Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงสร้างของดอก

โครงสร้างของดอก

Published by finchaloemwut, 2021-03-13 08:40:30

Description: โครงสร้างของดอก

Search

Read the Text Version

โครงสร้างของดอก Structure of Flower By Natthida Manujam 63120623101 (Biology)

คานา หนงั สือเล่มน้ีจดั ทาข้ึนเพ่ือสรุปเน้ือหา เรื่อง โครงสร้างของดอก ในวิชา ชีววิทยา ระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาตอนปลาย โดยมีจุดประสงค์เพื่ออธิบายเก่ียวกบั โครงสร้าง องคป์ ระกอบ และหนา้ ที่ของดอก ซ่ึงมีเน้ือหาครอบคลุมตามหลกั สูตร แกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง 2560) ณฐั ธิดา มานุจา ผจู้ ดั ทา

สารบัญ เร่ือง หน้า กลีบเล้ียง.................................................................3 กลีบดอก.................................................................4 เกสรเพศผ.ู้ ..............................................................5 เกสรเพศเมีย...........................................................7 บรรณานุกรม.........................................................9

ดอก (Flower) คือ ส่วนของพชื ที่เปลี่ยนแปลงไปมีลกั ษณะพเิ ศษ เพือ่ ทาหนา้ ท่ีเก่ียวกบั การ สืบพนั ธุ์ ดอกเกิดจากตาดอก (Flowering bud) ดอกไมแ้ ต่ละชนิดมีความแตกต่างกนั แต่มีโครงสร้าง พ้ืนฐานท่ีคลา้ ยกนั https://www.google.com/ www.lotus.rmutt.ac.th https://www.google.com/search 1

โครงสร้างของดอก ดอกไมป้ ระกอบดว้ ยส่วนต่าง ๆ 4 ส่วน โดยแตล่ ะส่วนจะเรียงจากช้นั ท่ีอยนู่ อกสุดเขา้ สู่ ส่วนใน คือ กลีบเล้ียง กลบั ดอก เกสรตวั ผู้ และเกสรตวั เมีย ตามลาดบั โดยส่วนประกอบท้งั 4 น้ี จะอยบู่ นฐานรองดอก ซ่ึงจะอยปู่ ลายสุดของกา้ นชูดอกอีกที 1.กลีบเล้ียง (Sepal) 2.กลีบดอก (Petal) 3.เกสรตวั ผู้ (Stamen) 4.เกสรตวั เมีย (Pistil) https://www.google.com/search 2

กกลลบีบี เลเลยี้ ยี้งง(S(eSpeapl)al) 3 เป็นส่วนของดอกที่อยนู่ อกสุด มีสีเขียว https://pixabay.com/th/photos เหมือนใบ และทาหนา้ ท่ีสงั เคราะห์ดว้ ยแสงได้ กลีบเล้ียงทาหนา้ ท่ีห่อหุม้ และป้องกนั อนั ตราย ใหแ้ ก่ส่วนของดอกท่ีอยภู่ ายใน เม่ือดอกบานแลว้ ส่วนของกลีบเล้ียงอาจหมดหนา้ ที่แลว้ หลุดร่วงไป วงของกลีบเล้ียงเรียกวา่ แคลิกซ์ (calyx) ในพืชดอกบางชนิด กลีบเล้ียงอาจมีสีสนั สดใส และทาหนา้ ท่ีล่อแมลงใหม้ าผสมเกสรได้ เช่นเดียวกบั กลีบดอก บางคร้ัง บริเวณใตก้ ลีบ เล้ียงมีกลีบสีเขียวขนาดเลก็ เรียงตวั เป็นวงอยดู่ ว้ ย เรียกวา่ ริ้วประดบั (epicalyx) เช่น ในดอกชบา และพรู่ ะหง

4 กลกีบลดีบอดกอ(กPe(taPle)tal) เป็นส่วนที่อยถู่ ดั จากกลีบเล้ียงเขา้ มากลีบ ดอกมกั มีสีสันสวยงามเน่ืองจากมีรงควตั ถุ กลีบ ดอกบางชนิดสามารถเปลี่ยนสีได้ เช่นดอกพดุ ตาน บางชนิดมีกล่ินหอมเน่ืองจากมีต่อมกลิ่นอยดู่ ว้ ยและ ท่ีโคนกลีบดอกมกั มีต่อมน้าหวาน ช่วยในการลอ่ แมลง (อา่ นเพม่ิ เติม: ดอกไมท้ าไมจึงหอม) วงกลีบ ดอกเรียกวา่ คอโรลา (corolla) ถา้ หากกลีบเล้ียงและ กลีบดอกเหมือนกนั จนแยกไม่ออกจะเรียกรวมกนั วา่ วงกลีบรวม (perianth) ไดแ้ ก่ จาปี จาปา บวั หลวง ทิวลิป เป็นตน้

เกสรตวั ผู้ (Stamen) https://www.google.com/ เป็นส่วนที่จาเป็นต่อการสืบพนั ธุ์ ทาหนา้ ที่สร้างเซลลส์ ืบพนั ธุ์เพศผู้ เกสรตวั ผู้ มกั มีหลายอนั และเรียงตวั เป็นวงเรียกวา่ แอนดรีเซียม (androecium)เกสรตวั ผสู้ ่วน ใหญ่แยกกนั เป็นอนั ๆ แต่บางชนิดอาจติดกนั หรืออาจติดส่วนอ่ืนของดอก เช่น เกสรตวั ผู้ เช่ือมติดกบั กลีบดอก พบในดอกเขม็ ดอก ลาโพง หรือเกสรตวั ผตู้ ิดกบั เกสรตวั เมีย พบ ในดอกรัก ดอกเทียน เกสรตวั ผแู้ ตล่ ะอนั ประกอบดว้ ย 2 ส่วน 5

ก้านชูเกสรตัวผู้ (filament) https://www.google.com/ เป็นส่วนท่ีมีลกั ษณะเป็นเสน้ อาจ เกสรตวั ผู้ (Stamen) รวมกนั เป็นกลุ่มหรือแยกกนั อาจยาวหรือส้นั ซ่ึงกแ็ ลว้ แต่ชนิดของพืช ทาหนา้ ท่ีชูอกั เกสร 6 ตวั ผหู้ รืออบั เรณู อบั เกสรตวั ผู้ (anther) มีลกั ษณะเป็นแท่งกลมยาวหรือค่อนขา้ งกลม 2 พู ภายในแบ่งเป็นถุงเลก็ ๆ 4 ถุง เรียกวา่ ถุงเรณู (pollen sac) บรรจุละอองเรณู (pollen grain) จานวนมากมีลกั ษณะเป็นเมด็ เลก็ ๆ สีเหลืองๆ ผวิ ของละอองเรณูแต่ละชนิดจะแตกต่างกนั ละอองเรณูทาหนา้ ที่ เป็นเซลลส์ ืบพนั ธุเพศผู้ เม่ือดอกเจริญ เตม็ ที่แลว้ ถุงละอองเรณูจะแตกออก ละอองเรณูกจ็ ะปลิว ออกมา เกสรตวั ผใู้ นพชื แต่ละชนิดมีจานวนมากนอ้ ยไม่เท่ากนั ในพชื โบราณหรือพชื ช้นั ต่าเกสรตวั ผมู้ กั มีจานวนมาก ส่วน พืชที่มีววิ ฒั นาการสูงจานวนเกสรตวั ผจู้ ะลดนอ้ ยลง

เกสรตวั เมีย (pistil) 7 ยอดเกสรตวั เมีย (stigma) เป็นช้นั ท่ีอยใู่ นสุดเปลี่ยนแปลงมา จากใบเพื่อทาหนา้ ท่ีสร้างเซลลส์ ืบพนั ธุ์เพศ กา้ นชูเกสรตวั เมีย (style) เมีย จึงเป็นอวยั วะสาคญั ตอ่ การสืบพนั ธุ์ ใน รังไข่ (ovary) หน่ึงดอกเกสรตวั เมียอาจมีอนั เดียวหรือ หลายอนั เรียงตวั เป็นวงของเกสรตวั เมีย เรียกวา่ จิเนเซียม (gynaecium) https://www.google.com/

ยอดเกสรตวั เมีย (stigma) 8 เป็นส่วนที่พองออกมีลกั ษณะเป็น ตุม่ แผแ่ บนเป็นแฉก เป็นพแู ละมี รังไข่ (ovary) น้าเหนียวๆ หรือขนคอยจบั ละออง เป็นส่วนที่พองออกมาลกั ษณะเป็นกระเปาะ เรณูท่ีลอยมาติด ยดึ กบั ฐานรองดอกหรืออาจฝังอยใู่ นฐานรอง ดอกภายในมีลกั ษณะเป็นหอ้ งๆ เรียกวา่ โล กา้ นชูเกสรตวั เมีย (style) คุล (locule) ซ่ึงภายในมีออวลุ (ovule) บรรจุ เป็นส่วนท่ีมีลกั ษณะเป็นเส้น อยแู่ ต่ละหน่วยของเกสรตวั เมียที่มีโลคุลที่ หรือกา้ นเลก็ ๆ อาจยาวหรือส้ัน ห่อหุม้ ไข่ไวภ้ ายในเรียกวา่ คาร์เพล (carpel) เช่ือมตอ่ จากยอดเกสรตวั เมียลง ใน 1 โลคุล อาจมี 1 คาร์เพล หรือหลายคาร์ สู่รังไข่ เป็นทางใหส้ เปิ ร์ม เพลกไ็ ดแ้ ลว้ แต่ชนิดของดอกไม้ เมื่อเกิดการ ปฏิสนธิแลว้ รังไข่จะเจริญเป็นผล ส่วนออวลุ นิวเคลียสเขา้ ผสมกบั ไข่ เจริ ญเป็ นเมลด็

บรรณานุกรม National Geographic (2018). การสืบพนั ธุ์ของพชื ดอก : โครงสร้างของดอกไม.้ คน้ วนั ท่ี 24 กมุ ภาพนั ธ์ 2564. จาก https://ngthai.com/science/15396/flowerstructure/ อาภรณ์ รับไช (2560). โครงสร้างและหนา้ ที่ของพืชดอก (Plant form and function). คน้ วนั ท่ี 24 กมุ ภาพนั ธ์ 2564. จาก https://www.scimath.org/lesson- biology/item/7031-plant-form-and-function 9

THANK YOU


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook