้ ้อนในกระหายนำ้� พนั ธุ์ไมห้ ้องสมดุ ในสวน 10

ตอ้ ยติ่งเทศ ขือ่ ภาษาองั กฤษ : Ruellia tuberosa วธิ ีปลกู ตน้ ตอ้ ยต่งิ เทศ ต้อยตงิ่ เป็นไมล้ ้มลุก ไม้พุ่มเหมาะสำ�หรบั การปลกู กลางแจ้ง ชอบความช้ืนไมช่ อบความแห้งแห้ง ดงั นัน้ สามารถปลูกได้ดใี น เปน็ กลุ่มๆ ริมทางเดนิ หรอื ปลกู ในร่ม มคี วามสูงเต็มทีป่ ระมาณ ดนิ รว่ นและผสมกากมะพร้าวสบั เพ่ือรกั ษาความช้ืน ส่วนป๋ยุ 1 เมตร สามารถออกไดไ้ ด้ตลอดปี โดยเฉพาะหน้าฝน ออกดอก สามารถใช้ปุ๋ยคอกได้ เป็นช่อ 2-3 ดอก ตน้ ตอ้ ยต่ิงเทศ มีสรรพคุณในการใชเ้ ป็นยา วธิ ีขยายพนั ธุต์ ้นตอ้ ยตงิ่ เทศ สามารถขยายพันธุไ์ ด้ด้วย รกั ษาโรคได้อีกด้วย การเพาะเมลด็ ต้อยตง่ิ โดยเฉพาะส่วนราก สามารถนำ�มาท�ำ เป็นยารกั ษาโรค ดอก มีสีม่วงคราม ชมพู และสขี าว ทรงมีลักษณะคล้ายล�ำ โพง ไต โรคไอกรนไดด้ ้วย ส่วนเมลด็ ก็มีประโยชนเ์ ช่นกนั ชว่ ยให้ มี 5 กลีบ แผลหายเรว็ ขนึ้ การขยายพนั ธ์ุ โดยการเพาะเมล็ด อา้ งอิง : https://www.myhomemygardening.com/2017/08/ ระดบั ความง่ายในการปลูก 4/5 Ruellia-tuberosa.html (23 กรกฎาคม พ.ศ.2564) ตอ้ ยตงิ่ มีทั้งทเี่ ปน็ ของไทย ชือ่ ตอ้ ยตง่ิ และของต่างประเทศ ก็ คอื ตอ้ ยต่งิ เทศ นัน่ เอง พนั ธุ์ไม้ห้องสมดุ ในสวน 11

ใบเงิน ใบทอง ใบนาก มีช่ือสามญั วา่ : P. Kewense ลำ�ตน้ ลักษณะของใบเปน็ รปู รี ปลายใบแหลม โคนใบแหลม มีชอื่ วิทยาศาสตร์ : คอื Pseuderanthemum atropur- ส่วนขอบใบเป็นคลน่ื ใบมขี นาดกวา้ งประมาณ 4-6 เซนติเมตร pureum \"Trycolor\" และยาวประมาณ 8-12 เซนติเมตร ใบเป็นลายมีหลายสีและจะ ช่ือท้องถ่ินอืน่ ๆ : ว่า นากนอก เป็นตน้ โดยท้ังสามชนิดจัด เรยี กตามลกั ษณะทดี่ ่าง เชน่ ใบเงิน แผ่นใบเป็นสีเขียว ที่กลาง อยใู่ นวงศเ์ ดียวกันคือวงศ์เหงอื กปลาหมอ (ACANTHACEAE) ใบจะมีด่างสขี าวหรอื สีเหลอื งออ่ นจาง ๆ แทรกอยู่ ลกั ษณะของใบเงิน ใบทอง ใบนาก ใบนาก แผน่ ใบเปน็ สีเขียวแกมน�้ำ ตาลหรือสเี ขยี วอมม่วง และ ตน้ ใบเงิน มถี ิ่นที่อยใู่ นประเทศนวิ กินี สว่ นตน้ ใบนาก มีถนิ่ มีรอยดา่ งเป็นสีขาวและสีมว่ งที่ไมเ่ ปน็ ระเบยี บ สว่ นขอบใบเป็น กำ�เนดิ ในเขตมรสมุ ในเมอื งร้อน ใบเงนิ ใบทอง และใบนากเปน็ สชี มพูเข้ม พรรณไมช้ นดิ เดยี วกนั โดยจดั เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง มีความ ดอกใบเงิน , ดอกใบทอง , ดอกใบนาก ออกดอกเป็นช่อ สงู ของตน้ ประมาณ 1-2 เมตร เปลอื กลำ�ต้นเรียบ ขยาย กระจุก โดยจะออกทป่ี ลายยอด ดอกยอ่ ยเปน็ สมี ว่ งแดงหรือสี พันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดและวิธีการปักชำ�เจริญเติบโต แดงเข้ม โคนกลบี ดอกเป็นหลอดรูปกรวย ยาวประมาณ 3-4 ได้ดีในดินร่วนซุยและระบายน้ำ�ได้ดีโดยจัดเป็นพรรณไม้ เซนติเมตร ปลายแยกเป็นปาก 2 ปาก แยกเปน็ ปากบนและ กลางแจ้งที่ชอบอยใู่ นทรี่ ่มร�ำ ไร มีอากาศถา่ ยเทได้สะดวก ปากล่าง ปากล่างห้อยหวั ลงมี 3 กลีบ สว่ นปากบนจะงอนข้ึน ต้องการแสงแดดเปน็ บางเวลา และทง้ั ใบเงนิ ใบทอง และ ดา้ นบน ด้านในกลีบดอกมขี นอ่อนเต็มไปหมด สว่ นดา้ นนอก ใบนาก ตา่ งกม็ สี รรพคุณทางยาเช่นเดียวกนั ใบเงนิ ใบทอง เกลยี้ ง ดอกมเี กสรเพศผู้ 2 ก้านอยูข่ า้ งเกสรเพศเมยี และจะผลิ ใบนาก ใบเปน็ ใบเดี่ยว ออกเรยี งตรงขา้ มเปน็ คู่ ๆ สลับกันตาม ดอกในช่วงเดอื นมนี าคมถงึ เดอื นเมษายน (ภาพแรกดอกใบเงิน พันธไ์ุ มห้ ้องสมุดในสวน 12

ดอกใบเงิน , ดอกใบทอง , ดอกใบนาก ออกดอกเปน็ ชอ่ สรรพคุณของใบเงิน ใบทอง ใบนาก กระจกุ โดยจะออกทป่ี ลายยอด ดอกยอ่ ยเปน็ สีม่วงแดงหรอื สี เกสรชว่ ยแกอ้ าการออ่ นเพลีย (เกสร) ทกุ สว่ นของล�ำ ต้นใช้ แดงเขม้ โคนกลีบดอกเป็นหลอดรูปกรวย ยาวประมาณ 3-4 รกั ษาอาการอิดโรย อ่อนกำ�ลัง (ทกุ ส่วนของลำ�ตน้ ) ใบมรี สจดื เซนตเิ มตร ปลายแยกเปน็ ปาก 2 ปาก แยกเปน็ ปากบนและ เย็น เปน็ ยาลดไข้ แก้อาการร้อนในกระหายนำ�้ แกไ้ ข้พิษร้อน ปากล่าง ปากลา่ งหอ้ ยหวั ลงมี 3 กลีบ ส่วนปากบนจะงอนขน้ึ ถอนไขพ้ ิษ แก้ไขก้ ำ�เดา ไข้หวัดน้อย ไขห้ วดั ใหญ่ ชว่ ยดบั พษิ ดา้ นบน ดา้ นในกลบี ดอกมขี นอ่อนเตม็ ไปหมด ส่วนดา้ นนอก ปอดพิการ ล้อมตบั ดับพิษ (ช่วยป้องกันการท�ำ ลายของตบั จาก เกล้ยี ง ดอกมีเกสรเพศผู้ 2 กา้ นอยูข่ า้ งเกสรเพศเมีย และจะผลิ สารพิษและความร้อน) แกก้ าฬตบั (ใบ) เกสรมีรสเยน็ หวาน ดอกในชว่ งเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน (ภาพแรกดอกใบเงนิ เลก็ นอ้ ย เปน็ ยาแก้ไข้ร้อน (เกสร) ทุกส่วนของล�ำ ตน้ ใช้ปรุงเป็น ภาพสองดอกใบทอง และภาพสามดอกใบนาก) ยารักษาอาการไข้ และยงั ใช้เข้ายารักษาไขส้ �ำ หรับเด็กในกรณีที่ ผลใบเงนิ ใบทอง ผลเป็นฝัก ลกั ษณะเป็นรูปทรงรี ปลายฝัก เปน็ ไขห้ อม (ทกุ ส่วนของลำ�ต้น) น�ำ้ ค้ันจากใบใชห้ ยอดหูรกั ษา เป็นตงิ่ แหลม เม่อื ฝกั แห้งจะแตกออกได้ และไมค่ อ่ ยติดฝัก อาการปวดหู ขบั แมลงเข้าหู หยอดหูแก้คัน (นำ�้ คัน้ จากใบ) ใบ นำ�มาต้มกับน�้ำ ด่ืมเปน็ ยาแกอ้ าการปวดทอ้ ง 12 3 4 ภาพประกอบจากอนิ เตอรเ์ นต็ ภาพที่ 1,2,4 ภาพ1 ใบนาค ทอง เงิน ภาพ 2 ใบนากชมพู ภาพ3 ดอกใบเงนิ ภาพจากห้องสมุดในสวน ภาพ 4 ใบทอง พนั ธไุ์ มห้ อ้ งสมุดในสวน 13

ขาไกเ่ ขียว ช่อื วิทยาศาสตร์ : Justicia fragilis Wall. การปลูกเลย้ี งและการใชป้ ระโยชน์ ชื่อสามัญ : Flame flower ชื่ออน่ื : ขาไก่ วงศ์ : ACANTHACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ตน้ ไม้พ่มุ สงู ประมาณ 1 เมตร มกั แตกเปน็ กอ เปลือกตน้ สี ข้อมูลท่วั ไป มถี ่ินก�ำเนดิ ในเขตร้อนท่วั โลก การปลกู เล้ยี ง ดินรว่ น ต้องการนำ�้ มาก ชอบแดดจัด-แดด เทา กิง่ อ่อนมีสีน้�ำตาลด�ำทีโ่ คนปลอ้ ง สเี ขียวที่ปลายปล้อง ปานกลาง ใบ ใบเดยี่ ว เรียงตรงขา้ มสลับต้ังฉาก รูปรแี กมรปู หอก ปลาย การขยายพันธุ์ ปักช�ำ ตอนก่ิง เรียวแหลม โคนสอบแคบ ขอบเป็นคลื่นเลก็ น้อย แผ่นใบสเี ขียว การใช้ประโยชน์ นยิ มปลกู เปน็ กลุ่มขนาดใหญ่ ใชป้ ระดบั เปน็ มนั เสน้ กลางใบเดน่ ชดั ดอก ออกดอกเป็นช่อ ตามปลายยอด ดอกสีขาวอมชมพู กลบี ตกแตง่ สวนหรอื บรเิ วณที่ต้องการเป็นแนว ดอกโคนเช่ือมติดกนั เปน็ หลอดรูปแตรหรอื รูปปากเปิด ปลาย แยกเปน็ 5 แฉก อ้างอิง : https://data.addrun.org/plant/archives/ 284-justicia-fragilis-wall พันธ์ไุ มห้ อ้ งสมดุ ในสวน 14

เสลดพงั พอนตัวผู้ ช่อื วิทยาศาสตร์ : Barleria lupulina Lindl. ทอ้ ง แกผ้ ิดอาหาร ถอนพิษงู พิษแมลงสตั ว์กัดตอ่ ย แกป้ วดฟัน ชือ่ สามัญ : Hop Headed Barleria ใบ - ถอนพษิ แมลงสตั วก์ ดั ต่อย แกล้ มพิษ รักษาเม็ดผน่ื คัน วงศ์ : ACANTHACEAE ตามผวิ หนงั แกโ้ รคเบาหวาน แก้ปวดแผล แผลจากของมีคม ชือ่ อ่นื : พิมเสนตน้ (ภาคกลาง) ทองระอา ชอ้ งระอา ลิน้ งเู ห่า บาด แกโ้ รคฝตี ่างๆ รกั ษาโรคคางทมู แก้โรคไฟลามทงุ่ แก้ขยมุ้ เสลดพงั พอนตวั ผู้ (กรุงเทพฯ) คันชงั่ (ตาก) อังกาบ อังกาบ ตนี หมา แก้โรคงูสวัด รกั ษาโรคเรมิ ถอนพษิ จากเมด็ ตุ่มฝีดาษ เมอื ง (ไทย) ก้านช่ัง (พายพั ) รกั ษาโรคฝดี าษ แก้ฟกชำ�้ แก้ชำ�้ บวมเนื่องจากถกู ของแข็ง ชอ่ื ภาษาอังกฤษ ถอนพษิ ไข้ พษิ ไข้ทรพิษ แก้ปวดฟนั เหงือกบวม แก้รดิ สีดวง ทวาร แก้ยงุ กดั แก้พิษไฟลวกน้ำ�รอ้ นลวก แก้ปวดจากปลาดุก แทง ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้พุ่ม สงู ประมาณ 1 เมตร มี ส่วนท้งั 5 - ใชเ้ หมือนเสลดพงั พอนตวั เมยี และใช้แทนเสลด หนามแหลมยาว ข้อละ 2 คู่ ถงึ 3 คกู่ ่ิงกา้ น กา้ นใบสีน้ำ�ตาล พังพอนตัวเมียได้ แตใ่ บเสลดพงั พอนตวั เมยี มีรสจดื ใบเสลด แดง ใบเด่ยี วสเี ขียวเข้ม เส้นกลางใบแดง ดอกช่อออกทปี่ ลาย พงั พอนตัวผ้มู ีรสขมมาก และเสลดพงั พอนตัวผมู้ ฤี ทธ์อิ ่อนกวา่ กิ่ง ชอ่ ดอกยาว 8 ซม. มีใบประดบั สีนำ�้ ตาลแดง ค่อนขา้ งกลม เสลดพงั พอนตวั เมีย กลีบดอกสสี ้ม ผลเปน็ ฝกั รูปไข่ ส่วนที่ใช้ : ราก ใบ ส่วนทัง้ 5 วธิ แี ละปรมิ าณที่ใช้ : ใช้เหมอื นเสลดพังพอนตวั เมียทกุ อยา่ ง สรรพคุณ : สารเคมี : ตน้ พบ Iridiod glycoside, Acetyl barlerin , ราก - แกต้ าเหลือง หน้าเหลือง เมื่อยตวั กนิ ข้าวไม่ได้ แกเ้ จ็บ Barlerin, Shanzhiside methyl ester. พันธ์ไุ ม้ห้องสมุดในสวน 15

แคนา พันธไุ์ มห้ ้องสมุดในสวน 16

แคนา ช่อื วิทยาศาสตร์ Dolichandrone serrulata สเี ทาและอาจมีจุดดำ�ประ ผิวต้นเรยี บหรือล่อนเป็นเกลด็ ขนาด เลก็ ๆ ขยายพันธ์ดุ ้วยวธิ กี ารเพาะเมล็ดและการปักช�ำ ราก โดย (Wall. ex DC.) Seem. สามารถพบต้นแคนาได้ตามปา่ ตามทงุ่ ตามไร่นา และตาม ชอ่ื พ้องวิทยาศาสตร์ Bignonia serratula Wall. ex DC., Bignonia serrulata Wall. ex DC., Spathodea serrulata ป่าเบญจพรรณท่วั ไป[1],[3],[4] มีเขตการกระจายพันธ์ุอยใู่ น (Wall. ex DC.) DC., Stereospermum serrulatum DC.) ประเทศลาว พมา่ เวียดนาม และในประเทศไทยสามารถพบได้ จัดอยใู่ นวงศแ์ คหางค่าง (BIGNONIACEAE) ทางภาคเหนือ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ภาคตะวันออก และ มชี ่ือท้องถิ่นอื่น ๆ วา่ แคขาว แคเก็ตวา แคเก็ตถวา แค ทางภาคกลาง โดยอาจจะได้ประปรายในป่าเบญจพรรณ และ เค็ตถวา (เชยี งใหม)่ , แคภฮู ่อ (ลำ�ปาง), แคป่า (เลย, ลำ�ปาง), พบได้บ่อยตามนาข้าวทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียง แคทราย (นครราชสมี า), แคยาว แคอาว (ปราจีนบรุ ี), แคยอด เหนือทีร่ ะดบั ความสูงไมเ่ กิน 300 เมตร ดำ� (สุราษฎรธ์ าน)ี , แคตยุ้ แคแน แคฝา แคฝอย แคหยยุ ฮอ่ แค ใบแคนา มใี บเป็นใบประกอบแบบขนชัน้ เดยี วปลายค่ี ออก แหนแห้ (ภาคเหนือ), แคนา (ภาคกลาง) เป็นต้น ตรงขา้ มกนั ประมาณ 3-5 คู่ ลักษณะของใบเปน็ รปู ไข่แกม ลกั ษณะของแคนา ขอบขนาน ปลายใบแหลม โคนใบเบ้ยี ว สว่ นขอบใบหยักเปน็ ต้นแคนา หรอื ตน้ แคปา่ จัดเป็นไมย้ ืนต้นผลดั ใบขนาดเล็ก แบบซี่ฟนั ต้ืน ๆ ใบมขี นาดกวา้ งประมาณ 2.5-7 เซนติเมตร ถงึ ขนาดกลาง มีความสูงของล�ำ ต้นได้ถงึ 10-20 เมตร ลำ�ตน้ และยาวประมาณ 6-16 เซนติเมตร ผวิ ใบด้านล่างมีขนสัน้ อยู่ เปลาตรง มักแตกก่ิงต�ำ่ เปลอื กของลำ�ต้นเป็นสีนำ�้ ตาลอ่อนอม ประปรายบนกา้ นใบ สว่ นก้านใบย่อยมีความยาวประมาณ 7-10 มิลลิเมตร พันธุ์ไม้ห้องสมดุ ในสวน 17

ผลแคนา ผลเปน็ ฝกั ออกฝกั ช่อละประมาณ 3-4 ฝัก ลกั ษณะ ของฝักแบนเปน็ รปู ขอบขนาน ฝักโค้งและบดิ เปน็ เกลยี ว มี ความยาวประมาณ 40-60 เซนติเมตร ส่วนเมลด็ เป็นรูป สเี่ หล่ียม ยาวประมาณ 2.2-2.8 เซนติเมตรรวมปกี บางใส สรรพคณุ ของแคนา รากมีรสเยน็ ชว่ ยบ�ำรุงโลหติ (ราก) เมลด็ ใชเ้ ป็นยาแกอ้ าการปวดประสาท (เมลด็ ) ชว่ ยในการนอนหลบั (ดอก) ชว่ ยแกโ้ รคชัก (เมลด็ ) ช่วยแก้ไข้ลมหัวได้เชน่ เดยี วกบั ดอกแคบ้าน (ดอก) ใบน�ำมาตม้ กับน�้ำเป็นยาบว้ นปาก (ใบ) ดอกแคนา ออกดอกเป็นช่อแบบชอ่ กระจะส้ัน ดอกมขี นาด ดอกมีรสหวานเย็น ใชเ้ ป็นยาขบั เสมหะ โลหิต และลม ใหญ่ ลักษณะของดอกเป็นรปู แตรสีขาว โดยจะออกดอกตาม ชว่ ยแกเ้ สมหะและลม (ราก) ปลายกิ่ง ดอกยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร สว่ นก้านดอกยาว ใช้ตม้ รบั ประทานแกอ้ าการท้องรว่ ง (ไมร่ ะบสุ ่วนท่ีใช้) ประมาณ 1.8-4 เซนติเมตร ในแต่ละช่อจะมดี อกอยปู่ ระมาณ ช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ โดยใช้กบั สตรหี ลงั คลอดบุตร 2-10 ดอก กลีบเล้ียงหนาและเหนียว ปลายเรียวเล็กและโคง้ (เปลือกตน้ ) ช่วยขับผายลม (ดอก) ชว่ ยในการขบั ถา่ ยให้ ยาวประมาณ 3-4 เซนตเิ มตร ห้มุ ดอกตมู มิด เชือ่ มตดิ กนั เป็น สะดวกสบายยง่ิ ขึน้ (ดอก) ช่วยแกพ้ ยาธิ (ไมร่ ะบุสว่ นท่ใี ช)้ หลอดโค้งปลายแหลม เมอื่ ดอกบานจะมรี อยแตกทางดา้ นลา่ ง ชว่ ยแกร้ ิดสดี วงงอก (ไม่ระบุส่วนทีใ่ ช)้ ช่วยแก้อาการตกเลือด มีลกั ษณะเป็นกาบหมุ้ กลบี ดอกตดิ กนั เปน็ ท่อ ส่วนปลายขยาย (ไม่ระบสุ ว่ นทใ่ี ช้) ใบใชต้ �ำพอกรักษาแผล (ใบ)ชว่ ยแกฝ้ ีราก (ไม่ ออกเป็นรปู ระฆัง และจะแยกออกเป็นแฉก 5 แฉก กลบี ดอก ระบุสว่ นท่ใี ช้)ใชเ้ ป็นยาแกบ้ วม (ไมร่ ะบุส่วนท่ใี ช)้ เชอ่ื มติดกัน ยาวประมาณ 16-18 เซนติเมตร ส่วนหลอดกลีบ ประโยชน์ของแคนา ดอกจะยาวประมาณ 13-14 เซนตเิ มตร สว่ นโคนจะแคบเป็น หลอด สีเขียวอ่อน สว่ นบนจะบานออกคล้ายกรวยเปน็ สีขาว ดอกแคนาสามารถน�ำมาใช้ประกอบอาหารได้ โดยน�ำมาท�ำเปน็ แกมสีขมพู แฉกกลีบดอกมีอยู่ 5 กลบี ลกั ษณะเปน็ รูปไข่ ยาว แกงสม้ หรือจะน�ำดอกมาลวก หรอื ต้มจิม้ กนิ กบั น้ำ� พรกิ กไ็ ดเ้ ช่น ประมาณ 3-4 เซนติเมตร ทข่ี อบกลบี จะยน่ เปน็ คล่ืน ๆ ดอก กนั รสขมของดอกแคนาจะชว่ ยท�ำให้รบั ประทานอาหารอรอ่ ย เปน็ สีขาว ดอกตูมเป็นสีเขยี วอ่อน ๆ โคนกลบี มสี นี ำ�้ ตาลปน ยงิ่ ขน้ึ ดอกมเี กสรตัวผู้ 4 ก้าน ตดิ อยู่ดา้ นในของทอ่ กลีบดอก ปลาย แยก มีขนาดสนั้ 2 กา้ นและยาว 2 ก้าน และยงั มเี กสรตวั ผ้ทู ี่ ตน้ แคนา เปน็ ตน้ ไม้ทรงพ่มุ ใบและฝักแลดูสวยงาม เหมาะ เปน็ หมนั อกี 1 กา้ น มีรูปร่างเปน็ เส้นเรยี วเล็กคลา้ ยเส้นดา้ ย มี ความยาวประมาณ 1 เซนตเิ มตร ส่วนอับเรณยู าวประมาณ ส�ำหรับปลูกเป็นไม้ส�ำหรับให้ร่มเงาและเป็นไม้ประดับเสริม 1 เซนตเิ มตร เปน็ สเี ทาด�ำ และจานฐานดอกเป็นรปู เบาะ เป็น จดุ เดน่ ใหส้ วนท่ีปลกู ได้ ใช้เป็นอาหารสัตว์ เช่น วัว ควาย (ข้อมูล พูตน้ื ๆ และมีเกสรตวั เมียอยู่ 1 ก้าน โดยดอกแคนาจะค่อย ๆ ไม่ได้ระบุแน่ชดั วา่ ใชส้ ่วนไหน แต่เขา้ ใจว่าเปน็ ดอก) บานทลี ะดอก ดอกมกี ล่นิ หอม บานในตอนกลางคนื และจะ เน้ือไม้ของต้นแคนาสามารถน�ำมาใช้ท�ำสิ่งก่อสร้างอาคารบ้าน ออกดอกในชว่ งเดือนมีนาคมถงึ เดอื นมิถุนายน เรือนได้ เชน่ ท�ำเปน็ เสา ไม้กระดาน ฝาเพด้าน พนื้ ฯลฯ https://medthai.com. (อา้ งอิงใน ฐานข้อมลู สมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัย อบุ ลราชธานี. \"แคนา\". [ออนไลน์]. พนั ธไ์ุ ม้หอ้ งสมุดในสวน 18

แคทะเล พนั ธุไ์ มห้ อ้ งสมุดในสวน 19

ชื่อวิทยาศาสตร์: Dolichandrone spathacea เป็นไม้ยนื ตน้ ในวงศ์ Bignoniaceae เปลือกแตกเป็นรอ่ ง เลก็ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ผิวใบเรยี บ ใบมัน ใบออ่ น ออกสเี ขยี วอมแดง แกแ่ ล้วเปน็ สเี ขยี ว ดอกเปน็ ดอกชอ่ บานไม่ พรอ้ มกนั ช่อดอกส้ัน ดอกเปน็ ถว้ ยปากแตรสีขาว ปลายกลบี ดอกเปน็ หยกั เกสรตวั ผู้ 4 อนั ยาวไม่เทา่ กนั ออกดอกตลอด ปี ผลเดีย่ ว ยาว คอ่ นข้างแบน เม่อื ออ่ นสีเขียวอมม่วง แกเ่ ปน็ สี นำ�้ ตาลอมด�ำ แตกเป็น 2 ซกี ภายในมีเมลด็ มาก การใชป้ ระโยชน์ ใบใช้ทำ�ยาพอกแผล บว้ นปาก เปลือกแก้ทอ้ งอืด ท้องเฟอ้ เมลด็ แกป้ วดประสาท โรคชัก ดอกรับประทานได้ น�ำ มาผดั หรือ แกงส้ม อา้ งองิ มณั ฑนา นวลเจรญิ . 2552. สารานุกรมความหลากหลาย ทางชวี ภาพต�ำ บลคลองประสงค์ อ�ำ เภอเมือง จังหวัดกระบ.่ี กทม. ส�ำ นักงานปลัดกระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม พันธุ์ไม้ห้องสมุดในสวน 20

แคสนั ตสิ ุข ช่อื วทิ ยาศาสตร์ : Santisukia kerrii 28 ซม. ลักษณะดอก มกี ลบี เล้ยี งเชอื่ มกันเปน็ หลอดคล้ายรูป ช่ือวงศ์ : Bignoniaceae ระฆัง ปลายแยกเป็นแฉกจ�ำนวนไม่แนน่ อน กลบี ดอกโคนเชือ่ ม ลักษณะทางพฤกษศาตร์ กนั เป็นหลอดรูปล�ำโพง ปลายบานเปน็ กลีบดอก 5 กลบี กลบี ยน่ เป็นสีชมพู หรือชมพเู ขม้ ดอกเมื่อบานเตม็ ทจี่ ะมีขนาดใหญ่ และดคู ล้ายดอกแคนามาก แตแ่ คนาจะเป็นสขี าว ดอกของ \"แค เป็นไม้ยนื ต้น สูง 10-15 เมตร แตกก่งิ ก้านเป็นพมุ่ คลา้ ยตน้ สันติสขุ \" จะมีกลน่ิ หอมเฉพาะตวั ตามทก่ี ล่าวขา้ งตน้ เวลามีด แคนา แตจ่ ะแผก่ ระจายกวา้ งกวา่ และตน้ จะดคู ล้ายตน้ ไม้ อกดกและดอกบานพร้อมกันทั้งต้นจะดสู วยงามหวานซงึ้ และ โบราณน่าชมกว่าด้วย เปลือกต้นเปน็ สนี ำ�้ ตาลเทาเกือบด�ำ มักมี ส่งกลนิ่ หอมฟงุ้ กระจายใตโ้ คนตน้ เปน็ ทป่ี ระทับใจมาก \"ผล\" รอยแผลใบเหลอื อยตู่ ามล�ำตน้ ชดั เจน ใบเป็นใบประกอบแบบ เป็นฝกั ส้นั ภายในมเี มล็ด ดอกออกทง้ั ปี ขยายพันธ์ดุ ว้ ยเมลด็ ขนนก ปลายคี่ มีใบยอ่ ย 4-7 คู่ เปน็ รปู ไข่ หรอื รปู ขอบขนาน ตอนกิง่ และเสยี บยอด แกมรูปใบหอก ยาว 3.5-7.5 ซม. ปลายแหลม โคนมน หรือ \"แคสันตสิ ุข\" มีความโดดเดน่ กวา่ แคทั่วไปคอื ดอกมีขนาด กลมเบี้ยว ขอบใบหยักเปน็ ฟนั เลอ่ื ยตน้ื ๆ หรือเปน็ คลื่นหา่ งๆ สี ใหญ่ สสี ันของดอกสวยงามน่ารักมาก ท่ีส�ำคญั ดอกจะมกี ล่นิ เขียวสด เวลาใบดกจะให้ร่มเงาดีดอก ออกเปน็ ชอ่ แบบแยก หอมพิเศษแบบเฉพาะตัว ที่เหลา่ นกั พฤกษศาสตร์นิยมเรียก คือ แขนง หรอื เปน็ ช่อกระจกุ ตามซอกใบและปลายยอด แต่ละช่อ \"กลิน่ หอมหวาน\"ไw ประกอบดว้ ยดอกย่อยหลายดอก ช่อดอกจะยาวประมาณ 16- http://chaipatpark.com/tips/ พันธ์ุไม้ห้องสมดุ ในสวน 21

หอ้ งสมุดในสวน พันธ์ุไม้หอ้ งสมุดในสวน 22

อา้ งองิ ฐานข้อมูลสมนุ ไพร. คณะเภสชั ศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยอุบลราชธานี. “แคนา”. [ออนไลน]์ . มัณฑนา นวลเจริญ. 2552. สารานุกรมความหลากหลายทางชีวภาพต�ำ บลคลองประสงค์ อำ�เภอเมอื ง จังหวัดกระบ.ี่ กทม. สำ�นักงานปลัดกระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อม http://chaipatpark.com/tips/ https://data.addrun.org/plant/archives/284-justicia-fragilis-wall https://data.addrun.org/plant/archives/416-sanche zia-speciosa-leonard (วนั ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ.2564) https://www.myhomemygardening.com/2017/08/Ruellia-tuberosa.html (23 กรกฎาคม พ.ศ.2564) http://pharmacy.su.ac.th/herbmed/herb/text/herb_detail.php?herbID=103 (23 กรกฎาคม พ.ศ.2564) พันธไ์ุ มห้ อ้ งสมดุ ในสวน 23

พนั ธุ์ไมห้ อ้ งสมดุ ในสวน 24


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook