Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน้าที่พลเมืองที่ควรรู้

หน้าที่พลเมืองที่ควรรู้

Published by chaiwat1990na, 2021-05-09 04:24:37

Description: หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรมและการดำเนินชีวิตในสังคม

Search

Read the Text Version

หน้าท่พี ลเมืองท่ีควรรู้ 1. พลเมอื งดีตามวิธปี ระชาธปิ ไตย 2. การเป็นพลเมืองดีของสงั คม 3. สทิ ธิ เสรภี าพและหนา้ ท่ีของชนชาวไทย 4. การเมืองการปกครองของไทย พลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย หมาย ถึง การดาเนนิ ชีวติ ของคนในสงั คม โดยยดึ หลกั ประชาธิปไตย ในการอยรู่ ว่ มกนั ปฏิบตั กิ ันดว้ ย ความเคารพ ร่วมกันทาประโยชน์เพอ่ื ความสงบสุขของส่วนรวมตลอดจนการใชส้ ตปิ ญั ญาและความ เฉลียว ฉลาดในการแก้ปัญหาทัง้ มวลจนเปน็ นสิ ัย หลักปฏบิ ัติของพลเมืองดตี ามวิถปี ระชาธิปไตย อาจพจิ ารณาจากพฤติกรรม ในหลกั ธรรม 3 ประการ คือ 1. คารวธรรม 2. ปัญญาธรรม 3. สามคั คีธรรม ลกั ษณะของพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย 1. ร้แู ละปฏิบตั ิตามกฎหมาย 2. การยึดม่ันในการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษตั ริย์เป็นประมุข 3. การภาคภมู ิใจและรักษาวัฒนธรรมประเพณีของสังคม 4. การสรา้ งความเจรญิ กา้ วหนา้ ในสังคม 5. มคี ุณธรรมและจริยธรรมในการดาเนนิ ชวี ิต

6. คุณธรรม จริยธรรม เปน็ แนวทางในการดาเนินชวี ิตทีช่ ว่ ยใหส้ มาชกิ ในสังคมอยรู่ ่วมกนั อย่างมีความ สุข คุณธรรมในการอย่รู ว่ มกนั เชน่ สงั คหวัตถุ 4 7. สงั คหวตั ถุ 4 คือ หลักธรรมทเ่ี ป็นเครื่องยดึ เหน่ียวน้าใจซ่ึงกันและกัน เปน็ หลักสร้างความสามคั คีในสังคมมี 4 ประการ ได้แก่ ทาน คือ การแบง่ ปนั สิ่งของ เพื่อชว่ ยเหลือเอ้ือเฟอ้ื กัน ปยิ วาจา คอื การกล่าววาจาไพเราะ อ่อนหวาน ไม่พดู คาหยาบคาย อัตถจรยิ า คือ การบาเพ็ญตนใหเ้ ปน็ ประโยชนต์ ่อกนั แสดงความมีจิตใจดีงาม มี ความปรารถนาดีต่อกนั และสมานตั ตตา คือ การรู้จักวางตนให้เหมาะสมเพ่ือให้เข้ากบั ผู้อื่นได้ การเป็นพลเมืองดีของสังคม 1. การปฏิบัตติ นเป็นพลเมืองดตี ามสถานภาพ สถานภาพ หมายถึง ฐานะหรอื ตาแหนง่ ของบุคคลท่ีไดร้ บั ในทางสังคม โดนสถานภาพจะเปน็ ตัวกาหนด สทิ ธิและหนา้ ท่ขี องบุคคลในสังคมวา่ ควร ปฏบิ ัตติ อ่ ผู้อน่ื อย่างไร สถานภาพของบคุ คล แบง่ เป็น 2 ประเภท คือ สถานภาพทต่ี ิดตัวมาแต่กาเนิด และสถานภาพทีไ่ ด้มาภายหลังประเภทสถานภาพ 1) สถานภาพที่ติดตัวมาแต่กาเนิด เป็นสถานภาพที่บุคคลได้มาตง้ั แตเ่ กดิ โดยสงั คมเป็นผูก้ าหนดได้แก่ - สถานภาพทางเพศ เชน่ เพศชายเรยี กวา่ เดก็ ชาย หรือนาย เพศหญิง เรยี กวา่ เด็กหญิง หรอื นางสาว หรือ นาง เป็นต้น - สถานภาพทางเช้ือชาติ เช่น เชอ้ื ชาตไิ ทย เชอ้ื ชาติจนี เชอ้ื ชาตอิ เมรกิ นั เปน็ ตน้ - สถานภาพทางเครอื ญาติ เชน่ ลูก หลาน พี่ น้อง เปน็ ตน้ 2) สถานภาพที่ได้มาจากความสามารถหรือการกระทา เป็นสถานภาพที่ได้มาภายหลัง เพม่ิ เตมิ จากสถานภาพ เดิม ได้แก่ - สถานภาพ ทางการศึกษา เชน่ จบปรญิ ญาตรี ได้รับสถานภาพเป็นบณั ฑิต จบปริญญาโทไดร้ ับสถานภาพเปน็ มหาบัณฑติ หรือจบปรญิ ญาเอกไดร้ บั สถานภาพเปน็ ดษุ ฎีบณั ฑติ เปน็ ต้น - สถานภาพทางอาชพี เช่น ทหาร ตารวจ ครู แพทย์ นักธุรกจิ เปน็ ต้น - สถานภาพทางสมรส เช่น สามี ภรรยา เป็นตน้

บทบาท หมายถึง การปฏิบัติตามสถานภาพของแต่ละบุคคล เช่น สถานภาพเปน็ พ่อแม่ มบี ทบาท คือการ เลย้ี งดู อบรมสงั่ สอนให้บุตรเป็นคนดขี องสังคม สถานภาพเปน็ ลกู มีบทบาทตอ้ งเชือ่ ฟังคาสั่งสอนของพ่อแม่ และดูแลท่านเม่อื ยามแก่ ชรา เป็นต้น สิทธิ คอื ประโยชนท์ ่ีบคุ คลควรจะได้รับตามกฎหมาย สิทธจิ ะทาใหบ้ ุคคลทราบว่า ประโยชน์ท่ีตนเอง ไดร้ ับหรือต้องหลกี เล่ียง การปฏบิ ตั ิตนเป็นพลเมืองดตี ามสทิ ธิ จะทาใหบ้ คุ คลทราบวา่ สิ่งใดควรทา สง่ิ ใดไม่ควร ทาเชน่ สทิ ธขิ องบุคคลในทรัพยส์ ินยอ่ มได้รับการคุ้มครอง สทิ ธิของบุคคลซ่งึ เป็นผู้บรโิ ภค ย่อมได้รบั การ ค้มุ ครองสิทธใิ นการรับทราบข้อมลู หรือข่าวสารสาธารณะในครอบครองของ หนว่ ยราชการ สทิ ธิในการชุมนุม ตอ่ ตา้ นโดยสันติวธิ ี เปน็ ตน้ เสรภี าพ หมายถงึ ความเป็นอิสระของบุคคลท่จี ะกระทาสง่ิ ใดสิ่งหนง่ึ ภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย เชน่ เสรีภาพในการนบั ถือศาสนา เสรภี าพในการแสดงความคดิ เห็น เสรภี าพในการประกอบอาชีพ เปน็ ต้น เสรภี าพของประชาชนชาวไทย เชน่ เสรีภาพในชีวติ และร่างกาย เสรภี าพในเคหสถาน สิทธแิ ละหนา้ ท่ีเป็ นส่งิ ค่กู ัน เมื่อบคุ คลไดร้ ับสทิ ธิ ซงึ่ เป็ นผลประโยชน์ส่วนตน ก็จะไดร้ ับความคุ้มครอง โดยกฎหมาย บุคคลต้องมีหน้าที่ ควบคไู่ ปดว้ ย เพื่อประโยชนข์ องประทศชาตโิ ดยรวม รฐั ธรรมนญู กาหนด หน้าท่ขี องชนชาวไทยไว้ เช่น หน้าทรี่ ักษาชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์และการปกครองระบอบประชาธิปไตย ตามรัฐธรรมนญู หนา้ ที่ป้องกันประเทศ หรือหนา้ ท่รี ับราชการทหารตามท่ีกฎหมายกาหนดหน้าท่ปี ฏบิ ตั ติ าม กฎหมาย หนา้ ที่การไปใชส้ ิทธิเลือกตัง้ และหน้าท่ีการเสียภาษี เป็นตน้ การเมืองการปกครองของไทย อานาจอธปิ ไตย เป็นอานาจสงู สดุ ในการปกครองประเทศ เป็นอานาจของปวงชนชาวไทย โดย พระมหากษัตรยิ ์ทรงใช้พระราชอานาจนีต้ ามบทบญั ญตั ิแห่งรัฐธรรมนญู อานาจนติ บิ ัญญตั ิ เปน็ อานาจทใี่ ชใ้ นการออกกฎหมาย และควบคมุ การบรหิ ารราชการแผ่นดิน ทรงใช้ อานาจนิตบิ ญั ญัตผิ า่ นทางรัฐสภา ประกอบด้วย สภาผูแ้ ทนราษฎร และวุฒิสภา อานาจบรหิ าร เปน็ อานาจท่ใี ช้ในการบริหารประเทศ และการบงั คับใชก้ ฎหมาย ทรงใช้อานาจบรหิ าร ผา่ นทางคณะรฐั มนตรี หรอื รัฐบาล มที ัง้ หมด 36 คน ประกอบด้วยนายกรฐั มนตรี 1 คนและรัฐมนตรอี ีกไมเ่ กิน 35 คน

อานาจตุลาการ เปน็ อานาจในการตดั สินคดคี วามต่าง ๆ ให้เปน็ ไปตามกฎหมาย ทรงใชอ้ านาจตุลาการ ผา่ นทางศาล ศาลของไทย ประกอบด้วย ศาลยุตธิ รรม ศาลรฐั ธรรมนูญ ศาลปกครอง ศาลทหาร อานาจอธิปไตยท้ัง 3 สว่ น แม้จะแบง่ แยกจากกัน แต่กม็ ีความสมั พันธ์กนั รฐั สภามีอานาจด้านนิติบัญญตั ิ และควบคุมการบริหารราชการแผน่ ดนิ ของคณะ รฐั มนตรี ใหเ้ ปน็ ไปตามทปี่ ระชาชนต้องการ สว่ นอานาจดา้ น บริหารก็สามารถถว่ งดลุ อานาจนติ ิบัญญัติโดยการประกาศยุบสภา เพ่ือให้มีการเลอื กต้งั ใหม่เปน็ การคืนอานาจ อธปิ ไตยให้แก่ประชาชน สาหรับอานาจตุลาการแมจ้ ะมีอสิ ระในการพิพากษาคดตี ่าง ๆ แตก่ ็ตอ้ งปฏบิ ตั ิตาม กฎหมายท่ีอานาจนิติบัญญตั ิ บัญญตั ิขนึ้ การบริหารราชการแผ่นดนิ การบริหารราชการสว่ นกลาง เป็นการบรหิ ารราชการทร่ี วมศูนยก์ ารบริหารไวท้ ี่รัฐบาล มีส่วนราชการ ทีม่ ีฐานะเป็นกระทรวง ประกอบด้วย สานักนายกรัฐมนตรี กระทรวงกลาโหม กระทรวงการพฒั นาสงั คมและ ความมน่ั คงของมนษุ ย์ กระทรวงการตา่ งประเทศ กระทรวงการคลัง กระทรวงศกึ ษาธกิ าร กระทรวงการ ทอ่ งเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรพั ยากรและะสงิ่ แวดลอ้ ม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลงั งาน กระทรวงเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร กระทรวงพาณิชย์กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยตุ ิธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงวฒั นธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวง สาธารณสขุ และกระทรวงอุตสาหกรรม การบรหิ ารราชการสว่ นภูมภิ าค เปน็ การปฏบิ ัติราชการตามท่ีสว่ นกลางมอบหมายใหด้ าเนนิ การ ประกอบด้วยหน่วยงาน ในภูมิภาค ไดแ้ ก่ จังหวดั อาเภอ เป็นต้น การบริหารราชการสว่ นท้องถิน่ เป็นการกระจายอานาจให้องค์กรส่วนท้องถ่ินดาเนนิ การ ไดแ้ ก่ องคก์ าร บริหารสว่ นจงั หวดั ( อบจ.) องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบล ( อบต. ) เทศบาล และการบริหารสว่ นทอ้ งถิ่นอน่ื ตามกฎหมายกาหนด เช่น กรงุ เทพมหานคร และเมืองพัทยา เป็นตน้ การปกครองในระดบั ภมู ิภาคและท้องถน่ิ ประเทศไทยแบง่ เขตการปกครองออกเปน็ 77 จงั หวดั โดยมีรปู แบบการปกครองในระดับจังหวดั 2 รปู แบบ คือ 1. การปกครองสว่ นภูมภิ าค คือ การบรหิ ารราชการสว่ นจงั หวดั และอาเภอ

- จังหวัดมผี ู้ว่าราชการจงั หวดั เป็ นหัวหนา้ ในการบรหิ ารราชการ เพือ่ ดูแลทกุ ขส์ ขุ ของราษฎรในจงั หวัด แต่ละ จังหวัดจะประกอบด้วยอาเภอตา่ ง ๆ หลายอาเภอ - อาเภอ มนี ายอาเภอเป็นหัวหน้าบริหารราชการ ในแต่ละอาเภอประกอบดว้ ยตาบลต่าง ๆ หลายตาบลมี กานันเป็นผ้ปู กครอง ในแต่ละตาบล มีหลายหมู่บา้ น มีผ้ใู หญ่บ้านเป็ นผู้ดูแลความสงบสุข การปกครองส่วนทอ้ งถิ่น คอื การบรหิ ารราชการโดยองค์กร ปกครองส่วนท้องถ่ิน มี 5 รปู แบบ ได้แก่ - องคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั (อบจ.) ประกอบ ดว้ ย สภาองค์การบริหารส่วนจงั หวดั ทาหน้าทีใ่ นการออก กฎหมาย ตลอดจนควบคุมการทางานของฝา่ ยบริหาร และนายกองค์การบริหารสว่ นจังหวัด ทาหน้าที่ บริหารงานให้เป็นไปตามความตอ้ งการของประชาชน - องค์การบริหารส่วนตาบล ( อบต. ) ประกอบ ด้วย สภาองค์การบริหารส่วนตาบลทาหน้าท่ใี นการออก กฎหมาย ตลอดจนควบคุมการทางานของฝ่ายบริหาร และนายกองค์การบริหารสว่ นตาบล ทาหนา้ ที่ บรหิ ารงานให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชน - เทศบาล ประกอบดว้ ยสภาเทศบาลทาหน้าท่ใี นการออกกฎหมาย ตลอดจนควบคมุ การทางานของฝา่ ย บรหิ าร และนายกเทศมนตรีทาหนา้ ท่บี ริหารงานให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชน พ้นื ที่ - กรงุ เทพ มหานคร ประกอบดว้ ยสภากรุงเทพมหานคร มหี น้าทต่ี ราระเบียบกฎหมาย เช่น เสนอและพจิ ารณา รา่ งข้อบัญญัติ เปน็ ต้น และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ทาหน้าทีบ่ ริหารงานใหเ้ ปน็ ไปตามความต้องการของ ประชาชนพ้นื ที่กรงุ เทพมหานคร - เมอื งพัทยา ประกอบด้วยสภาเมืองพัทยา มีหนา้ ท่ีตราข้อบังคบั เมืองพัทยา และนายกเมอื งพทั ยาทาหนา้ ที่ ควบคุมและรบั ผิดชอบการบริหารงานของเมืองพัทยา วัฒนธรรม และการดาเนนิ ชวี ิต กฎหมาย หมายถงึ ขอ้ บังคบั ท่ีรฐั หรอื ประเทศได้กาหนดข้ึน เพ่ือใช้บงั คบั ความประพฤติของบุคคลใน เรอื่ งความสัมพันธ์ระหวา่ งกนั ถา้ ใครฝา่ ฝืนไม่ปฏบิ ตั ติ าม ก็จะมีความผิด ถูกลงโทษในการดาเนนิ ชีวติ ทุกคน ต้องเกีย่ วขอ้ งกบั กฎหมาย จงึ ต้องมีความรคู้ วามเขา้ ใจเกี่ยวกับกฎหมายท่ีเกยี่ วข้อง และปฏบิ ตั ติ ามกฎหมาย ย่อมเกิดประโยชนต์ ่อตนเองและส่วนรวม สร้างความเปน็ ระเบยี บเรียบรอ้ ยและความสงบสขุ ในสังคม

กฎหมายทีเ่ กี่ยวข้องกบั การดาเนนิ ชีวิต ทะเบียนราษฎร์ หมายถึง ทะเบียนคนเกิด ทะเบียนคนตาย และทะเบียนบ้าน การมที ะเบียนราษฎร ทา ใหท้ ราบจานวนราษฎร เพศ การยา้ ยเขา้ ย้ายออก เพ่ือสะดวกแกท่ างราชการในด้านการบริหารงาน กฎหมาย ทะเบียนราษฎรทีเ่ กีย่ วข้องกบั การดาเนินชีวติ ของประชาชนในสงั คม กฎหมายทะเบียนราษฎร์ 1. การแจง้ เกดิ ต้องแจง้ เกิดกับนายทะเบยี น แลว้ นายทะเบียนจะออกใบ “ สูติบัตร” ใหเ้ ป็นหลักฐาน โดยตอ้ ง แจง้ เกดิ ภายใน 15 วัน 2. การแจ้งช่ือบตุ ร สามารถแจง้ พรอ้ มกับการเกิด หากต้องการเปล่ยี นแปลงชอื่ ต้องดาเนินการภายใน 6 เดอื น นบั จากวันแจง้ เกิดคร้ังแรก 3. การทาบตั รประจาตวั ประชาชน ประชาชนชาวไทยอายุต้ังแต่ 7 ปี บริบรู ณ์ จนถึง 70 ปี บรบิ ูรณ์ ตอ้ งขอทา บัตรประจาตัวประชาชน ณ ท่ีวา่ การอาเภอ หรือทว่ี า่ การเขต ภายใน60 วนั นับแต่วันทมี่ ีอายคุ รบ 15 ปี บรบิ ูรณ์ เมอ่ื บัตรประจาตวั ประชาชนชารดุ หรือสญู หาย ตอ้ งยื่นคารอ้ งขอมบี ตั รใหม่ภายใน 30 วนั ในกรณีสูญ หายตอ้ งแจง้ หายทีส่ ถานีตารวจ แล้วนาบันทกึ จากสถานีตารวจไปประกอบคาร้องขอมีบตั รใหม่ อายขุ องบัตร ประจาตัวประชาชน มกี าหนดใชไ้ ด้ 6 ปี เม่ือถึงกาหนดสน้ิ อายุบัตร ต้องไปติดต่อขอทาบัตรใหม่ภายใน60 วนั นับแตว่ นั ทบี่ ัตรหมดอายุ 4. การแจง้ ย้ายที่อยู่ การแจง้ ยา้ ยเขา้ และการแจ้งย้ายออกเจ้าบ้านหรอื ผไู้ ดร้ บั มอบอานาจ ต้องแจง้ ภายใน15 วัน นับแตว่ ันยา้ ยเขา้ หรือ ยา้ ยออก 5. การแจง้ ตาย ต้องแจ้งภายใน 24 ช่ัวโมง นับแต่เวลาตาย หรอื เวลา พบศพ นายทะเบยี นจะออกใบมรณะ บตั รใหแ้ ก่ผ้แู จ้งไว้เปน็ หลักฐาน

บรรทดั ฐานและวัฒนธรรมในสงั คมไทย บรรทัดฐาน คอื แบบแผน กฎเกณฑ์ ข้อบงั คบั ทีส่ ังคมกาหนดเพอื่ เป็นแนวทางใหส้ มาชกิ ในสงั คมยึดถือ และปฏบิ ตั ิแบง่ ออกเปน็ 3 ประเภท คอื 1. วถิ ี ประชา เป็นการปฏิบัตทิ ีเ่ ปน็ ปกตินิสยั จนเกิดความเคยชิน ไม่มีการบังคับ เชน่ มารยาทในการแตง่ กาย มารยาทในการรบั ประทานอาหาร มารยาทในการพดู การต้อนรบั แขกผ้มู าเยือน การให้ความเคารพผใู้ หญ่ การ กล่าวคาทกั ทายเม่ือพบกัน เป็นตน้ 2. จารีต เป็นแบบแผนท่สี มาชกิ ในสงั คมต้องปฏิบตั ิ เกีย่ วข้องกบั ศลี ธรรม เชน่ ความกตัญญูต่อพ่อแม่ความ ซอ่ื สัตยร์ ะหวา่ งสามภี รรยา เปน็ ต้น 3. กฎหมาย เปน็ ข้อกาหนดที่ตราข้ึนให้คนในสังคมทกุ คนต้องปฏบิ ตั ติ าม หากฝ่าฝืนหรือไมป่ ฏบิ ตั ติ ามจะไดร้ บั โทษ วฒั นธรรม หมาย ถึง แบบแผนการดาเนินชีวิตของคนในสังคม ทย่ี ึดถือปฏบิ ตั สิ บื ตอ่ กนั มาเป็นเวลาช้า นาน และเป็นส่งิ ท่แี สดงถึงความเจริญงอกงามของมนุษย์ ลกั ษณะทส่ี าคญั ของวัฒนธรรม คือ สิง่ ทีถ่ ่ายทอดโดย การเรียนรู้ เกิดจากการอบรมสั่งสอนและประสบการณต์ ่าง ๆ ท่ีได้รบั จากการเป็นสมาชิกของสงั คม เปน็ วถิ ี ชีวิตท่ีช่วยให้สมาชิกในสังคมดาเนินชีวิตอยา่ งมแี บบแผน และเป็นสิ่งทไ่ี มห่ ยุดนง่ิ มีการเปล่ยี นแปลงอยู่ ตลอดเวลาวัฒนธรรม มี 2 ลักษณะ คือ 1. วฒั นธรรมทางวตั ถุ ได้แก่ ส่ิงที่มนุษย์สร้างสรรคข์ น้ึ เพ่ือประโยชนข์ องคนในสังคม เชน่ อาคาร บ้านเรอื น สิ่งของเครื่องใช้ ยานพาหนะ สิ่งอานวยความสะดวกตา่ ง ๆ เป็นต้น 2. วัฒนธรรมทไี่ มใ่ ชว่ ัตถุ ได้แก่ แบบแผนการดาเนนิ ชีวติ ของคนในสงั คม เช่น ความเชื่อค่านิยม ศลี ธรรม จารตี ประเพณี ภาษาเป็นตน้ วฒั นธรรมไทย หมาย ถงึ ลกั ษณะทแี่ สดงถงึ ความเจริญงอกงามในสังคมไทย และวถิ กี ารดาเนินชีวติ ของ คนไทย ดังน้ันวฒั นธรรมจึงมีความหมายครองคลมุ ทุกส่ิงทุกอย่างทีม่ นษุ ยส์ ร้างข้นึ และเม่ือไดร้ ับการยอมรับใน สังคมก็ไดป้ ฏบิ ัตสิ ืบกันมาวฒั นธรรมแบ่งออกได้เปน็ 4 ประเภท คือ 1. คตธิ รรม หมายถึง วัฒนธรรมเกยี่ วกบั การดาเนินชวี ิต ส่วนใหญ่จะไดร้ ับอิทธพิ ลมาจากความเช่ือตามศาสนา โดยเฉพาะพระพุทธศาสนาท่ีคนส่วนใหญ่ของประเทศไทยนบั ถอื มาช้านาน ดังนนั้ พระพุทธศาสนาจึงมีอิทธพิ ล อยา่ งมากต่อการดาเนนิ ชีวิตของคนไทย

2. เนตธิ รรม หมายถงึ วฒั นธรรมที่เกี่ยวกบั ระบบการเมืองการปกครองรวมท้งั กฎหมายทบี่ งั คบั ใช้ในสงั คม เพ่อื การอยู่ร่วมกันอยา่ งสงบสุขและความเป็ นระเบียบเรียบรอ้ ยในสังคม 3. วัตถุธรรม หมายถึง วัฒนธรรมทเี่ กยี่ วกบั สิ่งประดิษฐ์ต่างๆที่มนุษย์สร้างขึน้ เชน่ เครอื่ งมือเครื่องใช้ต่างๆ สิง่ ก่อสร้าง ศิลปกรรม เป็นต้น 4. สหธรรม หมายถงึ วฒั นธรรมในการสงั คม เชน่ มารยาทไทย การแต่งกายแบบไทย เป็นต้น ทม่ี าของวัฒนธรรมไทย สภาพภมู ิประทศและสงิ่ แวดล้อมทางธรรมชาติ ภมู ิประเทศสว่ นใหญเ่ ป็ นท่ีราบลุ่มเหมาะแก่การ เกษตรกรรม ดงั น้ันเราจงึ มีประเพณเี กี่ยวกบั การทานา เชน่ พระราชพธิ ีพชื มงคลจรดพระนงั คลั แรกนาขวัญ การทาขวญั ขา้ ว ทาเลทตี่ ้งั ของประเทศไทย เป็นดนิ แดนทช่ี าวตา่ งชาติเดินทางมาค้าขายทาใหว้ ัฒนธรรมจากภายนอก ประเทศได้ เขา้ มามีอิทธิพลตอ่ สังคมไทย ได้แก่ วฒั นธรรมตะวนั ออก เชน่ จนี อินเดยี และวัฒนธรรมตะวนั ตก เช่น ยโุ รป อเมริกา สังคมไทยจึงรับวฒั นธรรมต่างชาติ ลว้ นนามาปรบั ปรุง ดัดแปลงให้เข้ากับ

วัฒนธรรมดง้ั เดมิ อิทธิพลทางความเชอื่ ของศาสนา โดยเฉพาะพระพุทธศาสนา เพราะคนไทยส่วนใหญ่ยอมรบั นบั ถือมา ชา้ นาน ทาใหค้ นไทยมคี วามคิด ความเชอื่ และคา่ นิยมตามหลกั ธรรมทางศาสนา ไดแ้ ก่ การให้อภัย การ เอือ้ เฟื้อเผื่อแผ่ ความมเี มตตากรุณา การทาบุญ การอ่อนน้อมถ่อมตน เปน็ ตน้ การเปลย่ี นแปลงทางวฒั นธรรม การ เปลย่ี นแปลงทางวัฒนธรรม มีสาเหตทุ ส่ี าคัญ มาจากความก้าวหนา้ ทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยสี ่งผลใหก้ ารใช้ชวี ิตของผ้คู นใน สังคมเกดิ การเปลีย่ นแปลง วฒั นธรรมด่งั เดิมถกู ละเลย เกิดจากการ แพร่กระจายทางวฒั นธรรมมีผลต่อการเปลยี่ นแปลงวิถชี ีวิตของผู้คนใน สงั คมไทย ทาใหเ้ กดิ การผสมผสาน กลมกลนื ทางวัฒนธรรม ทาใหเ้ กิดวัฒนธรรมใหม่ขึน้ มา เกิดการปรบั ตัวใหเ้ ข้ากับวัฒนธรรม เกิดการเลียนแบบ วัฒนธรรมหรอื เกิดการขอยืมวฒั นธรรมได้แก่ การใชภ้ าษาอังกฤษทบั ศัพท์ เช่น แชมพู ไอศกรีม แท็กซ่ี ซูเปอร์ มาร์เกตเปน็ ตน้ แนวทางการอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมไทย ศึกษาให้รแู้ ละเข้าใจคณุ คา่ ของวัฒนธรรม และช่วยกันรักษาวฒั นธรรมที่ดงี ามไว้ เช่น การแสดงความ เคารพ การละเลน่ พืน้ เมือง ประเพณีท้องถ่นิ เปน็ ต้น ส่งเสริมให้สมาชกิ ในชุมชนปฏิบตั ติ ามแบบแผนประเพณีทดี่ ีงาม รวบรวมวฒั นธรรมทอ้ งถ่นิ ทกี่ ระจัดกระจายใหม้ ารวมอยใู่ นแหล่งเดียวกนั เชน่ จัดสร้างพพิ ิธภัณฑ์ ศนู ย์ อนุรกั ษว์ ัฒนธรรมท้องถ่ิน เพ่ือเป็นแหล่งในการศึกษาและส่งเสริมวัฒนธรรมประจาท้องถิ่น เป็นตน้ สง่ เสรมิ และสรา้ งปราชญ์ทางวัฒนธรรมตั้งแตร่ ะดบั ท้องถ่ินและระดับชาติ เพื่อเปน็ กาลังสาคัญในการ อนุรักษ์และเผยแผ่วัฒนธรรมไทย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook