เคร่อื งคอมพวิ เตอรแ์ ละอปุ กรณ์
1เคร่อื งคอมพวิ เตอร์และอุปกรณ์หัวเร่อื งระบบคอมพิวเตอร์สว่ นประกอบของคอมพวิ เตอร์ หนว่ ยรับเข้า หน่วยประมวลผลกลาง หนว่ ยความจาหลัก หนว่ ยความจารอง หน่วยส่งออกแนวคดิ 1. ระบบคอมพิวเตอร์ คือ องค์ประกอบหลักท่ีจะทาให้เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถทางานได้อย่างสมบูรณ์ถ้าขาดองค์ประกอบส่วนใดส่วนหนึ่งแล้วคอมพิวเตอร์ก็ไม่สามารถที่จะทางานได้ ระบบของคอมพิวเตอร์ประกอบด้วย องค์ประกอบหลัก ท่ีสาคัญ 5 ส่วน คือฮาร์ดแวร์ซอฟตแ์ วร์ และพีเพิลแวร์ ขอ้ มลู และสารสนเทศ และกระบวนการทางาน 2. การทางานของคอมพิวเตอร์จะทางานตามโปรแกรมที่กาหนดไว้ก่อนล่วงหน้าตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ตลอดจนอุปกรณ์ต่างๆ เรียกรวมว่า ฮาร์ดแวร์ การทางานของคอมพิวเตอร์ประกอบดว้ ยหน่วยสาคญั 5 หนว่ ย คือ 1. หนว่ ยรับขอ้ มูล 2. หน่วยประมวลผลกลาง 3. หนว่ ยความจาหลัก 4. หนว่ ยความจารอง 5. หนว่ ยส่งออก
2 3. หนว่ ยรับเขา้ เป็นอุปกรณ์ที่นาข้อมูลหรือโปรแกรมเข้าไปเก็บไว้ในหนว่ ยความจาหลัก และใช้ในการประมวลผล อุปกรณร์ บั ข้อมูลมีหลายประเภท เช่น แผงแปน้ อักขระเมาส์ แทรก็ บอล กา้ นควบคุม เคร่อื งกราดตรวจ เคร่ืองอ่านอักขระหมึกแมเ่ หล็ก จอสมั ผสั 4. หนว่ ยประมวลผลกลาง เรยี กอีกอย่างหน่ึงวา่ ซพี ียู (Central Processing Unit :CPU) หน่วยประมวลผลกลางเป็นสว่ นที่สาคัญของคอมพิวเตอร์ หนว่ ยประมวลผลกลาง แบง่ ออกเป็น2หน่วย คือ หน่วยควบคุม (control unit) และหน่วยคานวณและตรรกะ (Arithmetic Logic Unit :ALU) 5. หน่วยความจาหลัก มีหน้าท่ีในการเก็บข้อมูลและโปรแกรมท่ีจะให้ซีพียูเรียกไปใช้งาน หน่วยความจาหลักเป็นอุปกรณ์ท่ีทามาจากไอซี หน่วยความจาหลักแบ่งได้ 2 ประเภท คือรอม และแรม 6. หน่วยความจารอง มีไว้เพ่ือใช้เก็บข้อมูลที่ต้องการใช้งานต่อ และเม่ือต้องการใช้งานเมื่อไรก็จะถ่ายข้อมูลจากหน่วยความจารองมาไว้ท่ีหน่วยความจาหลักท่ีเป็นแรม เพื่อให้หน่วยประมวลผลทางาน หน่วยความจารองท่ีใช้กันในระบบคอมพิวเตอร์มีหลายประเภท เช่น แผ่นบนั ทึก ฮารด์ ดิสก์ 7. หน่วยส่งออก เป็นหน่วยท่ีนาข้อมูลท่ีได้รับการประมวลผลแล้วมาแสดงผล หรือเก็บไว้ในหน่วยความจารอง เป็นอุปกรณ์ท่ีสาคัญและจาเป็นอย่างหน่ึง หน่วยส่งออกท่ีใช้ในระบบคอมพิวเตอร์ เช่น จอภาพ เครอ่ื งพิมพ์ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. บอกองค์ประกอบของระบบคอมพวิ เตอร์ได้ 2. บอกสว่ นประกอบของคอมพวิ เตอรไ์ ด้ 3. อธิบายหนา้ ท่ขี องสว่ นประกอบของคอมพวิ เตอรไ์ ด้ 4. บอกส่วนประกอบของหน่วยรบั เขา้ ได้ 5. บอกส่วนประกอบของหน่วยประมวลผลกลางได้ 6. บอกส่วนประกอบของหนว่ ยความจาหลกั ได้ 7. บอกสว่ นประกอบของหนว่ ยความจารองได้ 8. บอกสว่ นประกอบของหนว่ ยแสดงผลได้
3สาระการเรียนร/ู้ เนื้อหา1. ระบบคอมพวิ เตอร์ พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2525 ไดใ้ หค้ าจากดั ความวา่คอมพวิ เตอร์ คอื เครอ่ื งอเิ ลก็ ทรอนกิ สแ์ บบอตั โนมตั ทิ าหนา้ ทเ่ี สมอื นสมองกลใชส้ าหรบัแกป้ ญั หาตา่ งๆ ทง้ั ท่ีงา่ ยและซบั ซอ้ นโดยวธิ ที างคณติ ศาสตร์ เครอ่ื งคอมพวิ เตอรถ์ กู สรา้ งข้ึนมาเพอื่ ใหม้ จี ดุ เด่น 4ประการเพอื่ ทดแทนขอ้ จากดั ของมนษุ ยเ์ รยี กวา่ 4Sspecial ดงั นี้ 1. หน่วยเก็บ (Storage) หมายถึง ความสามารถในการเก็บข้อมูลจานวนมากและเปน็ เวลานาน นบั เปน็ จดุ เดน่ ทางโครงสรา้ งและเปน็ หวั ใจของการทางานแบบอัตโนมัติของเคร่อื งคอมพวิ เตอรท์ ัง้ เปน็ ตัวบง่ ชีป้ ระสิทธภิ าพของคอมพวิ เตอร์แต่ละเครอ่ื งด้วย 2. ความเรว็ (Speed) หมายถงึ ความสามารถในการประมวลผลขอ้ มลู(ProcessingSpeed)โดยใชเ้ วลานอ้ ย เป็นจดุ เดน่ ทางโครงสรา้ งทผี่ ใู้ ชท้ ว่ั ไปมสี ว่ นเกีย่ วขอ้ งนอ้ ยทสี่ ดุ เปน็ ตวั บง่ ชี้ประสทิ ธภิ าพของเครอ่ื งคอมพวิ เตอรท์ ส่ี าคญั สว่ นหนงึ่ 3. ความเป็นอัตโนมัติ (Self Acting) หมายถึง ความสามารถในการประมวลผลขอ้ มูลตามลาดับขั้นตอนได้อยา่ งถูกตอ้ งและต่อเน่อื งอย่างอัตโนมัติ โดยมนษุ ยม์ ีส่วนเกย่ี วข้องเฉพาะในขั้นตอนการกาหนดโปรแกรมคาสั่งและข้อมลู ก่อนการประมวลผล 4. ความน่าเชื่อถือ (Sure) หมายถึง ความสามารถในการประมวลผลให้เกิดผลลัพธ์ท่ีถูกต้อง ความน่าเช่ือถือนับเป็นสิ่งสาคัญที่สุดในการทางานของเครื่องคอมพิวเตอร์ความสามารถนเ้ี กยี่ วข้องกบั โปรแกรมคาสง่ั และข้อมูลท่มี นษุ ย์กาหนดใหก้ บั เครื่องคอมพวิ เตอร์โดยตรง กล่าวคือ หากมนุษย์ป้อนข้อมูลที่ไม่ถูกต้องให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ก็ย่อมได้ผลลัพธ์ที่ไมถ่ กู ต้องดว้ ยเช่นกนั ระบบคอมพวิ เตอร์ คอื องคป์ ระกอบหลกั ทจ่ี ะทาใหเ้ ครอื่ งคอมพวิ เตอร์สามารถทางานไดอ้ ยา่ งสมบรู ณ์ ถา้ ขาดองคป์ ระกอบสว่ นใดสว่ นหนงึ่ แลว้ คอมพวิ เตอร์ กไ็ มส่ ามารถ
4ทจี่ ะทางานได้ ระบบของคอมพวิ เตอรป์ ระกอบดว้ ย องคป์ ระกอบหลกั ทส่ี าคญั 5 สว่ น คอืฮารด์ แวร์ ซอฟตแ์ วร์ พีเพลิ แวร์ ขอ้ มลู และสารสนเทศ และกระบวนการทางาน ฮารด์ แวร์ (Hardware) หมายถงึ ตวั เครอื่ งคอมพวิ เตอรแ์ ละอปุ กรณท์ เี่ กีย่ วขอ้ ง(Peripheral Devices) ทเ่ี ห็นไดห้ รอื จบั ตอ้ งได้ ไดแ้ ก่ สว่ นประกอบทกุ สว่ นของเครอื่ งคอมพวิ เตอรเ์ ชน่ จอภาพ คียบ์ อรด์ ซอฟต์แวร์ (Software) คือ โปรแกรมคาส่ังท่ีสัง่ ใหเ้ คร่ืองคอมพิวเตอร์ทางานโดยโปรแกรมจะถูกเกบ็ ไว้ในหนว่ ยความจา หลังจากน้นั เคร่ืองจะทางานด้วยตนเองตามโปรแกรมภายใต้การควบคมุ ของหนว่ ยควบคุม พเี พลิ แวร์ (Peopleware) หมายถงึ บคุ คลทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั การใชค้ อมพวิ เตอรท์ งั้ทรงตรงและทางออ้ ม บคุ คลทเ่ี ก่ยี วขอ้ งทางตรง ไดแ้ ก่ บคุ คลทตี่ อ้ งใชค้ วามรเู้ กย่ี วกบัคอมพวิ เตอร์ เช่น นักวเิ คราะหร์ ะบบงาน โปรแกรมเมอร์ ผใู้ ชเ้ ครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ เปน็ ตน้บคุ คลทเี่ กย่ี วขอ้ งทางออ้ ม ไดแ้ ก่ ผู้ทเ่ี กย่ี วขอ้ งหรอื ไดร้ บั ผลกระทบจากการใช้คอมพวิ เตอร์ ขอ้ มูลและสารสนเทศ (Data / Information) ในการทางานตา่ ง ๆ จะต้องมีข้อมลูเกิดขึ้นตลอดเวลา ข้อมูลท่ีเก่ียวข้องกับงานที่ถูกเก็บรวบรวมมาประมวลผล เพื่อให้ได้สารสนเทศทเี่ ปน็ ประโยชนต์ อ่ ผใู้ ช้ ซง้ึ ในปจั จบุ นั มีการนาเอาระบบคอมพวิ เตอรม์ าเป็นขอ้ มลู ในการดดั แปลงขอ้ มูลใหไ้ ด้ประสิทธภิ าพโดยแตกต่างๆ ระหวา่ ง ขอ้ มลู และ สารสนเทศ ข้อมูลคือ ได้จากการสารวจจรงิ แตส่ ารสนเทศ คือ ได้จากข้อมลู ไปผ่านกระบวนการหนงึ่ กอ่ น กระบวนการทางาน (Procedure) หรือโพรซเี ยอร์ หมายถึง ขนั้ ตอนที่ผู้ใช้จะต้องทาตาม เพอ่ื ใหไ้ ดง้ านเฉพาะอยา่ งจากคอมพวิ เตอร์ซ่ึงผใู้ ช้คอมพวิ เตอรท์ กุ คนต้องรู้การทางานพืน้ ฐานของเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ เพื่อทจี่ ะสามารถใชง้ านได้อยา่ งถกู ต้อง ตัวอยา่ งเชน่ การใช้เครอ่ื ง ฝาก-ถอนเงนิ อัตโนมัติ รปู ที่ 4.1 ระบบคอมพวิ เตอร์ (ทม่ี า: สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี)2. ส่วนประกอบของคอมพวิ เตอร์ ค อมพิวเต อร์เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ใน การประมวลผ ลข้อมูล ให้เป็นสารสนเทศคอมพวิ เตอร์มจี ดุ เดน่ คอื สามารถจดั การขอ้ มลู คิดคานวณตวั เลขจานวนมากไดร้ วดเรว็ และแมน่ ยา นอกจากนค้ี อมพิวเตอร์ยงั สามารถเก็บข้อมูลได้มาก เม่อื จัดเก็บแล้วสามารถเรียกค้นหรือคัดแยกได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว โดยที่การดาเนินการต่างๆ จะเป็นไปตามเง่ือนไขที่โปรแกรมหรอื ซอฟต์แวรก์ าหนดไว้ คอมพวิ เตอร์ทางานตามชดุ คาสงั่ หรอื โปรแกรม ตามหลักการท่ี จอห์น วอน นอยแมน (John Von Neumann) เสนอและใชก้ ันมาจนถงึ ปจั จบุ นั คอื คอมพวิ เตอร์มี
5 หนว่ ยความจาสาหรบั เก็บซอฟตแ์ วร์และขอ้ มลู การทางานของคอมพวิ เตอร์จะ ทางานตามโปรแกรมท่ีกาหนดไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว ตัวเคร่ืองคอมพิวเตอร์ตลอดจนอุปกรณ์ตา่ งๆ เรียกรวมวา่ ฮารด์ แวร์ (hardware) รปู ที่ 4.2 ฮารด์ แวร์ (ทมี่ า : satan-it.exteen.com/20080802/entry) การทางานของคอมพวิ เตอรป์ ระกอบดว้ ยหนว่ ยสาคญั 5 หนว่ ย คอื 1. หน่วยรับข้อมูล ทาหน้าท่ีรับข้อมูลเข้ามาเก็บไว้ในหน่วยความจาหลักจากน้ันขอ้ มลู จะถกู สง่ ไปยังหนว่ ยประมวลผลกลาง 2. หน่วยประมวลผลกลาง ทาหน้าที่ในการคิดคานวณหรือประมวลผลข้อมูลโดยทาตามโปรแกรมทีเ่ กบ็ ไวใ้ นหนว่ ยความจาหลกั 3. หน่วยความจาหลัก เป็นหน่วยสาหรับเก็บข้อมูลและซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการประมวลผล ซึ่งหน่วยประมวลผลกลางสามารถอ่าน เขียน จากหน่วยความจาหลักรวดเร็วม ากทาใหห้ นว่ ยประมวลผลกลางนามาตคี วามและกระทาตามไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว 4. หนว่ ยความจารอง มไี วส้ าหรบั เกบ็ ขอ้ มลู หรอื ซอฟตแ์ วรท์ มี่ จี านวนมากและตอ้ งการนามาใชอ้ กี ในภายหลงั หากจะใชง้ านกม็ กี ารโอนถา่ ยจากหนว่ ยความจารองมายงัหนว่ ยความจาหลกั 5. หน่วยแสดงผล เป็นหน่วยที่นาขอ้ มลู ที่ได้รับการประมวลผลแลว้ มาแสดงผลหรอื เก็บไวใ้ นหนว่ ยความจารอง
6 รปู ท่ี 4.3 สว่ นประกอบพืน้ ฐานของระบบคอมพวิ เตอร์ (ท่ีมา: สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี)3. หน่วยรบั เขา้ เป็นอุปกรณ์ท่ีนาข้อมูลหรือโปรแกรมเข้าไปเก็บไว้ในหน่วยความจาหลัก ใช้ในการประมวลผล อุปกรณ์รับขอ้ มูล มหี ลายประเภท รูปที่ 4.4 อุปกรณ์รบั ข้อมูล(ท่ีมา: http://web.ku.ac.th/schoolnet/snet1/hardware/index1.htm)1. แผงแป้นอักขระ (keyboard) เป็นอุปกรณท์ ่ีทาหน้าทร่ี ับข้อมลู โดยรบั ขอ้ มลู จากการกดบนแผงแปน้ อักขระ (keyboard) แล้วสง่ รหสั ให้กับคอมพวิ เตอร์ แผงแปน้ อักขระมาตรฐานทนี่ ยิ มใช้กันมากในขณะนี้มีจานวนแป้น 101 แป้น แผงแป้นอักขระ เป็นอุปกรณ์รับขอ้ มูลท่ีนยิ มใชก้ ันโดยท่วั ไป ซ่ึงจะประกอบดว้ ยส่วนประกอบหลัก ๆ ดังนี้ รปู ที่ 4.5 แผงแป้นอักขระ (Keyboard) (ท่ีมา: สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี) - แป้นอักขระ (alphabetic keys) เป็นแป้นที่มีการจัดวางอักขระเหมือนกับแป้นพมิ พ์ดีดท่ัวไป - แป้นตัวเลข (numeric keypad) เป็นแป้นตัวเลขทางขวามือ ถูกออกแบบมาเพื่อชว่ ยอานวยความสะดวกสาหรบั งานทีต่ อ้ งปอ้ นขอ้ มูลตัวเลขเป็นประจา
7 - แปน้ ฟงั กช์ นั (function keys) เปน็ แปน้ ท่ีอยู่บนแถวแรกของแปน้ พิมพ์ ใช้สัญลักษณ์ F1-F12 แป้นฟังก์ชันเป็นแป้นทางลัดในการเลือกคาส่ัง ซึ่งแต่ละแป้นได้มีการบันทึกคาส่ังไว้แล้ว และแป้นฟังก์ชันของแต่ละโปรแกรมจะทาหน้าที่แตกต่างกันออก ไปโปรแกรมสาเรจ็ รูปสว่ นใหญจ่ ะกาหนดแปน้ ฟังก์ชันเพ่ือเข้าถงึ คาสงั่ โดยทางลดั ได้ - แป้นลูกศร (arrow keys) เป็นแป้นที่ทาหน้าท่ีควบคุมการเคลื่อนท่ีของเคอรเ์ ซอร์ - แป้นควบคุม (control keys) เป็นแป้นพิมพ์ที่ทาหน้าที่ร่วมกับแป้นพิมพ์อื่น ๆเชน่ แป้น Ctrl แป้น Shift และแปน้ Alt เป็นต้น รูปท่ี 4.6 แผงแป้นอักขระ (Keyboard) (ท่ีมา : www.overclockzone.com/.../2008/01/47/) นอกจากแป้นพิมพ์ที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์โดยท่ัวไปแล้ว ยังมีแป้นพิมพ์แบบไร้สายwireless) ท่ีสามารถทางานกับคอมพิวเตอร์ผ่านแสงอินฟาเรด และยังมีปุ่มเมาส์อยู่บนแป้นพิมพ์ด้วย นอกจากนยี้ งั มีแปน้ พิมพท์ ่ีออกแบบมาเพอื่ ใช้กับงานเฉพาะด้านเพอ่ื เปน็ การอานวย ความสะดวกและรวดเรว็ ในการบันทึก ตัวอย่างเช่น แป้นพิมพเ์ พ่ืองานธนาคาร รา้ นอาหารจานดว่ น (fast food)ตู้ถอนเงินอตั โนมัติ (ATM) เป็นตน้ รูปภาพที่ 4.7 แป้นพมิ พ์ท่ใี ช้กับตู้ ATM (ท่ีมา: http://www.wangjianshuo.com/personal/places/ pudongairport/shanghai.pvg-ATM-large.jpg
8 2. เมาส์ (mouse) เป็นอุปกรณ์รบั เข้าท่ีสามารถเล่ือนตัวชี้ไปยังตาแหน่งที่ต้องการบนจอภาพ มีลักษณะเป็นปุ่มกดครอบอยู่กับลูกกลมทเ่ี ม่อื ลากไปกับพ้ืนแลว้ จะมีการสง่ สญั ญาณ ตามแนวแกน x และแกน yเข้าส่คู อมพวิ เตอร์ ปัจจบุ ันมีหลายรปู แบบให้ผู้ใชเ้ ลอื กใชต้ ามความตอ้ งการ รปู ที่ 4.8 เมาส์ (ท่ีมา : http://home.kku.ac.th/regis/student/success/hardware_1.html ) 3. แทรก็ บอล (trackball) คือ ลูกกลมท่ีกลิ้งไปมาวางอยู่ในเบ้า ผู้ใช้สามารถบังคับลูกกลมให้หมุนไปมา เพื่อควบคุมการทางานของตัวชี้บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ปัจจุบันมีการสร้างแทรกบอลไว้กับเคร่ืองคอมพิวเตอรแ์ บบโน้ตบุ๊ก เพราะสะดวกตอ่ การใช้และใช้พืน้ ท่นี อ้ ย รปู ท่ี 4.9 ชนดิ ของแทร็กบอล (ท่ีมา: สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี)
9 4 . กา้ นควบคมุ มีลักษณะเป็นก้านโยกซึ่งโยกได้หลายทิศทาง ขณะท่ีโยกก้านไปมาตาแหน่งของตัวช้ีจะเปล่ียนไปด้วย ซ่ึงเป็นการส่งสัญญาณข้อมูลเข้าเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ก้านควบคุมมักเป็นอุปกรณ์ท่ีนยิ มใชก้ ันมากในการเล่นเกม ง รูปท่ี 4.10 กา้ นควบคุม (ทม่ี า: http://school.obec.go.th/uts_s/webpages/computer/input.htm) 5. เครอื่ งกราดตรวจ (scanner) รูปที่ 4.11 เครอื่ งกราดตรวจ (ท่ีมา: สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี) เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลโดยใช้เทคโนโลยีของการผ่านแสง เพื่อทาการอ่านรหัสสัญลักษณ์ หรือรูปภาพ แล้วให้คอมพิวเตอร์นาไปประมวลผลต่อไป เครื่องกราดตรวจช่วยให้การรับข้อมูลทาได้รวดเร็วกว่าการกดแป้นบนแผงแป้นอักขระ อีกท้ังยังลดข้อผิดพลาดอันอาจเกิดจากการกดแปน้ อีกด้วย เครื่องกราดตรวจทนี่ ิยมใชก้ นั อยทู่ ั่วๆ ไปได้แก่ 1) เคร่ืองกราดตรวจรายหน้า (page scanner) เปน็ อุปกรณท์ ่ีใช้อา่ นรูปภาพหรือตัวหนังสอื เช่น รูปถา่ ย และสัญลกั ษณต์ า่ งๆ
10 รูปที่ 4.12 เครอ่ื งกราดตรวจรายหนา้(ทมี่ า: http://www.thaigoodview.com/roomnet/roomnet46/IT46_4/index.html-page4.htm) 2) เคร่ืองอ่านรหัสแท่ง (bar code) เป็นอุปกรณ์รับเข้าท่ีใช้สาหรับอ่านรหัสแท่ง(bar code) ซึง่ เป็นแถบเส้นทีป่ ระกอบด้วยเส้นขนาดแตกต่างกนั ใชแ้ ทนรหสั ขอ้ มลู ต่างๆ การอ่านจะใช้แสงส่องแถบเส้นทาให้เกิดการสะท้อนเพื่อรับรหัสเข้ามาตีความหมาย ปัจจุบันนิยมใช้ในหา้ งสรรพสินค้า สินค้าทุกชนดิ จะติดรหัสแทง่ ไว้ ผู้ขายใช้เครอ่ื งอ่านเพื่อจะได้ทราบวา่ เป็นรหัสของสินคา้ ใด ราคาเท่าใด และสามารถออกใบเสรจ็ รับเงินให้ไดอ้ ยา่ งอัตโนมัติ รปู ที่ 4.13 เคร่ืองอา่ นรหสั แทง่ (ทม่ี า : http://www.sglcomp.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=376068) 3) เครื่องอ่านอักขระหมึกแม่เหล็ก(Magnetic-Ink Character Recognition: MICR)ท่ีพบเห็นได้บ่อยคร้ังคือ เครื่องอ่านตัวเลขที่พิมพ์อยู่บนต๋ัวสัญญาใช้เงิน ตัวเลขเหล่านี้มีลักษณะพิเศษท่ีทาให้เครื่องอ่านได้ เน่ืองจากแต่ละวันธนาคารต้องรับและออกต๋ัวสัญญาใช้เงินเป็นจานวนมาก จึงมีการใช้เครื่องอ่านตัวเลขช่วยในการอ่าน หรือเครื่องอ่านตัวเลขที่สานักงานไปรษณีย์ใช้เพอื่ ชว่ ยแยกจดหมายตามรหัสไปรษณยี ์ รูปที่ 4.14 เครอ่ื งอา่ นอกั ขระหมกึ แมเ่ หล็ก
11 (ทม่ี า : http://www.streesmutprakan.ac.th/teacher/techno/WEB% 20_ JAN/p07/p7.html) 4) จอสัมผัส (touch screen) สามารถเป็นได้ท้ังหน่วยรับเข้าและหน่วยส่งออกจอภาพสามารถรับข้อมูลไปประมวลผลได้โดยการสัมผัสบนบริเวณจอภาพ บริเวณจอภาพของจอสัมผัสประกอบด้วยตาข่ายของลาแสงอินฟาเรด เม่ือมีวัตถุมาสัมผัสบนจอภาพจะมีการส่งสัญญาณไฟฟ้า ซ่ึงสามารถระบุตาแหน่งบนจอภาพให้กบั โปรแกรมท่ีกาลังทางานอยู่ได้ การใช้งานจอสัมผัสมีความสะดวก แต่อาจผิดพลาดจากการระบุตาแหน่งบนจอภาพ ถ้าตาแหน่งบนจอภาพมีขนาดเล็กเกินไป จอสมั ผัสประยุกต์ใช้กบั งานหลายอยา่ ง เช่น การจองตั๋วชมภาพยนตร์ การจองท่นี ง่ั เพอื่ รับประทานอาหาร รปู ที่ 4.15 จอสัมผสั (ทมี่ า : http://atcloud.com/stories/66066) 5) กล้องถา่ ยภาพดิจติ อล สามารถถ่ายภาพและบนั ทึกไว้ในหนว่ ยความจาภายในตวักล้อง จากนั้นสามารถสง่ ข้อมลู ภาพเข้าสคู่ อมพิวเตอร์ได้ รูปที่ 4.16 กล้องถา่ ยภาพดิจิตอล (ทม่ี า : http://www.banchee.lopburi1.net/input_page_type.html)4. หนว่ ยประมวลผลกลาง หน่วยประมวลผลกลางเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ซีพียู (Central Processing Unit : CPU)หน่วยประมวลผลกลางเปน็ ส่วนที่สาคญั ของคอมพวิ เตอร์ ปัจจุบนั เทคโนโลยที างด้านการผลติ วงจรอเิ ล็กทรอนิกส์ไดก้ ้าวหน้ามากจนถงึ ขนั้ สามารถผลิตวงจรหน่วยประมวลผลกลางทัง้ วงจรไว้ในชิปเพยี งตวั เดยี วได้ ชปิ หน่วยประมวลผลกลางนมี้ ีช่อื เรยี กวา่ ไมโครโพรเซสเซอร์
12 รปู ท่ี 4.17 หน่วยประมวลผลกลาง (ที่มา: สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี) หน่วยประมวลผลกลางแบ่งออกเป็น 2 หน่วย คือ หน่วยควบคุม (control unit) และหนว่ ยคานวณและตรรกะ (Arithmetic Logic Unit : ALU) หน่วยควบคุม ทาหน้าที่ในการควบคุมลาดับการทางานภายในหน่วยประมวลผลกลางระหวา่ งประมวลผล หน่วยคานวณและตรรกะ ทาหน้าท่ีนาข้อมูลซึ่งเป็นสัญญาณไฟฟ้าแบบตัวเลขฐานสองมาประมวลผลทางคณติ ศาสตร์ และตรรกศาสตร์ รูปที่ 4.18 ผังแสดงหนว่ ยประมวลผลกลาง(ทมี่ า: http://www.comcn.in.th/elearnning/e-learning%20kru_fon/WEB-computer/ct103A2.html) พัฒนาการของหน่วยประมวลผลกลางได้เริม่ จากการใหห้ นว่ ยประมวลผลกลางอา่ นขอ้ มูลจากหน่วยความจาหลักดว้ ยรหัสเลขฐานสอง ครั้งละ 8 บิต เรียกซพี ียูแบบนี้ว่าซีพียูขนาด 8 บิตตอ่ มาเม่ือสรา้ งหน่วยประมวลผลกลางไดด้ ีข้ึนทาให้อา่ นคาสั่งหรอื ข้อมูลเข้ามาไดค้ รั้งละ 16 บิต การประมวลผลกก็ ระทา ครั้งละ 16 บติ ด้วย เรยี กซพี ียแู บบนว้ี ่าซีพียขู นาด 16 บิต ปัจจบุ นั ซีพียูท่ีใชง้ านสามารถอ่านคาสงั่ หรือข้อมูลได้ถงึ ครั้งละ 128 บิต ทาใหท้ างานไดม้ ากและรวดเร็วขึ้น ซพี ียู 8 บติ ซีพยี ู 16 บติ ซพี ียู32 บติ รปู ที่ 4.19 พัฒนาการของหนว่ ยประมวลผลกลาง
13 (ที่มา: สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี)วิวัฒนาการของไมโครโพรเซสเซอร์ 1. ไมโครโพรเซสเซอร์ 8086 เร่ิมพัฒนาและนาออกมาใช้งานต้ังแต่ พ.ศ.2523เป็นซีพียูขนาด 16 บิต ซีพียูรุ่นน้ีมีโครงสร้างการทางานท่ีต่อเชื่อมกับหน่วยความจาหลักโดยตรงไดม้ ากถึง 1 เมกะไบต์ หน่วยของหนว่ ยความจา เป็นดังน้ี1 ไบต์ (byte) เทา่ กบั 8 บติ1 กโิ ลไบต์ (kilobyte) เทา่ กบั 1024 ไบต์1 เมกะไบต์ (megabyte) เทา่ กบั 1024 กโิ ลไบต์1 กกิ ะไบต์ (gigabyte) เทา่ กบั 1024 เมกะไบต์ รูปท่ี 4.20 ไมโครโปรเซสเซอร์ 8086 (ที่มา: สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี) 2. ไมโครโพรเซสเซอร์ 80286 เป็นพัฒนาการรนุ่ ต่อมาของ 8086 เป็นไมโครโพรเซสเซอร์ขนาด 16 บิต แตส่ ามารถเชอื่ มต่อกับหน่วยความจาหลกั ได้โดยตรงถึง 16 เมกะไบต์ รูปท่ี 4.21 ไมโครโปรเซสเซอร์ 80286 (ที่มา: สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี)
14 3. ไมโครโพรเซสเซอร์ 80386 เป็นซีพียูรุ่นที่สามท่ีใช้ในไมโครคอมพิวเตอร์ เป็น ไมโครโพรเซสเซอร์ขนาด 32 บิต มีประสทิ ธิภาพการทางานได้ดีกว่า 80286โดยเฉพาะโครงสร้างการเชื่อมต่อกับหนว่ ยความจาสามารถต่อไดถ้ งึ 4 กกิ ะไบต์ รูปที่ 4.22 ไมโครโปรเซสเซอร์ 80386 (ที่มา: สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี) 4. ไมโครโพรเซสเซอร์ 80486 พัฒนาต่อเน่อื งมาจาก 80386 เพมิ่ ขดี ความสามารถในการคานวณจานวนจรงิ ไมโครโพรเซสเซอร์นี้มีสถาปัตยกรรมท่ีซับซ้อนข้นึ มจี านวนทรานซสิ เตอร์กวา่ หน่งึ ลา้ นตวั ในชพิ เดียวกนั รูปท่ี 4.23 ไมโครโปรเซสเซอร์ 80486 (ที่มา: สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี) 5. ไมโครโพรเซสเซอร์ทส่ี ูงกว่าไมโครโพรเซสเซอร์ 80486 บริษัทผู้ผลติ ไดเ้ ปลยี่ นช่อื รุน่ ซพี ียจู ากการใช้หมายเลขมาเป็นชอ่ื ทางการคา้ เช่น เพนเที่ยม (pentium) เอทรอน (athlon)ซึง่ ซพี ยี ูน้ีมีจานวนทรานซสิ เตอร์มากกวา่ สามลา้ นตัวเปน็ ซีพียขู นาด 64 บิต และทางานได้เรว็ กว่าไมโครโพรเซสเซอร์ 80486 โดยเฉพาะมีการทางานภายในดว้ ยกระบวนการทางานแบบขนานเพือ่ ใหท้ างานได้เร็วขนึ้ รูปท่ี 4.24 ซพี ียู ขนาด 64 บิต(ที่มา: สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี)
15 รูปที่ 4.25 แสดงรุ่นของไมโครโปรเซสเซอร์ (ที่มา: สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี)5. หนว่ ยความจาหลัก หน่วยความจาหลัก มีหน้าที่ในการเก็บข้อมูลและโปรแกรมที่จะให้ซีพียูเรียกไปใช้งานหน่วยความจาหลกั เป็นอปุ กรณ์ทท่ี ามาจากไอซี วงจรหน่วยความจาจะเกบ็ ข้อมูลในรูปตวั เลขฐานสอง รปู ที่ 4.26 หนว่ ยความจาหลกั (RAM) (ที่มา: สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี) หนว่ ยความจาหลกั ท่ใี ชก้ ับไมโครคอมพิวเตอร์แบ่งได้เป็น 1. แรม (Random Access Memory : RAM) เปน็ หนว่ ยความจาท่ีเก็บขอ้ มลู สาหรับใช้งานทั่วไป การอ้างอิงตาแหน่งท่ีอยู่ของข้อมูลใดๆ เพ่ือการเขียนและการอ่าน จะกระทาแบบการเข้าถึงโดยสุ่มคือเรียกไปที่ตาแหน่งที่อยู่ข้อมูลใดก็ได้ หน่วยความจานี้เรียกว่า แรม หน่วยความจาประเภทน้ีจะเกบ็ ข้อมูลไว้ตราบเท่าท่ีกระแสไฟฟ้าจ่ายให้วงจร หากไฟฟา้ ดับเมื่อไรข้อมูลก็จะสูญหายทันที รปู ที่ 4.27 แรม (Random Access Memory : RAM) (ท่ีมา: สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี) 2. รอม (Read Only Memory : ROM) เป็นหน่วยความจาอีกประเภทหน่ึงที่มีการอ้างอิงตาแหน่งท่ีอยู่ข้อมูลแบบเข้าถึงโดยสุ่ม หน่วยความจาประเภทนี้มีไว้เพื่อบรรจุ โปรแกรมสาคัญบางอย่าง เม่อื เปิดเครื่องซีพียูจะเรม่ิ ต้นทางานทันทีข้อมูลหรอื โปรแกรมทเี่ ก็บไว้ในรอมจะถูกบันทึกมา
16ก่อนแล้ว ผู้ใช้ไม่สามารถเขียนข้อมูลใดๆ ลงไปได้แต่สามารถอ่านข้อมูลได้อย่างเดียว ข้อมูลหรือโปรแกรมทอ่ี ยใู่ นรอมน้จี ะอยอู่ ย่างถาวรแมจ้ ะปดิ เครอื่ งข้อมูลหรือโปรแกรมกจ็ ะไม่ถูกลบไป รปู ที่ 4.28 รอม (Read Only Memory : ROM) (ท่ีมา: สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี)6. หน่วยความจารอง แรมเป็นหน่วยความจาหลักสาหรับเก็บข้อมูลหรือซอฟต์แวร์ขณะทางาน ข้อมูลหรือซอฟต์แวร์เหล่านี้จะถูกลบทิ้งไปถ้าปิดเคร่ืองหรือไฟดับ ดังนั้นจึงต้องมีหน่วยความจารองเพื่อใช้เก็บข้อมูลท่ตี อ้ งการใชง้ านต่อไป หน่วยความจารองทีใ่ ชใ้ นระบบคอมพวิ เตอร์มหี ลายประเภท เชน่ 1. แผ่นบันทกึ (floppy disk หรือ diskette) ไมโครคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่มีหนว่ ยขบั แผ่นบนั ทกึ อย่างน้อยหน่ึงตัว แผน่ บันทกึ ที่นยิ มใช้ในปัจจุบนั มีขนาด 3.5 น้วิ ตวั แผน่ บันทกึ เปน็ แผ่นบางฉาบผวิ ด้วย สารแม่เหลก็ ยู่ในกรอบพลาสตกิ แขง็ เพ่ือป้องกนั การขีดข่วน การเกบ็ ข้อมลู จะทาโดยบันทึกลงไปทผ่ี วิ ของแผ่นปกติใชไ้ ด้ท้ังสองด้าน หัวอ่านของเครอ่ื งขับจึงมสี องหวั แผน่ จะหมนุ ดว้ ยความเรว็ คงที่ หัวอา่ นว่งิ เข้าออกเพอ่ื อา่ นข้อมูลในตาแหนง่ ท่ีอย่ทู ่ตี ้องการ ผวิ ที่ใชเ้ กบ็ ข้อมูลจะแบง่ เปน็ วง เรยี กวา่ แทร็ก (track) แต่ละแทร็กจะแบง่ เปน็ ช่องเกบ็ ขอ้ มลู เรยี กว่า เซกเตอร์ (sector) แผน่ บนั ทึกขนาด 3.5 น้ิว มคี วามจุ 1.44เมกะไบต์ ในอดีตมกี ารใชแ้ ผ่นบนั ทกึ ขนาด 5.25 นิว้ ซ่งึ มีความจุ 1.2 เมกะไบต์ รูปท่ี 4.29 แผน่ บันทึก (floppy disk หรอื diskette) (ท่ีมา: สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี)
17 2. ฮาร์ดดสิ ก์ (Hard disk) จะประกอบด้วยแผ่นบันทึกแบบแข็งที่เคลือบสารแม่เหล็กหลายแผ่นเรียงซ้อนกันหัวอ่านของหน่วยขับจะมีหลายหัว ขณะท่ีแผ่นบันทึกแต่ละแผ่นหมุนหัวอ่านจะเคล่ือนที่เข้าออกเพื่ออ่านข้อมูลท่ีเก็บบนพ้ืนผิวแผ่น การเก็บข้อมูลในแต่ละแผ่นจะเป็นวง เรียกแต่ละวงของทุกแผ่นบันทึกวา่ ไซลินเดอร์ (cylinder) แต่ละไซลินเดอร์ จะแบ่งเปน็ เซกเตอร์แต่ละเซกเตอร์เกบ็ ข้อมลู เปน็ ชุดๆ ฮาร์ดดิสก์เป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลท่ีมีความจุสูงมาก ขนาดของฮาร์ดดิสก์มีความจุเป็นกิกะไบต์ เช่น ฮาร์ดดิสก์ความจุ 15 กิกะไบต์ การเขียนอ่านข้อมูลบนฮาร์ดดิสก์ จะกระทาเปน็ เซกเตอร์ และเขยี นอา่ นได้เร็วมาก เวลาท่ใี ช้ในการวัดการเขา้ ถึงขอ้ มลู มีหน่วยเป็นมลิ ลิวินาทีรูปท่ี 4.30 ฮารด์ ดสิ ก์ (Hard disk) (ท่ีมา: สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี)3. เทปแมเ่ หลก็ (magnetic tape) เปน็ อุปกรณ์ทมี่ ีการใชก้ ันมานานแล้ว ลกั ษณะของเทปเป็นแถบสายพลาสติก เคลอื บดว้ ยสารแมเ่ หล็กเหมือนเทปบันทกึ เสียง เทปแม่เหลก็ ใช้สาหรบั เกบ็ ข้อมูลจานวนมาก มีการจดั เก็บและเรียกคน้ ข้อมูลแบบเปน็ ลาดบั การประยุกตใ์ ช้เนน้ ใชส้ าหรบั สารองข้อมลู เพือ่ ความม่ันใจ เช่น ถา้ฮาร์ดดสิ กเ์ สียหายขอ้ มูลในฮาร์ดดิสกอ์ าจเสยี หายได้ จึงจาเปน็ ตอ้ งเก็บสารองไว้ รปู ที่ 4.31 เทปแม่เหล็ก (magnetic tape) (ที่มา: สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี) 4. แผน่ ซดี ี (CD-ROM) วิวัฒนาการของการใช้หน่วยความจารองได้ก้าวหน้าขึ้นเป็นลาดับ ปัจจุบันได้มีการประดิษฐ์แผ่นซีดี (CompactDisk:CD)ใช้ในการเก็บข้อมูลจานวนมาก การเก็บข้อมูลบนแผ่นซีดีใช้หลักการทางแสงทาให้สามารถเก็บข้อมูลแบบดิจิตอลได้ แผ่นซีดีที่นิยมใช้มากเป็นแผ่นซีดีที่อ่านได้อย่างเดียว เรียกกันว่า ซีดีรอม (CD ROM) ข้อมูลที่บันทึกจะถูกบันทึกมาจากโรงงานผู้ผลิตเหมือนการบันทึกเพลงหรือภาพยนตร์ ขอ้ เดน่ ของแผ่นซดี ีคือ ราคาถูก จุข้อมูลได้มาก สามารถเกบ็ ข้อมูล
18หรือโปรแกรมได้มากกว่า 750 เมกะไบต์ต่อแผ่น แผ่นซีดีมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5 น้ิวในปัจจุบันเทคโนโลยีการผลิตแผ่นซีดีได้ก้าวหน้าขึ้น สามารถเขียนข้อมูลบนแผ่นซีดีได้เหมือนฮารด์ ดิสก์ เรียกว่า ออปตคิ ลั ดิสก์ (optical disk) รูปที่ 4.32 แผน่ ซีดี (CD-ROM) (ที่มา: สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี) 5. หน่วยความจาแบบแฟลช (flash memory) เป็นหน่วยความจาประเภทรอมที่เรียกวา่ อีอพี ร็อม (Electrically ErasableProgrammableRead Only Memory : EEPROM) ซ่ึงเป็นเทคโนโลยีของรอมและแรมรวมกนั ให้หนว่ ยความจาชนิดนีส้ ามารถเก็บข้อมลู ได้เหมอื นฮารด์ ดิสก์ คอื สามารถเกบ็ และลบข้อมลู ไดต้ ามต้องการและถา่ ยโอนข้อมลู ได้อยา่ งรวดเร็ว หนว่ ยความจาชนิดนี้มีขนาดเลก็ น้าหนักเบา พกพาได้สะดวกปจั จุบันสามารถเกบ็ ขอ้ มูลได้มากรปู ท่ี 4.33 หน่วยความจาแบบแฟลช (flash memory) (ที่มา: สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี)7. หน่วยแสดงผล หน่วยแสดงผลเป็นอุปกรณ์ท่ีสาคัญและจาเป็นอย่างหน่ึง อุปกรณ์ส่งออกที่ใช้ในระบบคอมพวิ เตอร์ท่วั ไป คือ จอภาพ และเครื่องพิมพ์ 1. จอภาพ (monitor) มลี กั ษณะเปน็ จอภาพเหมือนจอโทรทัศน์ทั่วไป การสง่ ออกของข้อมูลจะปรากฏบนจอภาพซึ่งแสดงได้ท้ังตัวอักษร ตัวเลข เคร่ืองหมายพิเศษ และยังสามารถแสดงรูปภาพได้ด้วย จอภาพมี 2
19แบบคอื ซีอาร์ที (Cathode Ray Tube : CRT) ใช้เทคโนโลยขี องหลอดรังสีอิเล็กตรอน เช่นเดียวกับจอโทรทัศน์ในการทาให้เกิดภาพ และจอแบบแอลซีดี (Liquid Crystral Display : LCD) ใช้เทคโนโลยีของการบรรจุของเหลวไว้ภายในจอ เช่นเดียวกับหน้าปัดนาฬิกาในระบบตัวเลข การแสดงผลบนจอภาพจะแสดงด้วยจุดเล็กๆ ตามแนวนอนและแนวตั้ง แต่เดิมจอภาพแสดงผลได้เพียงสีเดยี ว พฒั นาการต่อมาทาใหก้ ารแสดงผลเป็นสีหลายสีได้ นอกจากน้ียงั มคี วามละเอยี ดมากข้ึน จอภาพโดยทั่วไปจะมีขนาด 15 น้ิว หรอื 17 น้ิว การแสดงผลของจอภาพควบคุมโดยแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ซงึ่ อยภู่ ายในเครอื่ งคอมพิวเ ตอร์ รปู ท่ี 4.34 จอภาพ (ที่มา: สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย)ี 2. เครอ่ื งพมิ พ์ (printer) เคร่อื งพิมพ์ทีใ่ ช้กับคอมพวิ เตอรม์ ีหลายประเภทตามเทคโนโลยีการพิมพ์เคร่ืองพิมพ์เปน็อุปกรณส์ ง่ ออกทีพ่ มิ พล์ งบนกระดาษ เคร่ืองพิมพ์ทีใ่ ช้กับคอมพวิ เตอร์มดี งั นี้ 1) เครื่องพมิ พแ์ บบจดุ (dot matrix printer) เปน็ เคร่อื งพิมพ์ที่มีหวั ยิงเป็นเขม็ ขนาดเลก็ พุ่งไปชนแผ่นผา้ หมกึ เพ่ือใหห้ มึกติดบนกระดาษเป็นจุดเล็กๆ หลายๆ จดุ เรยี งกันเป็นตัวหนงั สอื หรือรูปภาพ หัวเขม็ ที่ใช้ยิงไปยังผา้ หมึกมีจานวนหลายหัว โดยปกตใิ ช้ขนาด 24 หวั เข็ม ซึ่งจดั วางเรยี งกนั ในแนวตงั้ ทาให้ไดต้ ัวหนงั สือที่ละเอยี ดพอควร รปู ที่ 4.35 เครอื่ งพิมพแ์ บบจุด (ที่มา: สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี)
20 2) เครือ่ งพมิ พเ์ ลเซอร์ (laser printer) เปน็ เครอื่ งพมิ พท์ ่ใี ห้ความคมชดั และความละเอียดสูง การพมิ พ์จะใชห้ ลกั การทางแสงปกติมคี วามละเอียดไมน่ ้อยกวา่ 600 จดุ ต่อน้ิว เครอื่ งพมิ พ์เลเซอรจ์ ึงเป็นเคร่ืองพิมพท์ เ่ี หมาะกับงานพมิ พ์ท่ตี ้องการคุณภาพ พฒั นาการทางเทคโนโลยีทาให้เครือ่ งพมิ พ์ชนิดนี้ได้รบั ความนยิ มสงู ขึน้เพราะเมื่อเทยี บประสิทธภิ าพ ต่อราคาแลว้ เคร่ืองพิมพช์ นิดนี้เหมาะทจ่ี ะใช้ในสานักงาน แต่ไม่สามารถพิมพส์ าเนากระดาษคาร์บอนได้ รปู ที่ 4.36 เคร่ืองพมิ พเ์ ลเซอร์ (ทม่ี า: http://social.eduzones.com/dotnetengcom/17376) 3) เครอ่ื งพมิ พ์แบบพ่นหมึก (inkjet printer) เป็นเครือ่ งพิมพ์ที่ใช้วิธีการพ่นหมึกและผสมสีจากแม่สีสามสี คือแดง เหลืองและ น้าเงนิ โดยจะผสมสใี ห้ได้สีตามความต้องการและพ่นหมึกเพื่อให้ตดิ บนกระดาษ ในปัจจุบันเคร่ืองพิมพ์แบบพ่นหมึกเปน็ ทน่ี ิยมกนั มาก เนื่องจากสามารถพมิ พ์รปู ภาพออกมาเป็นสีทส่ี วยงาม รูปที่ 4.37 เครือ่ งพมิ พ์แบบพ่นหมกึ (ทมี่ า : http://58.147.80.102/online1/Webpage1/File6.htm) 4) เคร่อื งพิมพร์ ายบรรทดั (line printer) เครอ่ื งพมิ พช์ นดิ นม้ี ีความเรว็ ในการพิมพ์สงู มาก สามารถพิมพ์ได้หลายรอ้ ยบรรทดั ต่อนาทีกล่าวคือ มีความเร็วในการพิมพไ์ ด้ถงึ 2000 บรรทดั ตอ่ นาที ลกั ษณะการพมิ พ์มหี ลายแบบ บางแบบ
21ใช้พมิ พ์ดว้ ยแถบโซต่ ัวอักษรท่ีหมุนอยู่ และมีคนั เคาะตัวอักษรในตาแหน่งท่กี าหนด บางแบบใชห้ วั ยงิแบบจุด แตม่ จี านวนหัวยงิ เปน็ จานวนมากเพอ่ื ให้พมิ พไ์ ด้เรว็ เคร่อื งพมิ พ์ชนิดนีจ้ ึงเหมาะกับศูนย์คอมพวิ เตอร์ที่ต้องพิมพร์ ายงานเป็นจานวนมาก และพิมพ์อย่างต่อเนอ่ื ง รูปที่ 4.38 เครื่องพิมพ์รายบรรทัด (ที่มา: สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี) แบบฝึกหัดหนว่ ยที่ 4 เรื่อง เคร่ืองคอมพิวเตอรแ์ ละอุปกรณ์2. บอกจดุ เดน่ ของคอมพิวเตอร์ ซึ่งเปน็ อุปกรณ์ในการประมวลผลขอ้ มลู เคร่อื งคอมพิวเตอร์ถกู สร้างข้ึนมาเพ่ือใหม้ ีจดุ เด่น 4 ประการ เพ่ือทดแทนข้อจากัดของมนษุ ย์ เรยี กว่า 4 S special ดงั น้ี 1. หน่วยเก็บ (Storage) หมายถึง ความสามารถในการเก็บข้อมูลจานวนมากและเป็นเวลานาน นับเป็นจุดเด่นทางโครงสร้างและเป็นหัวใจของการทางานแบบอัตโนมัติของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ 2. ความเร็ว (Speed) หมายถึงความสามารถในการประมวลผลข้อมูล โดยใช้เวลาน้อย เป็นจุดเด่นทางโครงสรา้ งทีผ่ ู้ใช้ทัว่ ไปมสี ว่ นเก่ียวขอ้ งนอ้ ยทส่ี ุด
22 3. ความเป็นอัตโนมัติ (Self Acting) หมายถึง ความสามารถในการประมวลผลข้อมูลตามลาดบั ข้นั ตอนไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและต่อเน่อื งอย่างอตั โนมตั ิ 4. ความน่าเชื่อถือ (Sure) หมายถึง ความสามารถในการประมวลผลให้เกิดผลลัพธ์ท่ีถกู ตอ้ ง ความน่าเชอ่ื ถอื นับเปน็ สิ่งสาคัญทส่ี ุดในการทางานของเครอ่ื งคอมพิวเตอร์3. บอกสว่ นประกอบพ้ืนฐานของระบบคอมพิวเตอร์ สว่ นประกอบพ้นื ฐานของระบบคอมพิวเตอรป์ ระกอบดว้ ยหนว่ ยสาคัญ 5 หน่วย คือ 1. หน่วยประมวลผลกลาง ทาหนา้ ที่ในการคานวณหรอื แประมวลผลข้อมูล โดยทาตามโปรแกรมทเ่ี ก็บไวใ้ นหนว่ ยความจาหลกั 2. หนว่ ยความจาหลัก เป็นหนว่ ยสาหรบั เกบ็ ข้อมลู และซอฟต์แวรท์ ี่ใชใ้ นการประมวลผล ซ่ึงหน่วยประมวลผลกลางสามารถอ่าน เขยี นจากหนว่ ยความจาหลกั รวดเร็วมาก ทาให้หน่วยประมวลผลกลางนามาตีความและกระทาตามได้อย่างรวดเรว็ 3. หนว่ ยความจารอง มีไวส้ าหรับเกบ็ ข้อมูลหรือซอฟต์แวร์ท่มี ีจานวนมาก และต้องการนามาใช้อีกในภายหลัง เมื่อจะใชง้ านกม็ ีการโอนถ่ายจากหนว่ ยความจารองมายงั หนว่ ยความจาหลกั 4. หนว่ ยรับข้อมลู ทาหนา้ ท่ีรับขอ้ มูลเข้ามาเก็บไว้บนหน่วยความจาหลัก จากนั้นขอ้ มูลจะถกู ส่งไปยงั หนว่ ยประมวลผลกลาง 5. หน่วยแสดงผลเปน็ หน่วยทีน่ าขอ้ มูลท่ีได้รบั การประมวลผลแลว้ มาแสดงผลหรอื เกบ็ ไว้ในหนว่ ยความจารอง4. หน่วยประมวลผลกลางแบง่ ออกไดเ้ ป็นกห่ี นว่ ย อะไรบา้ ง จงอธิบาย หน่วยประมวลผลกลางแบ่งออกเป็น 2 หน่วย คือ หน่วยควบคุม (control unit) และหนว่ ยคานวณและตรรกะ (Arithmetic Logic Unit : ALU) หน่วยควบคุม ทาหน้าที่ในการควบคุมลาดับการทางานภายในหน่วยประมวลผลกลางระหว่างประมวลผล หนว่ ยคานวณและตรรกะ ทาหน้าทีน่ าข้อมูลซึ่งเปน็ สญั ญาณไฟฟ้าแบบตวั เลขฐานสองมาประมวลผลทางคณิตศาสตร์ และตรรกศาสตร์5. บอกหน้าทข่ี องหนว่ ยประมวลผลกลาง หน่วยประมวลผลกลาง หรือไมโครโพรเซสเซอร์ของไมโครคอมพิวเตอร์ มีหน้าที่นาคาสั่งและข้อมูลท่ีเก็บไว้ในหน่วยความจามาแปลความหมาย และกระทาตามคาส่ังพ้ืนฐานของ ไมโครโพรเซสเซอร์ ซ่ึงแทนดว้ ยรหสั เลขฐานสอง
236. บอกหน่วยของหนว่ ยความจาหลกั หน่วยความจาหลัก มีหน้าที่ในการเก็บข้อมูลและโปรแกรมท่ีจะให้ซีพียูเรียกไปใช้งานได้ หน่วยความจาหลักเป็นอุปกรณ์ที่ทามาจากไอซี วงจรหน่วยความจาจะเก็บข้อมูลในรูปตัวเลขฐานสอง หนว่ ยความจาหลักท่ีใชก้ บั ไมโครคอมพิวเตอรแ์ บง่ ได้เปน็ 2 ประเภท คอื รอม (Read Only Memory : ROM) เป็นหน่วยความจาอีกประเภทหนึ่งท่ีมีการอ้างอิงตาแหน่งที่อยู่ข้อมูลแบบเข้าถึงโดยสุ่ม หน่วยความจาประเภทนี้มีไว้เพ่ือบรรจุ โปรแกรมสาคัญบางอย่างเพื่อวา่ เมื่อเปิดเครื่องมาซีพียูจะเริ่มตน้ ทางานได้ทันที ข้อมลู หรอื โปรแกรมท่ีเก็บไว้ในรอมจะถูกบันทกึ มากอ่ นแล้ว ผ้ใู ชไ้ มส่ ามารถเขียนข้อมลู ใดๆ ลงไปได้แตส่ ามารถอา่ นข้อมูลได้อยา่ งเดียวขอ้ มูลหรือโปรแกรมทอี่ ยู่ในรอมนีจ้ ะอยู่อย่างถาวร แม้จะปิดเคร่อื งข้อมูลหรือโปรแกรมก็จะไม่ถกู ลบไป แรม (Random Access Memory : RAM) เป็นหน่วยความจาท่ีเก็บข้อมูลสาหรับใช้งานทั่วไป การอ้างอิงตาแหนง่ ท่ีอยู่ของข้อมลู ใดๆเพอื่ การเขียนและการอ่านจะกระทาแบบการเขา้ ถึงโดยสมุ่ คอื เรียกไปทต่ี าแหนง่ ทอี่ ยขู่ ้อมลู ใดก็ได้ หนว่ ยความจาน้ีเรยี กว่า แรม หนว่ ยความจาประเภทนจ้ี ะเก็บข้อมลู ไว้ตราบเท่าทีก่ ระแสไฟฟา้ จา่ ยให้วงจร ถา้ ไฟฟ้าดับเมอ่ื ไรข้อมูลก็จะสญู หายทันที7. บอกความแตกตา่ งของหน่วยความจาหลกั รอมและหน่วยความจาหลักแรม ความแตกต่างของหน่วยความจาหลักรอมและหน่วยความจาหลักแรม คือหน่วยความจารอม จะอ่านข้อมูลมาใช้งานได้เพียงอย่างเดียว แต่จะเขียนข้อมูลใหม่เข้าไปไม่ได้ข้อมูลในรอมจึงเป็นข้อมูลท่ีไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลง หน่วยความจาแรม ไม่ว่าข้อมูลน้ันจะเก็บอยู่ในตาแหน่งใด เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถนาข้อมูลไปเก็บ (เขียน) หรือดึงข้อมูลออกมา (อ่าน) จากแรมได้ ข้อมูลในแรมจะเปล่ียนไปก็ต่อเมื่อมีการนาเอาข้อมูลใหม่เข้ามาแทนท่ี หรือเม่ือปิดเครื่องคอมพวิ เตอร์ ข้อมูลทัง้ หมดในแรมจะหายไป8. บอกหนา้ ที่ของหน่วยความจาหลักและหนว่ ยความจารอง หน่วยความจาหลัก มีหน้าท่ีในการเก็บข้อมูลและโปรแกรมที่จะให้ซีพียูเรียกไปใช้งานได้หน่วยความจาหลกั เป็นอุปกรณ์ท่ที ามาจากไอซี วงจรหนว่ ยความจาจะเก็บข้อมูลในรปู ตัวเลขฐานสอง หน่วยความจารอง มีหน้าท่ีเก็บข้อมูลที่ต้องการใช้งานต่อ และหากตอ้ งการใช้งานเมื่อไรกจ็ ะถ่ายจากหนว่ ยความจารองมาไว้ทีห่ นว่ ยความจาหลักทเี่ ปน็ แรมเพื่อให้หนว่ ยประมวลผลทางาน9. ยกตัวอยา่ งอุปกรณ์ทเ่ี ป็นหน่วยรับเข้า พร้อมอธิบาย หน่วยรับเข้า เป็นอุปกรณ์ท่ีนาข้อมูลหรือโปรแกรมเข้าไปเก็บไว้ในหน่วยความจาหลักใชใ้ นการประมวลผล อปุ กรณร์ ับขอ้ มลู มหี ลายประเภท
24 1. แผงแป้นอักขระ (keyboard) เป็นอปุ กรณท์ ี่ทาหนา้ ทร่ี ับข้อมลู โดยรับข้อมลู จาการกดบนแผงแป้นอักขระ (keyboard) แล้วสง่ รหัสให้กับคอมพวิ เตอร์ แผงแป้นอักขระมาตรฐานท่ีนิยมใชก้ นั มากในขณะน้ีมจี านวนแปน้ 101 แป้น 2. เมาส์ (mouse) เป็นอุปกรณ์รับเข้าอย่างหน่ึง มีลักษณะเป็นปุ่มกดครอบอยู่กับ ลูกกลมทเี่ มื่อลากไปกับพ้นื แลว้ จะมีการ สง่ สญั ญาณ ตามแนวแกน x และแกน y เข้าสู่ คอมพิวเตอร์ 3. แทรก็ บอล (trackball) คือ ลูกกลมที่กล้ิงไปมาวางอยู่ในเบ้า ผู้ใช้สามารถ บังคับลูกกลมให้หมุนไปมาเพ่อื ควบคมุ การทางานของตัวชีบ้ นหนา้ จอคอมพิวเตอร์ปจั จุบันมีการสร้างแทรกบอลไว้กับเครือ่ งคอมพิวเตอรแ์ บบโน้ตบุ๊ก เพราะสะดวกตอ่ การใชแ้ ละใชพ้ ้ืนที่นอ้ ย 4. ก้านควบคุม มีลักษณะเป็นก้านโยกซึ่งโยกได้หลายทิศทาง ขณะท่ีโยกก้านไปมาตาแหน่งของตัวชี้จะเปล่ียนไปด้วยเป็นการส่งสัญญาณข้อมูลเข้าเคร่ืองคอมพิวเตอร์ เป็นอุปกรณ์ท่ีนิยมใช้กนั มากในการเล่นเกม 5. เคร่ืองกราดตรวจ (scanner) เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลโดยใช้เทคโนโลยีของการผ่านแสงเพอื่ ทาการอ่านรหัสสัญลักษณห์ รอื รูปภาพ แล้วให้คอมพิวเตอร์นาไปประมวลผลตอ่ ไป เครื่องกราดตรวจท่นี ิยมใช้กันอยู่ท่ัวๆ ไปได้แก่ - เครื่องกราดตรวจรายหน้า (page scanner) เป็นอุปกรณ์ท่ีใช้อ่านรูปภาพหรือตวั หนงั สือ เชน่ รูปถา่ ย และ สญั ลกั ษณ์ตา่ งๆ เป็นตน้ - เครอื่ งอ่านรหัสแทง่ (bar code) เป็นอุปกรณร์ ับเข้าท่ใี ชส้ าหรบั อา่ นรหสั แทง่(bar code) ซง่ึ เปน็ แถบเส้นทปี่ ระกอบดว้ ยเส้นขนาดแตกตา่ งกัน ใชแ้ ทนรหัสข้อมูลต่างๆ การอ่านจะใชแ้ สงสอ่ งแถบเส้นทาใหเ้ กิดการสะท้อนเพอื่ รับรหัสเข้ามาตีความหมายนิยมใช้ในห้างสรรพสินคา้ 6. เครอ่ื งอ่านอักขระหมึกแม่เหล็ก (Magnetic-Ink Character Recognition: MICR)ทีพ่ บเห็นได้บอ่ ยคร้ังคือ เครอื่ งอา่ นตัวเลขที่พมิ พ์อยบู่ นตว๋ั สญั ญาใชเ้ งิน ตวั เลขเหลา่ นี้มลี ักษณะพิเศษทที่ าใหเ้ ครื่องอา่ นได้ มกี ารใช้เคร่ืองอา่ นตวั เลขช่วยในการอ่าน หรอื เครือ่ งอา่ นตวั เลขทีส่ านกั งานไปรษณยี ์ใช้เพ่ือช่วยแยกจดหมายตามรหัสไปรษณีย์ 7. จอสัมผัส (touch screen) สามารถเป็นได้ทั้งหน่วยรับเข้าและหน่วยส่งออกจอภาพสามารถรับข้อมูลไปประมวลผลได้โดยการสัมผัสบนบริเวณจอภาพ บริเวณจอภาพของจอสัมผัสประกอบด้วยตาข่ายของลาแสงอินฟาเรด เมื่อมีวัตถุมาสัมผัสบนจอภาพจะมีการส่งสญั ญาณไฟฟ้า ซง่ึ สามารถระบุตาแหน่งบนจอภาพให้กบั โปรแกรมท่กี าลงั ทางานอยู่ได้ เชน่ การจองต๋ัวชมภาพยนตร์ การจองทน่ี ่ังเพอ่ื รับประทานอาหาร 8. กล้องถ่ายภาพดิจิตอล สามารถถ่ายภาพและบันทึกไว้ในหน่วยความจาภายในตัวกล้อง จากนนั้ สามารถส่งข้อมูลภาพเข้าสู่คอมพิวเตอร์ได้
2510. ยกตัวอย่างอปุ กรณ์ท่เี ป็นหน่วยแสดงผล พร้อมอธิบาย หนว่ ยแสดงผลเป็นอุปกรณ์ท่ีสาคัญและจาเป็นอยา่ งหนง่ึ ตวั อยา่ งเชน่ 1. จอภาพ (monitor) มีลักษณะเป็นจอภาพเหมือนจอโทรทัศน์ทั่วไป การส่งออกของข้อมูลจะปรากฏบนจอภาพ ซ่ึงแสดงได้ท้ังตัวอักษร ตัวเลข เครื่องหมายพิเศษ และยังสามารถแสดงรูปภาพได้ด้วย จอภาพ มี 2 แบบคือ ซีอาร์ที (Cathode Ray Tube : CRT) ใช้เทคโนโลยีของหลอดรงั สีอิเล็กตรอน เช่นเดียวกับจอโทรทัศน์ในการทาให้เกิดภาพ และจอแบบแอลซีดี (Liquid CrystralDisplay : LCD) ใช้เทคโนโลยีของการบรรจุของเหลวไวภ้ ายในจอ เช่นเดียวกับหน้าปัดนาฬิกาในระบบตวั เลข 2. เครื่องพิมพ์ (printer) เครื่องพิมพ์ที่ใชก้ ับคอมพิวเตอร์มีหลายประเภทตามเทคโนโลยีการพิมพ์ เคร่ืองพิมพ์เป็นอุปกรณ์ส่งออกที่พิมพ์ลงบนกระดาษ เคร่ืองพิมพ์ท่ีใช้กับคอมพิวเตอร์มีดังนี้ 1. เคร่ืองพิมพ์แบบจุด เป็นเครื่องพิมพ์ท่ีมีหัวยิงเป็นเข็มขนาดเล็ก พุ่งไปชนแผ่นผา้ หมกึ เพือ่ ใหห้ มึกติดบนกระดาษเปน็ จดุ เล็กๆ หลายๆ จุดเรยี งกันเป็นตัวหนงั สอื หรอื รูปภาพ 2. เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (printer) เป็นเคร่ืองพิมพ์ท่ีให้ความคมชัดและความละเอียดสูง การพิมพ์จะใชห้ ลักการทางแสง ปกตมิ ีความละเอยี ดไม่น้อยกว่า 600 จุดตอ่ น้ิว 3. เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก เป็นเครื่องพิมพ์ที่ใช้วิธีการพ่นหมึกและผสมสีจากแม่สีสามสีคือแดง เหลืองและน้าเงิน โดยจะผสมสีให้ได้สีตามความต้องการและพ่นหมึกเพื่อให้ติดบนกระดาษ 4. เคร่อื งพิมพ์รายบรรทดั เคร่ืองพิมพ์ชนดิ นม้ี คี วามเรว็ ในการพิมพ์สงู มากเคร่อื งพมิ พ์ชนดิ น้ีจงึ เหมาะกับศูนยค์ อมพิวเตอรท์ ่ตี อ้ งพิมพ์รายงานเป็นจานวนมาก และพิมพ์อยา่ งต่อเนอื่ ง
Search
Read the Text Version
- 1 - 26
Pages: