0
1 รหสั วิชา ว32204 รายวิชา ฟสิ กิ ส์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563 เวลา 2 ช่วั โมง 1. ผลการเรียนรู้ ทดลอง และอธิบายการเกิดการสั่นพ้องของอากาศในท่อปลายเปิดหนึ่งด้าน รวมทั้งสังเกต และอธิบายการเกิดบีต คลื่นนิ่ง ปรากฏการณ์ดอปเพลอร์ คลื่นกระแทกของเสียง คำนวณปริมาณ ต่าง ๆ ที่เก่ียวข้อง และนำความร้เู รอ่ื งเสียงไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ ดา้ นความรู้ นกั เรียนสามารถ 1) อธบิ ายการบีตของเสียงได้ 2) ยกตวั อยา่ งประโยชน์จากการบตี ของเสยี งได้ 3) คำนวณหาปรมิ าณต่าง ๆ ท่ีเกยี่ วขอ้ งกบั บตี ได้ ดา้ นทักษะกระบวนการ นกั เรียนมี 1) ทกั ษะการเรยี นรแู้ บบบันได 5 ขัน้ 2) ทักษะการคิดวเิ คราะห์ ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ นกั เรยี นคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ดังนี้ 1) มวี นิ ัย 2) ใฝ่เรยี นรู้ 3) ความมงุ่ มน่ั ในการทำงาน 2. สาระสำคัญ บตี หมายถงึ ปรากฏการณท์ ่คี ลน่ื เสียงสองขบวน ทม่ี ีความถี่ตา่ งกนั เล็กนอ้ ย และเคล่ือนท่ีอยู่ ในแนวเดยี วกนั เกิดการรวมกัน ทำแอมปลิจูดเปลีย่ นไป เป็นผลทำให้เกิดเสียงดัง- คอ่ ยสลับกันไปเป็น จังหวะคงตัวด้วยความถี่หนึ่ง เรียกว่า ความถี่บีต คลื่นเสียงที่ได้ยินมีความถี่รวมเท่ากับค่าเฉลี่ยของ ความถี่ของแหล่งกำเนิดเสียง เราสามารถนำความรู้เรื่องบีตไปประยุกต์ใช้ เช่น การเทียบเสียงของ เครอื่ งดนตรี 4. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน 4.1 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 4.1.1 ความสามารถในการคดิ
2 4.1.2 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 4.2 สมรรถนะทางวทิ ยาศาสตร์ตามแนวทาง PISA 4.2.1 การอธบิ ายปรากฏการณใ์ นเชงิ วิทยาศาสตร์ 1) นำความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์มาใชส้ ร้างคำอธบิ ายที่สมเหตสุ มผล 2) ระบใุ ช้และสร้างตวั แบบ และนำเสนอข้อมลู เพื่อใช้ในการอธิบาย 4.2.2 การประเมนิ และออกแบบกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์ 1) เสนอวิธีสำรวจตรวจสอบปัญหาทางวิทยาศาสตรท์ ี่กำหนดให้ 2) ประเมินวธิ ีสำรวจตรวจสอบปัญหาทางวทิ ยาศาสตรท์ ี่กำหนดให้ 4.2.3 การแปลความหมายข้อมูลและการใชป้ ระจักษ์พยานในเชงิ วทิ ยาศาสตร์ วิเคราะห์และแปลความหมายข้อมลู ทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละลงขอ้ สรปุ
ตารางวเิ คราะห์จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ความรู้ทางว จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ความรู้ท เนอ้ื หา กร ด้านความรู้ นักเรยี นสามารถ 1) การบตี 1) อธิบ 1) อธบิ ายการบตี ของเสียงได้ 2) ประโยชนจ์ าก 2) สืบค 2) ยกตวั อยา่ งประโยชนจ์ ากการบีตของ การบตี ของเสียง 3) ออก เสียงได้ 3) การคำนวณปรมิ าณ ทดลอง 3) คำนวณหาปรมิ าณตา่ ง ๆ ท่ีเก่ยี วข้อง ตา่ ง ๆ ทเี่ กี่ยวข้องกับ กับบีตได้ บตี ดา้ นทักษะกระบวนการ นักเรยี นมี 1) ทกั ษะการเรียนรแู้ บบบันได 5 ขน้ั 2) ทักษะการคิดวิเคราะห์ ดา้ นคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ นกั เรียนคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ดงั น้ี 1) มวี ินยั 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) ความมุ่งมน่ั ในการทำงาน
3 วทิ ยาศาสตร์ และสมรรถนะของผ้เู รียนตามแนวทาง PISA ทางวทิ ยาศาสตร์ สมรรถนะ ระบวนการ การไดม้ าของความรู้ บาย 1) การตรวจสอบ การ การอธบิ ายปรากฏการณใ์ นเชงิ ค้น ออกแบบ การทดลอง วิทยาศาสตร์ กแบบการ 2) การตรวจสอบ การ 1) นำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาใชส้ ร้าง ง สรปุ ผล การทดลอง คำอธิบายที่สมเหตสุ มผล 2) ระบุใช้และสร้างตัวแบบ และ นำเสนอข้อมลู เพ่ือใชใ้ นการอธิบาย การประเมินและออกแบบกระบวนการ สบื เสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ 1) เสนอวิธีสำรวจตรวจสอบปัญหาทาง วทิ ยาศาสตร์ที่กำหนดให้ 2) ประเมินวิธีสำรวจตรวจสอบปัญหา ทางวิทยาศาสตร์ที่กำหนดให้ การแปลความหมายข้อมูลและการใช้ ประจักษ์พยานในเชิงวทิ ยาศาสตร์ วเิ คราะหแ์ ละแปลความหมายขอ้ มูลทาง วิทยาศาสตร์และลงข้อสรปุ
4 5. สาระการเรยี นรู้ 1) บตี หมายถึง ปรากฏการณ์ท่ีคลนื่ เสยี งสองขบวน ที่มีความถีต่ ่างกนั เล็กนอ้ ย และเคล่อื นท่ี อยู่ในแนวเดียวกนั เกิดการรวมกนั ทำแอมปลจิ ูดเปลย่ี นไป เปน็ ผลทำใหเ้ กิดเสยี งดัง- ค่อยสลบั กนั ไป 2) ความถบ่ี ีต หมายถึง ความถี่ของเสยี งดัง- ค่อยสลบั กนั ไปทเ่ี ป็นผลมาจากคล่ืนเสียงสอง ขบวน ท่มี ีความถี่ต่างกนั เลก็ นอ้ ย และเคลือ่ นท่ีอยู่ในแนวเดียวกันเกิดการรวมกัน 3) คลืน่ เสยี งจากการบีตท่ไี ด้ยินมคี วามถี่รวมเทา่ กับคา่ เฉล่ยี ของความถี่ของแหลง่ กำเนดิ เสยี ง 4) เราสามารถนำความร้เู รอ่ื งบตี ไปประยุกต์ใช้ เช่น การเทยี บเสยี งของเครอ่ื งดนตรีบตี
5 ใบกิจกรรม 11.1 กระตุ้นตอ่ มคิด เร่ือง บีต *************************************************************************** จุดประสงค์ นักเรียนทบทวนความรู้เดิมและเกิดความต้องการเรยี นรู้ เร่ือง บีต วัสดุอปุ กรณ์ โทรศัพท์สมาร์ทโฟน วธิ ีทำกิจกรรม 1) นำโทรศพั ท์สมารท์ ดาวนโ์ หลดแอป 2) กดเข้าแอปพลิเคชันจะแสดงหน้าจอดังรปู พลเิ คชันโดยคน้ หาคำว่า PollEverywhere จาก ซ้ายมือ ให้นักเรยี นพมิ พ์ natthapons281 ลง App Store หรอื Google Play ดาวนโ์ หลด ไป ดงั รูปขวา เสรจ็ แลว้ จะได้ ดงั รูป หรือ สแกน QR Code 3) คลกิ Join จะปรากฎดังรปู ใหน้ กั เรียนใสช่ อื่ / 4) คลกิ Continue จะปรากฏหน้าจอ ดงั รูป เลขทกี่ ลุ่ม เชน่ ณรงคฤ์ ทธ์/ิ 1 นกั เรียนสามารถพิมพข์ อ้ ความตอบคำถาม แลว้ ส่งคำตอบโดยคลกิ Submit
6 แบบบนั ทกึ กจิ กรรม 11.1 กระตุน้ ต่อมคิด เร่ือง บตี กลุ่มที่...... ชอื่ กลุม่ .................................................................................................... ชนั้ ม. 5/..…. จุดประสงค์ นักเรียนทบทวนความร้เู ดมิ และเกิดความต้องการเรียนรู้ เร่อื ง บีต คำชแ้ี จง จงตอบคำถามต่อไปน้ี Q1 : เมอ่ื คลื่นเสียงจากแหลง่ กำเนดิ เสียงสองแหล่งที่มีความถีเ่ ท่ากัน เคลอ่ื นทีม่ าพบกันจะเกิด ปรากฏการณใ์ ด ................................................................................................................................................................ Q2 : นกั เรยี นมคี ำถาม ขอ้ สงสยั หรือสิ่งที่ต้องการทราบเกีย่ วกับการแทรกสอดของเสยี งหรอื ไม่ อย่างไร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................
7 ใบกจิ กรรม 11.2 พิชิตการทดลอง เรื่อง บีต *************************************************************************** จดุ ประสงค์ นกั เรยี นสามารถอธิบายการบตี ของเสยี งได้ วสั ดุอปุ กรณ์ โทรศพั ท์สมาร์ทโฟน วิธที ำกิจกรรม 1) นำโทรศพั ท์สมาร์ท ดาวน์โหลดแอป 2) กดเข้าแอปพลิเคชันจะแสดงหนา้ จอดังรูป พลเิ คชันโดยค้นหาคำวา่ Dog Whistle จาก App Store หรอื Google Play ดาวนโ์ หลด เสร็จแลว้ จะได้ ดงั รูป 3) พมิ พ์ 258 ลงในชอ่ ง เพอ่ื เลอื กความถ่ขี อง 4) กดเลอื ก Pattern ท่ี Mode: Continuous เครื่องกำเนดิ สัญญาณเสยี ง 258 เฮริ ตซ์ ดงั รปู เพ่ือปลอ่ ยเสียงความถี่อยา่ งต่อเนอ่ื ง
5) ปรับความดังให้ไดย้ นิ เสียงดังพอสมควร 8 กดปุม่ รปู นกหวดี 6) วางสมารท์ โฟนไว้บนโต๊ะ นำสมาร์ทโฟนอกี เครอื่ ง ที่ปล่อยคลื่นเสยี งความถ่ี 257 เฮิรตซ์ ไปเข้าใกล้ลำโพงของโทรศัพท์สมาร์ทโฟนท่ี ปล่อยคลนื่ เสียงความถี่ 258 เฮริ ตซ์ ดังรปู 7) สงั เกตลักษณะของความดงั ของคลืน่ รวม 8) เพิ่มความถ่ีของคลน่ื เสยี งจากสมาร์ทโฟน1 บันทกึ ลงในตาราง เป็น 259 260 261 262 263 264 และ 265 เฮิรตซ์ ตามลำดบั ทำซำ้ ขอ้ 7
9 แบบบนั ทึกกิจกรรม 11.2 พิชิตการทดลอง เร่อื ง บีต กล่มุ ท่ี...... ชอื่ กลุ่ม.................................................................. ชนั้ ม. 5/..…. คะแนนท่ีได…้ ......../9 บันทึกผลการทำกจิ กรรม (3 คะแนน) ความถีข่ องคลนื่ เสียง ผลตา่ ง ลักษณะของความดงั ความถีร่ วม (Hz) ของ ของคลนื่ รวม (คา่ เฉลีย่ ของ ความถ่ี (Hz) ความถีท่ ั้งสอง) สมารท์ สมารท์ (Hz) โฟน1 โฟน2 (Hz) 258 257 259 257 260 257 261 257 262 257 263 257 264 257 265 257 คำถามทา้ ยกจิ กรรม (3 คะแนน) 1. ผลต่างของความถขี่ องคลน่ื เสียงจากสมารท์ โฟน1 และสมารท์ โฟน2 มคี ่าเท่าใดบ้าง ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. เม่อื คลื่นเสยี งจากสมารท์ โฟนทั้งสองเครื่องทเ่ี ข้าหากนั ลกั ษณะของความดงั ของคล่นื รวมมี ลักษณะอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ความถร่ี วมหาคา่ ไดอ้ ย่างไร จงยกตวั อยา่ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………
10 สรุปผลการทดลอง (3 คะแนน) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
11 www.wheelofnames.com
12 ใบสรุปความรู้ 11.1 เร่อื ง บีต ******************************************************************************************* จดุ ประสงค์ นักเรยี นสามารถ 1) อธิบายการบีตของเสยี งได้ 2) ยกตัวอยา่ งประโยชนจ์ ากการบีตของเสยี งได้ 3) คำนวณปริมาณต่าง ๆ ท่เี กี่ยวข้องกบั บตี ได้ บตี บตี (Beat) คอื ปรากฏการณท์ ่ีคลนื่ เสยี งสองขบวน ที่มคี วามถี่ตา่ งกันเลก็ นอ้ ย (ต่างกันไม่เกิน 7 เฮิรตซ์) และเคลื่อนที่อยู่ในแนวเดียวกันเกิดการรวมกัน ทำแอมปลิจูดเปลี่ยนไป เป็นผลทำให้เกิด เสียงดัง- คอ่ ยสลบั กันไปเป็นจังหวะคงตวั ดว้ ยความถหี่ น่ึง เรยี กว่า ความถ่บี ตี ความถบ่ี ีต เท่ากบั จำนวนครง้ั ของเสยี งดงั ที่ได้ยนิ ในหนึ่งหน่วยเวลา fb= f1 -f2 ……….(1) เมื่อ fb = ความถบี่ ีต (Hz) f1 = ความถ่ีคล่นื เสียงขบวนที่ 1 (Hz) f2 = ความถคี่ ลืน่ เสียงขบวนที่ 2 (Hz) การหาความถ่ีรวมของของแหลง่ กำเนิดเสยี ง f = f1 +f2 ……….(2) 2 เมื่อ f = ความถร่ี วม (Hz) รปู 11.1 บีต
13 ตวั อยา่ งที่ 1 ลำโพง 2 ตัว สง่ เสยี งความถี่ 600 และ 605 Hz ออกมา ถามว่าความถี่ของเสยี งทีเ่ ราได้ ยนิ และความถบ่ี ตี เป็นเทา่ ไร วิธีทำ ขน้ั ท่ี 1 ปญั หา : ความถ่ีของเสยี งทเ่ี ราไดย้ ินและความถี่บีตสเ์ ป็นเท่าไร ขั้นท่ี 2 ขอ้ มลู : ลำโพง 2 ตัว ส่งเสยี งความถ่ี 600 และ 605 Hz ออกมา ข้นั ท่ี 3 วิธที ำ : ตามสมการความถเ่ี สยี งท่ีเราไดย้ ิน f จะมคี ่าเปน็ f = f1+f2 = 600+605 = 602.5 Hz 22 ตามสมการความถบี่ ีตท่ีเราได้ยินคอื จะเปน็ fb = f1 -f2 = 600-605 = 5 Hz ดังนนั้ เสียงทเ่ี ราไดย้ ินมีความถเ่ี ทา่ กบั 602.5 เฮริ ตซ์ ความถบ่ี ีตมีค่าเท่ากับ 5 เฮริ ตซ์ ******************************************************************************************* ตัวอย่างท่ี 2 ถ้าตอ้ งการให้เกดิ เสยี งดังเปน็ จังหวะๆ ต่างกนั ทกุ ครงึ่ วนิ าที จะตอ้ งเคาะสอ้ มเสียงซ่ึงมี ความถ่ี 500 เฮิรตซ์ พร้อมกับสอ้ มเสยี งท่มี ีความถ่ีเท่าไร วิธที ำ ขน้ั ท่ี 1 ปัญหา : จะต้องเคาะส้อมเสียงซ่งึ มคี วามถ่ี 500 เฮิรตซ์ พร้อมกับส้อมเสยี งที่มคี วามถ่ี เทา่ ไร ข้นั ท่ี 2 ข้อมลู : เสียงดังเปน็ จงั หวะๆ ตา่ งกนั ทกุ ครงึ่ วนิ าที สอ้ มเสียงซ่ึงมีความถ่ี 500 เฮริ ตซ์ ขั้นท่ี 3 วธิ ที ำ : ตามโจทยก์ ำหนด เสยี งบีตส์จะดงั เปน็ จังหวะๆ ตา่ งกนั ทุกครึ่งวนิ าทแี สดงวา่ ความถี่บีตเทา่ กับ 2 Hz แสดงวา่ สอ้ มเสียงท่ีจะเกิดบีตกบั 500 Hz จะต้องมีความถี่สงู กวา่ หรอื ตำ่ กวา่ 500 Hz อยู่ 2 Hz f2= 500+2 = 502 Hz และ f2= 500-2 = 498 Hz ดงั น้นั จะตอ้ งใชส้ ้อมเสียงที่มีความถี่ 502 เฮริ ตซ์ และ 498 เฮิรตซ์ *******************************************************************************************
14 ใบกิจกรรม 11.3 ลับสมอง เรื่อง บีต กลมุ่ ที่...... ชื่อกลมุ่ ................................................................ ชน้ั ม. 5/..…. คะแนนท่ีได…้ ......../10 จุดประสงค์ นักเรียนสามารถ 1) อธิบายการบีตของเสยี งได้ 2) ยกตัวอย่างประโยชนจ์ ากการบตี ของเสียงได้ ตอนท่ี 1 ให้นกั เรยี นกาเครื่องหมาย / หน้าขอ้ ที่ถูก และกาเครือ่ งหมาย X หนา้ ข้อท่ีผิด (5 คะแนน) …......…1. นกั ดนตรีคนหนึ่งเล่นไวโอลิน ความถี่ 514 เฮิรตซ์ นักดนตรอี ีกคนเล่นกีตาร์พรอ้ มกัน เกดิ บีต 3 เฮริ ตซ์ แสดงว่านักดนตรีเลน่ กตี ารท์ ่ีความถ่ี 517 เฮิรตซ์ เท่านั้น …......…2. การเทยี บเสยี งดนตรี ใชห้ ลกั การเดียวกันกับการเกดิ บีต …......…3. บตี สข์ องเสยี งเกดิ ได้แมแ้ หลง่ กำเนดิ เสียงจะต่างกัน เช่น เสียงจากกตี าร์สามารถเกดิ บีตกบั เสียงจากเปียโน …......…4. ปกตแิ ล้วหูคนเราจะได้ยินเสยี งบตี ที่มีความถ่ไี ม่เกนิ 17 เฮิรตซ์ …......…5. บีตของเสียงเกดิ ไดแ้ มแ้ หลง่ กำเนิดเสียงจะใหเ้ สยี งที่มีแอมพลิจูดต่างกนั ตอนที่ 2 ให้นกั เรยี นเตมิ คำ หรอื ข้อความลงในช่องวา่ งให้ถกู ตอ้ ง (5 คะแนน) 1. เสยี งทีเ่ ราไดย้ ินเปน็ จงั หวะดังและคอ่ ยสลับกนั โดยเกดิ จากแหลง่ กำเนิดมีความถ่ีต่างกันไม่เกนิ 7 เฮิรตซ์ เรียกปรากฏการณน์ วี้ ่า …………………………………………………………………………………………… 2. การเทียบเสียงดนตรี ใชห้ ลกั การเดยี วกันกับการ ………………………………………….………………… 3. นกั ดนตรคี นหนง่ึ เล่นไวโอลนิ ความถี่ 500 เฮริ ตซ์ นักดนตรีอีกคนเลน่ กตี ารพ์ รอ้ มกัน เกิดบีต 4 เฮริ ตซ์ แสดงว่า นกั ดนตรีเล่นกตี าร์ท่ีความถี่ ก่ี เฮริ ตซ์…………………………………………………………. 4. ขณะเกิดบีตของเสียง ตำแหน่งปฏบิ ัพของความดัน หรือบพั ของการกระจัด จะได้ยินเสยี งดัง หรือ เบา…....................... 5. ขณะเกิดบตี ของเสียง ตำแหน่งบัพของความดัน หรอื ปฏิบพั ของการกระจดั จะได้ยนิ เสียงดงั หรอื เบา….......................
15 ใบกจิ กรรม 11.4 สตรองคำนวณ เรื่อง บตี กลมุ่ ท่ี...... ชอ่ื กลุ่ม................................................................ ชัน้ ม. 5/..…. คะแนนทไ่ี ด้…......../25 จุดประสงค์ นักเรยี นสามารถคำนวณปรมิ าณต่าง ๆ ที่เกีย่ วขอ้ งกบั บตี ได้ คำชีแ้ จง 1. ให้นกั เรยี นแสดงวธิ ีการหาคำตอบใหถ้ ูกต้อง 2. ให้นักเรียนใช้ปากกาแดงขีดเส้นใต้ข้อความในส่วนท่เี ปน็ ขอ้ คำถามของโจทย์ 3. ใหน้ ักเรียนใชป้ ากกาน้ำเงินขีดเสน้ ใตข้ อ้ ความในสว่ นทีเ่ ปน็ ขอ้ มูล 4. เกณฑก์ ารให้คะแนนขอ้ ละ 5 คะแนน ขอ้ ที่ 1 นักเรยี นคนหน่งึ เลน่ ไวโอลนี ความถ่ี 320 เฮริ ตซ์ และนักดนตรอี กี คนหนึง่ เล่นกตี าร์ความถี่ 325 เฮิรตซ์ ถา้ ท้ังสองคนเลน่ พรอ้ มกัน จะเกดิ ปรากฏการณบ์ ีตความถีก่ ่เี ฮริ ตซ์ ขนั้ ท่ี 1 ปญั หา จะเกดิ ปรากฏการณบ์ ีตความถ่ีก่เี ฮิรตซ์ ขัน้ ที่ 2 ข้อมูล 1. ไวโอลนี ความถี่ ............. เฮริ ตซ์ 2. ................................................. ขัน้ ที่ 3 วธิ ีทำ fb= f1 -f2 = ........... - ........... = ......... Hz ดงั น้นั จะเกดิ ปรากฏการณบ์ ีตความถ่ี ............... เฮริ ตซ์
16 ขอ้ ที่ 2 ในการปรบั เสียงของเปียโนระดบั เสียงหนึ่ง โดยเทยี บกบั สอ้ มเสยี งความถ่ี 288 เฮริ ตซ์ ถา้ ได้ ยนิ เสียงบีตความถ่ี 3 ครั้ง/วินาที ความถ่ีที่เป็นไปได้ของเปียโนมคี ่าก่เี ฮิรตซ์ ขั้นที่ 1 ปัญหา …………………………………………………………………………… ขัน้ ที่ 2 ข้อมูล 1. ………………………………………………. 2. ได้ยินเสียงบีตความถ่ี ……………….. คร้ัง/วินาที ขัน้ ที่ 3 วธิ ีทำ fb = f1 -f2 = x-288 = 3 x-.............. = 3 288-x = ............. x = 3 + 288 x = 288 - .............. x = ............... Hz x = .............. Hz ดังนัน้ ความถ่ที ่เี ปน็ ไปได้ของเปยี โนมคี า่ เท่ากบั ..................... และ .................... เฮิรตซ์ ข้อท่ี 3 นักเรียนคนหนงึ่ เล่นไวโอลนิ ความถี่ 507 เฮิรตซ์ และนักดนตรอี ีกคนหนึง่ เล่นกีตาร์ ความถี่ 512 เฮริ ตซ์ ถา้ ท้ังสองคนเล่นพรอ้ มกนั จะเกดิ ปรากฏการณ์บตี ท่ีความถี่กีเ่ ฮิรตซ์ ขั้นที่ 1 ปัญหา ................................................................................................................................ ขัน้ ท่ี 2 ข้อมลู 1. ..................................................................................................................................... 2. ..................................................................................................................................... 3. ..................................................................................................................................... ขัน้ ที่ 3 วิธีทำ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................
17 ขอ้ ท่ี 4 ถ้าตอ้ งการใหเ้ กดิ คลน่ื เสยี งรวม 457.5 Hz จะต้องเคาะส้อมเสยี งความถ่ี 455 เฮิรตซ์ พรอ้ ม กับส้อมเสยี งท่ีมีความถ่กี ี่เฮิรตซ์ ขั้นที่ 1 ปัญหา ................................................................................................................................ ขน้ั ที่ 2 ขอ้ มูล 1. ..................................................................................................................................... 2. ..................................................................................................................................... 3. ..................................................................................................................................... ข้นั ที่ 3 วธิ ที ำ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ข้อที่ 5 คลืน่ เสียงจากแหล่งกำเนิดเสยี งสองแหล่ง เม่อื มาซอ้ นทบั กนั แลว้ เกดิ บตี 5 ครงั้ ต่อวินาที คล่นื เสียงที่ท้มุ กว่ามคี วามถี่ 438 เฮิรตซ์ คล่ืนเสยี งคลนื่ หนงึ่ จะมีความถ่กี ่ีเฮริ ตซ์ ขน้ั ท่ี 1 ปัญหา ................................................................................................................................ ขนั้ ที่ 2 ข้อมูล 1. ..................................................................................................................................... 2. ..................................................................................................................................... 3. ..................................................................................................................................... ข้ันท่ี 3 วธิ ีทำ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................
18 ใบกิจกรรม 11.5 ชวนทำ Concept Map เร่อื ง บตี กลุ่มที่...... ชื่อกลุ่ม................................................................ ช้ัน ม. 5/..…. คะแนนทีไ่ ด…้ ......../25 จดุ ประสงค์ นกั เรยี นสามารถ 1) อธิบายการบตี ของเสียงได้ 2) ยกตัวอย่างประโยชนจ์ ากการบตี ของเสียงได้ คำชแี้ จง จากการศกึ ษาให้นักเรยี นสร้างแผนผงั ความคดิ และตั้งช่ือให้สอดคล้องกบั เร่อื งที่ศกึ ษา
19 Facebook https://www.facebook.com/groups/549775979181715/?ref=bookmarks
20 แบบทดสอบ เรอื่ ง บีต ********************************************************************************* จุดประสงค์ นกั เรยี นสามารถ 1) อธบิ ายการบีตของเสยี งได้ 2) ยกตวั อยา่ งประโยชนจ์ ากการบีตของเสียงได้ 3) คำนวณปริมาณต่าง ๆ ทีเ่ ก่ียวข้องกับบีตได้ 4) เกณฑก์ ารให้คะแนนขอ้ ละ 2 คะแนน คำชี้แจง จงเลอื กคำตอบที่ถกู ต้องท่ีสดุ เพียงข้อเดียว แลว้ ทำลงในกระดาษคำตอบ 1. เม่ือจะทำการทดลองเกย่ี วกับสมบตั ิของคลน่ื เสยี งเร่อื งบีต เราจำเป็นต้องใช้วสั ดอุ ปุ กรณ์ตามขอ้ ใด 1) เคร่ืองกำเนิดสัญญาณเสียง 1 เครื่อง ลำโพง 1 ตวั 2) เครอื่ งกำเนิดสัญญาณเสยี ง 1 เคร่อื ง ลำโพง 2 ตัว 3) เครื่องกำเนิดสัญญาณเสียง 2 เครอ่ื ง ลำโพง 2 ตัว 4) เครอื่ งกำเนดิ สญั ญาณเสยี ง 3 เครอ่ื ง ลำโพง 3 ตวั 2. นกั เรียนคนหนงึ่ เล่นไวโอลีนความถี่ 256 เฮิรตซ์ และนกั ดนตรีอกี คนหนึ่งเลน่ กตี าร์ ความถ่ี 260 เฮริ ตซ์ ถ้าทงั้ สองคนเล่นพร้อมกัน จะเกดิ ปรากฏการณ์บตี ความถก่ี ี่เฮริ ตซ์ 1) 4 2) 5 3) 6 4) 7 3. ในการปรับเสียงของเปยี โนระดบั เสียง C โดยเทยี บกบั สอ้ มเสียงความถี่ 256 เฮริ ตซ์ ถ้าได้ยินเสียง บีตความถี่ 4 คร้งั /วนิ าที ความถ่ีทเี่ ป็นไปได้ของเปียโนมคี ่ากีเ่ ฮิรตซ์ 1) 250 2) 252 3) 254 4) 257 4. สีไวโอลีนสองตวั พร้อมกันที่ระดับความถี่ 516 และ 520 Hz ผูฟ้ งั จะไดย้ ินเสยี งความถ่ีรวมเทา่ ใด 1) 2 2) 4 3) 518 4) 1,036
21 5. ถ้าต้องการให้เกดิ เสียงดงั เป็นจงั หวะ 20 ครั้งในเวลา 5 s ต้องเคาะส้อมเสียงท่มี ีความถ่ี 500 Hz ผสมกับสอ้ มเสียงท่ีมีความถ่เี ทา่ กับเทา่ ใด 1) 480 และ 520 Hz 2) 490 และ 510 Hz 3) 495 และ 505 Hz 4) 496 และ 504 Hz 6. การเทียบเสยี งดนตรีกบั เสยี งมาตรฐาน ใช้ประโยชน์ของเรื่องใด 1) บตี 2) คลน่ื นงิ่ 3) เสยี งกอ้ ง 4) การสั่นพอ้ ง 7. คลนื่ เสยี ง A และ B มีความถี่ 200 และ 206 Hz มารวมกันความถ่ีรวมมคี ่ากี่ Hz 1) 3 2) 6 3) 203 4) 406 8. แหลง่ กำเนิดเสยี ง A และ B ให้เสียงผสมท่ีมคี วามถบี่ ีต 3 เฮิรตซ์ เมอ่ื เพ่ิมความถี่ของแหลง่ กำเนดิ B ขนึ้ ชา้ ๆ ความถ่ีบีตลดลง ขอ้ สรุปใดถกู ตอ้ ง 1) A มคี วามถี่สูงกว่า B 2) A มีคณุ ภาพเสียงดกี วา่ B 3) A มอี ตั ราเรว็ เสยี งสูงกว่า B 4) A มีความยาวคลื่นสงู กวา่ B 9. โดยปกตมิ นษุ ย์จะไดเ้ สียงบีตชัดเจน เมอื่ ใด 1) แอมพลจิ ูดของคลื่นเสียงท้ังสองจะต้องเท่ากัน 2) จำเป็นต้องเกดิ จากแหล่งกำเนดิ เสียงชนิดเดยี วกัน 3) ความถขี่ องคลืน่ เสียงทั้งสองจะต้องตา่ งกันไม่เกิน 7 เฮิรตซ์ 4) ระดับความเข้มเสยี งของคลนื่ เสยี งทั้งสองจะต้องต่างกันไมเ่ กนิ 7 เดซเิ บล
22 10. ข้อใดท่ปี รัชญาและปรารถนาสามารถได้ยินเสียงบีต 1) ปรชั ญาและปรารถนาขบั รถตามกนั มาและสวมกันขณะท่รี ถไฟเกิดเสียงหวดู 2) ปรัชญาและปรารถนาเคาะส้อมเสยี งทม่ี ีความถเี่ ดียวกนั พร้อมๆ กนั 3) ปรัชญาและปรารถนาตะโกนในอา่ งนำ้ พรอ้ มกนั โดยปรัชญาตะโกนดว้ ยเสยี งตำ่ และ ปรารถนาตะโกนด้วยเสียงสูง 4) ปรัชญาและปรารถนาเปา่ ขวดท่บี รรจุน้ำ 2 ใบ พร้อมๆ กัน โดยให้นำ้ ในขวดท้ังสองมรี ะดับ ต่างกันเลก็ น้อย
23 กระดาษคำตอบแบบทดสอบ เรอ่ื ง บีต ชอ่ื ....................................................................... กลุ่มท.ี่ ..... ชัน้ ม. 5/..…. คะแนนทไ่ี ด…้ ......../20 ข้อท่ี ตัวเลือก 4) 1) 2) 3) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10
24 เฉลยแบบบนั ทกึ กิจกรรม 11.2 พชิ ิตการทดลอง เร่อื ง บีต บันทกึ ผลการทำกจิ กรรม (3 คะแนน) ความถี่ของคลน่ื เสยี ง ผลต่าง ลกั ษณะของความดงั ความถ่รี วม (Hz) ของ ของคลน่ื รวม (คา่ เฉลย่ี ของ ความถ่ี (Hz) ความถ่ที ั้งสอง) สมารท์ สมาร์ท (Hz) โฟน1 โฟน2 1 เสียงดัง-คอ่ ยสลับกนั 1 เฮิรตซ์ (Hz) 258 257 2 เสยี งดงั -ค่อยสลับกนั 2 เฮิรตซ์ 257.5 259 257 3 เสียงดงั -ค่อยสลับกนั 3 เฮิรตซ์ 258.0 260 257 4 เสยี งดงั -คอ่ ยสลับกนั 4 เฮิรตซ์ 258.5 261 257 5 เสยี งดัง-ค่อยสลับกัน 5 เฮิรตซ์ 259.0 262 257 6 เสียงดัง-คอ่ ยสลับกนั 6 เฮริ ตซ์ 259.5 263 257 7 เสียงดัง-คอ่ ยสลับกัน 7 เฮิรตซ์ 260.0 264 257 8 260.5 265 257 สังเกตโดยใชห้ ไู ม่ได้ - คำถามทา้ ยกจิ กรรม (3 คะแนน) 1. 1 2 3 4 5 6 7 และ 8 Hz ตามลำดับ 2. ผลต่างของความถ่ี เท่ากับ 1 2 3 4 5 6 และ 7 เฮิรตซ์ ลกั ษณะของความดังของคลนื่ รวม เสียงดัง-ค่อยสลบั กัน 1 2 3 4 5 6 และ 7 เฮิรตซ์ ตามลำดับ ผลต่างของความถี่ เท่ากับ 8 เฮริ ตซ์ สงั เกตโดยใช้หไู มไ่ ด้ 3. ความถร่ี วมหาได้จากคา่ เฉลีย่ ของความถ่ีทั้งสอง f = f1+f2 = 258+257 = 257.5Hz 22 สรุปผลการทดลอง (3 คะแนน) เมอื่ คลนื่ เสยี งสองขบวน ท่มี คี วามถ่ีต่างกนั เลก็ นอ้ ย (ตา่ งกันไม่เกนิ 7 เฮริ ตซ)์ และเคล่ือนท่ีอยู่ ในแนวเดียวกันเกิดการรวมกัน ทำให้เกิดเสียงดัง- ค่อยสลับกันไปเป็นจังหวะคงตัวด้วยความถี่คงตวั เท่ากับผลต่างของความถี่คลื่นเสียงสองขบวน และความถี่ของคลื่นเสียงรวมเท่ากับค่าเฉลี่ยของของ ความถี่คลน่ื เสียงสองขบวนนั้น
25 เฉลยใบกิจกรรม 11.3 ลบั สมอง เรื่อง บตี ตอนที่ 1 1. X 2. / 3. / 4. X 5. / ตอนที่ 2 1. บีต 2. บตี 3. 496 หรอื 504 4. ดัง 5. เบา
26 เฉลยใบกจิ กรรม 11.4 สตรองคำนวณ เรือ่ ง บีต ข้อที่ 1 นกั เรียนคนหนง่ึ เล่นไวโอลีนความถ่ี 320 เฮิรตซ์ และนักดนตรีอีกคนหน่งึ เลน่ กีตารค์ วามถ่ี 325 เฮิรตซ์ ถ้าทั้งสองคนเลน่ พร้อมกนั จะเกิดปรากฏการณ์บีตความถี่ก่เี ฮิรตซ์ ข้นั ที่ 1 ปัญหา จะเกิดปรากฏการณบ์ ีตความถีก่ ่เี ฮิรตซ์ ขน้ั ท่ี 2 ขอ้ มูล 1. ไวโอลนี ความถี่ 320 เฮิรตซ์ 2. กีตารค์ วามถี่ 325 เฮิรตซ์ ขน้ั ท่ี 3 วธิ ีทำ fb = f1 -f2 = 320-325 = 5 Hz ดงั นั้น จะเกิดปรากฏการณ์บตี ความถ่ี 5 เฮิรตซ์ ขอ้ ท่ี 2 ในการปรับเสียงของเปียโนระดับเสยี งหน่งึ โดยเทยี บกับส้อมเสยี งความถี่ 288 เฮริ ตซ์ ถา้ ได้ ยนิ เสียงบีตความถ่ี 3 ครง้ั /วินาที ความถท่ี ี่เป็นไปไดข้ องเปียโนมคี ่าก่เี ฮริ ตซ์ ข้นั ที่ 1 ปัญหา ความถท่ี ี่เปน็ ไปไดข้ องเปยี โนมคี ่ากีเ่ ฮิรตซ์ ขั้นที่ 2 ข้อมูล 1. ส้อมเสยี งความถี่ 288 เฮริ ตซ์ 2. ไดย้ นิ เสยี งบีตความถี่ 3 คร้ัง/วนิ าที ข้นั ที่ 3 วธิ ีทำ fb = f1 -f2 = x-288 = 3 288-x = 3 x-288 = 3 x = 288 - 3 x = 285 Hz x = 3 + 288 x = 291 Hz ดังนั้น ความถี่ทเ่ี ปน็ ไปได้ของเปียโนมีค่าเทา่ กับ 285 และ 291 เฮิรตซ์
27 ข้อที่ 3 นักเรียนคนหน่ึงเล่นไวโอลินความถ่ี 507 เฮริ ตซ์ และนกั ดนตรอี ีกคนหนงึ่ เลน่ กตี าร์ความถี่ 512 เฮิรตซ์ ถ้าทั้งสองคนเลน่ พรอ้ มกนั จะเกดิ ปรากฏการณบ์ ีตท่ีความถี่กเ่ี ฮริ ตซ์ ขั้นที่ 1 ปญั หา จะเกดิ ปรากฏการณบ์ ีตความถีก่ เี่ ฮิรตซ์ ขน้ั ท่ี 2 ข้อมูล 1. ไวโอลีนความถ่ี 507 เฮิรตซ์ 2. กตี าร์ความถ่ี 512 เฮริ ตซ์ ข้ันท่ี 3 วิธีทำ fb = f1 -f2 = 507-512 = 5 Hz ดงั น้นั จะเกิดปรากฏการณบ์ ีตความถ่ี 5 เฮริ ตซ์ ข้อที่ 4 ถ้าต้องการให้เกดิ คลน่ื เสยี งรวม 457.5 Hz จะต้องเคาะสอ้ มเสยี งความถี่ 455 เฮิรตซ์ พร้อม กับส้อมเสยี งท่มี ีความถกี่ ่ีเฮิรตซ์ ขั้นท่ี 1 ปัญหา ส้อมเสียงทม่ี ีความถ่กี เี่ ฮิรตซ์ ข้ันที่ 2 ข้อมูล 1. คลนื่ เสียงรวม 457.5 Hz 2. ส้อมเสยี งความถี่ 455 เฮิรตซ์ ขน้ั ที่ 3 วธิ ีทำ f = f1 +f2 2 457.5 = f1+455 2 f2 = 460 Hz ดังนัน้ สอ้ มเสยี งท่มี ีความถ่ี 460 เฮริ ตซ์
28 ขอ้ ท่ี 5 คลืน่ เสยี งจากแหลง่ กำเนดิ เสียงสองแหล่ง เมื่อมาซ้อนทบั กันแล้วเกดิ บีต 5 คร้งั ตอ่ วนิ าที คลืน่ เสยี งที่ทุ้มกว่ามคี วามถ่ี 438 เฮริ ตซ์ คลื่นเสยี งคลื่นหนง่ึ จะมคี วามถ่ีก่ีเฮิรตซ์ ข้นั ที่ 1 ปัญหา คลน่ื เสยี งคลืน่ หน่งึ จะมคี วามถีก่ ี่เฮิรตซ์ ขน้ั ที่ 2 ข้อมูล 1. เกิดบีต 5 ครง้ั ตอ่ วินาที 2. คลื่นเสยี งที่ทุม้ กว่ามีความถี่ 438 เฮิรตซ์ ขัน้ ท่ี 3 วธิ ีทำ fb = f1 -f2 = x-438 = 5 x-438 = 5 438-x = 5 x = 5 + 438 x = 438 - 5 x = 443 Hz x = 433 Hz คลื่นเสียงที่ทมุ้ กวา่ (ความถีต่ ่ำกว่า) มีความถี่ 438 เฮริ ตซ์ ดังนัน้ คล่ืนเสียงคลน่ื หนง่ึ นั้นจะมีความถ่ีเทา่ กับ 443 เฮิรตซ์
29 ตัวอยา่ งผลการทำกจิ กรรม 11.5 ชวนทำ Concept Map เร่ือง บตี บตี คลื่นเสียงสองขบวน ความถี่ ความถี่รวมของ ต่างกันเล็กน้อย (ต่างกันไม่ แหล่งกำเนดิ เสยี ง เกนิ 7 เฮิรตซ)์ และเคลื่อนที่ อยู่ในแนวเดยี วกนั เกดิ การ ความถี่รวม รวมกัน ทำแอมพลิจดู f = f1 +f2 เปลี่ยนไป เกดิ เสยี งดงั - ค่อย 2 สลบั กันไปเปน็ จังหวะคงตัว fb = f1 -f2 ความถ่ีบตี จำนวนคร้ังของเสียงดังที่ได้ยนิ ในหน่ึงหน่วยเวลา
เฉลยแบบทดสอบ เรอ่ื ง บตี 30 ขอ้ ที่ ตัวเลอื ก 4) 1) 2) 3) X X 1 X 2X 3 X 4 X 5 6X X 7 8X X 9 10
31 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ใบกจิ กรรม 11.2 พชิ ติ การทดลอง เรือ่ ง บตี (9 คะแนน) รายการ เกณฑก์ ารให้คะแนน ประเมนิ 3 2 1 0 1. การ บันทกึ ผลได้ บันทกึ ผลได้ บนั ทึกผลได้ บนั ทึกผลได้ไม่ บนั ทกึ ตาราง ถูกต้องและ ถูกต้องและ ถูกตอ้ งและ ถกู ตอ้ ง หรอื ไม่ บันทึกผล ครบถว้ น ครบถ้วน ครบถว้ น บนั ทกึ ผล การทดลอง 4 รายการ ดังน้ี 3 รายการ 1-2รายการ 1) ความถีข่ อง สมารต์ โฟน1 2) ความถี่ของ สมารต์ โฟน2 3) ลักษณะของ ความดงั ของเสยี ง ความถ่ี 4) ความถเ่ี ฉลีย่ 2. การตอบ ตอบคำถามได้ ตอบคำถามได้ ตอบคำถามได้ ตอบคำถามได้ไม่ คำถามท้าย ถกู ตอ้ งและครบ ถกู ตอ้ งและครบ ถูกต้องและครบ ถูกต้องหรอื ไม่ กิจกรรม ถ้วนทงั้ 3 ข้อ ถว้ นจำนวน 2 ขอ้ ถ้วนจำนวน 1 ขอ้ ตอบคำถาม 3. การ สรุปผลการทดลอง สรปุ ผลการทดลอง สรุปผลการทดลอง สรปุ ผลการทดลอง บนั ทึก ได้ถกู ต้องและ ได้ถกู ตอ้ งและ ได้ถูกต้องและ ไดไ้ ม่ถกู ต้อง สรุปผลการ ครบถว้ นตาม ครบถว้ นตาม ครบถว้ นตาม หรอื ไมส่ รปุ ผล ทดลอง จุดประสงคท์ ้ัง 3 จุดประสงค์จำนวน จุดประสงคจ์ ำนวน ขอ้ 2 ข้อ 1 ข้อ
32 ใบกจิ กรรม 11.3 ลับสมอง เรื่อง บตี (10 คะแนน) ตอนที่ 1 (จำนวน 5 ขอ้ ๆ ละ 1 คะแนน รวม 5 คะแนน) รายการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน 10 การตอบคำถาม เติมเคร่อื งหมายได้ถูกตอ้ ง ตอบคำถามได้ไม่ถูกตอ้ ง หรอื ไมต่ อบ แบบถกู -ผดิ คำถาม ตอนท่ี 2 (จำนวน 5 ขอ้ ๆ ละ 1 คะแนน รวม 5 คะแนน) รายการประเมิน เกณฑก์ ารให้คะแนน 10 การตอบคำถาม ตอบคำถามได้ถูกตอ้ งและครบถ้วน ตอบคำถามได้ไม่ถกู ตอ้ ง หรอื ไมต่ อบ แบบอตั นยั คำถาม ใบกิจกรรม 11.4 สตรองคำนวณ เรื่อง บตี (5 ข้อๆ ละ 5 คะแนน รวม 25 คะแนน) รายการ เกณฑ์การให้คะแนน ประเมนิ 5 43210 การ แสดงวิธีคำนวณทถี่ ูกต้อง แสดงวิธี แสดงวิธี แสดงวิธี แสดงวิธี แสดงวิธี คำนวณ และครบถว้ น คำนวณ คำนวณ คำนวณ คำนวณ คำนวณ 5 รายการ ดงั น้ี ที่ถกู ต้อง ที่ถกู ตอ้ ง ทถี่ ูกต้อง ทีถ่ ูกต้อง ทีไ่ ม่ 1) ใช้ปากกาขีดเส้นใต้ และ และ และ และ ถกู ตอ้ ง ขอ้ ความสว่ นทีเป็นคำถาม ครบถว้ น ครบถ้วน ครบถว้ น ครบถ้วน หรือไม่ และสว่ นที่เปน็ ขอ้ มูลได้ 4 3 2 1 แสดงวธิ ี ถูกตอ้ ง รายการ รายการ รายการ รายการ คำนวณ 2) เขียนปัญหา และขอ้ มลู หรือ จากโจทยไ์ ดถ้ ูกต้อง เขียนคำ 3) เลอื กใชส้ มการในการ ตอบ คำนวณไดถ้ ูกตอ้ ง 4) แทนค่าของปริมาณ ตา่ งๆ ลงในสมการได้ ถกู ต้อง 5) แสดงการคำนวณและ หาคำตอบพร้อมทงั้ ใส่ หน่วยได้ถกู ต้อง
33 เกณฑ์การประเมิน ระดับคณุ ภาพ ช่วงคะแนนรอ้ ยละ ดเี ย่ยี ม 90 – 100 ดีมาก 80 - 89 ดี 70 - 79 พอใช้ 50 - 69 ปรบั ปรงุ 0 - 49 การผ่านเกณฑ์ คะแนน รอ้ ยละ 80 ขน้ึ ไป ถอื ว่า ผ่านเกณฑ์
34 เกณฑ์การใหค้ ะแนน ทักษะการเรียนรแู้ บบบันได 5 ข้นั (5 รายการๆ ละ 5 คะแนน รวม 25 คะแนน) รายการ 5 เกณฑก์ ารให้คะแนน 0 ประเมนิ 4321 บันไดข้ันที่ 1 สามารถตั้ง สามารถตงั้ สามารถตง้ั สามารถตงั้ สามารถตัง้ ไมส่ ามารถตั้ง การตั้ง คำถาม คำถาม คำถาม คำถาม คำถาม คำถาม ประเด็น สอดคลอ้ งกับ สอดคล้องกับ สอดคล้องกบั สอดคลอ้ งกับ สอดคลอ้ งกบั เก่ยี วกบั เรือ่ ง คำถามหรอื เรอื่ ง การ เรื่อง การ เร่ือง การ เร่ือง การ เรอ่ื ง การ การแทรก สมมุติฐาน แทรกสอด แทรกสอด แทรกสอด แทรกสอด แทรกสอด สอดของ อยา่ ง ของเสียง ของเสียง ของเสียง ของเสยี ง ของเสยี ง เสยี ง มเี หตผุ ล มคี วาม มคี วาม มคี วาม มีความ น่าสนใจ นา่ สนใจ น่าสนใจ นา่ สนใจ คลอบคลมุ สมเหตสุ มผล และ สมเหตุสมผล และ สมเหตุสมผล และ เชือ่ ถือได้ เชื่อถือได้ บนั ไดข้ันท่ี 2 มีการศึกษา มกี ารศกึ ษา มีการศกึ ษา มกี ารศกึ ษา ทำการ ไมท่ ำการ การสืบคน้ ใบ ใบ ใบ ใบ ทดลอง ทดลอง ความรู้จาก สรปุ ความรู้ สรปุ ความรู้ สรปุ ความรู้ สรปุ ความรู้ ทำกจิ กรรม ไมท่ ำ กจิ กรรม ทำการ ทำการ ทำการ ทำการ เรอื่ งบีตได้ กิจกรรม แหลง่ ทดลอง ทดลอง ทดลอง ทดลอง ไม่ศกึ ษาใบ เร่ืองบีต เรียนรู้และ ทำกจิ กรรม ทำกจิ กรรม ทำกจิ กรรม ทำกจิ กรรม สรุปความรู้ ไมศ่ กึ ษาใบ สารสนเทศ มีการ มกี าร มกี าร เรือ่ งบีตได้ สรุปความรู้ อภิปรายเรื่อง อภิปรายเร่อื ง อภิปรายเรื่อง บีตไดอ้ ยา่ ง บีตได้อย่าง บีตได้ ถกู ต้องและ ถูกตอ้ ง ชัดเจน บนั ไดขั้นท่ี 3 แผนผัง แผนผงั แผนผงั แผนผงั แผนผงั ไมเ่ ขียน การสรปุ องค์ ความคดิ ความคดิ ความคดิ ความคดิ ความคดิ แผนผงั ความรู้ อธิบายขอ้ มลู อธิบายขอ้ มลู อธบิ ายข้อมลู อธิบายข้อมลู อธบิ ายขอ้ มลู ความคิด เกย่ี วกบั บีต เกยี่ วกับบีต เกย่ี วกับบีต เกย่ี วกับบีต เกี่ยวกับบีต อธิบายข้อมลู ไดค้ รอบคลมุ ได้ครอบคลมุ ไดถ้ ูกตอ้ ง ได้ถูกต้อง ได้ เกี่ยวกบั บีต ถูกต้อง ถกู ตอ้ งและ และเขา้ ใจ เขา้ ใจงา่ ย เขา้ ใจงา่ ย ง่าย
35 รายการ 5 4 เกณฑก์ ารให้คะแนน 1 0 ประเมิน ไม่มชี ้ินงาน ช้ินงานเร่อื ง 32 ชน้ิ งานเร่ือง เร่ือง บีต บีต บีต และน่าสนใจ มีความคิด มีความคดิ รวบยอด รวบยอด ไมน่ ำความรู้ บันไดขั้นที่ 4 ชิ้นงานเรื่อง ให้เกดิ ความ ช้นิ งานเรื่อง ชิ้นงานเร่อื ง ใหเ้ กดิ ความ ไปใช้ การส่ือสาร บีต เขา้ ใจ บีต บีต เขา้ ใจ ประโยชน์ และ มคี วามคิด ได้ถกู ต้อง มคี วามคิด มคี วามคิด การนำเสนอ รวบยอด ชดั เจน รวบยอด รวบ นำความรไู้ ป อยา่ งมี ใหเ้ กดิ ความ นา่ สนใจ ให้เกิดความ ยอดใหเ้ กิด ใชป้ ระโยชน์ ประสทิ ธภิ าพ เขา้ ใจ เข้าใจ ความ ได้ นำความรู้ไป ไดถ้ กู ตอ้ ง เขา้ ใจได้ ได้ถูกต้อง ใชป้ ระโยชน์ ชดั เจน ถูกตอ้ ง ชัดเจน ได้ มีความ นา่ สนใจ เหมาะสม แปลกใหม่ และนำไป ปฏบิ ัติได้จรงิ บนั ไดข้ันท่ี 5 นำความรไู้ ป นำความรู้ไป นำความรไู้ ป การบรกิ าร ใช้ประโยชน์ ใช้ประโยชน์ ใชป้ ระโยชน์ สงั คมและจติ ได้ มีความ ได้ มีความ ได้ มคี วาม สาธารณะ เหมาะสม เหมาะสม เหมาะสม และนำไป ปฏิบัติไดน้ อ้ ย ปฏิบัตไิ ด้จรงิ เกดิ ความพึง พอใจ เกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ คะแนนร้อยละ ดีเย่ียม 100 ดีมาก 75 พอใช้ 50 ปรบั ปรงุ 0 - 49 การเกณฑผ์ า่ น คะแนน ระดบั ดีมาก ขน้ึ ไป ถอื ว่า ผา่ นเกณฑ์
36 ทักษะการคิดวิเคราะห์ (3 รายการๆ ละ 5 คะแนน รวม 25 คะแนน) รายการ 5 เกณฑ์การให้คะแนน 0 ประเมิน 4321 วิเคราะห์ ระบขุ อ้ มลู ระบขุ ้อมลู ระบุขอ้ มลู ระบุข้อมูล ไม่สามารถ ไมส่ ามารถ เนอ้ื หา สำคัญ สำคญั สำคัญ สำคญั ระบุ สรปุ ความรู้ สรปุ ความรู้ สรปุ ความรู้ สรปุ ความรู้ สรปุ ความรู้ ขอ้ มูลสำคัญ ได้ ใหเ้ ข้าใจงา่ ย ให้เข้าใจงา่ ย ให้เข้าใจงา่ ย และสรปุ ถูกตอ้ ง ถูกตอ้ ง ความรไู้ ด้ ชดั เจน สมเหตสุ มผล และ เชอ่ื ถือได้ วเิ คราะห์ เช่ือมโยง เชื่อมโยง เช่ือมโยง เช่อื มโยง ไม่สามารถ ไม่สามารถ ความสมั พันธ์ ความสมั พันธ์ ความสัมพนั ธ์ ความสมั พนั ธ์ ความสัมพันธ์ เช่ือมโยง เชอ่ื มโยงได้ เหตแุ ละผลที่ เหตุ เหตแุ ละผลท่ี เหตุและผลที่ ความสมั พนั ธ์ สอดคลอ้ งกนั และผลท่ี สอดคล้องกนั สอดคล้องกนั เหตุและ เปน็ ลา ดบั สอดคล้องกนั เป็นลา ดับ ผลได้ ขน้ั ตอน เป็นลา ดับ ข้ันตอน ถูกต้อง ขน้ั ตอน ชดั เจน ถกู ตอ้ ง วิเคราะห์ เชือ่ มโยงสรปุ เชอ่ื มโยงสรปุ เชือ่ มโยงสรปุ เชื่อมโยงสรปุ ไม่สามารถ ไมส่ ามารถ หลกั การ ความคิดรวบ ความคิดรวบ ความคิดรวบ ความคดิ รวบ เช่ือมโยงสรปุ เชื่อมโยงสรปุ ยอด ยอด ยอด ยอด ความคิดรวบ ความคิด เปน็ เปน็ เป็น เป็น ยอด รวบยอดได้ หลักการได้ หลักการได้ หลักการได้ หลกั การได้ เปน็ หลกั การ ชัดเจน ถูกต้อง บางสว่ น แต่ ได้ ถกู ตอ้ ง ไม่สมบูรณ์ ครบถว้ น
37 เกณฑ์การประเมิน ระดับคุณภาพ คะแนนร้อยละ ดเี ยี่ยม 100 ดมี าก 75 พอใช้ 50 ปรับปรุง 0 - 49 การเกณฑผ์ ่าน คะแนน ระดบั ดีมาก ขึ้นไป ถือว่า ผา่ นเกณฑ์
38 เกณฑก์ ารให้คะแนน รายการประเมนิ 4 เกณฑ์การใหค้ ะแนน 1 32 1. มวี ินัย ตั้งใจปฏบิ ตั ิงาน ปฏิบตั ิงาน ปฏบิ ัติงาน ปฏิบัตงิ าน ท่ีไดร้ บั มอบหมาย ที่ได้รบั มอบหมาย ที่ไดร้ บั มอบหมาย ทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย ตามระยะเวลา ตามระยะเวลา ตามระยะเวลา ตามระยะเวลา ทก่ี ำหนด ทีก่ ำหนด ท่กี ำหนด เม่ือไดร้ ับ ทกี่ ำหนด เมือ่ ไดร้ ับ และมีคณุ ภาพ การตกั เตอื น การช่วยเหลือ อย่างมาก 2. ใฝเ่ รยี นรู้ ต้ังใจทำงานของ ตั้งใจทำงานของ ตง้ั ใจทำงาน ทำงานเฉพาะท่ีตน กลุม่ และของตนเอง กลุม่ หรือของตนเอง ในส่วนทต่ี นเอง รบั ผิดชอบ ดว้ ยความมุง่ ม่ัน จนสำเรจ็ รับผดิ ชอบจนสำเร็จ และมีความถนดั และพยายาม เมือ่ มีปัญหา และเกิดผลงานที่ดี เมอ่ื เกดิ ปญั หา แก้ปัญหาด้วย มักขอ มกั ทอดทงิ้ งาน ตนเองก่อนขอ ความชว่ ยเหลอื ความช่วยเหลอื จากผู้อน่ื จากผู้อ่ืน 3. ความม่งุ มัน่ มีความตั้งใจ มีความต้ังใจ ทำงานตามที่ ทำงานตามท่ี ในการทำงาน ในการปฏิบัติและ ในการปฏิบัติงาน ไดร้ ับมอบหมาย ไดร้ ับมอบหมาย ปรบั รายละเอียด ตามทไี่ ดร้ ับ จนสำเรจ็ ลลุ ว่ ง ได้บ้าง งานจนสำเร็จลลุ ่วง มอบหมายจนสำเร็จ เปน็ บางคร้ัง แมม้ ีปญั หาอปุ สรรค ลุลว่ ง เกณฑ์การประเมิน ชว่ งคะแนนร้อยละ ระดบั คุณภาพ 90 – 100 ดเี ยี่ยม 80 - 89 ดีมาก 70 - 79 ดี 50 - 69 พอใช้ 0 - 49 ปรบั ปรุง การเกณฑ์ผ่าน คะแนน ระดับดีมาก ข้นึ ไป ถอื ว่า ผ่านเกณฑ์
39
Search
Read the Text Version
- 1 - 41
Pages: