สารเคมกี าจดั ศัตรูพืช กบั ผลกระทบ ทางด้านอากาศต่อชุมชน เข้าสู่บทเรียน
ความเป็ นพษิ สารเคมกี าจดั ศัตรูพืช ปัญหาสุขภาพท่ีสาคัญคืออันตรายจากการใช้สารเคมีกาจัดศัตรูพืช เน่ืองจากเกษตรกร ส่วนใหญ่ใช้สารเคมีกาจัดศัตรูพืชอย่างแพร่หลายเพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรและมีเกษตรกร ส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการใช้สารเคมีฯท่ีไม่ถูกต้อง ปลอดภัย ทาให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพท้ัง เฉียบพลันและเร้ือรัง อาการแสดงเฉียบพลันมีตั้งแต่ระดับเล็กน้อยจนรุนแรงถึงแก่ชีวิต ข้ึนอยู่ กบั ระดับความเข้มข้น ความเป็นพิษ และปริมาณที่ได้รับ ส่วนอาการเรื้อรังสารเคมีกาจัดศัตรูพืช จะสะสมในระบบต่างๆ ของร่างกายทาให้เกิดความผิดปกติและโรคต่างๆ เช่น มะเร็งสารเคมี กาจดั ศตั รูพชื สามารถเขา้ สูร่ า่ งกายไดห้ ลายทาง โดยการสัมผัสทางผวิ หนัง การสูดหายใจละอองท่ี ฟุ้งกระจายในอากาศ และการรับประทานอาหารและน้าดื่มท่ีมีสารเคมีปนเป้ือน ซ่ึงพฤติกรรม การใชส้ ารเคมที ่ไี ม่ปลอดภัยนนั้ ทาให้เกษตรกรผู้อาศัยในชุมชน และผู้บริโภคมีความเส่ียงจากการ ได้รบั อนั ตรายจากสารเคมีเพมิ่ ขน้ึ
ความเป็ นพษิ ของสารกาจดั ศัตรูพืชชนิดต่างๆ 1. สารออร์กาโนฟอสเฟต มีฤทธิ์ขัดขวางการทางานของระบบประสาทส่วนกลาง และ ระบบประสาท รอบนอก มีผลตอ่ กล้ามเน้ือต่าง ๆ ตอ่ มต่าง ๆ และกล้ามเน้ือเรียบซ่ึง ควบคุมอวัยวะต่าง ๆ ในการทางานมากกว่าปกติ อาการที่พบ ม่านตาหรี่ หายใจ ลาบาก เวียนศีรษะ อาเจียน มือสั่น เดินโซเซ ชัก หมดสติ ระบบกล้ามเน้ือพบอาการ กล้ามเนื้ออ่อนแรง ตะคริวท่ีกล้ามเนื้อ ต่อมต่าง ๆ ต่อมน้าลายขับน้าลายออกมา มาก ตอ่ มเหงอ่ื ขบั เหงื่อออกมามาก 2. สารคาร์บาเมต สารในกลุ่มนี้มีการออกฤทธิ์คล้ายคลึงกับสารออร์กาโนฟอสเฟต แต่ ความเป็นพิษน้อยกว่า อาการท่ีเกิดข้ึนเหมือนกับการได้รับสารออร์กาโนฟอสเฟต ยกเว้นอาการชกั ไม่รสู้ กึ ตวั เกิดขึ้นนอ้ ย
ความเป็ นพษิ ของสารกาจดั ศัตรูพืชชนิดต่างๆ 3. สารออร์กาโนคลอรีน สารกลุ่มน้ีถูกดูดซึมที่ผิวหนัง เมื่อได้รับมาก ๆ จะทาให้ระบบ ประสาทส่วนกลางถูกขัดขวาง พบอาการกล้ามเน้อื ออ่ นแรง เวยี นศรี ษะ ปวดศีรษะ 4. สารไพรีทรอยด์ เปน็ สารที่มคี วามไวทางชีวภาพสูง และใช้แบบเจือจาง สารกลุ่มนี้ถูก กาจดั ออกจากร่างกาย ไม่ถูกสะสมอยใู่ นร่างกาย พบอาการชา หายใจเร็วตนื้ เจ็บคอ คอแห้ง แสบจมกู คนั ตามผิวหนงั ทอ้ งเสยี นา้ ลายไหลมาก หนงั ตากระตกุ เดนิ โซเซ 5. สารกาจัดวัชพืช เช่น สารพาราควอท ท่ีออกฤทธิ์เร็วและจะเสื่อมฤทธ์ิทันทีเมื่อตกถึง พื้นดินสารนี้ละลายน้าและแอลกอฮอล์ได้ดี ไม่มีสี มีกล่ินอ่อน ๆ คล้ายกลิ่น แอมโมเนีย สารนี้มีพิษต่อผิวหนัง และเยื่อเมือกพบอาการผิวหนังแห้งแตก ผื่นแดง เป็นแผล เล็บซีดขาว เล็บเปราะ ระบบหายใจ พบอาการไอ เลือดกาเดาไหล เจ็บคอ หากรับประทานเข้าไปทาใหเ้ กดิ พังผืดที่ปอด การหายใจล้มเหลว
ความเป็ นพษิ ของสารกาจดั ศัตรูพืชชนิดต่างๆ 6. สารเคมีกาจัดหนู เช่น ซิงค์ฟอสไฟต์ มีความเป็นพิษมากเม่ือถูกน้าและกรดใน กระเพาะอาหารเกดิ ปฏิกิริยาได้ก๊าซพิษฟอสฟีน ทาลายเซลล์กระเพาะอาหาร ตบั ไต การดูดซึมเข้าสู่ร่างกายทาให้มีน้าคั่งในปอด ปวดศีรษะ หายใจขัด ความดันโลหิตสูง อาจทาให้เสียชวี ิตภายในระยะเวลา 2-3 ช่วั โมง 7. สารไธโอคาร์บาเมต เป็นสารกลุ่มรักษาโรคพืช ลักษณะอาการเกิดข้ึนมีลักษณะ เหมือนไพรีทรอยด์ ทางเดินหายใจพบอาการ คอแห้ง แสบจมูก ไอ ตาพบอาการ เคอื งตา ตาแดง ผวิ หนัง พบอาการคนั ผวิ หนงั มจี ุดขาวทผ่ี วิ หนัง ผ่นื แดง
ความเป็ นพษิ ของสารเคมกี าจดั ศัตรูพืชที่ต้องเฝ้าระวงั 12 ชนิด สารกาจัดศัตรูพืชท่ีต้องเฝ้าระวัง 12 ชนิด ที่กรมควบคุมโรคเห็นความสาคัญเป็นสาร ในกลุ่มเดยี วกบั วตั ถอุ ันตรายทีก่ รมวิชาการเกษตรเฝ้าระวังซ่ึงสารกาจัดศัตรูพืชกลุ่มนี้เป็นสารท่ี อยู่ในข่ายท่ีต้องเฝ้าระวังในการใช้เน่ืองจากเป็นสารท่ีมีปริมาณการใช้มาก มีความเป็นพิษสูง หรือมีการตกค้างระยะยาวในสิ่งแวดลอ้ มสารทั้ง12 ชนดิ น้ี ประกอบด้วย 1. อัลดคิ ารบ์ (Aldicarb) 7. โฟมที าเนต (Formethanate) 2. บลาสตซิ ดิ ิน เอส ( Blasticidin-S) 8. เมทิดาไธออน (Methidathion) 3. คาร์โบฟรู าน (Carbofuran) 9. เมโทมลิ (Methomyl) 4. ไดโครโตฟอส (Dicrotophos) 10. อ๊อกซามิล (Oxamyl) 5. อีพีเอ็น (EPN) 11. เอ็นโดซลั แฟน (Endosulfan) 6. อโี ธโปรฟอส (Ethoprofos) 12. พาราไธออนเมทธลิ (Parathion Methyl)
การจดั ระดบั ความเป็ นพษิ ของสารเคมกี าจดั ศัตรูพืช การจัดระดับความเป็นพิษของสารเคมีกาจัดศัตรูพืชโดยใช้ค่า ปริมาณ สารเคมตี อ่ นา้ หนักตวั ของสตั วท์ ดลองทร่ี ับเข้าไปครั้งเดียวแล้วทาใหต้ ายไป 50% (LD50) และมีหลายหน่วยงานได้จัดระดับความเป็นอันตรายของสารเคมีทาง การเกษตร เพื่อแยกระดับความรุนแรงของสารเคมีแต่ละชนิด โดยให้ สัญลักษณข์ องอันตรายแตล่ ะระดบั
สถานการณ์โรคและภัยสุขภาพจากสารเคมกี าจัดศัตรูพืช จากข้อมูลของสานักงานเศรษฐกิจการเกษตร กรมวิชาการเกษตร ปี พ.ศ. 2554 ประเทศไทยมีปริมาณการนาเข้าสารกาจัดแมลงเท่ากับ 34,672,000 กิโลกรัม ปริมาณนาเข้า สารกาจัดวัชพืชเท่ากับ 112,176,000 กิโลกรัม ปริมาณนาเข้าสารเคมีกาจัดศัตรูพืชทุกชนิด เท่ากับ 164,383,000 กิโลกรัม จากการคานวณค่าเฉล่ียพบว่าคนไทย 64.1 ล้านคน มีความ เส่ียงต่อการไดร้ ับสารเคมีกาจัดศตั รูพืชมากกว่า 2.6 กิโลกรัมตอ่ คนตอ่ ปี ถึงแม้ว่าประเทศไทย ได้มีกฎหมายควบคมุ การใช้สารเคมีโดยการงดการนาเข้า/ขึ้นทะเบียนสารเคมีบางประเภทแล้ว แตย่ ังคงเหลือตกค้างและใช้งานภายในประเทศอย่เู ป็นจานวนมาก และสารกาจัดศัตรูพืชหลาย ชนิดท่ีมีพิษร้ายแรงต่อสิ่งมีชีวิต เช่น คาร์โบฟูราน เมโทมิล ไดโครโตฟอส อีพีเอ็น ซึ่งสหภาพ ยุโรป สหรัฐอเมริกา และหลายประเทศในเอเชีย เช่น อินเดีย ลาว กัมพูชา เมียนมาร์ อนิ โดนเี ซยี ได้ยกเลกิ การใช้หรอื ไม่รับขนึ้ ทะเบียน เนือ่ งจากมีข้อมูลความปลอดภัยท่ีไม่เพียงพอ แตป่ ระเทศไทยยงั คงมีการนาเข้าอยู่ และปรมิ าณการนาเขา้ ในแตล่ ะปมี แี นวโน้มสงู ขน้ึ
สถานการณ์โรคและภยั สุขภาพจากสารเคมกี าจดั ศัตรูพืช ขอ้ มลู ผู้ปว่ ยนอกและอัตราผู้ปว่ ยนอกจากกลุ่มโรคสารเคมีกาจดั ศัตรพู ืช (Toxic effect of pesticides) (กลุ่มอาการ รหัส T600 ตามระบบ ICD-10) ปี พ.ศ. 2553-2556 จากสานักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่า ในปี พ.ศ. 2556 มีอัตราผู้ป่วยนอกจากกลุ่มโรคสารเคมีกาจัดศัตรูพืช เท่ากับ 12.37 ต่อประชากรกลางปีแสนคน ลดลงจากปี พ.ศ. 2555 เล็กน้อย แต่ เม่ือเทียบกับอัตราผู้ป่วยนอกในปีพ.ศ. 2554 ก็ยังมีอัตราป่วยท่ีสูงมากกว่าเกือบ เท่าตวั
สถานการณ์โรคและภัยสุขภาพจากสารเคมกี าจัดศัตรูพืช จะเห็นว่าข้อมูลภาวะโรคของพิษสารเคมีกาจัดศัตรูพืชอาจน้อยกว่าความ เป็นจริง สาเหตุหนึ่งเน่ืองจากการวินิจฉัยโรคท่ีไม่ชัดเจน ผู้ป่วยอาการเร้ือรังบาง รายไม่ทราบว่าการป่วยนั้นมีสาเหตุมาจากพิษสารเคมีกาจัดศัตรูพืชและมีการ รายงานผู้ป่วยที่ต่ากว่าความเป็นจริงและเมื่อจาแนกตามอาชีพของผู้ป่วย พบว่า กลุ่มอาชีพท่ีพบผู้ป่วยสูงสุด คือ กลุ่มอาชีพเกษตรกร ร้อยละ 37.07 รองลงมา ไดแ้ ก่ กล่มุ อาชีพรบั จา้ ง 28.88
ผลกระทบด้านอากาศ มลพษิ ทางอากาศ หมายถึง ภาวะอากาศท่ีมีสารเจอื ปนอยู่ในปริมาณที่สูงกว่าระดับปกติเป็น เวลานานพอทจ่ี ะทาให้เกดิ อนั ตรายแก่มนษุ ย์ สตั ว์ พชื หรือทรัพยส์ นิ ตา่ ง อาจเกดิ ขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น ฝุ่นละอองจากลมพายุ ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว ไฟไหม้ป่า ก๊าซธรรมชาติอากาศเสียที่เกิดขึ้น โดยธรรมชาติเป็นอันตรายต่อมนุษย์น้อยมาก เพราะแหล่งกาเนิดอยู่ไกลและปริมาณท่ีเข้าสู่ สภาพแวดล้อมของมนุษย์และสัตว์มีน้อย กรณีที่เกิดจากการกระทาของมนุษย์ ได้แก่ มลพษิ จากท่อไอ เสียของรถยนต์ จากโรงงานอุตสาหกรรม จากขบวนการผลิต จากกิจกรรมด้านการเกษตร จากการ ระเหยของกา๊ ซบางชนิด เป็นต้น ยกตัวอย่าง เช่น การใช้สารเคมีกาจัดศัตรูพืช ซึ่งเกิดจากการกระทาของมนุษย์ในกิจกรรม ด้านการเกษตร ปัจจุบันเกษตรกรมีการใช้สารกาจัดวัชพืชและยาฆ่าแมลงมากยิ่งข้ึนเพื่อให้ได้ ประสิทธิภาพในการกาจัดวัชพืชและแมลง ส่งผลกระทบทาให้บรรยากาศบริเวณนั้นมีกลิ่นเหม็นและ เปน็ ปญั หาตอ่ ผ้อู ยูอ่ าศยั ในบรเิ วณน้นั หากมกี ารสดู หายใจละอองทีฟ่ ุ้งกระจายในอากาศทาใหเ้ กษตรกร เกดิ สารพษิ สะสมในรา่ งกายและอาจก่อให้เกดิ มะเรง็ ปอดได้หากมีการสูดดมในระยะใกลเ้ ป็นเวลานานๆ
ผลกระทบต่อชุมชน 1. ทาให้เกิดผลเสียต่อสขุ ภาพอนามัยของคนในช่มุ ชน 2. เกดิ สารพิษสะสมในร่างกาย 3. กอ่ ให้เกดิ อันตรายต่อส่งิ มีชวี ิตบรเิ วณใกลเ้ คียง 4. สารกาจัดวัชพืชและแมลงเม่ือฉีดพ่นส่งกลิ่นเหม็นทางอากาศเป็นบริเวณกว้าง ในพน้ื ที่ 5. ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ และห่วงโซ่อาหาร ทาให้สัตว์ และแมลงอพยพ ยา้ ยถน่ิ ทอี่ ยอู่ าศยั ทาใหข้ าดสมดลุ ในระบบนเิ วศ
ภาพการปนเปอ้ื นของสารเคมกี าจดั ศตั รพู ชื ดดั แปลงจาก Roy Bateman (2008) “Environmental Impact of Pesticides”, Wikipedia.org
การป้องกนั ผลกระทบทเ่ี กดิ ขนึ้ 1. หลีกเล่ยี งการใชส้ ารเคมี 2. รณรงค์ให้เกษตรกรหนั มาใช้พืชสมนุ ไพรในการกาจดั แมลงและวัชพชื 3. ใหค้ วามรู้สขุ ศึกษาแกเ่ กษตรกรผู้ทาไร่ทาส่วนทนี่ ยิ มใชส้ ารเคมีกาจัด ศัตรพู ืชเปน็ ประจา 4. ตรวจหาสารพษิ ในร่างกายให้เกษตรกรเพ่อื ป้องกนั เกิดผลเสยี ตอ่ ร่างกาย
อ้างองิ ผลกระทบต่อสขุ ภาพจากสารเคมกี าจดั ศัตรูพืช. (2557). ออนไลน์ . เขา้ ถงึ ได้จาก: http://envocc.ddc.moph.go.th/contents/view/106. (วันทคี่ ้นขอ้ มลู : 6 พฤศจิกายน 2564). มลพิษทางอากาศ. (2558). [ออนไลน์]. เข้าถึงไดจ้ าก: https://datacenter.deqp.go.th/knowledge/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0 %B8%B2%E0%B8%A8/%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%9E- %E0%B8%A9%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B 8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8/. (วันทคี่ น้ ขอ้ มลู : 6 พฤศจิกายน 2564).
จบการนาเสนอ ครับ/ค่ะ
Search
Read the Text Version
- 1 - 22
Pages: