Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แนวคิดเกี่ยวกับโครงการ-สวัล เชื้อพรหม

แนวคิดเกี่ยวกับโครงการ-สวัล เชื้อพรหม

Published by jnoikaew, 2021-05-19 13:48:35

Description: แนวคิดเกี่ยวกับโครงการ-สวัล เชื้อพรหม

Search

Read the Text Version

๑ คำนำ ในการดาเนินงานวางแผนปฏิบัติราชการของสถานศึกษา ต้องมีการวางโครงการหรือเรียกช่ืออย่างอื่น เช่น การวางแผนโครงการ การจัดทาโครงการ การจัดเตรียมโครงการ การกาหนดรายละเอียดของโครงการ หรือการเขียนโครงการ เป็นการกาหนดองค์ประกอบท่ีเก่ียวเน่ืองกันอย่างเป็นข้ันตอนและสอดคล้องกันอย่าง เป็นเหตุเป็นผลและเป็นระบบเพื่อให้โครงการของโรงเรียนวัดยายร่ม(วัฒนราษฎร์รังสรรค์)ท่ีกาหนดขึ้นเป็น โครงการที่ดีและสามารถนาไปดาเนินการได้สัมฤทธิ์ผลตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายท่ีกาหนดไว้อย่างมี ประสิทธิภาพ โดยท่ีการวางโครงการนั้นจะต้องศึกษาวิเคราะห์องค์ประกอบของโครงการอย่างละเอียด รอบคอบ เพ่ือความเข้าใจตรงกันของบุคลากรภายในโรงเรียนวัดยายร่ม(วัฒนราษฎร์รังสรรค์)จึงกาหนดการ จัดทาโครงการในรูปแบบเดียวกัน ให้เข้าใจง่าย และวัตถุประสงค์ของโครงการท่ีกาหนดข้ึนมีความเป็นไปได้ สามารถวัดและประเมินผลได้ ระบุสิ่งที่ต้องการดาเนินงานอย่างชัดเจนและจาเพาะเจาะจงให้สอดคล้องกับ เปา้ หมายของโรงเรียน มีความเป็นเหตเุ ปน็ ผลในการปฏิบัตงิ าน และมีขอบเขตการปฏิบัติงานที่แน่นอน เพื่อให้ การดาเนินงานโครงการมีประสิทธิภาพมีข้อมูลสารสนเทศท่ีเช่ือถือได้ เป็นปัจจุบัน นาสู่การประกันคุณภาพ ภายในท่ียงั่ ยนื นางสาวสวลั เชอื้ พรหม ผอู้ านวยการโรงเรยี นวดั ยายรม่ (วัฒนราษฎรร์ ังสรรค์)

สารบัญ หน้า คานา………………………………………………………………………………………………………………………………………………..ก สารบญั ............................................................................................................................. ..................................ข แนวคิดเก่ยี วกับโครงการ....................................................................................................................................๑ ความหมายและลักษณะของโครงการ ................................................................................................ ๑ ลาดับชนั้ ของโครงการ ......................................................................................................................๑ ความสาคัญของโครงการ ................................................................................................................... ๒ องค์ประกอบของโครงการ ................................................................................................................. ๒ รปู แบบการเขียนโครงการของโงเรียนวัดยายรม่ (วัฒนราษฎร์รังสรรค์)............................................... ๓ การประเมนิ ความกา้ วหนา้ ในการดาเนินโครงการ................................................................................๘ ความหมายและลักษณะของการประเมินความกา้ วหน้าในการดาเนนิ โครงการ...................................๕ ขั้นตอนการประเมินความก้าวหน้าในการดาเนินโครงการทางการศึกษา.............................................๖ บรรณานกุ รม............................................................................................................................. ......................๑๒

๑ แนวคิดเกี่ยวกับโครงกำร นางสาวสวลั เช้อื พรหม ผู้อานวยการโรงเรยี นวดั ยายร่ม(วฒั นราษฎร์รังสรรค)์ สาระสาคัญเก่ียวกับโครงการจะประกอบด้วยความหมายและลักษณะของโครงการ ลาดับช้ัน ความสาคญั และองคป์ ระกอบของโครงการ ดงั น้ี ๑ ควำมหมำยและลักษณะของโครงกำร ความหมายของโครงการ (Project) ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ (ราชบัณฑิตยสถาน,๒๕๔๖ : ๒๗๐) ให้ความหมายว่าเป็นแผนหรือเค้าโครงการตามที่กาหนดไว้ ส่วน เยาวดี รางชัยกุล วบิ ลู ยศ์ รี (๒๕๔๖ : ๘๐- ๘๑) ได้สรุปสาระสาคญั ๆของโครงการไว้ ๔ ประการ คือ โครงการจะต้องมี การกาหนดเวลาสิ้นสุด โครงการมีกิจกรรมท่ีซับซ้อน กิจกรรมจะสนองตอบวัตถุประสงค์โครงการ และเมื่อ โครงการส้ินสุดจะไมม่ กี ารทาซ้าในลกั ษณะเดมิ อีก นอกจากนี้ สุพักตร์ พิบลู ย์ และ กานดา นาคะเวช (๒๕๔๕ : ๑๗๗) ให้ความหมายของโครงการว่าเป็น กลุ่มของกิจกรรมท่ีเห็นว่าเป็นทางเลือกในการยกระดับคุณภาพงานท่ีได้รับการคัดสรรแล้วว่าเหมาะสม และ น่าจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการยกระดับคุณภาพงานปกติ โดยมีจุดมุ่งหมาย เป้าหมาย กิจกรรมการ ดาเนนิ งานท่ีชัดเจน และมชี ว่ งระยะเวลาในการดาเนินงานทแี่ นน่ อน จากความหมายโครงการขา้ งตน้ ตามพจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน รวมท้ังนักวิชาการ จะเห็นว่า คาวา่ โครงการมลี กั ษณะเฉพาะท่ีจัดทาข้ึนเพอ่ื เสริมการดาเนนิ งานตามสภาพปกติ โดยมีจุดมุ่งหมาย เป้าหมาย กิจกรรมและระยะเวลาส้ินสุดท่ีแน่นอน และไม่ทาซ้าแต่อาจยกเว้นถ้า มกี ารปรับให้ต่างจากเดิม เป็นการพัฒนา จึงสรปุ ได้ว่าโครงการไมใ่ ชง่ านประจาตามปกติ ท่ีมีลักษณะโปรแกรม ทก่ี าหนดไวต้ ลอด แตจ่ ะชว่ ยเสริมงานปกติให้บรรลจุ ดุ มงุ่ หมายได้ ๒ ลำดบั ชนั้ ของโครงกำร โครงการเป็นองค์ประกอบของการดาเนินงานขององค์การต่างๆ แต่ละโครงการจะมีลักษณะขอบข่าย ที่แตกตา่ งกันมาก บางโครงการใช้งบประมาณสงู เกอื บแสนลา้ นบาท มีกจิ กรรมย่อยมาก ดาเนินการในพ้ืนที่ทั่ว ประเทศ บางโครงการใช้งบประมาณเพียงระดับพันบาท มีกิจกรรมน้อย ดาเนินการในโรงเรียนเล็กๆซ่ึงถ้าจะ จัดลาดบั ช้ันของโครงการท่ีมโี ครงสรา้ งง่ายทส่ี ุดจะได้ ดงั ภาพ แผน แผนงาน 1 แผนงาน 2 แผนงาน 3 โครงการ1.1 โครงการ1.2 โครงการ 1.3 โครงการ2.1 โครงการ2.2 โครงการ2.3 โครงการ3.1 โครงการ3.2 โครงการ3.3 กิจกรรม 1.2.1 กิจกรรม 1.2.1 กิจกรรม 1.2.1 กิจกรรม 1.2.1 กิจกรรม 1.2.1 กิจกรรม 1.2.1 กิจกรรม 1.2.1 กิจกรรม 1.2.1 กิจกรรม 1.2.1

๒ จากภาพ จะเห็นว่าโครงการเป็นองค์ประกอบย่อยแผนงานระหว่างกิจกรรมและแผนงาน ทั้งนี้อาจมี การแบ่งย่อยโครงสร้างดังกล่าวลงได้อีก เช่น แบ่งแผนงานหนึ่งออกเป็นงานต่างๆเป็นต้น ขึ้นอยู่กับความ ซับซ้อนและจุดมุ่งหมายของแผน ซ่ึงบางคร้ังอาจจะพบว่าโครงการของหน่วยงานหน่ึงอาจจะใหญ่กวา่ แผนงาน ของอีกหน่วยงานหน่ึงด้วยซ้า ถ้านาโครงการมาเปรียบเทียบกันระหว่างหน่วยงานแล้ว ดังนั้นการจัดลาดับช้ัน โครงการจึงควรใช้กรอบโครงสร้างของหน่วยงานนั้นๆ และเปรียบเทียบกันในตัวเอง จะเห็นถึงลาดับช้ันได้ ชดั เจนกวา่ ๓ ควำมสำคัญของโครงกำร โครงการเปน็ การวางแผนตามที่กาหนดไว้ ซงึ่ มคี วามสาคัญและจะช่วยใหบ้ รรลจุ ดุ มุ่งหมายได้ ดงั นี้ ๓.๑ ช่วยเป็นแนวทางหรือวิธีการท่ีจะนาไปสู่ปรากฏการณ์ท่ีต้องการจะให้เป็นในอนาคตอย่างมี ระบบ โดยมกี ารกาหนดวัตถปุ ระสงค์ เปา้ หมาย และกจิ กรรมต่างๆไว้ ๓.๒ ช่วยกาหนดลาดับชั้นของกิจกรรมต่างๆท่ีจะต้องทาให้ต่อเนื่องสอดคล้องกันอย่างมี ประสิทธิภาพ ประหยัดทรัพยากรตา่ งๆ และมปี ระสิทธิผลได้ ๓.๓ ช่วยให้เกิดการประสานระหว่างผู้ปฏิบัติงานหรือหน่วยงานปฏิบัติที่เกี่ยวข้องไม่ไห้กิจกรรม บางอยา่ งขาดหายไปหรอื ซา้ ซอ้ นกัน ๓.๔ ช่วยให้เกิดการประเมินผลอย่างมีขั้นตอนและมีระบบที่ดี ทาให้ได้สารสนเทศจากการ ประเมนิ ท่ีเปน็ ประโยชน์ ๔ องค์ประกอบของโครงกำร โครงการทว่ั ๆไปและโครงการทางการศกึ ษาจะมอี งคป์ ระกอบสาคัญๆ คลา้ ยคลึงกันแต่การเขียนอาจมี หลายวิธี ท่นี ิยมกันท่ัวไปคือ วธิ ีเขยี นแบบดัง้ เดิม (Conventional Method) ซ่งึ มอี งคป์ ระกอบสาคญั ๆ ดังนี้ ๔.๑ ช่ือโครงการ ๔.๒ หน่วยงาน/ผรู้ บั ผิดชอบ ๔.๓ ระยะเวลาดาเนนิ โครงการ ๔.๔ หลักการและเหตุผล ๔.๕ วตั ถุประสงค์ ๔.๖ เปา้ หมาย ๔.๗ สถานที่ดาเนนิ งาน ๔.๘ วธิ ดี าเนินงาน ๔.๙ งบประมาณ ๔.๑๐ การติดตามประเมนิ ผล ๔.๑๑ ผลทีค่ าดวา่ จะไดร้ บั ๔.๑๒ ตวั ช้ีวัดหรอื ตัวช้ีวดั ความสาเร็จของโครงการ ๔.๑๓ อนื่ ๆ จากท่ีกล่าวมา แต่ละหน่วยงานอาจกาหนดองค์ประกอบของโครงการแตกต่างกันออกไปบ้าง เช่น บาง หน่วยงาน ผู้มีหน้าท่ีรับผิดชอบ ฝ่ายวางแผนหรือฝ่ายท่ีเก่ียวข้องจะกาหนดให้ระบุในตอนต้นเพ่ือการตัดยอด งบประมาณหรือเหตุผลอื่นๆ โดยอาจระบุว่าโครงการอยู่ในแผนหรือแผนงานใด เป็นโครงการใหม่หรือตอ่ เน่ือง

๓ มหี น่วยงานใดท่ีเกย่ี วข้องบา้ ง และในปัจจบุ ันมักจะเพ่มิ ตวั ช้ีวดั หรือตวั ชี้วดั ความสาเรจ็ ของโครงการ เพื่อให้เอื้อ ตอ่ การประเมินด้วย เปน็ ตน้ ๕ รปู แบบกำรเขียนโครงกำรของโรงเรียนวดั ยำยร่ม(วฒั นรำษฎรร์ งั สรรค์) สำหรับโรงเรยี นวดั ยำยร่ม(วัฒนรำษฎร์รังสรรค)์ เพือ่ ให้สอดคลอ้ งกบั บริบท และควำมเข้ำใจ ตรงกันจึงกำหนดไว้เปน็ ตัวอย่ำงแบบฟอร์มกำรเขียนโครงกำร ดังนี้ ชอื่ โครงกำร บอกให้ทราบว่าจะ ทำอะไร แกใ่ คร ทไ่ี หน ซง่ึ ต้องมีความกระชบั จาเพาะเจาะจงและสื่อ ความหมายได้ชดั เจน สอดคล้องกบั เน้ือหาสาระของโครงการแสดงถงึ ลกั ษณะงานหรือลักษณะเฉพาะของ โครงการหรอื ลักษณะงานทีต่ ้องปฏบิ ัติและจุดหมายปลายทางท่ีตอ้ งการ เชน่ โครงการสร้างเสริมสุขภาพ อนามัยและความปลอดภยั ของเด็กและนักเรียน โครงการเกษตรเพ่ือการเรียนรู้.........เปน็ ตน้ หน่วยงำน / ผู้รับผิดชอบ ต้องระบุไว้ ชัดเจน เพื่อสะดวกในการติดต่อประสานงาน เช่น โรงเรียนวัดยำยร่ม (วฒั นรำษฎร์รงั สรรค์) (ชื่อหนว่ ยงาน) นำงสำวสวลั เชือ้ พรหม (ช่อื ผู้รบั ผิดชอบ) ระยะเวลำดำเนินโครงกำร ต้องระบุเวลาเรม่ิ ต้นและสิ้นสดุ เช่น ปีกำรศกึ ษำ ๒๕๖๔ หรือ ปงี บประมำณ ๑. หลักกำรและเหตุผล เปน็ ส่วนที่บอกให้ทราบว่า ทำไมต้องทำโครงกำรนนั้ ทาแลว้ จะไดอ้ ะไร และควร กล่าวถึงความเป็นมาและความจาเป็นท่ีต้องดาเนินโครงการ ถ้าไม่ดาเนินโครงการจะส่งผลเสียหายหรือทาให้ การพัฒนาหยดุ ชะงักไดอ้ ย่างไร (เช่น มาจากปัญหา มาจากความตอ้ งการในการพัฒนา มาจากนโยบาย มาจาก แผนพัฒนาต่างๆท่ีเก่ียวข้อง มาจากสภาพที่เน้นความคาดหวังหรือสภาพที่ควรจะเป็นในเชิงพัฒนา มาจาก ทฤษฎีวิชาการที่เก่ียวข้อง เป็นต้น) โดยแสดงถึงข้อมูล สถิติ และเหตุผลรองรับที่มีน้าหนักอย่างสอดคล้องและ สมเหตสุ มผลเพ่ือให้ผ้บู รหิ ารหรอื ผู้มอี านาจอนุมัติพจิ ารณาเหน็ ควรให้การสนบั สนนุ หรอื อนุมตั โิ ครงการนนั้ ๒. วัตถุประสงค์ เป็นการกาหนดทิศทางหรือแนวทางในการปฏิบัติที่สามารถวัดได้ ซ่ึงแสดงถึงผลงานท่ีเป็น จุดหมายปลายทางหรือแสดงให้เห็นว่าจะต้องทาอะไรให้เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองสภาพอันเป็นที่มาของโครงการ เมื่อดาเนินโครงการเสร็จส้ินไปแล้วโดยเขียนให้สอดคล้องกับชื่อโครงการ หลักการและเหตุผลโดยมีความ เป็นไปได้ วัดได้ ตรวจสอบได้ รวมทงั้ สอดคลอ้ งกบั กจิ กรรม เป้าหมาย และช่ือโครงการด้วย ๓. เป้ำหมำย เป็นการกาหนดทิศทางและความต้องการที่คาดหวังจะให้เกิดข้ึนจากการปฏิบัติงาน เป็นการ กาหนดจุดในการปฏิบัติงานเพ่ือนาสู่การบรรลุวัตถุประสงค์แต่ละข้อของโครงการ เป้าหมายจึงมีลักษณะเป็น วตั ถุประสงค์เฉพาะหรือขยายวัตถุประสงค์ให้เปน็ รูปธรรมมากข้นึ เป็นส่วนประกอบของแต่ละวตั ถุประสงคข์ อง โครงการใช้เป็นเครื่องกากับการทางานตามชว่ งระยะเวลาต่างๆ ท่ีกาหนดเพ่ือให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์แต่ ละข้อท่ีกาหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ ซ่ีงระบุทั้งในเชิงปริมำณและเชิงคุณภำพท่ีสามารถวัดได้ตาม ลักษณะเฉพาะของผลงาน โดยมีระยะเวลาท่ีชัดเจนเป็นจุดท่ีแสดงผลงานตามรายทางก่อนท่ีจะบรรลุ วตั ถปุ ระสงค์แต่ละข้อตามทก่ี าหนดไว้ การกาหนดเป้าหมายที่ดีจะต้องพิจารณาถึงการตอบสนองนโยบายหรือสภาพอันเป็นที่มาของโครงการ และวัตถุประสงคข์ องโครงการท่กี าหนดไว้ ซง่ึ จะเปน็ ตัวบง่ ชี้ความสาเร็จ(Benchmark) ที่แท้จรงิ ของโครงการ

๔ ๓.๑ เชิงปริมำณ ระบเุ ป็นจานวนตวั เลข ๓.๒ เชิงคณุ ภำพ ระบุถงึ ผลสาเรจ็ ๔. ลกั ษณะของโครงกำร เป็นการบ่งบอกถึงลักษณะของโครงการ เช่น เป็นโครงการใหม่หรือโครงการต่อเนื่อง สอดคล้องกับ แผนงานใด ประเด็นกลยุทธ์ข้อท่ี ในแผนปฏิบัติราชการของโรงเรียน หรือแสดงถึงความสัมพันธ์กับมาตรฐาน ตวั ชี้วดั การประกันคณุ ภาพภายในของโรงเรยี นในสังกัดกรุงเทพมหานคร เชน่ เป็นโครงการใหม่ตามแผนปฏิบัติ ราชการ โรงเรียนวัดยายร่ม(วัฒนราษฎร์รังสรรค์) ปีการศึกษา ๒๕๖๔ กลยุทธ์ที่ ๕ การพัฒนาหลักสูตรและ การสอนโรงเรียนเทียบมาตรฐานสากล สอดคล้องกับมาตรฐานการประกันคุณภาพภายในด้านคุณภาพผู้เรียน ผเู้ รยี นมผี ลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นสงู ขึน้ และพฒั นาการจากผลการสอบวัดระดับชาติ…….. ๕. วิธีดำเนนิ กำร (แสดงขัน้ ตอนภารกจิ ท่จี ะต้องทาให้การดาเนินงานตามโครงการและระยะเวลาในการปฏบิ ัตแิ ตล่ ะ ขน้ั ตอน วิธีการเขียนให้เห็นกจิ กรรมและขน้ั ตอนการดาเนินงานอยา่ งเป็นลาดบั ระบุแนวทางและวิธีการโดย ละเอยี ด เพื่อมงุ่ ไปสูเ่ ป้าหมาย และวตั ถปุ ระสงค์ ในแต่ละข้อของโครงการอยา่ งมีประสิทธภิ าพโดยกาหนดเป็น ขนั้ ตอนการดาเนนิ กิจกรรมอยา่ งชดั เจนต้ังแตต่ ้นจนจบกระบวนการ ในลกั ษณะของแผนปฏิบตั ิการ คือ ระบุว่า ใคร ทาอะไร เมอื่ ใด ด้วยกจิ กรรมตามลาดบั และขั้นตอนอย่างไร เพื่อเปน็ แนวทางในการพจิ ารณาความเป็นไป ไดข้ องโครงการ จึงไดน้ ากระบวนการบริหารแบบปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ประกอบดว้ ย วธิ ีกำรบริหำร ของปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียง พอ่ หลวง“ ข้นั ตอน เรยี กว่ำ 7โมเดล”(PO LUANG Model) ประกอบด้วย ๑)การวางแผน (Planning-P) ๒)การดาเนนิ การปฏิบัติ (Operation-O) ๓)การเรยี นรู้ (Learning-L) ๔)ความเปน็ เอกภาพ (Unity) ๕)การประเมนิ ผล (Assessment-A) ๖)การประชมุ แลกเปลี่ยน เรยี นรู้ (Negotiating) ๗)การรวบรวมผล (Gathered) ซึง่ มรี ายละเอียดดังต่อไปนี้ ๕.1 ข้นั กำรวำงแผน (Planning - P) .๕1.1 ประชมุ ชแ้ี จงเพือ่ ทาความเขา้ ใจกับทีมคณะทางาน/คณะครู และผ้ทู เ่ี ก่ียวข้อง ๕.1.2 ประชมุ ปฏบิ ตั ิการแบบมสี ว่ นร่วมกับผ้ทู ม่ี ีส่วนเก่ยี วขอ้ งและทมี คณะทางาน .๕1.3 จัดทาแบบแผนแบบมีส่วนรว่ มและกิจกรรมเพ่อื พฒั นาในด้านต่าง ๆ .๕1.4 รา่ งตัวช้วี ัดความสาเร็จ ๕.2 ข้ันกำรดำเนินกำรปฏบิ ัติ (Operation - O) ๕.2.1 ประชมุ คณะทางานเพื่อชี้แจงแผนงาน/โครงการ ๕.2.2 กาหนดผู้รบั ผิดชอบ(ระบุผเู้ กย่ี วข้องทุกฝา่ ยตามกิจกรรมย่อย) งบประมาณ วสั ดุอุปกรณ์ วิธีการปฏบิ ตั แิ ละระยะเวลาตามโครงการของแผนปฏบิ ัตริ าชการ ๕.๒.๓ ดาเนนิ งานตามกจิ กรรมของโครงการใหล้ ุล่วงวตั ถปุ ระสงค์/เป้าหมาย ๕.3 ขั้นกำรเรยี นรู้ (Learning - L) ๕.๓.๑ วางแผนแลกเปล่ียนเรียนรู้ในองค์กร ๕.๓.๒ จัดกระบวนการสร้างความรู้ (Knowledge) คุณธรรมจริยธรรมและนิยมท่ีพึงประสงค์ ผา่ นกิจกรรมการเรียนรตู้ ามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ๕.4 ข้ันควำมเป็นเอกภำพ (Unity - U) ๕.๔.๑ เนน้ การปฏิบัติงานเปน็ ทีม ขยายการสรา้ งเครือขา่ ย สรา้ งความสามัคคี

๕ ๕.4.๒ ทุกขั้นตอนสร้างแรงจูงใจทีมงาน บนหลักการดาเนินงาน “เพื่อนช่วยเพ่ือน พ่ีช่วยน้อง” และ“เด็กคิด เดก็ ทา เดก็ นา ผใู้ หญ่หนนุ ” .๕4.๓ การส่งเสริมความตระหนักการมีส่วนร่วม โดยคณะกรรมการดาเนินงาน ติดตามการ ดาเนินงาน และอานวยความสะดวกในการดาเนนิ กจิ กรรมของผู้เก่ยี วข้อง ใหเ้ ปน็ ไปตามภาระงานที่กาหนด ๕.5 ขนั้ กำรประเมนิ ผล (Assessment - A) ๕.5.1. ประเมินผลการดาเนินงาน(ควรระบุประเด็นสาคัญๆ เช่น ประเมินประเด็นสาคัญ อะไรบ้าง ประเมินโดยใคร ใช้รูปแบบหรือแนวทางอย่างไร เครื่องมือเก็บข้อมูลเป็นแบบใด เป็นต้น)/สรุปผล ความสาเร็จ .๕5.2. สะทอ้ นผลกบั ผูท้ ี่มีส่วนเกี่ยวข้องรว่ มกัน .๕5.3. ทบทวนตัวชีว้ ดั ความสาเร็จจากการดาเนินงาน .๕5.4. ประเมินความพึงพอใจในการดาเนินงานโครงการ/กิจกรรม ๕.6 ข้ันกำรประชุมแลกเปล่ียนเรยี นรู้ (Negotiation - N) ๕.6.๑ สรปุ รายละเอยี ดการดาเนนิ การตามแผนงานโครงการ/กิจกรรม .๕6.๒ นิเทศติดตามการดาเนินงาน/ปรับปรุงและพัฒนาการสนับสนุนการดาเนินงาน และร่วม ใหก้ าลังใจและชื่นชม/ชมเชยในผลงาน เพ่ือกาหนดนโยบายและวางแผนงานของโรงเรียน .๕6.๓ ขยายผลไปยัง/กลุ่ม/โรงเรียนเครือข่าย/ชุมชนเครือข่าย โดยประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ความคิดเหน็ แลกเปลีย่ นเรยี นร้หู ลกั การพฒั นา และยกระดับความร้แู ละกจิ กรรมท่เี ป็นจดุ เดน่ ๕.7 ข้ันกำรรวบรวมผล (Gathered - G) ๕.7.1 สรุปผลความสาเร็จ ๕.7.2 นเิ ทศติดตาม ปรบั ปรุงพัฒนา และรายงานการดาเนินการ ๖.ระยะเวลำดำเนินกำร (เป็นการระบุระยะเวลาตลอดการดาเนนิ งานโครงการ ส่วนทแี่ สดงชว่ งเวลากจ็ ะบอก ใหท้ ราบว่า กจิ กรรมใดใชเ้ วลาเท่าใด ซึง่ กาหนดไวเ้ หมาะสมกบั สภาพการปฏิบัตกิ ารปฏิบตั ิหรือสภาพแวดล้อม ของการทางานหรอื ดาเนินกิจกรรมนัน้ ๆ) ๗. สถำนทดี่ ำเนินกำร (เป็นสถานทขี่ องแต่ละกิจกรรมย่อย) ๘. งบประมำณ (เป็นการประมาณการรายจ่ายในการดาเนินงานตามโครงการ โดยแสดงถึงยอดรวมค่าใช้จ่าย ทั้งโครงการ และค่าใช้จ่ายแต่ละกิจกรรมหรือแต่ละช่วงเวลาพร้อมทั้งรายละเอียดค่าใช้จ่าย ระบุงบประมาณ ทั้งหมดและแหล่งท่ีมารวมท้ังแบ่งเป็นหมวดๆ ตามเกณฑ์ที่หน่วยงานหรือต้นสังกัดกาหนด โดยคานึงถึงความ ค้มุ คา่ กับผลตอบแทนที่จะได้รับความต่อเนือ่ งและความมปี ระสทิ ธิภาพในการปฏิบัตงิ านตามโครงการ) ๙. ผลที่คำดว่ำจะได้รับ (เป็นผลประโยชน์หรือผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการดาเนินโครงการ ท่ีได้ โดยตรงและโดยอ้อม หรือผลกระทบท่ีสืบเนื่องมาจากการปฏิบัติโครงการนั้น โดยระบุไวช้ ัดเจนว่าใครจะได้รับ ผลประโยชน์และผลกระทบน้ันในลักษณะอย่างไร ทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ซ่ึงจะต้องสอดคล้องหรือ เปน็ เหตุเปน็ ผลกันกบั วตั ถุประสงคแ์ ละเป้าหมายทีก่ าหนดไว้) ๑๐. ตัวช้ีวัดหรือตัวช้ีวัดควำมสำเร็จของโครงกำร อาจระบุตัวชี้วัดในลักษณะผลผลิต ผลลัพธ์ ผลกระทบ หรือระบุในลักษณะงบประมาณ เวลา ผลท่ีได้ (ระบุการประเมินผลออกมาเป็นตัวเลข/จานวน/ปริมาณ ตาม วตั ถุประสงคท์ ่วี างไว้) เป็นตน้

๖ กิจกรรม ปฏิ ทิ นการดาเนิ นงาน สถานท่ี/ ผรู้ บั ผิดชอบ แผนงาน/โครงการ/กิจกรรม เวลา วนั /เดือน/ รายละเอียด ผลผลิต ผลลพั ธ์ ปี กิจกรรม (out put) (out come) กำหนดกำรดำเนนิ งำน โครงกำร…………………………………………………………………….. กิจกรรมท่ี ๑ …………………………………………….. ประจำปีกำรศกึ ษำ ๒๕๖๔ ณ โรงเรียนวดั ยำยร่ม(วัฒนรำษฎร์รงั สรรค์) สำนักงำนเขตจอมทอง วันที่.........เดอื น มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๔ เวลา…………………………………………. -……………………………………………………………………………………………………. วันท่ี.........เดอื น กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๔ - เวลา…………………………………………. -……………………………………………………………………………………………………. หมำยเหตุ กาหนดการสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม ๖ กำรประเมนิ ควำมกำ้ วหน้ำในกำรดำเนนิ โครงกำร การประเมินความก้าวหน้าในการดาเนินโครงการ ( Formative Evaluation) เป็นการประเมินโครงการ ลักษณะหนึ่ง ซ่ึงในท่ีนี้จะกล่าวถึงสาระเกี่ยวกับความหมายและลักษณะของการประเมินความก้าวหน้าในการ ดาเนินโครงการ ความสาคัญ และข้ันตอน และตัวอย่างแนวทางการประเมินความก้าวหน้าในการดาเนิน โครงการ ดงั นี้

๗ ๖.๑ ควำมหมำยและลักษณะของกำรประเมินควำมก้ำวหนำ้ ในกำรดำเนินโครงกำร การประเมินความก้าวหน้าในการดาเนินการ เป็นการประเมินในระหว่างที่โครงการยังดาเนินการอยู่ เพือ่ หาข้อมูลมาตัดสินใจปรบั ปรุงเปลี่ยนแปลงการปฏบิ ตั กิ ารโครงการในระยะต่อไปใหบ้ รรลวุ ตั ถปุ ระสงค์และมี ประสทิ ธิภาพสงู สุด ลักษณะสาคัญของการประเมินความก้าวหน้าในการดาเนินโครงการจึงเป็นการประเมินคณะดาเนิน โครงการเพื่อศึกษากระบวนการดาเนินงาน มุ่งนาข้อมูลมาใช้ประกอบการตัดสินใจปรับปรุงกิจกรรมและ ตรวจสอบความก้าวหน้าตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ซ่ึงมีสาระโดยสรุป ดังน้ี (สุพักตร์ พิบูลย์ และ กานดา นาคะเวช, ๒๕๔๕ :๑๑๙) ๖.๑.๑ ประเมนิ ในขณะที่โครงการดาเนินอยู่ ซ่ึงอาจเป็นการดาเนินโครงการครง้ั แรกหรือ เปน็ โครงการต่อเน่อื งหรือโครงการประจาแต่ละปีงบประมาณ ตามระยะเวลาเป็นช่วงๆ เช่น โครงการฝกึ อบรม เปน็ รุ่นๆ ตามหลักสูตรต่างๆ ซึ่งมีแนวโน้มจะดาเนนิ การต่อไปเร่ือยๆ โอกาสจะยตุ ิโครงการมีน้อย การประเมิน จึงเป็นการประเมนิ ความกา้ วหน้า ๖.๑.๒ ประเมินเพื่อศึกษากระบวนการดาเนินงานตามโครงการ ซึ่งเป็นการตรวจสอบว่า กิจกรรมต่างๆ เป็นไปตามแผนหรือไม่ ท้ังในระยะเวลา งบประมาณ เป้าหมาย ปัญหาต่างๆ เพื่อนาผลมา ปรบั ปรงุ กระบวนการดาเนนิ งานในระยะหรือช่วงต่อๆไป ๖.๑.๓ ประเมนิ เพื่อหาสารสนเทศประกอบการตัดสนิ ใจ สารสนเทศทไ่ี ด้จากกระบวนการ ดาเนินงานจะนาไปสู่การปรับปรุง การดาเนินงานเองและส่วนที่เก่ียวข้องอ่ืนๆ ได้ เช่น รายละเอียดต่างๆ ของ โครงการ ความพร้อมและปจั จยั ท่ีเกย่ี วข้องกับโครงการ เป็นตน้ ๖.๑.๔ ประเมินเพื่อเน้นตรวจสอบความก้าวหน้าของผลดาเนินโครงการ นอกจาก ประเมินตามข้อ 1-3 แล้ว จะมีการตรวจสอบถึงผลท่ีจะได้ว่ามีแนวโน้มเป็นอย่างไรโดยอาจตรวจสอบท้ังเชิง ปรมิ าณและคณุ ภาพ เพ่ือปรบั การดาเนนิ งานให้เอ้ือต่อผลของโครงการ ๖.๒ ควำมสำคญั ของกำรประเมนิ ควำมกำ้ วหน้ำในกำรดำเนนิ โครงกำร การประเมินความก้าวหน้าในการดาเนินโครงการ มีบทบาทสาคัญที่จะช่วยกระบวนการ ตัดสินใจแก่ผู้เก่ียวข้องทุกฝ่ายในการดาเนินโครงการให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยอาจสรุปสาระสาคัญของ ความสาคัญในการประเมินความก้าวหน้าในการดาเนนิ โครงการได้ ดงั นี้ ๖.๒.๑ ช่วยให้ได้สารสนเทศที่เป็นประโยชน์ สารสนเทศที่ได้จะเป็นประโยชน์ต่อการ ปรับปรงุ กิจกรรม และวิธีปฏบิ ตั ิอ่นื ๆ องคป์ ระกอบต่างๆ ในชว่ งเวลาท่เี หลอื หรือการดาเนินการในร่นุ ต่อไป ๖.๒.๒ ช่วยให้ผู้บริหารหรือผู้ท่ีเก่ียวข้องกับโครงการตัดสินใจได้ทันท่วงที ภายใต้ ฐานข้อมูลสารสนเทศที่ถูกต้อง ครอบคลุม เป็นการเพ่ิมศักยภาพของโครงการและลดความสูญเสีย สิ้นเปลือง ทรัพยากรตา่ งๆ ได้ ๖.๒.๓ ช่วยเพ่ิมความม่ันใจแก่ผู้เกี่ยวข้องกับโครงการ ผู้เกี่ยวข้องกับโครงการท้ัง ผ้รู บั ผิดชอบ ผู้สนับสนุน ผู้รบั บริการ ฯลฯ จะเกิดความมั่นใจได้เพราะเป็นการดาเนินโครงการอย่างเป็นระบบ ครบวงจร ตามหลักการบริหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าผลการประเมินพบว่ามีความสาเร็จหรือมีแนวโน้มว่าจะ สาเรจ็ ๖.๒.๔ ช่วยแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใส ในการดาเนินโครงการของผู้รับผิดชอบทุกฝ่าย สามารถตรวจสอบการดาเนินโครงการได้อย่างต่อเน่ือง ชัดเจน เป็นการสนองตอบหลักการบริหารจัดการท่ีดี หรอื ธรรมาภิบาลได้

๘ ๖.๓ ขั้นตอนกำรประเมนิ ควำมก้ำวหน้ำในกำรดำเนินโครงกำรทำงกำรศกึ ษำ การประเมินความก้าวหน้าในการดาเนินโครงการทางการศึกษา มีขั้นตอนสาคัญ 9 ขั้นตอน ดงั น้ี ๖.๓.๑ กำรศึกษำวิเครำะห์โครงกำร ในขั้นตอนนี้ ผู้ประเมินต้องศึกษาโครงการที่จะ ประเมินอย่างละเอียดเช่นเดยี วกับการประเมินสงิ่ อื่นๆ โดยศึกษาจากเอกสารที่เป็นตัวโครงการผู้เกี่ยวข้องหรือ แผนต่างๆ โดยเฉพาะอย่างย่ิง วัตถุประสงค์ เป้าหมาย กิจกรรม การติดตามประเมินผล ตัวชี้วัดความสาเร็จ ต่างๆ ของโครงการ (ถ้ามี) ท้ังนี้ ศิริชัย กาญจนวาสี และคนอื่นๆ (2541:55-58) ได้สรุปแนวทางในการ วิเคราะหโ์ ครงการทีจ่ ะประเมินไว้ ดงั น้ี ๖.๓.๑.๑ พิจารณาองค์ประกอบต่างๆ ของโครงการ โดยพิจารณาเป็น 2 ประเด็น คือ ความชัดเจน และความสมั พันธข์ ององคป์ ระกอบ ดงั นี้ ๖.๓.๑.๑.๑ ความชัดเจน ในท่ีนี้ หมายถึง ความครอบคลุมรายละเอียดของ องค์ประกอบแต่ละองค์ประกอบท่ีสาคัญของการเขียนโครงการ เช่น ในส่วนของชื่อโครงการได้แสดงถึง ลักษณะของเร่ืองท่ีจะทามากน้อยเพียงใด เม่ืออ่านชื่อแล้วจะต้องทาให้เกิดมองเห็นภาพของโครงการอย่าง กว้างๆ ได้หรือในส่วนของหลักการและเหตุผล ได้แสดงถึงความจาเป็นหรือความสาคัญของโครงการหรือไม่ อา่ นแล้วเกิดความคิดว่าเห็นดว้ ยกับการจะจดั โครงการครง้ั นีห้ รือไม่ เพยี งใด เปน็ ต้น ๖.๓.๑.๑.๒ ความสัมพันธ์ นอกจากผู้ประเมินจะต้องคานึงถึงความครอบคลุม และชัดเจนของรายละเอียดในองค์ประกอบแต่ละองค์ประกอบแล้ว ยังต้องคานึงถึงความสัมพันธ์ของแต่ละ องค์ประกอบด้วย เพราะถ้าแต่ละองค์ประกอบอธิบายไว้อย่างเหมาะสมดีแล้ว แต่ขาดความสอดคล้องกัน โครงการที่เขียนขึ้นอาจขาดความสมบูรณ์ได้ เช่น ถ้าช่ือของโครงการตั้งไว้ว่า โครงการจัดหาอาหารเสริม(นม) ให้แก่เด็กเล็กในโรงเรียน ก แต่ในส่วนของหลักการและเหตุผลกล่าวถึงเหตุผลของการจัดอาหารเสริมหลายๆ ประเภท ไม่ได้เน้นท่ีอาหารเสริมประเภทนม ถ้าเป็นเช่นน้ีย่อมแสดงให้เห็นว่า ชื่อโครงการกับหลักการและ เหตุผลท่ีเขียนถึงความจาเป็นท่ีทาให้มีโครงการนี้เกิดขึ้น คือ จะต้องเขียนให้รองรับความจาเป็นท่ีกล่าวไว้ใน หลักการและเหตุผล และในลักษณะเดียวกันถ้าวัตถุประสงค์กาหนดไว้เช่นไร วิธีดาเนินการต่างๆ ก็ควร กาหนดใหส้ อดคลอ้ งกบั วัตถุประสงค์ทเ่ี ขยี นไว้ดว้ ย ๖.๓.๒ ศึกษำรูปแบบหรือแนวทำงกำรประเมิน รูปแบบการประเมินที่นามาใช้ประเมิน โครงการ ผู้ประเมินจะเลือกนามาใช้หรือปรับหรือสังเคราะห์ใหม่ให้สอดคล้องกับโครงการหรือความต้องการ ของผเู้ กยี่ วข้องก็ได้ เน่ืองจากการประเมินความก้าวหนา้ จะเน้นการตดั สนิ ใจเพ่อื การปรบั ปรุงดาเนินโครงการจึง ควรพจิ ารณารูปแบบการประเมินทช่ี ่วยในการตัดสนิ ใจมาใชห้ รืออาจคดิ หาแนวทางประเมนิ เองกไ็ ด้ ๖.๓.๓ กำหนดวัตถุประสงค์หรือประเด็นกำรประเมิน ประเด็นการประเมินที่สาคัญๆ สามารถพิจารณาได้จากแหล่งต่างๆ ดังน้ี ๖.๓.๓.๑ รายละเอียดองค์ประกอบของโครงการที่วิเคราะห์ในข้อ 1 โดยเฉพาะอย่าง ยงิ่ วัตถุประสงค์ เปา้ หมาย กิจกรรม และตัวชวี้ ดั หรือตัวช้วี ดั ความสาเร็จของโครงการ ๖.๓.๓.๒ รูปแบบการประเมิน ซึ่งมีรูปแบบท่ีเหมาะสาหรับการประเมินโครงการอยู่ หลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบจะกาหนดประเด็นการประเมินไว้สามารถนามาใช้เป็นประเด็นการประเมินได้ สะดวกกว่าการประเมินสงิ่ อื่นๆ บางส่งิ ๖.๓.๓.๓ ผู้เกี่ยวข้องกับโครงการ โดยอาจเป็นผู้รับผิดชอบ ผู้ร่วมดาเนินโครงการ ผ้รู บั บรกิ าร ผเู้ ก่ยี วขอ้ ง ผมู้ ีสว่ นไดส้ ว่ นเสยี ผรู้ ับผลกระทบ ฯลฯ ๖.๓.๓.๔ จากความตอ้ งการสารสนเทศของผ้รู ับผิดชอบ หรอื ผเู้ ก่ยี วข้องฝ่ายตา่ งๆ

๙ ๖.๓.๓.๕ จากประสบการณ์ของผปู้ ระเมิน อย่างไรก็ตามเนื่องจากการประเมินความก้าวหน้าในการดาเนินโครงการจะเน้นศึกษาข้อมูล สารสนเทศจากกระบวนการดาเนินงาน เพื่อประกอบการตัดสินใจและตรวจสอบความก้าวหน้าของโครงการ ดังน้ันการกาหนดวัตถุประสงค์หรือประเด็นการประเมินจึงต้องพิจารณาจุดมุ่งหมายหลักของการประเมิน โครงการแบบน้ีด้วย ๖.๓.๔ กำรกำหนดขอบเขตกำรประเมิน การประเมินความก้าวหน้าในการดาเนิน โครงการมีขอบเขตไม่กว้าง ขอบเขตท่ีสาคัญๆ ในด้านเนื้อหาหรือประเดน็ การประเมนิ จะเกย่ี วเน่ืองกับประเด็น การประเมินในข้อ ๓ เช่น ทบทวนความเหมาะสมของวัตถุประสงค์โครงการ ความพอเพียงและเหมาะสมของ ปัจจัยที่เก่ียวข้อง ประสิทธิภาพการดาเนินงาน ปัญหาอุปสรรคต่างๆ และความก้าวหน้าของโครงการตามแผน ในประเด็นเวลา งบประมาณ เปน็ ต้น ท้ังนี้ จะประเมินเฉพาะส่วนหรอื หลายส่วนหรือรวมทั้งหมดก็ได้ ๖.๓.๕ กำรพัฒนำตัวชี้วัด กำหนดเกณฑ์ และค่ำน้ำหนัก โดยท่ัวไปแล้วตัวชี้วัดและ เกณฑ์ท่ีใช้ประเมินโครงการ ทั้งประเมินความก้าวหน้าและผลดาเนินโครงการยังไม่มีแพร่หลาย แม้ในปัจจุบัน จะมีการกาหนดตัวช้ีวัดความสาเร็จของโครงการ ซ่ึงอาจใช้ได้บ้างในการประเมินผลการดาเนินโครงการ แต่ ตัวช้ีวัดที่กาหนดไว้ส่วนใหญ่จะไม่ครอบคลุมเพียงพอและไม่เป็นรูปธรรมและละเอียดมากพอ ผู้ประเมินมักจะ ต้องพัฒนาขึ้นมาเพ่ิมเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นการประเมินความก้าวหน้าในการดาเนินการของโครงการ ซ่งึ มีการพัฒนาตัวชี้วัดไว้น้อยแล้ว ผู้ประเมินก็จาเป็นต้องพัฒนาขึ้นเองแล้วจึงพัฒนาเกณฑ์ตามตัวช้ีวัด ซ่ึงการ พัฒนาเกณฑ์จะมีความยุ่งยากน้อยลง ถ้าโครงการที่จะประเมินได้ระบุเป้าหมายในเชิงปริมาณไว้ชัดเจนก็ นามาใช้ไดบ้ า้ ง หรอื การร่วมกาหนดของผู้เกี่ยวขอ้ ง หรือหลายๆวิธีร่วมกัน อย่างไรก็ตามเน่ืองจากการประเมิน แบบน้ีมุ่งเน้นการหาสารสนเทศประกอบการตัดสินใจของผู้รับผิดชอบหรือผู้เกี่ยวข้อง ดังน้ัน ผู้ประเมินอาจ เสนอเฉพาะสารสนเทศโดยไม่มีการกาหนดเกณฑ์และคา่ น้าหนัก มอบใหเ้ ป็นหนา้ ท่ีของผู้รับผิดชอบกไ็ ด้ ๖.๓.๖ กำรออกแบบหรือกำหนดกกรอบแนวคิดกำรประเมิน นาผลจากข้อ 1-5 มา กาหนดเพ่ืออกแบบหรือกาหนดกรอบแนวคิดการประเมิน เพ่อื เป็นแนวทางโดยสรุปท่จี ะดาเนินการต่อไป ๖.๓.๗ กำรสร้ำงและพัฒ นำเคร่ืองมือกำรเก็ บรวบรวมข้อมูล การประเมิน ความกา้ วหน้าระหว่างการดาเนินโครงการจะมีขอบเขตไมก่ ว้างนัก เคร่ืองมือท่ีใช้อาจเป็นแบบสังเกต สัมภาษณ์ แบบใดแบบหน่ึงหรือหลายแบบร่วมกัน เพ่ือหาข้อมูลระหว่างการดาเนินโครงการและความก้าวหน้าของการ ดาเนนิ โครงการ ๖.๓.๘ กำรใช้สถิติในกำรวิเครำะหข์ ้อมูล การประเมินโดยท่ัวไปจะใช้สถิติไม่มากและย่ิง การประเมินความก้าวในการดาเนินงานของโครงการซึ่งมีขอบเขตไม่กว้างก็ยิ่งใช้สถิติน้อย สถิติที่ใช้ทั่วไปจะ เปน็ สถิติพ้ืนฐานง่ายๆ เช่น จานวนนบั ค่าความถี่ รอ้ ยละ คา่ เฉลีย่ และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน เป็นตน้ สว่ นการ วิเคราะหเ์ ชงิ คุณภาพจะไมใ่ ช้สถติ ิ แตจ่ ะใช้การวเิ คราะหเ์ น้อื หา เช่นเดียวกับการประเมินส่ิงอนื่ ๆ ๖.๓.๙ กำรเขยี นรำยงำนกำรประเมิน ในขั้นตอนสุดทา้ ยน้ีเนอื่ งจากเป็นการประเมินเพ่ือ มุ่งเนน้ นาสารสนเทศไปประกอบการตดั สินใจได้ทันท่วงที การเขียนรายงานจงึ ตอ้ งการความรวดเร็วและชดั เจน ที่จะช่วยให้ผู้เก่ียวข้องปรับปรุงการดาเนินโครงการได้อย่างเป็นรูปธรรมและทันกับสภาพการณ์ ดังน้ัน เพ่ือ ความรวดเร็วอาจไม่จาเป็นต้องเขียนรายงานที่มีรายละเอียดเต็มรูปแบบเมื่อประเมินผลการดาเนินโครงการ หลังสิ้นสดุ โครงการแลว้ กไ็ ด้

๑๐ บรรณำนกุ รม ทวีป ศิริรศั ม.ี ๒๕๔๔. กำรวำงแผนพัฒนำและประเมินโครงกำร กรุงเทพมหานคร : สานักงานกองทนุ สนับสนนุ การวจิ ัย. พิศนุ ฟองศร.ี ๒๕๕๖. กำรประเมนิ ทำงกำรศึกษำ : แนวคดิ สู่กำรปฏบิ ตั ิ (พิมพค์ ร้งั ๗) กรุงเทพมหานคร : ด่านสทุ ธาการพิมพ์

๑๑


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook