๑ บทที่ 1 บทนำ ควำมเป็นมำและควำมสำคญั การแหย่หรือล้อเลียนเด็ก ไม่ได้ทาให้เด็กรู้สึกไม่ดีรู้สึกแย่ไปเสียทุกคร้ัง บางคร้ังการแหย่ทาให้ รู้สึกสนุกท้ังผู้แหย่และผู้ถูกแหย่ เป็นการเล่นด้วยกัน การแหย่ที่มีอารมณ์ขันผสมทาให้เกิดรอยย้ิมหรือ เสียงหัวเราะจากทงั้ คู่ ช่วยให้เด็กไดพ้ ฒั นาทักษะทางสงั คมท่ีจะอยู่ร่วมกับผู้อื่นซ่ึงเราทุกคนจาเป็นต้องใช้ เม่ือเติบโตเป็นวัยรุ่นและเป็นผู้ใหญ่ บางทีการแหย่การล้อเลียนทาให้เกิดผลในทางลบ ทาให้เด็กโกรธ เสียใจ อาย ในการที่ทุกทาท่าทางล้อเลียน หลอก ต้ังสมญานามแปลกๆ ไม่น่าฟัง สะกิด เข่ีย ดึงผล ดึง เสือ้ ผ้า จเี้ อว ดึงโบผูกผม ฯลฯ สิ่งเหล่าน้ีรบกวนเด็ก เด็กไม่ชอบ ถ้าเป็นการกระทาของเด็กโตท่ีต้ังใจจะ รังแก ลอ้ แหย่เด็กทต่ี วั เลก็ กวา่ มีสาเหตุมากมายท่ีทาให้เด็กมีพฤติกรรมเช่นนี้ อาจจะเริ่มตั้งแต่ เด็กอยากเรียกร้องความสนใจ จากเพ่ือน จากครู ถึงแม้ว่าเมื่อทาแล้วจะได้รับความสนใจจากครูในทางลบ เช่น ถูกดุ ถูกลงโทษ เด็กก็ ยังจะทาอีก เพราะเม่ือทาแล้วครูสนใจ สาหรับเด็กบางคนแล้วการได้รับความสนใจจากครูหรือจาก ผู้ปกครองถึงแม้ว่าจะเป็นทางลบก็ยังดีกว่าไม่ได้รับเลย ฉะนั้นพฤติกรรมการล้อการแหย่เพื่อนจาเป็นท่ี จะต้องได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสม เพื่อให้พฤติกรรมหายไป เด็กบางคนชอบแหย่เพ่ือนเพราะ เลยี นแบบจากผอู้ ่ืนซึง่ อาจเปน็ สมาชิกในครอบครัว เช่น พ่อ พี่ หรืออาจจะเลียนแบบมาจากเพ่ือนที่เป็น หัวโจก หรือตนเองจะเคยถูกแหย่มาก่อน เด็กบางคนชอบท่ีจะแหย่เพ่ือนเพราะทาแล้วรู้สึกว่าตนมี อานาจ อยู่เหนอื ผอู้ ื่น การท่ีทาให้อับอายโดยการแหย่หรือเรียกสมญานามแปลกๆ ขบขัน ท่าเลียนแบบ ตลกๆ ทาให้รู้สกึ วา่ ตนเองเก่งท่ีทาให้ผู้อ่ืนเสียใจ อับอายได้ และอีกสาเหตุหน่ึงก็คือการยอมรับจากกลุ่ม เพ่ือนๆ จนทาให้รู้สึกว่าตนเก่ง โก้มาก เป็นจุดเด่นของกลุ่มเพื่อน การเข้าใจผิดถึงความแตกต่างของ มนุษยแ์ ตล่ ะคนทาให้นาไปสกู่ ารแหย่การล้อเลียนได้ เด็กท่ีแตกต่างออกไปลักษณะของเชื้อชาติ สีผิว ตา ช้ันเดียว เต้ีย ใส่แว่นตา รวมไปถึงเด็กอ้วน เด็กอุ้ยอ้าย ซ่ึงเป็นความแตกต่างของแต่ละบุคคลแต่เด็กก็ นามาล้อเลียนกัน สาเหตุสุดท้ายก็คือ การเลียนแบบจากส่ือมวลชน เช่น โทรทัศน์ การขาดความเข้าใจ และการอ่านเลียนแบบทาให้นามาล้อเลียนเพื่อนได้ การแหย่จะกลายเป็นความกดดันเม่ือพฤติกรรม รนุ แรงขนึ้ ในปจั จุบันนกั เรียนวทิ ยาลยั เทคนิคสมุทรสงครามมพี ฤติกรรมท่ีล้อเลียนเพื่อนร่วมช้ันทั้งต่อหน้า ครูและเพอ่ื นร่วมช้ันเป็นการแสดงออกที่กระทาเป็นชีวิตประจาวัน ทาให้นักเรียนท่ีถูกล้อไม่พอใจ มีการ โตเ้ ถียง และพดู จาหยาบคายใส่กัน บางครัง้ ก็มกี ารทะเลาะวิวาท จากสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นผู้ทาวิจัยจึงมี ความสนใจเพื่อที่จะศึกษาพฤติกรรมการล้อเลียนเพื่อนร่วมช้ันของนักเรียนสาขาธุรกิจดอกไม้และงาน ประดิษฐ์ วิทยาลัยเทคนิคสมุทรสงคราม เพื่อเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นและสามารถลด ปัญหาท่ีเกดิ ขึน้ ในชั้นเรยี นได้
๒ คำถำมวิจยั 1. สาเหตุตา่ งๆ ของการล้อเลยี นเพ่อื นรว่ มชนั้ ของนกั เรยี นสาขาวิชาธุรกิจดอกไม้และงานประดิษฐ์ วทิ ยาลัยเทคนคิ สมุทรสงคราม 2. รวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการล้อเลียนเพ่ือนร่วมชั้น เพ่ือหาแนวทางการการแกไข้ปัญหาในการ ล้อเลียนเพ่ือนร่วมช้นั วตั ถปุ ระสงค์กำรวิจัย 1. เพ่ือศึกษาพฤติกรรมการล้อเลียนเพ่ือนร่วมชั้นของนักเรียนสาขาวิชาธุรกิจดอกไม้และงาน ประดิษฐ์ วทิ ยาลยั เทคนิคสมทุ รสงคราม 2. เพอื่ ศึกษาหาสาเหตุของพฤติกรรมการล้อเลียนท่ีเกิดขนึ้ ในช้ันเรียน 3. เพอื่ หาแนวทางการแกไ้ ขปญั หาพฤตกิ รรมการลอ้ เลียนเพอื่ นร่วมชั้นเรียนให้ลดน้อยลง ขอบเขตของกำรวิจัย 1. ขอบเขตด้านเน้ือหา วิชา ศิลปประดิษฐ์ และ วิชา เย็บ ปัก ถัก ตามหลักสูตรประกาศนียบัตร วิชาชีพ (ปวช.) พุทธศักราช 2546 ประเภท วิชาคหกรรม 2. ประชากรของการวิจัยครั้งนี้คือ นักเรียนระดับช้ัน ปวช. 1 และ ปวช. 2 สาขาวิชาธุรกิจ ดอกไมแ้ ละงานประดษิ ฐ์ วิทยาลยั เทคนคิ สมุทรสงคราม ในภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2561 จานวน 25 คน 3. ตัวอย่างคือ นักเรียนระดับชั้น ปวช. 1 และ ปวช. 2 สาขาวิชาธุรกิจดอกไม้และงานประดิษฐ์ วทิ ยาลัยเทคนิคสมทุ รสงคราม ในภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2561 จานวน 25 คน 4. ตวั แปรทศ่ี กึ ษา ไดแ้ ก่ 4.1 ตัวแปรต้น คือ พฤติกรรมการล้อเลียนเพื่อนร่วมช้ันเรียนของนักเรียนระดับช้ัน ปวช. 1 และ ปวช. 2 สาขางานธรุ กิจดอกไม้และงานประดษิ ฐ์ วิทยาลัยเทคนิคสมุทรสงคราม 4.2 ตัวแปรตาม คอื ลดปญั หาการล้อเลยี นเพือ่ นรว่ มชั้นใหล้ ดน้อยลง 5. การวิจัยครัง้ น้ีดาเนินการในภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2561 คำกำจดั ควำมท่ีใช้ในกำรวิจัย ลอ้ เลียน หมายถงึ เอาอยา่ งเพื่อย่วั เยา้ เลน่ เช่น พดู ทาเสยี งล้อเลียนคนติดอ่างหรือคนพูดไม่ชัด แสดงกริ ยิ าเดินขากะเผลกล้อเลียนคนขาเป๋ เป็นการแสดงพฤติกรรมหรือใช้คาพูดเพ่ือยั่วเย้าผู้อ่ืนให้เกิด ความไม่พอใจ สมญานาม หมายถึง นามสมมุต,ิ ฉายา,ฉายานาม
๓ ประโยชน์ท่ีได้รับจำกกำรวิจัย 1. ทราบถงึ สาเหตุของปัญหาการลอ้ เลียนเพอ่ื นรว่ มชัน้ 2. ทราบแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดข้ึน เพ่ือลดพฤติกรรมท่ีไม่เหมาะสมภายในช้ันเรียนและ นอกหอ้ งเรียน
๔ บทท่ี 2 เอกสำรและงำนวิจยั ท่เี ก่ียวข้อง การศกึ ษาเอกสาร และงานวิจยั ท่ีเกยี่ วข้องกบั การวิจยั คร้งั นี้ ผวู้ จิ ัยได้ศกึ ษารายละเอียดตา่ งๆ ดงั นี้ 1. แนวคดิ เกย่ี วกับพฤติกรรมการลอ้ เลยี น 2. แนวทางการแกไ้ ขปญั หาพฤตกิ รรมท่ีเกดิ ขึน้ 3. ผลงานวจิ ัยในช้ันเรียน เอกสำรทีเ่ กี่ยวข้อง 1. แนวคิดเกยี่ วกับพฤตกิ รรมการล้อเลียน 1.1 พฤติกรรมการล้อเลียน สาเหตุที่ทาให้เด็กมีพฤติกรรมเช่นน้ี อาจจะเร่ิมตั้งแต่ เด็กอยากเรียกร้องความสนใจจากเพื่อน จากครู ถึงแม้ว่าเมื่อทาแล้วจะได้รับความสนใจจากครูในทางลบ เช่น ถูกดุ ถูกลงโทษ เด็กก็ยังจะทาอีก เพราะเมื่อทาแล้วครูสนใจ สาหรับเด็กบางคนแล้วการได้รับความสนใจจากครูหรือจากผู้ปกครอง ถงึ แมว้ ่าจะเป็นทางลบก็ยงั ดีกว่าไมไ่ ดร้ ับเลย ฉะนัน้ พฤติกรรมการลอ้ การแหย่เพ่ือนจาเป็นท่ีจะต้องได้รับ การแก้ไขอย่างเหมาะสม เพ่ือให้พฤติกรรมหายไป เด็กบางคนชอบแหย่เพื่อนเพราะเลียนแบบจากผู้อ่ืน ซง่ึ อาจเปน็ สมาชิกในครอบครัว เช่น พ่อ พ่ี หรืออาจจะเลียนแบบมาจากเพ่ือนที่เป็นหัวโจก หรือตนเอง จะเคยถกู แหยม่ ากอ่ นก็เปน็ ได้ เดก็ บางคนชอบทีจ่ ะแหย่เพ่ือนเพราะทาแล้วรู้สึกว่าตนมีอานาจ อยู่เหนือ ผู้อืน่ การทีท่ าให้อับอายโดยการแหย่หรือเรียกสมญานามแปลกๆ ขบขัน ท่าเลียนแบบตลกๆ ทาให้รู้สึก วา่ ตนเองเกง่ ที่ทาให้ผู้อ่ืนเสียใจ อับอายได้ และอีกสาเหตุหน่ึงก็คือการยอมรับจากกลุ่มเพ่ือนๆ จนทาให้ รูส้ กึ ว่าตนเกง่ โกม้ าก เปน็ จดุ เด่นของกลุ่มเพอื่ น การเข้าใจผิดถึงความแตกต่างของมนุษย์แต่ละคนทาให้ นาไปสู่การแหย่การล้อเลียนได้ เด็กที่แตกต่างออกไปลักษณะของเชื้อชาติ สีผิว ตาช้ันเดียว เตี้ย ใส่ แว่นตา รวมไปถึงเด็กอ้วน เด็กอุ้ยอ้าย ซ่ึงเป็นความแตกต่างของแต่ละบุคคลแต่เด็กก็นามาล้อเลียนกัน สาเหตุสุดท้ายก็คือ การเลียนแบบจากส่ือมวลชน เช่น โทรทัศน์ การขาดความเข้าใจและการอ่าน เลียนแบบทาให้นามาล้อเลียนเพ่ือนได้ การแหย่จะกลายเป็นความกดดันเม่ือพฤติกรรมรุนแรงขึ้น (ดร.พัฒนา ชัชพงศ์, 2558) 1.2 ขอ้ เท็จจริง 8 ขอ้ เกีย่ วกับการล้อเลียนท่ีทุกคนควรรู้ เม่อื พูดถงึ การลอ้ เลียนมีหลายคนที่คิดวา่ ตัวเองเขา้ ใจเรอ่ื งนด้ี ี แต่บางคร้ังพวกเขาก็เห็นภาพของ ปัญหานไี้ ม่ครบถ้วน ต่อไปนี้เปน็ 8 ขอ้ เท็จจรงิ ที่ทกุ คนควรร้เู กีย่ วกบั การล้อเลยี น
๕ ข้อเท็จจริงท่ี 1 การลอ้ เลยี นนัน้ มาในทุกรูปแบบและทุกขนาด การเข้าใจว่าผู้ท่ีล้อเลียนคนอื่นทุกคนนั้นเป็นคนท่ีโดดเด่ียวหรือมีความเช่ือม่ันในตัวเองต่านั้น เปน็ เร่ืองทผ่ี ิด ในความจรงิ แล้วมผี ้ทู ่ีมีพฤติกรรมลอ้ เลียนคนอ่ืนนั้นมีอย่างน้อย 6 ประเภท และแม้ว่าผู้ท่ี ชอบล้อเลียนผู้อ่ืนบางคนอาจมีสาเหตุมาจากเรื่องของความเช่ือม่ันในตัวเอง แต่ก็มีอีกหลายคนที่ ล้อเลียนคนอ่ืนเพราะคิดว่าพวกเขาสามารถทาได้ เด็กหลายคนที่มีนิสัยชอบล้อเลียนเพราะว่าพวกเขา เคยเป็นเหย่ือของการถูกล้อเลียนมาก่อน และมีหลายคนท่ีล้อเลียนคนอื่นเพื่อใช้เป็นบันไดในการเข้าสู่ สังคม นอกจากน้ียังมีเด็กหลายคนท่ีล้อเลียนคนอื่นเพราะถูกเพ่ือนกดดัน นั่นเป็นการแสดงว่าคน 1 กาลังมีอานาจเหนือกว่าอีกคนหนึ่งทาให้มีเด็กหลายคนที่เป็นผู้ล้อเลียนน้ันรู้สึกต้องการอานาจมากขึ้น หรืออกี ความหมายหนึ่งก็คือการล้อเลียนทาให้สถานะของพวกเขาดีขึ้น ในขณะเดียวกันเด็กคนอ่ืนที่เข้า ร่วมการล้อเลียนน้ันอาจมีความคิดว่านี่เป็นวิธีท่ีมีประสิทธิภาพในการควบคุมระดับชนช้ันทางสังคมที่ โรงเรียน ขอ้ เทจ็ จริงที่ 2 ไม่ว่าใครกต็ ามสามารถตกเปน็ เหยอื่ ของการถูกล้อเลยี นได้ท้ังนนั้ แม้ว่าอาจจะมีคนบางกลุ่มที่มักตกเป็นเหยื่อของการถูกล้อเลียน แต่ก็ไม่ควรเหมารวมว่ามีคน เพียงประเภทเดียวเท่าน้ันท่ีจะต้องถูกล้อเลียน ในความเป็นจริงแม้แต่เด็กท่ีได้รับความนิยมมากที่สุดท่ี โรงเรียนกอ็ าจตกเปน็ เหย่ือของการถูกล้อเลียนได้ ควรทาความเข้าใจวา่ เด็กถกู ล้อเลียนเพราะพวกเขาตก เปน็ ตัวเลือกในการถกู ล้อเลียน ผลทต่ี ามมากค็ ือเกดิ ความเข้าใจผิดวา่ มีเด็กบางคนที่ถูกล้อเลียนเน่ืองจาก พวกเขามีบุคลิกภาพที่ทาให้ต้องถูกล้อเลียน ความคิดนี้เป็นการกาจัดความรู้สึกผิดของการล้อเลียนคน อ่นื และโยนความผดิ ให้กบั ผถู้ กู กระทา ความรับผิดชอบของการลอ้ เลยี นควรตกอยู่ที่ผู้กระทา เพราะพวก เขาเป็นคนตัดสินใจทาในเร่ืองน้ี และเป็นผู้ระบุเด็กท่ีถูกล้อเลียนและทาให้เกิดการล้อเลียนข้ึน รวมถึง แสดงว่าผ้ทู ี่ถกู ล้อเลยี นสมควรได้รับการกระทาน้นั ขอ้ เทจ็ จรงิ ท่ี 3 การลอ้ เลียนสามารถเกดิ ขึน้ ได้ทกุ ช่วงวัย ถึงแม้ว่าการล้อเลียนน้ันมักจะเกิดขึ้นในช่วงระดับประถมศึกษาตอนปลายและพบมากสุดใน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น แต่ก็พบว่าการล้อเลียนน้ันสามารถเร่ิมต้นได้เร็วตั้งแต่ช้ันเตรียมอนุบาล ถึงแม้ว่าการล้อเลียนส่วนใหญ่ในโรงเรียนน้ันจะเกิดขึ้นในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น แต่ก็มีการล้อเลียน บางอย่างที่ยังคงเกิดข้ึนในระดับผู้ใหญ่ และในความเป็นจริงแล้วการล้อเลียนในท่ีทางานนั้นกาลังเป็น ปัญหาที่เพ่ิมมากขึ้นในปัจจุบันการล้อเลียนไม่ได้สนใจเรื่องอายุ แต่จะพุ่งเป้าไปที่ใครก็ตามที่ไม่เข้ากับ มาตรฐานและเน้นอยู่ท่จี ุดนนั้ เพียงจุดเดียว พวกเขายังคงล้อเลียนคนอ่ืนท่ีรู้สึกว่าทาให้พวกเขากลัว, คน ที่มีบางสิ่งที่พวกเขาต้องการ และมีหลายคนท่ีถูกล้อเลียนเนื่องจากรูปร่างหน้าตา, การกระทา, การพูด หรอื แมแ้ ต่การแต่งตวั ทแ่ี ตกต่างออกไป
๖ ขอ้ เท็จจริงที่ 4 การลอ้ เลียนนัน้ มี 6 ประเภท เมื่อพูดถึงการล้อเลียนทุกคนมักคิดถึงภาพเด็กผู้ชายกลุ่มใหญ่ที่ชกต่อยหรือตบตีเด็กผู้ชายคน อ่ืน แต่การล้อเลียนทางกายน้ันเป็นเพียงการล้อเลียนประเภทหน่ึงเท่าน้ัน ในความเป็นจริงแล้วการ ล้อเลียนน้ันมี 6 ประเภท ต้ังแต่การล้อเลียนทางกาย, การล้อเลียนทางวาจา, ความก้าวร้าวใน ความสัมพนั ธ์, การลอ้ เลยี นออนไลน์, การลอ้ เลยี นท่ีเป็นอนั ตราย และการล้อเลียนทางเพศเปน็ ต้น ข้อเท็จจรงิ ที่ 5 เดก็ ผูช้ ายและเด็กผู้หญงิ มกี ารล้อเลยี นทแี่ ตกตา่ งกนั เดก็ ผู้ชายและเดก็ ผู้หญงิ มแี นวโน้มที่จะล้อเลียนในรูปแบบที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่นเด็กผู้หญิง ที่ล้อเลียนน้ันมักจะเป็นเด็กผู้หญิงท่ีมีนิสัยไม่ดี ใช้ความก้าวร้าวทางความสัมพันธ์และการล้อเลียนใน รูปแบบออนไลน์เพื่อควบคุมสถานการณ์ต่าง ๆ พวกเขาชอบใช้การล้อเลียนด้วยการเรียกชื่อและมักจะ ล้อเลียนเฉพาะเด็กผู้หญิงเท่าน้ัน ในขณะท่ีเด็กผู้ชายจะมีความก้าวร้าวทางกายมากกว่า ไม่ได้ หมายความว่าพวกเขาจะไม่เรียกชื่อหรือไม่ทาการล้อเลียนออนไลน์ แต่เมื่อพูดถึงการล้อเลียนท่ีเกิดจาก ผู้ชายแล้วนั้น มักจะมีแนวโน้มที่พวกเขาจะชกต่อยกันมากกว่าการล้อเลียนของผู้หญิง นอกจากน้ันการ ล้อเลียนท่ีทาโดยผู้ชายสามารถทาได้ท้ังผู้ชายและและผู้หญิง เพราะพวกเขารู้สึกถึงความก้าวร้าว, การ ขม่ ขู่ และความสขุ จากสถานะที่ไดร้ ับจากการต่อสู้ ข้อเท็จจรงิ ท่ี 6 ผ้ทู ่ีถูกลอ้ เลยี นนั้นมกั จะไม่บอกเล่าว่าตนเองถูกกระทา ผู้ท่ีตกเป็นเหยื่อของการถูกล้อเลียนส่วนมากมักจะไม่บอกใคร แม้ว่าจะเกิดความรู้สึกในแง่ลบ หรือได้รับผลกระทบจากการถูกล้อเลียนตามมาก็ตาม มีหลายเหตุผลที่ทาให้พวกเขาเลือกท่ีจะไม่พูดซ่ึง แตกต่างกันออกไปตามแต่ละบุคคล แต่สาหรับวยั รุ่นบางคนน้ัน พวกเขารู้สึกอับอาย, สับสน และรู้สึกว่า ตนเองสามารถจัดการกับเร่ืองน้ีได้ด้วยตัวเอง นอกจากน้ันมีอีกหลายคนที่รู้สึกว่าบอกไปก็ไม่ช่วยอะไร โชครา้ ยที่ผใู้ หญบ่ างคนและระบบโรงเรยี นบางแห่งไม่ได้มีรูปแบบในการจัดการกับปัญหาเหล่าน้ี และทา ใหม้ เี ดก็ หลายคนที่รู้สึกวา่ การบอกเรื่องน้ีออกไปไม่ไดช้ ่วยทาอะไรใหเ้ กดิ ความเปลีย่ นแปลง ขอ้ เท็จจรงิ ที่ 7 การลอ้ เลยี นส่วนมากมกั มีผู้เห็นเหตุการณ์ โดยส่วนมากการล้อเลียนมักจะเกิดเม่ือมีเด็กคนอ่ืน ๆ อยู่ร่วมในเหตุการณ์ แต่ปฏิกิริยาของผู้ที่ เหน็ เหตุการณ์น้ันก็มักจะเป็นเพียงแค่การยืนดูและไม่ทาอะไร น่ีจึงเป็นเหตุผลที่ว่าความพยายามในการ ปอ้ งกันการล้อเลียนนนั้ ควรจะเน้นทีแ่ นวความคิดเกี่ยวกบั การให้อานาจผู้ท่ีเห็นเหตุการณ์ในการทาส่ิงใด สิ่งหน่ึง มีหลาย ๆ ครั้งที่เด็กคนอื่นไม่กล้าทาอะไรเน่ืองจากพวกเขาไม่แน่ใจว่าพวกเขาควรทาหรืออาจ รู้สึกว่านั่นไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แต่ว่าเป้าหมายของการป้องกันกันล้อเลียนน้ันคือการเน้นไปท่ีผู้ท่ีเห็น
๗ เหตุการณ์และให้ผู้เห็นเหตุการณ์มาชว่ ยเหลือเหยื่อท่ีถูกล้อเลียนมากกว่าให้พวกเขายืนน่ิงและสนับสนุน ให้เกดิ การลอ้ เลยี นตอ่ ไป ข้อเท็จจรงิ ท่ี 8 การลอ้ เลยี นนั้นทาให้เกดิ ผลกระทบมากมายตามมา การตกเป็นเหยอ่ื ของการถกู ลอ้ เลยี นนั้นอาจส่งผลกระทบตามมาต่อผู้ที่ตกเป็นเหยื่อได้ ในความ จริงแล้วผู้ที่เป็นเหย่ือของการถูกล้อเลียนหลายคนมักรู้สึกโดดเด่ียว แปลกแยกจากคนอื่น และถูกทาให้ อับอาย และหากการลอ้ เลียนน้ันไม่ไดร้ บั การแกไ้ ข อาจนาไปสู่การเกิดโรคซึมเศร้า, ความผิดปกติในการ รบั ประทานอาหาร, ความเครียด หรอื แม้กระทั่งการฆา่ ตวั ตายได้ และจากเหตผุ ลนี้เองท่ีทาให้พ่อแม่และ ครูควรตระหนักว่าการล้อเลียนนั้นไม่ใช่สิ่งที่ยอมรับได้และไม่ได้ทาให้ผู้ถูกล้อเลียนเข้มแข็งข้ึน ในทาง กลับกันมันอาจส่งผลกระทบระยะยาวและจาเป็นต้องได้รับการจัดการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ (honestdocs, 2560) 2. แนวทางการแก้ไขปัญหาพฤตกิ รรมที่เกิดข้นึ 2.1 การแก้ปญั หาเม่อื ลูกถกู ลอ้ เลยี น เด็กท่ถี ูกลอ้ เลยี นมาก ๆ จะทาให้เด็กรูส้ ึกไมอ่ ยากไปโรงเรียน รู้สึกว่าตนเองมีปมด้อย ไม่มีเพ่ือน ไม่ร้ถู งึ สาเหตุวา่ ทาไมถงึ ถกู เพ่ือนลอ้ รแู้ ต่เพยี งวา่ เสยี ใจและโกรธ บางครัง้ เดก็ กาลังน่ังดูทีวีอยู่ คุณพ่อคุณ แม่บอกว่าให้ปิดทีวี เด็กอาจโกรธมากจนปาข้าวของแล้วบอกว่า คุณพ่อคุณแม่ไม่รัก น่ันแสดงให้เห็นถึง อาการผดิ ปกติบางอยา่ งทเี่ กิดขน้ึ สง่ิ ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทาไดค้ ือ 1. นั่งลงคุยในระดบั เดียวกบั ลกู และเรมิ่ ค้นหาสาเหตุของส่ิงทผ่ี ิดปกติที่ทาให้ลกู กังวลใจ บอกลูกวา่ พ่อแม่ต้องการรู้ว่ามีเรื่องอะไรท่ีทาให้ลูกไม่สบายใจ ลูกอาจไม่ยอมบอกและแสดงอารมณ์โกรธกลับมา แต่คุณพ่อคุณแม่ต้องย้าให้ลูกแน่ใจว่า คุณพ่อคุณแม่รักและต้องการช่วย โดยพยายามให้ลูกระบายส่ิงท่ี อดั อั้นอยู่ในใจออกมา 2. เมือ่ ลกู เริ่มเลา่ ให้ฟงั ตอ้ งตัง้ ใจฟงั ไม่ขัดจงั หวะ ไมแ่ นะนาอะไร ให้ฟงั จนลูกพูดจนจบก่อน จบั ให้ได้ว่าปัญหามันเกิดขึ้นท่ีไหน อย่างไร กับใคร เมื่อลูกพูดจบแล้วเริ่มอธิบายก่อนและให้คาแนะนา แสดงความเห็นอกเห็นใจ และต้องทาให้ลูกแน่ใจว่าเราได้ยินและรับรู้ในสิ่งที่ลูกพูดแล้ว คุณพ่อคุณแม่ อาจพดู วา่ พ่อแมเ่ ขา้ ใจแลว้ ว่าการถูกเพื่อนลอ้ เลยี นทาใหล้ ูกอายและเจ็บปวด 3. เล่าให้ลกู ฟังถงึ มีช่วงในวัยเดก็ ท่ีคณุ พ่อคุณแมเ่ คยถกู เพ่ือนล้อเช่นกนั เล่าใหฟ้ ังว่าร้สู กึ อยา่ งไร
๘ ใหล้ ูกรวู้ า่ ตวั คณุ พ่อคณุ แม่เองเคยมีประสบการณ์ สิ่งที่สาคัญคือคุณพ่อคุณแม่จะต้องทาให้ลูกรู้สึกว่าคุณ พ่อคณุ แม่เข้าใจความร้สู กึ ของเขาก่อนท่จี ะเรม่ิ เข้าสู่กระบวนการแกป้ ัญหา 4. ใหต้ วั ลูกเรมิ่ แก้ปญั หาดว้ ยตนเองกอ่ น สง่ิ น้ีจะเปน็ ทักษะทด่ี ีในการแก้ปัญหาของลูกด้วยตวั เอง ในอนาคต อีกทง้ั ยังชว่ ยสรา้ งความมนั่ ใจให้กบั ลกู อีกดว้ ย 5. อย่าทาให้ลูกรู้สกึ ว่าเรอื่ งน้ีเปน็ เร่ืองใหญ่โตอะไร คณุ พอ่ คุณแมท่ ีช่ อบตโี พยตีพายเปน็ เร่ือง ใหญ่โต จะทาใหล้ กู ทาตัวไม่ถกู ร้สู กึ วา่ เป็นเร่ืองใหญโ่ ตด้วย 6. ย้าใหล้ กู รวู้ ่า ลกู สามารถแก้ปญั หาได้ 7. สนบั สนุนและใหก้ าลงั ใจลกู ที่จะเขา้ กล่มุ กับเพือ่ นท่ที าให้ลูกรู้สึกดี และมัน่ ใจในตัวเองมากขึ้น 8. คณุ พ่อคุณแม่ลองกลบั มาพิจารณาตัวเองดูวา่ ทาตัวเป็นตัวอย่างใหล้ ูก หรือเคยล้อเลยี นลกู อย่างไมเ่ หมาะสมหรอื ไม่ 9. หากเปน็ การแกล้งท่รี นุ แรง ตอ้ งปรึกษาผู้มอี านาจรับผิดชอบ เช่นผ้ดู ูแลเดก็ คุณครหู รอื ครูใหญ่ เป็นตน้ (ดร.สพุ าพร เทพยสวุ รรณ,2554) 2.2 วิธแี กไ้ ขปัญหาเด็กล้อเลียน ครูหรือผู้ปกครองควรจะหยุดเด็กของตนท่ีแหย่หรือล้อเลียนผู้อื่น หรือช่วยกันป้องกันไม่ให้เด็ก ของตนถูกแหย่ ครูต้องชมเชยเด็กท่ีไม่แกล้งเพ่ือนเพ่ือให้เป็นตัวอย่างชัดเจนว่าครูชอบเด็กแบบใด ใน ขณะเดียวกันก็ต้องพยายามท่ีจะชมเชยความสามารถอ่ืนท่ีผู้ถูกแหย่มี ทั้งนี้เพื่อแสดงให้เห็นว่าเด็กคนน้ี อาจจะมีจุดเด่นในด้านอื่นๆ เป็นความแตกต่างและเป็นธรรมดาที่เราทุกคนมีจุดดีและจุดด้อยในทุกคน การป้องกันไม่ให้มีการแหย่การล้อเลียนจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด การจัดชั้นเรียนท่ีเด็กมีความแตกต่างไม่มาก อยู่ดว้ ยกัน และตวั ครูก็ต้องไม่มคี วามลาเอยี ง ไม่เป็นคนแหย่หรือแกล้งเด็ก และเม่ือพบว่ามีเด็กคนใดคน หน่ึงเริ่มแหย่หรือล้อเลียนเพื่อนคนอื่น ครูต้องรีบหยุดพฤติกรรมนั้นโดยเร็ว ก่อนท่ีเด็กคนอื่นจะ เลียนแบบและขยายวงกว้างออกไป (ดร.พัฒนา ชัชพงศ์, 2558)
๙ งำนกำรวิจยั ท่ีเกย่ี วขอ้ ง 3. ผลงานวจิ ยั ในชน้ั เรียน จากผลการวิจยั พบว่า การศึกษาถึงการกล่ันแกล้งในช้ันเรียน ส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้ (The Effects of Bullying in the Classroom towards learning) ในคร้ังนี้นั้น นักเรียนคือผู้ที่ถูกบ่ันทอน แรงจงู ใจในการเรียนรู้ ทีจ่ ะสามารถนาสผู่ ลกระทบต่อการเรียนร้ใู นระยะยาวได้ เพราะส่วนใหญ่นักเรียน ใน 119 คนจากผูท้ ่ตี อบแบบสอบถามทง้ั หมด ถกู กล่ันแกล้งจากเพื่อนร่วมชั้นเรียนด้วยกันถึง 105 คน ผลกระทบทเี่ กิดขึ้นจากการถกู กล่ันแกล้งในชั้นเรยี นน้ัน มีสาเหตุจากการถูกกล่ันแกล้งท้ังหมด 5 วิธีการ คือ การกลั่นแกล้งทางวาจา ล้อช่ือพ่อ แม่ ด่าในทางท่ีไม่ดี นินทาว่าร้ายในส่ิงที่ไม่เป็นความจริง พูดคา หยาบ ตัง้ ใจส่งเสียงดงั รบกวนการเรียนรู้ ส่ือสารกับบุคคลอื่นไม่ให้คบหา ล้อปมด้อย การกล่ันแกล้งทาง ศลี ธรรม นาอุปกรณ์การเรียนไปซ่อน ขโมยของ การกลั่นแกล้งทางร่างกาย ต่อย ตี ดึงผม ตบหัว ขัดขา เวลาเดิน เอาของป่าใส่ ดึงเก้าอ้ีออกขณะลงน่ัง การกลั่นแกล้งทางเพศ ดึงกางเกง เปิดกระโปรง แอบดู เพื่อนเขา้ ห้องน้า การกลน่ั แกลง้ ทางจติ ใจ กีดกัน ทาให้ตกใจ ดูถูกเหยียดหยาม นาส่ิงแปลกปลอมสัตว์ที่ กลัวใส่ลงในอาหาร การกลนั่ แกลง้ เหล่าน้ีส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้ของนักเรียนส่วนใหญ่คือผลกระทบ ทางด้านร่างกาย ด้านการเรียน และด้านอารมณ์ รวมถึงด้านการทากิจกรรม ด้านบุคลิกภาพ ด้านเวลา สมองได้รับผลกระทบ ด้านความรู้สึก ด้านภาพลักษณ์ ด้านบุคลิกภาพ ด้านความม่ันใจ ด้านความทรง จาที่ลบเลือนไม่ได้ ด้านการทางานเป็นกลุ่ม ด้านสมาธิในการเรียนแสดงให้เห็นถึง สถานการณ์การถูก กลั่นแกล้งในช้ันเรียน ท่ีมีจานวนมาก จะเป็นช่องทางของเหตุการณ์ในการสร้างความรุนแรงในรูปแบบ ตา่ ง ๆ ทจี่ ะนาสผู่ ลกระทบทจี่ ะตามมาส่กู ารเรียนรู้ของผู้เรยี นได้ (อาจารยก์ รกช ไชยวงค์,2559)
๑๐ บทท่ี 3 วิธกี ำรดำเนนิ กำรวิจยั การวจิ ัยเร่ือง พฤติกรรมการล้อเลียนเพ่ือนร่วมช้ันของนักเรียนสาขาวิชาธุรกิจดอกไม้และงาน ประดิษฐ์ วิทยาลัยเทคนิคสมทุ รสงคราม ผ้วู จิ ัยดาเนนิ การวจิ ัย ตามข้ันตอนดงั นี้ 1. แบบแผนการวิจัย 2. ประชากร/ตวั อยา่ ง 3. ตัวแปรในการวิจยั แบบแผนกำรวจิ ัย การวจิ ัยครงั้ นี้ เป็นการวจิ ัยเชงิ สารวจ วตั ถปุ ระสงค์ เพอ่ื ศึกษาพฤติกรรมการล้อเลียนเพื่อนร่วม ช้ัน สาเหตุของพฤติกรรมล้อเลียนที่เกิดขึ้นในช้ันเรียน และเพ่ือหาแนวทางการแก้ไขปัญหาพฤติกรรม การลอ้ เลยี นเพอ่ื นร่วมชัน้ เรยี นใหล้ ดนอ้ ยลง ประชำกร/ตวั อยำ่ ง ประชากรของการวิจัยครงั้ น้ีคอื นักเรยี นระดับชน้ั ปวช. 1 และ ปวช. 2 สาขาวิชาธุรกิจดอกไม้ และงานประดิษฐ์ วิทยาลยั เทคนคิ สมทุ รสงคราม ในภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2561 จานวน 25 คน ตัวอย่างคือ นักเรียนระดับชั้น ปวช. 1 และ ปวช. 2 สาขาวิชาธุรกิจดอกไม้และงานประดิษฐ์ วทิ ยาลยั เทคนิคสมทุ รสงคราม ในภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2561 จานวน 25 คน ตวั แปรในกำรวจิ ยั ตวั แปรตน้ หมายถงึ ข้อมลู ส่วนบุคคล เชน่ เพศ อายุ ตวั แปรตาม หมายถงึ สาเหตทุ ี่นักเรียนมีพฤติกรรมการลอ้ เรยี นเพอ่ื นร่วมช้ัน เคร่อื งมือที่ใช้ในกำรวิจัย เครื่องมอื ที่ใช้ในการวิจัยครง้ั นี้ประกอบดว้ ย เครือ่ งมือทใี่ ช้ในการวจิ ัยในการศึกษาคร้งั น้ีเป็นแบบสอบถามลักษณะเป็นข้อคาถาม โดยใช้กลุ่ม ตวั อย่างเปน็ ผูต้ อบแบบสอบถามด้วยตัวเอง เนื้อหาของแบบสอบถามแบง่ ออกเปน็ 2 ตอน ดังนี้
๑๑ ตอนท่ี 1 ข้อมูลแบบสอบถามเกี่ยวกับสถานภาพท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม มีลักษณะเป็น แบบสารวจรายการ ตอนที่ 2 ข้อมูลแบบสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมการล้อเรียนเพ่ือนร่วมช้ันของผู้ตอบ แบบสอบถาม เป็นคาถามประเด็นต่างๆ เลือกตอบได้เพียงข้อเดียวจานวน 1 ข้อ โดยมีกาหนดระดับ ความคดิ เห็นใหเ้ ลือกตอบเป็น 5 ระดบั ดังนี้ ระดับความคิดเห็น 5 หมายถึง เหน็ ด้วยมากทส่ี ดุ 4 หมายถงึ เห็นดว้ ย 3 หมายถงึ เฉยๆ 2 หมายถงึ ไมเ่ ห็นดว้ ย 1 หมายถงึ ไม่เหน็ ด้วยที่สดุ ข้นั ตอนกำรสร้ำงเครอ่ื งมอื 1. ศึกษาเอกสารและงานวจิ ยั ทีเ่ กีย่ วขอ้ งกับการสรา้ งแบบสารวจความคิดเหน็ 2. วเิ คราะหเ์ นื้อหาทจ่ี ะวดั เลอื กรปู แบบเครือ่ งที่จะมือวัดและกาหนดเกณฑใ์ นการให้คะแนน กำรดำเนินกำรวจิ ัย/กำรเก็บรวบรวมข้อมูล 1. แจกแบบสอบถามให้กับกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งเป็นนักเรียนวิทยาลัยเทคนิคสมุทรสงคราม สาขาวิชา ธรุ กิจดอกไม้และงานประดษิ ฐ์ จานวน 25 คน 2. ผู้วิจยั ตรวจสอบความถกู ต้องและความสมบรู ณ์ของคาตอบในแบบสอบถาม 3. เก็บรวบรวมข้อมูล ตรวจสอบความสมบูรณ์ของแบบสอบถาม เพ่ือนาข้อมูลที่ได้มาทาการ วิเคราะห์และประมวลผล 4. วิเคราะห์ข้อมูล โดยคา่ สถติ ิพืน้ ฐาน คือ คา่ เฉลย่ี เลขคณติ และคา่ ความเบยี่ งเบนมาตรฐาน 5. สรปุ อภปิ ราย เสนอแนะ
๑๒ สถิตทิ ใี่ ช้ในกำรวิเครำะห์ขอ้ มูล 1. การวเิ คราะห์ข้อมูลสถานภาพท่วั ไป ใช้สถิตคิ ่าความถ่ี และ ค่ารอ้ ยละ 1.1 คา่ ร้อยละ ค่ารอ้ ยละ = จานวนคาตอบ × 100 จานวนผ้ตู อบทั้งหมด 2. การวเิ คราะหข์ อ้ มูล ใช้สถติ ิ 2.1ค่าเฉล่ีย(Mean) =∑ ������ ������ เม่ือ แทน ค่าคะแนนเฉลี่ย X แทน ผลรวมของคะแนนทัง้ หมด n แทน จานวนกล่มุ ตวั อย่าง สาหรบั เกณฑใ์ นการประเมินค่าเฉลีย่ เปน็ ดงั นี้ 4.50 – 5.00 หมายถึง เห็นดว้ ยมากที่สดุ 3.50 – 4.49 หมายถึง เหน็ ด้วย 2.50 – 3.49 หมายถงึ เฉยๆ 1.50 – 2.49 หมายถงึ ไมเ่ หน็ ด้วย 1.00 – 1.49 หมายถงึ ไมเ่ หน็ ดว้ ยท่ีสดุ
๑๓ 3. ส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) S.D. = เมอื่ S.D. แทน สว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน Xi แทน จานวนคะแนนแต่ละตวั แทน คา่ เฉล่ีย n แทน จานวนคนในกลมุ่ ตัวอย่าง
๑๔ บทที่ 4 ผลกำรวเิ ครำะหข์ ้อมูล การวิจัยคร้ังนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาพฤติกรรมการล้อเลียนเพื่อนร่วมชั้น สาเหตุของ พฤติกรรมลอ้ เลียนทเี่ กดิ ข้นึ ในช้นั เรียน และเพอ่ื หาแนวทางการแกไ้ ขปัญหาพฤติกรรมการล้อเลียนเพื่อน ร่วมชั้นเรียนให้ลดน้อยลง ของนักเรียนสาขาวิชาธุรกิจดอกไม้และงานประดิษฐ์ วิทยาลัยเทคนิค สมุทรสงคราม โดยมีแบบสอบถามเป็นเคร่ืองมือในการวิจัย ประชากรที่ทาการวิจัยครั้งนี้ คือ กลุ่ม นักเรียน สาขาวิชาธุรกิจดอกไม้และงานประดิษฐ์ วิทยาลัยเทคนิคสมุทรสงราม โดยใช้กลุ่มตัวอย่าง จานวนทัง้ หมด 25 คน ผูว้ จิ ัยไดท้ าการวเิ คราะหข์ ้อมลู และนาเสนอผลการวจิ ัยเป็น 2 ประเด็น ดงั นี้ ตอนท่ี 1 ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู ทัว่ ไปของกลุ่มตัวอยา่ ง ตอนท่ี 2 ผลการวิเคราะห์สาเหตพุ ฤตกิ รรมการลอ้ เลยี นเพอ่ื นรว่ มช้นั เรียน ตอนที่ 1 ผลกำรวเิ ครำะหข์ อ้ มลู ทวั่ ไปของกลุ่มตัวอยำ่ ง ผศู้ ึกษาได้ทาการวเิ คราะห์ข้อมลู ทว่ั ไปของกลมุ่ ตวั อย่าง ดงั น้ี ตาราง 1.1 แสดงจานวนและร้อยละของกลมุ่ ตัวอย่าง จาแนกตามเพศ เพศ จานวน(คน) รอ้ ยละ ชาย 2 8 หญงิ 23 92 รวม 25 100 จากตาราง 1.1 พบว่ากลุ่มตัวอย่างที่เป็นเพศหญิงมีจานวนมากกว่าเพศชาย คือ จานวนเพศ หญิง 23 คน คิดเป็นร้อยละ 92 และกลุม่ ตัวอย่างที่เป็นเพศชายมีจานวน คือ 2 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 8
ตารางที่ 1.2 แสดงจานวนและร้อยละของกลมุ่ ตวั อย่าง จาแนกตามอายุ ๑๕ อายุ จานวน(คน) รอ้ ยละ 15 ปี 4 16 16 ปี 10 40 17 ปี 10 40 18 ปี 1 4 19 ปี - - 20 ปขี น้ึ ไป - - รวม 25 100 จากตาราง 1.2 พบว่ากลุ่มตัวอย่างที่มีอายุ 16 - 17 ปี มีจานวนมากท่ีสุด คือ 10 คน คิด เป็นร้อยละ 40 ลองลงมาคืออายุ 15 ปี จานวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 16 และกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ปี จานวน 1 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 4 ตารางที่ 3 แสดงจานวนและรอ้ ยละของกลมุ่ ตวั อย่าง จาแนกตามระดับการศึกษา ระดบั การศึกษา จานวน(คน) รอ้ ยละ ปวช. 1 14 56 ปวช. 2 11 44 รวม 25 100 จากตาราง 1.3 พบว่ากลุ่มตัวอย่าง ปวช.1 มีจานวนมากท่ีสุด คือ 14 คน คิดเป็นร้อยละ 56 และกล่มุ ตัวอยา่ ง ปวช.2 มีจานวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 44
๑๖ ตอนที่ 2 ผลกำรวเิ ครำะห์สำเหตุพฤตกิ รรมกำรลอ้ เลยี นเพอื่ นร่วมชั้นเรยี น ตาราง ผลการวเิ คราะห์สาเหตุพฤติกรรมการล้อเลยี นเพ่ือนร่วมชั้นเรยี นของกลุ่มตวั อยา่ ง ด้านประเด็น 3.16 SD ระดบั ควำมคิดเหน็ 3.32 1. นกั เรยี นที่มีพฤติกรรมล้อเลียนเพอ่ื นรว่ มช้ัน 3.48 1.17 เฉยๆ - ไม่ค่อยมีความเชอื่ มน่ั ในตัวเอง 2.28 1.57 เฉยๆ - เคยถกู เพื่อนล้อเลยี นมากอ่ น 2.48 1.08 เฉยๆ - ตอ้ งการเข้าสังคม เป็นท่ยี อมรับ 2.24 1.42 ไม่เห็นด้วย - เรียกรอ้ งความสนใจจากเพื่อน และ ครู 1.35 ไม่เห็นด้วย - ถกู เพอ่ื นกดดันใหท้ าตาม 2.72 1.2 ไม่เหน็ ด้วย - ตอ้ งการมีอานาจภายในกลุม่ 3.2 2.44 1.45 เฉยๆ 2. พฤตกิ รรมกำรลอ้ เลยี นเพอื่ นร่วมช้นั 2.36 1.32 เฉยๆ - ลอ้ ชอ่ื พ่อแม่ 2.28 1.43 ไมเ่ หน็ ดว้ ย - รูปร่าง หน้าตา บคุ ลกิ ภาพ 1.43 ไม่เห็นดว้ ย - ปมด้อยของเพ่ือน 2.16 1.33 ไม่เหน็ ดว้ ย - การลอ้ เลียนผา่ นสอื่ ออนไลน์ - การใชค้ าพูดลอ้ เลียนในบริเวณท่มี จี านวน 2.56 1.31 ไมเ่ ห็นด้วย คนมากๆ 3 - การพูดจาเสียงดัง ให้ผ้อู ่ืนหันมาสนใจผู้ที่ 1.29 เฉยๆ ถกู ล้อเลียน 3.04 1.32 เฉยๆ 3.12 1.33 เฉยๆ 3. นักเรยี นทถี่ ูกเพื่อนร่วมชนั้ ล้อเลียน 2.72 1.23 เฉยๆ - โลกสว่ นตัวสูง 1.48 เฉยๆ - ไมส่ ู้ ไมต่ อบโต้ ไม่มีปากเสียง 2.64 - เป็นที่นิยมใหห้ มเู่ พ่ือนๆ 1.41 เฉยๆ - รูปร่าง หน้าตา บคุ ลิกภาพท่ีแตกตา่ ง - มสี าเหตุให้เพ่ือนร่วมชั้นเกดิ การลอ้ เลยี น เชน่ ลืน่ ล้ม หรือ การทาอะไรผิดพลาดใน ที่คนเยอะๆ - ไม่เขา้ รว่ มกิจกรรม หรือ งานอ่นื ๆกับ เพือ่ นรว่ มช้นั
4. แนวทำงกำรแก้ปัญหำพฤติกรรมกำรลอ้ เลยี นเพือ่ นรว่ มช้ัน ๑๗ - จบั กลมุ่ ทากจิ กรรมรว่ มกนั ภายใน 3.52 1.41 เหน็ ด้วย 1.54 เฉยๆ ห้องเรียน 1.51 เฉยๆ - ใหน้ ักเรยี นทม่ี ีพฤติกรรมล้อเลยี น และ 3.16 1.50 เฉยๆ นักเรียนทีถ่ ูกล้อเลียน พูดคยุ แลกเปลี่ยน 1.44 เฉยๆ ความคิดเห็นของกันและกนั - มีกลอ่ งความคดิ เหน็ สาหรับนักเรียนที่ไม่ 3.28 กลา้ แสดงออกหรือไม่กลา้ พูดกับเพ่ือน และ ครูผู้สอน - ครูผูส้ อนจดั กจิ กรรมแนะแนวทา้ ยชัว่ โมง 3.12 เพ่ือเปน็ การรบั ฟงั ปญั หาของนกั เรียน คำ่ เฉลีย่ โดยรวม 3.08 จากตาราง ผลการวิเคราะห์สาเหตุพฤติกรรมการล้อเลียนเพ่ือนร่วมช้ันเรียนของกลุ่มตัวอย่าง พบว่า ในภาพรวมมีความคิดเห็นในระดับเฉยๆ ( = 3.08 ) เมื่อพิจารณาในแต่ละประเด็น พบว่า ประเดน็ ท่ี 1 นักเรยี นท่มี พี ฤตกิ รรมลอ้ เลยี นเพือ่ นรว่ มช้นั เกิดจากตอ้ งการเขา้ สังคม เปน็ ทีย่ อมรับ มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ ( = 3.๔8 ) ประเด็นที่ 2 พฤติกรรมการล้อเลียนเพื่อนร่วมชั้นท่ีเกิดข้ึนมากท่ีสุด คือ รูปร่าง หน้าตา บุคลิกภาพ ( = 3.2 ) ประเด็นที่ 3 นักเรียนท่ีถูกเพื่อนร่วมช้ันล้อเลียน เกิดจาก สาเหตุ -รูปร่าง หน้าตา บุคลิกภาพท่ีแตกต่าง ( = 3.12 ) และประเด็นสุดท้าย ประเด็นท่ี 4 แนว ทางการแก้ปัญหาพฤติกรรมการล้อเลียนเพ่ือนร่วมช้ัน ท่ีกลุ่มตัวอย่างเลือกและมีค่าเฉล่ียมากที่สุด คือ จบั กลุม่ ทากจิ กรรมรว่ มกันภายในหอ้ งเรยี น ( = 3.52 )
๑๘ บทที่ 5 สรปุ ผลกำรวิจัย การวิจัยคร้ังน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาพฤติกรรมการล้อเลียนเพ่ือนร่วมชั้นเรียน สาเหตุของ พฤติกรรมลอ้ เลยี นที่เกดิ ข้ึนในชั้นเรียน และเพ่อื หาแนวทางการแก้ไขปญั หาพฤติกรรมการล้อเลียนเพ่ือน ร่วมช้ันเรียนให้ลดน้อยลง ของนักเรียนสาขาวิชาธุรกิจดอกไม้และงานประดิษฐ์ วิทยาลัยเทคนิค สมุทรสงคราม ตัวอย่างคือ นักเรียนระดับช้ัน ปวช. 1 และ ปวช. 2 สาขาวิชาธุรกิจดอกไม้และงานประดิษฐ์ วิทยาลัยเทคนคิ สมุทรสงคราม ในภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2561 จานวน 25 คน เครอ่ื งมือในการวจิ ัย ได้แก่ แบบสอบถามลักษณะเป็นข้อคาถาม โดยใช้กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ตอบ แบบสอบถามด้วยตวั เอง เนือ้ หาของแบบสอบถามแบ่งออกเปน็ 2 ตอน ดังน้ี ตอนที่ 1 ข้อมูลแบบสอบถามเก่ียวกับสถานภาพท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม มีลักษณะเป็น แบบสารวจรายการ ตอนท่ี 2 ข้อมูลแบบสอบถามเก่ียวกับสาเหตุท่ีนักเรียนมีพฤติกรรมการล้อเรียนเพื่อนร่วมช้ัน เรียนของผู้ตอบแบบสอบถาม เป็นคาถามประเด็นต่างๆ เลือกตอบได้เพียงข้อเดียวจานวน 1 ข้อ โดยมี กาหนดระดับความคิดเห็นให้เลอื กตอบเป็น 5 ระดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต และค่าส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน สรุป ผลการวจิ ยั ดงั ต่อไปน้ี สรุปผลกำรวจิ ัย ผลการวิเคราะหข์ อ้ มูล สรุปได้ตามลาดับดงั ต่อไปนี้ 1. ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู เก่ียวกบั ข้อมูลทว่ั ไป 2. ผลการวเิ คราะห์สาเหตพุ ฤติกรรมการล้อเลียนเพื่อนรว่ มช้นั เรยี นของกลุ่มตวั อยา่ ง 1. ผลการวิเคราะหข์ อ้ มูลเก่ียวกับข้อมลู ทว่ั ไป การวิจัยครง้ั น้ีนักเรียนกลมุ่ ตวั อย่างที่ตอบแบบสอบถาม มจี านวนทั้งหมด 25 คน พบวา่ ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จานวน 23 คน คิดเป็นร้อยละ 92 และเป็นเพศชาย จานวน 2 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 8
๑๙ กลมุ่ ตัวอยา่ งทม่ี อี ายุ 16 - 17 ปี มีจานวนมากท่ีสุด คือ 10 คน คิดเป็นร้อยละ 40 ลองลงมาคือ อายุ 15 ปี จานวน 4 คน คิดเปน็ ร้อยละ 16 และกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ปี จานวน 1 คน คิดเป็นร้อย ละ 4 กลุม่ ตัวอยา่ ง ปวช. 1 มีจานวนมากทส่ี ุด คอื 14 คน คิดเป็นร้อยละ 56 และกลุ่มตัวอย่าง ปวช. 2 มีจานวน 11 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 44 2. ผลการวิเคราะห์สาเหตพุ ฤตกิ รรมการล้อเลียนเพอ่ื นร่วมชัน้ เรียนของกลมุ่ ตัวอย่าง จากการสรุปแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถาม เร่ือง พฤติกรรมการ ล้อเลียนเพื่อนร่วมชั้นของนักเรียนสาขาวิชาธุรกิจดอกไม้และงานประดิษฐ์ วิทยาลัยเทคนิค สมุทรสงคราม พบว่า ประเด็นท่ี 1 นักเรียนท่ีมีพฤติกรรมล้อเลียนเพ่ือนร่วมช้ัน เกิดจากต้องการเข้า สังคม เป็นท่ียอมรับ มีค่าเฉลี่ยอยู่ท่ี ( = 3.๔8 ) ประเด็นท่ี 2 พฤติกรรมการล้อเลียนเพื่อนร่วมชั้นท่ี เกิดข้ึนมากท่ีสุด คือ รูปร่าง หน้าตา บุคลิกภาพ ( = 3.2 ) ประเด็นท่ี 3 นักเรียนท่ีถูกเพ่ือนร่วมช้ัน ล้อเลียน เกิดจากสาเหตุ -รูปร่าง หน้าตา บุคลิกภาพท่ีแตกต่าง ( = 3.12 ) และประเด็นสุดท้าย ประเด็นที่ 4 แนวทางการแก้ปัญหาพฤติกรรมการล้อเลียนเพื่อนร่วมชั้น ท่ีกลุ่มตัวอย่างเลือกและมี ค่าเฉล่ยี มากที่สุด คือ จับกลมุ่ ทากจิ กรรมรว่ มกนั ภายในห้องเรยี น ( = 3.52 ) อภปิ รำยผลกำรวิจยั ผลการวิจัยเร่ือง พฤติกรรมการล้อเลียนเพ่ือนร่วมช้ันของนักเรียนสาขาวิชาธุรกิจดอกไม้และ งานประดิษฐ์ วิทยาลยั เทคนคิ สมทุ รสงคราม มีประเด็นอภิปรายดังน้ี ผลการสารวจพฤติกรรมการล้อเลียนเพ่ือนร่วมช้ันของนักเรียนระดับชั้น ปวช. 1 และ ปวช. 2 สาขาธุรกิจดอกไม้และงานประดิษฐ์ วิทยาลัยเทคนิคสมุทรสงคราม ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 จานวน 25 คน นักเรียนสว่ นใหญ่ท่มี ีพฤติกรรมการล้อเลยี นเพ่ือนร่วมชั้นเกิดจากการ ต้องการเข้าสังคม เปน็ ที่ยอมรบั ของเพ่อื นๆ และพฤตกิ รรมการลอ้ เลียนเพ่ือนร่วมช้นั ท่นี กั เรียนกระทามากท่ีสุด คือการล้อ รูปร่าง หน้าตา บุคลิกภาพ สาเหตุเกิดจากท่ีนักเรียนมี รูปร่าง หน้าตา บุคลิกภาพท่ีแตกต่าง จึงทาให้ เพ่ือนร่วมชั้นล้อเลียนและเกิดความไม่พอใจ นักเรียนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับแนวทางการแก้ปัญหา พฤติกรรมการลอ้ เลยี นเพื่อนด้วยการจับกลุ่มทากิจกรรมกันภายในห้องเรียน เพ่ือลดปัญหาการล้อเลียน เพ่อื นรว่ มช้ันใหล้ ดน้อยลง
๒๐ ข้อเสนอแนะจำกกำรวจิ ัย 1. ข้อเสนอแนะจากการวิจัยครง้ั นี้ 1.1 นักเรยี นกลุ่มตวั อย่างมจี านวนน้อย ทาให้ไมท่ ราบถึงสาเหตุที่ชัดเจน 1.2 นักเรียนมคี วามสนิทสนมกับครูผู้สอนทาให้นักเรียนยังมีพฤติกรรมการล้อเลียนเพ่ือนร่วม ชัน้ ตอ่ หน้าครผู ู้สอน 1.3 นักเรยี นบ้างกลุม่ ไมเ่ หน็ ดว้ ยกบั แนวทางการแก้ไข 2. ข้อเสนอแนะเพือ่ การวจิ ยั ครั้งต่อ 2.1 แกป้ ญั หาพฒั นาใหด้ ีขน้ึ กว่าเดิม 2.3 มกี ารจดั การแนะแนวใหค้ วามรู้ เพื่อใหน้ ักเรียนตระหนักถงึ ของผลกระทบที่จะตามมาของ การล้อเลยี นเพอ่ื นร่วมช้นั
๒๑ รำงกำรอำ้ งอิง กรกช ไชยวงค์. 2559. การกลนั่ แกล้งในชัน้ เรียน สง่ ผลกระทบตอ่ การเรยี นรู้. แหลง่ ทมี่ า : https://academic.prc.ac.th ดร.พฒั นา ชชิ พงศ.์ 2558. ล้อเลยี น-แหยก่ นั เรือ่ งธรรมดาทไ่ี มธ่ รรมดา. อนบุ าลกุ๊กไก่ คมสนั สวุ รรณประดิษฐ์. 2555. ปญั หาพฤติกรรมการลอกเลยี นแบบ. ถามคร.ู com นายแพทย์เจษฎา โชคดารงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต. 2559. 5 ป้อง 5 หยุด ลดปัญหาเด็กแกล้งกัน. กรมสขุ ภาพจิต
๒๒ แบบสอบถำม การศึกษาเรื่อง “พฤตกิ รรมการล้อเลียนเพื่อนร่วมช้ันของนักเรียน สาขาวิชาธุรกจิ ดอกไมแ้ ละงานประดษิ ฐ์ วิทยาลยั เทคนิคสมุทรสงคราม” แบบสอบถามนีเ้ ป็นการเก็บข้อมูลเพ่ือการวจิ ัยของนักศึกษาฝกึ สอน สาขาคหกรรมศสาตร์ศกึ ษา คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลกรงุ เทพ **************************** โปรดใส่เคร่ืองหมาย √ ลงในชอ่ งวา่ งท่ีตรงกับความเปน็ จริง ตอนท่ี 1 ข้อมูลทวั่ ไป 1. เพศ ( ) ชาย ( ) หญงิ 2. อายุ ( ) 15 ปี ( ) 16 ปี ( ) 17 ปี ( ) 18 ปี ( ) 19 ปี ( ) 20 ปขี ้ึนไป 3. ระดับการศกึ ษา ( ) ปวช. 1 ( ) ปวช. 2 ตอนที่ 2 คาช้แี จ้ง โปรดใส่เครอื่ งหมาย √ ลงในช่องว่างท่ีตรงความเป็นจริง ระดบั ความคดิ เหน็ 5 หมายถึง เห็นด้วยทสี่ ุด 4 หมายถงึ เหน็ ด้วย 3 หมายถึง เฉยๆ 2 หมายถงึ ไม่ เห็นด้วย 1 หมายถึง ไมเ่ หน็ ดว้ ยท่สี ดุ รำยกำร ระดบั ควำมคดิ เหน็ 54321 1. นกั เรียนทมี่ ีพฤตกิ รรมล้อเลยี นเพือ่ นร่วมช้นั - ไม่คอ่ ยมีความเชอ่ื มัน่ ในตวั เอง - เคยถกู เพอื่ นลอ้ เลียนมาก่อน - ตอ้ งการเข้าสงั คม เปน็ ทยี่ อมรบั - เรียกรอ้ งความสนใจจากเพอ่ื น และ ครู
๒๓ - ถกู เพอ่ื นกดดนั ให้ทาตาม - ต้องการมอี านาจภายในกลมุ่ 2. พฤติกรรมการล้อเลยี นเพ่ือนร่วมชั้น - ล้อช่อื พ่อแม่ - รูปร่าง หน้าตา บคุ ลกิ ภาพ - ปมด้อยของเพอื่ น - การลอ้ เลยี นผา่ นสือ่ ออนไลน์ - การใช้คาพูดล้อเลียนในบริเวณท่ีมีจานวนคน มากๆ - การพูดจาเสียงดัง ให้ผู้อื่นหันมาสนใจผู้ที่ถูก ล้อเลยี น 3. นกั เรียนทถ่ี กู เพ่ือนรว่ มชั้นล้อเลียน - โลกสว่ นตัวสงู - ไม่สู้ ไมต่ อบโต้ ไมม่ ีปากเสียง - เปน็ ทีน่ ยิ มใหห้ มเู่ พ่ือนๆ - รูปรา่ ง หนา้ ตา บคุ ลิกภาพทแี่ ตกต่าง - มีสาเหตใุ ห้เพอ่ื นรว่ มชั้นเกิดการล้อเลียน เช่น ล่ืนล้ม หรือ การทาอะไรผิดพลาดในท่ีคน เยอะๆ - ไม่เข้าร่วมกิจกรรม หรือ งานอ่ืนๆกับเพ่ือน รว่ มชนั้ 4. แนวทางการแก้ปญั หาพฤติกรรมการลอ้ เลยี นเพื่อนรว่ มชั้น - จับกลมุ่ ทากจิ กรรมร่วมกนั ภายในหอ้ งเรยี น - ให้นักเรียนที่มีพฤติกรรมล้อเลียน และ นักเรียนที่ถูกล้อเลียน พูดคุยแลกเปล่ียน ความคิดเห็นของกันและกัน - มีกล่องความคิดเห็นสาหรับนักเรียนที่ไม่กล้า แสดงออกหรือไม่กล้าพูดกับเพื่อน และ ครูผสู้ อน - ครผู สู้ อนจัดกิจกรรมแนะแนวท้ายช่ัวโมง เพ่ือ เปน็ การรับฟังปัญหาของนกั เรยี น
๒๔ ประวตั ิผู้วจิ ยั นางสาวนราพร ชาติพุก ช่ือเล่น ฟิล์ม วนั เกดิ วนั ศกุ ร์ ท่ี 9 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2539 อายุ 22 ปี ภูมิลาเนา 8/2 หมู่ 3 ตาบล แหลมใหญ่ อาเภอ เมอื ง จงั หวัดสมทุ รสงคราม 75000 ประวัติการศึกษา ระดับชน้ั อนบุ าล 1-3 โรงเรียนดรณุ านุกูล ปี 2542 - 2544 ระดับชนั้ ประถมศกึ ษา 1-6 โรงเรยี นเมืองสมุทรสงคราม ปี 2545 - 2550 ระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาตอนตน้ โรงเรยี นถาวรานกุ ูล ปี 2551 - 2553 ระดับประกาศนียบัตรวชิ าชีพ วิทยาลยั เทคนิคสมุทรสงคราม ปี 2554 - 2556 ระดบั อุดมศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ปี 2557 – ปัจจุบนั
Search
Read the Text Version
- 1 - 24
Pages: