ความรู้เกี่ยวกบั มนุษย์พลงั งานกบั กระแสไฟฟา้ ในรา่ งกายมนุษย์ ความต้านทาน (Impedance) กระแสไฟฟา้ จะไหลผ่านรา่ งกายมากหรอื น้อยขึ้นอยู่กับความต้านทาน รวมซ่ึงเป็นองคป์ ระกอบท่ีสาคัญอย่างหนึ่ง ความต้านทานรวมน้ีคือ ความต้านทานของตัวนาไฟฟ้า ความ ตา้ นทานของรา่ งกาย ความตา้ นทานของดิน ในกรณีที่กระแสไฟฟา้ ไหลลงสดู่ นิ ความต้านทานของร่างกายคน เปลีย่ นแปลงไดข้ น้ึ อยกู่ บั คณุ สมบัติทางกายภาพของแต่ละคน สภาวะทางอารมณ์และความชื้นบนผิวหนัง ความต้านทานของร่างกายจะลดลงอย่างมากเมื่อผวิ หนังเปยี กชนื้ จากรูปเมอื่ รา่ งกายสมั ผสั กบั สายไฟ 1 เส้นจะ มอี นั ตรายนอ้ ยกว่าการท่ีรา่ งกายสมั ผัสกบั ไฟฟา้ ทั้ง 2เส้น เน่ืองจากกรณีแรกมีความต้านทานรวมมากกว่าคือ ความต้านทานของรา่ งกายจากมอื ถึงเทา้ และความตา้ นทานเน่ืองจากดิน กรณีท่สี องทางเดินของกระแสไฟฟ้า มรี ะยะทางอันส้นั และความตา้ นทานรวมนอ้ ยกวา่ มากอาจจะทาให้เสยี ชีวิตไดท้ ันที
ร่างกายคนเรามคี วามตา้ นทานตอ่ ไฟฟา้ เทา่ ไร ? ความตา้ นทานของร่างกายตอ่ ไฟฟ้า เป็นปจั จัยหน่ึงท่ที าให้เกดิ อันตรายเกิดขนึ้ ต่อมนษุ ย์ ผวิ หนงั เปน็ ตวั ควบคุมปรมิ าณของกระแสไฟฟ้าให้ไหลผา่ นเข้าได้มากหรือน้อย จากการศกึ ษาพบวา่ - ผิวหนงั แหง้ มคี วามต้านทาน 100,000-600,000 โอห์มต่อตารางเซนติเมตร - ผิวหนังเปียก มคี วามต้านทาน 1,000 โอหม์ ต่อตารางเซนติเมตร - ความต้านทานภายในร่างกายจากมอื ถงึ เท้า (ไม่มีผิวหนงั ) 400-600 โอห์มตอ่ ตารางเซนตเิ มตร - ความต้านทานระหวา่ งช่องหู ประมาณ 100 โอห์มต่อตารางเซนตเิ มตรโดยทั่วไปในทางปฏบิ ัติ กาหนดคา่ ความต้านทานตอ่ ไฟฟา้ ของคนท่ที างานกับไฟฟา้ ไว้ 1,000 โอหม์ การคานวณ : ชา่ งไฟฟ้าทางานกับสายไฟฟา้ แรงดัน 12,000 โวลต์ มือพลาดไปโดนสายไฟ ทาให้มกี ระแสไหล ผา่ นลงดนิ ทฝ่ี ่าเทา้ ที่สมั ผสั อยู่กับเสาคอนกรตี การคานวณกระแสทไ่ี หลผา่ นรา่ งกาย จากกฎของโอหม์ แรงดนั = กระแสไฟฟ้า x ความตา้ นทาน กระแสที่ไหลผา่ นร่างกาย = 12,000 โวลต์ / 1,000 โอหม์ = 12 A = 12000 mA รา่ งกายของมนษุ ยส์ ามารถผลติ กระแสไฟฟา้ ไดเ้ ทา่ ไหร่ โดยมาตรฐานทัว่ ไปแล้ว รา่ งกายของคนเรานัน้ สามารถผลิตกระแสไฟฟา้ ไดโ้ ดยเฉลย่ี 100 วตั ต์ ใน 1 วัน สาหรับคนทมี่ รี ่างกายสมบรู ณแ์ ข็งแรง อย่างเชน่ นกั กฬี า สามารถสรา้ งกระแสไฟฟ้าไดส้ ูงสุดถงึ 300-400 วัตต์ ซึง่ อาจสูงมากกว่าน้ีแลว้ แตศ่ ักยภาพของบุคคล กระแสไฟฟ้าในรา่ งกายของมนุษย์นัน้ เกิดจากพลังงาน ความร้อนในรา่ งกายทีเ่ ราได้มาจากการทานอาหารยง่ิ เรากินอาหารและเกดิ การเผาผลาญในร่างกายมาก เท่าไหร่ ความร้อนท่ีเกดิ ในรา่ งกายน้ันก็จะผลติ กระแสไฟฟา้ เพ่ิมมากยิ่งขึ้นขน้ึ เทา่ นน้ั นอกจากน้มี ีการพฒั นาเทคโนโลยีใหม่ลา่ สุดทีช่ ่วยเก็บเกี่ยวพลงั งานไฟฟา้ จากการเคล่ือนไหวของ มนษุ ย์ โดยเทคโนโลยีมชี อ่ื วา่ Power Felt ถูกพัฒนาขึ้นโดย Corey Hewitt นักศึกษาปริญญาเอกสาขา Center of Nanotechnology and Molecular Materials จาก Wake Forest University ด้วยการใช้วธิ ี งา่ ยๆในการสรา้ งพลงั งาน thermoelectric จากรา่ งกายของคน ได้ผลติ วัสดแุ บบใหม่ด้วย nanotubes สอด เข้าไปใน plastic fibers โดยการใช้ความแตกต่างระหวา่ งอณุ หภูมใิ นการสรา้ งพลังงานไฟฟ้า วสั ดุแบบใหมน่ ้มี ี ความยดื หยุ่นสูงซึ่งอาจนาไปประยกุ ต์ใช้ทาเส้ือผ้าและใช้ความร้อนจากรา่ งกายเปน็ เครอื่ งกาเนิดไฟฟา้ หรือ อาจจะนามาทาชน้ั ท่คี ั่นระหว่างฉนวนกันความร้อนและหลังคาบา้ น หรือใชท้ าเปน็ ทห่ี ุม้ เบาะรถยนต์ เพือ่ เกบ็ เก่ียวความรอ้ นจากแสงอาทิตยม์ าผลติ เป็นกระแสไฟฟ้าได้
Search
Read the Text Version
- 1 - 2
Pages: