Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เพิ่มรายได้ด้วยวิถีเกษตรทางเลือกใหม่ ทะลุความท้าทายพื้นที่กสิกรรมน่าน

เพิ่มรายได้ด้วยวิถีเกษตรทางเลือกใหม่ ทะลุความท้าทายพื้นที่กสิกรรมน่าน

Published by KhonThai4.0 Admin, 2022-07-19 07:03:53

Description: เพิ่มรายได้
ด้วยวิถีเกษตร
ทางเลือกใหม่
ทะลุความท้าทาย
พื้นที่กสิกรรมน่าน โดย รศ.ดร.ศิริพร กิรติการกุล และคณะ

Search

Read the Text Version

ภาพท่ี 2-15 มะขามเปรยี้ ว (7) มะขามเปรี้ยว ที่มา: puekaset (2016) มะขามเปร้ียว คือ พชื ท่ถี กู จัดอยู่ในในอันดับ 4 ของกลมุ่ ไม้ผล/ไม้ยืนตน้ ซึ่งมจี ุดเดน่ ในการมี ตน้ ทนุ การผลิตท่ตี ่�ำกวา่ พชื ชนิดอื่นทีอ่ ยู่ในกลมุ่ เดียวกัน นอกจากนี้ยังพบว่า มะขามเปร้ยี ว เปน็ พืชทม่ี ศี ักยภาพในการปลูกได้ในหลายพืน้ ทขี่ อง จงั หวดั นา่ น เงือ่ นไขส�ำคญั ทสี่ ่งผลใหม้ ะขาม เปร้ียว เจรญิ เติบโตไดด้ เี กษตรกร ควรจะต้อง ใหค้ วามส�ำคญั กบั ดินท่ีใช้ปลกู เปน็ อย่างมาก เนื่องจากมะขามเปรยี้ วจะสามารถเจรญิ เติบโตได้ ดี บนดนิ รว่ นปนทรายที่มคี ่า pH ระหวา่ ง 5.5 – 6.5 สำ� หรบั สภาพพ้นื ทกี่ ารปลกู จะตอ้ งมี ระดบั ความสงู 100 เมตร จากระดบั น้�ำทะเลปาน กลางขนึ้ ไปในสภาพแดดจดั และมอี ณุ หภูมิอยู่ใน ชว่ งระหวา่ ง 20 – 35 องศาเซลเซยี ส รวมทัง้ ตอ้ งมปี ริมาณน�้ำฝนประมาณ 1,200 – 1,800 มิลลเิ มตร/ปี อกี ด้วย ในชว่ งปแี รกของการผลติ มะขามเปรย้ี ว นอกจากต้นทุนการปลูกท่ตี ่�ำแลว้ มะขามเปรี้ยว ยงั สามารถสรา้ งผลกำ� ไรใหก้ บั เกษตรกรจำ� นวน เกษตรกรจะมตี น้ ทุนเรม่ิ ต้นประมาณ 1.3 มาก โดยเฉพาะในช่วงสิบปหี ลังของปกี ารผลิต พันบาท/ไร่ ซ่งึ ครอบคลุมด้านค่ากลา้ พนั ธุ์ โดยในช่วงเดือนธันวาคม – มนี าคม ถอื เปน็ ช่วง และคา่ แรงงานปลกู หลงั จากปีการผลิตท่ี 2 ทเ่ี หมาะสม กับการเก็บเกยี่ วผลผลิตมากทส่ี ดุ เปน็ ต้นไป เกษตรกรจะมีต้นทุนค่าบ�ำรงุ ดแู ล โดยปริมาณผลผลติ ต่อไร่ ของมะขามเปรี้ยวจะ รกั ษาเพม่ิ ข้ึนในแต่ละช่วงปี โดยในปีท่ี 2 - 3 จะ อยทู่ ีป่ ระมาณ 1.2 พันกโิ ลกรัม/ปี โดยสามารถ มีต้นทนุ ประมาณ 800 บาท/ไร/่ ปี และต้นทนุ จำ� หนา่ ยได้ในราคากโิ ลกรัมละ 10 บาท ซ่งึ ตลาด ดังกล่าว จะเริม่ สูงขนึ้ ต้ังแต่ปีที่ 4 ของการ รบั ซือ้ สำ� คัญในจังหวัดน่าน คอื กลุ่มวิสาหกจิ เกษตรแปลงใหญ่ ทง้ั นี้ เมือ่ เข้าสู่ช่วงปที ่ี 4 - 11 ผลิตเป็นตน้ ไป โดยจะมีตน้ ทนุ ด้านแรงงานเก็บ มะขามเปรยี้ วจะเริ่มสร้างก�ำไรสทุ ธิประมาณ 5.6 เกย่ี วทเี่ พ่มิ ขึ้น ประมาณ 1.6 – 2.4 พนั บาท/ พันบาท/ไร่ และจะมีก�ำไรสทุ ธิเพม่ิ ข้ึนอีก 8.8 ไร/่ ปี พนั บาท/ไร่ (ก�ำไรเกอื บเทา่ ตวั ) เม่อื เขา้ สู่ในชว่ ง ปกี ารผลิตที่ 12 - 20 โดยเฉพาะในปสี ุดท้าย (ปีท่ี 21) ของการผลิตทน่ี อกจากเกษตรกรจะ มรี ายได้ จากการขายผลผลติ มะขามเปรย้ี ว จำ� นวน 1.2 หมน่ื บาท/ไรแ่ ล้ว ก็ยังมีรายได้จาก การขายไมม้ ะขามอกี 8 พนั บาท/ไร่อีกด้วย โดย เกษตรกรจะมกี �ำไรสทุ ธิในปนี ี้ประมาณ 1.7 หม่ืน บาท/ไร่ 42 เพมิ่ รายได้ดว้ ยวถิ ีเกษตรทางเลือกใหม่..ทะลุความทา้ ทายพ้ืนทกี่ สกิ รรมน่าน

ตารางท่ี 2-18 ตน้ ทุนผลตอบแทนการผลติ มะขามเปร้ียวในจงั หวัดนา่ น 43เพ่ิมรายได้ดว้ ยวถิ ีเกษตรทางเลอื กใหม.่ .ทะลคุ วามท้าทายพ้นื ท่ีกสกิ รรมน่าน

(8) ไผซ่ างหม่น ไผซ่ างหม่น ถือเป็นพชื ทางเลือกใหม่ท่ีถกู จัด อยู่ในลำ� ดับสุดท้ายของกลุ่มไม้ผล/ไมย้ นื ต้น ท่ี มีศกั ยภาพในการปลกู ในพนื้ ท่ีลุ่มนำ้� ช้นั ท่ี 3 4 และ 5 ไผซ่ างหมน่ ถือเปน็ พชื อกี หนึ่งชนดิ ท่มี ี คุณสมบตั ทิ ีน่ ่าสนใจหลายประการ อาทิ การ ปลกู สามารถท�ำได้ตลอดทกุ ฤดกู าล การเปน็ พืชทสี่ ามารถปลูกรว่ มกบั พนื้ ท่ีป่า การเปน็ พชื ทตี่ ้องการปรมิ าณน�ำ้ ฝน ในระดบั ท่นี อ้ ยกวา่ 1,000 มิลลิเมตร/ปี การเปน็ พชื ท่ีทนแล้ง และ เจริญเติบโตได้ดีในดินท่ีมคี ุณภาพ และความ สมบรู ณ์น้อย ฯลฯ ทงั้ นี้ พน้ื ที่เหมาะสมตอ่ การปลูกไผซ่ างหมน่ ในจงั หวดั น่าน มกั จะอยู่ใน บริเวณพน้ื ที่ตอนกลางของจังหวัด เป็นส่วน ใหญ่ เชน่ อ�ำเภอท่าวังผา อ�ำเภอปวั อำ� เภอ เมอื งน่าน อำ� เภอสันติสุข อ�ำเภอภูเพียง อ�ำเภอ แม่จรมิ และอ�ำเภอเวียงสา โดยเงอ่ื นไขของดนิ ที่ ใชป้ ลกู ไผ่ซางหม่น จะตอ้ งปลูกบนดินรว่ นปน ภาพที่ 2-16 ไผซ่ างหม่น ทราย และดนิ ร่วนปนดนิ เหนียวบนพืน้ ท่ีท่มี ีความ ทม่ี า: รศ.ดร.ศริ ิพร กิรตกิ ารกุล และคณะ สงู ระหว่าง 800 – 1,000 เมตรจากระดบั น้ำ� (2564) ทะเล โดยไผซ่ างหม่นจะสามารถเจริญเติบโตได้ดี ส�ำหรับตน้ ทุนการผลติ ไผซ่ างหม่น ในช่วงปี ในสภาพอากาศที่มีอณุ หภมู ริ ะหวา่ ง 20 – 26 แรก จะมีตัวเลขประมาณ 4.9 พนั บาท/ไร่ โดย องศาเซลเซยี ส ในสภาพแดดปานกลาง - แดดจัด ครอบคลุมค่าเตรยี มพืน้ ที่ คา่ กลา้ พนั ธุ์ และค่า ขุดหลุมปลกู เมือ่ เขา้ สู่ปกี ารผลติ ท่ี 2 จนถงึ ปี สดุ ท้ายของการผลติ หรอื ปีท่ี 31 เกษตรกรจะ ผลผลติ ไม้ไผเ่ พม่ิ ขึ้นเปน็ 720 ลำ� /ไร/่ ปี ซงึ่ มีค่าบ�ำรงุ รกั ษาในจ�ำนวนเงินคงทปี่ ระมาณ 5.4 มากกว่าปที ี่ 4 – 11 ทม่ี ปี ริมาณผลผลิต เพียง พันบาท/ไร่/ปี ซง่ึ ครอบคลุมเพียงค่าปยุ๋ และคา่ 400 ลำ� /ไร/่ ปี หลังจากเกษตรกรไดเ้ กบ็ เกีย่ ว ดแู ลบำ� รงุ รักษา ผลผลติ เสร็จสน้ิ แลว้ ก็สามารถจำ� หนา่ ยไผ่ ซางหม่นในราคาล�ำละ 25 บาท ให้กบั ผูร้ ับซ้ือ เมอื่ เขา้ สชู่ ว่ งปีการผลิตท่ี 4 หรือเปน็ ปีแรกท่ี รายต่างๆ ในจังหวดั เช่น กลุม่ ผแู้ ปรรปู ไม้ไผ่ สามารถเก็บเกย่ี วผลผลิต เกษตรกรจะสามารถ (อำ� เภอเวยี งสา จังหวดั น่าน) กลุ่มไผซ่ างหม่น สร้างก�ำไรสทุ ธิ จากการจำ� หน่ายไผ่ซางหมน่ ได้ บ้านทัพม่าน (ต�ำบลบวั ใหญ่ อำ� เภอนานอ้ ย ประมาณ 4.6 พันบาท/ไร่/ปี โดยเกษตรกร จงั หวัดน่าน) และกลมุ่ แปรรปู ไม้ไผช่ มุ ชนบา้ นสบ จะสามารถสร้างกำ� ไรสทุ ธคิ งท่ีได้ ในระหวา่ ง ขุน่ (ต�ำบลปา่ คา อำ� เภอทา่ วงั ผา จงั หวัดน่าน) ช่วงปกี ารผลิตท่ี 4 - 11 เมื่อกา้ วเข้าสูป่ ที ี่ 12 เป็นตน้ นอกจากการผลิตล�ำไผเ่ พ่ือจำ� หน่าย - 31 เกษตรกร จะมกี �ำไรสุทธเิ พ่มิ ขนึ้ จากเดมิ แล้ว ยงั พบว่า เกษตรกรสามารถต่อยอด โซ่ ประมาณเกอื บ 3 เท่าตัว หรือคิดเปน็ จ�ำนวนเงิน อุปทานการผลติ ด้วยการตอนก่งิ พนั ธ์ุไผซ่ าง 1.3 หม่ืนบาท/ไร่/ปี อันเนอื่ งมามีปริมาณ หม่น เพื่อจำ� หนา่ ยให้กบั เกษตรกรในการนำ� ไป 44 เพ่ิมรายไดด้ ว้ ยวถิ ีเกษตรทางเลือกใหม่..ทะลคุ วามทา้ ทายพ้นื ที่กสกิ รรมน่าน

ปลูกเพอื่ ผลติ เป็นล�ำไผ่ ซ่ึงแปลงพนั ธ์ทุ เ่ี ปน็ แหลง่ ต้นทนุ เพ่ิมเตมิ ก่อนน�ำไปปลูกได้ หากเกษตรกร ผลติ ไผ่ซางหม่นที่ส�ำคัญของจงั หวดั น่าน จะ มคี วามสนใจในการผลติ กงิ่ พนั ธ์ุ สามารถขอเข้า อยใู่ นพน้ื ท่อี ำ� เภอสนั ติสุข ส�ำหรบั ตน้ ทุนการ รับการอบรมความรู้ และเทคนคิ ตา่ ง ๆ ได้จาก ผลิตกิ่งพนั ธุ์ จะข้นึ อยู่กบั รปู แบบท่ีใช้ในการผลติ หน่วยจดั การป่าตน้ น�ำ้ แมจ่ รมิ สว่ นจดั การต้นนำ้� กล่าวคอื หากเกษตรกรใชร้ ูปแบบการผลติ แบบ นา่ น (กรมอทุ ยานแห่งชาตสิ ตั วป์ า่ และพันธพุ์ ืช) ดงั้ เดมิ จะมีตน้ ทนุ ประมาณ 28 บาทตอ่ ก่งิ ซง่ึ โครงการไผ่ และหวาย สมเด็จพระเทพรตั นราช ถือเปน็ ตน้ ทุนการผลติ ท่ีให้ผลผลิต และคุณภาพ สุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี หรือในชุมชนบ้าน ทต่ี �่ำกว่ารปู แบบการผลติ แบบเพาะเน้ือเยื่อ ฝายอำ� เภอแม่จริมทมี่ ีแปลงสาธิต และหลักสูตร (Tissue culture) ทม่ี ีตน้ ทุนการผลิตประมาณ ต่าง ๆ อาทิ การคัดเลือกตาไผ่ การตอน การ 0.80 บาทต่อต้นเทา่ นนั้ ท้ังน้ี ในกระบวนการ ใช้นำ้� ยาเรง่ ราก การดูแลรกั ษากงิ่ พนั ธ์ุ การเพาะ แบบหลังน้ัน เกษตรกรจะตอ้ งทำ� การเพาะเลย้ี ง เลย้ี งในระยะการอนบุ าล เป็นตน้ เนือ้ เยือ่ เปน็ ระยะเวลาประมาณ 1 ปี โดยจะมี ตารางที่ 2-19 ต้นทนุ ผลตอบแทนการผลติ ไผ่ซางในจังหวัดนา่ น นอกจากโซ่อปุ ทานการผลติ ตามที่ไดก้ ล่าวไว้ขา้ งตน้ แลว้ ยังมโี ซ่อุปทานการรวบรวมไผ่ซางหม่น ทดี่ ำ� เนินการโดยผรู้ วบรวมทอ้ งถิน่ ดว้ ยวิธกี ารรับซ้อื เหมาแบบประเมนิ มูลคา่ ซงึ่ มักพจิ ารณาจาก จ�ำนวนล�ำไผ่ ขนาดล�ำไผ่ คุณภาพของไผ่ (เช่น ความยาว ไมม่ ีแมลงกัดเจาะล�ำไผเ่ ป็นรู ฯลฯ) หาก สามารถทำ� การตกลงราคาไดเ้ ป็นทีเ่ รยี บร้อยแล้ว ผรู้ วบรวมจะด�ำเนนิ การตัด และขนสง่ ลำ� ไผ่ในขนั้ ตอนต่อไป ซ่งึ ในโซอ่ ุปทานนจ้ี ะมีตน้ ทุนการด�ำเนนิ การเฉล่ีย 1.8 หม่นื บาท/ไร่ ประกอบดว้ ยค่าแรง งานจ�ำนวน 6 ร้อยบาท/ไร่ ค่าลำ� ไผ่จากเกษตรกรจ�ำนวน 1.6 หมืน่ บาท/ไร่ และคา่ ขนสง่ จ�ำนวน 1 พันบาท/เทย่ี ว (ผลผลติ ไผจ่ �ำนวน 560 ล�ำ ใชก้ ารขนสง่ จำ� นวน 2 เท่ียว) เพื่อจ�ำหน่ายไผ่ราคา 35 บาท/ลำ� ใหก้ ับผ้ปู ระกอบการแปรรูปต่าง ๆ 45เพ่ิมรายได้ด้วยวถิ เี กษตรทางเลือกใหม.่ .ทะลคุ วามท้าทายพน้ื ทก่ี สิกรรมนา่ น

ส�ำหรับโซอ่ ปุ ทานการแปรรปู เพือ่ เพมิ่ มลู ค่า โซอ่ ปุ ทาน ตลาดรองรบั และโครงสรา้ ง ไผซ่ างน้นั อาจสามารถด�ำเนินการได้หลาย ตลาดของไผซ่ างหม่น ไผ่ซางหม่นเปน็ พืชทมี่ ี รูปแบบวธิ ี อาทิ หากล�ำไผ่ท่มี คี ุณภาพเน้อื ตลาดรองรับ ตัง้ แต่ระดบั ทอ้ งถิน่ ซ่งึ ถือเป็น ไมแ้ ข็งแรง และมีขนาดใหญ่ อาจจะสามารถ ตลาดเป้าหมาย จนถงึ ระดับตา่ งจงั หวัด ท่ี แปรรปู เพื่อสร้างมลู คา่ เพ่มิ ดว้ ยการผลติ คอ่ นข้างมกี ารแขง่ ขันสงู ในกล่มุ ผปู้ ระกอบ เฟอรน์ ิเจอร์ในรูปแบบตา่ ง ๆ เช่น ชุดรบั แขก การขนาดเลก็ โดยรปู แบบผลิตภัณฑ์ที่ถูก ฯลฯ ซง่ึ ปัจจุบันรูปแบบดังกล่าว ยังไม่เป็นที่ แปรรปู โดยสว่ นใหญ่ มกั จะอยู่ในรปู แบบของ แพรห่ ลายนัก โดยส่วนใหญพ่ บวา่ ไผ่ที่ไดม้ ัก ไมต้ ะเกยี บ ไมเ้ สยี บลูกชนิ้ ก้านธปู ซง่ึ ความ จะถูกน�ำไปแปรรูปเป็นตะเกยี บ และไม้เสียบลูก ต้องการใชผ้ ลติ ภัณฑ์ดังกลา่ ว คอ่ นขา้ งยงั ช้นิ โดยโรงงานแปรรูปในพน้ื ที่อ�ำเภอเวยี ง ไม่เป็นทแี่ พร่หลาย และส่วนแบง่ ของตลาด สา และโรงงานแปรรูปนอกพน้ื ท่ีในอำ� เภอลอง ยงั มขี นาดท่จี �ำกดั สำ� หรบั ผลติ ภัณฑ์แปรรปู จังหวัดแพร่ ทมี่ ักรับซอื้ ไผ่ในราคา 35 บาท/ ท่ีมีความนยิ มในอนั ดบั รองลงมาน้ัน มกั จะ ลำ� โดยต้นทุนของผู้ประกอบการแปรรูปไม้ไผ่ ปรากฏในรปู แบบของการจ�ำหน่ายไม้ เพอ่ื การ จ�ำนวน 560 ล�ำ จะมตี ้นทุนในการแปรรูป ก่อสรา้ ง เช่น เสา รว้ั ฯลฯ สำ� หรับตลาดการ ประมาณ 4.2 หมื่นบาท (ผลผลติ มีมลู ค่ารวม แปรรปู ไม้ไผ่ เพ่ือทำ� เฟอร์นเิ จอร์ในปจั จบุ ัน ประมาณ 4.4 หม่นื บาท) ซึ่งครอบคลมุ ถึงคา่ ยังคอ่ นขา้ งไมเ่ ป็นทน่ี ิยมมากนกั หากเทยี บ ไม้ไผ่ คา่ มาตรส�ำหรับอบไม้ ค่าแรงงาน ค่า กบั ตลาดเฟอร์นิเจอร์ไม้สกั ในจังหวัดแพร่ ซ่ึง ซ่อมแซมอุปกรณ์ และคา่ ใช้จา่ ยในด้านอ่นื ๆ สามารถเพมิ่ มลู คา่ และพฒั นาผลิตภณั ฑ์ได้ มากกว่า ตารางที่ 2-20 ผลตอบแทนการลงทุนตลอดหว่ งโซ่อุปทานไผซ่ างหมน่ 46 เพมิ่ รายได้ดว้ ยวถิ ีเกษตรทางเลือกใหม.่ .ทะลุความท้าทายพ้นื ทก่ี สกิ รรมน่าน

47เพมิ่ รายได้ดว้ ยวิถีเกษตรทางเลอื กใหม่..ทะลคุ วามท้าทายพนื้ ทกี่ สกิ รรมนา่ น ภาพที่ 2-17 โซอ่ ุปทานไผซ่ างหม่นในจงั หวัดนา่ น ท่มี า: รายงานโมเดลอาชีพทางเลอื กและห่วงโซอ่ ุปทาน โดย รศ.ดร. ศิรพิ ร กิรตกิ ารกลุ และคณะ (2563)

(c) กลุ่มปลูกพชื แบบผสมผสาน จากความทา้ ทายดา้ นแรงงานสูงวยั ท่เี พม่ิ (ภายใต้เง่ือนไขรายได้สุทธิ เปา้ หมาย 2 แสน จ�ำนวนมากข้ึน รปู แบบ และปริมาณของการใช้ บาท/ป)ี คือ การปลกู มะม่วงนำ�้ ดอกไมค้ วบคู่ พ้ืนท่ีทีม่ ขี นาดที่ถูกจ�ำกดั ลกั ษณะพนื้ ท่ีทเี่ หมาะ กับโกโก้ สำ� หรับพชื ทางเลอื กในอนั ดบั รอง สมกับการปลูกพืชในบางชนดิ ปญั หาความ ลงมา ได้แก่ การปลกู มะม่วงนำ้� ดอกไมค้ วบคู่ เสีย่ ง ด้านความผนั ผวนของราคาผลผลิต กบั กลว้ ยน้ำ� ว้ามะลิออ่ ง หรือกาแฟอาราบี ฯลฯ ได้สง่ ผลใหก้ ารปลกู พืชแบบผสมผสาน กา้ ทง้ั นี้ เป็นทน่ี า่ สงั เกตว่า สาเหตุทมี่ ะมว่ ง ถอื เปน็ อีกหนึ่งทางเลอื ก ที่เกษตรกรควรให้ น้ำ� ดอกไมเ้ ป็นพชื ทางเลือก ที่สามารถยืนพนื้ ความสนใจ โดยในกลุ่มปลกู พืชแบบผสมผสาน ในการปลกู ผสมผสานกบั พชื ชนิดอืน่ ไดน้ ้นั พบว่า จ�ำนวนพชื ท่เี หมาะสมกับการปลกู ควรมี เน่ืองจากเปน็ ไม้ผลที่มผี ลตอบแทนสงู เม่อื เพียง 2 ชนดิ แมก้ ารปลกู พชื มากกว่านจ้ี ะสง่ เทียบกบั เงนิ ลงทนุ รวมทง้ั มรี ะยะเวลาการคืน ใหเ้ กษตรกรมีรายไดเ้ พิ่มแตไ่ มค่ ุ้มกบั การลงทนุ ทุนสั้น โดยใชร้ ะยะเวลาประมาณ 4 ปี ท่มี ากขึน้ โดยระบบเกษตรที่เปน็ ทางเลอื กที่ดี ท่สี ุดในกรณนี ้ี ตารางท่ี 2-21 พืชท่ีให้ผลตอบแทนสงู สดุ ภายใต้เง่ือนไขรายไดส้ ทุ ธิ 200,000 บาท/ปี กรณีปลูก พืชแบบผสมผสาน พนื้ ท่ลี ่มุ น�ำ้ ชนั้ ท่ี 3 4 และ 5 2.2.1ข กลุ่มพชื ในพื้นทลี่ ุม่ น�้ำช้ันที่ 1 และ 2 จากความทา้ ทายดา้ นเงอ่ื นไขการใช้ท่ีดินตามนโยบายของคณะกรรมการนโยบายทีด่ นิ แห่งชาติ (คทช.) และกรมป่าไมท้ ่ไี ด้ก�ำหนดว่า คณุ ลกั ษณะของการใช้พ้นื ทีด่ งั กล่าว ตอ้ งมีไม้เดิมท่ีมีเรือน ยอดสูงไม่น้อยกวา่ 5 เมตร ปกคลมุ มากกว่า รอ้ ยละ 10 ของพนื้ ที่ สง่ ผลให้พชื ทางเลอื กในกลุ่ม พนื้ ท่ีลุม่ น้ำ� ที่ 1 และ 2 จ�ำเปน็ ต้องมคี ณุ สมบัติที่สามารถเจริญเติบโตภายใต้ภูมนิ เิ วศ และอยรู่ ่วม กบั ป่าได้ในลกั ษณะปลูกแซมกบั ปา่ ไม้ โดยแนวทางการผลติ พชื ที่เหมาะสมในพืน้ ทลี่ มุ่ น�้ำชั้นที่ 1 และ 2 คือกลมุ่ ปลกู พชื อยา่ งเดยี ว และกลุ่มปลูกพืช + ปศสุ ัตว์ โดยรายละเอยี ดของการผลติ ในแต่ละ กลมุ่ มีดังนี้ 48 เพมิ่ รายไดด้ ้วยวิถีเกษตรทางเลือกใหม.่ .ทะลคุ วามท้าทายพ้ืนท่กี สกิ รรมน่าน

(d) กลุม่ ปลกู พืชอยา่ งเดยี ว ในกรณกี ลุม่ ปลกู พืชอยา่ งเดียวพบว่า มะขามเปรย้ี วคือทางเลอื กในการใชเ้ งินลงทนุ และ ปริมาณพื้นทีก่ ารผลติ นอ้ ยท่สี ดุ โดยใชร้ ะยะเวลาปลกู เพยี ง 3 ปี จงึ จะสามารถเกบ็ เก่ียวผลผลิต ได้ ดว้ ยเหตุน้ี มะขามเปร้ียว จึงถอื เปน็ ทางเลอื กท่ดี ีกวา่ ผักหวานป่า และยางพารา (ภายใตเ้ งือ่ นไข เดยี วกนั วา่ จะมรี ายได้สุทธเิ ป้าหมาย 2 แสนบาท/ปี) ตารางท่ี 2-22 พชื ที่ให้ผลตอบแทนสงู สดุ ภายใตเ้ ง่อื นไขรายได้สทุ ธิ 200,000 บาท/ปี กรณปี ลกู พืชอย่างเดียว พ้นื ท่ลี ุ่มนำ้� ชั้นที่ 1 และ 2 (9) ผกั หวานปา่ ภาพที่ 2-18 ผกั หวานป่า ผักหวานป่าถอื เป็นพชื อันดับสองของกล่มุ ทีม่ า: รศ.ดร.ศิริพร กิรตกิ ารกุล และคณะ ปลูกพืชอย่างเดยี ว ในเขตพืน้ ทล่ี ุม่ น้�ำชัน้ ที่ 1 (2564) และ 2 โดยคณุ สมบัติเด่นของผักหวานป่า คือสามารถปลูกร่วมกบั ปา่ ได้ ในแทบทกุ พื้นท่ี ของจังหวดั น่าน เกษตรกรสามารถเก็บเกย่ี ว ผลผลติ ผกั หวานป่าได้ตัง้ แต่ปีการผลติ ท่ี 3 ใน ชว่ งระหวา่ งเดอื นเมษายน – สิงหาคม เป็นตน้ ไป ซ่งึ เงือ่ นไขของการเจริญเตบิ โตของผกั หวานป่านน้ั เกษตรกรจะต้องใช้ดินทปี่ ลูกแบบ ดนิ ลูกรงั ที่มีความอุดมสมบรู ณต์ ่�ำ ดนิ ดาน ดินกรวดลกู รัง และดินปนทราย โดยควรปลกู บนพนื้ ทีท่ ่ีมีความสงู 300 – 900 เมตรจาก ระดบั น้�ำทะเล ในสภาพอากาศทม่ี แี ดดปาน กลาง โดยมีอุณหภูมริ ะหว่าง 20 – 25 องศา เซลเซียส 49เพ่ิมรายไดด้ ว้ ยวิถีเกษตรทางเลือกใหม่..ทะลุความทา้ ทายพน้ื ท่ีกสิกรรมน่าน

ด้านต้นทุนการผลิตผักหวานป่า ในปี บ�ำรุงรักษา และค่าแรงงานเก็บเกย่ี วผลผลิต แรก จะอยู่ที่ประมาณ 5.1 พันบาท/ไร่ โดย ทั้งสน้ิ ประมาณ 4 พนั บาท/ไร่/ปี โดยกำ� ไร ครอบคลุมคา่ กลา้ พนั ธ์ุ คา่ แรงงานปลกู และ สทุ ธทิ ่ีเกษตรกร จะได้รับจากผกั หวานในแต่ละ คา่ ปุย๋ หมกั เมอ่ื กา้ วเขา้ สู่การผลติ ในปที ่ี 2 จะ ปนี ัน้ จะมตี ัวเลขคงท่ปี ระมาณ 8 พนั บาท/ พบวา่ เกษตรกรจะมตี ้นทุนคา่ บำ� รุงดูแลรักษา ไร่/ปี โดยปริมาณผลผลติ ผักหวานป่าจะอยูท่ ี่ จำ� นวน 2 พันบาท/ไร่ และเมื่อเข้าส่ปู กี ารผลิต ประมาณ 150 กิโลกรมั /ไร/่ ปี โดยสามารถ ถัดมาหรือในปีที่ 3 – 21 เกษตรกรจะมคี ่า จ�ำหนา่ ยได้ในราคากโิ ลกรัมละ 80 บาท ตารางท่ี 2-23 ตน้ ทุนผลตอบแทนการผลิตผกั หวานปา่ ในจงั หวดั นา่ น (e) กลมุ่ ปลกู พชื + ปศสุ ัตว์ รูปแบบการผลติ ในกลุม่ นี้ จะมลี กั ษณะของการใช้ปริมาณพ้นื ท่ีผลติ ทางการเกษตรทีล่ ดลง ดว้ ยเหตุนี้ เกษตรกรจงึ ควรเนน้ การเพิ่มการ ท�ำปศสุ ัตว์ เช่น แพะ ไกพ่ ืน้ เมอื ง และโคพนื้ เมือง ควบคไู่ ปกบั การปลกู พชื ท้งั นี้ แมก้ ารทำ� ปศุสตั วจ์ ำ� เปน็ ตอ้ งใช้เงินลงทนุ สงู (ไม่นอ้ ยกว่า 1 แสนบาท) แต่เกษตรกรสามารถสร้างผลกำ� ไรสุทธทิ ม่ี ากข้นึ ด้วยเช่น กนั ดงั นนั้ รูปแบบการผลติ ท่ีเหมาะสม และดที ่สี ุดในกลุ่มนี้คือ ปลกู ปา่ ไม้ยืนต้น และปศสุ ัตว์ โดยทางเลือกที่ดที ส่ี ุด ภายใตเ้ งอ่ื นไขเดยี วกัน คือการมีรายได้สทุ ธเิ ป้าหมายจำ� นวน 2 แสนบาท/ปี ได้แก่ การปลกู มะขามเปรี้ยวรว่ มกับการเล้ยี งแพะ และอันดบั รองลงมาคอื การปลูก ไผ่ซางหม่นรว่ มกับการเล้ียงแพะ 50 เพ่มิ รายได้ด้วยวิถีเกษตรทางเลือกใหม.่ .ทะลคุ วามทา้ ทายพืน้ ที่กสิกรรมนา่ น

ตารางท่ี 2-24 การผลิตทางการเกษตรท่ีใหผ้ ลตอบแทนสูงสดุ ภายใต้เงื่อนไขรายไดส้ ุทธิ 200,000 บาท/ปี กรณปี ลกู พชื และทำ� ปศุสตั ว์ พนื้ ท่ลี มุ่ น�้ำชนั้ ที่ 1 และ 2 (10) แพะ นอกเหนอื จากการปลูกพืชทางเลอื ก ท่ามกลางสภาวะข้อจ�ำกดั ของการใช้ทดี่ ิน ใน พ้ืนที่ลมุ่ น้ำ� ชัน้ ที่ 1 และ 2 แลว้ การท�ำปศสุ ัตว์ ถือเปน็ อีกหนึ่งตวั เลือกท่ีนา่ สนใจไมแ่ พก้ นั เน่อื งจากใชพ้ ืน้ ท่ีในการผลติ นอ้ ย แตส่ ามารถ สรา้ งผลก�ำไรไดส้ งู โดยสตั ว์ท่ีแนะนำ� ส�ำหรบั การทำ� ปศุสตั ว์ท่ีในกรณีนี้คือ แพะ ซงึ่ ใชพ้ ้นื ที่ ในการเลี้ยงเพียง 1 ตร.ม./ตวั นอกจากการ ใช้ปริมาณพืน้ ที่การผลติ ที่ต�่ำแลว้ เกษตรกร ยงั สามารถเลยี้ งแพะควบคู่กบั การปลกู พชื โดย เฉพาะการเลีย้ งควบคูไ่ ปกับการปลูกมะขาม เปรีย้ วหรอื ไผ่ซางหมน่ อยา่ งไรก็ดี เกษตรกร น่านมกั จะเล้ยี งแพะ ในลกั ษณะของอาชพี เสรมิ โดยเลย้ี งแพะรุน่ ให้กบั เกษตรกรรายอื่นท่ี ตอ้ งการผลติ แพะขนุ ซง่ึ ในชว่ งเรม่ิ ต้นของการ ผลิต เกษตรกรจะเลีย้ งแพะพอ่ พันธจ์ุ ำ� นวน 1 ตัวตอ่ แมพ่ ันธจ์ุ �ำนวน 10 ตัว ซงึ่ มีเป้าหมาย ภาพที่ 2-19 ฟาร์มแพะ ขนาดของการเล้ยี งที่จ�ำนวน 33 ตัว (พอ่ พนั ธุ์ ทีม่ า: รศ.ดร.ศริ พิ ร กริ ติการกลุ และคณะ 3 ตัว ตอ่ แม่พันธ์ุ 30 ตวั ) (2564) ในดา้ นการลงทุนเลย้ี งแพะ เกษตรกรจ�ำเปน็ จะตอ้ งใชเ้ งนิ ลงทนุ เร่ิมต้นที่คอ่ นขา้ งสงู ในช่วงปแี รก ของการผลติ ประมาณ 1.3 แสนบาท เพอ่ื สร้างเรือนนอน และโรงเรือน-คอกแบบยกพนื้ โดย สามารถถ่ายเทอากาศไดเ้ ปน็ อยา่ งดี มคี า่ ลอ้ มรัว้ เพอื่ ป้องกนั สตั ว์อนื่ ท�ำอนั ตราย รวมทั้งค่าพ่อ 51เพ่มิ รายไดด้ ว้ ยวถิ ีเกษตรทางเลอื กใหม่..ทะลคุ วามท้าทายพื้นท่กี สิกรรมน่าน

พันธแ์ุ ละแมพ่ ันธ์ุ (พ่อพนั ธ์ุ 1 ตัว แมพ่ ันธุ์ สำ� หรบั เง่ือนไขในการเลี้ยงแพะใน 1 รุ่น 10 ตัว โดยแม่พันธ์ุ 1 ตวั จะมรี ะยะเวลาการ นน้ั เกษตรกรจะสามารถเลย้ี งไดต้ ลอด ชว่ ง ให้ลกู ประมาณ 5 ปี และพ่อพนั ธุ์ มีระยะเวลา ระยะเวลา 10 ปี เมอ่ื ลกู แพะท่ีหย่านมมีนำ้� ประมาณ 2 – 3 ปี) เม่ือกา้ วเข้าสปู่ ที ส่ี อง หนัก 25 กก./ตัว หรอื มอี ายุ 4 เดอื น จะ ของการผลติ เป็นต้นไป เกษตรกรจะมตี ้นทุน ถือเป็นช่วงเริ่มตน้ สร้างรายได้ ซงึ่ เกษตรกร คา่ บำ� รุงดแู ลแพะทเี่ พิ่มขน้ึ โดยครอบคลุมถึง จะสามารถน�ำแพะไปจำ� หน่าย ไดท้ ี่ผู้ประกอบ คา่ อาหารขน้ ค่าน�ำ้ มันเชอื้ เพลิง คา่ เจาะเลือด การจังหวดั เพชรบรู ณ์ และภาคตะวันออก และทำ� เบอร์หู รวมถึงคา่ แรงงาน กลา่ วโดย หรือผปู้ ระกอบการ สามารถส่งออกแพะไป สรุปคอื เกษตรกรจะมีตน้ ทนุ ในการเลี้ยงแพะ ขายยงั ประเทศเวียดนาม ในราคากิโลกรมั ละ ในชว่ งปีการผลิตที่ 2 ประมาณ 5 หมื่นบาท/ 100 บาท ซง่ึ ในปจั จบุ นั พบว่า ตลาดท้งั ใน รุน่ และในชว่ งปกี ารผลติ ท่ี 3 - 11 เกษตรกร พื้นที่ และตา่ งประเทศมีความตอ้ งการบริโภค จะมีต้นทนุ เฉลีย่ ประมาณ 1.2 - 1.9 แสน แพะ ประมาณ 3 - 5 พันตวั /เดอื น ท้งั น้ี แม้ บาท/ปี/รนุ่ นอกจากน้ี เพอ่ื การผลติ ที่มี ในช่วงปกี ารผลติ ท่ี 2 เกษตรกรมรี ายไดจ้ าก ประสทิ ธิภาพมากขนึ้ เกษตรกรควรจะต้อง แพะ ประมาณ 2.5 หม่ืนบาท แต่ยงั มีกำ� ไรสทุ ธิ มคี วามรเู้ กย่ี วกับการจัดการการผลิตในดา้ น ตดิ ลบเน่ืองจาก มีตัวเลขต้นทุนการผลติ ท่ีสูง ต่างๆ เช่น การจัดการพ่อพันธแ์ุ ม่พันธ์ุโดย กว่ารายได้ อยา่ งไรกต็ าม เกษตรกรจะเริม่ มี เฉพาะ ข้อจ�ำกัดดา้ นการให้ผลผลิตของแพะ กำ� ไรสทุ ธมิ ากขึน้ ประมาณ 4.8 หมืน่ บาท/ (อาทิ แมพ่ นั ธแ์ุ พะจะมีความสามารถในการ ปี เมื่อก้าวเข้าสู่ปกี ารผลติ ที่ 3 และผลกำ� ไร ออกลูก 2 ครัง้ ตอ่ ปี แตล่ ะคร้ังจะมีจ�ำนวน สทุ ธิ จะเริ่มมจี �ำนวนมากขน้ึ ในปกี ารผลิตท่ี 4 ลกู แพะประมาณ 1 – 2 ตัว/ครงั้ เป็นต้น) มี เป็นต้นไป โดยมตี วั เลขประมาณ 9 หมนื่ บาท/ ความรู้เก่ยี วกับการจัดการอาหาร (เกษตรกร ปี จนถงึ 2 แสนบาท/ปี เนอ่ื งจากเกษตรกร สามารถใชอ้ าหารแพะ ในพืน้ ท่อี ย่างหญา้ เน มจี ำ� นวนแพะที่เลย้ี งเพิ่มมากข้ึน โดยในแตล่ ะ เปยี รห์ รือเศษพชื ผลทางการเกษตรอ่นื ๆ เพอ่ื ปี เกษตรกรจะมีรายไดจ้ ากการขายแพะที่ไม่ ลดตน้ ทนุ การซอ้ื อาหารสำ� เร็จรปู ) มคี วามรู้ สมำ�่ เสมอ เน่อื งจากบางปีมแี ม่พันธทุ์ ่โี ดนปลด เรือ่ งการป้องกันโรค สำ� หรับแพะเล้ยี งเปน็ สตั ว์ และลกู แพะเพศเมียต้องขน้ึ มาเปน็ แม่พนั ธแ์ุ ทน ท่ปี ว่ ยง่าย มคี วามรู้เกย่ี วกบั การเล้ียงปล่อย ซงึ่ ท�ำให้จำ� นวนแพะมไี มเ่ ท่ากนั ในทุง่ /ป่า มคี วามร้เู ก่ียวกับการจดั การการ เพ่มิ ปริมาณ และคุณภาพของแพะอยา่ งตอ่ เน่อื ง (อาทิ ควรให้ลูกแพะหยา่ นม เม่อื มีอายุ ประมาณ 2 เดือน เพ่ือเพ่มิ อัตราการเจริญ เติบโตของลูกแพะ และให้แมพ่ ันธ์ุแพะเป็นสัด เพ่อื ให้ลกู ในครัง้ ต่อไป) เป็นต้น * รองรับเป้าหมายขนาดการผลิตแพะท่ี 33 ตวั 52 เพมิ่ รายไดด้ ้วยวถิ เี กษตรทางเลือกใหม.่ .ทะลคุ วามทา้ ทายพื้นทีก่ สิกรรมนา่ น

ตารางที่ 2-25 ตน้ ทนุ ผลตอบแทนการผลิตแพะเน้ือในจังหวดั นา่ น นอกจากโซอ่ ุปทานการผลติ แลว้ สำ� หรบั โซ่อุปทานรวบรวมแพะน้นั จะถูกดำ� เนินการประมาณ เดอื นละครงั้ ในบรเิ วณสองจุดรวบรวมในพนื้ ทีบ่ ้านบอน อ�ำเภอแม่จริม และบ้านสันเจริญ อำ� เภอ เวยี งสา โดยกลุม่ วิสาหกจิ แพะ จะรวบรวมลกู แพะทีม่ นี ้ำ� หนกั เฉล่ีย 25 กก./ตัว ผรู้ วบรวมจะรับ ซ้ือเฉพาะแพะท่ีผา่ นการเจาะเลอื ด และท�ำเบอรห์ ูเทา่ นัน้ ส�ำหรับการขนสง่ แพะ ท่ถี ูกรวบรวมจะใช้ รถบรรทุกขนาดเลก็ หรอื รถปิก๊ อพั ซึ่งสามารถขนส่งได้ประมาณ 30 – 40 ตวั /เท่ยี ว โดยใชร้ ะยะ เวลาขนส่งจากจังหวดั นา่ น ประมาณ 5 – 6 ชวั่ โมง เพอ่ื น�ำไปจำ� หนา่ ยยงั ฟารม์ เครอื ข่ายในจงั หวดั เพชรบูรณ์ ในราคากโิ ลกรัมละ 100 บาท (ระยะทางขนสง่ ประมาณ 400 กิโลเมตร โดยฟารม์ เป็น ผรู้ บั ผดิ ชอบคา่ ใชจ้ ่ายในการขนสง่ ) ทง้ั น้ี ผรู้ วบรวมจะมรี ายได้จากการด�ำเนินการประมาณ 2.9 พนั บาท/ตวั โดยขายแพะในราคา 114 บาท/กก. ต้นทุนการด�ำเนนิ การในโซ่อุปทานนี้ จะอยู่ที่ ประมาณ 150 บาท/ตวั เมื่อรวมตน้ ทนุ จากการรบั ซื้อแพะจากโซอ่ ปุ ทานการผลติ จะส่งผลใหผ้ ทู้ ่ี รวบรวมมตี ้นทุนทั้งสน้ิ 2.7 พนั บาท/ตัว หรือมกี ำ� ไรเฉล่ยี ประมาณ 2 ร้อยบาท/ตัว 53เพ่ิมรายได้ดว้ ยวิถเี กษตรทางเลอื กใหม่..ทะลคุ วามท้าทายพื้นท่ีกสิกรรมน่าน

ในส่วนของโซอ่ ปุ ทานตลาด และโครงสร้าง ขนุ ในจังหวดั เพชรบรู ณ์ ราชบุรี และนครปฐม ตลาดแพะ พบวา่ ลักษณะของตลาดแพะใน เพ่ือท�ำการเลีย้ งขุนต่อจนได้ น�้ำหนกั ประมาณ จังหวัดน่าน มรี ะดับการแขง่ ขันตำ่� และเปา้ 60 – 70 กก./ตวั ซง่ึ มรี าคา 120 บาท/ หมายของการผลติ ไม่ไดต้ อบสนองความ กก. และสง่ ออกแพะขุนมชี วี ติ ไปยังประเทศ ต้องการบริโภคของคนในพื้นที่ (ชาวไทยไม่ มาเลเซีย แพะอีกส่วนหน่ึงจะถูกส่งเข้าโรงฆ่า นยิ มบรโิ ภคเนอ้ื แพะ) ดว้ ยเหตุนี้ กลุม่ วสิ าหกิจ มาตรฐาน เพื่อท�ำการกระจายผลิตภัณฑเ์ น้อื แพะ จงึ มกี ารบริหารความเสีย่ งดา้ นตลาดด้วย แพะเข้าส่ตู ลาด Modern trade และภตั ตาคาร การท�ำข้อตกลงกับผู้รวบรวมประมาณ 3 – 4 อาหารจีนในเขตกรุงเทพฯ และปรมิ ณฑล รวม ราย โดยมกี ารก�ำหนดเปา้ หมายปริมาณรับ ท้งั ผลิตภณั ฑ์เน้อื แพะ บางส่วนยังสามารถส่ง ซื้อประมาณ 500 ตวั /เดือน ในราคา 100 ออกไปจ�ำหนา่ ยยังประเทศเพ่ือนบ้านอีกด้วย บาท/กก. ทง้ั น้ี ผ้รู วบรวมแพะ ซ่ึงท�ำหนา้ ที่ ส�ำหรับรายได้ของการด�ำเนินการในโซ่อุปทาน เป็นผู้ประกอบการ และเปน็ ผู้รับผิดชอบดา้ น นจ้ี ะอยทู่ ่ีประมาณ 3 พันบาท/ตวั โดยมตี ้นทุน การตลาดในเวลาเดยี วกัน ก็จะท�ำการตลาด การด�ำเนินการประมาณ 2.9 พนั บาท/ตัว จึง แพะรุน่ เพม่ิ เตมิ ให้กบั กลุม่ เกษตรกรเลี้ยงแพะ มกี �ำไรเหลือประมาณ 1 ร้อยบาท/ตัว ตารางท่ี 2-26 ผลตอบแทนการลงทุนตลอดห่วงโซ่อปุ ทานแพะ 54 เพิ่มรายได้ดว้ ยวถิ เี กษตรทางเลือกใหม.่ .ทะลคุ วามท้าทายพื้นท่กี สิกรรมนา่ น

55เพมิ่ รายได้ดว้ ยวิถีเกษตรทางเลอื กใหม่..ทะลคุ วามท้าทายพนื้ ทกี่ สกิ รรมนา่ น ภาพที่ 2-20 โซ่อุปทานแพะในจังหวดั นา่ น ที่มา: รายงานโมเดลอาชพี ทางเลอื กและหว่ งโซอ่ ุปทาน โดย รศ.ดร. ศริ ิพร กริ ตกิ ารกลุ และคณะ (2563)

2.2.2 ตวั เลือกระบบเกษตรทีส่ ร้างรายได้ดี การเกษตร ส่วนใหญม่ ักจะปรากฏในรปู แบบ ทสี่ ดุ ภายใต้เง่อื นไขทางเศรษฐกิจของครวั ของการปลูกไมผ้ ล/ไม้ยืนต้น ในพ้ืนทปี่ ระมาณ เรอื นเกษตรกร 30 ไร่ เชน่ มะมว่ งน�ำ้ ดอกไม้ ยางพารา แตย่ ัง มีความพยายาม ในการเรม่ิ ปรับเปลยี่ นรูปแบบ แม้ในหวั ขอ้ ก่อนหน้า เปน็ การแสดงใหเ้ หน็ การผลติ ไปสู่การปลูกพชื หลากหลายชนิด หรือ ถงึ ระบบเกษตรทางเลอื ก และโซ่อุปทานของ ปลกู แบบผสมผสานมากขน้ึ การผลิตพชื และปศุสัตวท์ ่สี ามารถสรา้ งราย ได้ 2 แสนบาท ใหก้ ับเกษตรกรนา่ นในปัจจบุ นั กล่มุ ครวั เรือนเกษตรกร ทตี่ ้องเปล่ียน แตอ่ ยา่ งไรกต็ าม ทางเลอื กการผลิตเหล่านั้น อาชพี ใหม่ - ลักษณะของกลมุ่ ครัวเรือนน้ี จะ อาจยังไม่ตอบโจทย์ สำ� หรับเกษตรกรบางสว่ น มีรายได้น้อยกว่ารายจ่ายประมาณร้อยละ 20 เนือ่ งจากสภาพทางเศรษฐกจิ ของครวั เรอื น ที่ – 30 มหี นสี้ ินสูงกว่ารายไดป้ ระมาณ 1 เท่า ไม่เออื้ อำ� นวยตอ่ การผลิต ในรูปแบบดังกล่าว (ประมาณ 1.5 แสนบาท) รูปแบบการผลิตโดย มากนกั กลา่ วคือ เกษตรกรอาจมเี งนิ ลงทุน ส่วนใหญ่มกั เนน้ การปลกู ข้าวโพดเล้ยี งสตั ว์ กบั ในการผลติ ทีไ่ ม่เพียงพอ หรืออาจมหี น้ีสินเปน็ ไมผ้ ลในพ้นื ท่ีประมาณ 20 ไร่ เชน่ ล้ินจี่ มะมว่ ง จำ� นวนมาก ซึ่งเป็นอปุ สรรคตอ่ การผลติ และ น้ำ� ดอกไม้ มกี ารพึง่ พาเงินลงทนุ ทางการเกษตร การตอ่ ยอดผลผลิต เพ่อื สรา้ งมูลค่าเพ่ิม ดว้ ย จากการกยู้ มื เป็นส�ำคญั โดยเกษตรกรบางราย เหตุนี้ ในหัวข้อนี้จงึ เป็นท่ีมาของการน�ำเสนอ เริม่ มกี ารปรบั เปล่ยี นรูปแบบการผลติ โดยหัน ถึงทางเลือกระบบเกษตรในอกี รูปแบบ (โมเดล มาปลกู พืช และทำ� การเกษตรท่หี ลากหลายซ่งึ อาชีพทางเลือก) ทีส่ ามารถสร้างรายได้ และ สามารถสร้างมลู คา่ ไดเ้ พ่ิมมากขึน้ มีความเหมาะสม สอดคลอ้ งกบั สภาพทาง เศรษฐกิจ ของครัวเรอื นเกษตรกรนา่ นมาก เนอ่ื งจากเกษตรกรสว่ นใหญ่ (รวมถึงครวั ท่ีสดุ ภายใต้เง่ือนไขปริมาณท่ีดนิ สำ� หรบั การทำ� เรอื นเกษตรกรทงั้ สองกลุม่ ข้างต้น) มักมพี น้ื ที่ เกษตรท่ลี ดลงตามนโยบายของ คทช. การปรบั ท�ำกินปรากฏอยู่ในบริเวณพ้นื ท่ลี ุ่มน้ำ� ชนั้ ที่ 1 เปลี่ยนรปู แบบการผลติ โดยเฉพาะจากข้าวโพด และ 2 ดงั น้ัน ระบบเกษตรทางเลอื กทเี่ หมาะสม เลยี้ งสัตว์ไปสกู่ ารผลิตในรูปแบบอ่ืน กบั กลุ่มเกษตรกรน้ี สามารถจำ� แนกออกเป็น 2 แนวทางตามเง่อื นไขต่าง ๆ อันไดแ้ ก่ เพ่อื ใหเ้ กดิ ความเข้าใจ และเห็นภาพของสภาพ กรณีของพน้ื ทก่ี ารผลิตทม่ี ปี ่าอยู่แลว้ - พบ ทางเศรษฐกจิ ของครัวเรอื นเกษตรกร ทีช่ ดั เจน ว่าในปแี รกของการผลิต เกษตรกรจะไมส่ ามารถ ขนึ้ จากขอ้ มูลการสำ� รวจสภาพทางเศรษฐกจิ ปลกู พืชเศรษฐกิจแซมในพ้ืนท่ปี ่า ซึ่งส่งผลให้ และหนสี้ ินครวั เรอื นของเกษตรกรนา่ น ในพน้ื ที่ เกษตรกรขาดรายได้ในชว่ งเวลาดงั กล่าว ดว้ ย น�ำร่อง ต�ำบลนาไร่หลวง และตำ� บลเมืองจงั เหตุน้ี การทำ� ปศสุ ัตว์ โดยเฉพาะไกพ่ ้นื เมอื ง สามารถจ�ำแนกลกั ษณะ ของตัวแบบครัวเรอื น ขนุ จงึ เปน็ ทางออกส�ำหรับปญั หาดังกล่าว (Personas) ออกเป็น 4 กลมุ่ โดยสองกลุ่มตวั เนอ่ื งจากเกษตรกรสามารถสร้างรายได้ ภายใน แบบครวั เรือนเกษตรกรทพ่ี บมากที่สดุ และเน้น ปแี รกของการผลิต โดยขนาดของ การเลี้ยง การนำ� เสนอในหวั ข้อนี้ ประกอบด้วย ไกพ่ ้ืนเมืองขนุ ที่เหมาะสม ควรเลย้ี งไมเ่ กิน 400 ตัว/ร่นุ โดยเลีย้ งปีละ 4 รุน่ ซ่ึงเกษตรกร จะมี กลุ่มครวั เรอื นเกษตรกรที่ตอ้ งการระยะ ต้นทนุ การผลิตอยูท่ ่ปี ระมาณ 5.8 หมืน่ บาท/ เวลาในการปรับตวั - ลกั ษณะของกลุ่มครวั ปี และสามารถสร้างรายได้สทุ ธปิ ระมาณ 4.8 เรอื นน้ี จะมีรายไดน้ ้อยกว่ารายจ่ายประมาณ หมน่ื บาท/ปี ทัง้ นี้ เกษตรกรสามารถทำ� ปศุสัตว์ รอ้ ยละ 10 – 20 โดยมีหนี้สนิ สะสม ประมาณ ควบคไู่ ปกับการผลิตพชื ชนิดอ่นื ไดต้ ัง้ แตป่ ีที่ 1 1.3 – 1.9 แสนบาท รูปแบบการผลิตทางการ โดยพชื ใต้ป่า ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลอื กทเี่ หมาะ เกษตร ส่วนใหญม่ กั จะปรากฏในรปู แบบ ของ สม ภายใตเ้ ง่ือนไขของจำ� นวนเงนิ ลงทนุ เริ่มต้น การปลูกไม้ผล/ไม้ยืนตน้ รูปแบบการผลติ ทาง 56 เพ่ิมรายได้ดว้ ยวิถเี กษตรทางเลือกใหม่..ทะลคุ วามท้าทายพ้ืนท่กี สกิ รรมนา่ น

ในปีแรกของการผลิตทไี่ มเ่ กินจำ� นวน 1 แสน มะไฟจีน - เกษตรกรสามารถเก็บเกยี่ ว บาท พชื ใต้ปา่ ที่ดที ส่ี ดุ ท่ีถกู คดั เลอื กในกรณีน้ี ผลผลติ มะไฟจนี ได้ตงั้ แต่ในปที ่ี 4 เป็นตน้ (เรียงตามชนดิ พืช ท่ีใหผ้ ลตอบแทนจากมากไป ไป โดยจะมีขนาดการผลิตประมาณ 9 ตน้ / นอ้ ย) ประกอบดว้ ย (1) หวาย (ปลกู ในพนื้ ท่ี ไร่ หากเกษตรกรปลูกมะไฟจนี ครบ 20 ไร่ จะ ขนาด 10 ไร่ สามารถสร้างรายไดส้ ทุ ธิกว่า 9.8 มตี น้ มะไฟรวมท้ังสิ้นจำ� นวน 188 ตน้ ท้งั นี้ หมน่ื บาท/ป)ี (2) ผกั หวานป่า (ปลูกในพ้นื ที่ เกษตรกรจะมตี ้นทนุ ก่อนเกบ็ เก่ยี ว ผลผลิต ขนาด 14 ไร่ สามารถสรา้ งรายไดส้ ทุ ธกิ วา่ 9.5 สะสม ประมาณ 1 แสนบาท มคี ่าบ�ำรงุ รักษา หมน่ื บาท/ป)ี และ (3) บกุ (ปลกู ในพ้นื ทข่ี นาด หลังจากเก็บเก่ียวผลผลิตประมาณ 2.6 หมื่น 19 ไร่ สามารถสร้างรายไดส้ ทุ ธิกวา่ 4.9 หมน่ื บาท/ปี โดยมะไฟจีนสรา้ งรายได้สุทธิประมาณ บาท/ปี) โดยเกษตรกรอาจสามารถเลอื กปลกู 1.4 แสนบาท/ปี พืชชนิดใดชนิดหน่ึง ร่วมกบั การเลย้ี งไกพ่ ้ืนเมอื ง อย่างไรกต็ าม เพ่ือใหเ้ ห็นภาพของทาง กรณีปลกู พชื พร้อมกับการปลกู ป่า - ครัว เลอื กการผลิตท่ชี ัดเจนมากข้ึน ผ่านการให้ เรอื นเกษตรกรทเี่ ขา้ กบั เงอื่ นไขในกรณนี ี้ มีทาง ความสำ� คญั ด้านสภาพทางเศรษฐกิจของ เลอื กในการผลติ ทค่ี ่อนข้างจ�ำกัด บนเงือ่ นไขเงิน กลมุ่ ครัวเรอื นเกษตรกรท้ังสอง เมือ่ พิจารณา ลงทนุ และบำ� รุงรกั ษาจำ� นวน 1 แสนบาท มพี ้ืนที่ ในกลุ่มตวั เรอื นเกษตรกร ทตี่ อ้ งเปลี่ยนอาชีพ การผลิตไม่เกนิ 20 ไร่ ท้ังน้ี ตัวเลือกของพชื ที่ ใหม่ (ตัวแบบครัวเรอื นท่ี 2) จะพบวา่ ลกั ษณะ ดที ีส่ ดุ 3 ลำ� ดบั แรก (เรยี งตามชนดิ พชื ท่ีให้ผล ของเกษตรกร โดยส่วนใหญ่มักเนน้ การ ตอบแทนจากมากไปน้อย) ได้แก่ ปลกู ขา้ วโพดเล้ียงสัตวร์ ่วมกบั ไม้ผล อีกทัง้ ไม่มีกำ� ลงั แรงงานท่เี พียงพอ แตส่ ามารถทำ� กลว้ ยน้�ำว้ามะลิออ่ ง - เกษตรกรสามารถ ปศสุ ัตว์ได้ ฉะน้นั รปู แบบการผลิตท่เี หมาะสม เกบ็ เกย่ี วผลผลิตได้ต้งั แตป่ แี รก โดยขนาดการ กับเกษตรกรในกลุ่มน้ี สามารถจ�ำแนกได้เปน็ ปลกู กล้วยน�้ำว้ามะลิอ่อง ควรอย่ทู ่ปี ระมาณ 3 แนวทางคือ 120 ตน้ /ไร่ เมอ่ื ปลูกรวมทงั้ หมด 20 ไร่ กจ็ ะมี ตน้ กลว้ ยมากถึง 2.4 พนั ต้น ซงึ่ ต้นทนุ การผลติ กลุม่ เลย้ี งแพะจ�ำนวน 11 ตวั - เกษตรกร และคา่ บ�ำรุงดแู ลรกั ษาในแตล่ ะปที ่เี กษตรกรต้อง ทเี่ ลือกรูปแบบการผลติ ในกล่มุ นี้ จะเรม่ิ มรี าย รบั ผดิ ชอบจะอยทู่ ่ีประมาณ 9.2 หมนื่ บาท โดย ได้สทุ ธิ ตง้ั แต่ปีการผลติ ท่ี 3 จนถึงปกี ารผลิต สามารถสรา้ งรายได้สทุ ธปิ ระมาณ 8.4 หมื่น ท่ี 10 โดยเฉลี่ยประมาณ 1.25 แสนบาท/ปี บาท/ปี ซง่ึ ถือว่าเกษตรกรจะมรี ายไดท้ ่ีสงู กวา่ หาก เทียบกับรายได้เดิมจากภาคการเกษตร และ มะขามเปร้ยี ว - เกษตรกรสามารถเก็บ รายได้ทั้งหมดประมาณรอ้ ยละ 128 และ 14 เก่ียวผลผลิตมะขามเปรยี้ ว ไดต้ ง้ั แต่ในปที ี่ 3 ตามล�ำดบั เป็นตน้ ไป โดยขนาดการผลติ จะอยู่ท่ีประมาณ 16 ตน้ /ไร่ เมอ่ื เกษตรกรปลูกมะขามเปรี้ยวใน พ้นื ท่ที ั้งหมด 20 ไร่ กจ็ ะมีขามเปรีย้ วทั้งหมด 320 ตน้ โดยเกษตรกรจะมตี น้ ทุนก่อนเกบ็ เกี่ยวผลผลติ สะสมประมาณ 6.4 หมื่นบาท มี คา่ บ�ำรุงรักษาหลงั เกบ็ เก่ียวผลผลิต ประมาณ 5.9 หมน่ื บาท/ปี ซงึ่ สามารถสรา้ งรายได้สทุ ธิ ประมาณ 1.3 แสนบาท/ปี *เกษตรกรลงทุนผลติ พชื ใต้ป่าในปแี รก และเริม่ เกบ็ เก่ียวผลผลติ ต้งั แตป่ ที ่ี 2 ภายใต้เงอื่ นไขการใชท้ ีด่ ินไมเ่ กิน 20 ไร่ 57 เพ่ิมรายไดด้ ว้ ยวิถีเกษตรทางเลือกใหม.่ .ทะลคุ วามทา้ ทายพ้นื ท่ีกสิกรรมนา่ น

กลุ่มปลูกกล้วยน้ำ� ว้ามะลิอ่องจ�ำนวน 5 กลมุ่ ปลกู กลว้ ยน�้ำว้ามะลอิ ่องจ�ำนวน 5 ไร่ ไร่ (เพือ่ สรา้ งรายได้ในปีแรก) + มะขาม + มะไฟจนี จำ� นวน 5 ไร่ (ได้ผลผลติ ในปที ี่ 4) เปรยี้ วจ�ำนวน 15 ไร่ (ได้ผลผลิตในปีที่ 3) – เกษตรกรท่เี ลอื กรูปแบบการผลิตในกลมุ่ นี้ – เกษตรกรท่ีเลือกรูปแบบการผลติ ในกล่มุ จะมีรายได้สุทธิ ในช่วงสองปแี รกของการผลติ นี้ จะมีรายไดส้ ุทธิ จากการผลิตในช่วงสองปี ประมาณ 3.4 หม่นื บาท/ปี และเมอื่ เข้าสปู่ กี าร แรกประมาณ 3.4 หมื่นบาท/ปี และเมอ่ื เข้าสู่ ผลิตท่ี 3 เปน็ ตน้ ไปก็จะมีรายไดส้ ทุ ธปิ ระมาณ ปีการผลิตที่ 3 เกษตรกรจะมีรายไดส้ ทุ ธิท้ัง 1.24 แสนบาท/ปี ซงึ่ เมื่อเทยี บกับรายได้เดมิ สนิ้ ประมาณ 1.3 แสนบาท/ปี ซึ่งเม่ือเทียบ จากภาคการเกษตร และรายได้ทั้งหมด จะพบ กับรายไดเ้ ดิมจากภาคการเกษตร และรายได้ ว่าเกษตรกรมรี ายได้สูงกวา่ ประมาณรอ้ ยละ ท้งั หมด จะพบว่า เกษตรกรมรี ายได้สูงกว่า 148 และรอ้ ยละ 24 ตามลำ� ดบั ประมาณร้อยละ 157 และรอ้ ยละ 29 ตามล�ำดบั ตารางที่ 2-27 ประมาณการรายได้ของตัวแบบครัวเรอื นท่ี 2 ส�ำหรับรูปแบบการผลติ ในกล่มุ ครัวเรอื น [1] กลมุ่ พึ่งพารายได้ปีแรกจากกล้วยนำ้� วา้ เกษตรกรที่ตอ้ งปรบั เปลย่ี นอาชพี ใหม่ (ตวั แบบ มะลอิ ่องจ�ำนวน 10 ไร่ – เกษตรกรในกลุ่มน้ี ครวั เรือนที่ 3) จะพบว่า เกษตรกรในกลุม่ นมี้ ักจะ จะสามารถสรา้ งรายได้ในปแี รก จากการปลกู เน้นการพง่ึ พารายได้ จากข้าวโพดเลี้ยงสตั ว์เป็น กล้วยนำ้� วา้ มะลิออ่ งประมาณ 6.8 หมนื่ บาท หลัก ดังน้ัน การเปลย่ี นรูปแบบการผลิต จงึ ควร เม่ือเขา้ ส่ชู ่วงปกี ารผลติ ท่ี 2 – 4 เกษตรกร ตงั้ เป้าหมายให้เกษตรกร สามารถสรา้ งรายได้ ในปีแรกมากกวา่ การปลกู ขา้ วโพดเลยี้ งสัตว์ ซ่ึง จะมี 3 กลุ่มพืชทางเลอื กเสรมิ ทีจ่ ะน�ำมาปลกู รูปแบบการผลติ ทส่ี ามารถตอบโจทย์ดงั กล่าว รว่ มกับกล้วยน้ำ� วา้ มะลอิ อ่ ง ซ่ึงในแต่ละกลุ่ม ได้ คือการเปลี่ยนมาปลูกกล้วยน้�ำวา้ มะลอิ ่อง พชื ทางเลือกเสรมิ นน้ั สามารถพิจารณาจาก และ/หรือพรอ้ มกับการเลี้ยงไกพ่ ืน้ เมอื งขุน เม่ือ เงื่อนไขความต้องการในดา้ นตัวเลขของรายได้ เกษตรกรตอ้ งการทจ่ี ะสร้างรายได้ในปีท่ี 2 ก็ สทุ ธิ และปรมิ าณพ้นื ท่กี ารผลิตเปน็ หลกั โดย สามารถเลือกลงทุนปลกู พชื ร่วมกับปา่ อยา่ งผกั รายละเอียดกลมุ่ พชื ทางเลอื กเสริม แตล่ ะชนิด หวานปา่ หวาย บุก มะขามเปร้ยี ว (เร่มิ ปลกู ใน ปที ่ี 2 เนื่องจากเกษตรกรยงั มีเงินลงทนุ ไม่เพยี ง สามารถจ�ำแนกได้ ดังนี้ พอในปแี รก) อยา่ งไรกต็ าม รูปแบบการผลติ ใน กล่มุ น้ยี งั สามารถจำ� แนกออกเป็น 2 แนวทาง หลัก พรอ้ มกับทางเลือกรูปแบบการผลิตเสริม อันประกอบดว้ ย 58 เพม่ิ รายไดด้ ้วยวถิ ีเกษตรทางเลอื กใหม่..ทะลุความท้าทายพนื้ ที่กสิกรรมน่าน

- กลมุ่ ปลกู ผักหวานป่าจ�ำนวน 3 ไร่ (ในปี - กลุ่มปลูกผักหวานป่าจำ� นวน 5 ไร่ (ในปี แรก) + มะขามเปรี้ยวจำ� นวน 6 ไร่ (ในปที ี่ 2) แรก) + มะขามเปรีย้ วจ�ำนวน 8 ไร่ (ในปีที่ 2) - ในทางเลอื กนี้จะชว่ ยให้เกษตรกร สามารถ - ในทางเลือกน้ีจะช่วยให้เกษตรกรสามารถสรา้ ง สร้างรายไดส้ ุทธิประมาณ 8.9 หมน่ื บาท ใน รายไดส้ ุทธปิ ระมาณ 1.3 แสนบาท ในปกี าร ปีการผลิตท่ี 2 – 3 และจะมีรายไดเ้ พ่มิ ข้นึ ในปี ผลติ ที่ 2 – 3 และจะมรี ายไดเ้ พิ่มข้ึนในปกี ารผลติ การผลติ ที่ 4 ประมาณ 1.33 แสนบาท ซึ่งเมื่อ ท่ี 4 ประมาณ 1.8 แสนบาท ซ่งึ เมอ่ื เทยี บกบั ราย เทยี บกบั รายได้เดิมจากภาคการเกษตร และ ได้เดิมจากภาคการเกษตร และรายไดท้ ้งั หมด จะ รายไดท้ ง้ั หมด จะพบว่า เกษตรกรมีรายได้สูง พบวา่ เกษตรกรมีรายได้สูงกว่าประมาณร้อยละ กวา่ ประมาณร้อยละ 166 และรอ้ ยละ 33 ตาม 263 และรอ้ ยละ 81 ตามลำ� ดับ ลำ� ดับ - กลุม่ ปลูกหวายจำ� นวน 4 ไร่ (ในปแี รก) - กลุ่มปลกู หวายจำ� นวน 6 ไร่ (ในปีแรก) + + มะขามเปร้ยี วจำ� นวน 6 ไร่ (ในปที ่ี 2) – ใน มะขามเปร้ียวจ�ำนวน 12 ไร่ (ในปที ี่ 2) - ใน ทางเลอื กน้ี จะช่วยให้เกษตรกรสามารถสรา้ ง ทางเลอื กน้ี จะชว่ ยใหเ้ กษตรกรสามารถสรา้ ง รายได้สุทธิประมาณ 1.1 แสนบาท ในปกี าร รายได้สุทธิประมาณ 1.2 แสนบาท ในปกี าร ผลิตที่ 2 – 3 และจะมีรายไดเ้ พ่มิ ขึ้นในปีการ ผลติ ท่ี 2 – 3 และจะมรี ายไดเ้ พม่ิ ข้นึ ในปีการ ผลิตที่ 4 ประมาณ 1.5 แสนบาท ซ่ึงเมอ่ื เทียบ ผลิตท่ี 4 ประมาณ 2 แสนบาท ซ่งึ เมอ่ื เทยี บ กบั รายได้เดมิ จากภาคการเกษตร และรายได้ กับรายได้เดิมจากภาคการเกษตร และรายได้ ทั้งหมด จะพบว่า เกษตรกรมีรายได้สงู กวา่ ทั้งหมด จะพบว่า เกษตรกรมรี ายได้สูงกว่า ประมาณ ร้อยละ 193 และรอ้ ยละ 46 ตาม ประมาณร้อยละ 298 และร้อยละ 99 ตาม ล�ำดบั ล�ำดบั - กลุ่มปลูกบกุ จ�ำนวน 5 ไร่ (ในปแี รก) + มะขามเปร้ยี วจ�ำนวน 5 ไร่ (ในปีที่ 2) – ในทาง เลือกนี้ จะชว่ ยใหเ้ กษตรกรสามารถสรา้ งราย ไดส้ ุทธปิ ระมาณ 8.1 หมื่นบาท ในปกี ารผลิต ท่ี 2 – 3 และจะมีรายไดเ้ พ่ิมขนึ้ ในปีการผลติ ท่ี 4 ประมาณ 1.1 แสนบาท ซง่ึ เมื่อเทยี บกบั ราย ได้เดิมจากภาคการเกษตร และรายไดท้ ั้งหมด จะพบว่า เกษตรกรมีรายไดส้ งู กว่าประมาณ ร้อยละ 125 และร้อยละ 13 ตามล�ำดับ [2] กลมุ่ พึ่งพารายได้ปีแรกจากไกพ่ นื้ เมือง 59 ขุน + กลว้ ยน�ำ้ ว้ามะลอิ ่องจำ� นวน 2 ไร่ - เกษตรกรในกลุ่มนี้ จะสามารถสร้างรายได้ใน ปแี รกประมาณ 6.2 หม่ืนบาท โดยเมือ่ เขา้ สู่ ช่วงปกี ารผลติ ที่ 2 – 4 เกษตรกรยังมีอกี 2 กลมุ่ พชื ทางเลือกเสริมที่สามารถปลูก ร่วมกบั การผลติ ในรปู แบบดังกล่าว ซึ่งในแต่ละกลมุ่ พืชทางเลอื กเสรมิ นั้น สามารถพิจารณาจาก เง่ือนไขความต้องการในด้านตัวเลขของรายได้ สุทธิ และปรมิ าณพน้ื ที่การผลิตเปน็ หลัก โดย รายละเอียดกลุ่มพืชทางเลอื กเสริมแตล่ ะชนิด สามารถจำ� แนกได้ ดงั น้ี เพิม่ รายได้ดว้ ยวิถีเกษตรทางเลือกใหม.่ .ทะลุความท้าทายพนื้ ทีก่ สกิ รรมนา่ น

ตารางท่ี 2-28 ประมาณการรายไดข้ องตัวแบบครวั เรือนท่ี 3 60 เพิม่ รายไดด้ ้วยวถิ ีเกษตรทางเลอื กใหม่..ทะลุความท้าทายพ้นื ที่กสกิ รรมน่าน

แบบอย่าง เ พ่ื อ ก า ร ป รั บ ตั ว แม้ในหวั ข้อทีผ่ ่านมาจะมกี ารนำ� เสนอเนอื้ หา โรด๊ ไอส์แลนดเ์ รด ไก่ประดหู่ างด�ำ นกกระทา สำ� คญั เกยี่ วกับรายละเอยี ดของโซ่อุปทานพืช เป็ดเทศ) และการทำ� ประมง ซ่ึงถือเปน็ กลมุ่ ชนิดต่าง ๆ ทีม่ ปี ระโยชนก์ ับเกษตรกรทก่ี ำ� ลัง สัตว์ ท่สี รา้ งรายได้หลกั ให้กับฟาร์มมากที่สุด มองหาการปรับเปล่ียน วถิ กี ารผลติ รปู แบบใหม่ (โดยเฉพาะการเพาะพนั ธุ์ และจำ� หน่ายลกู กบ) อย่างไรก็ตาม คงไม่อาจปฏิเสธไดว้ า่ การผลติ นอกจากนี้ ภรู ทิ ัศน์ฟารม์ ยังสรา้ งระบบจดั การ ทางการเกษตร ถือเปน็ การลงทนุ ชนดิ หน่ึงทม่ี ี ฟาร์มท่ีมีประสิทธภิ าพ ไม่ว่าจะเป็นทัง้ ในด้านการ ความเสี่ยงสงู จากสภาพดินฟา้ อากาศและการ สร้างระบบการใชน้ ้�ำอย่างคมุ้ ค่า รวมทงั้ การจัด แปรปรวนทางการตลาด ดังน้นั การเรียนรู้ใน ทำ� บญั ชฟี ารม์ เพื่อการวิเคราะห์ และปรับปรงุ มติ ขิ องข้อควรปฏบิ ตั ิ ขอ้ พึงระวงั ตลอดจน แผนการผลติ ในอนาคต ดว้ ยจดุ เด่นหลาย จิตวิทยาการลงทนุ ทอี่ ยูเ่ บอื้ งหลังกระบวนการ ประการ ทำ� ใหภ้ รู ทิ ศั นฟ์ ารม์ กลายเปน็ หนง่ึ ใน ผลติ จงึ เปน็ ส่ิงจำ� เป็นที่จะชว่ ยใหเ้ กษตรกรลด ศนู ยเ์ รยี นรสู้ �ำคัญท่มี ผี ู้ใหค้ วามสนใจเขา้ มาเยยี่ ม ความเส่ยี งได้เปน็ อยา่ งมาก โดยเฉพาะการศึกษา เยอื นจากทั้งใน และตา่ งจงั หวดั อย่างสม�ำ่ เสมอ ในดา้ นขอ้ ผิดพลาด ตลอดจนแนวคดิ เบอ้ื งหลงั และยงั เป็นพื้นที่ตวั อยา่ ง การสร้างอาชพี ใหก้ ับ ที่สง่ ผลให้การผลติ สามารถกา้ วไปสูจ่ ุดสำ� เร็จ คนรุ่นใหม่ในบ้านเกิด โดยไมจ่ �ำเป็นตอ้ งแสวงหา จากผูท้ ่มี ปี ระสบการณ์ ซึง่ ถือเปน็ ส่วนสำ� คญั ที่ งานในพื้นท่ที ห่ี า่ งไกลอกี ดว้ ย อยา่ งไรกต็ าม ชว่ ยเติมเตม็ และเสรมิ สรา้ งภมู ิคมุ้ กันทางความ ภาพความสำ� เรจ็ ของภูริทศั น์ฟารม์ ทีป่ รากฏ คดิ และจติ ใจของเกษตรกรไดเ้ ปน็ อย่างดี ดงั ในปจั จุบนั ไม่ไดถ้ ูกสร้างขน้ึ มาเพยี งชัว่ ขา้ มคืน นนั้ ในสว่ นถดั ไปจะม่งุ เนน้ การน�ำเสนอตัวอย่าง เท่าน้นั จุดเริ่มต้นของฟาร์มแห่งน้ีเกดิ ขึ้นมา เบอื้ งหลงั ความคิด และปัจจยั ท่ที ำ� ใหศ้ ูนยเ์ รยี นรู้ ด้วยความมุ่งมน่ั ตัง้ ใจของเจ้าของฟารม์ บวก และวสิ าหกจิ ชมุ ชนในจงั หวัดนา่ นจำ� นวน 3 แหง่ กบั ตน้ ทุนท่ีไม่สงู มากนัก กว่าทีฟ่ าร์มจะมีความ ไดแ้ ก่ ภรู ิทัศน์ฟารม์ วนเกษตรวดั โป่งคำ� และ มัน่ คงได้ ก็ต้องผา่ นความทา้ ทา้ ยต่าง ๆ อย่าง บ้านใหม่สองแคว ประสบความส�ำเรจ็ ซ่งึ ในแตล่ ะ มากมาย ฉะน้ัน ในหวั ขอ้ นี้จะเปน็ การย้อนรอย แห่งจะมีปัญหาและแนวทางแก้ไขท่ีมีรายละเอยี ด เพือ่ เผยให้เหน็ เร่อื งราว พัฒนาการ และแนวคดิ แตกตา่ งกนั ออกไป ดังนด้ี บั เบ้ืองหลัง ทท่ี ำ� ใหภ้ รู ทิ ัศนฟ์ าร์มประสบความ สำ� เร็จไดด้ งั ทเ่ี ปน็ อยู่ในปัจจุบนั เพอื่ สรา้ งแรง 3.1 ภรู ทิ ศั น์ฟาร์ม: สวนเกษตรผสมผสาน บนั ดาลใจให้กบั เกษตรกรท่ีมคี วามสนใจ ในการ เพอ่ื แนวคิดการพฒั นาบ้านเกิด ปรบั เปลีย่ นรปู แบบการผลติ ทางเลือกใหม่ ใน อนาคต ภูริทัศนฟ์ าร์มเปน็ สวนเกษตรปลอดภัยแบบ ผสมผสานอีกแห่งหนง่ึ ท่ตี ั้งอยูบ่ นพ้ืนทีข่ นาด 1 3.1.1 เรยี นรูจ้ ากความผิดพลาดเพอื่ ไร่ 3 งาน ในบรเิ วณอ�ำเภอบ้านหลวง จังหวัด การเติบโต นา่ น โดยมรี ูปแบบการผลติ ผสมผสานท่หี ลาก จุดเริม่ ต้นอาชีพเกษตรกรของภูริทัศน์ พอใจ หลาย อาทิ การปลกู พชื ผกั สวนครวั ชนดิ ต่าง ๆ หรอื เจ้าของภูริทัศน์ฟาร์มในปจั จุบันนัน้ อาจ การเลยี้ งสตั วป์ กี (อาทิ ไกไ่ ข่สายพันธ์ุ ตอ้ งย้อนไปถึงชว่ งวยั เด็ก ทีค่ รงั้ หนึ่งได้มี 61เพิม่ รายไดด้ ว้ ยวถิ เี กษตรทางเลือกใหม่..ทะลุความทา้ ทายพื้นท่กี สิกรรมนา่ น

โอกาสไปเยี่ยมชมฟาร์มกบของเพื่อนพ่อ ซ่ึง ขาดทนุ และหมดหนทางในการแก้ปญั หาใน สามารถสร้างรายได้นบั แสนบาทตอ่ ปี แม้ คร้งั นี้ ไดส้ ่งผลให้ภูรทิ ศั น์ลม้ เลิกการเพาะพันธุ์ การเย่ียมชมฟารม์ กบคร้ังนัน้ จะสามารถจุด กบชั่วคราวเปน็ ระยะเวลาประมาณ 1 ปี กว่าท่ี ประกายความชอบในการเปน็ เกษตรกร แตก่ ็ จะเร่มิ กลับมาท�ำฟาร์มกบอย่างจริงจังอกี ครั้ง ปฏิเสธไมไ่ ดว้ า่ ความรู้ในการท�ำเกษตรของ ภรู ิทศั นน์ ัน้ ยงั อยู่ในระดับที่ต�่ำมาก ดังน้ัน อย่างไรกต็ าม จากความลม้ เหลวการเพาะ ด้วยความชอบในการเลย้ี งกบได้ท�ำให้ภูรทิ ศั น์ พนั ธก์ุ บในครง้ั นนั้ ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคที่ เรม่ิ ศึกษาคน้ ควา้ แนวทางการเพาะพันธุ์กบ บนั่ ทอนก�ำลังใจของการเปน็ เกษตรกร แต่ ครั้งแรกจากอนิ เตอรเ์ นต็ และเรม่ิ ทดลองผสม อย่างใด ในทางตรงกันข้าม ภรู ทิ ศั นก์ ลบั เพม่ิ พันธก์ุ บในภาคปฏิบัติ ดว้ ยการสร้างสภาวะ ความพยายามทจ่ี ะเรยี นรู้ ในการเพาะพนั ธุ์ จ�ำลองทเ่ี อือ้ ใหก้ บ สามารถผสมพันธุก์ ัน สตั วน์ ำ้� ชนิดอืน่ ๆ ให้มากขน้ึ แมจ้ ะมกี าร ได้ กล่าวคอื ภูรทิ ศั น์ได้น�ำกบจ�ำนวน 4 ตวั ศกึ ษาขอ้ มูลของการเพาะพนั ธ์ปุ ลาดกุ ซงึ่ (ตวั ผู้ 2 ตัว ตวั เมยี 2 ตวั ) ไปอยู่ในสถานท่ี ภรู ทิ ศั น์มองวา่ เปน็ ปลาเศรษฐกจิ และผู้คน ทม่ี กี ารฉีดละอองน�ำ้ ฝอยจากสายยางพรอ้ ม นยิ มบริโภคจนกระทงั่ สามารถลงทนุ และ กับใชแ้ สงแฟลชจากกลอ้ งถ่ายรูป เพ่ือจำ� ลอง ลงแรงในการเพาะพันธ์ุ จนส�ำเรจ็ ตามที่ตง้ั ใจ บรรยากาศแสงฟ้าผ่า แม้ภรู ทิ ศั น์คาดหวังวา่ ไว้กต็ าม แตท่ า้ ยท่สี ดุ ก็มักจะลงเอยด้วยความ กบ จะสามารถผสมพนั ธุ์ภายใตส้ ภาวะจำ� ลอง ผดิ หวงั แบบเหนอื ความคาดหมายอยเู่ สมอ แต่ผลทไี่ ดก้ ลับไมป่ ระสบผลสำ� เรจ็ เม่ือแม่ เมอื่ นกกระยางบินเข้ามาขโมยกนิ ลกู ปลาดกุ พันธุย์ งั ไม่มีความพร้อม (ไข่ยังไมแ่ ก่) แม้ใน จนหมดบอ่ ซง่ึ ในจดุ นไ้ี ด้ทำ� ใหภ้ รู ทิ ัศน์ตระหนกั เวลาตอ่ มา ภูริทศั นจ์ ะไดท้ �ำการทดลองหลาย ว่าปัญหาดงั กลา่ วคือ เรื่องของธรรมชาติที่ ต่อหลายครัง้ จนประสบผลส�ำเรจ็ ในการผสม ตอ้ งหาแนวทางปรับตวั เพื่อแกป้ ญั หาต่อไป พันธ์ุกบจนไดล้ กู อ๊อดแล้วก็ตาม แตค่ วามผดิ ในอนาคต พลาดคร้ังทสี่ องก็ได้เกิดซ้�ำรอยอีกครงั้ เมอื่ แม้ดเู หมอื นวา่ การเรยี นรู้ การทดลอง และ ลกู ออ๊ ดส่วนใหญ่กัดกินกนั เองในบอ่ เพาะพนั ธ์ุ ลงท้ายดว้ ยความผดิ หวัง แบบครัง้ แล้วครั้ง ขนาดเล็ก ซึง่ ทำ� ให้มีลูกอ๊อดเพียงจ�ำนวนหนง่ึ เลา่ จะเข้ามาท้าทายสภาพจิตใจ ให้ลม้ เลกิ การ เทา่ นน้ั ทม่ี ชี ีวติ รอด ซ่ึงภายหลงั ภรู ทิ ัศน์ไดแ้ ก้ เป็นเกษตรกรก็ตาม แตส่ ำ� หรับภูรทิ ศั น์แลว้ ปัญหาในจดุ ดังกล่าว โดยการลงทุนขยาย ความล้มเหลวเหลา่ น้ี กลบั กลายเป็นแรงผลัก บอ่ เพาะพนั ธุ์ให้มีขนาดใหญข่ ้ึน ดว้ ยการแก้ ดนั ท่ชี ่วยใหเ้ กดิ การเรยี นร้ทู กั ษะในการแก้ไข ปัญหาในคร้งั นี้ ท�ำใหภ้ รู ทิ ศั น์มีรายได้ครง้ั แรก ปญั หาเพิม่ ขึ้น และสามารถเติบโตไดอ้ ย่างตอ่ จากการเล้ยี งกบจำ� นวน 1 หมน่ื บาท ในขณะ เน่ือง ทั้งน้ี จากการเว้นว่างในการเพาะพันธุ์ ทยี่ ังอยู่ในวัยมัธยมศึกษาตอนปลาย แม้จะมี กบ เปน็ ระยะเวลาชัว่ คราว ท�ำให้ภูริทศั น์กลบั ปญั หาการเพาะพนั ธุ์กบในรปู แบบตา่ ง ๆ ท่ีเขา้ มาต้ังหลัก และคน้ หาแนวทางการแกป้ ัญหา มาทดสอบกำ� ลังใจอยู่บ่อยครัง้ แต่ก็ไม่มีความ โดยการสะสมองค์ความรู้ ดา้ นการเพาะพันธ์ุ ทา้ ทายใด ท่มี คี วามหนกั หน่วงเท่ากบั ปัญหา กบเพ่มิ ขน้ึ จนกระทั่งภูริทัศนส์ ามารถคน้ หา เรื่องโรคระบาด ทเ่ี ป็นโรคตดิ เชื้อแบคทีเรียใน วิธกี ารแกป้ ัญหาโรคระบาดของลูกอ๊อดได้ ใน ระยะลกู ออ๊ ด ซง่ึ ทำ� ให้ลกู ออ๊ ดตายเป็นจ�ำนวน ทา้ ยท่ีสุด โดยภรู ทิ ศั นค์ น้ พบวา่ ปัจจยั ส�ำคัญ มาก และยังส่งผลใหภ้ รู ิทศั น์เริ่มมีการขาดทนุ ที่จะช่วยแก้ปญั หาได้น้นั ข้นึ อยกู่ ับการรักษา แมภ้ ูรทิ ศั นจ์ ะแก้ปญั หา ดว้ ยการคน้ หาขอ้ มูล ความสะอาดของบ่อ และมีการใสเ่ กลอื แกงใน จากอินเตอร์เนต็ อยา่ งทีเ่ คยทำ� เปน็ ประจำ� แต่ บอ่ เพอื่ ให้ลูกออ๊ ด แข็งแรง ดว้ ยความอดทน ผลลพั ธ์ท่ไี ด้ในคร้งั น้ี กลับแตกต่างออกไป ในการคน้ หาแนวทางการแก้ไขปญั หาดงั กลา่ ว จากเดมิ เนอ่ื งจากไมม่ วี ธิ ีการทเ่ี หมาะสมใน จึงท�ำใหภ้ ูริทศั นก์ ลบั มามรี ายได้ จากการเพาะ การแก้ไขปญั หาดังกล่าวได้เลย จากการ พนั ธ์ุกบอกี ครัง้ หนึ่ง 62 เพม่ิ รายไดด้ ้วยวถิ ีเกษตรทางเลือกใหม.่ .ทะลุความท้าทายพนื้ ทีก่ สิกรรมนา่ น

ภูริทัศนถ์ อื เปน็ กรณตี วั อย่างสำ� คญั ที่ บนทีด่ นิ มรดกตกทอดจากรุน่ ทวด แมเ้ งนิ เกบ็ แสดงให้เหน็ วา่ แม้เกษตรกรจะมีองคค์ วาม ของภูรทิ ัศน์ จะหมดไปกับการปรบั ทีด่ ินและ รู้ในการผลติ มากเท่าใด แตก่ ็อาจพบเจอกับ ขุดสระ ซึง่ ถอื เป็นเพยี งหนึ่งในข้ันตอนของ ปญั หาทไ่ี มค่ าดคิด และอยเู่ หนือการควบคมุ ได้ การพัฒนาฟาร์มเทา่ น้นั แต่ดว้ ยแรงสนับสนุน เสมอ ดังนนั้ ความพยายามในการสะสมองค์ สำ� คัญจากคนรอบข้าง จึงทำ� ให้กระบวนการ ความรู้อยา่ งตอ่ เนือ่ ง และการมีสภาพจิตใจท่ี พัฒนาฟารม์ สามารถด�ำเนนิ การไดอ้ ยา่ งตอ่ เข้มแขง็ ไมย่ อ่ ท้อตอ่ อปุ สรรคตา่ ง ๆ ท่ีเข้ามา เนือ่ ง ดว้ ยการทำ� งานรว่ มกบั คุณปู่ ซึ่งเป็นผมู้ ี ทดสอบอยเู่ ปน็ ประจ�ำ คอื เปน็ กญุ แจส�ำคัญท่ี ประสบการณ์ ได้ทำ� ใหภ้ ูริทศั นค์ น้ พบทางออก จะชว่ ยให้เกษตรกรเกดิ การเรียนรู้ และพัฒนา ส�ำหรับการสร้างที่พกั ในฟารม์ ดว้ ยการใช้ จนสามารถประสบความสำ� เรจ็ โดยเฉพาะการ วสั ดจุ ากธรรมชาติที่หาได้งา่ ย และมคี ่าใชจ้ า่ ย ทำ� เกษตรรปู แบบใหม่ ทไี่ มเ่ คยมปี ระสบการณ์ เพียง 60 บาทเทา่ นน้ั อย่างไรกต็ าม ด้วย มากอ่ น ความมุ่งมน่ั ตงั้ ใจท่แี นว่ แน่ ของการสรา้ งฟาร์ม กบ ทำ� ให้คุณปู่ที่มคี วามเชอ่ื ม่นั ในตวั หลาน ได้ 3.1.2 พฒั นาระบบฟารม์ จากจดุ เลก็ สนบั สนนุ เงินจ�ำนวน 4 หม่ืนบาท เพ่อื สร้าง ไปสูจ่ ุดใหญ่ ทพี่ กั แบบถาวรในภายหลงั ท้ังนี้ แมจ้ ะมกี าร ขุดสระ การปรับทดี่ ิน และการสร้างที่พกั แบบ ภายหลงั จากการจดั การปญั หาเรอ่ื งการ ถาวรอย่างเปน็ ทเ่ี รยี บร้อยแล้ว แต่ยังขาดบอ่ เพาะพันธุก์ บทคี่ งตัว และเพ่ือสานฝันการ เลี้ยงกบที่มีโครงสร้างมาตรฐาน ซึง่ ต้องใช้ เปน็ เจา้ ของฟาร์มกบไปในเวลาเดยี วกัน ภูริ เงินจ�ำนวนมากในการกอ่ สร้าง อยา่ งไรกต็ าม ทัศน์ไดเ้ ริม่ สร้าง และพัฒนาระบบฟารม์ ใหม้ ี จากการคน้ คว้าหา ข้อมูลอยา่ งท่ีเคยท�ำเป็น ประสทิ ธภิ าพ เพือ่ รองรับผลผลติ ที่มจี ำ� นวน ประจำ� ได้ ทำ� ใหภ้ ูรทิ ศั น์ค้นพบทางออกอกี คร้งั และคุณภาพที่มากข้ึนในอนาคต ทง้ั น้ี การ ด้วยการสรา้ งบ่อเลี้ยงกบ จากตน้ ทุนเพียง พัฒนาระบบฟาร์มของภรู ิทศั น์ ไมไ่ ด้เรมิ่ จาก หลักพนั ผา่ นการเยบ็ กระชงั บก เพอ่ื เปน็ บอ่ การลงทนุ ด้วยเงนิ จำ� นวนมากในครง้ั แรก แต่ เล้ยี งกบชว่ั คราว ซึง่ ชว่ ยประหยดั คา่ ใช้จ่าย ใน เรมิ่ ด้วยเงินเก็บจำ� นวน 1.8 หมน่ื บาท เพ่ือใช้ การลงทนุ ดา้ นการผลติ เปน็ จำ� นวนมาก ในการขดุ สระน�้ำ เพอ่ื เลี้ยงปลาแบบข้ันบันได และปรบั ท่ดี นิ ของฟาร์ม เพื่อสร้างบ่อเลีย้ งกบ ภาพท่ี 3-1 สระนำ้� เลี้ยงปลาขนั้ บันได 63 ทีม่ า: คมู่ ือ ภรู ทิ ัศนฟ์ ารม์ (2562) เพิม่ รายไดด้ ้วยวิถีเกษตรทางเลอื กใหม.่ .ทะลุความท้าทายพ้นื ท่ีกสกิ รรมน่าน

ภาพที่ 3-2 ที่พกั แบบประหยดั (ชวั่ คราว) ในภรู ทิ ัศนฟ์ ารม์ ทีม่ า: คู่มอื ภรู ิทัศน์ฟารม์ (2562) ภาพท่ี 3-3 เงินปนั ผลจากผลประกอบการ ผลประกอบการท่ไี ดร้ บั ในชว่ งระยะเวลาเพยี ง เพาะพนั ธกุ์ บ พ.ศ. 2562 1 ปี หลังจากการเพาะพนั ธกุ์ บของภูรทิ ศั น์ ที่มา: คู่มือ ภรู ิทศั นฟ์ ารม์ (2562) ถอื วา่ อยู่ในระดับที่น่าพอใจอย่างมาก ภรู ทิ ศั น์ ฟาร์มเรมิ่ มีชื่อเสยี งมากขนึ้ โดยสงั เกตจาก จ�ำนวนลูกค้าท้ังในพ้ืนท่ี และตา่ งจังหวดั ทเี่ ข้า มาตดิ ต่อซอ้ื ลูกกบอย่างต่อเน่อื ง แม้ดูเหมอื น ว่าสถานการณ์ทกุ อยา่ งจะดำ� เนนิ ไปอย่างราบ รืน่ แตด่ ว้ ยข้อจำ� กัดของฟารม์ ในระยะแรกท่มี ี ขนาดก�ำลังการผลติ นอ้ ยไดท้ �ำใหภ้ ูริทัศน์กลบั เร่มิ ตระหนักถึงปญั หาส�ำคัญ ท่อี าจเกิดขึน้ ใน อนาคตอนั ใกล้ ด้วยความใฝร่ ู้ในการหาขอ้ มูล หลากหลายด้าน โดยเฉพาะดา้ นการลงทุนได้ ทำ� ให้ภรู ทิ ัศน์ตัดสนิ ใจระดมทุน ผ่านการเปิด โอกาสให้ผู้สนใจรว่ มลงทุน เปน็ ห้นุ ส่วนกบั ภูริ ทัศน์ฟารม์ บนเฟซบ๊กุ ซง่ึ ผลจากการขายหุ้น ของภรู ิทัศนฟ์ ารม์ ถอื วา่ มเี สียงตอบรับอยู่ ในระดับทด่ี ีมาก โดยสามารถขายหุ้นท้งั หมด จ�ำนวน 100 หุ้น ในราคาหุ้นละ 500 บาท ภายในระยะเวลาเพยี งชว่ งขา้ มคืนเทา่ น้ัน ดว้ ยทักษะในการเพาะพนั ธก์ุ บท่ีสั่งสมมาเป็นระยะเวลานานกวา่ 5 – 6 ปี ถือเป็นอีกหน่ึง ปจั จัยส�ำคัญ ทชี่ ่วยให้ผลประกอบการของภรู ิทัศนฟ์ าร์มหลงั จากการระดมทุนในช่วงหนง่ึ ปถี ัด มาถือว่าอยู่ในระดับทดี่ ี อกี ทงั้ ยังสามารถแบ่งผลกำ� ไรในรูปของเงนิ ปนั ผลให้กบั ผถู้ อื หนุ้ ในอัตรา รอ้ ยละ 7.42/ปี อีกด้วย โดยหุน้ ส่วนท่มี ีความประสงคท์ ่จี ะถือหุ้นต่อกจ็ ะมีการนำ� เงินไปลงทุนกับ ฟาร์มตอ่ ไป ซึง่ ในภายหลังเงนิ ลงทุน และเงนิ เก็บของภรู ทิ ัศน์ในส่วนนี้ สามารถแก้ไขปญั หากำ� ลัง การผลิตได้โดยการสรา้ งบ่อเลยี้ งกบทม่ี ีมาตรฐานเพิ่มข้ึนจำ� นวน 11 บอ่ โดยเปน็ โครงสรา้ งพน้ื ฐานส�ำคญั ทชี่ ่วยสรา้ งรายไดห้ ลักใหก้ ับภูริทศั นฟ์ าร์มจนถงึ ปจั จบุ ัน 64 เพม่ิ รายไดด้ ว้ ยวถิ ีเกษตรทางเลือกใหม่..ทะลุความทา้ ทายพืน้ ทกี่ สกิ รรมนา่ น

3.1.3 สร้างฐานความรทู้ ี่หลากหลาย เพอ่ื ความม่นั คงของฟาร์ม นอกเหนอื จากความสามารถในการเพาะ พันธ์กุ บแล้ว ภูริทัศน์ยังถอื เปน็ แบบอยา่ งของ เกษตรกร ที่ชื่นชอบในการแสวงหาความรทู้ ี่ หลากหลาย โดยไม่ยดึ ตดิ ว่าจะตอ้ งเป็นความ รเู้ ฉพาะดา้ นการเกษตรเสมอไป ซง่ึ ข้อดีในจดุ นีท้ ำ� ใหภ้ ูรทิ ัศน์ สามารถประยุกต์ใช้ความรู้ ท้ังหมดในการบรหิ ารจัดการฟาร์มได้อย่าง ลงตัว และมีประสิทธภิ าพ หน่งึ ในตวั อย่างของ ความรู้ด้านการบรหิ ารจดั การฟาร์ม โดยใช้ ธรรมชาตเิ ข้ามาชว่ ยทนุ่ แรงในการก�ำจดั วชั พชื จะเหน็ ไดจ้ ากการปลูกถัว่ บราซลิ ซึง่ เป็นพชื คลุมดนิ ชนดิ หนึ่ง เม่อื ถัว่ ได้ถกู ปลูกจนเต็ม พน้ื ท่ี ซงึ่ นอกจากจะท�ำให้ หญ้าไม่สามารถ ภาพท่ี 3-4 ถั่วบราซลิ ท่ปี กคลุมในบริเวณ งอกได้แล้ว ก็ยงั ช่วยสร้างภูมทิ ัศน์ทสี่ วยงาม พื้นที่ดนิ ภรู ทิ ศั นฟ์ าร์ม ให้กับฟารม์ ไดเ้ ป็นอย่างดีเช่นกัน หรือใน ท่มี า: ค่มู ือ ภรู ิทศั นฟ์ าร์ม (2562) ตัวอยา่ ง ของการผลิตน�ำ้ หมักชีวภาพ อเนกประสงคท์ ่ีนอกจากใชส้ ำ� หรบั การย่อยสลายเศษวัสดอุ นิ ทรยี ์ เพือ่ ท�ำปยุ๋ หมักแลว้ ยงั สามารถ ใชบ้ ำ� บดั น�้ำ ในบอ่ เลีย้ งลูกอ๊อด และบ่อเล้ยี งปลาดกุ รวมทัง้ ช่วยเสริมประสทิ ธภิ าพของระบบ ย่อยอาหาร การขบั ถา่ ยของไก่ และลดกลน่ิ ของมูลไก่ได้อีกดว้ ย นอกจากน้ี ภรู ทิ ัศนย์ ังมกี ารนำ� ความร้ดู ้านการลงทุนเข้ามาปรบั ใช้ในการบริหารจดั การฟาร์มด้วย โดยจะเหน็ ได้จากตัวอยา่ งราย ละเอยี ดของการน�ำฟาร์มเขา้ สรู่ ะบบการซอื้ ขายหุน้ เพื่อหาทนุ เสรมิ สำ� หรบั การขยายฟารม์ หรอื กระทงั่ ตัวอย่างของการแบง่ พืน้ ทฟี่ าร์ม เพ่อื ปลกู ไม้ปา่ เศรษฐกจิ ตา่ ง ๆ อาทิ ตน้ ตะเคียน สะเดา พยุง มะคา่ โมง ซึ่งถือเป็นอีกรูปแบบหนงึ่ ของการลงทุน เพื่อสร้างผลก�ำไรจากการขายไม้ใน อนาคตอีกประมาณ 20 ปีข้างหนา้ 3.1.4 ถอดรหสั ความส�ำเรจ็ ของภรู ทิ ศั น์ฟารม์ เร่อื งราวของภรู ิทัศน์ ถอื เปน็ ตัวอยา่ งทป่ี ระจักษ์ชดั วา่ กว่าท่ีฟารม์ จะสามารถเตบิ โตและประสบ ความสำ� เรจ็ ได้อยา่ งท่ีเหน็ ในปัจจบุ นั จะต้องฝา่ ฟนั อปุ สรรคทไ่ี ด้เขา้ มาทดสอบสภาพจติ ใจ และ ความสามารถเปน็ อยา่ งมาก การทเี่ กษตรกรจะสามารถผ่านดา่ นความทา้ ทายตา่ งๆ ได้ จ�ำเป็นที่จะ ต้องเรยี นรูค้ ณุ ลักษณะบางอยา่ ง ที่มากกวา่ การเป็นเพยี งผ้ผู ลิตธรรมดาเพียงอย่างเดยี ว ฉะนั้น การเรยี นรูเ้ ปน็ ปัจจยั ส�ำคัญ ทส่ี ง่ เสรมิ ใหภ้ รู ิทัศน์ สามารถประสบความส�ำเร็จ และนำ� ไปปรบั ใชก้ ับ อาชีพเกษตรกรรม รวมทัง้ สามารถตอ่ ยอดศักยภาพของตัวเกษตรกรไดม้ ากขึน้ โดยบทเรยี น คณุ ลกั ษณะ และปัจจัยสนบั สนนุ ต่าง ๆ อาจสามารถจ�ำแนก และมรี ายละเอยี ด ดงั นี้ 65เพม่ิ รายได้ด้วยวถิ ีเกษตรทางเลือกใหม่..ทะลคุ วามท้าทายพนื้ ทก่ี สกิ รรมนา่ น

ความมุ่งม่นั และความไมย่ ่อทอ้ ต่ออุปสรรค การเพาะพันธ์ุปลาดกุ จากคณุ แม่ หรอื กระทงั่ – ภรู ทิ ศั นถ์ อื เปน็ บุคคลทม่ี ีความม่งุ มน่ั สงู ใน การสนับสนุนดา้ นงบประมาณ ในการสรา้ ง การกา้ วเข้าส่หู นทางของการเป็นเกษตรกร ทพ่ี กั จากคณุ ปขู่ องภรู ทิ ัศน์ เปน็ ตน้ ต้งั แต่วัยเดก็ แม้ในช่วงระยะเริ่มต้นจะมคี วาม ท้าทายในด้านต่าง ๆ ท่ถี าโถมเข้ามาอย่างตอ่ การคนื ประโยชนก์ ลับสสู่ งั คม – แมก้ าร เน่ือง แตภ่ ูริทัศน์มกั เลอื กเผชญิ กบั ปญั หา สรา้ งภูรทิ ศั น์ฟาร์มจะมจี ุดมุง่ หมาย เพื่อเติม โดยตรง และพยายามคน้ หาแนวทางแก้ไข แม้ เตม็ ความฝนั สว่ นตวั ก็ตาม แต่ภรู ทิ ศั นก์ ็ไม่ ในบางครั้ง จะมปี ัญหาบางอย่างที่เกนิ ขีดความ ลืมที่จะแบ่งปนั ผลประโยชน์ทเี่ กดิ ขึ้น จากการ สามารถในการจัดการ (เชน่ ปัญหาโรคระบาดใน สร้างฟาร์มกลับส่สู ังคม ทง้ั ในรปู แบบของการ ลกู ออ๊ ด) แต่ทา้ ยที่สุดภูรทิ ศั น์ก็สามารถกลับลุก แบง่ ปนั ผลผลิตทางการเกษตร ให้กบั คนใน ขน้ึ มา เพอ่ื ค้นหาทางออกไดอ้ ยูเ่ สมอ ซ่ึงผลทีไ่ ด้ ชุมชนเพ่อื บรโิ ภค และผลผลิตในด้านขององค์ จากการสะสมประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหา ความรู้ เพ่อื สรา้ งอาชีพให้กับผทู้ ่สี นใจท่วั ไป ถือเป็นกญุ แจสำ� คัญ ในการท�ำเกษตรอยา่ งมี โดยเฉพาะคนร่นุ ใหม่ในท้องถิ่น โดยไม่จำ� เปน็ ประสิทธิภาพ และยง่ั ยนื ในอนาคต ต้องเดนิ ทางออกจากชุมชน เพอื่ ไปหาอาชีพ ในท่หี า่ งไกล การมุ่งแสวงหาความรู้ใหม่ – ดว้ ย คุณลักษณะนสิ ัยความกระตือรือรน้ ในการ 3.2 วนเกษตรวัดโปง่ ค�ำ: บทบาทส�ำคัญ เสาะแสวงหาความรู้ใหม่ ๆ ด้วยตนเองโดย ของความเป็นผนู้ ำ� ในการน�ำพาชมุ ชนไปสู่ ไม่ยึดติดกบั องคค์ วามรู้ เพียงด้านใดดา้ น ความส�ำเร็จ หน่ึงเพียงอย่างเดียว (อาทิ ความร้ดู า้ นการ ผลิต ความรดู้ า้ นการลงทนุ ฯลฯ) ทำ� ใหภ้ รู ิ วดั โป่งค�ำในต�ำบลดู่พงษ์ อ�ำเภอสนั ติสุข ทัศน์ สามารถประยกุ ต์ใช้ความรู้ในสาขาตา่ ง ๆ จงั หวัดน่าน ที่นอกจากจะมีความสำ� คัญใน เพือ่ แก้ไขปญั หาด้านการผลิต รวมถึงใช้ใน ดา้ นของการเป็นศาสนสถานของชมุ ชนแล้ว ยงั การพฒั นาระบบบริหารจัดการฟาร์ม ให้เกดิ มบี ทบาทในการเป็นพื้นท่ี ทม่ี คี วามส�ำคญั ตอ่ ประสิทธภิ าพ และมคี วามยืดหยุน่ อยเู่ สมอ ชุมชนหลายประการ โดยเฉพาะการทำ� หนา้ ท่ี เป็นศูนยก์ ลาง การสง่ ออกผลผลิตเกษตร แรงสนับสนุนจากบุคคลรอบขา้ งคือส่ิง ปลอดภยั ไปสู่ตลาด อกี ทงั้ ยังเปน็ พ้นื ที่ทีช่ ่วย ส�ำคัญ - แมภ้ รู ทิ ศั น์จะมที กั ษะส�ำคญั ในด้าน ปลกู ฝังแนวคิดหลักธรรมตา่ ง ๆ ผสานควบคู่ ตา่ ง ๆ ทีค่ อยสนบั สนนุ ให้การสร้างฟาร์ม ไปกบั กระบวนการผลิต อาทิ ปรชั ญาเศรษฐกจิ ประสบความสำ� เรจ็ แต่ในด้านหนึ่งก็ไมอ่ าจ พอเพียง หลักธรรมในพทุ ธศาสนา ฯลฯ โดย ปฏเิ สธไดว้ า่ ปัจจัยสำ� คัญอีกประการทีผ่ ลกั หลกั การผลิตนถ้ี ูกเรียกว่า “แนวคดิ เกษตร ดันใหภ้ ูริทศั น์ฟารม์ สามารถก้าวสจู่ ุดสูงสดุ บนฐานธรรม” ผลท่ีได้รบั จากการประยุกต์ใช้ อยา่ งที่เปน็ อยู่ในปจั จบุ ันนัน้ คอื การได้รบั การ แนวคดิ ดงั กล่าว ไดช้ ว่ ยปรับเปล่ียนรปู แบบการ สนบั สนุนจากบุคคลรอบข้างเสมอมา โดย ผลติ ทมี่ ุง่ เนน้ การปลูกพืชในเชิงเศรษฐกจิ ไป เฉพาะในช่วงทภี่ รู ทิ ัศน์ ยงั ไมม่ คี วามพรอ้ มใน สรู่ ปู แบบการผลิต ทเี่ น้นการพัฒนาคุณภาพ เรือ่ งเงินลงทุน เพือ่ เตมิ เตม็ ความฝนั ของการ ชีวติ ของเกษตรกร ควบคกู่ ับการอนุรักษ์ สร้างฟารม์ กบดว้ ยตนเอง แรงสนับสนนุ ท่เี กดิ ทรัพยากรธรรมชาตขิ องชุมชน ให้มคี วามอุดม ขน้ึ ในหลายช่วงเวลาส�ำคญั สามารถเหน็ ได้ สมบูรณ์ไดอ้ ยา่ งลงตัว อย่างไรก็ตาม กจิ การ จากตวั อย่างของการสนบั สนนุ ค่าใช้จ่าย ตา่ ง ๆ เหล่าน้ี คงไม่อาจประสบผลสำ� เร็จหาก ปราศจากผ้นู �ำที่มวี ิสยั ทัศนอ์ ย่าง พระอาจารย์ สจุ ิณนนั ทกิจ (พระอาจารยส์ มคิด จรณธมฺ โม) ซ่งึ เปน็ ผทู้ ่ีมีบทบาทสำ� คัญอยเู่ บื้องหลงั 66 เพมิ่ รายไดด้ ้วยวถิ เี กษตรทางเลอื กใหม.่ .ทะลคุ วามท้าทายพน้ื ที่กสกิ รรมนา่ น

ทงั้ นี้ ชว่ งเวลาก่อนทวี่ นเกษตรวดั โปง่ ค�ำจะ ภาพที่ 3-5 พระอาจารย์สจุ ณิ นันทกจิ (พระ ประสบความส�ำเรจ็ อย่างทีเ่ ห็น ดังปัจจบุ นั อาจารย์สมคิด จรณธฺมโม) อาจตอ้ งยอ้ นกลับไปเมอ่ื พ.ศ. 2535 ซึง่ ทีม่ า: เฟซบุ๊กมูลนธิ ิสง่ เสรมิ การเรยี นรูช้ ุมชนวัด เป็นช่วงเวลาท่เี กษตรกรส่วนใหญ่ ยงั นยิ ม โปง่ คำ� Pongkum (2562) ปลกู ขา้ วโพดเลย้ี งสตั ว์ เนื่องจากสามารถทำ� (พนั ธ์ุไขเ่ น่า) ที่ถือเป็นพชื โดดเด่นอกี ชนิดหนึ่ง กำ� ไรได้เป็นจ�ำนวนมาก แต่ปจั จุบันการปลกู ของวดั โป่งคำ� ด้วยลักษณะของฟักทองทม่ี ี ข้าวโพดเล้ยี งสตั ว์ ไมส่ ามารถสรา้ งรายได้ ขนาดของผลท่ีใหญ่ และมีรสชาติดี ได้ช่วย เหมอื นในอดีต ประกอบกับการใชพ้ ืน้ ท่ปี ลูก เสรมิ ใหพ้ ืชชนิดนี้ กลายเปน็ ท่ตี ้องการของ ในจังหวัดอยา่ งมหาศาล รวมทง้ั ยงั มปี ญั หา ตลาด (มกั มกี ารส่ังปริมาณ 2 – 3 ตัน/ อกี หลายประการตามมาจากการผลิต จาก ครั้ง) จนทำ� ให้ก�ำลงั การผลติ ไม่เพียงพอต่อ ปญั หาดังกลา่ ว จงึ เป็นจุดเรมิ่ ต้นส�ำคัญของ ความต้องการของลูกค้าในบางคร้ัง โดย พระอาจารยส์ มคิด ทพ่ี ยายามดึงเกษตรกร การปลูกฟังทอง จะใชต้ ้นทุนการผลติ เพยี ง ออกจากการผลิตขา้ วโพดเล้ียงสัตว์ ทัง้ น้ี 2.5 – 3 พันบาท/ไร/่ รนุ่ เปน็ ต้น ท้งั นี้ แม้ แมก้ ารโนม้ นา้ วให้เกษตรกร ปรับเปลยี่ นรปู ระบบเกษตรบนฐานธรรม อาจไมส่ รา้ งผล แบบการผลติ ขา้ วโพดเลีย้ งสัตว์ ถือเปน็ เรอ่ื ง ก�ำไรทีท่ ำ� ใหเ้ กษตรกรมีฐานะท่ีร่�ำรวย แตก่ ็ ทีค่ อ่ นขา้ งยาก พระอาจารย์สมคดิ ที่เข้าใจ แลกมาด้วยผลลพั ธ์ทดี่ ีหลายประการ อาทิ ถึงขอ้ กงั วลในจุดน้ี จึงตระหนกั ว่าการปรับ เกษตรกรมสี ุขภาพทีด่ ี สามารถลดตน้ ทุนการ เปลย่ี นความคดิ ของเกษตรกร ควรเปน็ สงิ่ ผลิต สามารถลดปรมิ าณพ้ืนท่ีการผลิต และ สำ� คัญทีต่ ้องท�ำเป็นอนั ดับแรก ซงึ่ วิธกี ารโนม้ เป็นการฟื้นฟูสภาพปา่ ในเวลาเดียวกัน น้าวทาง ความคิดทีไ่ ด้ผลควรจำ� เป็นจะตอ้ ง สามารถปลดพนั ธนาการหนส้ี นิ ของเกษตรกร มกี ารใช้หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ ในการอา้ งองิ ที่เกิดจากการผลติ ข้าวโพดเลีย้ งสัตว์ รวมถงึ จากแนวคดิ ดงั กล่าว ทำ� ใหพ้ ระอาจารยส์ มคิด การช่วยลดความเสย่ี ง จากภยั อนั ตรายหรอื เร่ิมลงมอื ทำ� การศกึ ษาเกบ็ ข้อมลู และมกี าร อบุ ัตเิ หตทุ ่อี าจเกิดกบั เกษตรกร ท่ีท�ำการปลกู สนทนากบั เกษตรกร ของชมุ ชนวดั โป่งค�ำเปน็ ขา้ วโพดเลี้ยงสตั วบ์ นบนพนื้ ท่ีสูง ฯลฯ ระยะเวลากวา่ 2 ปี ผลจากการค้นควา้ แสดง ให้ถงึ ปรมิ าณรายไดท้ ี่ไมค่ มุ้ คา่ กบั การลงแรง ผลติ และปญั หาสุขภาพท่เี กิดจากการใชส้ าร เคมีในการปลูกข้าวโพดเลย้ี งสัตว์ ซง่ึ หลกั ฐาน เหลา่ นี้ ถอื เป็นจดุ เปลยี่ นส�ำคัญทช่ี ว่ ยกระตุ้น ให้เกษตรกร เร่มิ มีความคิดท่ีจะเลกิ ปลกู ข้าวโพดเลยี้ งสตั ว์อกี ดว้ ย อยา่ งไรก็ตาม พระอาจารยส์ มคิดไมเ่ พียงที่ จะโนม้ น้าวให้เกษตรกร เลิกปลูกข้าวโพดเล้ียง สัตวเ์ พียงอยา่ งเดยี ว แต่ยงั มกี ารน�ำเสนอทาง เลือกการผลติ ทางการเกษตรรูปแบบใหม่ ซง่ึ สามารถสรา้ งรายได้ท่ีดีกว่า การปลกู ขา้ วโพด เล้ียงสัตว์ โดยไม่จ�ำเป็นตอ้ งใช้ต้นทนุ ทสี่ ูงและมี ตลาดรองรบั อาทิ การปลูกฟกั ทองนา่ น 67เพิ่มรายได้ด้วยวิถเี กษตรทางเลอื กใหม่..ทะลุความทา้ ทายพ้ืนทก่ี สิกรรมน่าน

นอกเหนือจากเป้าหมายของการปรบั เปล่ียน ตามฤดกู าล ในจ�ำนวนกว่ารอ้ ยรายการผา่ น รปู แบบการผลติ แบบเกษตรบนฐานทุนสู่เกษตร ศูนยร์ วบรวมสินคา้ วัดโป่งคำ� โดยมเี กษตรกร บนฐานธรรม จะประสบผลส�ำเร็จลลุ ่วงดว้ ยดี คอยดำ� เนนิ การบรรจุผลติ ภณั ฑ์ ในชว่ งทุก แลว้ พระอาจารยส์ มคิดยงั ถือเป็นผทู้ ่ีมีบทบาท วนั จันทรข์ องแต่ละสปั ดาห์ ซึ่งสินค้าจะต้องได้ ส�ำคญั ในการสร้างโอกาสทางรายได้ โดยการ คุณภาพ และมาตรฐานตามที่ทงั้ สองฝา่ ยได้ เฟน้ หาตลาดท่เี หมาะสม กับคณุ ภาพผลผลิต ตกลงกันไว้ ทั้งนี้ ผลลพั ธ์ทเี่ กดิ ขึน้ อยู่ในระดบั ของเกษตรกรในชมุ ชน โดยหนงึ่ ในตัวอยา่ ง ดเี กินคาด จนสง่ ผลใหก้ �ำลงั การผลิตไมเ่ พียง ตลาดส�ำคัญ ของชุมชนโป่งคำ� คอื บริษทั Max พอตอ่ ความต้องการของตลาดในชว่ งแรก จาก value จากกรุงเทพมหานคร ทัง้ น้ี ด้วยความ ปัญหาดงั กล่าว จึงท�ำใหเ้ กิดแนวคดิ ของการ มีบารมีในฐานะพระสงฆ์ท่ีเกษตรกร และบคุ คล ขยายกำ� ลงั การผลิตเพ่มิ ขึน้ ผา่ นการรวมกลุ่ม ท่วั ไปใหค้ วามเคารพนับถอื ย่ิงชว่ ยสง่ เสริมให้ ภาคเี ครอื ข่ายวิสาหกิจ/เกษตรอนิ ทรยี ์ในชมุ ชน พระอาจารยส์ มคดิ สามารถรับบทบาทเป็นตัว ต่าง ๆ มากถงึ 18 กลุม่ ซงึ่ มกี ารจดทะเบยี น เชื่อมในการเจรจาด้านการตลาด ระหวา่ งบริษัท อยา่ งเปน็ ทางการ โดยการรวมกล่มุ ดงั กลา่ วได้ Max value และเกษตรกรได้อยา่ งราบรน่ื มาก ช่วยขยายกำ� ลังผลิตสินค้าให้เพียงพอกบั ความ ขนึ้ โดยทัง้ สองฝ่ายมกี ารเจรจาตามเงื่อนไขที่ ตอ้ งการของตลาดทีม่ ปี ริมาณมากถึง 8 – 10 วา่ การจำ� หน่ายผลผลติ จะอยู่ ในรปู แบบการซือ้ ตัน/สปั ดาห์ หรือมีมูลค่าประมาณ 8 หมืน่ ขาดท้ังผลติ ภณั ฑ์เกษตรปลอดภยั ผกั พน้ื บ้าน บาท/สัปดาห์ – 1.2 แสนบาท/สปั ดาห์ อย่าง ไม้ผลชนิดต่าง ๆ ไม่มปี ัญหาติดขดั ภาพที่ 3-6 ผลผลติ ปลอดภยั ของวัดโป่งค�ำ ทีม่ า: เฟซบกุ๊ มูลนิธสิ ่งเสริมการเรียนร้ชู ุมชนวัดโป่งคำ� Pongkum Foundation (2558) หากปจั จยั ด้านความรว่ มมอื ของเกษตรกรในการปรบั เปลี่ยนรูปแบบการผลิต ซง่ึ เป็นประโยชนต์ ่อ ระบบนิเวศ และตัวของเกษตรกร ดา้ นการมตี ลาดจากภายนอกเข้ามาซือ้ ขายผลผลติ ของเกษตรกรใน ชุมชน ด้านการมีระบบจัดการผลติ ทีด่ ี ฯลฯ จะเปน็ ตัวชี้วัดท่ีแสดงถงึ การประสบความส�ำเรจ็ ไดอ้ ยา่ ง ไม่มขี อ้ สงสยั แลว้ แต่สงิ่ เหลา่ นี้ คงไมส่ ามารถเกดิ ขน้ึ ได้ หากปราศจากบทบาทผนู้ �ำของพระอาจารย์ 68 เพิม่ รายได้ดว้ ยวิถีเกษตรทางเลือกใหม่..ทะลุความทา้ ทายพืน้ ทีก่ สกิ รรมน่าน

สมคดิ ท่ีเป็นผทู้ ีม่ คี ณุ ลักษณะเพยี บพรอ้ มทง้ั ในด้านความมีวสิ ยั ทัศน์ ความเมตตา ความวริ ยิ ะอตุ สาหะ และมฐี านะความเปน็ สงฆ์ซ่ึงควรคา่ แกก่ ารเคารพนบั ถือ คุณลกั ษณะดังกล่าว ถือเปน็ กญุ แจสำ� คญั ที่ เช่ือมโยงปัจจยั ความสำ� เร็จต่าง ๆ ตามท่ไี ดก้ ล่าวขา้ งต้น ใหเ้ ข้ามาอยู่ในจุดเดยี วกนั ไดอ้ ยา่ งลงตวั จน กระทัง่ สามารถน�ำพาใหเ้ กษตรกรก้าวไปอยู่ในจุดทดี่ ขี น้ึ กวา่ เดมิ ดังนน้ั คณุ ลักษณะของผูน้ �ำตาม ธรรมชาตทิ ่จี ะชว่ ยสร้างโอกาสในการเปลีย่ นแปลงให้กบั ชุมชน ควรตอ้ งใส่ใจ และแก้ไขปญั หาอย่างมี สว่ น รว่ มกบั ภาคชุมชนอยา่ งจริงจงั กลา่ วอีกนยั หนงึ่ คือ ผูน้ �ำท่ีดีควรมจี ิตสาธารณะ ที่ตอ้ งการช่วย เหลือสังคมสว่ นรวม ให้ก้าวพน้ จากปัญหาความเดือดรอ้ นอยู่เสมอ โดยไม่หวงั ผลตอบแทน 3.3 ชุมชนบา้ นใหม่สองแคว: การก้าวเขา้ จะทำ� การเพาะปลกู ทีม่ ีจ�ำนวนมากกวา่ 30 ชนดิ สูก่ ารผลิตทางการเกษตรทย่ี ั่งยืนดว้ ยพลงั ไม่วา่ จะเป็น เงาะ ทุเรยี น ลองกอง พรกิ หวาน ภาคประชาสังคมทเ่ี ข้มแข็ง องุ่น มะนาว ฯลฯ (ยกเว้นข้าวโพดเลีย้ งสตั ว์) ชุมชนบา้ นใหม่ ตั้งอย่ทู ต่ี �ำบลนาไร่หลวง อำ� เภอ รวมถึงมกี ารวางแผนการผลติ ท่ีเหมาะสมกับ สองแคว จงั หวัดนา่ น ถอื เปน็ อีกหนงึ่ หมู่บา้ นท่ีมี ศักยภาพการเตบิ โตของพืชแตล่ ะชนิด ตามชว่ ง ความโดดเด่น ด้านการทำ� เกษตรปลอดภัย และ เวลาตา่ ง ๆ อาทิ เกษตรกรมักนยิ มเรม่ิ ปลกู การมวี ิสาหกจิ ชุมชนที่เขม้ แขง็ ท้ังน้ี หากยอ้ น พชื ผกั ในช่วงเดือนมถิ ุนายน และหยดุ ท�ำการ ไปในชว่ งกว่า 10 ปที ่ผี ่านมา ชุมชนบา้ นใหม่ เพาะปลกู ในชว่ งเดือนเมษายน เนือ่ งจากมีสภาพ ณ ช่วงเวลานน้ั ยังพึง่ พงิ การปลกู ขา้ วโพดเลี้ยง อากาศท่แี หง้ แลง้ และมแี มลงศัตรพู ชื ระบาดเป็น สัตว์ ซึง่ เปน็ พชื ยอดนิยมอยา่ งแพรห่ ลายของ จำ� นวนมาก หากเขา้ สเู่ ดอื นพฤษภาคมจะเปน็ เกษตรกร อยา่ งไรก็ตาม เมอื่ การผลติ ข้าวโพด ช่วงเวลาทนี่ ิยมปลูกมะเขอื ยาว มะเขอื กรอบ เลี้ยงสัตว์ ไดด้ ำ� เนนิ มาถึงจุดท่ีเกษตรกร เริ่ม มะเขอื ญปี่ ุน่ และในช่วงเดือนเกบ็ เกี่ยวเกษตรกร พบกับปัญหาสุขภาพ (สารพษิ ปนเป้ือนในกระแส ก็จะไปดูแลไม้ผลที่ใกล้ใหผ้ ลผลิต ส่วนในชว่ ง เลือด) ทเ่ี กิดจากการใชส้ ารเคมีในการปลูก รวม ฤดูหนาวกม็ กั เริม่ ปลูกพชื ผกั อน่ื ๆ เช่น กะหลำ�่ ท้งั ปัญหาทางดา้ นต้นทุนการผลติ ทสี่ ูงกว่าราย ปลี เปน็ ตน้ ผลท่ีได้จากการปรับเปลีย่ นรูปแบบ ได้ ซ่ึงส่งผลใหข้ าดทนุ และเกิดเปน็ หน้สี นิ ครัว การผลิต ที่ใชต้ ้นทนุ การผลิตต�่ำกว่าขา้ วโพด เรอื น ทำ� ใหเ้ ม่ือ พ.ศ. 2552 ซงึ่ ถือเปน็ ช่วง เลยี้ งสตั ว์ ได้สง่ ผลให้เกษตรกรชุมชนบา้ นใหม่ เวลาของจดุ เปล่ียนส�ำคญั ทีเ่ กษตรกรกา้ วออก สามารถมรี ายได้ท่ดี ีขึน้ จนกระทัง่ สามารถปลด มาจากการผลติ ข้าวโพดเล้ยี งสัตว์ ผ่านการ หนสี้ ินตา่ ง ๆ ไดท้ งั้ หมด อกี ทง้ั ยังช่วยใหส้ ุขภาพ ท�ำประชาสังคมในชุมชน ดว้ ยความเขม้ แขง็ ของ ของเกษตรกรดีขึ้นกวา่ เดมิ อีกดว้ ย ชมุ ชนจงึ สง่ ผลใหเ้ กษตรกรบ้านใหมต่ ่างพร้อมใจ ลด ละ เลิกการใชส้ ารเคมี และปรับเปลยี่ นรูปแบบ นอกจากข้อไดเ้ ปรียบ ในเชิงภูมิศาสตร์แลว้ การผลติ ที่ใช้พ้นื ทไี่ ดอ้ ย่างคุ้มคา่ และยั่งยนื จุดแข็งส�ำคญั อีกประการ ของชุมชนบ้านใหม่ คอื ความเขม้ แข็งของภาคประชาสงั คม ที่มี ผลจากความล้มเหลวของการปลกู ขา้ วโพด คณุ ลกั ษณะของความสามคั คกี ลมเกลียว เปน็ เลย้ี งสตั วท์ ่เี กดิ ขนึ้ ไดน้ �ำพาเกษตรกรให้กลับ อย่างมาก โดยตัวอย่างของจดุ แข็งดงั กล่าว มาคดิ ทบทวน เพื่อหาจุดแขง็ ทม่ี ีศกั ยภาพด้าน สามารถเห็นไดจ้ าก ความรว่ มมอื ร่วมใจของ การผลิตของชมุ ชนในเวลาต่อมา โดยมตขิ อง คนในชมุ ชน ในการกอ่ ต้ังรา้ นค้าวสิ าหกิจชมุ ชน สมาชกิ ต่างเหน็ พ้องว่า ชุมชนบา้ นใหม่คอ่ นข้าง บา้ นใหม่ หรือตลาดร้านคา้ ชุมชนท่ถี ือเปน็ แหล่ง มคี วามได้เปรยี บทางดา้ นภมู ิศาสตร์ ทม่ี ที ีต่ ้ัง สรา้ ง รายไดส้ �ำคญั ของเกษตรกรได้ตลอดทงั้ ปี ใกลก้ บั บรเิ วณทร่ี าบลุม่ แมน่ �ำ้ ยาว ซง่ึ จะชว่ ยลด โดยผลผลิตที่ไดจ้ ากการเพาะปลกู จะสามารถนำ� โอกาสการขาดแคลนนำ้� ทำ� ใหก้ ารผลิตมีความ มาจ�ำหนา่ ยในรา้ นคา้ นัน้ จะต้องผา่ นคุณสมบตั ิ ราบร่นื ทั้งน้ี เกษตรกรได้ทำ� การคัดเลอื กพชื ท่ี และเกณฑต์ ามที่ชมุ ชนไดก้ ำ� หนด ซ่งึ เงอื่ นไขดัง กล่าวประกอบด้วย 69เพิ่มรายได้ด้วยวิถีเกษตรทางเลอื กใหม่..ทะลคุ วามท้าทายพน้ื ทีก่ สกิ รรมนา่ น

1. หา้ มบุคคลใด น�ำพชื ผกั จากท่ีอื่น มาวางขายในตลาดชมุ ชน 2. ผู้ใดนำ� ของมาวางขายต้องสด สะอาด ปราศจากสารพษิ และต้องมคี ณุ ภาพ 3. ผู้ใดน�ำของมาวางขายแล้ว กอ่ นกลับบา้ นต้องท�ำความสะอาดทกุ ครงั้ 4. ห้ามบคุ คลใดยัดเยยี ดสินค้า โดยผู้ซ้อื ไมเ่ ตม็ ใจ หากฝา่ ฝนื ปรบั 1,000 บาทขึ้นไป 5. ของท่นี �ำมาขาย ควรล้างมาจากบ้าน และบรรจถุ ุง เพ่อื ไม่ให้มีน้�ำเปรอะเป้ือน 6. ผ้ทู ี่นำ� ของมาขาย ควรแตง่ กายให้เรียบร้อย 7. อยา่ เอาของ หรอื อุปกรณ์ท่ีใสผ่ ักของคนอื่นกลับบา้ น 8. หากหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ตรวจพบสารพิษในผกั ของผู้ใด ทางกล่มุ จะงดการจำ� หน่ายผกั ของผู้น้ันอยา่ งน้อย 4 เดือน จึงจะมสี ิทธิน์ �ำผักมาขายได้ ภาพท่ี 3-7 รา้ นค้าวิสาหกิจชมุ ชนบ้านใหม่สองแคว แม้กฎของร้านคา้ จะมคี วามเขม้ งวดมาก ทมี่ า: สยามรัฐ 2563 เพียงใดก็ตาม แตก่ ็ยงั อยู่ในขอบเขตที่ เกษตรกร สามารถปฏบิ ตั ิตามไดอ้ ย่าง ไมข่ าดตกบกพร่อง ผลจากการมีภาค ประชาสังคมทเี่ ขม้ แขง็ และการท่เี กษตรกร มีจติ สำ� นึกที่มองตนเอง เปน็ ส่วนหนง่ึ ของ ความส�ำเรจ็ ของชุมชน ได้ส่งผลใหร้ า้ นคา้ วิสาหกิจชมุ ชนบ้านใหม่ กลายเป็นแหล่ง จำ� หน่ายผลผลติ ปลอดภัย ยอดนยิ ม สำ� หรับผซู้ ้ือท่ไี วว้ างใจ โดยมกั มลี กู คา้ ที่ ขบั รถแวะผา่ นเขา้ มาซอ้ื อยู่เสมอ เนอื่ งจาก ม่ันใจในคุณภาพของสินคา้ ที่ปลอดภยั และ สามารถบริโภคได้อย่างสบายใจ แม้ในกรณตี ัวอยา่ งของเกษตรกรชุมชนบ้านใหม่ และเกษตรกรชมุ ชน วดั โป่งค�ำจะมสี ถานการณ์ที่คล้ายคลงึ กัน โดยเฉพาะในการเผชญิ กับ สภาวะปญั หา และกา้ วออกมาจากการผลติ ข้าวโพดเลยี้ งสัตว์ได้ในท้าย ทีส่ ดุ แต่อยา่ งไรกต็ าม กญุ แจสู่ความส�ำเรจ็ ของตวั อย่างทัง้ สองกลบั มี ความแตกต่างกนั อย่างเห็นไดช้ ัด กล่าวคือ ชุมชนวัดโป่งคำ� น้นั อาศัย ปัจจัยความรว่ มมือของชมุ ชน และบทบาทของผนู้ �ำทม่ี วี สิ ยั ทศั น์ ในการ แก้ไขปญั หาเป็นส�ำคัญ ในขณะทชี่ มุ ชนบา้ นใหม่ใช้ภาคประชาคมทเ่ี ขม้ แขง็ ในการหาทางออกของปัญหาร่วมกัน ซึ่งในจุดนย้ี ่งิ ตอกย้�ำให้เหน็ ว่า ปัจจยั ความส�ำเร็จนนั้ ไมไ่ ดม้ ีสูตรส�ำเร็จตายตวั แนน่ อน ฉะน้ัน จงึ เปน็ หนา้ ทข่ี องเกษตรกร ทต่ี ้องคน้ หาศักยภาพท่ีแวดล้อมอยู่ในชมุ ชน หรอื ในตัวเกษตรกร และขับเคลือ่ นขอ้ ได้เปรยี บเหลา่ น้ี ใหก้ ลายเปน็ จุด แขง็ ทจ่ี ะช่วยให้เกษตรกรมีโอกาสประสบความสำ� เร็จ ทงั้ ในด้านอาชีพ การงาน และการยกระดบั คณุ ภาพชีวติ ทดี่ ีขึ้น 70 เพิ่มรายได้ด้วยวถิ ีเกษตรทางเลอื กใหม่..ทะลคุ วามทา้ ทายพน้ื ท่กี สิกรรมน่าน

อา้ งอิง กัญชง สรรพคุณและประโยชนข์ องต้นกญั ชง 14 ข้อ ! เขา้ ถงึ จาก https://medthai.com/ กญั ชง/ เขา้ ถึงเมื่อ 2 ส.ค. 64 กฎกระทรวง การขออนุญาตและการอนญุ าตผลติ น�ำเข้า สง่ ออก จำ� หนา่ ย หรอื มไี ว้ ครอบครองซึง่ ยาเสพติดให้โทษในประเภทที่ 5 เฉพาะกัญชง (Hemp) มีผลบังคบั ใชต้ ง้ั แตว่ ันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2564 เปน็ ตน้ ไป เข้าถงึ จาก http://www. ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2563/A/107/T_0011.PDF เขา้ ถงึ เมอ่ื 7 ม.ค. 65 เกาะไตห้ วนั มขี นาดพน้ื ที่ 35,980 ตารางกโิ ลเมตร ข้อมลู จาก วกิ ิพเี ดยี สารานุกรมเสรี เข้า ถงึ จาก https://th.wikipedia.org/wiki/ประเทศไต้หวนั เข้าถึงเมอื่ 24 ส.ค. 2564 คมู่ ือ ภูรทิ ศั น์ฟาร์ม (2562) คูม่ ือการจดั ท่ีดินทำ� กนิ ใหช้ มุ ชนตามนโยบายรฐั บาลภายใต้คณะกรรมการนโยบายทดี่ นิ แหง่ ชาติ (คทช.) ฉบับปรับปรงุ คร้งั ท่ี 2 เข้าถงึ จาก https://www.dol.go.th/publicland/ DocLib3/workbook/land_allocation_manual_2.pdf เขา้ ถึงเมอ่ื 25 ส.ค. 64 จงั หวดั เชียงรายมีพื้นที่ 11,678.369 ตารางกโิ ลเมตร ขอ้ มูลจาก รายชื่อจงั หวดั ของ ประเทศไทยเรียงตามพน้ื ท่ี เขา้ ถงึ จาก https://th.wikipedia.org/wiki/รายชอื่ จังหวัดของประเทศไทยเรยี งตามพน้ื ที่ เข้าถึงเม่อื 24 ก.พ. 2564 จังหวัดน่าน ขอ้ มลู จาก วกิ ิพเี ดีย สารานุกรมเสรี เขา้ ถงึ จาก https://th.wikipedia.org/ wiki เขา้ ถึงเมอ่ื 24 ส.ค. 64 จิระนนั ท์ พติ รปรีชา, กุลธดิ า สบื หล้า, และหัสชัย บญุ เนือง. (2556). แม่ นำ้� น่าน สายธาร ลานนาตะวันออก. พมิ พ์ครงั้ ที่ 1. น่าน: บรษิ ทั อัมรินทร์พรนิ้ ติ้งแอนทพ์ บั ลชิ ชงิ่ จ�ำกัด (มหาชน). ใช้ 'กญั ชง' อยา่ งไร ให้ถูกกฎหมาย เขา้ ถึงจาก https://www.bangkokbiznews.com/ news/926941 เขา้ ถงึ เมือ่ 1 ม.ค. 2565 ประกาศส�ำนกั ทะเบียนกลาง เขา้ ถึงจาก https://stat.bora.dopa.go.th/stat/pk/pk_63. pdf เข้าถึงเม่อื 24 ส.ค. 2564 ประโยชนข์ อง กญั ชง พชื เศรษฐกิจท่ี ปชช. ขออนญุ าตปลกู ได้ เข้าถงึ จาก https://www. fascino.co.th/article/post/hemp-thailand เขา้ ถึงเม่อื 7 ก.ค. 64 ผลิตภัณฑจ์ งั หวดั ต่อหวั ภาคเหนอื ปี 2562 เรยี งตามล�ำดับมากทส่ี ดุ ถงึ นอ้ ยท่สี ุด ได้แก่ ล�ำพูน กำ� แพงเพชร เชียงใหม่ ตาก นครสวรรค์ พิษณโุ ลก อุทยั ธานี อตุ รดิตถ์ ลำ� ปาง พจิ ติ ร พะเยา เชียงราย เพชรบูรณ์ สโุ ขทยั แพร่ นา่ น และแมฮ่ ่องสอน ขอ้ มลู จาก มอง ผลติ ภณั ฑจ์ ังหวัดนา่ น (GPP) ปี 2562 เข้าถึงจาก http://nan.nso.go.th/images/ attachments/article/415/มองGPPของจังหวัดน่าน%20ป%ี 202562.pdf เขา้ ถงึ เมอ่ื 24 ส.ค. 64 71เพ่ิมรายไดด้ ว้ ยวถิ ีเกษตรทางเลอื กใหม่..ทะลุความท้าทายพ้ืนท่ีกสิกรรมน่าน

อา้ งองิ พืชและสตั วเ์ ศรษฐกจิ ส�ำคัญของจงั หวัดนา่ น..ทางเลือกและทางรอด โดย รศ.ดร. ศริ ิพร กิรติการกุล และคณะ (2563) รายงานโครงการพฒั นาดชั นรี วมเพ่อื การประเมินศักยภาพเกษตรกรในระดบั จงั หวัด พ.ศ. 2551 – 2561 โดย จิรวรรณ กจิ ชัยเจรญิ และคณะ (2563) รายงานโมเดลอาชีพทางเลอื กและหว่ งโซ่อุปทาน โดย รศ.ดร. ศริ ิพร กิรติการกลุ และคณะ (2563) รายงานสภาพเศรษฐกิจและภาระหนสี้ นิ ของครวั เรือนเกษตรบนพนื้ ท่ีสูง จงั หวัดนา่ น (2563) โดยอคั รพงศ์ อ้ันทอง และ นิรันดรร์ กั ษ์ ปาทาน ลกั ษณะของชน้ั คณุ ภาพลมุ่ นำ�้ เขา้ ถึงจาก https://www.dnp.go.th/Research/ watershade/describ.html เข้าถงึ เมอ่ื 2 ส.ค. 64 สถาบนั วิจัยและพฒั นาพ้ืนท่ีสงู \" โชว์ \"บา้ นใหมส่ องแคว\" ชุมชนตน้ แบบ เขา้ ถึงจาก https:// siamrath.co.th/n/127022 เข้าถงึ เมอื่ 1 ส.ค. 64 สินค้ากัญชงใกล้ออกสู่ตลาด เข้าถึงจาก https://www.fnsyrus.com/uploads/research /211014Hemp_MovetoDownstream.pdf เข้าถึงเมอื่ 4พ.ย. 64 เอกสารเชิงนโยบายโมเดลทางเลือกในการพฒั นาคนไทย 4.0 บนพืน้ ทีส่ งู ในภาคเหนอื ตอนบน โดย รศ.ดร. ศริ พิ ร กิรติการกลุ และคณะ 72 เพมิ่ รายไดด้ ว้ ยวถิ เี กษตรทางเลือกใหม่..ทะลคุ วามท้าทายพื้นทกี่ สิกรรมนา่ น