Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ออกแบบหน่วยการเรียนรู้

ออกแบบหน่วยการเรียนรู้

Published by ggpankp, 2021-03-09 15:36:08

Description: ออกแบบหน่วยการเรียนรู้

Search

Read the Text Version

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนนาแกพทิ ยาคม ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ทีเ่ กยี่ วข้องกบั การจัดทาแผนการจดั การเรียนรู้ โรงเรียนนาแกพทิ ยาคมไดก้ าหนดวสิ ยั ทศั น์ หลกั การ และจดุ หมาย ของหลกั สูตรสถานศึกษา โรงเรียนนาแกพทิ ยาคม ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ดงั รายละเอียดต่อไปน้ี (โรงเรียนนาแกพทิ ยาคม, 2553: 2 – 3) วิสัยทศั น์ โรงเรียนนาแกพทิ ยาคมเป็นแหล่งพฒั นาความรู้ คู่คุณธรรม นาวชิ าการ กา้ วทนั เทคโนโลยี เก่งศลิ ปะ ดนตรี กีฬา ชุมชนร่วมทาร่วมคิด เสริมสรา้ งเศรษฐกิจพอเพยี ง โดยมุ่งเนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั บนพน้ื ฐานความเช่ือวา่ ทกุ คนสามารถเรียนรู้และพฒั นาตนเองไดเ้ ตม็ ศกั ยภาพ หลักการ หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนนาแกพทิ ยาคม มีหลกั การท่สี าคญั ดงั น้ี 1. เป็นหลกั สูตรการศึกษาเพอ่ื ความเป็นเอกภาพของชาติ มีจดุ หมายและมาตรฐานการเรียนรู้ เป็นเป้าหมายสาหรับพฒั นาเดก็ และเยาวชนใหม้ ีความรู้ ทกั ษะ เจตคติ และคุณธรรมบนพ้นื ฐาน ของความเป็นไทยควบคูก่ บั ความเป็นสากล 2. เป็นหลกั สูตรการศกึ ษาเพอื่ ปวงชน ท่ีประชาชนทุกคนมีโอกาสไดร้ ับการศกึ ษา อยา่ งเสมอภาค และมีคุณภาพ 3. เป็นหลกั สูตรการศึกษาท่สี นองการกระจายอานาจ ใหส้ งั คมมีส่วนร่วมในการจดั การศึกษา ใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาพและความตอ้ งการของทอ้ งถิ่น 4. เป็นหลกั สูตรการศึกษาทม่ี ีโครงสร้างยดื หยนุ่ ท้งั ดา้ นสาระการเรียนรู้ เวลาและการจดั การเรียนรู้ 5. เป็นหลกั สูตรการศกึ ษาที่เนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั 6. เป็นหลกั สูตรการศึกษาสาหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอธั ยาศยั ครอบคลุม ทุกกลุ่มเป้าหมาย สามารถเทยี บโอนผลการเรียนรู้ และประสบการณ์

2 จุดหมาย หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนนาแกพทิ ยาคม มุ่งพฒั นาผเู้ รียนใหเ้ ป็ นคนดี มีปัญญา มีความสุข มีศกั ยภาพในการศกึ ษาต่อ และประกอบอาชีพ จงึ กาหนดเป็ นจุดหมายเพอ่ื ใหเ้ กิดกบั ผเู้ รียน เมื่อจบการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน ดงั น้ี 1. มีคุณธรรม จริยธรรม และคา่ นิยมทพ่ี งึ ประสงค์ เห็นคุณคา่ ของตนเอง มีวนิ ยั และปฏิบตั ิตน ตามหลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนา หรือศาสนาท่ีตนนบั ถือ ยดึ หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 2. มีความรู้ ความสามารถในการส่ือสาร การคิด การแกป้ ัญหา การใชเ้ ทคโนโลยี และ มีทกั ษะชีวติ 3. มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตทด่ี ี มีสุขนิสยั และรักการออกกาลงั กาย 4. มีความรักชาติ มีจติ สานึกในความเป็ นพลเมืองไทยและพลโลก ยดึ มน่ั ในวถิ ีชีวติ และการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมุข 5. มีจติ สานึกในการอนุรกั ษว์ ฒั นธรรมและภมู ิปัญญาไทย การอนุรักษแ์ ละพฒั นาส่ิงแวดลอ้ ม มีจิตสาธารณะท่มี ุ่งทาประโยชน์และสร้างส่ิงทดี่ ีงามในสงั คม และอยรู่ ่วมกนั ในสงั คมอยา่ งมีความสุข การประเมินการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียน สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ โรงเรียนนาแกพทิ ยาคมไดก้ าหนดการประเมินการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น สมรรถนะ สาคญั ของผเู้ รียน คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ตามแนวปฏบิ ตั กิ ารวดั และประเมินผล การเรียนรู้ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ดงั รายละเอียดต่อไปน้ี (โรงเรียนนาแกพทิ ยาคม, 2553: 299 – 302) การอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น ขอบเขตการประเมินความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น ช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 4 – 6 การอ่านจากสื่อสิ่งพมิ พแ์ ละสื่ออิเล็กทรอนิกส์ท่ใี หข้ อ้ มูลสารสนเทศ ความรู้ ประสบการณ์ แนวคดิ ทฤษฎี รวมท้งั ความงดงามทางภาษาทเ่ี อ้ือใหผ้ อู้ ่านวเิ คราะห์ วพิ ากษว์ จิ ารณ์ แสดงความคิดเห็น โตแ้ ยง้ หรือสนบั สนุน ทานาย คาดการณ์ ตลอดจนประยกุ ตใ์ ชใ้ นการตดั สินใจ แกป้ ัญหา และถ่ายทอดเป็นขอ้ เขยี นเชิงสร้างสรรค์ รายงาน บทความทางวชิ าการอยา่ งถูกตอ้ ง ตามหลกั วชิ า เช่น อ่านบทความวชิ าการ วรรณกรรมประเภทต่าง ๆ ในช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 4 – 6 มีตวั ช้ีวดั ดงั น้ี

3 1. สามารถอ่านเพอื่ การศกึ ษาคน้ ควา้ เพม่ิ พนู ความรู้ ประสบการณ์ และ การประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาวนั 2. สามารถจบั ประเดน็ สาคญั ลาดบั เหตกุ ารณ์จากการอ่านสื่อทม่ี ีความซบั ซอ้ น 3. สามารถวเิ คราะห์สิ่งท่ีผเู้ ขียนตอ้ งการส่ือสารกบั ผอู้ ่าน และสามารถวพิ ากษ์ ใหข้ อ้ เสนอแนะในแงม่ ุมต่าง ๆ 4. สามารถประเมินความน่าเช่ือถือ คณุ ค่า แนวคดิ ท่ีไดจ้ ากส่ิงท่อี ่านอยา่ งหลากหลาย 5. สามารถเขยี นแสดงความคดิ เห็น โตแ้ ยง้ สรุป โดยมีขอ้ มูลอธิบายสนบั สนุน อยา่ งเพยี งพอและสมเหตุสมผล การประเมนิ ความสามารถในการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียน โรงเรียนนาแกพทิ ยาคมไดป้ ระเมินความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น โดยการบูรณาการตวั ช้ีวดั ของการประเมินการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี นร่วมกบั การประเมินผล กลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ โดยใหค้ รูทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวชิ า สารวจ ตรวจสอบวา่ ตวั ช้ีวดั ของการประเมินความสามารถการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี นมีอยใู่ น หน่วยการเรียนรูข้ องแต่ละรายวชิ าใดบา้ ง หากยงั ไม่มีหรือมีเลก็ นอ้ ย ใหน้ าเขา้ ไปบรู ณาการ ในหน่วยการเรียนรู้หรือแผนการจดั การเรียนรู้ของรายวิชาน้นั เมื่อนาหน่วยการเรียนรูไ้ ปจดั กิจกรรม การเรียนรู้ ผลการประเมินการเรียนรู้ของผูเ้ รียนท่ีเป็ นผลงานในรายวิชาน้นั นบั เป็ นผลการประเมิน ความสามารถการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี นดว้ ย หากมีการวางแผนกาหนดหน่วยการเรียนรูข้ องแต่ ละรายวชิ าในแต่ละภาคเรียน ใหม้ ีการกระจายตวั ช้ีวดั ลงทกุ รายวชิ า ในสดั ส่วนทเี่ พยี งพอ และมีผลงานปรากฏชดั เจน เป็ นตวั แทนความสามารถในการประเมินการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียน ไดต้ ามเกณฑก์ ารประเมินท่ีสถานศึกษากาหนด แลว้ นาผลการประเมินท้งั 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ไปสรุปในภาพรวม เป็นผลการประเมินความสามารถการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี นรายภาค โดยกาหนดเกณฑก์ ารตดั สินเป็น 4 ระดบั คอื ดีเยยี่ ม ดี ผา่ น ไม่ผา่ น ตดั สินโดยใชค้ ่าสถิตทิ เ่ี หมาะสม เช่น ฐานนิยม (Mode) หรือคา่ เฉลี่ย (Mean) ท่ีปัดทศนิยมแลว้ และผเู้ รียนจะตอ้ งไดร้ ะดบั คุณภาพ ผา่ นข้ึนไป จงึ จะถือวา่ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน

4 สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนนาแกพทิ ยาคม ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษา ข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 มุ่งใหผ้ ูเ้ รียนเกิดสมรรถนะสาคญั 5 ประการ ดงั น้ี 1. ความสามารถในการส่ือสาร เป็ นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวฒั นธรรม ในการใชภ้ าษาถ่ายทอดความคดิ ความรู้ความเขา้ ใจ ความรูส้ ึก และทศั นะของตนเองเพอ่ื แลกเปลี่ยน ขอ้ มูลข่าวสารและประสบการณ์อนั จะเป็ นประโยชนต์ ่อการพฒั นาตนเองและสงั คม รวมท้งั การเจรจา ตอ่ รองเพอ่ื ขจดั และลดปัญหาความขดั แยง้ ตา่ ง ๆ การเลือกรบั หรือไม่รับขอ้ มูลขา่ วสารดว้ ยหลกั เหตผุ ล และความถูกตอ้ ง ตลอดจนการเลือกใชว้ ธิ ีการสื่อสาร ทมี่ ีประสิทธิภาพโดยคานึงถึงผลกระทบท่มี ี ตอ่ ตนเองและสงั คม ตวั ช้ีวดั ที่ 1 ใชภ้ าษาถ่ายทอดความรู้ ความเขา้ ใจ ความคิด ความรูส้ ึกและทศั นะ ของตนเองดว้ ยการพดู และการเขยี น ตวั ช้ีวดั ที่ 2 พดู เจรจาตอ่ รอง ตวั ช้ีวดั ที่ 3 เลือกรบั หรือไม่รับขอ้ มูลขา่ วสาร ตวั ช้ีวดั ที่ 4 เลือกใชว้ ธิ ีการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ เป็นความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ การคิดสงั เคราะห์ การคิดอยา่ งสร้างสรรค์ การคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณ และการคิดเป็ นระบบ เพอ่ื นาไปสู่การสร้าง องคค์ วามรูห้ รือสารสนเทศเพอ่ื การตดั สินใจเกี่ยวกบั ตนเองและสงั คมไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ตวั ช้ีวดั ท่ี 1 คิดพ้นื ฐาน (การคดิ วเิ คราะห์) ตวั ช้ีวดั ที่ 2 คดิ ข้นั สูง (การคิดสงั เคราะห์ คิดสร้างสรรค์ คิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณ) 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา เป็นความสามารถในการแกป้ ัญหาและอุปสรรค ต่าง ๆ ทเ่ี ผชิญไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสมบนพ้นื ฐานของหลกั เหตผุ ล คุณธรรมและขอ้ มลู สารสนเทศ เขา้ ใจความสมั พนั ธแ์ ละการเปล่ียนแปลงของเหตุการณ์ตา่ ง ๆ ในสงั คม แสวงหาความรู้ ประยกุ ต์ ความรู้มาใชใ้ นการป้องกนั และแกไ้ ขปัญหา และมีการตดั สินใจทม่ี ีประสิทธิภาพโดยคานึงถึง ผลกระทบที่เกิดข้นึ ตอ่ ตนเอง สงั คมและส่ิงแวดลอ้ ม ตวั ช้ีวดั ท่ี 1 ใชก้ ระบวนการแกป้ ัญหาโดยวิเคราะหป์ ัญหา วางแผน ในการแกป้ ัญหา ดาเนินการแกป้ ัญหา ตรวจสอบและสรุปผล ตวั ช้ีวดั ที่ 2 ผลลพั ธท์ ่ีเกิดจากการแกป้ ัญหา

5 4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ เป็นความสามารถในการนากระบวนการต่าง ๆ ไปใชใ้ นการดาเนินชีวติ ประจาวนั การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง การเรียนรู้อยา่ งตอ่ เน่ือง การทางาน การอยู่ ร่วมกนั ในสงั คมดว้ ยการสร้างเสริมความสมั พนั ธอ์ นั ดีระหวา่ งบุคคล การจดั การปัญหา และความขดั แยง้ ตา่ ง ๆ อยา่ งเหมาะสม การปรับตวั ใหท้ นั กบั การเปลี่ยนแปลงของสงั คม และสภาพแวดลอ้ ม การรูจ้ กั หลีกเลี่ยงพฤติกรรมไม่พงึ ประสงคท์ สี่ ่งผลกระทบต่อตนเองและผอู้ ื่น ตวั ช้ีวดั ที่ 1 นากระบวนการทีห่ ลากหลายไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ตวั ช้ีวดั ที่ 2 เรียนรูด้ ว้ ยตนเองและเรียนรู้อยา่ งตอ่ เนื่อง ตวั ช้ีวดั ที่ 3 ทางานและอยรู่ ่วมกนั ในสงั คมอยา่ งมคี วามสุข ตวั ช้ีวดั ท่ี 4 จดั การกบั ปัญหาและความขดั แยง้ ในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ได้ อยา่ งเหมาะสม ตวั ช้ีวดั ท่ี 5 ปรบั ตวั ใหท้ นั กบั การเปล่ียนแปลงของสงั คมและสภาพแวดลอ้ ม ตวั ช้ีวดั ท่ี 6 หลีกเล่ียงพฤติกรรมไม่พงึ ประสงคท์ ีส่ ่งผลกระทบตอ่ ตนเองและผอู้ ่ืน 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี เป็ นความสามารถในการเลือก และใช้ เทคโนโลยดี า้ นตา่ ง ๆ และมีทกั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพอ่ื การพฒั นาตนเองและสงั คม ในดา้ นการเรียนรู้ การส่ือสาร การทางาน การแกป้ ัญหาอยา่ งสร้างสรรค์ ถูกตอ้ ง เหมาะสม และมีคุณธรรม ตวั ช้ีวดั ท่ี 1 เลือกและใชเ้ ทคโนโลยเี พอื่ พฒั นาตนเองและสงั คม ตวั ช้ีวดั ท่ี 2 มีทกั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยี การประเมนิ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียนเป็นเป้าหมายการเรียนรู้อนั เป็ นตวั แทนของตวั ช้ีวดั / มาตรฐานการเรียนรูท้ ก่ี าหนดในการพฒั นาผเู้ รียน ครูจงึ ควรออกแบบภาระงานการประเมินผล การเรียนรู้ เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนเกิดการพฒั นาตามตวั ช้ีวดั /มาตรฐานการเรียนรู้ โดยการจดั ประสบการณ์ ใหผ้ ูเ้ รียนไดเ้ ป็นผลู้ งมือปฏบิ ตั แิ ละสร้างความรูแ้ ละมีการใหข้ อ้ มูลยอ้ นกลบั เพอ่ื ใหส้ ามารถพฒั นา ผเู้ รียนใหบ้ รรลุผลตามตวั ช้ีวดั และมาตรฐานการเรียนรู้ ดงั น้นั การประเมินสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน จึงควรใชว้ ิธีการประเมินทเ่ี นน้ การปฏิบตั ิ และบรู ณาการอยใู่ นกระบวนการเรียนการสอน แลว้ ไม่ควรแยกประเมินตา่ งหากอีก โรงเรียนนาแกพทิ ยาคมจึงใหค้ รูทุกกลุ่มสาระการเรียนรู/้ รายวชิ า ใชเ้ กณฑ์ การประเมินจากคู่มือประเมินสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียนระดบั การศึกษาข้นั พ้นื ฐาน ตามหลกั สูตร แกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 3 สาหรับระดบั มธั ยมศกึ ษา

6 ตอนตน้ และช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 6 สาหรับระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ของสานกั ทดสอบ ทางการศกึ ษา (2555: 3 – 73) เป็นแนวทางในการประเมิน โดยกาหนดเกณฑก์ ารตดั สินเป็น 4 ระดบั คอื ดีเยย่ี ม ดี ผา่ น ไม่ผา่ น ซ่ึงตดั สินโดยใชค้ ่าสถิติท่เี หมาะสม เช่น ฐานนิยม (Mode) หรือค่าเฉลี่ย (Mean) ท่ปี ัดทศนิยมแลว้ และผเู้ รียนจะตอ้ งไดร้ ะดบั คุณภาพผา่ นข้นึ ไป จึงจะถือวา่ ผา่ นเกณฑ์ การประเมิน คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ โรงเรียนนาแกพทิ ยาคมไดก้ าหนดคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคต์ ามทหี่ ลกั สูตร แกนกลางการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 กาหนด ซ่ึงมีอยู่ 8 คุณลกั ษณะ ไดแ้ ก่ 1. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ 2. ซ่ือสตั ยส์ ุจริต 3. มีวนิ ยั 4. ใฝ่เรียนรู้ 5. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง 6. มุ่งมนั่ ในการทางาน 7. รักความเป็นไทย 8. มีจติ สาธารณะ การประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ การประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ไม่ใชเ้ ป็ นส่วนหน่ึงของสดั ส่วนการให้ คะแนนระหวา่ งเรียนกบั ปลายภาค เพราะในตวั ช้ีวดั ช้นั ปี ระบุคุณลกั ษณะท่ตี อ้ งการอยแู่ ลว้ สาหรับคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 8 ประการน้ี เป็นเป้าหมายการพฒั นาท่ตี ดั สินและรายงาน แยกเฉพาะ แตพ่ ฤตกิ รรมท่ีผเู้ รียนแสดงออกถึงคณุ ลกั ษณะต่าง ๆ ทเ่ี กิดข้นึ ขณะจดั กิจกรรมการเรียนรู้ กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน กิจกรรม/โครงการต่าง ๆ และในกิจวตั รประจาวนั ของผเู้ รียนน้นั ครูสามารถ ประเมินดว้ ยการสงั เกตแลว้ บนั ทึกไวแ้ ละรายงานผลเฉพาะ ไม่รวมอยใู่ นการตดั สินรายวชิ าตาม กลุ่มสาระการเรียนรู้ ส่วนหลกั ฐาน/ร่องรอยการแสดงออกถึงคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ สามารถเป็ น แหล่งท่ีมาที่เดียวกนั กบั การประเมินในรายวชิ าแตไ่ ม่ใช่ส่วนหน่ึงของคะแนนในรายวชิ า โรงเรียนนาแกพทิ ยาคมใหค้ รูทปี่ ฏบิ ตั กิ ารสอนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชา ไดม้ ีส่วนร่วมในการพฒั นาผเู้ รียนใหม้ ีคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคท์ ้งั 8 คุณลกั ษณะ โดยมอบหมาย ใหค้ รูที่ปฏิบตั กิ ารสอนในแตล่ ะกลุ่มสาระการเรียนรูเ้ ป็ นผรู้ ับผดิ ชอบ สอดแทรกการพฒั นา

7 คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคใ์ นชว่ั โมงการเรียนการสอน/กิจกรรมโครงการ หรือในโอกาสอื่น ๆ และประเมินโดยใชเ้ กณฑก์ ารประเมินจากเอกสารประกอบหลกั สูตร แนวทางการพฒั นาการวดั และประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคต์ ามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (สานกั วชิ าการและมาตรฐานการศึกษา, 2553ข: 5 – 49) เป็นแนวทางในการประเมิน โดยกาหนดเกณฑก์ ารตดั สินเป็น 4 ระดบั คือ ดีเยย่ี ม ดี ผา่ น ไม่ผา่ น ซ่ึงตดั สินโดยใชค้ ่าสถิติ ทเี่ หมาะสม เช่น ฐานนิยม (Mode) หรือค่าเฉลี่ย (Mean) ที่ปัดทศนิยมแลว้ และผเู้ รียนจะตอ้ งได้ ระดบั คุณภาพผา่ นข้ึนไป จงึ จะถือวา่ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนนาแกพทิ ยาคม กล่มุ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ตามหลกั สูตร แกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนนาแกพทิ ยาคม ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ไดก้ าหนดสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ รวมท้งั คุณภาพผเู้ รียนเมื่อจบ ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรูค้ ณิตศาสตร์ ทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ดงั น้ี สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระท่ี 1 จานวนและการดาเนินการ มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจถึงความหลากหลายของการแสดงจานวนและการใช้ จานวนในชีวติ จริง มาตรฐาน ค 1.2 เขา้ ใจถึงผลท่เี กิดข้นึ จากการดาเนินการของจานวน และความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งการดาเนินการต่าง ๆ และใชก้ ารดาเนินการในการแกป้ ัญหา มาตรฐาน ค 1.3 ใชก้ ารประมาณค่าในการคานวณและแกป้ ัญหา มาตรฐาน ค 1.4 เขา้ ใจระบบจานวนและนาสมบตั เิ ก่ียวกบั จานวนไปใช้ สาระที่ 2 การวดั มาตรฐาน ค 2.1 เขา้ ใจพ้นื ฐานเก่ียวกบั การวดั วดั และคาดคะเนขนาด ของส่ิงท่ีตอ้ งการวดั มาตรฐาน ค 2.2 แกป้ ัญหาเกี่ยวกบั การวดั สาระที่ 3 เรขาคณิต มาตรฐาน ค 3.1 อธิบายและวเิ คราะหร์ ูปเรขาคณิตสองมิตแิ ละสามมิติ มาตรฐาน ค 3.2 ใชก้ ารนึกภาพ (visualization) ใชเ้ หตุผลเกี่ยวกบั ปริภูมิ (spatial reasoning) และใชแ้ บบจาลองทางเรขาคณิต (geometric model) ในการแกป้ ัญหา

8 สาระที่ 4 พชี คณิต มาตรฐาน ค 4.1 เขา้ ใจและวเิ คราะหแ์ บบรูป (pattern) ความสมั พนั ธ์ และฟังกช์ นั มาตรฐาน ค 4.2 ใชน้ ิพจน์ สมการ อสมการ กราฟ และตวั แบบ เชิงคณิตศาสตร์ (mathematical model) อื่น ๆ แทนสถานการณ์ต่าง ๆ ตลอดจนแปลความหมาย และนาไปใชแ้ กป้ ัญหา สาระท่ี 5 การวเิ คราะห์ขอ้ มูลและความน่าจะเป็น มาตรฐาน ค 5.1 เขา้ ใจและใชว้ ธิ ีการทางสถิตใิ นการวเิ คราะหข์ อ้ มูล มาตรฐาน ค 5.2 ใชว้ ธิ ีการทางสถิติและความรูเ้ กี่ยวกบั ความน่าจะเป็ น ในการคาดการณ์ไดอ้ ยา่ งสมเหตุสมผล มาตรฐาน ค 5.3 ใชค้ วามรู้เก่ียวกบั สถิตแิ ละความน่าจะเป็ นช่วยใน การตดั สินใจและแกป้ ัญหา สาระที่ 6 ทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ มาตรฐาน ค 6.1 มีความสามารถในการแกป้ ัญหา การใหเ้ หตผุ ล การส่ือสาร การส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ และการนาเสนอ การเชื่อมโยงความรู้ตา่ ง ๆ ทางคณิตศาสตร์ และเช่ือมโยงคณิตศาสตร์กบั ศาสตร์อ่ืน ๆ และมีความคดิ ริเริ่มสร้างสรรค์ คุณภาพผู้เรียนเมือ่ จบช้ันมัธยมศึกษาปี ท่ี 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ คุณภาพผเู้ รียนเมื่อจบช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 6 ท่ีหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ไดก้ าหนดไว้ ดงั รายละเอียดตอ่ ไปน้ี – มีความคดิ รวบยอดเก่ียวกบั ระบบจานวนจริง ค่าสมั บรู ณ์ของจานวนจริง จานวนจริงทอี่ ยใู่ นรูปกรณฑ์ และจานวนจริงที่อยใู่ นรูปเลขยกกาลงั ทีม่ ีเลขช้ีกาลงั เป็ นจานวนตรรกยะ หาค่าประมาณของจานวนจริงทอ่ี ยใู่ นรูปกรณฑ์ และจานวนจริงทอี่ ยใู่ นรูปเลขยกกาลงั โดยใชว้ ธิ ีการ คานวณทเี่ หมาะสมและสามารถนาสมบตั ขิ องจานวนจริงไปใชไ้ ด้ – นาความรูเ้ ร่ืองอตั ราส่วนตรีโกณมิตไิ ปใชค้ าดคะเนระยะทาง ความสูง และแกป้ ัญหาเกี่ยวกบั การวดั ได้

9 – มีความคดิ รวบยอดในเรื่องเซต การดาเนินการของเซต และใชค้ วามรู้เกี่ยวกบั แผนภาพเวนน์–ออยเลอร์แสดงเซตไปใชแ้ กป้ ัญหา และตรวจสอบความสมเหตสุ มผล ของการใหเ้ หตุผล – เขา้ ใจและสามารถใชก้ ารใหเ้ หตุผลแบบอุปนยั และนิรนยั ได้ – มีความคิดรวบยอดเกี่ยวกบั ความสมั พนั ธแ์ ละฟังกช์ นั สามารถใชค้ วามสมั พนั ธ์ และฟังกช์ นั แกป้ ัญหาในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ได้ – เขา้ ใจความหมายของลาดบั เลขคณิต ลาดบั เรขาคณิต และสามารถหาพจน์ทว่ั ไปได้ เขา้ ใจความหมายของผลบวกของ n พจน์แรกของอนุกรมเลขคณิต อนุกรมเรขาคณิต และหาผลบวก n พจน์แรกของอนุกรมเลขคณิต และอนุกรมเรขาคณิตโดยใชส้ ูตรและนาไปใชไ้ ด้ – รู้และเขา้ ใจการแกส้ มการ และอสมการตวั แปรเดียวดีกรีไม่เกินสอง รวมท้งั ใช้ กราฟของสมการ อสมการ หรือฟังกช์ นั ในการแกป้ ัญหา – เขา้ ใจวธิ ีการสารวจความคดิ เห็นอยา่ งงา่ ย เลือกใชค้ า่ กลางไดเ้ หมาะสมกบั ขอ้ มลู และวตั ถุประสงค์ สามารถหาคา่ เฉล่ียเลขคณิต มธั ยฐาน ฐานนิยม ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน และเปอร์เซ็นไทลข์ องขอ้ มลู วเิ คราะห์ขอ้ มูล และนาผลจากการวเิ คราะห์ขอ้ มูลไปช่วยในการตดั สินใจ – เขา้ ใจเก่ียวกบั การทดลองสุ่ม เหตุการณ์ และความน่าจะเป็นของเหตกุ ารณ์ สามารถใชค้ วามรู้เกี่ยวกบั ความน่าจะเป็นในการคาดการณ์ ประกอบการตดั สินใจ และแกป้ ัญหา ในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ได้ – ใชว้ ธิ ีการทห่ี ลากหลายแกป้ ัญหา ใชค้ วามรู้ ทกั ษะและกระบวนการ ทางคณิตศาสตร์ และเทคโนโลยใี นการแกป้ ัญหาในสถานการณ์ ตา่ ง ๆ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ใหเ้ หตุผล ประกอบการตดั สินใจ และสรุปผลไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ใชภ้ าษาและสญั ลกั ษณ์ทางคณิตศาสตร์ ในการส่ือสาร การส่ือความหมายและการนาเสนอ ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง และชดั เจน เชื่อมโยงความรูต้ า่ ง ๆ ในคณิตศาสตร์ และนาความรู้ หลกั การ กระบวนการทางคณิตศาสตร์ไปเช่ือมโยงกบั ศาสตร์อื่น ๆ และมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ ทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์เป็นความสามารถในการนาความรู้ ทางคณิตศาสตร์ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการเรียนรู้ส่ิงต่าง ๆ หรือแกป้ ัญหาในสถานการณ์ท่ีเก่ียวขอ้ ง กบั ชีวติ ประจาวนั ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ ประกอบดว้ ย 1. ความสามารถในการแกป้ ัญหา เป็ นความสามารถในการประยกุ ตค์ วามรูข้ ้นั ตอน หรือกระบวนการทางคณิตศาสตร์ กลวธิ ีและยทุ ธวธิ ีแกป้ ัญหา และประสบการณ์ทมี่ ีอยไู่ ปใชใ้ น

10 การแกป้ ัญหา ซ่ึงปัญหาทางคณิตศาสตร์มกั เป็นปัญหาทผ่ี เู้ รียนไม่คุน้ เคยมาก่อน และตอ้ งใชก้ ารคดิ ท่ีหลากหลาย เช่น คดิ วเิ คราะห์ คิดเช่ือมโยง คิดเชิงตรรกะ เพอ่ื หาแนวทางและวธิ ีการแกป้ ัญหาทีม่ ี ประสิทธิภาพมากทสี่ ุด 2. ความสามารถในการใหเ้ หตุผล เป็นความสามารถทต่ี อ้ งใชก้ ารคิดวเิ คราะห์ และใชเ้ หตุผลในการหาขอ้ สรุปท่สี มเหตสุ มผลของสถานการณ์ทางคณิตศาสตร์จากขอ้ มลู ท่กี าหนด โดยเหตุผลทใ่ี ชอ้ าจแสดงถึงแนวคดิ เกี่ยวกบั ความรูท้ เ่ี ป็ นขอ้ เทจ็ จริง หลกั การ ขอ้ ความคาดการณ์ หรือขอ้ สนบั สนุนของขอ้ สรุปทไ่ี ดใ้ นสถานการณ์น้นั ๆ 3. ความสามารถในการสื่อสาร การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ และการนาเสนอ เป็นความสามารถในการพดู และการเขยี น การใชค้ าศพั ท์ สญั ลกั ษณ์ ตวั แปร ตาราง กราฟ รูปภาพ และแบบจาลอง เพอื่ แสดงแนวคิดหรืออธิบายแนวคิดของตนเองใหผ้ อู้ ื่นไดร้ บั รู้ โดยใชภ้ าษา และสญั ลกั ษณ์ทางคณิตศาสตร์ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง มคี วามกระชบั ชดั เจน และเหมาะสม 4. ความสามารถในการเช่ือมโยงความรูต้ า่ ง ๆ ทางคณิตศาสตร์ และการเช่ือมโยง คณิตศาสตร์กบั ศาสตร์อื่น ๆ เป็นความสามารถในการนาความรูท้ ีไ่ ดเ้ รียนมาแลว้ มาสร้าง ความสมั พนั ธอ์ ยา่ งเป็นเหตุเป็ นผลกบั ความรู้อ่ืน หรืองานท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การใชค้ วามรูท้ างคณิตศาสตร์ 5. ความสามารถในการคดิ ริเร่ิมสร้างสรรค์ เป็ นกระบวนการคดิ ทีอ่ าศยั ความรู้ พน้ื ฐาน จินตนาการ และวจิ ารณญาณ ในการพฒั นาหรือคดิ คน้ องคค์ วามรูห้ รือส่ิงประดิษฐใ์ หม่ ทม่ี ีคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อตนเองและสงั คม ความคดิ ริเริมสรา้ งสรรคม์ ีหลายระดบั ต้งั แตร่ ะดบั พน้ื ฐานทส่ี ูงกวา่ ความคดิ พ้นื ๆ เพยี งเล็กนอ้ ย ไปจนถึงความคิดที่อยใู่ นระดบั สูงมาก บางคร้ังมากจนไรข้ อบเขตจากดั คนอ่นื คิดไปไม่ถึงจนมองดูเหมือนวา่ เป็ นการเพอ้ ฝัน ความคิดริเริ่ม สรา้ งสรรคใ์ นทางคณิตศาสตร์มกั เป็นความคิดท่ีแปลกใหม่ในการแกป้ ัญหาหรือทางานคณิตศาสตร์ เช่น การคิดหาวธิ ีการแกป้ ัญหาทแ่ี ปลกใหม่

11 คาอธิบายรายวิชาคณติ ศาสตร์เพิ่มเติม ช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี 5 ภาคเรียนที่ 2 วชิ าคณิตศาสตร์เพม่ิ เติม กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 5 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 60 ชว่ั โมง จานวน 1.5 หน่วยการเรียน ศึกษาและฝึกทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์อนั ไดแ้ ก่ การแกป้ ัญหา การใหเ้ หตผุ ล การส่ือสาร การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ และการนาเสนอ การเช่ือมโยงความรูต้ ่าง ๆ ทางคณิตศาสตร์ และเชื่อมโยงคณิตศาสตร์กบั ศาสตร์อื่น ๆ และมีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ ในสาระการเรียนรู้ต่อไปน้ี จานวนเชิงซ้อน การสรา้ งจานวนเชิงซอ้ น สมบตั เิ ชิงพชี คณิตของจานวนเชิงซอ้ น รากที่สอง ของจานวนเชิงซอ้ น กราฟและค่าสมั บรู ณ์ของจานวนเชิงซอ้ น จานวนเชิงซอ้ นในรูปเชิงข้วั รากท่ี n ของจานวนเชิงซอ้ น สมการพหุนาม ทฤษฎีกราฟเบื้องต้น กราฟ ดีกรีของจุดยอด แนวเดิน กราฟออยเลอร์ การประยกุ ตข์ องกราฟ ความน่าจะเป็ น กฎเกณฑเ์ บ้อื งตน้ เกี่ยวกบั การนบั วธิ ีเรียงสบั เปล่ียน วธิ ีจดั หมู่ ทฤษฎีบท ทวนิ าม ความน่าจะเป็ นและกฎที่สาคญั บางประการของความน่าจะเป็ น นอกจากน้ีผเู้ รียนจะไดร้ บั การพฒั นาการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขียน สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยจดั การเรียนรูผ้ า่ นสาระการเรียนรู้ดงั กล่าวขา้ งตน้ ยงั มีการวดั และประเมินผลตามสภาพจริง ผลการเรียนรู้ 1. มีความคดิ รวบยอดเกี่ยวกบั จานวนเชิงซอ้ น เขียนกราฟ และหาค่าสมั บูรณ์ ของจานวนเชิงซอ้ นได้ 2. หารากท่ี n ของจานวนเชิงซอ้ น เมื่อ n เป็นจานวนเตม็ บวก 3. แกส้ มการพหุนามตวั แปรเดียวที่มีสมั ประสิทธ์ิและดีกรีเป็นจานวนเตม็ 4. เขยี นกราฟเมื่อกาหนดจดุ ยอด (vertex) และเสน้ เชื่อม (edge) ใหไ้ ด้ 5. ระบุไดว้ า่ กราฟทก่ี าหนดใหเ้ ป็นกราฟออยเลอร์หรือไม่ 6. นาความรู้เรื่องกราฟไปใชแ้ กป้ ัญหาบางประการได้ 7. แกโ้ จทยป์ ัญหาโดยใชก้ ฎเกณฑเ์ บ้อื งตน้ เก่ียวกบั การนบั วธิ ีเรียงสบั เปล่ียน และวธิ ีจดั หมู่

12 8. นาความรู้เร่ืองทฤษฎีบททวนิ ามไปใชไ้ ด้ 9. หาความน่าจะเป็ นของเหตกุ ารณ์ท่กี าหนดใหไ้ ด้ รวม 9 ผลการเรียนรู้ โครงสร้างรายวชิ าคณติ ศาสตร์เพมิ่ เตมิ ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 5 ภาคเรียนท่ี 2 หน่วย ช่ือหน่วย ผล สาระสาคญั เวลา น้าหนกั ท่ี การเรียนรู้ การเรียนรู้ (ชวั่ โมง) คะแนน 1 จานวนเชิงซอ้ น 1, 2, 3 จานวนเชิงซอ้ น เป็นจานวน 32 36 ในระบบทสี่ ร้างข้ึนใหม่ เพอื่ ใช้ ในการแกป้ ัญหา ในการหาคาตอบ ของสมการพหุนามทกุ สมการได้ และทาใหเ้ กิดความรู้ ทฤษฎีใหม่ ๆ 2 ความน่าจะเป็น 7, 8, 9 ความน่าจะเป็ น เป็นการคาด 26 24 โอกาสที่จะเกิดข้นึ ของเหตุการณ์ ล่วงหนา้ อยา่ งมีหลกั เกณฑ์ เพอื่ ช่วยในการตดั สินใจ หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 1 – 2 58 60 กลางภาคเรียน 1 10 ปลายภาคเรียน 1 30 รวมท้งั ส้ิน 60 100

13 การจัดทาหน่วยการเรียนรู้ เรื่องจานวนเชิงซ้อน จากโครงสรา้ งวชิ าคณิตศาสตร์เพมิ่ เติม ช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 5 ภาคเรียนที่ 2 สามารถจดั ทา หน่วยการเรียนรู้เรื่องจานวนเชิงซอ้ น ตามแนวทางการจดั การเรียนรู้ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษา ข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ดงั รายละเอียดตอ่ ไปน้ี (สานกั วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา, 2553ก: 61 – 105) 1. หน่วยการเรียนรู้ เรื่องจานวนเชิงซอ้ น วิชาคณิตศาสตร์เพมิ่ เติม ช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 5 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 20 ชว่ั โมง 2. ผลการเรียนรู้ 1. มีความคดิ รวบยอดเกี่ยวกบั จานวนเชิงซอ้ น เขียนกราฟ และหาค่าสมั บูรณ์ ของจานวนเชิงซอ้ นได้ 2. หารากที่ n ของจานวนเชิงซอ้ น เม่ือ n เป็นจานวนเตม็ บวกได้ 3. แกส้ มการพหุนามตวั แปรเดียวทมี่ ีสมั ประสิทธ์ิและดีกรีเป็นจานวนเตม็ ได้ 3. สาระสาคญั จานวนเชิงซอ้ น เป็นจานวนในระบบทสี่ ร้างข้นึ ใหม่ เพอื่ ใชใ้ นการแกป้ ัญหา ในการหา คาตอบของสมการพหุนามทุกสมการได้ และทาใหเ้ กิดความรู้ ทฤษฎีใหม่ ๆ 4. สาระการเรียนรู้ 1. การสร้างจานวนเชิงซอ้ น 2. สมบตั เิ ชิงพชี คณิตของจานวนเชิงซอ้ น 3. รากท่สี องของจานวนเชิงซอ้ น 4. กราฟและคา่ สมั บรู ณ์ของจานวนเชิงซอ้ น 5. จานวนเชิงซอ้ นในรูปเชิงข้วั 6. รากท่ี n ของจานวนเชิงซอ้ น 7. สมการพหุนาม 5. ทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ 1. ความสามารถในการแกป้ ัญหา

14 2. ความสามารถในการใหเ้ หตผุ ล 3. ความสามารถในการส่ือสาร การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ และการนาเสนอ 4. ความสามารถในการเช่ือมโยงความรู้ตา่ ง ๆ ทางคณิตศาสตร์และเช่ือมโยงคณิตศาสตร์ กบั ศาสตร์อื่นๆ 5. ความสามารถในการคดิ ริเร่ิมสร้างสรรค์ 6. การอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียน ตวั ช้ีวดั ที่ 1 สามารถอ่านเพอื่ การศกึ ษาคน้ ควา้ เพม่ิ พนู ความรู้ ประสบการณ์ และการประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาวนั ตวั ช้ีวดั ที่ 2 สามารถจบั ประเด็นสาคญั ลาดบั เหตุการณ์จากการอ่านส่ือทม่ี ีความซบั ซอ้ น ตวั ช้ีวดั ท่ี 3 สามารถวเิ คราะห์สิ่งที่ผเู้ ขียนตอ้ งการส่ือสารกบั ผอู้ ่าน และสามารถวพิ ากษ์ ใหข้ อ้ เสนอแนะในแง่มุมตา่ ง ๆ ตวั ช้ีวดั ท่ี 4 สามารถประเมินความน่าเช่ือถือ คุณคา่ แนวคิดท่ีไดจ้ ากส่ิงทีอ่ ่าน อยา่ งหลากหลาย ตวั ช้ีวดั ที่ 5 สามารถเขียนแสดงความคดิ เห็น โตแ้ ยง้ สรุป โดยมีขอ้ มูลอธิบายสนบั สนุน อยา่ งเพยี งพอและสมเหตุสมผล 7. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน สมรรถนะที่ 1 ความสามารถในการสื่อสาร สมรรถนะท่ี 2 ความสามารถในการคิด สมรรถนะที่ 3 ความสามารถในการแกป้ ัญหา สมรรถนะท่ี 4 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต สมรรถนะท่ี 5 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ขอ้ ท่ี 2 ซ่ือสตั ยส์ ุจริต ขอ้ ท่ี 3 มีวนิ ยั ขอ้ ที่ 4 ใฝ่เรียนรู้ ขอ้ ที่ 5 อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง ขอ้ ที่ 6 มุ่งมน่ั ในการทางาน ขอ้ ที่ 7 รกั ความเป็นไทย ขอ้ ที่ 8 มีจติ สาธารณะ

15 (สาหรบั คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ อ้ ท่ี 1 รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ จะไม่มีการประเมิน ในเน้ือหาน้ี แต่จะประเมินในสปั ดาหท์ ่ี 20 ซ่ึงเป็ นสปั ดาห์สุดทา้ ยของภาคเรียน ตามขอ้ มูลสรุปบนั ทกึ การเขา้ แถวหนา้ เสาธงตอนเชา้ ของนกั เรียนแต่ละคนจากครูท่ีปรึกษา) การประเมินการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียน การประเมินสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน การ ประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เป็นการประเมินเพอื่ มุ่งเนน้ พฒั นาผเู้ รียนใหม้ ีคุณภาพตาม หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ประเมินไดจ้ ากการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ในช้นั เรียน แตจ่ ะไม่ใชเ้ ป็นส่วนหน่ึงของคะแนนในรายวชิ า (โรงเรียนนาแกพทิ ยาคม, 2553: 299 – 302) จากที่กล่าวมาแลว้ ขา้ งตน้ จงึ กาหนดแผนการวดั และประเมินผลในแต่ละแผนการจดั การเรียนรู้ หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 1 เร่ืองจานวนเชิงซ้อน และตารางวเิ คราะห์จานวนขอ้ สอบ ในแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิ เร่ืองจานวนเชิงซ้อน วชิ าคณิตศาสตร์เพมิ่ เติม ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 5 โดยไดจ้ าแนกพฤติกรรมดา้ นสติปัญญา (Cognitive Domain) ตามแนวทางของ เจมส์ ดบั บวิ วลิ สัน (Wilson) ที่พงึ ประสงคว์ ชิ าคณิตศาสตร์ช้นั มธั ยมศกึ ษา โดยแบง่ ออกเป็ น 4 ข้นั คือ (อนนั ต์ จนั ทร์กว,ี 2549: 296 – 319) 1. ความรูค้ วามจาเกี่ยวกบั การคิดคานวณ (Computation) เป็นความสามารถในการระลึกถึง สิ่งท่ีไดเ้ รียนมาแลว้ ท้งั ในดา้ นขอ้ เทจ็ จริง ศพั ท์ นิยาม ตลอดจนความสามารถในการดาเนินการคิด โจทยป์ ัญหาอยา่ งง่าย ๆ ไม่ยงุ่ ยากซบั ซอ้ น ไม่ตอ้ งอาศยั การตดั สินใจ ท้งั น้ีรวมถึงโจทยป์ ัญหา ที่เหมือนกบั ตวั อยา่ งหรือแบบฝึกหดั ทเ่ี คยทามาแลว้ 2. ความเขา้ ใจ (Comprehension) เป็นความสามารถในการนาความรูท้ ีไ่ ดเ้ รียนมาแลว้ มา สมั พนั ธก์ บั โจทยห์ รือปัญหาใหม่ ตลอดจนความสามารถในการตีความ แปลความและขยายความได้ 3. การนาไปใช้ (Application) เป็ นความสามารถในการแกป้ ัญหาต่าง ๆ ทค่ี ลา้ ยคลึงกบั ทเี่ คยเรียนมาแลว้ นน่ั คือผเู้ รียนจะตอ้ งผสมผสานความรูค้ วามสามารถจากดา้ นความรู้ – ความจา และความเขา้ ใจในการนามาใชแ้ กโ้ จทยป์ ัญหาซ่ึงจะมีหลายข้นั ตอนในการจดั กระทาเพอ่ื ใหไ้ ด้ คาตอบออกมา ดงั น้นั จึงมีความจาเป็นตอ้ งมีการเลือกการตดั สินใจวา่ จะทาข้นั ตอนใด ก่อน – หลงั 4. การวเิ คราะห์ (Analysis) พฤตกิ รรมดา้ นน้ีถือวา่ เป็ นพฤตกิ รรมข้นั สูงสุดดา้ นความรู้ ความคดิ ผเู้ รียนจะตอบปัญหาท่ีวดั พฤตกิ รรมดา้ นน้ีไดต้ อ้ งมีความสามารถในระดบั สูง โจทยป์ ัญหา จะมีลกั ษณะซบั ซอ้ น พลิกแพลง ซ่ึงผเู้ รียนไม่เคยลองฝึกทามาก่อน แต่ท้งั น้ีมิไดห้ มายความวา่ โจทย์

16 ปัญหาน้นั จะอยนู่ อกขอบขา่ ยเน้ือหาวชิ าท่ีเคยเรียนมา ดงั น้นั การแกโ้ จทยป์ ัญหาทีว่ ดั พฤตกิ รรม ในดา้ นน้ีจงึ ครอบคลุมความรูค้ วามสามารถในสามดา้ นทีก่ ล่าวมาแลว้ (ความรูค้ วามจาเก่ียวกบั การคดิ คานวณ ความเขา้ ใจ การนาไปใช)้ รวมท้งั การมีความคิดริเร่ิมสร้างสรรคเ์ พอ่ื สามารถคน้ พบ วธิ ีการหรือแนวทางในการแกโ้ จทยป์ ัญหาน้นั ๆ ได้ โดยใชเ้ กณฑก์ ารประเมินตามแนวทางของเอกสาร ดงั ตอ่ ไปน้ี การประเมิน เอกสาร ทกั ษะและ - การวดั ผลประเมินผลคณิตศาสตร์ กระบวนการ ทางคณิตศาสตร์ การอ่านคิดวเิ คราะห์ - แนวปฏบิ ตั ิการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ตามหลกั สูตรแกนกลาง และเขยี น การศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 - แนวทางการพฒั นาและประเมินการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี น ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 สมรรถนะสาคญั - แนวปฏบิ ตั ิการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ตามหลกั สูตรแกนกลาง ของผเู้ รียน การศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 - คู่มือประเมินสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียนระดบั การศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 6 คุณลกั ษณะ - แนวปฏบิ ตั ิการวดั และประเมินผลการเรียนรูต้ ามหลกั สูตรแกนกลาง อนั พงึ ประสงค์ การศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 - แนวทางการพฒั นา การวดั และประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook