Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วันมาฆบูชา

วันมาฆบูชา

Published by rattana.puw, 2019-02-13 00:06:52

Description: วันมาฆบูชา

Search

Read the Text Version

วนั มาฆบชู า

วันมาฆบชู า ขึ้น ๑๕ คํ่าเดอื น ๓

ความหมายวนั มาฆบชู า วันมาฆบชู า หมายถงึ การบชู า ในวันเพญ็ เดือน ๓ เนื่องในโอกาสคลา ย วนั ท่พี ระพุทธเจา ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข แกพ ระภิกษุจาํ นวน ๑,๒๕๐ รปู

ความสําคัญวนั มาฆบูชา วนั มาฆบชู า เปนวันขน้ึ ๑๕ คาํ่ เดอื น ๓ มีเหตกุ ารณอ ัศจรรยที่ พระสงฆส าวกของ พระพุทธเจา จาํ นวน ๑,๒๕๐ รูป มาเฝาพระพุทธเจา ณ วัดเวฬวุ นั เมืองราชคฤห แควน มคธ โดยมิไดนัดหมายกันพระสงฆ ท้งั หมดเปน พระอรหันต ผูไดอ ภิญญา ๖และเปนผูท่ไี ดรับการอุปสมบท โดยตรงจากพระพทุ ธเจา ในวนั น้ี พระพทุ ธเจา ไดท รงแสดงโอวาทปาตโิ มกข ในทป่ี ระชุมสงฆเ หลา น้นั ซึ่งเปนท้ังหลักการ อุดมการณและวธิ กี ารปฏิบตั ิท่ี นาํ ไปใชไ ดทุกสงั คม มีเน้ือหา โดยสรุปคอื ใหละความชวั่ ทุก ชนดิ ทาํ ความดี ใหถ ึงพรอ มและทําจิตใจใหผอ งใส

ความเปน มาวันมาฆบชู า ๑. สว นทเ่ี ก่ียวกบั พระพทุ ธเจา หลังจากพระพทุ ธเจา ตรัสรไู ด ๙ เดือนขณะน้ันเมอื่ เสรจ็ พุทธ กิจแสดงธรรมทถี่ ้าํ สกุ รขาตาแลว เสดจ็ มาประทับท่วี ัดเวฬวุ ัน เมอื งราชคฤห แควนมคธ ประเทศอินเดียในปจ จบุ นั วนั นั้นตรงกับวนั เพ็ญ เดือนมาฆะหรอื เดือน ๓ในเวลาบายพระ อรหันตส าวกของพระพทุ ธเจา มาประชุม พรอมกัน ณ ท่ปี ระทบั ของพระพทุ ธเจา นับเปน เหตอุ ศั จรรย ท่มี ีองคป ระกอบสําคญั ๔ ประการ เรยี กวา วา วนั จาตุรงคสันนบิ าต คําวา \"จาตุรงคสันนบิ าต\" แยกศพั ทไดดงั นี้ คือ \"จาตุร\" แปลวา ๔ \"องค\" แปลวา สว น \"สนั นบิ าต\" แปลวา ประชุม

ฉะนน้ั จาตรุ งคสันนบิ าตจึงหมายความวา \"การประชุมดวยองค ๔\" กลาวคือมีเหตุการณพิเศษ ท่เี กดิ ข้นึ พรอมกันในวันนี้ คอื 1. เปน วันที่ พระสงฆสาวกของพระพุทธเจา จาํ นวน ๑,๒๕๐ รูป มาประชมุ พรอมกันท่ี เวฬุวันวหิ ารในกรงุ ราชคฤห โดยมิไดน ดั หมาย 2. พระภิกษสุ งฆเ หลาน้ลี ว นเปน \"เอหภิ กิ ขุอุปสัมปทา\" คอื เปน ผูท่ไี ดร ับการอปุ สมบทโดย ตรงจากพระพทุ ธเจาทัง้ ส้นิ 3. พระภกิ ษุสงฆท ุกองคทีไ่ ดม าประชมุ ในคร้ังน้ี ลว นแตเ ปน ผุไ ดบรรลุพระอรหนั ตแ ลว ทกุ ๆองค 4. เปน วันท่พี ระจันทรเต็มดวงกาํ ลงั เสวยมาฆฤกษ

ประวัตวิ นั มาฆบูชา มูลเหตุวนั มาฆะบูชา หลังจากพระสมั มาสัมพทุ ธเจาไดตรัสรูในวนั ขึน้ 15 คํ่า เดอื น 6 และไดทรงประกาศพระ ศาสนาและสงพระอรหันตสาวกออกไปจารกิ เพือ่ เผยแพรพระพุทธศาสนายังสถานท่ตี า ง ๆ ลว งแลวได 9 เดือน ในวันทีใ่ กลพ ระจนั ทรเสวยมาฆฤกษ (วันขึ้น 15 คาํ่ เดอื น 3) พระ อรหันตท ัง้ หลายเหลา นั้นตา งไดระลกึ วา วนั นี้เปนวันสําคัญของศาสนาพราหมณ อนั เปน ศาสนาของตนอยูเดิม กอนท่ีจะหันมานบั ถอื พระธรรมวินยั ของพระพทุ ธเจา และในลัทธิ ศาสนาเดมิ นั้นเม่อื ถงึ วนั เพญ็ เดอื นมาฆะ เหลาผศู รทั ธาพราหมณลัทธนิ ยิ มนับถอื กนั วาวันนี้ เปนวนั ศวิ าราตรี โดยจะทําการบชู าพระศิวะดวยการลอยบาปหรือลางบาปดว ยนํา้ แตมา บัดนี้ตนไดเลิกลทั ธเิ ดมิ หนั มานบั ถอื พระธรรมวนิ ัยของพระพุทธเจาแลว จึงควรเดนิ ทางไป เขาเฝาบูชาฟงพระสัทธรรมจากพระพทุ ธเจา พระอรหนั ตเหลา น้ันซึ่งเคยปฏบิ ัติศวิ าราตรี

มผี กู ลาววา สาเหตุสําคัญที่ทาํ ใหพระสาวกทงั้ 1,250 องคมาประชมุ พรอ มกนั โดยมไิ ดน ดั หมาย มา จากในวนั เพ็ญเดอื น 3 ตามคตพิ ราหมณ เปน วันพิธีศิวาราตรี พระสาวกเหลา นน้ั ซ่งึ เคยนับถือ ศาสนาพราหมณม ากอ นจงึ ไดเปลี่ยนจากการรวมตัวกนั ทาํ พธิ ีชาํ ระบาปตามพธิ พี ราหมณ มารวม กนั เขาเฝา พระพุทธเจาแทน

กจิ กรรมตา งๆ ท่ีควรปฏิบตั ใิ นวันมาฆบชู า การปฎิบตั ติ นสําหรับพทุ ธศาสนาในวนั นก้ี ็คอื การทําบุญ ตกั บาตรในตอนเชา หรอื ไมกจ็ ัดหา อาหารคาวหวานไปทําบญุ ฟงเทศนท่ีวัด ตอนบายฟงพระแสดงพระธรรมเทศนา ในตอน กลางคนื จะพากนั นําดอกไม ธูปเทียน ไปท่วี ัดเพ่อื ชุมนมุ กนั ทาํ พธิ ีเวียนเทียน รอบพระอุโบสถ พรอมกบั พระภิกษุสงฆโ ดยเจาอาวาสจะนาํ วา นะโม ๓ จบ จากน้ันกลา วคาํ ถวาย ดอกไมธ ปู เทยี น ทุกคนวาตาม จบแลวเดิน เวียนขวา ตลอดเวลาใหระลึกถึง พระพทุ ธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ จนครบ ๓ รอบ แลว นําดอกไม ธูปเทียนไปปกบชู าตามทท่ี างวดั เตรยี มไว เปน อนั เสรจ็ พิธี

การถือปฏบิ ตั ิวนั มาฆบชู าในประเทศไทย พิธวี ันมาฆบูชานี้ เดมิ ทีเดยี วในประเทศไทยไมเ คยทาํ มากอ น พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา เจาอยหู วั ทรงอธบิ ายไวว า เกดิ ขน้ึ ในสมัย พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลาเจา อยูหวั รัชกาลที่ ๔ แหง กรงุ รัตนโกสินทร โดยทรงถือตามแบบของโบราณบณั ฑติ ที่ไดน ยิ มกนั วา วันมาฆะบูรณมี พระจันทรเสวยฤกษม าฆะเต็มบริบรู ณเปนวันทพี่ ระอรหนั ตส าวกของ พระพุทธเจา ๑,๒๕๐ รปู ได ประชุมกนั พรอมดวยองค ๔ ประการ เรยี กวา จาตรุ งคสนั นิบาตพระพุทธเจาไดตรสั เทศนาโอวาทปาตโิ มกข ในทีป่ ระชุมสงฆเ ปนการ ประชุม ใหญ และเปนการอศั จรรยในพระพทุ ธศาสนา นักปราชญ จงึ ถอื เอาเหตุนั้นประกอบ การสักการ บูชาพระพุทธเจาและพระอรหนั ตส าวก ๑,๒๕๐ รปู นนั้ ใหเปน ทต่ี งั้ แหง ความ เลือ่ มใสการ ประกอบพธิ ีมาฆะบชู า ไดเ รม่ิ ในพระบรมมหาราชวังกอ น

ในสมยั รชั กาลท่ี ๔ มีพธิ ีการพระราชกุศลในเวลาเชา พระสงฆ วดั บวรนเิ วศวหิ ารและ วัดราช ประดิษฐ ๓๐ รูป ฉันในพระอโุ บสถ วดั พระศรรี ตั นศาสดาราม เวลาค่าํ เสดจ็ ออกทรงจดุ ธปู เทยี น เคร่อื ง มนัสการแลว พระสงฆสวดทาํ วัตรเย็นเสร็จแลว สวดมนตต อ ไปมี สวดคาถาโอวาท ปาติโมกขด ว ยสวดมนต จบทรงจุดเทียนรายตามราวรอบพระอุโบสถ ๑,๒๕๐ เลม มกี ารประโคมอกี ครั้งหน่งึ แลว จงึ มกี ารเทศนา โอวาทปาติโมกข ๑ กณั ฑเปน ท้ังเทศนาภาษาบาลีและ ภาษาไทย เคร่ืองกัณฑ มจี ีวรเนือ้ ดี ๑ ผนื เงิน ๓ ตําลงึ และ ขนมตา ง ๆ เทศนาจบพระสงฆ ซ่ึงสวดมนต ๓๐ รูป สวดรับการประกอบพระราชกศุ ลเก่ียวกบั วัน มาฆบูชาในสมยั รัชกาลท่ี ๔ น้นั พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา เจาอยหู วั จะเสด็จออกประกอบพธิ ี ดว ยพระองคเ องทุกปมไิ ดขาด สมยั ตอมามกี ารเวน บาง เชน รัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จพระ จลุ จอมเกลาเจา อยหู วั ไดเ สด็จออกเองบาง มิได เสด็จออกเองบางเพราะมกั เปน เวลาท่ปี ระสบกบั เวลาเสด็จประพาส หัวเมืองบอย ๆ หากถูกคราวเสด็จไปประพาสบางปะอนิ หรือพระพทุ ธบาท พระ พุทธฉาย พระปฐมเจดยี  พระแทน ดงรงั ก็จะทรงประกอบพธิ ีมาฆบชู า ในสถานท่นี นั้ ๆ ข้ึนอีก สวน หน่งึ ตางหากจากในพระบรมมหาราชวังเดิมทมี กี ารประกอบพธิ ใี นพระบรมมหาราชวงั ตอมาก็ ขยายออกไป ใหพ ทุ ธบรษิ ัทได ปฏิบตั ติ ามอยา งเปนระบบสืบมาจนปจ จบุ ัน มกี ารบชู า ดว ยการ เวียนเทยี น และบาํ เพญ็ กุศลตา ง ๆ สวนกําหนดวันประกอบพธิ มี าฆบชู าน้ัน ปกตติ รงกบั วนั เพ็ญ เดือน ๓ หากปใด เปนอธิกมาส คือ มีเดอื น ๘ สองหนจะเลอ่ื นไปตรงกับวันเพ็ญเดอื น ๔

หลักธรรมทค่ี วรนาํ ไปปฏบิ ัติ หลกั ธรรมที่ควรนาํ ไปปฏิบัติไดแก โอวาทปาตโิ มกข หมายถงึ หลกั คําสอนคาํ สําคัญของพระพทุ ธ ศาสนาอันเปน ไปเพอื่ ปองกนั และแกปญ หาตาง ๆ ในชวี ติ เปนไปเพื่อความหลดุ พน หรอื คําสอน อนั เปนหัวใจพระพทุ ธศาสนา หลกั ธรรมประกอบดว ย หลกั การ ๓ อุดมการณ ๔ วิธีการ ๖ ดงั น้ี

หลกั การ ๓ ๑. การไมท ําบาปทั้งปวง ไดแ กก ารงดเวน การลด ละเลิก ทําบาปทั้งปวง ซึ่งไดแก อกศุ ลกรรมบถ ๑๐ ทางแหงความชวั่ มีสบิ ประการ อนั เปน ความชั่วทางกาย ทางวาจา และทางใจ ความชั่วทางกาย ไดแ ก การฆาสัตว การลักทรัพย การ ประพฤติ ผดิ ในกาม ความชั่วทางวาจา ไดแ ก การพูดเท็จ การพูดสอเสียด การพดู เพอ เจอ ความช่ัวทางใจ ไดแ ก การอยากไดสมบัตขิ องผูอนื่ การผูกพยาบาท และความเห็นผดิ จาก ทํานองคลองธรรม ๒. การทาํ กศุ ลใหถ ึงพรอ ม ไดแก การทําความดที ุกอยา งซ่งึ ไดแ ก กศุ ลกรรมบถ ๑๐ เปนแบบของ การทําฝา ยดมี ี ๑๐ อยาง อันเปนความดที างกาย ทางวาจาและทางใจ ความดีทางกาย ไดแ ก การไมฆ าสัตว ไมท าํ รา ยเบยี ดเบยี นผอู ืน่ มแี ตชวยเหลอื เกื้อกลู กนั การไม ถือเอาสง่ิ ของทเ่ี จา ของเขาไมไดใ ห มาเปน ของตน มคี วามเออ้ื เฟอ เผ่อื แผ และการไมป ระพฤตผิ ดิ ในกาม การทาํ ความดีทางวาจา ไดแก การไมพดู เทจ็ ไมพ ดู สอ เสียด ไมพ ดู คาํ หยาบ และไมพ ดู เพอเจอ พดู แตคําจริง พดู คาํ ออ นหวานพดู คาํ ใหเ กิดความสามคั คีและพูดถกู กาลเทศะ

การทาํ ความดที างใจ ไดแก การไมโ ลภอยากไดของของผอู น่ื มแี ตค ิดเสยี สละ การไมผกู อาฆาต พยาบาทมแี ตคดิ เมตตาและ ปราถนาดีและมีความเห็นความรคู วามเขา ใจที่ถกู ตอง ตามทํานองคลองธรรม เชน เหน็ วา ทําดีไดดี ทําชวั่ ไดช่วั ๓. การทาํ จติ ใหผอ งใส ไดแ ก การทําจิตของตนใหผ อ งใส ปราศจากนวรณซ ง่ึ เปนเครื่องขัดขวางจติ ไม ใหเ ขา ถงึ ความสงบ มี ๕ ประการ ไดแ ก ๑. ความพอใจในกาม (กามฉนั ทะ) ๒. ความอาฆาตพยาบาท (พยาบาท) ๓. ความหดหทู อแท งวงเหงาหาวนอน (ถนี ะมทิ ธะ) ๔. ความฟงุ ซา น รําคาญ (อุทธจั จะกกุ กุจจะ) และ ๕. ความลงั เลสงสัย (วิกิจฉา) เชน สงสัยในการทําความดีความชั่ว วามผี ลจรงิ หรอื ไม วิธกี ารทาํ จติ ให ปฏิบัตสิ มถะผอ งใส ที่แทจรงิ เกิดข้นึ จากการละบาปทัง้ ปวง ดว ยการถือศลื และบาํ เพญ็ กศุ ล ใหถ ึงพรอม ดว ยการ และวิปสสนา จนไดบรรลุอรหตั ผล อนั เปนความผอ งใสทแี่ ทจ รงิ

อุดมการณ ๔ ๑. ความอดทน ไดแก ความอดกลนั้ ไมทาํ บาปทัง้ ทางกาย วาจา ใจ ๒. ความไมเบยี ดเบียน ไดแ ก การงดเวนจากการทํารา ย รบกวน หรอื เบียดเบียนผอู ื่น ๓. ความสงบ ไดแก ปฏิบตั ิตนใหส งบทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ ๔. นพิ พาน ไดแ ก การดับทุกข ซ่งึ เปนเปาหมายสงู สดุ ในพระพทุ ธศาสนาเกดิ ขนึ้ ไดจาการดําเนนิ ชีวติ ตามมรรคมอี งค ๘ วธิ ีการ ๖ ๑. ไมว า รา ย ไดแ ก ไมกลาวใหรา ยหรือ กลาวโจมตใี คร ๒. ไมท าํ ราย ไดแ ก ไมเ บยี ดเบยี นผอู น่ื ๓. สํารวมในปาตโิ มกข ไดแ ก ความเคารพระเบียบวนิ ยั กฎกติกา กฎหมาย รวมท้ังขนบธรรมเนยี มประเพณีอนั ดีของสังคม ๔. รูจักประมาณ ไดแ ก รจู ักความพอดใี นการบรโิ ภคอาหารหรือการใชส อยสง่ิ ตา ง ๆ ๕. อยูในสถานทีท่ ี่สงดั ไดแก อยูในสถานท่ีสงบมสี ง่ิ แวดลอ มทเ่ี หมาะสม ๖. ฝกหัดจติ ใจใหส งบ ไดแกฝ กหดั ชาํ ระจติ ใหส งบมีสขุ ภาพคุณภาพและประสิทธภิ าพทดี่ ิ◌ี

ปฏทิ ินวันมาฆบูชา วันมาฆบูชา พ.ศ.2552 ตรงกับ วันจันทรที่ 9 กุมภาพันธ พ.ศ.2552 / วนั จันทร ขนึ้ ๑๕ คํ่า เดือนสาม(๓) ปช วด วันมาฆบชู า พ.ศ.2553 ตรงกบั วนั อาทติ ยท่ี 28 กมุ ภาพนั ธ พ.ศ.2553 / วันอาทติ ย ขน้ึ ๑๕ คา่ํ เดือนส่ี(๔) ปฉลู วันมาฆบชู า พ.ศ.2554 ตรงกับ วันศุกรท่ี 18 กุมภาพันธ พ.ศ.2554 / วนั ศุกร ขึน้ ๑๕ คาํ่ เดอื นสาม(๓) ปข าล วนั มาฆบูชา พ.ศ.2555 ตรงกับ วนั พธุ ที่ 7 มนี าคม พ.ศ.2555 / วนั พธุ ขึน้ ๑๕ ค่ํา เดอื นส่ี(๔) ปเ ถาะ วันมาฆบูชา พ.ศ.2556 ตรงกับ วนั จนั ทรท ่ี 25 กมุ ภาพนั ธ พ.ศ.2556 / วนั จนั ทร ข้ึน ๑๕ ค่ํา เดือนสาม(๓) ปม ะโรง วนั มาฆบูชา พ.ศ.2557 ตรงกับ วนั ศุกรท่ี 14 กุมภาพนั ธ พ.ศ.2557 / วันศุกร ข้ึน ๑๕ ค่าํ เดอื นสาม(๓) ปมะเสง็ วันมาฆบูชา พ.ศ.2558 ตรงกับ วันพุธที่ 4 มนี าคม พ.ศ.2558 / วันพุธ ข้นึ ๑๕ ค่ํา เดอื นส่ี(๔) ปมะเมีย วันมาฆบชู า พ.ศ.2559 ตรงกบั วันจันทรท ี่ 22 กุมภาพันธ พ.ศ.2559 / วนั จันทร ขึ้น ๑๕ คํ่า เดอื นสาม(๓) ปมะแม วันมาฆบชู า พ.ศ.2560 ตรงกับ วนั เสารที่ 11 กุมภาพันธ พ.ศ.2560 / วนั เสาร ขึ้น ๑๕ คาํ่ เดอื นสาม(๓) ปว อก วันมาฆบชู า พ.ศ.2561 ตรงกบั วันพฤหัสบดีท่ี 1 มีนาคม พ.ศ.2561 / วนั พฤหัสบดี ขนึ้ ๑๕ ค่ํา เดอื นสี่(๔) ปร ะกา วนั มาฆบูชา พ.ศ.2562 ตรงกับ วันองั คารท่ี 19 กุมภาพนั ธ พ.ศ.2562 / วันอังคาร ขึ้น ๑๕ คาํ่ เดอื นสาม(๓) ปจอ

โอวาทปาฏิโมกข หลักคําสอนสําคญั ของพระพุทธศาสนา หรือคาํ สอนอนั เปนหวั ใจของพระพทุ ธศาสนา ไดแ ก พระพทุ ธพจน ๓ คาถากง่ึ ท่ีพระพุทธเจาตรสั แกพระอรหันต ๑,๒๕๐ รูป ผไู ปประชมุ กันโดยมไิ ดน ดั หมาย ณ พระเวฬุวนาราม ในวันเพญ็ เดอื น ๓ ท่ีเราเรยี กกันวาวันมาฆบชู า (ถรรถกถากลา ววา พระพุทธเจาทรงแสดงโอวาทปาฏโิ มกขนี้ แกทป่ี ระชุมสงฆตลอดมา เปน เวลา ๒๐ พรรษา กอนทจ่ี ะโปรดใหส วดปาฏโิ มกขอยา งปจ จบุ ันนี้แทนตอมา), คาถาโอวาทปาฏิโมกข มดี งั น้ี (โอวาทปาตโิ มกข ก็เขียน) สพพฺ ปาปสฺส อกรณกํ ุสลสฺสปู สมฺปทา สจติ ฺตปรโิ ยทปนเํ อตํ พุทธาน สาสนํฯ ขนฺตี ปรมํ ตโป ตีตกิ ขฺ า นิพฺพานํ ปรมํ วทนตฺ ิ พทุ ฺธา น หิ ปพฺพชโิ ต ปรูปฆาตี สมโณ โหติ ปรํ วเิ หฐยนโฺ ตฯ อนูปวาโท อนูปฆาโต ปาติโมกเฺ ข จ สวํ โร มตฺตฺุตา จ ภตฺตสฺมึ ปนฺตฺจ สยนาสนํ อธจิ ติ เฺ ต จ อาโยโค เอตํ พุทธฺ าน สาสนํฯ แปล : การไมทาํ ความชั่วทง้ั ปวง ๑ การบาํ เพ็ญแตความดี ๑ การทาํ จติ ของตนใหผองใส ๑ นีเ้ ปนคาํ สอนของ พระพุทธเจาท้งั หลาย ขันติ คือความอดกลน้ั เปนตบะอยา งย่ิง, พระพทุ ธเจาทัง้ หลายกลาววานิพพาน เปน บรม ธรรม, ผูทํารายคนอ่ืน ไมช่ือวา เปนบรรพชติ ,ผูเบียดเบียนคนอ่นื ไมช อื่ วา เปนสมณะการไมก ลา วรา ย ๑ การไม ทํารา ย ๑ ความสํารวมในปาฏโิ มกข ๑ ความเปน ผรู ูจกั ประมาณในอาหาร ๑ ทนี่ งั่ นอนอันสงดั ๑ ความเพยี รใน อธจิ ติ ๑ นี้เปนคาํ สอนของพระพุทธเจาทั้งหลายทเ่ี ขาใจกันโดยทัว่ ไป และจํากนั ไดม าก กค็ อื ความในคาถาแรก ที่วา ไมทําชั่ว ทาํ แตค วามดี ทาํ จติ ใจใหผ อ งใส

สถานท่สี ําคญั เนื่องดว ยวันมาฆบชู า (พทุ ธสังเวชนยี สถาน) พระพุทธรปู ยืนกลางมณฑลมหาสงั ฆสันนิบาต ในโบราณสถานวดั เวฬวุ ันมหาวหิ าร เมืองราชคฤห รัฐพิหาร อนิ เดยี (เปนพระพุทธรปู สรา งใหม ปจจบุ ันเปน สถานทีจ่ าริก แสวงบญุ สําคัญของชาวพุทธท่วั โลก)เหตุการณส ําคญั ทีเ่ กดิ ในวนั มาฆบชู า เกดิ ภายในบรเิ วณทต่ี งั้ ของ \"กลุมพทุ ธสถานโบราณวดั เวฬวุ นั มหาวิหาร\" ภายในอาณา บริเวณของวดั เวฬวุ ันมหาวิหาร ซ่ึงลานจาตรุ งคสนั นิบาตอันเปนจุดทเี่ กิดเหตุการณ สําคัญในวันมาฆบชู านนั้ ยังคงเปนท่ถี กเถียงและหาขอ สรปุ ทางโบราณคดีไมไ ดม า จนถึงปจ จุบัน

Makha Bucha Day

นางสาว รตั นา ภวู นา เลขที่14 ปวส.1/13 สาขาการบัญชี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook