6. บทสรปุ โครงการ โครงการการบริหารจัดการวิสาหกิจน้าดื่มชุมชนบ้านหินปูนฯ มีวัตถุประสงค์ คือ เพื่อจัดต้ัง วิสาหกิจน้าดื่มชุมชนบ้านหินปูน ตาบลเขวาหหญ่ อาเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม และเพ่ือสร้าง การเรียนรู้ แบบบูรณาการร่วมกันระหว่างอาจารย์ นิสิต และชุมชนบ้านหินปูน โดยการนาหลักการการ จัดการธุรกิจ ขนาดย่อมเข้าเรียนรู้ร่วมกันหนชุมชนบ้านหินปูน ผ่านการเรียนรู้การจัดต้ังวิสาหกิจน้าด่ืม ชุมชนบ้านหนิ ปนู โดยแบ่งวิธีการดาเนินการวิจัยออกเปนน 3 ระยะ คือ ระยะท่ี 1 ช่วงเตรียมการ ทีมอาจารย์ ร่วมกับ ทีมชุมชนมีการจัดประชุมเตรียมความพร้อม และสร้างความเข้าหจต่อวัตถุประสงค์โครงการฯ และร่วมกันคิดกิจกรรมท่ีจะดาเนินหนโครงการฯ ระยะที่ 2 ช่วงปฏิบัติการ การขับเคล่ือนกิจกรรมต่างๆ ประกอบด้วยการวางแผนระบบผลิตน้าด่ืมของชมุ ชน การดาเนนิ การด้านเงินทุน การสรา้ งตราสินค้าของ น้าด่ืมชุมชน การดาเนินการจัดต้ังวิสาหกิจชุมชนเพ่ือผลิตน้าด่ืม จัดการอบรมการหลักเกณฑ์การ ปฏิบัติการ และกระบวนการผลิตท่ีดี ตามมาตรฐานอาหารและยา และ GMP การดาเนินงานด้าน การตลาด และการวางระบบการบัญชี ระยะที่ 3 สรุปและประเมินโครงการ โดยหช้เคร่ืองมือการสนทนา เพ่ือถอดบทเรียนการทางาน โดยมีผู้หหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้หหญ่บ้าน นักวิชาการ นักศึกษา และชุมชนบ้าน หนิ ปูน โดยมีบา้ นหินปนู ตาบลเขวาหหญ่ อาเภอกนั ทรวิชยั จังหวัดมหาสารคามเปนน พนื้ ทวี่ ิจยั ผลการการดาเนินโครงการ พบว่า ชุมชนบ้านหินปูนสามารถจัดตั้ง วิสาหกิจชุมชนเพื่อผลิตน้า ด่ืมบ้านหินปูนขึ้นได้ มีการสร้างตราสินค้า ภายหต้ชื่อ “ฮักแฮง” มีการผลิตน้าบรรจุขวดขนาด 600 มิลลิลิตร และน้าบรรจุถัง ขนาด 18.9 ลิตร โดยได้รับเคร่ืองหมายมาตรฐานการผลิต อย. จากกระทรวง สาธารณสขุ ไดด้ าเนนิ การตลาดหนพืน้ ที่ชุมชนบ้านหนิ ปูน และชุมชนรอบๆ พ้ืนท่ี เอกสารอ้างองิ ยุพาพร รปู งาม. การมีสว่ นรว่ มของขา้ ราชการสานักงบประมาณหนการปฏริ ูประบบราชการ. ภาคนพิ นธ์ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, สถาบันบณั ฑิตพัฒนบรหิ ารศาสตร์. (2545). สีสะหวัน วงศ์กะตญั ญู. ทฤษฎกี ารมสี ่วนรว่ ม. 9 ธันวาคม 2553. <https://www.gotoknow.org/posts/482092%20%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B 8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%2018%20%E0%B9%80%E0%B8%A 1.%E0%B8%A2.59> 25 สิงหาคม 2559. 45 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงานในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวิจัย ครั้งที่ 12 : สาขาบริการวิชาการแก่สังคม” 51
โครงการพฒั นาการเรียนการสอนคณติ ศาสตรร์ ะดบั การศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน เขตชุมชนใกลเ้ คยี ง มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม มะลิวลั ย์ ถนุ าพรรณ์ และคณะ หลักสตู ร วท.บ.คณติ ศาสตร์ คณะวทิ ยาศาสตร์ โครงการหนง่ึ หลักสตู รหนงึ่ ชุมชน 1. ความเปน็ มาของปญั หา โครงการพัฒนาการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน เขตชุมชนหกล้เคียง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ของหลกั สูตร วท.บ.คณิตศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ เปนน โครงการทม่ี จี ุดเรม่ิ ต้น มาจากการที่ผลการเรียนปัจจุบันของนิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคามหนรายวิชาทางคณิตศาสตร์อยู่หน ระดับต่า และนิสิตที่ไม่ผ่านเกณฑ์ประเมินจานวนมาก เช่นรายวิชาแคลคูลัส คณิตศาสตร์สาหรับวิศวกร คณิตศาสตร์สาหรับวิทยาศาสตร์ รวมถึงวิชาทางสถิติ ซ่ึงวิชาเหล่าน้ีล้วนเปนนวิชาพ้ืนฐานของหลักสูตร ทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สารสนเทศและวิศวกรรมศาสตร์ ซ่ึงเปนนศาสตร์หลักหนการขับเคล่ือน เพ่ือพัฒนาประเทศ ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับปัจจุบัน หห้ความสาคัญกับการ พัฒนาที่ยดึ “คนเปนน ศูนย์กลางการพัฒนา” ประเทศทพ่ี ัฒนาทางด้านวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีไดช้ ้าจะ กลายเปนนผ้ซู ้อื และผผู้ ลติ คุณภาพต่า ไม่สามารถแขง่ ขันกบั ประเทศอน่ื ๆได้ ดังนั้นเพ่อื หห้พรอ้ มและก้าวทัน ต่อการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน จึงต้องมีการเตรียมและพัฒนาคนหห้พร้อมทางด้านวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีซึ่งสิ่งหน่ึงท่ีจะช่วยหห้สัมฤทธ์ิผลคือการเตรียมพ้ืนฐานทางคณิตศาสตร์หห้กับเยาวชนของชาติ ซ่ึงคณิตศาสตร์เปนนพื้นฐานสาคัญของทุกๆศาสตร์ การคิดวิเคราะห์ซึ่งต้องอาศัยหลักการ และการอ้างอิง ขอ้ มลู ทางสถติ ิเปนน เหตุเปนนผลหนการสรปุ งานทกุ อย่าง ซ่งึ เปนนเหตผุ ลเพยี งพอที่ทาหห้ทุกคนตอ้ งรแู้ ละเรียน คณิตศาสตร์ จากการสังเกตนิสิตที่เรียนวิชาทางคณิตศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ปัญหาที่มักพบ เสมอคือนิสิตมีความรู้พื้นฐานทางคณิตศาสตร์ไม่เพียงพอ ทาหห้การเรียนการสอนเนื้อหาหหมเ่ ปนนไปได้ช้า นิสิตได้รับแนวคิดและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ที่ไม่ถูกต้องมาจากการเรียนหนระดับการศึกษาข้ัน พ้ืนฐาน จากการสอบถามนิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคามส่วนหนึ่งท่ีได้ผลการเรียนต่า ได้หห้ข้อมูลว่า สาเหตทุ ีน่ สิ ิตไมเ่ ขา้ หจหนการเรียนการสอนรายวชิ าท่ีกล่าวข้างต้น คือการท่ีครูผ้สู อนหนระดับประถมศกึ ษา และมัธยมศึกษา ไม่ได้สอนเน้ือหาบางเนื้อหาหรือไม่ก็ข้ามบางเน้ือหา ทาหห้นักเรียนไม่เข้าหจและส่งผล มาถึงเนื้อหาหนระดับอุดมศึกษา เม่ือผู้วิจัยสุ่มถามไปยังคุณครูบางคนหนโรงเรียนก็ได้ข้อมูล ดังนี้ 1) มี ครูผู้สอนบางคนที่สอนคณิตศาสตร์โดยไม่ได้จบสาขาคณิตศาสตร์แต่ได้มาสอนวิชาคณิตศาสตร์ ทาหห้ไม่ 46
ชัดเจนหนการถา่ ยทอดเน้อื หาวชิ าการแก่นักเรยี น และ 2) ครูสอนโดยไม่มสี อ่ื การสอนทที่ ันสมัยหนการทา เนือ้ หาหห้เปนน รูปธรรม เพ่อื ชว่ ยหห้นักเรยี นมองเหน็ ภาพและเข้าหจเนื้อหาไดง้ า่ ยขน้ึ ขอนาเสนอสาเหตุหหญ่ๆเพียง 2 ข้อก่อนเพอื่ นามาหาทางแกไ้ ข โดยทางภาควชิ าคณิตศาสตร์ได้ ถามกลุ่มครูผู้สอนระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐานย่านหกล้เคียงมหาวิทยาลัยมหาสารคามว่าต้องการความ ช่วยเหลอื อย่างไรบา้ งหนการแก้ปญั หาดังกล่าว กไ็ ดร้ บั คาตอบวา่ - ตอ้ งการหหม้ กี ารจัดอบรมเน้อื หาวิชาคณติ ศาสตร์ และเทคนิคการสอน หห้กับคณุ ครู - ตอ้ งการหหม้ กี ารจดั อบรมการสรา้ งสอื่ การสอนวชิ าคณติ ศาสตร์ หห้กบั คุณครู เพ่ือเปนนประโยชน์กับนักเรียนซึ่งเปนนอนาคตของชาติต่อไป ปัญหาดังกล่าวข้างต้นอาจ ลดลง หรือหมดไปได้ถ้านักเรียนได้รับการสอนที่ถูกต้องจากผู้ที่มีความรู้จริง หรือเช่ียวชาญหนการสอน และมี เทคนิคการถ่ายทอดความรู้ที่ทาหห้นักเรียนสนุกและชอบหนการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ภาควิชา คณติ ศาสตร์ไดเ้ ลง็ เหน็ ถึงความสาคัญนี้จงึ ได้จดั ทาโครงการน้ขี ึ้นมา 2. วัตถปุ ระสงค์ของโครงการ 1) เพือ่ การพัฒนาศกั ยภาพครผู ู้สอนคณิตศาสตรก์ ล่มุ เป้าหมาย 2) เพอ่ื หห้ครกู ลุ่มเปา้ หมายสามารถสร้างสือ่ การสอนโดยหชโ้ ปรแกรมทางคณิตศาสตรไ์ ด้ 3) ได้ชุดความร้จู ากการอบรม อย่างน้อย 1 ชุดความรู้ เพ่ือจะม่งุ ซ่อมแซม รกั ษา และสง่ เสริม เทคนิคการสอนทางคณิตศาสตร์หห้กับครูผสู้ อนวิชาคณิตศาสตร์ระดับการศึกษาข้ันพื้นฐานเพ่ือคุณครูจะ ได้นาไปสอนและถ่ายทอดหห้กบั นักเรยี นไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพตอ่ ไป 3. กระบวนการดาเนินการ โครงการนี้ได้รับความร่วมมือเปนนอย่างดีจาก สานักงานการศึกษาขั้นพื้นฐานระดับ ประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 3 (สพป.ร้อยเอ็ด เขต 3) ได้หห้ข้อมูลต่างๆ และส่งคุณครูเข้าอบรมเพ่ือเพิ่ม ศักยภาพการสอนคณิตศาสตร์ เกินจานวนท่ีประกาศรับ และเข้าอบรมตามวัน เวลา เปนนอย่างดี ท้ังนี้ กลุ่มเป้าหมาย คือ คุณครูผู้สอนวิชาคณิตศาสตร์ จานวน 58 คน จากโรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาส ท่ีมีการจัดการเรยี นการสอนตง้ั แต่ระดับช้นั ป.1 ถึงชนั้ ม.3 ซ่ึงมีจานวนท้งั ส้ิน 58 โรง จากทง้ั หมดหนเขต 47 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงานในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวิจัย ครั้งที่ 12 : สาขาบริการวิชาการแก่สังคม” 53
มี 216 โรง หนโรงเรียนสังกัดหน่วยงานสานักงานการศึกษาขั้นพ้ืนฐานระดับประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 3 (สพป.ร้อยเอด็ เขต 3) แตม่ ีผู้สนหจเข้ารับการอบรมจรงิ 74 คน นอกจากนี้ยงั มีผู้เขา้ ร่วมโครงการ ซงึ่ มี สว่ นสาคัญมากหนการจัดการอบรมหหโ้ ครงการหนครั้งนี้ คอื - คณาจารยภ์ าควิชาคณิตศาสตร์ (คณะทางาน) จานวน 20 คน - นสิ ิตสาขาวชิ าคณติ ศาสตร์ จานวน 15 คน - ภาคี/องค์กรเครือข่ายทั้งภายนอกและภายหน (ผู้บริหารหนเขตการศึกษาอื่น) จานวน 5 คน โดยได้มีช่วงระยะเวลาดาเนินการของโครงการคือระหว่างวันท่ี 1 มกราคม 2559 ถึง 30 กันยายน 2559 ปฏทิ นิ การดาเนินงาน กิจกรรม ชว่ งเวลาดาเนนิ การ 1.สารวจความต้องการเพื่อเพ่ิมศักยภาพการเรียนการสอนจาก ม.ค. 2559 ครูผ้สู อนคณติ ศาสตร์ 2.ติดต่อสานักงานเขตการศึกษาเพ่ือหารือและขอความร่วมมือ ก.พ.2559 หนการดาเนนิ งานโครงการ สถานท่ีและ ผูเ้ ข้าร่วมโครงการ 3.ดาเนนิ การอบรม พ.ค.-ม.ิ ย. 2559 4.ประเมินผล และสรุปโครงการ เขียนรายงานฉบับสมบูรณ์ ก.ค – ก.ย. 2559 และนาเสนอต่อผู้หหท้ ุนหนการดาเนินโครงการ ทัง้ น้ี ไดจ้ ัดการอบรมเชิงปฏบิ ตั ิการเปนน 2 ช่วงคอื ช่วงที่ 1 จดั การอบรมท่ีหอประชุมโรงเรยี นอนบุ าลโพนทองหนวันท่ี 4 - 5 มถิ ุนายน 2559 ชว่ งท่ี 2 จดั การอบรมทีม่ หาวิทยาลัยราชภฏั ร้อยเอ็ด หนวนั ที่ 25 - 26 มถิ ุนายน 2559 จากการดาเนินโครงการและวิธีการดาเนินงาน โครงการนี้มุ่งเป้าหนการหห้ความช่วยเหลือและ พัฒนาชุมชุนกลุ่มเป้าหมาย มีการสารวจคามต้องการจากชุมชน วางแผนการดาเนินงาน และลงมือ ปฏิบัติงานตามแผน คุณครูผู้เข้ารับการอบรมการสร้างสื่อการสอนคณิตสาสตร์โดยหช้โปรแกรมสาเร็จรูป 48 54 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงานในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวิจัย ครั้งที่ 12 : สาขาบริการวิชาการแก่สังคม”
GSP พอหจมากกับวิธีการจดั อบรมเนอ่ื งจากมกี ารจัดทีมวิทยากรผูช้ ่วยซึ่งคือนิสิตจากภาควิชาคณติ ศาสตร์ และคณาจารย์เข้าช่วยเหลอื ผู้เข้ารับการอบรมอย่างหกล้ชิดและทันทีถ้าทาโปรแกรมไม่ทันขณะอบรมเชิง ปฎิบัติการ ทุกคนมีความสุขและสนุกกับการเปนนผู้หห้และผู้รับ นิสิตก็ได้นาความรู้ท่ีเรียนมา มาหช้อย่าง เต็มศักยภาพและเกิดประโยชน์ต่อชุมชน ทาหห้การดาเนินโครงการสาเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ เปนน อย่างดี 49 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงานในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวิจัย ครั้งที่ 12 : สาขาบริการวิชาการแก่สังคม” 55
โครงการฟืน้ ฟทู นุ ทางสังคมเพื่อการดแู ลผูส้ ูงอายุ โดยใช้ระบบเครือญาติและชุมชนเปน็ ฐาน อมร สุวรรณนิมิตร, ชนตั ถา พลอยเล่ือมแสง, นงเยาว์ มเี ทยี น, สภุ าพร อาญาเมอื ง และสายทพิ ย์ สทุ ธริ ักษา คณะพยาบาลศาสตร์ และ คณะเภสัชศาสตร์ โครงการบริการวิชาการแบบมงุ่ เป้า 1. ความเป็นมาของปัญหา การเพ่ิมข้ึนของผู้สูงอายุของไทยท่ีเข้าสู่ภาวะพึ่งพิงอย่างรวดเร็ว และมีข้อมูลที่น่าวิตกคือพบว่า เครือขา่ ยการดูแลผู้สงู อายไุ ด้ลดลงอย่างมาก อนั เปนนผลเน่ืองมาจากการเปล่ียนแปลงโครงสรา้ งครอบครัว สง่ ผลหหผ้ ้สู งู อายทุ ี่อาศัยอยคู่ นเดียว มีถึงรอ้ ยละ 7.5 หนปี 2550 ขณะท่ผี ู้สูงอายุท่ีอยลู่ าพังกบั สามภี รรยา กเ็ พ่มิ ขึ้นเปนน ร้อยละ 17.0 และผู้สงู อายทุ ่ีอยู่กับหลานหนลักษณะครอบครัวโดดเพม่ิ ข้นึ เปนน ร้อยละ 3.1 หน ปี 2550 และเม่ือพิจารณาถึงสถานการณ์การดูแลผู้สูงอายุหนปัจจุบันซ่ึงครอบครัวเปนนผู้หห้การดูแล ผู้สูงอายุน้ัน หนกลุ่มผู้สูงอายุท่ีมีภาวะพึ่งพิง มีความจาเปนนต้องอาศัยอย่หู นครอบครัวภายหต้ภาวะท่ีจากัด ไม่ว่าจะเปนนผู้ดูแล เงิน และวัสดุอุปกรณ์หนการดูแล นอกจากน้ันยังพบว่า ร้อยละ 4.8 มีภาวะเจ็บป่วย เรื้อรังและรุนแรง จาเปนนต้องไดร้ ับการดูแลจากบุคลากรทางการแพทย์ ปรากฏการณ์สาคัญท่ีนา่ วติ ก คือ พบว่า ผู้ดูแลผู้สูงอายุเหล่าน้ี ร้อยละ 10 เปนนผู้สูงอายุด้วยกัน และมีแนวโน้มเพิ่มข้ึนอย่างต่อเนื่อง (กระทรวงสาธารณสขุ ,2556) ท้ังนี้หนการดูแลผู้สูงอายุ รัฐบาลได้หห้ความสาคัญหนระดับชาติ ได้กาหนดเปนนนโยบายและมี แผนชัดเจนหนการหห้การดูแลอย่างรูปธรรม โดยเฉพาะการหห้ความสาคัญหนระดับครอบครัว ชุมชนและ องค์กรภาคี จังหวัดมหาสารคาม หนพ้นื ท่ีอาเภอเมืองมหาสารคาม ปัจจุบนั มีผู้สูงจานวน 11,127 คน และ พบว่าผู้สูงอายุมักมีธรรมชาติการเปลี่ยนแปลงหนทางท่ีเส่ือมลงท้ังทางด้าน ร่างกาย จิตหจและสังคม มี อุบัติการณ์การเกิดโรคมากกว่าวัยอ่ืนถึง 4 เท่า มีโรคประจาตัวอย่างน้อย 1 โรค และประสบปัญหา ทางด้านจิตหจท่ีสาคญั คือ ภาวะซึมเศรา้ ซ่งึ เกดิ จากการสูญเสียบุคคลหกลช้ ิดและการเปล่ยี นแปลงบทบาท หน้าที่หนสังคม ทาหห้ผู้สูงอายุ เปนนประชากรกลุ่มหหญ่ท่ีหช้บริการสุขภาพและค่าหช้จ่ายด้านสุขภาพเพิ่ม มากขนึ้ อาเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม เปนนที่ต้ังของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม มีประชากร ผู้สูงอายุประมาณมากถึง 874 คน ประชากรผู้สูงอายุเหล่านี้มีท้ังกลุ่มท่ีมีสุขภาพดีและเจ็บป่วย เร้ือรัง จากการดาเนินงานของโรงเรียนผู้สูงอายุเมืองท่าขอนยาง คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัย มหาสารคามซ่ึงได้ดาเนินงานมาตั้งแต่ปี 2557 ปัจจุบันยังคงมีนักเรียนผู้สูงอายุมาเรียนอย่างตอ่ เน่ือง ผล 50
การดาเนนิ งานตลอดเวลาท่ผี า่ นมาชวี้ า่ ผสู้ งู อายุไดเ้ รียนร้ตู ามวตั ถุประสงค์ นอกจากน้ันยงั พบว่าผสู้ งู อายุมี ความสุขและได้พูดคุยกับเพ่ือนๆ หนวัยเดียวกัน อย่างไรก็ตาม การดาเนินงานดังกล่าวก็มีข้อจากัดคือผู้ ที่มาโรงเรียนได้ก็มีโอกาสเข้าถึงการเรียนรู้ และสามารถทากิจกรรมได้ แต่สาหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหา สขุ ภาพหรือมงี านที่ตอ้ งรับผิดชอบก็ไมส่ ามารถมาโรงเรียนได้ นอกจากนนั้ ยังพบว่าผู้สูงอายุท่ีเคยมาเรยี น และยังอยากมาเรียนก็ไม่สามารถมาได้เพราะเจ็บป่วย หรือมีปัญหาการเดินทาง (ดรุณี รุจกรกานต์และ คณะ,2558) นอกจากน้ันจากการศึกษาความตอ้ งการนาร่อง พบวา่ ผู้สูงอายุส่วนหนึ่งต้องพึ่งพากนั เองหน ระบบครอบครวั และเครอื ญาติ เน่ืองจากลกู หลานตอ้ งเขา้ ไปทางาน ทาหหม้ ปี ัญหาเร่ืองการรับประทานยา หรือการดูแลสภาพแวดล้อมหนบ้านเรือน โดยเฉพาะคนที่ต้องอยู่กบั หลานหรอื อยู่ตามลาพงั ขณะเดยี วกัน ก็พบวา่ ระบบเครือญาติยังคงเปนนกลไกทีส่ าคญั หนการชว่ ยเหลอื เก้ือกลู ผสู้ ูงอายหุ หม้ ีชวี ิตอยูอ่ ยา่ งมีความสุข ได้ (อมร สุวรรณนิมิตรและคณะ,2559) ประเด็นดังกล่าวสะท้อนหห้เห็นถึงความจาเปนนท่ีต้องขยาย ขอบเขตการดูแลผู้สงู อายุหห้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมากข้ึนทั้งหนเชิงพืน้ ท่ี เชิงประเด็นท่ีต้องหห้การดูแล ขณะเดียวกันก็มีงานวิจัยสนับสนุนชัดเจนว่า ครอบครัวยังคงเปนนหน่วยสาคัญท่ีจะหห้การดูแลผู้สูงอายุ รวมถงึ ระบบเครือญาติและคนภายหนชมุ ชน ซ่ึงนับว่าเปนนทนุ ทางสงั คมทส่ี าคญั ประกอบกับภายหนชุมชน ชนบทยังคงมีทุนวัฒนธรรมอันดีงาม ความกตัญญูต่อพ่อแม่ ภูมิปัญญาท้องถ่ินที่ยังคงอยู่ ซ่ึงถือว่าเปนน หัวหจสาคัญที่จะเปนนฐานสาคัญหนการหห้การดูแลผู้สูงอายุ ทั้งนี้หากระบบดังกล่าวเข้มแข็ง ร่วมกับการ สนับสนุนจากองค์กรภายนอกก็จะทาหห้การดาเนินงานมีประสิทธภิ าพมากข้ึน รวมถึงจะช่วยหห้ผู้สูงอายุ เข้าถึงบริการที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ และคงไว้ซึ่งภาวะสุขภาพท่ีสมบูรณ์ สามารถพึ่งพาและดูแล กนั เองได้มากข้ึน จากสภาพการณ์ของผู้สูงอายุดังกล่าว คณะทางานจึงสนหจท่ีจะจัดทาโครงการบริการวชิ าการ ภายหต้ชื่อโครงการ การฟืน้ ฟทู ุนทางสงั คมเพ่อื การดูแลผ้สู ูงอายุโดยหช้ระบบเครือญาติและชมุ ชนเปนนฐาน ซ่ึงคาดว่าจะเปนนประโยชนโ์ ดยตรงตอ่ ผู้สูงอายุหหม้ คี ุณภาพชีวติ ท่ีดแี ละตอ่ ไป 2. วตั ถุประสงค์โครงการ 1. ค้นหาและฟ้ืนฟูทุนทางสังคมหนด้าน วัฒนธรรมประเพณี ความเช่ือ วิถีชุมชนเพ่ือการมีส่วน ร่วมหนการดูแลผสู้ งู อายหุ นชุมชน 2. ส่งเสริมความรูเ้ รือ่ งการดูแลสุขภาพ การ หช้ยาสาหรับผู้สูงอายุและพัฒนาระบบการจัดการยา เหลือหช้หนครวั เรอื น 3. พัฒนาบา้ นต้นแบบเพื่อการเรียนรู้เรือ่ งสขุ ภาพของผสู้ งู อายหุ นชมุ ชน 51 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงานในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวิจัย ครั้งที่ 12 : สาขาบริการวิชาการแก่สังคม” 57
3. กระบวนการดาเนินการ การดาเนินงาน แบ่งเปนนสามขั้นตอน 1) ขั้นเตรียมการ 2) ขั้นปฏิบัตกิ าร และ 3) การ ประเมินผลและปฏิบัติการซ้า ดังรายละเอียด ต่อไปนี้ 3.1 ข้ันเตรียมการ มีกระบวนการ ดาเนินงานก่อนเสนอโครงการ โดยดาเนินเปนน ขนั้ ตอน ได้แก่ การประสานงานทีมงานวิชาการเพ่ือสร้างทีม ประสานแกนนาชุมชน โดยการพูดคุยแบบ ไมเ่ ปนน ทางการและการคน้ หาแกนนา การสารวจสภาพปัญหาและวเิ คราะห์ความต้องการ ทาการสารวจและประเมินสภาพปญั หาความต้องการ หช้วธิ กี ารเชิงปรมิ าณและเชงิ คุณภาพ โดย หช้แบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่างจานวน 50 ราย และการสนทนากลุ่ม 1 คร้ัง การสัมภาษณ์เชิงลึก พบว่าผู้สูงอายุที่อายุ 60 ปขี ้ึนไป หนเขตพื้นทบ่ี ้านดอนเวยี งจนั ทร์ หมู่ 8,13 บ้านดอนสวน หมู่ 12 ตาบล ทา่ ของยาง อาเภอกนั ทรวิชยั จังหวดั มหาสารคาม มจี านวนทง้ั หมด 203 คน และมีปญั หา ดังนี้ 1) ปัญหาสุขภาพ ส่วนหหญ่มีโรคประจาตัว โรคเร้ือรัง ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง มี ผ้ปู ว่ ยติดเตยี งหลายราย ปว่ ยเปนนโรคหลอดเลือดสมอง มอี าการอมั พาตครึ่งซีก บางรายช่วยตวั เองได้น้อย ภาวะแทรกซ้อนจากโรคเร้ือรัง ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูงจะมีภาวะแทรกซ้อนคอื โรคไต จะมอี าการบวม มนึ ชาปลายมือปลายเท้า ผ้ทู ่เี ปนน เบาหวาน ส่วนหหญ่จะเปนนร่วมกบั โรคความดนั โลหิตสงู มีอาการแรกซ้อน เช่น ตาพร่ามัว นอกจากนั้นยังมีผปู้ ว่ ยโรคหลอดเลือดสมอง และโรคไต 2) ปัญหาด้านเศรษฐกิจ จากความจาเปนนหนการท่ีต้องดูแลคนหนครอบครัว ทาหห้ผู้สูงอายุบาง รายยงั คงต้องทางานรับจา้ ง เชน่ ดานา ถอนกลา้ ทาร้ัวหรอื บางรายมคี วามสามารถหนการทาขนมพนื้ บ้าน แมว้ า่ อายุ 80 กว่ากย็ ังต้องทาขนมขาย ซงึ่ รายได้ก็นามาเปนน ค่าหชจ้ ่ายหนครอบครัว 3) การอยู่บ้านตามลาพัง บางรายต้องอยู่บ้านตามลาพัง เนื่องจากลูกหลานแต่งงานและย้ายไป อยคู่ นละหมู่บ้าน ผู้ทีล่ ูกหลานไปทางานหนเวลากลางวันต้องช่วยเหลือตัวเอง เชน่ การรบั ประทานอาหาร ทีล่ ูกเตรียมไว้หห้ การขับถา่ ยกม็ ีข้อจากัด ผลการประเมนิ ความตอ้ งการของผสู้ งู อายุและผูด้ แู ลผสู้ งู อายุ จากการหช้แบบสารวจ การสนทนากลุ่มและการสัมภาษณ์เชิงลึก ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูล สรุป ความต้องการสาคัญ ดังน้ี 1) ต้องการรวมกลุ่มหนการทากิจกรรมและการดูแลช่วยเหลือกัน 2) ต้องการ ฟ้นื ฟูภูมิปัญญาและมีการนาสมุนไพรมาหช้หนการดูแลสุขภาพ 3)ตอ้ งการเรยี นรูเ้ รอื่ งยาท่หี ช้บ่อย การกิน 52 58 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงานในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวิจัย ครั้งที่ 12 : สาขาบริการวิชาการแก่สังคม”
การเก็บ 4) ต้องการคาแนะนาและการหหค้ าปรึกษาดา้ น 5)สุขภาพ การสง่ เสรมิ สุขภาพ สง่ เสริมความสุข หห้กับผู้สงู อายุ 6) ตอ้ งการมีอาชีพและอยากมรี ายได้เสรมิ และ 7) เคร่ืองอปุ กรณ์กีฬา 3.2 ระยะการปฏบิ ัติการ ขอ้ มลู ท่ีได้หนระยะที่ 1 ถกู นามาวางแผนร่วมกบั แกนนาชุมชน และได้ มีการกาหนด ออกแบบกิจกรรม โดยหห้ความสาคัญกับการรวมกลุ่มเพ่ือการดูแลกัน มีกิจกรรมร่วมกัน และหชท้ นุ ทางสงั คมทมี่ อี ยู่คือการร่วมมอื รว่ มแรงร่วมหจกนั บนฐานทรพั ยากรท่ีมีหนชุมชน กิจกรรมสาคัญท่ีกาหนดข้ึน ได้แก่ 1) เปิดเวทีชี้แจงและสารวจประเด็นปัญหา ความต้องการ เพ่ิมเติม 2) การอบรมเชิงปฏิบัติการเก่ียวกบั การดูแล สร้างเสริมสุขภาพโดยหช้ภูมิปญั ญาและทรัพยากรที่ มีหนชุมชนได้แก่ “สมุนไพร” 3) การอบรมเร่ืองยา 4) การพัฒนารูปแบบการสร้างอาชีพเสริม 5) การ เสรมิ สรา้ งศกั ยภาพผู้ดอ้ ยโอกาสและผูป้ ่วยเรอ้ื รงั 6) การนาเสนอผลงาน ผ่านโครงการตลาดนัดสุขภาพดี วถิ ีไทย 7) การติดตามเย่ยี มบ้านโดยกลมุ่ ผสู้ งู อายทุ ร่ี วมตวั กนั รว่ มกบั คณะทางาน 8) การติดตามหห้ความรู้ เรื่องยาโดย อาจารย์และนิสิตจากคณะเภสัชศาสตร์ และ 9) พัฒนาคุณภาพผลผลิตจากสมุนไพรและ พัฒนานวตกรรม 3.3 ผลการปฏบิ ัตกิ าร เน่ืองจากจุดเด่นของชุมชนคือมีสมุนไพรจานวนมาก มีความหลากหลาย มีหมอพ้ืนบ้าน ดังน้ัน เพื่อเปนนการนาเอาทุนทางสังคมเปนนฐานหนการพัฒนา จึงหช้สมุนไพรเปนนเคร่ืองมือหนการขับเคล่ือนงาน เกดิ การรวมกล่มุ เรยี กช่ือกลมุ่ ว่า “ กลุม่ ตายาย” การทาผลผลิตสมนุ ไพรจากชมุ ชนมีเป้าหมายเพ่อื การหช้หนการดแู ลสุขภาพ เหลือกข็ ายเพอื่ นามา เปนนทุนหมุนเวียนสาหรับซ้ือวัตถุดิบที่ผลิตเองไม่ได้ เช่นพิมพ์เสน การบูร วาสซาลีน และมุ่งหห้เกิดการ พึ่งตนเองวัตถุดบิ หนชุมชนหห้มากท่ีสดุ เพือ่ ลดการพง่ึ พาภายนอก รวมถึงการหชเ้ ทคโนโลยแี บบง่าย เป้าหมายสาคัญอีกประการหนึ่งคือการรวมกลุ่มเพ่ือดูแลช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส โดยการนา ปจั จัยทไี่ ด้จากการขายสมุนไพร นาไปซื้อนมกลอ่ งหรือเอาสมนุ ไพรทีผ่ ลิตขึ้นไปเย่ยี มเยียนผปู้ ว่ ยทบ่ี า้ น ซ่ึง สง่ ผลหห้เกิดความรว่ มมอื ช่วยเหลือและดูแลกนั ไดเ้ ปนน อย่างดี 53 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงานในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวิจัย ครั้งที่ 12 : สาขาบริการวิชาการแก่สังคม” 59
แนวคิดสาคัญคือการหช้การมีส่วนร่วมขององค์กรภาคี มีการทางานร่วมกับ คณะเภสัชศาสตร์ มมส รพ.สต.หวั ขัว เทศบาลตาบลทา่ ขอนยาง วัดดอนเวียงชัยและวัดเจริญผล นอกจากนน้ั ยังมีหน่วยงาน ภายนอกเขา้ มาเรยี นรแู้ ละสนบั สนนุ หนการจัดกจิ กรรม การพัฒนาบ้านต้นแบบ ได้บ้านต้นแบบสมุนไพร ผู้สูงอายุที่รวบรวมพันธ์ุพืชสมุนไพร และ โครงการมุ่งเป้าได้เข้าไปต่อยอด ด้วยการนาพันธ์ุสมุนไพรหายากไปเพิ่มเติมและเตรียมจัดทาฐานข้อมูล สมุนไพรหนชมุ ชน 3.4 ปญั หาและอุปสรรคในการดาเนนิ งาน 1. การดาเนินงานหนพื้นท่ีตามแนวทางการบูรณาการโครงการบริการวิชาการ การ วิจัย และการจัดการเรียนการสอน ทาหห้มีโครงการเข้าพ้ืนที่มาก ซ่ึงมีข้อดีคือชุมชนตื่นตัว ได้ร่วม กจิ กรรม สามารถนาเอาสง่ิ ทไี่ ด้รับรู้ไปปรับหช้ อย่างไรก็ตามก็มีส่วนกระทบกับเวลาของชุมชน โดยเฉพาะ เปนนช่วงฤดูกาลทานา อย่างไรก็ตาม การทางานของโครงการมุ่งเป้า ได้แก้ปัญหาด้วยการทางานแบบ แทรกซมึ ไปกับวิถีชีวติ ของคนหนชมุ ชนด้วยการเขา้ ถงึ ทบี่ ้าน ไม่พยายามดึงคนออกจากบา้ น ประชุมทบี่ า้ น แกนนา ทากจิ กรรมปฏบิ ัตกิ ารที่บา้ น ซงึ่ รูปแบบดงั กล่าวชว่ ยหห้ไดเ้ หน็ วถิ ีชวี ติ ทเ่ี ปนน จรงิ สามารถปรับหช้ได้ จริง หนกรณีที่ต้องมีการอบรมร่วมจะหลีกเลี่ยงช่วงเลาที่ชุมชนทางานต่อเน่ืองกับโครงการอื่น ขณะเดียวกันจะพยายามหช้เวลาที่ชาวบ้านออกมารวมตัวกัน เช่น มาเรียนท่ีโรงเรียนผู้สูงอายุ ซ่ึงจัดหห้มี การเรียนที่วัดดอนเวียงชัย รูปแบบดังกล่าวช่วยกระชับเวลาหห้กับกลุ่มเป้าหมาย และไม่เหนื่อยล้า เกินไป 2. จากสถานการณ์ที่ปรากฏว่า ผู้สูงอายุหนชุมชนยังต้องการมีรายได้ ต้องทางานเพื่อเลี้ยง ชีพ หรือมีลูกหลานที่ต้องดูแล สภาพดังกล่าวจึงต้องช่วยกันค้นคิดหหม่เพ่ือช่วยเหลือผู้ท่ียังไม่สามารถ ปลดปล่อยการแบกรับปัญหาดังกล่าวได้ ซ่ึงหนมุมของนักวิชาการอาจมองว่าวัยน้ีเปนนวัยที่ต้องพักผ่อน ทางานเปนนจิตอาสา แต่จากข้อเท็จแล้วกลับพบว่าชาวชนบทหรือก่ึงเมืองกึ่งชนบทมีความจาเปนนท่ีต้อง พ่ึงพาตนเอง เนือ่ งจากเงินเบย้ี ผสู้ งู อายุไม่พอหชจ้ า่ ย ด้วยเหตุดังกลา่ วคณะทางานจึงออกแบบกิจกรรมเพ่ือ เพม่ิ รายได้หห้กับผู้สงู วยั เช่น การนาเอาสนิ คา้ ท่ีมหี นครัวเรือนมาวางขายรว่ มกบั สินคา้ ของกลุ่ม 54 60 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงานในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวิจัย ครั้งที่ 12 : สาขาบริการวิชาการแก่สังคม”
3. มีข้อจากัดเร่อื งเวลาบ้างเนอ่ื งจากเปนนชว่ งเทศกาลงานบญุ วันพระ ชว่ งเข้าพรรษา หรือ ชว่ งเวลาไมต่ รงกัน ซง่ึ ทาหหม้ กี ารปรบั เปล่ียนวนั เวลาตามความเหมาะสม แต่ก็ไมเ่ ปนนอปุ สรรค 3.5 ความตอ่ เนื่องของโครงการ 1. ภายหลังการอบรม พบว่า มีผู้สูงอายุหลายคนมี ความประสงค์จะพัฒนาเพ่ิมเติมเรื่องการนวด และ การทาสมุนไร เพอ่ื หชห้ นชีวติ ประจาวัน จงึ ไดม้ ีการขยายกจิ กรรมเพ่มิ เช่นการทายา ดมสมุนไพร การทาลูกประคบ 2. มีแนวคดิ รว่ มกบั แกนนาหนการพัฒนาผลงานของ กลมุ่ โดยต่อยอดทางานฝมี ือ การร้อยลกู ปัด กระโจมอบสมุนไพร 3. การหาตลาดเพ่ือรองรับสินค้าของกลุ่ม ซ่ึงแกน นากลุ่มสามารถเขา้ ไปช่วยเหลือการจัดการงานศพของคนหนชุมชน รวมถึงการของชาร่วยที่ระลึกหนงานฌาปนกิจศพ ได้แก่ ยาหม่อง ยาดม พิมพ์เสนน้า ทาหห้คนหนชุมชนรู้จักกลุ่มมากขึ้น นอกจากน้ัน ยังมีแผนงานที่จะนาไปวางขายท่ีตลาดนัดของชุมชนทุกวันอังคาร ตลอดจนจาหนา่ ยท่ีบ้านผู้สงู อายุ ซง่ึ มีแผนที่จะทาซมุ้ สนิ ค้าของกลมุ่ 4. มีแผนงานวิจัยหนพ้ืนท่ี โดยจะศึกษาเร่ืองการหช้ ภูมิปัญญาและวิถีธรรมหนการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ และวิจัย ปฏิบัติการเพ่ือเสรมิ สร้างสุขภาวะทางปัญญาของชุมชน โดยทุนของคณะพยาบาลศาสตร์ และสานักงาน คณะกรรมการวิจัยแหง่ ชาติ (วช) 5.คณะทางานจะจัดกิจกรรมเสริมอ่ืนๆอย่างต่อเน่ือง เช่น การหห้ความรู้เรื่องสุขภาพ การ หห้คาปรึกษา เพื่อเปนนการสานต่องานและกระตุ้นหห้ผู้สูงอายุและผู้ดูแลได้มีความรู้และทักษะหนการดูแล อยา่ งต่อเนอ่ื ง 6. มีความร่วมมือกับองค์กรภาคีหนการที่จะยกระดับฝีมือของผู้สูงอายุหนการพัฒนาสินค้า ของชุมชน เช่น การทอเสอ่ื การแปรรูปผา้ ฝา้ ย 7. การวางแผนหหก้ ารดูแลผ้ดู ้อยโอกาส ได้แก่ผู้ป่วยเร้ือรังผู้ป่วยติดเตียง และเด็กวัยรุ่นท่ีมี ข้อจากัดด้านการเรียนรู้ ซง่ึ ได้หช้กระบวนการเสรมิ สรา้ งพลังอานาจหหเ้ ดก็ สามารถดแู ลตนเองไดม้ ากข้ึน มี รายไดบ้ ้างเพื่อหหม้ ีความภาคภูมหิ จและเหน็ คณุ คา่ หนตนเอง โดยการมีสว่ นร่วมของคนชมุ ชน ภาพรวมการดาเนินงาน ผู้เขา้ รว่ มโครงการ องคก์ รภาคีมีความประทับหจและมคี วามพึงพอหจสูง ส่วนข้อมูลเชิงคุณภาพ พบว่าผู้สูงอายุที่เข้าร่วมกิจกรรมต่อเนื่องได้นาเอาส่ิงที่ได้เรียนรู้ไปหช้หน ชวี ิตประจาวนั และนาไปดูแลเพ่อื นบา้ น 55 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงานในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวิจัย ครั้งที่ 12 : สาขาบริการวิชาการแก่สังคม” 61
3.6 สรุปผลและวิจารณผ์ ลการดาเนินงาน โครงการ “การฟ้ืนฟูทุนทางสังคมเพื่อการดูแลผู้สูงอายุ โดยหช้ระบบเครือญาติและชุมชนเปนนฐาน” เปนนชุดความรู้ท่ีเกิด จากกระบวนการออกแบบอย่างมีส่วนร่วมโดยการคิดร่วมกันของ คนหนชุมชน ซ่ึงตระหนักรู้ถึงศักยภาพและข้อจากัดของตนเอง ทั้งน้ีสิ่งท่ีคนหนชุมชนมีและเปนนอยู่คือ “วิถีชีวิต”และความเปนนอยู่ รวมถึงทรัพยากรหรือทุนท่ีมีหนชุมชน กล่าวได้ว่าทุนท่ีมีอยู่และ สามารถหช้เปนนฐานหนการพฒั นาชุมชนคือ “วัฒนธรรมทเี่ ขม้ แข็ง” “ระบบการดูแลภายหต้ความเอ้ืออาทรของเครอื ญาติ” ทไ่ี ม่ทอดท้ิง กนั โดยเฉพาะหนเวลาเจ็บป่วย กลไกของชุมชนท่ียังเปนน แกนสาคัญ หนการเชื่อมร้อยคนหนชุมชน และท่ีสาคัญคือ การหนุนช่วยจาก ภายนอกหนการท่ีจะดึงศักยภาพของชุมชนหห้ปรากฏ หห้ได้รับรู้ถึง พลังท่ีชุมชนมอี ยู่ สามารถนาออกมาหช้ไดอ้ ย่างเตม็ ท่ี ทรัพยากรหกล้ตัว “สมุนไพร” หนชุมชนที่ปลูกกันโดยท่ัง ไปตามข้างบ้าน หนสวน ริมถนน ได้ถูกนามาหช้เปนนเคร่ืองมือเพื่อ สร้าง “กิจกรรม” และ “ร้อยคน” เกิดเปนนกลุ่ม “ตายาย” ซึ่งการ รวมตัวเปนนกลุ่มแบบไม่เปนนทางการจะช่วยหห้มีการพบปะกัน ได้ แสดงออกถึงการมีส่วนร่วม ได้ช่วยเหลือคนอื่นตามศักยภาพของ ตน สอดคล้องกับการศึกษาของสุทธิพงษ์ บุญผดุง (2554) ที่ชี้ว่า การรวมกล่มุ เปนนปัจจัยด้านการอุทิศและการได้รบั การยอมรบั จาก ชุมชน นอกจากนั้นปัจจัยด้านปฏิสัมพันธ์หนครอบครัว มิตรสหาย และเพ่อื นบ้านก็มีส่วนสาคัญ โดยเฉพาะหนชุมชนกึ่งเมืองกึ่งชนบท ท่เี ปนนพ้ืนที่ดาเนนิ งาน ปัจจัยด้านครอบครัว ชุมชนและระบบเครือญาติจึงมีส่วนสาคัญหนการยึดโยงผู้คน หนสงั คมกอ่ หหเ้ กดิ การช่วยเหลือเกอื้ กูลกัน กลยุทธ์ที่สาคัญคือหาแกนนา การทางานแบบเคียงบ่าเคียงไหล่ ส่งเสริมจุดแข็ง เข้าหจข้อจากัด และต้องทางานแบบต่อเน่ือง กลยุทธ์การทางานคือการหาแกนนาการสื่อสาร ซึ่งรูปแบบดังกล่าวจะช่วย หห้เกิดความม่ันหจ สามารถดึงศักยภาพของแกนนาแต่ละคน คานึงถึงข้อจากัดแลความแตกต่าง ซึ่ง สุดทา้ ยแล้วจะพบศกั ยภาพของชมุ ชนเพื่อการดูแลผ้สู งู อายอุ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพสามารถนาหช้เพอ่ื การดแู ล ตนเอง ขยายไปสู่การดูแลผู้ดอ้ ยโอกาสและชว่ ยเหลืองานบุญประเพณขี องชมุ ชนไดห้ นระยะยาว 56 62 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงานในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวิจัย ครั้งที่ 12 : สาขาบริการวิชาการแก่สังคม”
3.7 แผนงานในระยะตอ่ ไป 1) การตดิ ตามเยีย่ มบ้านผูส้ ูงอายุโดยแกนนา 2) การพฒั นาผลผลติ ที่หช้สมนุ ไพรเปนน วตั ถดุ บิ หลัก หนการยกระดับ เช่น ถุงสมุนไพรประคบรอ้ น เบาะสมุนไพร หมอนสมนุ ไพร เปนน ต้น 3) การอบรมซ้าเรอื่ ง การหชย้ า โดยอาจารยแ์ ละนิสิตคณะเภสชั ศาสตร์ และ 4) การส่งเสรมิ บา้ นต้นแบบหหม้ ีรปู ธรรมท่โี ดดเด่น เอกสารอ้างอิง กระทรวงสาธารณสุขปี 2558. ยุทธศาสตร์ เป้าหมายและตัวชี้วัดประเด็นแผนพัฒนาศักยภาพกลุ่มวัย ผสู้ งู อายุ. ดรุณี รุจกรกานต์ อมร สุวรรณนิมิตร สุภาพร อาญาเมือง นงเยาว์ มีเทียน และนิตยา สุทธยากร. การ พฒั นารูปแบบโรงเรียนผู้สูงอายุเพอื่ การเรียนรู้ตลอดชวี ิตและการยกระดับคณุ ภาพชีวติ ผสู้ ูงอายุ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม. สุทธิพงษ์ บุญผดุง. (2554). การพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุหนท้องถิ่นโดยหช้โรงเรียนเปนนฐาน. มหาวทิ ยาลัยสวนสนุ นั ทา. ศนู ย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร.สานกั งาน. ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมนั่ คงของ มนษุ ย์.2557.ประชากรสูงอายุไทย : ปัจจุบนั และอนาคต. มูลนิธิสถาบนั วิจยั และพฒั นาผสู้ ูงอายุไทย (มส.ผส.) สถานการณ์ผสู้ งู อายุไทย. 2557. ปราโมทย์ ประสาท กลุ .บก. กทม: อมรนิ ทร์พรน้ิ ต้ิงแอนด์ พบั ลิชชง่ิ . อมร สุวรรณนิมิตร. รูปแบบการบูรณาการระบบการดูแลสุขภาวะของผสู้ ูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรงั หนชุมชน ชนบท.รายงานวิจยั ฉบบั สมบรู ณ์.สนบั สนนุ ทนุ โดย สกว. 57 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงานในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวิจัย ครั้งที่ 12 : สาขาบริการวิชาการแก่สังคม” 63
โครงการถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารผลติ ผกั เชงิ ระบบ (cropping system) เพ่ือเพ่มิ ศกั ยภาพ ความเขม้ แขง็ ในการผลิตผักปลอดภัยและรกั ษาระบบนเิ วศกดุ กวา้ ง ตาบลขามเรียง อาเภอกนั ทรวิชัย จังหวดั มหาสารคาม พัฒนา ภาสอน และคณะ สถาบนั วิจยั วลยั รุกขเวช คณะเทคโนโลยี และคณะสิ่งแวดลอ้ มและทรพั ยากรศาสตร์ โครงการบรกิ ารวิชาการแบบมงุ่ เปา้ 1. ความเป็นมาของปัญหา กุดกว้าง ต้ังอยู่หนพ้ืนที่รอยต่อบ้านมะกอก (หมู่ท่ี 5 และ 19) กับบ้านห้วยซัน (หมู่ที่ 6) ตาบลขามเรียง อาเภอกันทรวิชัย จงั หวัดมหาสารคาม อยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยมหาสารคามไปทางทิศ ตะวันตก ประมาณ 5 กิโลเมตร มีพื้นท่ี กว่า 120 ไร่ มีความสามารถ เก็บน้าได้ 105,000 ลูกบาศก์เมตร มีการขุดลอก 2 คร้ัง โดย กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อมเข้าดาเนนิ การ คร้ังแรก ปี พ.ศ. 2554 และครงั้ ที่ 2 ขดุ ลอก หหม่แล้วเสร็จ เม่อื วนั ท่ี 15 มกราคม 2559 จากทุนทางทรพั ยากรธรรมชาติท่ีมีความอดุ มสมบูรณ์หนพืน้ ที่ ทาหห้เกิดกิจกรรมการผลิตผักตลอดความยาวรอบกุดกว้าง กว่า 2 กิโลเมตร เปนนแหล่งผลิตผักส่งหน 3 ตาบลคอื ตาบลท่าสองคอน ตาบลทา่ ขอนยางและตาบลขามเรยี ง การผลิตผักหนพื้นที่กุดกว้าง เร่ิมต้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2534 โดยคุณยายปราง ยายป่ิน ยาย พิณและยายอิน ท่ีเร่ิมออกมาผลิตผักขายเปนนรายได้เสริมเพ่ือเปนนค่าหช้จ่ายหนการส่งบุตรหลานเรียน หนังสือ ประมาณปี พ.ศ. 2537 เกษตรอาเภอได้เข้ามาช่วยเหลือด้านเมล็ดพันธ์ุผัก ปี พ.ศ. 2538 มีการ ระบาดของโรคและเมลง เกษตรอาเภอจึงสนับสนุนปุ๋ยเคมีและสารเคมีทางการเกษตรและทาการผลิต แบบเคมีเรื่อยมา ประมาณปี พ.ศ. 2544 เกษตรอาเภอสนบั สนุนการผลติ ผักปลอดสารพษิ ตามนโยบายรัฐ ได้สนับสนุน การผลิตผักกางมุ้ง โดยมอบโรงเรือนกางมุ้งขนาด 1 งาน จานวน 4 โรงเรือน ไม่ประสบ ผลสาเร็จเพราะแมลงศัตรูสามารถเข้าไปทาลายพืชผกั ได้ ปี 2549 มีการสนับสนุน การทาน้าหมกั ชีวภาพ และปุ๋ยหมัก (น้าหมักยังคงดาเนินการหช้มาจนถึงปัจจุบัน แต่การทาปุ๋ยหมักเลิกผลิตหันมาหช้ปุ๋ยเคมี เช่นเดิม) การปลูกผักขายสามารถสร้างรายได้หห้กบั คนหนชุมชนได้มากพอสมควร ทาหห้คนหนชุมชนที่หัน มาปลกู ผกั มากขน้ึ ปจั จุบันมีคนหนชมุ ชนปลกู ผักหนพ้นื ทก่ี ดุ กวา้ งประมาณ 40-50 ราย จากทง้ั 2 เหตกุ ารณ์ การขุดลอกกดุ กว้าง ท่ีเปนนการเอาดินตะกอนท่ีทับถมหต้นา้ ข้ึนมาถมรมิ ตล่ิง หนพื้นท่ีปลูกผัก ปัญหาท่ีตามมาคือ ดินมีความละเอียดสูง อุ้มน้ามาก ค่าความเปนนกรดสูง ปริมาณ ไนโตรเจนต่า ทาหห้เปนนอุปสรรคห์ นการผลติ ผัก การเจริญเติบโตไม่ดี อ่อนแอ เมอ่ื พืชออ่ นแอโรคและแมลง 58
ก็เข้าทาลายได้มาก ประกอบกับการผลิตพชื เชิงเดี่ยวความเสียหายก็จะแพร่กระจายได้รวดเรว็ เกษตรกร จงึ หชป้ ุ๋ยและสารเคมีมากขึ้นเพ่ือรักษาผลผลิตไว้ไม้หห้ขาดทุน ปัญหาท่ีตามมาจากการหช้สารเคมี คืออาจ สง่ ผลกระทบต่อคุณภาพนา้ และระบบนเิ วศของกดุ กวา้ ง และส่งผลโดยตรงกับคนหนชมุ ชนบ้านมะกอกทั้ง 5 หมบู่ า้ น เน่อื งจากกดุ กวา้ งหช้เปนนแหล่งนา้ ดิบหนการผลิตประปาหนชมุ ชน การผลิตพืชเชิงระบบ หรือ cropping system เปนนวิธีการปลูกผักหลายชนิดหนพ้ืนที่เดียวกัน เกื้อกูลกัน โดยอาศัยหลักความแตกต่างของอายุการเก็บเก่ียวผลผลิต ความแตกต่างของความต้องการ ธาตอุ าหาร ความแตกตา่ งของศัตรูพืช ความตอ้ งการปัจจัยหนการเจรญิ เติบโต พชื ผักบางชนดิ มีคุณสมบัติ สามารถขับไล่แมลงได้ บางชนิดล่อแมลงศัตรูพืชได้ บางชนิดปลดปล่อยธาตุอาหารอย่างอื่นหห้กับดนิ ทา หหพ้ ชื ผักที่ปลกู ได้รับผลกระทบนอ้ ยและยังสามารถหห้ผลผลติ ได้เชน่ เดมิ ดังนัน้ การสรา้ งเกษตรกรต้นแบบ หนการผลิตผักเชิงระบบและหช้เปนนฐานเรียนรู้ของคนหนชุมชนพื้นที่กุดกว้าง จึงเปนนแนวทางหนึ่งที่จะ ถา่ ยทอดความรู้ ผา่ นการปฏิบตั ิ เกดิ การเรียนรเู้ ทคโนโลยีแลว้ นามาปรบั หชห้ ห้เหมาะสมกบั คนหนชุมชนแต่ ละราย 2. วตั ถุประสงคโ์ ครงการ เพอื่ สรา้ งเกษตรกรต้นแบบ หนการเปนนฐานการเรียนรู้และถา่ ยทอดความรเู้ ทคโนโลยกี ารผลติ พืช เชิงระบบ (cropping system) หห้กบั เกษตรกรหนพืน้ ท่ีกุดกว้างหห้สามารถผลิตผกั ปลอดภัยและเปนน มิตร กับสง่ิ แวดลอ้ มได้ 3. กระบวนการดาเนินการ กระบวนการศกึ ษาบริบทชมุ ชน ไดท้ าการลงสารวจหนพน้ื ทีห่ ลายคร้ัง ทาหห้ทราบถงึ ผลกระทบท่ี เกิดขึ้นจากการขุดลอกกดุ กว้างและพฤติกรรมการผลิตผักของคนหนชุมชน ซ่ึงเปนน ผลกระทบหนวงกวา้ งท่ี ชมุ ชนอยากจะช่วยกันแก้ไขปัญหา ซงึ่ ทีมวิจัยได้ค้นพบคาตอบหรอื แนวทางการแก้ไขปัญหากระบวนการ ผลิตผักของคนหนพื้นท่ีกุดกว้าง คือ “การผลิตผักแบบขี้คร้าน” ท่ีเริ่มต้นจากการป้องกันความเสี่ยงของ ผลผลติ ผกั ท่ปี ลูกเพยี งชนดิ เดยี วทป่ี ระสบปญั หาการเจรญิ เติบโตช้า ไม่แขง็ แรง จงึ มกี ารปลกู ผกั ชนิดทสี่ อง และสามหนแปลงเดียวกัน โดยไม่ต้องเตรียมแปลงหหม่ การดูแลรักษาก็ทาตามปกติ รดน้า หส่ปุ๋ยหนครั้ง เดียวกัน ประหยดั เวลาและแรงงาน แต่กลับพบว่า พืชท้ังสามชนิดสามารถหห้ผลติ ได้ และมคี วามแขง็ แรง จึงได้ทดลองเพิ่มจานวนชนิดผักขึ้นอีก 3-5 ชนิด ต่อแปลง มีทั้งประสบผลสาเร็จและล้มเหลว จึงเลือก วิธีการผลิตท่ีเหมาะสมมาหช้เปนนวิธีการปลูกหนพื้นท่ี ซ่ึงวิธีการผลิตผักดังกล่าวเปนนรูปแบบการผลิตพืชท่ี เรียกว่า “การผลิตพืชเชิงระบบ” (cropping system) ที่เปนนการผลิต แบบผสม (mixed cropping) จึง 59 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงานในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวิจัย ครั้งที่ 12 : สาขาบริการวิชาการแก่สังคม” 65
นาประเด็นต่างๆ กลับมานาเสนอหนทีมวิจัย เพื่อวางแผนการดาเนินงานต้ังแต่กระบวนการต้นน้า กลาง น้า และปลายนา้ กระบวนการต้นน้า ประกอบดว้ ยกระบวนการศึกษาบรบิ ท ชุมชน การเตรียมชุมชน การต้ังโจทย์หรือหัวข้อปัญหา การจัดการ ทีม การฝึกอบรม เน้นการสารวจพื้นที่และสอบถามปัญหาหนพื้นท่ี เพื่อหห้ได้โจทย์ของปัญหาท่ีแท้จริงและนากลับไปนาเสนอต่อชุมชน เพื่อพิจารณาร่วมกันว่าอะไรคือปัญหาท่ีมีผลกระทบกับคนหนชุมชน กระบวนการจัดการทีมวิจัยและฝึกอบรม จะเน้นการฝึกอบรมเชิง ปฏิบัติการและกระบวนการแลกเปล่ียนเรียนรู้เปนนหลักเพื่อหห้ มองเห็นภาพและข้ันตอนการดาเนินงานท้ังหมด การหาตัวแทนหน ชุมชนเปนนผู้ประสานงานทาหห้เกิดความสะดวก การแบ่งเนื้องาน ออกเปนนส่วนๆ สาหรับนักวิจัยหนทีมเพ่ือความสะดวกหนการ บรหิ ารงานและงบประมาณ กระบวนการกลางน้า ประกอบด้วยกิจกรรม การสารวจภูมิปัญญาท้องถ่ินหนการจัดการระบบ การผลิตผัก การถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตผักเชิงระบบ การออกแบบระบบการผลิตพืชตามความ ตอ้ งการของชุมชน (เน้นองค์ความรู้เดิมและเพ่ิมเติมหห้สมบูรณ์ตามหลักวิชาการ) กระบวนการวิเคราะห์ ดินและน้า กระบวนการท้ังหมดเน้นกระบวนการแลกเปล่ียนเรียนรู้ระหว่างนิสิตและชุมชนผ่าน แบบสอบถาม โดยชุมชนเปนนผู้หห้ข้อมูล นิสิตเปนนผู้เรียนรู้และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างนักวิชาการ กับคนหนชุมชนหนเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ท่ีนิสิตจะเปนนผู้เรียนรู้ไปหนตัว หนทางกลั บกัน หนข้ันตอน วิเคราะห์ดินและน้า นิสิตเปนนผู้หห้ความรู้และเปนนผู้เรียนรู้หนการแปลผล การนาข้อมูลไปหช้ รวมทั้ง แนวทางแก้ไขปญั หาจากอาจารย์ผู้สอนท่ีมาเปนน วทิ ยากรหหค้ วามรู้หนด้านของชมุ ชนก็จะกลายเปนนผู้เรยี นรู้ กระบวนการปลายน้า เปนนข้ันตอนการติดตามผลการดาเนินกิจกรรมท่ีผ่านมา ได้ผลมากน้อย เพียงหด ประเมินจากพฤติกรรมการผลิตผักของคนหนชุมชน มีพฤติกรรมการผลิตผักที่เปลี่ยนแปลงไป หรือไม่ และจะตามมาด้วยกระบวนการแลกเปล่ียนเรียนรู้ระหว่างคนหนชุมชนเกี่ยวกับเทคนิคต่างๆ หน 60 66 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงานในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวิจัย ครั้งที่ 12 : สาขาบริการวิชาการแก่สังคม”
การผลิตผักเชิงระบบที่ค้นพบและเปนนประโยชน์หนระดับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเปนนตัวชี้วัดสุดท้ายถึง ความสาเรจ็ ของโครงการฯ 4. การบรู ณาการกบั ภารกจิ อน่ื ๆ การบูรณาการกับการเรียนการสอน บูรณาการระหว่างการเรียนการสอนกับหลักสูตรความ หลากหลายทางชีภาพ รายวิชาพฤกษศาสตร์พ้ืนบ้านและรายวิชาภูมิปัญญาท้องถ่ินหนความหลากหลาย ทางชีวภาพ โดยการนานิสิตลงพ้ืนท่ีมาเรียนรู้ภูมิปัญญา หนการหช้ประโยชน์จากความหลากหลายทาง ชีวภาพหนการผลิตผักหนพื้นทกี่ ุดกวา้ ง หลักสูตรสิ่งแวดล้อมศกึ ษา หนรายวิชาการจัดการสิ่งแวดล้อม และ รายวิชาการประเมินผลกระทบส่ิงแวดล้อม ที่หนรายวิชาต้องมีการเรียนการสอนการตรวจสอบวิเคราะห์ ดินและน้า การบรู ณาการรว่ มกับการวิจยั โดยนาองค์ความรูแ้ ละผลการวจิ ยั เรือ่ ง การคดั เลือกสายพนั ธุพ์ รกิ พ้ืนเมืองภายหต้ระบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งนาองค์ความรู้จากการวิจัยการผลิตพริกร่วมกับพืชอื่นๆ ซึ่งเปนน การผลิตพริกแบบอนิ ทรีย์โดยเปรียบเทยี บวธิ ีการผลิตพืชเชิงระบบ (cropping system) มาถ่ายทอดและ ขยายผลแนวทางการหชป้ ระโยชนห์ นพ้นื ที่หนพื้นทก่ี ุดกว้าง 5. ผลลพั ธ์การดาเนนิ โครงการ 1) คัดเลือกเกษตรกรต้นแบบหนชุมชน จานวน 2 ราย คือ นางปิ่น บุญหล้า และนางพิณ ไชโสดา 2) ค้นพบอ่ืน ตอบโจทย์และปัญหาของชุมชนหนการ แก้ปัญหาเรื่องดิน ท่เี ปนนท่ีถกเถียงหนชุมชนของสาเหตุการปลูกพืชผกั แล้ว เจริญเติบโตไม่ดี คือทราบถึงคุณสมบัติดินและแนวทางแก้ไขปัญหา ดินมี ความเปนนกรดจัด ปรมิ าณธาตุไนโตรเจนและฟอสฟอรัส น้อยและปริมาณ โพแตสเซยี ม มหี นระดบั มาก แนวทางแกไ้ ขปัญหาคอื การหช้แกลบเผาและ อินทรียวัตถุ เพื่อปรับค่าความเปนนกรดของดิน และปรับปรุงวิธีการหช้ปุ๋ย หหต้ รงความตอ้ งการของพืชได้อยา่ งเหมาะสม 3) แบบแผนการผลติ ผกั แบบผสม (mixed cropping) จานวน 5 แบบ คือ 1)การผลิตพืช 7 ชนิด บวบ ถั่วฝักยาว กวางตุ้งข้าวโพด ผักชี ลาว โหรพา มะเขือเทศ 2)การผลิตพชื 3 ชนิด ข้าวโพด พริก โหรพา 3)การผลิตพืช 3 ชนิด พริก แตง แมงลัก 4)การผลิตพืช 4 ชนิด มะละกอ ตะไคร้ แมงลักพริก 5)การผลิตพืช 2 ชนิด ถ่ัวลิสง ข้าวโพด ซ่ึง 61 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงานในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวิจัย ครั้งที่ 12 : สาขาบริการวิชาการแก่สังคม” 67
จะหช้เปนนแบบแผนการผลิตต้นแบบและขยายผลหนระยะต่อไป ซง่ึ เกษตรกรจะเลือกวธิ กี ารไปทดลองเพื่อ เรยี นร้แู ละเปนน แบบแผนการผลติ เฉพาะของแต่ละคน 4) จากการลงพื้นที่และการอบรมเชงิ ปฏิบัตกิ าร จานวน 2 คร้งั มีเกษตรกรหนพ้ืนท่กี ุดกวา้ งและ พนื้ ที่หกล้เคียง (เกษตรกรผู้ปลูกผักรอบหนองเทา) เข้าร่วมโครงการฯ รวม ทั้งส้ิน 43 คน (เกนิ เปา้ หมาย) คดิ เปนน ร้อยละ 143.3 มีระดับความพึงพอหจของเกษตรกรทเ่ี ข้ารว่ มโครงการฯ เฉล่ยี หนระดบั มาก (4.48) โดยมีเกษตรกรทีม่ คี วามพงึ พอหจหนระดบั มากท่ีสุดคิดเปนนร้อยละ 59.62 และหนระดับมาก ร้อยละ 29.33 นิสิตที่เข้าร่วมโครงการฯ จานวน 47 คน (น้อยกว่าเป้าหมาย 28 คน ท่ีตั้งไว้ 75 คน) คิดเปนน ร้อยละ 62.67 คน (เน่ืองจากไม่ได้ปรับจานวนนิสิต ตามกิจกรรมที่ลดลง หห้มีความสอดคล้องกับงบประมาณที่ ได้รับ) มาจาก 2 หลักสูตร คือหลักสูตรความหลากหลายทางชีวภาพและหลักสูตรส่ิงแวดล้อมศึกษา มี ระดับความพึงพอหจเฉลี่ยหนระดับมาก (4.49) โดยมีความพึงหจหนระดับมากที่สุดร้อยละ 55.41 และ ระดับมาก 38.53 มีความพึงพอหจเฉลี่ยหนด้านความรู้และประสบการณ์หนระดับมากที่สุด (4.64) ความ พึงพอหจด้านประโยชนท์ ไี่ ดร้ ับเฉลี่ยหนระดบั มาก (4.39) มีบุคลากรหนโครงการฯ จานวน 6 คน (ครบตาม เป้าหมาย) คิดเปนน ร้อยละ 100 แต่ภาพรวมผู้เข้าร่วมโครงการฯ ทั้งส้ินจานวน 96 คน คิดเปนน 86.49 เกนิ เป้าหมายของโครงการที่ตั้งไว้ คอื รอ้ ยละ 80 6. บทสรปุ โครงการ จากการลงพื้นท่ีดาเนินโครงการฯ และการประเมินผลโดยการสังเกตความสนหจของคนหนพื้นท่ี กุดกว้าง มีแนวโน้มท่ีต้องการแก้ไขปัญหาการผลิตผักของตนเอง มีโอกาสหนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม การผลิตผักเชงิ ระบบมากขน้ึ หนกระบวนการติดตามและกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหวา่ งเกษตรกร หนชุมชนท่ีเข้าร่วมโครงการฯ คาดการณ์ว่า จะได้องค์ความรู้เก่ียวกับเทคนิค ข้ันตอน การผลิตพืชเชิง ระบบ ของแต่ละรายท่ีค้นพบ อันนาไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของเกษตรกรหนการผลิตผักหนพ้ืนที่ เพื่อเปนน การอนรุ ักษ์ดนิ และนา้ หนพืน้ ท่ี 62 68 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงานในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวิจัย ครั้งที่ 12 : สาขาบริการวิชาการแก่สังคม”
เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวจิ ยั ครัง้ ท่ี 12 Towards Sustainable Community Development by Integrating Basic and Applied Researches วันท่ี 8 - 9 กนั ยายน พ.ศ.2559 ณ คณะมนษุ ยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม “สาขาบรกิ ารวชิ าการแก่สังคม” กองสง่ เสริมการวจิ ัยและบริการวชิ าการ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม
Search