หนงั สือเรียนภาษาไทย วรรณคดแี ละวรรณกรรม ของนักเรยี นช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ ๓ ผู้สอน นายสนุ ธร ใจแปง โรงเรียนแมส่ นั วิทยา สานักงานเขตพื้นทีก่ ารศึกษามธั ยมศึกษาเขต ๓๕
สารบญั ๑หน่วยการเรียนรู้ที่ บทละครพูดเรื่องเหน็ แก่ลกู ๒หน่วยการเรียนรู้ที่ พระอภยั มณี ตอนพระอภยั มณหี นีนางผเี ส้ือ
๑หน่วยการเรียนรู้ท่ี บทละครพดู เร่ืองเห็นแก่ลูก บทละครพูดเรื่องเห็นแก่ลูก ละครพูดเป็ นบทละครที่แสดงโดยให้ตวั ละครสนทนาโตต้ อบกนั เป็ นการแสดงท่ีไดร้ ับอิทธิพลจากตะวนั ตก เป็ น การแสดงท่ีจาลองชีวติ จริง จึงสอดแทรกแนวคิด คติเตือนใจไวด้ ว้ ย
๑ ความเป็ นมา ละครพูดเรื่องเห็นแก่ลูก เป็ นบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จ- พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั พระองคท์ รงใชพ้ ระนามแฝงในบทพระราชนิพนธ์เร่ืองน้ี ว่า พระขรรค์เพชร โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็ นบทสาหรับแสดงละครและใช้ สาหรับอ่านเพ่ือความเพลิดเพลิน นอกจากน้ียงั ทรงใชก้ ารแสดงละครเป็ นส่ือช่วย กล่อมเกลาอบรมจิตใจของประชาชนและมีพระราชประสงคเ์ พื่อหาพระราชทรัพย์ สาหรับสร้างสาธารณสมบตั ิของชาติ
๒ ประวตั ิผู้แต่ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยู่หัว ทรง พระราชสมภพเมื่อวนั ท่ี ๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๒๓ ทรงเร่ิมศึกษาในพระบรมมหาราชวงั ต่อมาได้ เสด็จพระราชดาเนินไปทรงศึกษาต่อ ณ ประเทศองั กฤษ โดยทรงเชี่ยวชาญวิชาทหาร วิชาพลเรือน และภาษา ฝร่ังเศส หลงั จากน้นั ไดเ้ สด็จเขา้ ศึกษาท่ีโรงเรียนนายร้อย ทหารบกแซนดเ์ ฮิสต์ เม่ือทรงสาเร็จการศึกษาแลว้ ได้เสด็จพระราชดาเนินกลบั ประเทศไทยเมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๕ และเสดจ็ ข้ึนครองราชสมบตั ิใน พ.ศ. ๒๔๕๓ พระราชกรณียกิจของพระองค์ เช่น การเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ การศึกษา ศิลปะ อกั ษรศาสตร์ ซ่ึงพระองค์ทรงพระราชนิพนธ์ไวจ้ านวนมาก และเม่ือวนั ที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๔ องค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวฒั นธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ ประกาศยกยอ่ งใหพ้ ระองคท์ รงเป็นนกั ปราชญข์ องโลก
๓ ลกั ษณะคาประพนั ธ์ ละครพูด คือละครท่ีแสดงโดยใชบ้ ทสนทนาโตต้ อบกนั ของตวั ละคร ผูแ้ ต่ง จะเป็นผกู้ าหนดชื่อเรื่อง ตวั ละคร และฉากวา่ ควรมีลกั ษณะอยา่ งไร รวมไปถึงลาดบั การ แสดงของตวั ละครแต่ละตวั นอกจากบทละครพดู จะแต่งข้ึนเพื่อใชใ้ นการแสดงแลว้ ยงั ใช้ อ่านไดด้ ว้ ย ซ่ึงการอ่างบทละครพดู ใหไ้ ดร้ ับอรรถรสทางการประพนั ธ์และแง่คิดเตือนใจ ผอู้ ่านตอ้ งใชว้ ิจารณญาณและจินตนาการเพ่ือเขา้ ใจอารมณ์ความรู้สึกนึกคิด สาเหตุของ พฤติกรรมต่างๆ ของตวั ละครผา่ นฉากและบทสนทนาของตวั ละคร เป็ นบทละครพูดขนาดส้ันที่มีความยาวเพียงองก์เดียวและมีฉากเดียว แมจ้ ะ เป็ นเร่ืองส้ันๆ แต่นับว่าเป็ นบทละครท่ีแสดงคุณธรรมประการสาคญั คือ ความรักอนั ยง่ิ ใหญ่ของบิดามารดาที่มีต่อบุตรของตน ไม่วา่ จะตอ้ งลาบากเพียงใด จะยอมทนเพื่อให้ ลูกไดม้ ีความสุขกาย สบายใจ เป็นความรักท่ีไม่มีส่ิงใดเสมอเหมือน
๔ เรื่องย่อ บทละครพูดเรื่องเห็นแก่ลูก เป็นเรื่องของชายสองคน คือ นายล้า (ทิพเดชะ) และพระยาภกั ดีนฤนาถ ท้งั สองคนเคยเป็ นเพ่ือนรักกนั มาก่อน ท้งั สองคนหลงรักหญิง คนเดียวกนั คือ แม่นวล ซ่ึงนายล้าไดแ้ ต่งงานกบั แม่นวลและมีบุตรสาวคนหน่ึงชื่อ แม่ ลออ แต่นายล้าตอ้ งโทษจาคุก ๑o ปี ฐานประพฤติทุจริต ต่อมาแม่นวลเสียชีวิต ขณะน้นั แม่ลอออายไุ ดเ้ พยี ง ๒ ปี พระยาภกั ดีนฤนาถจึงอุปการะแม่ลออ เม่ือนายล้าออกมาจากคุก เขาหมดหนทางหากิน จึงคิดจะมาพ่ึงพาพระยา- ภกั ดีนฤนาถจึงพยายามไม่ใหน้ ายล้าเขา้ ยงุ่ เก่ียวกบั แม่ลออ แต่เม่ือนายล้าไดพ้ ูดคุยกบั แม่ ลออและรู้ว่าเธอช่ืนชมบิดาท่ีแท้จริงว่าเป็ นบุรุษผูแ้ สนดี ความรู้สึกจึงเปล่ียนไป ความเห็นแก่ตวั ของนายล้าจึงหมดไป นายล้าไม่อาจแสดงตนเป็ นพ่อที่แทจ้ ริงของแม่ ลออได้ เพราะปรารถนาใหแ้ ม่ลออมีความสุขกบั อนาคตวนั ขา้ งหนา้
๕ เนื้อเรื่อง ตัวละคร ๑. พระยาภกั ดีนฤนาถ ๒. นายล้า (ทิพเดชะ) ๓. อา้ ยคา (บ่าวพระยาภกั ดีนฤนาถ) ๔. แม่ลออ ฉาก หอ้ งหนงั สือ ในบา้ นพระยาภกั ดีนฤนาถ มีประตูขา้ งซา้ ยเขา้ ไปในหอ้ งนอน ขา้ งขวาออกไปเฉลียงทางข้ึนลง หลงั มีหนา้ ต่าง เคร่ืองประดบั ประดาไม่เป็น ของมีราคาแต่ใชไ้ ดด้ ีๆ
พอเปิ ดม่าน อา้ ยคาพานายล้า (ทิพเดชะ) เขา้ มาทางประตูขวา นายล้าน้นั เป็น คนอายรุ าว ๔o แต่หนา้ ตาแก่ ผมหงอกหนา้ ยน่ มาก แลจมูกออกจะแดงๆ เห็นไดว้ า่ เป็น คนกินเหลา้ จดั แต่งกายค่อนขา้ งจะปอนๆ แต่ยงั เห็นไดว้ า่ ไดเ้ คยเป็นผดู้ ีมาคร้ังหน่ึงแลว้ ตัวอย่าง พระยาภกั ดี : แกมาหาฉนั วนั น้ีน่ะมีธุระอะไร อยา่ เกรงใจเลย เสียแรง เป็นเกลอกนั มาแต่เก่าแต่ก่อน นายล้า : ผมมากต็ ้งั ใจมาเยยี่ มเจา้ คุณนนั่ แหละ อยา่ งหน่ึง อีกอยา่ ง หน่ึงผมนึกวา่ ถา้ มีโอกาสจะไดพ้ บแม่ลออบา้ ง พระยาภกั ดี : (หนา้ ตึง) ออ้ ! นายล้า : ผมจะพบสกั ทีไดไ้ หมครับ?
พระยาภกั ดี : ฉนั บอกไม่ไดว้ า่ เม่ือไหร่จะมีโอกาสที่จะพบแม่ลออ นายล้า : นยั วา่ น่ะ เจา้ คุณไม่เตม็ ใจใหผ้ มพบยงั ง้นั หรือ? พระยาภกั ดี : ถา้ จะใหฉ้ นั ตอบตามใจจริงกต็ อ้ งตอบวา่ ถา้ ไม่พบได้ ดีกวา่ แม่ลออ : (แม่ลออเขา้ มาทางขวา มองดูนายล้า แลว้ หนั ไปพดู กบั พระยาภกั ดี) นน่ั ใครคะ? พระยาภกั ดี : คนเขามาหาพอ่ นายล้า : ฉนั เป็นเกลอเก่าของเจา้ คุณ ท่านนบั ถือฉนั เหมือนนอ้ ง ยงั ไงขอรับ? แม่ลออ : ออ้ ! (ลงนง่ั ไหว)้ ถา้ ยงั ง้นั ดิฉนั กต็ อ้ งนบั ถือคุณเหมือนอา ดิฉนั เหมือนกนั ทาไมดิฉนั ยงั ไม่รู้จกั คุณอาเลย
นายล้า : ฉนั อยหู่ วั เมือง พ่งึ เขา้ มา แต่ฉนั เคยเห็นหล่อนแลว้ แม่ลออ : เม่ือไหร่คะ? ทาไมดิฉนั จาไม่ได้ ดิฉนั เป็นคนท่ีจาคนแน่นกั นายล้า : (ยมิ้ ) หล่อนเห็นจะจาฉนั ไม่ไดเ้ ลย เมื่อฉนั ไดเ้ ห็นหล่อน แม่ลออ คร้ังก่อนน้ีน่ะ อายหุ ล่อนไดส้ องปี เท่าน้นั นายล้า : แหม! ถา้ ยงั ง้นั คุณคงรู้จกั คุณแม่ดิฉนั ละซิคะ แม่ลออ : ฉนั รู้จกั คุณแม่หล่อนดี : ถา้ ยงั ง้นั ดิฉนั กย็ งิ่ ดีใจมากข้ึนที่ไดพ้ บคุณ กค็ ุณพอ่ ดิฉนั ท่ี ตายล่ะคะ รู้จกั ไหม? (นายล้าพยกั หนา้ ) ถา้ ยงั ง้นั คุณกด็ ีกวา่ ดิฉนั ดิฉนั ไม่รู้จกั เลย เคยเห็นแต่รูปท่ีในหอ้ งคุณแม่ รูปร่าง สูงๆ หนา้ อกกวา้ ง ดิฉนั ช่างชอบหนา้ เสียจริงๆ หนา้ ตาเป็น คนซื่อ ใจคอกวา้ งขวาง ถา้ ใครบอกดิฉนั วา่ เป็นคนไม่ดี ดิฉนั ไม่ยอมเชื่อเป็นอนั ขาดทีเดียว แต่ท่านกเ็ ป็นคนดีจริงๆ อยา่ งท่ีดิฉนั นึกเอาในใจ คุณพอ่ นี่กไ็ ดบ้ อกดิฉนั วา่ ง้นั จริง ไหมคะคุณพอ่ ? (พระยาภกั ดีพยกั หนา้ )
แม่ลลอ : น่ีคุณพอ่ บอกแลว้ หรือยงั เรื่องดิฉนั จะแต่งงาน? นายล้า : บอกแลว้ ฉนั ยนิ ดีดว้ ย แม่ลลอ : คุณอาตอ้ งมารดน้าดิฉนั นะคะ นายล้า : ฉนั จะขอตริตรองดูก่อน แต่ยงั ไงๆ กด็ ี ถึงฉนั จะอยรู่ ดน้า หล่อนไม่ได้ ฉนั กค็ งต้งั ใจอวยพรใหห้ ล่อนมีความสุข แม่ลออ : (ไหว)้ ดิฉนั รับพรล่วงหนา้ ไวก้ ่อน (ออกไปทางประตูซา้ ย) นายล้า : เจา้ คุณขอรับ ใตเ้ ทา้ พดู ถูก เดก็ คนน้ีดีเกินที่จะเป็นลูกผม ผมมนั เลวทรามเกินที่จะเป็นพอ่ เขา ผมพ่ึงรู้สึกความจริง เด๋ียวน้ีเอง นายล้า : ผมจะลืมหล่อนไม่ไดเ้ ลย จะเห็นหนา้ หล่อนติดตามไปจน วนั ตายทีเดียว ผมลาที ผมไม่จาเป็นที่จะตอ้ งฝากแม่ลลอแก่ เจา้ คุณ เพราะเจา้ คุณไดเ้ ป็นพอ่ หล่อนดียง่ิ ไปกวา่ ผมร้อยเท่า พนั ทวี (เชด็ น้าตา) พระยาภกั ดี : เอาเถอะ อยา่ วติ กเลย แม่ลออน่ะฉนั คงจะ รักถนอมเหมือนอยา่ งเดิม
๖ คาศัพท์ ความหมาย เพอ่ื น คาศัพท์ สตั วช์ ้นั ต่า เกลอ ชื่อเดิมของกรุงเทพมหานคร เดียรฉาน บญั ชี บางกอก ซอมซ่อ อตั คดั ขดั สน บาญชี ปึ กหน่ึง ปอนๆ ไดร้ ับโทษ ติดคุก ป้ันหน่ึง เป็ นโทษ
คาศัพท์ ความหมาย ระหาย แล กระหาย สาแดง หมอความ และ หมาหวั เน่า แสดง อาณาจกั ร อินงั ทนายความ คนที่เป็นรังเกียจของคนอื่นจนไม่สามารถเขา้ กบั ใครได้ คน ท่ีไม่มีใครรักหรือคบหา การลงโทษตามกฎหมาย เอาใจใส่ เอาใจช่วย ดูแล เหลียวแล หรืออินงั ขงั ขอบ ใชใ้ นเชิงปฏิเสธ
๗ บทวเิ คราะห์ ๗.๑ คุณค่าด้านเนื้อหา ลกั ษณะเด่นของเน้ือหาแสดงใหเ้ ห็นถึงความเสียสละและความรักของผเู้ ป็นพ่อ ท้งั สอง คือ นายล้า พ่อผูใ้ ห้กาเนิดและพระยาภักดีนฤนาถผูซ้ ่ึงเป็ นพ่อบุญธรรม ด้วย ความเห็นแก่ลูกของนายล้าจึงไม่เปิ ดเผยตน และพระยาภกั ดีนฤนาถยอมสละเงินทองเป็น จานวนมากเพ่ือความสุขของแม่ลออ
๗.๒ คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๑) การใช้บทสนทนาทเี่ หมาะสมกบั สถานภาพของตัวละคร กวสี ามารถสร้างบทสนทนาท่ีเหมาะสมกบั สถานภาพของตวั ละครที่กล่าวบท สนทนาน้นั ตาแหน่งทางสงั คม ยศถาบรรดาศกั ด์ิ รวมไปถึงอายขุ องตวั ละคร ๒) การใช้บทสนทนาทสี่ อดคล้องกบั ลกั ษณะนิสัยและอารมณ์ความรู้สึกของตัวละคร บทละครพูดดาเนินเร่ืองผ่านบทสนทนาเป็ นหลกั ทาให้การสื่อสารเรื่องราว รวมไปถึงลกั ษณะของตวั ละครตอ้ งส่ือผา่ นบทสนทนาน้นั โดยกวีสร้างบทสนทนาท่ีช่วย สื่อถึงนิสยั และอารมณ์ความรู้สึกของตวั ละครไดเ้ ป็นอยา่ งดี
๓) การใช้ถ้อยคาทสี่ ื่อความหมายลึกซึ้ง ในบทละครน้ีมีการใช้ถอ้ ยคาท่ีส้ันกระชับ แต่กินความมาก สามารถสื่อ ความหมายไดล้ ึกซ้ึง ทาใหผ้ อู้ ่านหรือผชู้ มเขา้ ใจเร่ืองราวไดด้ ียง่ิ ข้ึน ๔) การสื่อความหมายโดยนัย หมายถึง การสื่อความหมายออกมาโดยไม่แสดงออกมาตรงๆ แต่ส่ือผ่าน คาพดู ที่สื่อเป็นนยั ใหท้ ราบ ๕) การใช้สานวน การใชส้ านวนทาให้บทสนทนาส่ือความหมายไดอ้ ยา่ งกินความกวา้ งขวาง มากข้ึน และยงั ช่วยนาเสนอความคิดบางอยา่ งของตวั ละครไดอ้ ีกดว้ ย
๗.๓ คุณค่าด้านสังคมและสะท้อนวถิ ไี ทย ๑) ธรรมเนียมการต้อนรับแขก ทุกครอบครัวในสงั คมไทยยอ่ มไดร้ ับการปลูกฝังจากคนรุ่นพ่อรุ่นแม่เสมอวา่ “เป็ นธรรมเนียมไทยแต่โบราณ ใครมาถึงเรือนชานตอ้ งตอ้ นรับ” การตอ้ นรับแขกดว้ ย ความเต็มใจและเล้ียงรับรองอยา่ งดีที่สุดถือเป็นมารยาททางสงั คมประการหน่ึง และผทู้ ่ี ไดร้ ับการตอ้ นรับยอ่ มประทบั ใจและกล่าวถึงในความมีน้าใจของเจา้ บา้ น ๒) การกาหนดค่าและรูปแบบของเงิน ในระบบเศรษฐกิจไทยจะใชร้ ะบบแลกเปล่ียนสินคา้ ซ่ึงกนั และกนั ต่อมาเมื่อ สังคมมีโครงสร้างที่ซบั ซ้อน มีระบบเศรษฐกิจที่ชดั เจนมากข้ึน ระบบเงินตราจึงเขา้ มา เป็ นส่ือกลางในการซ้ือขายแลกเปล่ียน
๓) ค่านิยมการนับถอื บคุ คลทเ่ี พยี บพร้อมทง้ั รูปสมบตั ิและทรัพย์สมบตั ิ ไดส้ ะทอ้ นใหเ้ ห็นค่านิยมของคนไทยท่ีนบั ถือบุคคลจากรูปลกั ษณ์ภายนอก โดยมิไดม้ องถึงคุณธรรมความดีของบุคคลผนู้ ้นั บุคคลใดมีความประพฤติด่างพร้อย ทา ให้เสียชื่อเสียงเกียรติยศ ไม่ว่าจะเคยเป็นคนดีหรือเป็ นคนเลวมาก่อนก็ตาม เม่ือชีวิตมี มลทินกท็ าใหเ้ ป็นที่รังเกียจของสงั คม ๔) แสดงให้เห็นถงึ สัจธรรมของมนุษย์ มนุษยท์ ุกคนยอ่ มเห็นแก่ตวั เป็ นธรรมดา แต่พ่อแม่ยอ่ มเห็นแก่ลูกมากกว่า ตนเอง ตอ้ งเสียสละทุกอยา่ งเพ่ือลูก แมก้ ระทงั่ นายล้าเองยงั ตอ้ งต่อสู้กบั ความรู้สึกเห็น แก่ตวั หรือเห็นแก่ลูกของตนเองและในที่สุดอานาจฝ่ ายสูงก็ชนะ นายล้ายอมจากไป ผจญกบั ความยากลาบากเพราะเห็นแก่ลูกมากกวา่ จึงเป็นเร่ืองท่ีน่ายกยอ่ งที่เขาเคยทาผดิ แต่กส็ านึกตวั ได้
๗.๔ ข้อคดิ ทสี่ ามารถนาไปประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจาวนั ๑) สถาบนั ครอบครัวมคี วามสาคญั ต่อโครงสร้างสังคมไทย ผทู้ ่ีเป็นพ่อแม่มีหนา้ ท่ีตอ้ งอุปถมั ภ์ เล้ียงดู สงั่ สอนอบรมบุตรใหเ้ ป็นคนดีของสงั คม โดยไม่เรียกร้องผลประโยชน์ ถา้ ครอบครัวดีสงั คมกจ็ ะดีตามไปดว้ ย ๒) คนดยี ่อมมผี ้นู ับถอื หากเราตอ้ งการใหค้ นเคารพนบั ถือ เราตอ้ งทาตนใหเ้ ป็ นคนมีเกียรติ เชื่อถือได้ คือ เป็นคนที่ประพฤติดี ซ่ือตรง จริงใจ ท้งั ต่อหนา้ และลบั หลงั ใหส้ มกบั ท่ีผอู้ ่ืนรักนบั ถือและ ชื่นชม ๓) อย่าทาตนเองให้ตกต่าเพราะการกระทาของตนเอง หากบุคคลผนู้ ้นั ประกอบกรรมดียอ่ มไดร้ ับส่ิงดีตอบแทน ผคู้ นสรรเสริญในคุณงามความดีที่ไดส้ ร้างไว้ แต่ถา้ หาก ประพฤติไม่ถูกตอ้ ง จะทาใหช้ ีวติ ลม้ เหลวท้งั ชีวติ ส่วนตวั และครอบครัว
๒หน่วยการเรียนรู้ท่ี พระอภัยมณี ตอนพระอภัยมณหี นีนางผเี สื้อ นิทานคากลอนเรื่องพระอภัยมณี เป็ นจินตนิยายที่มีแนวคิด แปลกใหม่ โดยไดป้ ระสมประสานเหตุการณ์ในชีวิตจริง และจินตนาการมาเรียงร้อยเป็ นเรื่องราวท่ีสนุกสนาน ให้ ขอ้ คิดคติธรรมในการดาเนินชีวติ
๑ ความเป็ นมา นิทานคากลอนเรื่องพระอภยั มณีเป็ นวรรณคดีที่ไดร้ ับการยกย่องว่า เป็ นผลงานท่ีดีเด่นเรื่องหน่ึงของสุนทรภู่ เป็ นเรื่องท่ีแสดงให้เห็นแนวคิดแปลก ใหม่เกี่ยวกบั ตวั ละคร ฉาก สถานท่ีและใหค้ วามรู้ในเรื่องคติธรรมสอนใจในการ ดาเนินชีวติ ไดเ้ ป็นอยา่ งดี
๒ ประวตั ิผู้แต่ง พระสุนทรโวหาร (ภู่) หรือสุนทรภู่ เกิดเมื่อวนั ท่ี ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๓๒๙ องค์การยูเนสโกยกย่องให้ท่านเป็ นกวีเอกของโลกในฐานะผูม้ ี ผลงานดีเด่นทางดา้ นวรรณกรรม สุนทรภู่ คือ ผใู้ ชช้ ีวติ อยา่ งแทจ้ ริง ชีวิตของสุนทรภู่ไดส้ ะทอ้ นใหเ้ ห็น สัจธรรมท่ีว่า “ไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืน ยศอำนำจวำสนำได้มำแล้ วเส่ือมสูญไป” ถึงแมช้ ีวิตจะพบกบั อุปสรรคแต่ท่านกลบั ไม่เคยทอ้ ถอย ยงั คงสร้างผลงานที่เป็น มรดกทางวฒั นธรรมตกทอดมาใหอ้ นุชนรุ่นหลงั ไดเ้ รียนรู้ และนาขอ้ คิดที่แฝงอยู่ ในผลงานไปปรับใชใ้ นชีวติ ประจาวนั
ผลงานของสุนทรภู่ ประเภทนิราศ • นิราศเมืองแกลง • นิราศพระบาท • นิราศภูเขาทอง • นิราศวดั เจา้ ฟ้า • นิราศอิเหนา • นิราศสุพรรณ • นิราศพระประธม • นิราศเมืองเพชร
ประเภทนิทาน ประเภทเบด็ เตลด็ • โคบุตร • สวสั ดิรักษา • ลกั ษณวงศ์ • เพลงยาวถวายโอวาท • สิงหไกรภพ • ราพนั พิลาป • กาพยพ์ ระไชยสุริยา • เสภาเร่ืองขนุ ชา้ งขนุ แผน • พระอภยั มณี • บทละครเรื่องอภยั นุราช ตอนกาเนิดพลายงาม • เสภาเร่ืองพระราช พงศาวดาร • บทเห่กล่อมพระบรรทม
๓ ลกั ษณะคาประพนั ธ์ เรื่องพระอภยั มณีเป็ นกลอนนิทานท่ีประพนั ธ์ดว้ ยกลอนสุภาพท่ีเป็ น เอกลกั ษณ์เฉพาะตวั ของสุนทรภู่ คือแต่ละวรรคจะมีสัมผสั ใน ท้งั สัมผสั สระและ สมั ผสั อกั ษร ทาใหค้ ากลอนมีความไพเราะ
๔ เร่ืองย่อ ทา้ วสุทศั น์กษตั ริยแ์ ห่งเมืองรัตนา โปรดให้โอรสท้งั สองพระองค์ คือ พระอภยั มณี และศรีสุวรรณไปเรียนวิชาเพ่ือกลบั มาปกครองบา้ นเมือง แต่ พระอภยั มณีกลบั เลือกเรียนวิชาเป่ าปี่ ส่วนศรีสุวรรณเรียนวิชากระบี่กระบอง พระบิ ดาทรงกริ้ วเพราะเห็ นว่าวิชาท่ีเรี ยนไม่สามารถใช้ประโยชน์ในการ ปกครองบา้ นเมืองได้ พระโอรสท้งั สองพระองคจ์ ึงทรงถูกขบั ไล่ออกจากเมือง เสด็จไปพบพราหมณ์สามคน คือ วิเชียร โมราและสานน พราหมณ์ท้งั สามไม่ เช่ือในอิทธิพลของเพลงป่ี จึงทูลขอให้พระอภยั มณีเป่ าปี ให้ฟัง เสียงเพลงปี่ ไพเราะจบั ใจมาก พราหมณ์ท้งั สามคนและศรีสุวรรณจึงเคลิ้มหลบั ไป
เสียงเพลงป่ี ลอยตามลมไปไกลทาใหน้ างผีเส้ือสมุทรซ่ึงหากินอยู่ กลางทะเลไดย้ นิ และตามเสียงเพลงมาจึงเห็นเจา้ ชายหนุ่มรูปงามทรงนงั่ เป่ าป่ี อยู่ นางผเี ส้ือสมุทรหลงรักพระอภยั มณีทนั ที จึงจู่โจมจบั ตวั พระอภยั มณีแลว้ พาไปอยใู่ นถ้าท่ีเกาะกลางทะเลอนั เป็ นท่ีอยู่ของนาง นางผีเส้ือสมุทรแปลง กายเป็นหญิงสาวสวยงามมาพูดจาเก้ียวพระอภยั มณี ซ่ึงพระอภยั มณีทรงรู้ได้ ทนั ทีว่านางเป็ นยกั ษแ์ ปลงกายมา และทรงรู้ว่าหากขดั ขืนอาจสิ้นพระชนม์ จึงตอ้ งจาพระทยั อยกู่ บั นาง จนกระทง่ั นางผเี ส้ือสมุทรมีบุตรกบั พระอภยั มณี พระองคห์ น่ึงชื่อ สินสมุทร
วนั หน่ึงนางผีเส้ือสมุทรออกไปหากิน นางนาหินกอ้ นใหญ่ปิ ดปากประตู ถ้าไว้ เมื่อนางไปแลว้ สินสมุทรเห็นพระบิดาหลบั จึงผลกั กอ้ นหินออกแลว้ ไปว่ายน้า เล่น จบั เงือกไดจ้ ึงนามาถวายพระอภยั มณี เงือกน้าออ้ นวอนขอชีวติ และขอรับใช้ พระ อภยั มณีทรงขอใหเ้ งือกพาหนีจากนางผเี ส้ือสมุทรไปอยทู่ ่ีเกาะแกว้ พิสดาร โดยใหพ้ ระ อภยั มณีทรงวางแผนลวงนางผเี ส้ือสมุทร จากน้ันครอบครัวเงือกก็พาพระอภยั มณีและสินสมุทรหนีไปเกาะแก้ว พิสดาร เม่ือนางผีเส้ือสมุทรกลบั มาไม่พบสามีและบุตรจึงแน่ใจวา่ ท้งั สองหนีไปแลว้ จึงติดตามไปดว้ ยความคงั่ แคน้
พระอภยั มณีทรงแน่พระทยั รู้วา่ นางผีเส้ือสมุทรตามมา ทรงเกรงว่า ผูอ้ ื่นจะไดร้ ับอนั ตราย จึงบอกเงือกให้ปล่อยพระองค์สิ้นพระชนม์เพียงผูเ้ ดียว จนกระทงั่ เงือกสาวพาพระอภยั มณีและสินสมุทรมาถึงเกาะแกว้ พิสดาร พระฤๅษีรู้ไดด้ ว้ ยฌานว่าจะมีผูห้ นีนางผีเส้ือสมุทรมาพ่ึงพา ท่านจึง คอยรับและร่ายมนตร์ป้องกนั ไม่ใหน้ างผเี ส้ือสมุทรเขา้ ใกลเ้ กาะ พระฤๅษีเตือน ใหน้ างกลบั ไปอยทู่ ่ีถ้าตามเดิม ดว้ ยความโกรธนางผีเส้ือสมุทรจึงกา้ วร้าวกล่าว ร้ายพระฤๅษี พระฤๅษีจึงเสกทราบขวา้ งไปทาใหน้ างเจบ็ ปวดจาตอ้ งหลบไป แต่ กย็ งั วนเวยี นอยไู่ ม่ห่างจากเกาะ
๕ เนื้อเรื่อง ถึงบาทเบ้ืองปรเมศพระเชษฐา ตกยากอยคู่ ูหามาชา้ นาน จะกล่าวกลบั จบั ความไปตามเรื่อง เป็ นคู่ชิดเชยชมสมสมาน องคอ์ ภยั มณีศรีโสภา กบั ดว้ ยนางอสุรีนีรมิต จนนางมารมีบุตรบุรุษชาย ตอ้ งรักใคร่ไปตามยามกนั ดาร พระอภยั มณีถูกนางผเี ส้ือสมุทรจบั ตวั ไปใหอ้ ยใู่ นถ้า พระอภยั มณีเกรงวา่ จะถูก ทาร้ายจึงจาเป็นตอ้ งอยกู่ บั นางจนกระทง่ั มีบุตรพระองคห์ น่ึงช่ือ สินสมุทร
ฝ่ายกมุ ารสินสมุทรสุดสวาท ไม่ห่างบาทบิดาอชั ฌาสยั ดว้ ยมิไดข้ ่เู ขญ็ เช่นมารดา ความรักพอ่ ยง่ิ กวา่ แม่มาแต่ไร หนีไปวง่ิ เล่นอยใู่ นคูหา เห็นทรงธรรมบ์ รรทมสนิทนิ่ง เห็นแผน่ ผาพงิ ผนิดปิ ดหนทาง โลดลาพองลองเชิงละเลิงมา สินสมุทรจะคอยดูแลพระอภยั มณีไม่ใหห้ ่างไปไหนไกล เม่ือเห็นพระบิดาหลบั และถูกกอ้ นหินปิ ดปากถ้าอยู่ จึงช่วยผลกั ออกไปแลว้ จึงออกไปวา่ ยน้าเลน่
ยงิ่ ถูกน้ากาลงั ยง่ิ เกรียงไกร เที่ยวเล้ียวไล่ข่ีปลาในสาชล ระลอกซดั พลดั เขา้ ในปากฉลาม ลอดออกตามซีกเหงือกเสือกสลน เห็นฝงู เงือกเกลือกกลิ้งมากลางชล คิดวา่ คนมีหางเหมือนอยา่ งปลา คร้ันถามไถ่ไม่พดู กโ็ ผนจบั ดูกลอกกลบั กลางน้าปล้ามจั ฉา สินสมุทรไดอ้ อกไปว่ายน้าเล่น และไดเ้ ห็นฝูงเงือกกลุ่มหน่ึงท่ีมีลกั ษณะคลา้ ย ปลา สินสมุทรได้เข้าไปถามไถ่ เมื่อเห็นไม่พูดจึงได้จับเงือกเหล่าน้ันมาถวายให้กับ พระอภยั มณี
ฝ่ ายเงือกน้ านอนกลิ้งนิ่งสดบั กิตติศพั ทส์ องแจง้ แถลงไข รู้ภาษามนุษยแ์ น่ในใจ จะกราบไหวว้ อนวา่ ใหป้ รานี ค่อยเขย้อื นเลื่อนลุกข้ึนท้งั เจบ็ ยงั มึนเหน็บนอ้ มประณตบทศรี พระผา่ นเกลา้ เจา้ ฟ้าในธาตรี ขา้ ขอชีวติ ไวอ้ ยา่ ใหต้ าย นางเงือกออ้ นวอนขอชีวิตและขอรับใชพ้ ระอภยั มณี และไดบ้ อกกบั พระอภยั มณีว่า หากพระองคต์ อ้ งการส่ิงใดในน้าจะนามาถวาย
พระฟังเงือกพดู ไดใ้ หส้ งสาร จึงวา่ ท่านคิดน้ีดีขยนั รู้เจรจาสารพดั น่าอศั จรรย์ อยพู่ ดู กนั อีกสกั หน่อยจึงค่อยไป แต่ใตเ้ หนือไม่รู้แห่งตาแหน่งไหน เราตรองตรึกนึกจะหนีนางผเี ส้ือ ท่านเจนทางกลางทะเลคะเนใจ ทากระไรจึงจะพน้ ทนทรมาน พระอภยั มณีฟังเงือกพูดแลว้ เกิดความรู้สึกสงสาร จึงไดร้ ักษาชีวิตเงือกเอาไว้ และ พระองคท์ รงขอใหเ้ งือกพาหนีจากนางผเี ส้ือสมุทร แต่ไม่รู้จะไปอยใู่ นทใ่ี ด จึงใหเ้ งือกเลือก สถานที่ที่จะพาไปเพื่อใหร้ อดพน้ จากนางผเี ส้ือสมุทร
นางผเี ส้ือเหลือโกรธโลดทะล่ึง โตดงั หน่ึงยคุ ุนธร์ขนุ ไศล ลุยทะเลโครมครามออกตามไป สมุทรไทแทบจะถล่มทลาย เหล่าละเมาะเกาะขวางหนทางยกั ษ์ ภูเขาหกั หินหลุดทรุดสลาย ผเี ส้ือร้ายรีบรุดไม่หยดุ ยนื เสียงครึกคร้ืนคล่ืนคลุม้ ข้ึนกลุม้ กาย เมื่อนางผเี ส้ือสมุทรรู้วา่ พระอภยั มณีไดห้ นีจากนางไป นางจึงออกตามหาพระอภยั มณี ไปทวั่ ทอ้ งทะเลมหาสมุทรโดยไม่ลดละความพยายาม
พระโยคีช้ีหนา้ วา่ อุเหม่ ยงั โวเ้ วว้ นุ่ วายอีตายโหง เพราะหวงผวั มวั เมาเฝ้าตะโกรง วา่ กโู กงมึงกต็ กนรกเอง อียกั ษาตาโตโมโหมาก รูปกก็ ากปากกเ็ ปราะไม่เหมาะเหมง็ นมสองขา้ งอยา่ งกระโปรงดูโตงเตง ผวั ของเอง็ เขาระอาไม่น่าชม จึงหนีมาอาศยั กใู หอ้ ยู่ มิใช่กรู ู้เห็นเท่าเสน้ ผม มาตรีชาวา่ กผู ดิ ในกิจกรม จะใหส้ มน้าหนา้ สาแก่ใจ แลว้ เสกทรายปรายขวา้ งมากลางคล่ืน ดงั ลูกปื นยงิ ยกั ษใ์ หต้ กั ษยั ผเี ส้ือกลวั ตวั สน่ั เพยี งบรรลยั กห็ ลบไปตามวนชลธาร นางผีเส้ือสมุทรกา้ วร้าวต่อพระโยคีหรือฤๅษี พระโยคีจึงโมโหต่อว่าด่าทอนาง ต่างๆ นานา ใหร้ ู้สานึก จากน้นั จึงเสกทรายขวา้ งไปทาให้นางเจบ็ ปวดจาตอ้ งหลบไป แต่ก็ ยงั วนเวยี นอยไู่ ม่ห่างจากเกาะ
๖ คาศัพท์ ความหมาย นึกแคลงใจ นึกระแวง นึกสงสยั คาศัพท์ การงานรวบรวมไพร่พลเพ่อื ประโยชน์ของบา้ นเมือง กร่ิงใจ เสียงเล่าลือ เสียงสรรเสริญ เสียงยกยอ่ ง กิจกรม จระเข้ กิตติศพั ท์ แผน่ ดินท่ีมีอ่าว มีน้าทะเลลอ้ มรอบ กมุ ภา ภูเขาใหญ่ เกาะเกียน เคลื่อนไหวไปเรื่อย ขนุ ไศล คลา้ ยคลา้ ย
คาศัพท์ ความหมาย เจียระบาด ผา้ คาดเอวชนิดหน่ึง มีชายหอ้ ยท่ีหนา้ ขา เฉโก คนฉลาดแกมโกง ซึก แทรกอยู่ ซ้ึงเขา้ ไป ตรีชา ติเตียน ตาหนิ กล่าวโทษ ตะโกรง ทะเยอทะยาน อยากได้ ตะกละตะกลาม ถือเพทไสย มีความเช่ียวชาญในเวทมนตร์คาถาอาคม ทาไขหู ทาเป็นไม่ไดย้ นิ ทารัก แสร้งทาทีวา่ รักมาก
คาศัพท์ ความหมาย ปากเปราะ พดู วา่ คนโดยไม่มีการไตร่ตรอง ผนิด ปิ ดใหแ้ น่น พะเนิน คอ้ นขนาดใหญ่ใชต้ ีเหลก็ หรือทุบหิน พิษฐาน ขอร้องออ้ นวอนต่อสิ่งศกั ด์ิสิทธ์ิ เพลงศาสตรา ลีลาท่าทางการต่อสู้ดว้ ยอาวธุ ต่างๆ ภกั ษาหาร อาหารท่ีกินเป็ นประจา มะซาง ผลไมร้ สหวานเยน็ มียางมาก รุทร น่ากลวั ยงิ่
คาศัพท์ ความหมาย ลุยอ่อน ลุยน้าจนอ่อนแรง โวเ้ ว้ พดู จาเหลวไหล สมุทรไท ทอ้ งทะเลอนั กวา้ งใหญ่ สลาตนั ลมพายุ หนีเขาใช้ บวชเพราะตอ้ งการหนีราชการ หุบหอ้ ง ถ้า เห่ชา้ การเห่กล่อมลูกใหน้ อนดว้ ยทานองเพลงชา้ ๆ แห่งนุสนธ์ิ ที่ติดต่อ การติดต่อ
Search
Read the Text Version
- 1 - 42
Pages: