Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กาพย์

กาพย์

Published by MooSatae TH, 2022-09-06 17:20:57

Description: กาพย์

Search

Read the Text Version

สาระน่ารู้ สรุปความรู้ เรื่องกาพย์

ผู้จัดทำ นางสาวกันภิรมย์ สุขศาลา รหัสฯ ๐๐๑ นางสาวอภัสรา วิงประวัติ รหัสฯ ๐๐๓ นางสาวโพธิ์ศรี ศิริพันธ์ุ รหัสฯ ๐๑๐ นางสาวศิรินภา ผลวิงวอน รหัสฯ ๐๑๓ นางสาวสุพิชญา เลื่อนทอง รหัสฯ ๐๓๐

ก คำนำ หนังสือเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา การอ่านและการเขียนร้อยกรองไทย รหัสฯ ๑๕๔๑๒๑๔ เนื้อหาในรูปเล่ม กล่าวถึง ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของกาพย์ ฉันทลักษณ์ ของกาพย์ และการแต่งกาพย์ เช่น กาพย์ฉบัง กาพย์สุรางคนางค์ และกาพย์ยานี จุดประสงค์เพื่อให้ผู้เรียนและผู้ที่ได้ศึกษาค้นคว้า ศึกษาวิเคราะห์ ประวัติความเป็น มาของกาพย์ ฉันทลักษณ์ของกาพย์ และการแต่งกาพย์ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการนำไป ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในการจัดทำหนังสือเล่มนี้ทางคณะผู้จัดทำต้องขอขอบพระคุณ อาจารย์ ดร.จนัญญา งามเนตร อาจารย์ประจำรายวิชา การอ่านและการเขียนร้อยกรองไทย และ อาจารย์ประจำสาขาวิชาภาษาไทย วิทยาลัยการฝึกหัดครู มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ที่คอยช่วยให้คำปรึกษาและแนวทางในการจัดทำ ทางคณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านและผู้ที่ ต้องการศึกษาเนื้อหาที่เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของกาพย์ ฉันทลักษณ์ของกาพย์ และ การเเต่งกาพย์เป็นอย่างดี คณะผู้จัดทำ

สารบัญ ข เรื่อง หน้า คำนำ ก สารบัญ ข ความหมายของกาย์ ๑ ประวัติของกาพย์ ๒ คัมภีร์กาพย์ ๓ ประเภทของกาพย์ ๔ กายพ์ยานี๑๑ ๕ กาพย์ฉบัง ๗ กาพย์สุรางคนางค์ ๙ กาพย์ขับไม้ ๑๑ กาพย์ธนัญชยางค์๓๒ ๑๓ กาพย์นางกราย ๑๕ กาพย์ดอกแคร่วง ๑๘ สรุปความรู้ ๒๐ บรรณานุกรม ๒๑

๑ ความหมายของกาพย์ “กาพย์” ตามความหมายในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525 ให้ความหมายว่า “คำร้อยกรองจำพวกหนึ่ง มีหลายอย่าง เช่น กาพย์ฉบัง กาพย์สุรางคนางค์ กาพย์ยานี” คำว่า “กาพย์” นั้นมาจากคำว่า กาวฺย ในภาษาสันสกฤต ของเดิมน่า จะรวมทั้งฉันท์ด้วย เพราะคำว่า กาวฺย นี้ ภาษาบาลีหรือสันสกฤตใช้เรียกคำ ประพันธ์ได้ทุกอย่าง ภาษาไทยคงได้รับคำว่า “กาพย์” ตามความหมายนี้มา เบื้องต้น เนื่องจากเคยใช้คำซ้อนว่า “กาพย์กลอน” เรียกร้อยกรองทุกชนิด คำว่า “กาพย์” ตามนิรุกติศาสตร์ว่า มาจากคำภาษาบาลีว่า กวิ-กวี นั่นเอง กวิ-กวี แปลว่า นักปราชญ์ทางหนังสือ แผลง อิ หรือ อีเป็น ย จึงกลายเป็น กาวฺย แต่คำมีหลายพยางค์เกินไป จึงเปลี่ยน ว เป็น พ และการันต์ ย เสีย จึง กลายเป็น กาพย์ ดังที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน กาพย์ จึงแปลว่า คำของกวี ดังได้กล่าวมาแล้วว่า คำว่า กาพย์ ในความหมายเดิมหมายถึงร้อยกรองทุก ชนิด ไม่ว่าจะเป็นกาพย์ กลอน โคลง ฉันท์ หรือร่าย แต่ปัจจุบันเราใช้ในความ หมายแคบคือ หมายถึงคำของกวี กาพย์มีระเบียบบังคับคล้ายกับฉันท์ แต่ กาพย์มิได้กำหนด คำครุ ลหุ กวีจึงนิยมนำกาพย์ไปประพันธ์ร่วมกับฉันท์ เช่น สมุทรโฆษคำฉันท์ อนิรุทธ์คำฉันท์ อิลราชคำฉันท์ พระนลคำฉันท์ เป็นต้น นำ ไปประพันธ์ร่วมกับโคลง เป็นกาพย์ห่อโคลง กาพย์เห่เรือ เช่น กาพย์ห่อโคลง นิราศธารโศก กาพย์ห่อโคลงนิราศประพาสธารทองแดง กาพย์เห่เรือ กาพย์ เห่ชมเครื่องคาวหวาน เป็นต้น

๒ ประวัติของกาพย์ กาพย์ มีที่มาไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นคำประพันธ์เดิมของไทย หรือรับมาจากชาติอื่น ตำรากาพย์เก่าแก่ที่มีอยู่ในปัจจุบันคือ กาพย์ สารวิลาสินี และ กาพย์คันถะ แต่งเป็นภาษาบาลี ไม่ทราบชื่อผู้แต่ง แต่สันนิษฐานกันว่าแต่งขึ้นในล้านนาสมัยพระเจ้าติโลกราชแห่ง ล้านนา ซึ่งตรงกับสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถแห่งกรุง ศรีอยุธยา และเปลี่ยนแปลงมาจากกาพย์มคธเป็นกาพย์ไทยโดย บริบูรณ์ประมาณรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศแห่งกรุง ศรีอยุธยา (ที่มาจาก: https://th.wikipedia.org) คำว่า “กาพย์” มีมูลศัพท์มาจาก “กวิ” ปทานุกรมกระทรวง ธรรมการให้คำแปลเป็นเชิงอธิบายไว้ว่า “เหล่ากอกวี, นิพนธ์แห่งกวี คือหนังสือที่ร้อยกรองมีกำหนดครุ ลหุซึ่งเรียกว่าฉันท์ แต่ไทยเราใช้ ชื่อเป็นของคำประพันธ์บางประเภท” และต่อมาพจนานุกรมฉบับ ราชบัณฑิตยสถาน อธิบายว่า “กาพย์ คำร้อยกรองทั่วไป, คำร้อย กรอง ทำนองฉันท์แต่ไม่นิยมครุ ลหุ ” สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงประทานอธิบายไว้ว่า “ฉันท์ ใน ภาษาสันสกฤตเรียกว่า กาพย์ ก็มี เช่น กาวฺยมาลา ทสาวตารจริต เป็นต้นแต่กาพย์ในภาษาไทยนั้นตามที่ถือกันในชั้นหลัง แคบกว่านั้น ตกเป็นคำแต่งซึ่งมีรูปคล้ายฉันท์ แต่ไม่นิยมเสียงหนักเบา (กาพย์, ๒๕๐๔, หน้าที่๗)

ประวัติของกาพย์ ๓ (ต่อ) ท่านศาสตราจารย์เบอร์ก ได้เล่าถึงวรรณคดีแบบฮินดูในชวาไว้ว่า “ในเกาะชวาและบาหลี มีวรรณคดีชวาโบราณ เรียกว่า “กกวิน” คำว่า “กกวิน” นั้นมีความหมายเช่นเดียวกับคำว่า “กาวฺย” ในอินเดีย มีมูลธาตุ มาจากคำในภาษาสันสกฤต “กวิ” เทียบโต้กับ “poet” และคำว่า “กกวิน” นั้น ถ้าจะแปลให้ซาบซึ้งเข้าใจได้ง่าย ก็แปลว่า กาพย์ ในภาษาสันสกฤต นั่นเอง ผู้แต่งกกวินของชวาแต่โบราณ ก็เช่นเดียวกับกวีชาวอินเดีย คือ ต้องยึดหลักเกณฑ์ข้อบังคับตามที่วางไว้ในคัมภีร์กาวฺยาทรฺศ (กระจกของ กวี) ว่าตามแบบแผน กกวินย่อมต่างจากบทกวีนิพนธ์ชวาชนิดอื่น ๆ โดย ใช้มาตรา (เสียงครุลหุ) แบบอินเดีย ถึงแม้ว่ามาตรเหล่านี้ จะมีลักษณะของ พยางค์ต่างกัน และไม่ลงกับแบบสระเสียงหนักเบา (accent) ของคำและ ประโยคของชวาจึงเป็นผลทำให้ยึดสระในคำชวายาวขึ้นแพร่หลายไป ซึ่ง ไม่สามารถจะจำกัดลงไปได้เด็ดขาดว่า ส่วนไหนเป็นคำชวาเดิม และส่วน ไหนเป็นคำที่สร้างขึ้น (เพื่อได้มาตรา) เป็นทางให้กวีถือโอกาสที่ถูกบังคับ (ตามกฎการแต่งนั้น) เลยนำเอาคำสันสกฤตมาใช้อย่างฟุ่มเฟือย คำ สันสกฤตเหล่านั้น ส่วนมากที่เป็นคำนามและคำคุณศัพท์ แทนที่จะแจกวิ ภัดดิและกระจายคำไปตามแบบไวยากรณ์ของสันสกฤต แต่ได้ยืมมาใช้ อย่างคำที่เป็นมูลศัพท์” ตำรากาพย์เก่าแก่ที่มีอยู่ในปัจจุบันคือ กาพย์สาร วิลาสินี และ กาพย์คันถะ (กาพย์, ๒๕๐๔, หน้าที่๘)

คัมภีร์กาพย์สาร ๔ วิลาสินีและกาพย์คัน ถะ กวีนิพนธ์ชนิดที่เรียกว่า “กาพย์” ของเรานั้นเราจำกัดความ หมายต่างจากชนิดที่เราเรียกว่า “ฉันท์”และดูเหมือนจะรวมเอา โคลงและกลอนเข้าไว้ในคำว่า “กาพย์” ด้วย สมเด็จพระเจ้าบรม วงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราขานุภาพ ทรงกล่าวไว้ว่า “พบหนังสือ ตำรากาพย์อันแต่งไว้เป็นภาษามคธ ๒ คัมภีร์ เรียกว่ากาพย์สารวิลา สินีคกล่าวด้วยลักษณะกาพย์ ๑๕ กาพย์ อีกคัมภีร์เรียกว่า กาพย์คัน ถะ กล่าวด้วยลักษณะ ๕ กาพย์ รูปแห่งโคลง กาพย์ กลอน ภาษาไทย ดูมีสัมผัสใช้ตรงกับหนังสือ ๒ คัมภีร์นี้โดยมาก แต่หนังสือ ๒ คัมภีร์นี้ ไม่ได้กล่าวถึงลักษณะบังคับเอกโท ผู้รู้ภาษามคธสังเกตว่าเป็นภาษามคธที่แต่งขึ้นในชั้นหลัง เพราะ ภาษามคธและภาษาสันสกฤตในอินเดียหรือแม้ในลังกา ไม่เคยเห็นมี สัมผัสเลย สันนิษฐานกันว่าจะแต่งขึ้นในไทยเหนือ ราวแผ่นดิน สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ยุคที่พระสิริมังคลาจารย์แต่งคัมภีร์ มังคลัตถทีปนี อาจถือเอาวรรณคดีไทยพวกโคลง กาพย์ กลอน ไป แปลงขึ้นเป็นภาษามคธก็ได้ ที่ใช้ชื่อว่า กาพย์ นั้น ก็เพราะแปลว่า ของกวี ”

๕ ประเภทของกาพย์ กาพย์มี ๓ ชนิด คือ ๑.กาพย์ยานี ๒.กาพย์ฉบัง ๓.กาพย์สุรางคนางค์ กาพย์อื่น ๆ ในจินดามณี กาพย์อื่น ๆ ที่กล่าวไว้ในจินดามณี คือกาพย์ขับไม้ ภายหลังยังมี กวีประดิษฐ์กาพย์เพิ่มขึ้นอีกหลายชนิด เช่น พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่น พิทยาลงกรณ (น.ม.ส.) ได้ประดิษฐ์กาพย์ธนัญชยางค์ จำนวนคำ ๓๒ คำ เหมือนกาพย์สุรางคนางค์ โดยเพิ่มวรรคต้นอีก ๑ วรรค และได้นำไป ประพันธ์ในเรื่องสามกรุงด้วย นอกจากนี้ยังมีกวีรุ่นหลัง คือ ศิวกานท์ ปทุม สูติ ประดิษฐ์กาพย์อีกหลายชนิด เช่น กาพย์ดอกแคร่วง กาพย์สาวกระทาย ข้าว กาพย์หิ่งห้อย กาพย์ดอกฝน กาพย์สาวหาบน้ำ เป็นต้น และยังมีกาพย์ ที่พบในสมุดไทย เช่น กาพย์นางกราย ด้วย

๖ ประเภทของกาพย์ (ต่อ) ประเภทกาพย์อื่น ๆ จะกล่าวถึงกาพย์อื่น คือ กาพย์ขับไม้และกาพย์ประดิษฐ์ใหม่อีก ๓ ชนิด ดังนี้ ๑.กาพย์ขับไม้ ๒.กาพย์ธนัญชยางค์ ๓.กาพย์นางกราย ๔.กาพย์ดอกแคร่วง

๗ เเผนผัง กาพย์ยานี 11 หนึ่งบทมีสองบาท บาทละ 11 คำ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 5 คำ วรรคหลัง 6 คำ บังคับสัมผัสระหว่างวรรคที่ 1, 2 และ 3 ทิ้งสัมผัส วรรคที่ 4 สัมผัสระหว่างบทส่งจากท้ายบทแรกไปยังท้ายบาทแรกของบท ต่อไป

คำประพันธ์ ๘ เรื่อยเรื่อยมารอนรอน ทิพากรจะตกต่ำ สนธยาจะใกล้ค่ำ คำนึงหน้าเจ้าตราตรู นกบินเฉียงไปทั้งหมู่ เรื่อยเรื่อยมาเรียงเรียง เหมือนพี่อยู่เดียวดาย ตัวเดียวมาพลัดคู่ (กาพย์เห่เรือ เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร,๒๕๕๒,หน้า ๒๑) มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารสร้อนแรง ล ชายใดได้กลืนแกง แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา ยําใหญ่ใส่สารพัด วางจานจัดหลายเหลือตา ร รสดีด้วยน้ำปลา ญี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ ตับเหล็กลวกหล่อนต้ม เจือน้ำส้มโรยพริกไทย โอชาจะหาไหน ไม่มีเทียบเปรียบมือนาง (กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานฯ : รัชกาลที่ ๒)

๙ แผนผังกาพย์ฉบัง

๑๐ กาพย์ฉบัง ร้อนร้าวราวในไฟกูณฑ์ เร่าเร้าเผาพูน เทวศบ่เว้นเข็ญขืน เมียงามตามกลืน เศขรตอนเขิน เดินป่าคลาคล่ำค่ำคืน พระอัสสุชำดำเนิน โหยไห้ในแถวแนวเถิน มหามหิงส์สิงเสือ (พระราชวรวงศ์เธอกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์, ๒๕๑๑,หน้า ๒๑๓) อินทรชิตบิดเบือนกายิน เหมือนองค์อัมรินทร์ ทรงคชเอราวัณ ช้างนิมิตฤทธิแรงแข็งขัน เผือกผ่องผิวพรรณ สีสังข์สะอาดโอฬาร์ สามสิบสามเศียรโสภา เศียรหนึ่งเจ็ดงา ดั่งเพชรรัตน์รูจี งาหนึ่งเจ็ดโบกขรณี สระหนึ่งย่อมมี เจ็ดกออุบลบันดาล (บทพากย์เอราวัณ : รัชกาลที่ ๒)

๑๑ แผนผัง กาพย์สุรางคนางค์ กาพย์สุรางคนางค์นี้ พระยาอุปกิตศิลปสารอธิบายว่า กาพย์สุรางคนางค์บางทีก็ใช้ว่า สุรางคณา แปลว่า นางฟ้า ด้วยกันทั้ง 2 อย่าง บางทีเขียนกาพย์ 28 กาพย์สุรางคนางค์โบราณไม่นิยมใช้สัมผัสเชื่อม ในวรรคที่ 4 และ 5 ดังตัวอย่างต่อไปนี้

๑๒ กาพย์สุรางคนางค์ ตัวอย่างบทประพันธ์ สรวมชีพขอถวาย บังคมโดยหมาย ภักดีรมย์ เพื่อให้แจ้งแจง เสร็จจำนองฉันท์ จำแนกนิยม วิธีนุกรม (พระยาอุปกิตศิลปะสาร, 2511, น.436) บางกวีก็เพิ่มสัมผัสบังคับให้ครบทุกวรรค คือวรรคสุดท้ายของบทให้รับ สัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคที่ 6 ด้วย เช่น ในกาพย์พระไชยสุริยา ดังนี้ ส่วนสุมาลี วันทาสามี เทวีอยู่งาน เฝ้าอยู่ดูแล เหมือนแต่ก่อนกาล ให้พระภูบาล สำราญวิญญาณ์ (สุนทรภู่, 2529,น.8)

กาพย์ขับไม้ ๑๓ กาพย์ขับไม้เป็นกาพย์ที่มีมาแต่เดิม แต่ปัจจุบันไม่นิยมแต่ง โดยกาพย์ ขับไม้มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า กาพย์สุรางคนางค์ ๓๖ ใช้ร้องขับกับเพลงซอ และบัณเฑาะว์ในพิธีกรรมต่าง ๆ โดยกาพย์ขับไม้ต้องแต่งสลับ โคลงขับไม้เสมอ โดยแต่งกาพย์ขับไม้ ๒ บท และโคลงขับไม้ ๒ บท ในกาพย์ ขับไม้ ๑ บทจะมี ๓๖ คำ แบ่งเป็น ๙ วรรค วรรคละ ๔ คำ กาพย์ขับไม้มีลักษณะคล้าย ๆ กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ แต่เพิ่มคำ เข้าไปบทละ ๒ วรรค ทำให้มีจำนวนคำบทละ ๓๖ คำ สำหรับโคลงขับไม้ที่ใช้ แต่งคู่กับกาพย์ขับไม้นั้น เป็นโคลงที่มีลักษณะเช่นเดียวกับโคลงสี่สุภาพ แต่ ไม่มีบังคับคำเอก คงกำหนดไว้แต่คำโท และคำโทที่ห้าบาทต้นนั้นจะใช้ลงคำ ที่สี่ก็ได้ ซึ่งข้อยกเว้นเรื่องคำโทคำที่ห้านี้ เพื่อให้ตำแหน่งนี้เป็นคำสุภาพจะ ได้สัมผัสกับท้ายบทกาพย์ได้

๑๔ คำประพันธ์ กาพย์ องค์ไทนฤเบศร ปิ่ นเกล้ากรุงศรี จักแสดงพระเดช เรืองพระเดชา ทั่วท้องธานี บ่อาจราวี ด้วยพระสมภาร ผ่านภพอยุธยา เกรงพระอนุภาพ ทั่วทุกทิศานต์ อันตรายไพรี ทั้งจันตประเทศ บเคยบันดาล ทั้งบรรณาการ มากราบถวายเมือง ท่านได้ไปปราบ ท้าวราชนคเรศร ถวายสุวรรณมาลย์ โคลง พระเกียรติรุ่งฟุ้งเฟื่ อง เดชา ถ้วนทั่วทุกทิศา นอบน้อม พระนามไทเอกา ทศรถ กษัตริย์มาขึ้นพร้อม บ่เว้นสักคน เดชะบารมีล้น อนันต์ จักนับชั่วกัปกัลป์ ฤาได้ สมภารพูนแต่บรรพ์ นาเนก ยิ่งบำเพ็ญเพิ่มไว้ กราบเกล้าโมทนา (จินดามณี: พระโหราธิบดี, ๒๕๔๓, หน้า๔๕)

๑๕ กาพย์ธนัญชยางค์ 32 กาพย์ธนัญชยางค์ หรืออีกชื่อหนึ่งเรียกว่ากาพย์สุรางคนางค์ ๓๒ ประดิษฐ์ขึ้นโดย พระราชวรวงค์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ (น.ม.ส.) ซึ่ง ท่านได้แถลงไว้ในภาคผนวกหนังสือ สามกรุง ที่เขียนจบใน ปี ๒๔๘๗ ไว้ ดังนี้ “กาพย์ชนิดนี้ข้าพเจ้าออกแบบให้ใช้เป็นคำอธิบายภาพเรื่อง “ศรี ธนญชัย”ที่พิมพ์สัปดาห์ละชุดในหนังสือพิมพ์ “ประมวญสาร”กาพย์อย่าง ใหม่นี้ก็คือกาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ แบบเก่านั้นเองแต่เติมอีก ๔ คำแลเพิ่ม สัมผัสเข้าอีกรูปภาพที่พิมพ์ใน “ประมวญสาร” นั้นภาพหนึ่งมีที่สำหรับคำ อธิบายเพียงบันทัดเดียว ยาวเพียง ๔ นิ้วครึ่งจึ่งต้องใช้กลอนชนิดที่จุความ ได้มากในที่น้อย แลเมื่อแยกบทหนึ่งเป็นสองบันทัด ก็ให้บรรทัดยาวเท่ากัน กาพย์ธนัญชยางค์ได้กำเนิดด้วยประการฉนี้” ลักษณะการแต่งของกาพย์ธนัญชยางค์ หนึ่งบทจะมี ๘ วรรค วรรคละ๔ คำ เสมอกันทุกวรรค รวมเป็น ๓๒ คำในหนึ่งบท โดยมีลักษณะการแต่งดังใน แผนผังตัวอย่าง

คำประพันธ์ ๑๖ กาพย์หนึ่งนามอ้าง สุรางคนางค์ กำหนดบทวาง สามสิบสองคำ บทหนึ่งแปดวรรค เป็นหลักพึงจำ วรรคหนึ่งสี่คำ แนะนำวิธี หากแต่งหลายบท โบราณวางกฏ บัญญัติจัดมี จำต้องกำหนด ต้องให้ถูกที่ วรรคสี่คำท้าย ท้ายบทต้นแล ฯ สัมผัสกันดี (หลักภาษาไทย : กำชัย ทองหล่อ)

๑๗ กาพย์นางกราย กาพย์นางกราย พบในสมุดไทย เรื่องหอยสังข์ กาพย์นางกราย มี ๒๓ คำ ผู้ประดิษฐ์นำกาพย์สุรางคนางค์ และกาพย์ยานีมาประดิษฐ์รวมกัน คือ นำกาพย์สุรางคนางค์มา ๓ วรรค วรรคละ ๔ คำ และนำกาพย์ยานีมา ๑ บาท วรรคแรก ๕ คำ วรรคหลัง ๖ คำ เป็นกาพย์นางกราย ๒๓ ตัวอย่างคำประพันธ์ประเภทกาพย์นางกราย รูปแบบนางกราย กำหนดบทท้าย ไว้เป็นลำนำ ตามแบบควรจำ โบราณทำไว้เป็นทาง บทหนึ่งห้าวรรค สามแรกประจักษ์ อย่างสุรางคนางค์ สองหลักตั้งแบบวาง อย่างคณะของยานี ลีลาประสม ก็พอนิยม ชื่นชมวิธี กุลบุตรไทยกระวี วานแต่งเขียนเรียนนางกราย (สุภาพร มากแจ้ง, ๒๕๓๕, หน้า ๓๑๙)

กาพย์ดอกแคร่วง ๑๘ กาพย์ดอกแคร่วง เป็นกาพย์ที่ศิวกานท์ ปทุมสูติ ประดิษฐ์ขึ้น โดยแปลงจากเพลงเหย่ย หรือเพลงดอกแคร่วง กาพย์ดอกแคร่วงมี จำนวน ๑๐ คำ แบ่งเป็น ๔ - ๔ - ๒ บังคับสัมผัสเหมือน กาพย์ฉบัง ศิวกานท์ ปทุมสูติ อธิบายไว้ในภาคผนวกเรื่องเพื่อนแก้วคำ กาพย์ ดังนี้ กาพย์ดอกแคร่วงเป็นกาพย์ที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่เป็นครั้ง แรก... ท่วงทำนองแต่งใช้แต่งในบท รำพันร่ำพิไร อาลัยอาวรณ์สะท้อนสะเทือนใจ หรืออาจใช้เชิงวิงวอน อ้อนออด (ศิวกานท์ ปทุมสูติ, ๒๕๓๗, หน้า ๒๒๓)

กาพย์ดอกแคร่วง ๑๙ ตัวอย่างคำประพันธ์ประเภทกาพย์ดอกแคร่วง แม่จ๊ะแม่จ๋า คนเราเกิดมา มีกรรม ยากไร้ใต้ต่ำ เขาเหยียบเขาย่ำ กรำไป ขัดสนจนใจ จะทำไฉน กันดี เพื่อนแก้วคำกาพย์ (ศิวกานท์ ปทุมสูติ, ๒๕๓๗, หน้า ๑๒๓)

๒๐ สรุปความรู้เรื่องกาพย์ กาพย์ คือคําประพันธ์ชนิดหนึ่งซึ่งมีกําหนดคณะ พยางค์ และสัมผัส มีลักษณะคล้ายกับฉันท์ แต่ไม่นิยม ครุ ลหุ เหมือนกับฉันท์ ตามความหมายเดิม มีความหมายกว้างกว่าที่ เข้าใจกันในภาษาไทย คือ บรรดาบทนิพนธ์ที่กวีได้ร้อย กรองขึ้น ไม่ว่าจะเป็น โคลง ฉันท์ กาพย์ หรือ ร่าย นับว่าเป็นกาพย์ทั้งนั้น แต่ไทยเราหมายความแคบ หรือหมายความ ถึงคําประพันธ์ชนิด หนึ่งของกวีเท่านั้น ประเภทของกาพย์ มี ๓ ชนิด คือ กาพย์ยานี กาพย์ฉบัง กาพย์สุรางคนางค์ ภายหลังยังมีกวีประดิษฐ์กาพย์เพิ่ม ขึ้นอีกหลายชนิด เช่น กาพย์ขับไม้ กาพย์ธนัญชยางค์ กาพย์นาง กราย กาพย์ดอกแค ร่วง ดังที่ได้อธิบายไว้ข้างต้น หากต้องการฝึก แต่งกาพย์ ควรเริ่มจากกาพย์ยานี เนื่องจากกาพย์ยานีมีจํานวนคํา น้อย และ บังคับสัมผัสน้อยกว่าคําประพันธ์ประเภทอื่น อย่างไร ก็ตามหากนักศึกษาจะแต่งกาพย์ยานี นักศึกษาควรอ่านกาพย์ยานี ที่ถูกต้อง มีความไพเราะให้ขึ้นใจ แล้วจับจังหวะให้ได้ นักศึกษาก็ จะแต่งกาพย์ยานีได้ไม่ยาก

๒๑ บรรณานุกรม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook