เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน 51 ในงานการประชุมวชิ าการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวจิ ยั ครงั้ ที่ 15 : สาขาบรกิ ารวิชาการ” ตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งหากมีการส่งเสริมและติดตามอย่างต่อเนื่อง อาจช่วยให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ชมุ ชนท่ีเปน็ เอกลกั ษณข์ องชมุ ชนบ้านป่าโพธิไ์ ด้ในอนาคต 5.3 การขยายผลไปสูห่ น่วยงานอืน่ ๆ ทีเ่ กย่ี วขอ้ ง การดาเนินการในครัง้ นี้ คณะวิทยาศาสตรไ์ ด้รับโจทยท์ ีส่ าคัญจากชุมชนประเด็นหนงึ่ คือ ชุมชน มีความต้องการวัสดุสาหรบั ทาหีบหอ่ หรอื บรรจภุ ัณฑท์ ่ีเปน็ เอกลักษณ์ของชุมชนและสามารถผลิตข้นึ ใชไ้ ด้ เองในชุมชน ซ่งึ ทางคณะวิทยาศาสตร์ได้เห็นว่าในชุมชนมกี ารเพาะปลูกพชื หลายชนิดทีม่ ีศกั ยภาพในการ นามาผลิตเยื่อกระดาษได้ โดยต้นกล้วยเป็นวัสดุที่น่าสนใจและเป็นวัสดุเหลือท้ิงภายหลังการเก็บเกี่ยว ผลผลิตที่น่าจะนามาใช้ประโยชน์ได้ จงึ ได้ดาเนินการฝึกอบรมการผลติ เย่ือกระดาษสาจากตน้ กล้วยให้แก่ ประชาชนในชุมชน โดยเย่ือกระดาษทไ่ี ด้มคี วามเหนียวและมีความคงตัวท่สี ามารถมารถนาไปแปรรูปเป็น ผลติ ภัณฑ์อ่นื ๆ ได้หลากหลายนอกเหนอื จากการใชเ้ ป็นวสั ดหุ ีบห่อ ซงึ่ อาจยงั ตอ้ งการองค์ความรดู้ ้านการ ออกแบบผลติ ภัณฑห์ รือบรรจภุ ัณฑจ์ ากสาขาวชิ าการออกแบบ 6. บทสรุป จากการดาเนินการท้งั หมดท่ีกล่าวมา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม ไดใ้ ช้จดุ แข็ง ทางด้านวิชาการที่มีอยู่เข้าไปช่วยส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาชุมชนบ้านป่าโพธิ์ให้เข้มแข็งข้ึน โดย ไม่ได้เข้าไปทาให้เกิดการเปล่ียนแปลงวิถีชีวิตของคนในชุมชน อันเป็นการคงเอกลักษณ์ของชุมชนไว้ตาม การจัดการด้านการท่องเที่ยวเชิงนวัตวิถีของชุมชนบ้านป่าโพธไ์ิ ดเ้ ป็นอย่างดี โดยนอกจากการดาเนินการ ดังกล่าวขา้ งต้น ชมุ ชนบา้ นป่าโพธ์ยิ งั มที รพั ยากรและวัตถดุ ิบทีน่ า่ นใจและรอการพฒั นาอกี หลายสว่ น เช่น ผลิตภัณฑ์จากเนื้อโคที่สามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารท่ีหลากหลายและมีมูลค่าสูง ข้ึน เช่น ผลิตภัณฑ์อาหารหมัก ไส้กรอกรมควัน หม่า และ อ่ืนๆ ประกอบกับทางชุมชนมผี ู่นาชมุ ชนที่เข้มแข็งและ ผลักดันให้เกิดการพัฒนาชุมชนอย่างต่อเนื่อง ดังเห็นได้จากการเข้าร่วมดาเนินการตามนโยบายของ จังหวัดในหลายโครงการ เช่น การเป็นชุมชนต้นแบบด้านการจัดการขยะในชุมชน การเข้าร่วมโครงการ พัฒนาแหล่งท่องเท่ียวนวัตวิถี เป็นต้น ดังน้ัน ชุมชนบ้านป่าโพธิ์จึงเป็นอีกหน่ึงในชุมชนที่น่าสนใจในการ นาเอาองค์ความรู้แขนงต่างๆ โดยบูรณาการสหศาสตร์เข้าไปช่วยเหลือพัฒนาให้เกิดการดาเนินงานที่ยัง ยืนของชุมชนบ้านป่าโพธิ์ เช่น การจัดทาส่ือประชาสัมพันธ์ชุมชน การออกแบบและจัดการแหล่ง ทอ่ งเทีย่ ว การบรหิ ารจัดการชมุ ชน การออกแบบผลิตภัณฑ์และการสร้างแบรนดส์ นิ ค้า เป็นตน้ 7. บรรณานกุ รม ศนู ยบ์ รกิ ารข้อมูลอาเภอ กรมการปกครอง. อาเภอยางสสี รุ าช จงั หวัดมหาสารคาม. สบื คน้ เมอื่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2562. http://www.amphoe.com/menu.php?mid=1&am=463&pv=41. องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบลนาภู. ประวตั ิทวั่ ไปตาบลนาภู อาเภอยางสีสุราช. สบื คน้ เมื่อ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2562. http://tambolnaphu.blogspot.com/p/blog-page_05.html.
การบูรณาการการสหวิทยาเพือ่ การพฒั นาชุมชนคาแคนอย่างย่ังยนื วุฒศิ าสตร์ โชคเกอื้ และคณะ คณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม 1. ความเป็นมาของปญั หา ในปี พ.ศ.2559 องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบลคาแคน ไดจ้ ดั สรรงบประมาณดาเนินการโครงการระบบ ผลิตและจ่ายก๊าซชีวภาพจากฟาร์มสุกร เพ่ือเป็นต้นแบบระบบท่ีมีการพึ่งพากันระหว่างฟาร์มสุกรกับ ชุมชนรอบข้าง นับว่าเป็นการแก้ไขปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมและลดค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงานของ ชุมชนผ่านกิจกรรมการมีส่วนร่วมในการดูแลระบบ เพ่ือให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อชุมชน ทางองค์การ บริหารส่วนตาบลยังขาดองค์ความรู้ทางด้านวิชาการและบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ จึงขอความ อนุเคราะห์คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม ในการเป็นภาคีเครอื ขา่ ยในการศึกษาเรยี นรู้การ จัดการปัญหาส่ิงแวดล้อมในชุมชนโดยใช้เทคโนโลยีการผลิตก๊าซชีวภาพ และวิจัยผลกระทบทางด้าน พลังงาน ด้านสิ่งแวดล้อม ตลอดจนบริบทของชุมชนที่เปล่ียนไป เพื่อส่งเสริมให้ชุมชน/หมู่บ้าน เป็น ตน้ แบบในการนาวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ไปใช้ในการการประกอบอาชพี และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดี ขึ้น และสนับสนุนให้ชุมชนเข้าถึงแหล่งเทคโนโลยี มีความตระหนักและมีขีดความสามารถด้าน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ก่อเกิดความร่วมมือภายใต้บันทึกข้อตกลงภาคีเครือข่าย มหาวิทยาลัย มหาสารคาม บริษัท ปตท.จากัด(มหาชน) สานักงานพลังงานจังหวัดขอนแก่น และ องค์การบริหารส่วน ตาบลคาแคน ในการขับเคลื่อนการเสริมสร้างความรู้และการจัดการด้านพลังงานเพ่ือการมีพลังงานใช้ อย่างเพียงพอ และคานึงถึงส่ิงแวดล้อม รวมถึงการสร้างจิตสานึกให้ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและ ยั่งยืนตามหลักเศรษฐกจิ พอเพยี ง ในการนี้ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ภายใต้ความร่วมมืออย่างต่อเน่ืองตลอด 3 ปีทีผ่านมา โดยแสดงให้เป็นประจักษ์ในด้านพลังงานทดแทน เพ่ือขยายผลสู่มิติอ่ืนๆ ของชุมชน คณะ วิทยาศาสตร์จึงมีแนวคิดในเรียนรู้ชุมชนผ่านกิจกรรมสหวิทยาในการเรียนรู้และส่งเสริมความรู้สู่ชุมชน ตามศักยภาพและความเข้มแข็งของชุมชนแบบมีส่วนร่วม จึงได้วางแนวทางในการดาเนินงานเพ่ือหนุน เสริมการพัฒนาชุมชนในด้านต่างๆ ได้แก่ การเรียนรู้ทรัพยากรป่าและสมุนไพรชุมชน การวิเคราะห์ คุณภาพน้าและอากาศ การตรวจสอบธาตุอาหารพืชในกากเหลือจากบ่อหมักก๊าซชีวภาพเพื่อการผลติ ปุ๋ย สาหรับเกษตรกร การให้คาปรึกษาและจัดอบรมเพื่อส่งเสริมการจัดทาบัญชคี รัวเรือนของประชาชน และ การหาแนวทางหรือนวัตกรรมในการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อ ส่ิงแวดล้อม โดยอาศัยนิสิตคณะวิทยาศาสตร์และนักเรียนโรงเรียนคาแคนวิทยาเป็นกลไกลในการ ขับเคล่ือน เพื่อสร้างชุมชนท่ีเข้มแข็งและย่ังยืน เป็นแหล่งเรียนรู้สาหรับชุมชนข้างเคียง อกี ท้ังยังเป็นการ สง่ เสริมใหน้ ิสิตไดม้ ีสว่ นรว่ มในการชว่ ยเหลอื ชุมชนตามปรชั ญาของมหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม
เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน 53 ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวิทยาลยั มหาสารคามวจิ ยั ครั้งที่ 15 : สาขาบรกิ ารวชิ าการ” 2. วตั ถปุ ระสงค์โครงการ 1) เพือ่ บรหิ ารจัดการเรยี นรู้ทรัพยากรชุมชนดว้ ยชมุ ชน 2) เพ่ือแก้ปญั หาชมุ ชนและพฒั นานวตั กรรมโดยใชห้ ลกั การทางวทิ ยาศาสตร์ 3) เพ่ือยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนด้วยการใช้บัญชีครัวเรือนในการควบคุมค่าใช้จ่าย และการจัดการหนี้สนิ 3. กระบวนการดาเนนิ การ การจัดกิจกรรมโครงการบูรณาการสหวิทยาเพ่ือการพัฒนาชุมชนคาแคนอย่างย่ังยืน เป็นการ ดาเนินการภายใต้การบูรณาการองค์ความรู้ของอาจารย์ บุคลกร นิสิต คณะวิทยาศาสตร์ กับภาคี เครือข่าย โรงเรียนคาแคนวิทยา บริษัท ปตท.จากัด(มหาชน) องค์การบริหารส่วนตาบลคาแคน และ สานักงานพลังงานจงั หวดั ขอนแก่น โดยนาความรู้ทางวิชาการ ฟิสกิ ส์ เคมี ชีววทิ ยา และคณิตศาสตร์ มา ประยุกตใ์ ช้ในการเสรมิ สร้างศักยภาพ แก้ไขปัญหา และยกระดับคณุ ภาพชวี ิตของชมุ ชน โดยการนาเอาหลักการควบคมุ คณุ ภาพ (PDCA) มาใช้ในการวางแผนการดาเนินงาน ควบคกู่ ับ การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมและศักยภาพ (SWOT) เพื่อให้การดาเนินงานเป็นอย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย 3 ช่วงหลัก 10 ขนั้ ตอนดงั น้ี ระยะตน้ นา้ 1. การถอดบทเรียน วางแผน การเตรียมความพร้อมและ ชีแ้ จงทาความเขา้ ใจชมุ ชน 2. การสารวจเก็บข้อมูลเชิงพ้ืนท่ี ตัวอย่างน้า และบริบท ของชุมชน ระยะกลางน้า 3. กิจกรรมค่ายส่งเสริมวิชาการพัฒนาทัศนคติแนวคิดดา้ น วิทยาศาสตร์ 4. ออกแบบระบบผลิตและจ่ายก๊าซชีวภาพจากฟาร์มสุกร สาหรับชมุ ชน 5. จดั ทาฐานข้อมลู พชื สมนุ ไพร (ต้นไม้) ตามเสน้ ทางเดินสมนุ ไพรของชมุ ชน 6. ส่งเสรมิ การทาบัญชีครวั เรือน 7. ตรวจวิเคราะหค์ ณุ ภาพนา้ ผิวดิน 8. ตรวจวิเคราะหค์ ณุ ภาพนา้ ประปาชุมชนทางชวี วทิ ยา 9. ศึกษาแนวทางการเพ่มิ มลู คา่ ผลิตภัณฑช์ ุมชน ระยะปลายนา้ 10. คืนขอ้ มลู สชู่ ุมชนเพอ่ื ให้ในการวางแผนพัฒนา
54 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน ในงานการประชุมวชิ าการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวิจยั คร้งั ที่ 15 : สาขาบรกิ ารวชิ าการ” โดยกิจกรรมต่างๆ เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนในชุมชน ผ่านการวางแผนและติดตาม อย่างเป็นระบบโดยอาศัยนิสิตในหลักสูตรต่างๆ เป็นกลไกในการขับเคลื่อน เพ่ือให้เป็นไปตาม วัตถปุ ระสงค์ของโครงการ 4. การบูรณาการกบั ภารกจิ หลักดา้ นอ่ืนๆ การบรู ณาการองค์ความรู้ในหลกั สูตรวิทยศาสตรบัณฑิต สังกัดคณะวิทยาศาสตร์ โครงการบูรณาการสหวิทยาเพ่ือการ พัฒนาชุมชนคาแคนอย่างย่ังยนื ภายใต้โครงการบรกิ ารวชิ าการ สู่ชุมชน “1 หลักสูตร 1 ชุมชน” ก่อเกิดประโยชน์และสร้าง คุณคา่ ต่อสงั คมและชมุ ชนโดยมรี ายละเอียดดังต่อไปนี้ 4.1. บูรณาการกบั การเรยี นการสอน การบริการวชิ าการได้นาเอาความรู้ทางวิชาการ ฟิสกิ ส์ เคมี ชีววิทยา และคณิตศาสตร์ มาประยุกต์ใช้ในการเสริมสร้าง ศักยภาพ แก้ไขปัญหา และยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชน ตาบลคาแคน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น เพ่ือส่งเสริมให้ชุมชน/ หมู่บ้าน เป็นต้นแบบในการนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไป ใช้ ใน ก า ร ป ร ะ ก อ บ อ า ชี พ แ ล ะ พั ฒ น า คุ ณ ภ า พ ชี วิ ต ให้ ดี ขึ้ น เยาวชนนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาได้พัฒนาทักษะแนวคิดด้าน วิทยาศาสตร์ และเรียนรู้เทคโนโลยีท่ีนามาประยุกต์ใช้ในการ แกป้ ัญหาชุมชน สง่ เสรมิ การใช้พลังงานทดแทนในชุมชน นสิ ติ ท่ี เข้าร่วมโครงการได้เรียนรู้บริบทของชุมชน และเป็นตัวกลางใน การถ่ายทอดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีผ่านกระบวนการ สารวจ ตรวจวิเคราะห์ ประเมิน และนาเสนอผลการศึกษา หลากหลายรายวิชาที่มีการนาไปประยุกต์ใช้ในการจัดกิจกรรม ตามความถนัดของแต่ละสาขาเพื่อบูรณาการศาสตร์เพ่ือการ ยกระดบั ชุมชน เชน่ - นสิ ติ หลักสูตร วท.บ.ฟิสกิ ส์ และ วท.บ.ฟิสิกส์ประยุกต์ ทาการสารวจขอ้ มูลชุมชนเพือ่ การ วางแผนออกแบบระบบผลติ และจา่ ยกา๊ ซชวี ภาพจากฟาร์มสกุ รระดบั ชมุ ชน บา้ นคาโซ่ - นสิ ิตหลักสตู ร วท.บ.คณิตศาสตร์ และ วท.บ.สถติ ิ ส่งเสริมการทาบญั ชคี รัวเรือน - นิสิตหลักสูตร วท.บ.เคมี ทาการตรวจวัดคุณภาพน้าตามแหล่งธรรมชาติ การตรวจวัด คุณภาพปุย๋
เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน 55 ในงานการประชุมวชิ าการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวจิ ยั ครงั้ ท่ี 15 : สาขาบรกิ ารวิชาการ” - นิสิตหลักสูตร วท.บ.ชีววิทยา ทาการสารวจและ จดั ทาฐานข้อมลู เส้นทางสมนุ ไพรของชาวบา้ นคาแคน - นิสิตหลักสูตร วท.บ.จุลชีววิทยา ทาการสารวจ และตรวจวัดคุณภาพน้าประปาชุมชน ด้วยวิธีจุลชีววิทยา การ ตรวจสอบและเสนอแนะการพัฒนาผลติ ภัณฑ์ชุมชน - นิสิตทุกหลักสูตรระดับปริญญาตรี ที่สังกัดคณะ วิทยาศาสตร์ ได้บูรณาการถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อการการเรียน รายวิชาปฏิบัติการ เพื่อพัฒนาทัศนคติแนวคิดของนักเรียนช้ัน มธั ยมศกั ษาโรงเรียนคาแคนวิทยา ผา่ นกจิ กรรมค่าย จากการถอดบทเรยี นของนิสติ สามารถสรปุ ได้ดังนี้ - ได้เรียนรูน้ อกหอ้ งเรยี นโดยนาเอาศาสตร์ความรทู้ ่ี นสิ ิตได้ศึกษาไปประยุกต์ใชใ้ นการปฏบิ ตั ิงานจริง ผา่ นการถ่ายทอด องค์ความรเู้ พื่อพัฒนาทัศนคติ แนวคดิ และยกระดบั วถิ ีชวี ติ ของ ชมุ ชน - ไดเ้ รยี นรู้การทางานเปน็ ทีม สามัคคี มเี ปา้ หมาย เดยี วกนั คืออย่างเห็นระบบใชง้ านได้ - ได้เรยี นร้วู ถิ ีชีวติ ชมุ ชน ผ่านกจิ กรรมต่างๆ ทไี่ ด้จัดขนึ้ 4.2 บูรณาการกบั การวิจยั ภายใตก้ ารดาเนนิ โครงการหลากหลายกิจกรรย่อยต่างๆ ผลท่ไี ด้จาการศึกษามกี ารนาข้อมลู ไป ใชป้ ระโยชนอ์ ย่างเป็นรปู ธรรมประกอบด้วย - การสารวจและออกแบบระบบผลติ และจ่ายก๊าซชวี ภาพจากฟาร์มสกุ รระดบั ชุมชน ระยะ ท่ี 5 บ้านคาโซ่ ต.คาแคน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น โดยนิสิตและอาจารย์หลักสูตร วท.บ.ฟิสิกส์ประยุกต์ อบต.คาแคนและ บริษัท ปตท. (จากัด)มหาชน ได้นาผลการศึกษาไปใช้เป็นข้อมูลประกอบการวาง แผนการก่อสรา้ งระบบดงั กลา่ ว โดยไดก้ าหนดแผนการเปดิ ใช้ในวนั ที่ 5 ตลุ าคม 2562 - ผลการตรวจวดั คุณภาพน้าลาธารสาธารณะ โดยนิสติ บุคลากร และอาจารยภ์ าควิชาเคมี อบต.คาแคน ได้นาผลการศึกษาไปใช้ในการวางแผนและกากับการผู้ประกอบการฟาร์มท่ีส่งผลต่อ ส่ิงแวดลอ้ ม - ผลการตรวจวดั คุณภาพประปาชุมชนโดยวิธีจลุ ชีววิทยา โดยนิสิต และอาจารยห์ ลักสูตร จุลชีววิทยา ผลการศึกษา อบต.คาแคน ร่วมกับ รพ.สต.คาแคน ได้นาผลการศึกษาไปใช้ในการวางแผน ปรับปรุงระบบน้าประปาชุมชน และเฝ้าระวังในกรณี โดยสร้างเงื่อนไขระเบียบข้อบงั คบั สาหรับผู้ผลติ น้า ดื่มประชารัฐและผปู้ ระกอบการผลิตน้าด่มื
56 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน ในงานการประชุมวชิ าการมหาวทิ ยาลัยมหาสารคามวจิ ัย ครง้ั ที่ 15 : สาขาบรกิ ารวชิ าการ” 4.3 การนาไปใช้กบั การทานุบารงุ ศลิ ปวัฒนธรรม นิสิตผู้เข้าร่วมโครงการได้เรียนรู้วิธีชีวิตชุมชน ศิลปวัฒนธรรม ความเชื่อของคนในชุมชน เสา กลางบ้าน ผา่ นกระบวนการสารวจขอ้ มลู รายครวั เรือน การพักอาศยั ในชุมชน นสิ ติ เปรยี บเสมอื นลูกหลาน ในชุมชน ไถ่ถามสารทุกขส์ ขุ ดบิ เป็นอีกหน่งึ กลไกลในการไดม้ าซง่ึ ข้อมูลจากคนในชมุ ชน เรียนรู้การทอส่ือ ไว้ใช้งานภายในครวั เรอื นของผสู้ งู อายุ ในส่วนของการออกแบบและสรา้ งระบบจา่ ยก๊าซชวี ภาพนสิ ิตมสี ว่ น ร่วมตงั้ แตก่ ารสารวจ สรา้ ง รับฟงั ข้อเสนอแนะ เรยี นรู้ขอ้ จากดั ความเชื่อ ผา่ นกระบวนการมสี ่วนร่วมของ ชมุ ชนในการทางานทุกกระบวนการ 5. ผลลัพธ์จากการดาเนินงานโครงการ ผลลัพธ์จาการดาเนินงานตลอด 3 ปีที่ผ่านมา โครงการก๊าซชีวภาพจากฟาร์มสุกรระดับชุมชน ต.คาแคน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น มีผู้มาศึกษาดูงานจานวนมาก เช่น มหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว สปป.ลาวสถาบันวิทยาการ พลังงาน สานักงานพลังงานจังหวัดอุดรธานี สานักงาน สิ่งแวดล้อมภาคที่ 10 ศูนย์พัฒนาชนบท สมาคมพัฒนา ประชาชนและชุมชน ซ่ึงแสดงให้เห็นถึงความสาเร็จของโครงการนับเป็นต้นแบบการจัดการปัญหา ส่ิงแวดล้อมด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พัฒนาเป็นพลังงานทดแทนสาหรับชุมชน ในปี พ.ศ.2560 โครงการก๊าซชีวภาพจากฟาร์มสุกรระดับชมุ ชน ตาบลคาแคน อาเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแกน่ ได้สมัคร ขอรับการรับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจกจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) โดยในปี พ.ศ.2561 องคก์ ารบริหารกา๊ ซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ได้รบั การรบั รองปริมาณก๊าซเรือน กระจก สาหรับวันท่ี 1 มิถุนายน 2559 ถึง 31 พฤษภาคม 2560 จานวน 403 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ เทียบเท่า (tCO2e) และในปี พ.ศ.2561 ได้รับการรับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจก สาหรับวันที่ 1 มิถุนายน 2560 ถึง 31 พฤษภาคม 2561 จานวน 349 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) ซ่ึง อบต.คาแคน ขายปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ดังกล่าวให้กับ ธนาคารแห่งประเทศไทย จานวน 200 tCO2e บริษทั ดี ซิกซต์ ี้ จากัด จานวน 23 tCO2e และมลู นิธจี ากเยอรม์ ัน 529 tCO2e ในปีงบประมาณ พ.ศ.2561 โครงการบูรณาการสหวิทยาเพื่อการพัฒนาชุมชนคาแคนอย่างยั่งยืน ได้จัดกิจต่างๆ มากมาย เพ่ือยกระดับการศึกษานักเรียนมัธยมศึกษาในพ้ืนที่ผ่านกิจกรรมค่าส่งเสริม วิชาการพัฒนาทัศนคติแนวคิดด้านวิทยาศาสตร์ ยกย่องความรู้ปราชญ์ชาวบ้านผ่านกิจกรรมการสารวจ เพื่อจัดทาฐานข้อมูลพืชสมนุ ไพรตามเส้นทางเดนิ สมุนไพรของชุมชน รวมแก้ปญั หามลพิษทางอากาศและ น้าจากฟาร์มสุกรผ่านกิจกรรมสารวจและออกแบบระบบผลิตและจา่ ยก๊าซชีวภาพสาหรบั ชมุ ชน ยกระดับ คุณภาพชีวติ ชุมชนผ่านการกรรมการสารวจตรวจสอบคุณภาพนา้ ผิวดินและนา้ ประปาชุมชน และสง่ เสริม
เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน 57 ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวทิ ยาลัยมหาสารคามวิจยั ครัง้ ที่ 15 : สาขาบริการวิชาการ” การพัฒนาเศรษฐกจิ ชุมชนผ่านกจิ กรรมการเพิม่ มลู ค่าผลิตภัณฑ์ชมุ ชน นับได้ว่าเปน็ โครงการมีการพัฒนา ทุกมติ เิ พื่อความย่งั ยืนของชมุ ชน 6. บทสรุป โดยกิจกรรมต่างๆ เน้นการมีส่วนร่วมของนิสิตในการดาเนินงาน เพ่ือยกระดับการศึกษานักเรียน มัธยมศึกษาในพื้นท่ีผ่านกิจกรรมค่าส่งเสริมวิชาการพัฒนาทัศนคติแนวคิดด้านวิทยาศาสตร์ ยกย้อง ความรปู้ ราชญช์ าวบา้ นผ่านกิจกรรมการสารวจเพ่ือจัดทาฐานข้อมูลพืชสมุนไพรตามเสน้ ทางเดินสมุนไพร ของชุมชน รวมแก้ปญั หามลพิษทางอากาศและน้าจากฟาร์มสุกรผ่านกิจกรรมสารวจและออกแบบระบบ ผลิตและจ่ายก๊าซชีวภาพสาหรับชุมชน ยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนผ่านการกรรมการสารวจตรวจสอบ คณุ ภาพนา้ ผิวดนิ และน้าประปาชุมชน และสง่ เสริมการพฒั นาเศรษฐกิจชุมชนผ่านกิจกรรมการเพ่มิ มูลค่า ผลิตภัณฑ์ชุมชน นิสิตได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมการวางแผน การสารวจ การตรวจวัด วิเคราะห์ และการ ถ่ายทอด โดยนาเอาศาสตร์ความรู้ในห้องเรียนสู่การลงมือปฏิบัติการ องค์ความรู้ที่ได้ถูกนาเสนอในที่ ประชุมกรรมการพลังงานและสิ่งแวดล้อมชุมชนตาบลคาแคน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนพัฒนา ชุมชนทุกมติ ติ ่อไป ผลการประเมินจากแบบสอบถาม คณะผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตาบลคา แคน คณะกรรมการพลังงานและสิ่งแวดล้อม ประชาชนผู้เข้าร่วมกิจกรรมถ่ายทอดองค์ ความรู้จากการบูรณาการสหวิทยาเพื่อการ พัฒนาตาบลคาแคนอย่างย่ังยืน จานวน 30 คน พบว่า กิจกรรมมีความสอดคล้องกับปัญหาและความ ต้องการของชมุ ชน/กลมุ่ เป้าหมาย ความพึงพอใจอยู่ในระดับดีมาก สามารถนาความรู้และประสบการณ์ จากการร่วมกจิ กรรมไปประยุกต์ใช้ในชวี ิตประจาวัน / การปฏบิ ัติงานได้ ตอ่ ตนเอง ต่อหน่วยงาน และต่อ สังคม ความพึงพอใจอยู่ในระดับดีมาก ดีมาก และดีมาก ตามลาดับ การเข้าร่วมกิจกรรมทาให้เกิดการ สร้างเครือข่ายในชมุ ชน/สังคม ความพึงพอใจอยู่ในระดับดีมาก การได้รับความรู้และประสบการณ์ที่เป็น ประโยชน์ และสามารถถา่ ยทอดความรู้และประสบการณ์แก่ชุมชน/สังคมความพึงพอใจอยูใ่ นระดับดีมาก สามารถนาความรู้และประสบการณ์จากการเข้าร่วมกิจกรรมมาพัฒนาองค์ความรู้ใหม่หรือนาไปสู่การ ขยายผลได้อยใู่ นระดับดมี าก
การบรกิ ารวชิ าการเพอ่ื บูรณาการนวตั กรรมการผลติ ขา้ วฮางงอกอินทรียส์ กู่ ารยกระดับข้าว คุณภาพสูงและสังคมท่ียั่งยนื ในกล่มุ จังหวดั ร้อยแกน่ สารสินธ์ุ สุพรรณ ยง่ั ยืน, มีศักด์ธิ นา พัวพทิ ธยาธร, ตรีญาภทั ร แสงตา สวุ ิทย์ เสนาลาด, ธวชั กองสี และสมนึก พนั เสนา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 1. ความเป็นมาของปัญหา ปัจจบุ นั กระแสของความตอ้ งการท่จี ะแปรรูปและพฒั นาผลิตภัณฑท์ างดา้ นเกษตรและอาหาร เปน็ ที่ต้องการของกลุ่มเกษตรกรในชุมชนเพื่อออกสู่ตลาดเอง รวมถึงความต้องการสร้างนวัตกรรม เคร่ืองจกั รกลเกษตรและอาหารขึ้นมาใช้เพื่อให้เหมาะสมกับความตอ้ งการใช้งานและขนาดของเกษตรกร เอง ซ่ึงเป็นแนวทางของเกษตรกร 4.0 ท่ีต้องการหลุดพ้นจากกับดักความยากจน โดยผันตัวเองจาก เกษตรกรผู้ผลิตมาเป็นผู้ประกอบการทางการเกษตรสมัยใหม่ (Smart Farmers) มีการบรหิ ารจัดการท่ีดี มีต้นทุนการผลิตต่า สามารถเพ่ิมมูลค่าสินค้าทางการเกษตรจากการแปรรูป สร้างมูลค่าจากภูมิปัญญา เพม่ิ โอกาสในการแขง่ ขนั ทางการตลาดตามกระแส Thailand 4.0 โมเดลขับเคลื่อนประเทศไทยสคู่ วามม่ัง ค่งั มัน่ คง และยัง่ ยนื เป็นรปู ธรรม ตามแนวทางที่แผนยทุ ธศาสตร์ชาติ 20 ปี ไดว้ างไว้ ดว้ ยการสรา้ งความ เข้มแขง็ จากภายใน ควบคู่ไปกับการเชอ่ื มโยงกับประชาคมโลก ตามแนวคิด “ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง” โดยขบั เคล่ือนผ่านกลไก “ประชารฐั ” พืชเศรษฐกิจในพื้นท่ีกลุ่มจังหวัดร้อยแก่นสารสินธุ์ (มหาสารคาม ขอนแก่น ร้อยเอ็ด และ กาฬสินธ์ุ) ท่ีสาคัญได้แก่ ข้าว อ้อย มันสาปะหลงั ปัจจุบนั แรงงานภาคเกษตรหลักมักเป็นบุคคลวยั สูงอายุ ท่ียังคงยึดอาชีพเกษตรกรรมเพ่ือหารายได้เล้ียงครอบครัวโดยยังคงใช้วิธีการตามธรรมเนียมปฏิบัติ แต่ สภาวการณ์ขาดแคลนแรงงานภาคเกษตรกรรมส่งผลให้การดาเนินกิจกรรมทางด้านการเกษตรนับต้ังแต่ ข้ันตอนก่อน ระหว่าง และหลังการเก็บเกี่ยว จาเป็นต้องพ่ึงพาเคร่ืองจักรกลทุ่นแรงอย่างหลีกเล่ียงไม่ได้ ผนวกกับความต้องการเครื่องมือแปรรูปผลิตภัณฑ์เกษตรท่ีมีความหลากหลายจากความต้องการของ ผู้บริโภค จึงทาให้แรงงานวัยสูงอายุขาดความรู้ความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยี ดังน้ันหากมีการส่งเสริม โดยการพัฒนาทักษะและนวัตกรรมการเกษตรสาหรับเกษตรกรในพ้ืนที่ เพิ่มกลุ่มเยาวชน หรือเกษตรกร รุ่นใหม่เป็นแรงงานท่ีมีคุณภาพเข้าสู่อาชีพเกษตรกรรมมากขึ้น โดยการจัดโครงการฝึกอบรมเชิง ปฏิบัติการเทคโนโลยี และการสรา้ งนวัตกรรมเครอ่ื งจักรกลเกษตรสาหรับพืชเศรษฐกิจในเขตกลุ่มจงั หวัด ร้อยแก่นสารสินธ์ุ เพ่ือให้เกษตรกรมีความรู้ความเข้าใจผ่านการฝึกปฏิบัติตลอดจนการมีพ่ีเลี้ยงให้ คาแนะนาการเลือกใช้เทคโนโลยีด้านเกษตรกรรมและการแปรรูปที่เหมาะสม ตลอดจนการให้คาปรึกษา ออกแบบ นวัตกรรมการเกษตร การแปรรูปอาหาร จะเป็นการขับเคลอ่ื นภาคเกษตรพืน้ ฐานสู่เกษตรกรยคุ ใหมต่ ามโมเดลขับเคลอ่ื นประเทศไทย 4.0
เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน 59 ในงานการประชมุ วิชาการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวิจยั คร้งั ท่ี 15 : สาขาบริการวิชาการ” โดยโครงการบริการวชิ าการ ภายใต้ “โครงการบูรณาการหลกั สูตรเพื่อชุมชม” ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 ได้ขยายองค์ความรู้ทางวิศวกรรมซึ่งเป็นผลงานที่ประสบความสาเร็จจากโครงการบูรณาการหน่ึง หลักสูตรหนึ่งชุมชน พ.ศ.2561 ที่ผ่านมา ภายใต้ชื่อ “การพัฒนากระบวนการแปรรูปข้าวอินทรีย์ คุณภาพสูง: ชุดอุปกรณ์แช่และเพาะงอกข้าวเปลือกในข้ันตอนเดียวสาหรับการผลิตข้าวฮางงอก” จนทา ให้พ้ืนที่บริการสามารถยกระดับการแปรรปู ข้าวอินทรีย์ได้อย่างดีเยี่ยม และได้พัฒนายกระดับพื้นท่ีจนได้ เป็นแหล่งเรียนรู้ชุมชนต้นแบบการแปรรูปข้าวอินทรีย์คุณภาพสูง ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม โดย วิสาหกิจชุมชนศูนย์ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวชุมชนบ้านโนนรัง ต.สาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น ได้ถูกยกระดับ กลายเป็นชุมชนต้นแบบ ภายใต้การสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม “ศูนย์การเรียนรู้ชุมชน ต้นแบบ การแปรรูปข้าวอินทรีย์คุณภาพสูง” (รูปที่ 1) โดยได้ทาการเปิดศูนย์เรียนรู้ฯ นี้ อย่างเป็น ทางการเม่ือวันท่ี 7 กุมภาพันธ์ 2562 เป็นต้นมา โดยศูนย์นี้ได้รับองค์ความรู้ในการแปรรูปข้าวฮางงอก และได้รบั ชดุ อุปกรณ์แช่และเพาะงอกข้าวเปลือกในขั้นตอนเดียวสาหรบั การผลิตข้าวฮางงอก หรือเคร่ือง เร่งกระบวนการแช่และเพาะงอกข้าวเปลือกสาหรับการผลิตข้าวฮางงอก จนเป็นท่ียอมรับว่าเป็นแหล่ง การแปรรูปข้าวฮางงอกคุณภาพสูง มีการเข้าศึกษาดูงานอย่างต่อเน่ือง และในปีงบประมาณ พ.ศ.2562 ได้เกิดเกิดความต้องการขยายเทคโนโลยีสู่พื้นท่ีอื่นซ่ึงเป็นที่มาของโครงการในปีน้ี ภายใต้โครงการ ฝึกอบรมเชงิ ปฏบิ ัตกิ ารเทคโนโลยี และการสร้างนวตั กรรมเครอื่ งจักรกลเกษตรสาหรบั พชื เศรษฐกจิ ในเขต กลุ่มจังหวัดร้อยแก่นสารสินธ์ุ ท่ีมุ้งเน้นในการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ ออกแบบ สร้าง เคร่ืองแช่ ข้าวเปลือกและเพาะงอกในข้ันตอนเดียวสาหรับการผลิตข้าวฮางงอก การฝึกอบรมกรรมวิธีการผลิตข้าว ฮางงอกด้วยนวัตกรรมใหม่ท่ีสะดวกสบาย รวดเร็ว เพิ่มคุณภาพ จนสามารถเพ่ิมมูลค่าข้าวในท้องถ่ิน สรา้ งอาชพี ใหม้ คี วามมั่นคง ม่ังคัง่ และยัง่ ยนื รูปที่ 1 ศนู ย์เรยี นรูช้ มุ ชนต้นแบบการแปรรูปข้าวอนิ ทรีย์คุณภาพสงู ท่ีตง้ั ณ วสิ าหกิจชุมชนศูนย์ผลติ เมล็ดพันธ์ุข้าวชุมชน บ้านโนนรัง ต.สาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น
60 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวจิ ยั ครง้ั ท่ี 15 : สาขาบรกิ ารวชิ าการ” 2. วตั ถุประสงค์ โค ร ง ก า ร น้ี มี วั ต ถุ ป ร ะ ส งค์ ห ลั ก เพื่ อ ข ย า ย อ งค์ ค ว า ม รู้ ชุ ด อุ ป ก ร ณ์ ใน ก า ร แ ช่ แ ล ะ เพ า ะ ง อ ก ขา้ วเปลอื กสาหรบั การผลติ ข้าวฮางงอก สู่พนื้ ที่กลมุ่ จังหวดั ร้อยแก่นสารสนิ ธุ์ 3. กระบวนการดาเนินการ 3.1 การวางแผน (P) ผลสืบเนื่องจากความสาเร็จของโครงการบูรณา การหน่ึงหลักสูตรหนึ่งชุมชน พ.ศ.2561 ที่ผ่านมา ภายใต้ ช่ือ “การพัฒ นากระบวนการแปรรูปข้าวอินทรีย์ คุณภาพสูง: ชุดอุปกรณ์แช่และเพาะงอกข้าวเปลือกใน ขั้นตอนเดียวสาหรับการผลิตข้าวฮางงอก” จนทาให้พ้ืนที่ บริการสามารถยกระดับการแปรรูปข้าวอินทรีย์ได้อย่างดี เย่ียม และได้พัฒนายกระดับพื้นที่จนได้เป็นแหล่งเรียนรู้ ชุมชนต้นแบบการแปรรูปข้าวอินทรีย์คุณภาพสูง ของ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ได้รับอนุมัติโครงการบริการวิชาการหลักสูตรเพ่ือ ชุมชน ภายใต้ช่ือ “โครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ เทคโนโลยี และการสร้างนวัตกรรมเคร่ืองจักรกลเกษตร สาหรับพืชเศรษฐกิจในเขตกลุ่มจงั หวัดร้อยแก่นสารสินธ์ุ” ที่มุ้งเน้นในการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ ออกแบบ สร้าง เคร่ืองแช่ข้าวเปลือกและเพาะงอกในข้ันตอนเดยี วสาหรับ การผลิตข้าวฮางงอก โดยพื้นทเี่ ปา้ หมายเปน็ กลุ่มจงั หวดั ที่ มีศักยภาพในการผลิต และมีข้าวเป็นพืชเศรษฐกิจหลัก แต่ละพ้ืนที่มีจุดเด่นคือ ทาการผลิตข้าวอินทรีย์และ รวมกลุ่มกนั ในลกั ษณะนาแปลงใหญ่ กลมุ่ วสิ าหกิจชมุ ชน หรือกล่มุ เกษตรกร โดยโครงการน้ีมีกระบวนการในการสร้างชุมชนต้นแบบซ่ึงต่อเน่ืองมากจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คือ วิสาหกิจชุมชนศูนย์ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวชุมชนบ้านโนนรัง ต.สาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น ให้ กลายเป็นศูนย์เรียนรู้ท่ีเกิดจากการรบั บริการวชิ าการของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม และเน่ืองจากพ้ืนท่ีน้ี อยู่ในกลุ่มจังหวัดอีสานตอนกลาง จึงดาเนินการสร้างเครือข่ายเพิ่มเติมอีกสามจังหวัดที่เหลือ คือ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด และจังหวัดกาฬสินธุ์ มีการคัดเลือกกลุ่มด้วยการทาการสารวจผ่านสานักงาน เกษตรจังหวัด นักส่งเสริมการเกษตร ตลอดจนเกษตรกรเครือข่าย เป็นผู้ให้ข้อมูล จากน้ันทาการจัดสรร
เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน 61 ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวทิ ยาลัยมหาสารคามวจิ ัย คร้ังที่ 15 : สาขาบรกิ ารวิชาการ” งบประมาณซ่ึงได้แยกเป็นส่วนค่าใช้จ่ายหลัก คือ ชุดวัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบสร้างเครื่องแช่และ เพาะงอกข้าวเปลือกสาหรับการผลิตข้าวฮางงอก ให้ครอบคลุมท่ัวถึงและหลังการฝึกอบรมได้มอบให้กับ กลุ่มเกษตรกรติดต้ังในพื้นท่ีกลุ่มให้ได้ใช้งานจริงเพื่อแปรรูปข้าวฮางงอกต่อไป หลังจากนั้นทาการกากับ ตดิ ตามการดาเนนิ งานของกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับบริการวชิ าการ 3.2 วิธกี ารดาเนินงาน (D) วิธีการดาเนินงานดังท่ีได้กล่าวมาแล้วในข้อ 3.1 คือ ได้ทาการอบรมเชิงปฏิบัติการให้แก่ เกษตรกรในพื้นที่จงั หวดั กลมุ่ ร้อยแก่นสารสินธ์ุ และสืบเน่ืองพ้ืนท่ีจังหวดั ขอนแกน่ ได้รบั บรกิ ารวิชาการใน งบประมาณปี พ.ศ.2561 จนสามารถนาเคร่ืองแช่และเพาะงอกข้าวเปลือกฯ แปรรูปเป็นข้าวฮางงอก สาหรับบริโภค และเป็นอาหารไก่ชน จนทาให้มีผู้สนใจเข้าเย่ียมชม ในโครงการคร้ังนี้จึงได้ทาการขยาย องค์ความรู้ให้กับเกษตรกรในพ้ืนท่ีจังหวัดขอนแก่น ด้วยการฝึกปฏิบัติงานสร้างทั้งในส่วนของโครงสร้าง ติดต้ัง กล่องไฟฟ้าควบคุมการทางาน โดยมีขนาดการผลิตเพ่ิมเป็นเท่าตัวคือ มีชุดถังแช่จานวน 3 ถัง ความจไุ มต่ า่ กวา่ 300 กโิ ลกรัม ระบบการทางานควบคมุ อัตโนมตั เิ ชน่ เดมิ 3.3 การตรวจสอบและสรปุ ปัญหาอปุ สรรคในระหว่างการดาเนินงาน (C) อุปสรรคและปัญหาท่ีเกิดขึ้นในการดาเนินโครงการบริการวิชาการในคร้ังน้ี ท่ีคาดว่าจะเกิดข้ึน คอื เวลาว่างของกล่มุ เกษตรกรและทางทีมบุคลากร และวิทยากรที่วา่ งไม่ตรงกัน บางครั้งเกดิ ปัญหาการ ขอเล่ือนวันอบรม เน่ืองจากเกษตรกรมีภารกิจเร่งด่วน เป็นต้น วิธีการดาเนินการแก้ไข คือ ได้ทาปฏิทิน การฝึกอบรมสารอง และการประสานงานอยา่ งตอ่ เน่อื งและใกลช้ ิด นอกจากนี้ยังพบปัญหาเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายท่ีใช้ในสว่ นวัสดุอุปกรณ์บางชิ้นส่วนที่เกินงบประมาณ อีกทั้งในส่วนของงบประมาณปั๊มสูบน้าและอปุ กรณ์ฟิตติง้ มีราคาที่สงู กว่างบประมาณท่ีต้ังไว้ อีกทัง้ ได้เพิ่ม พ้ืนท่ีเป้าหมายจากเดิมท่ีมีแผนงานไว้เพียง 4 แห่ง เพิ่มอีก 1 แห่ง คือ กลุ่มเกษตรกรผสมผสาน บา้ นโนนแคน ต.เวียงสะอาด อ.พยคั ฆภูมิพิสยั จ.มหาสาคาม เน่ืองจากว่าเกษตรกรไดเ้ ข้าอบรมแล้วมกี าร ร้องขอมา
62 เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน ในงานการประชุมวชิ าการมหาวทิ ยาลัยมหาสารคามวิจยั ครัง้ ท่ี 15 : สาขาบรกิ ารวิชาการ” 3.4 การหาวิธีการดาเนินการแกไ้ ขปญั หาอุปสรรคทีค่ าดว่าจะเกดิ ขน้ึ (A) ออกแบบ คานวณงบประมาณอย่างรอบคอบ เพ่ือให้ได้เคร่ืองแช่และเพาะงอกข้าวติดต้ังให้ เกษตรกรไดใ้ ช้งานจริงในพื้นทท่ี ง้ั 5 แห่งดงั ทไ่ี ด้กล่าวมาแล้วข้างตน้ 4. บรู ณาการกบั การเรยี นการสอน โครงการนี้เปน็ การบูรณาการหลักสตู รวศิ วกรรมเครือ่ งกล วศิ วกรรม ชีวภาพ และวิศวกรรมเมคาทรอนิกส์ ซ่ึงได้ทาการนานิสิต ครูช่าง และ คณาจารย์ร่วมอบรมเชิงปฏบิ ัติการให้แก่พ้ืนที่เป้าหมายท้ัง 5 แห่ง โดยมีนิสิต ระดับปรญิ ญาตรี และบัณฑิตศึการ่วมลงพนื้ ท่ีรวมถึงนิสิตปริญญาโทและเอก ได้รับมอบหมายหวั ข้อวทิ ยานิพนธ์ที่เกยี่ วขอ้ งกับการผลิตขา้ วฮางงอกอินทรีย์ คุณภาพสูงด้วยนวัตกรรมเครอื่ งเร่งกระบวนการแช่และเพาะงอกข้าวเปลือก สาหรับการผลิตข้าวฮางงอก อีกด้วย โดยผลการศึกษาเบื้องต้นพบว่า ข้าวเปลือกท่ีผ่านการเพาะงอกด้วยเครื่องฯ นี้ มีอัตราการงอกร้อยละ 81 ขึ้นไป เม่ือเวลาผ่านไป 24 ชั่วโมง (รูปที่ 2 แสดงภาพเมล็ดก่อนและหลังงอก ในตารางท่ี แสดงร้อยละการงอก) การปรับเง่ือนไข การฉีดพ่นน้าผ่านข้าวร่วมกับการบ่มเพาะท่ีเหมาะสมจะทาให้ข้าวเปลือกงอกได้สม่าเสมอ และรูปแบบ การให้น้าผ่านข้าวเปลือกและบ่มงอกต่างกันทาการตรวจวัดปริมาณสารกาบาต่างกัน พบว่า มีปริมาณ 2977 มิลลกิ รัมต่อ 100 กรัม (รูปแบบการฉีดพ่นน้าเป็นเวลา 20 นาทีและหยุดบ่มงอกเป็นเวลาแตกต่าง กัน 3 ระดับเวลาทตี่ ่างกนั ) รูปท่ี 2 ลักษณะขา้ วเปลือกงอกพร้อมสาหรับการน่งึ สาหรบั การแปรรปู เป็นข้าวฮางงอก
เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน 63 ในงานการประชุมวิชาการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวิจัย ครงั้ ที่ 15 : สาขาบริการวชิ าการ” ตารางท่ี 1 ค่าเฉล่ียร้อยละการงอกของข้าวเปลือกเมื่อเวลาผ่านไปท่ีช่ัวโมง 18 ถึง 24 ค่าเฉล่ียปริมาณ สารกาบาท่ตี รวจพบในขา้ วฮางงอกเม่อื เพาะงอกเปน็ เวลา 24 ชัว่ โมง รปู แบบ ร้อยละการงอก ท่ีเวลาฉีดพ่นนา้ และบม่ งอก ชัว่ โมงท่ี ปรมิ าณสารกาบา 18 20 22 24 (มก./100 กรัม) รูปแบบที่ 1 38.3 65.9 81.3 85.9 36.76 รปู แบบท่ี 2 37.8 60.6 71.3 81.5 2977 รปู แบบท่ี 3 37.6 62.2 72.8 83.0 649 5. ผลลัพธจ์ ากการดาเนนิ งานโครงการ 5.1 ข้อคน้ พบตามวตั ถุประสงค์ โค ร ง ก า ร นี้ ไ ด้ ด า เนิ น ก า ร ข ย า ย อ ง ค์ ค ว า ม รู้ ชุ ด อุปกรณ์ในการแช่และเพาะงอกข้าวเปลือกสาหรับการผลิต ข้าวฮางงอก สู่พ้ืนที่กลุ่มจังหวัดร้อยแก่นสารสินธ์ุ จน สามารถทาให้เกิดชุมชนต้นแบบ “ศูนย์เรียนรชู้ ุมชนต้นแบบ การแปรรูปข้าวอินทรีย์คุณภาพสูง” ข้ึนได้ ณ วิสาหกิจ ชมุ ชนศูนย์ผลิตเมลด็ พันธขุ์ ้าวชุมชนบ้านโนนรัง ต.สาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น สามารถยกระดบั การแปร รูปและเพ่ิมผลิตภัณฑ์ข้าวฮางงอกสาหรับไก่ชน และกลุ่มผู้ผลิตข้าวฮางงอกอินทรีย์คุณภาพสูงด้วย นวัตกรรมจากมหาวิทยาลัยมหาสารคามอีกจานวน 4 แห่ง จนก่อเกิดผลิตภัณฑ์ข้าวฮางงอกคุณภาพสูง สร้างโอกาส และรายได้แก่สังคม และชมุ ชน ซ่งึ บรรลตุ ามวัตถุประสงค์ 5.2 การขยายผลไปสู่หนว่ ยงานอ่ืนๆ ทีเ่ ก่ียวข้อง ศูนย์เรียนรู้ชุมชนต้นแบบการแปรรูปข้าวอินทรีย์ คุณภาพสูง ภายใต้การดาเนินกิจกรรมของกลุ่มวิสาหกิจ ชุมชนผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวชุมชนบ้านโนนรัง เป็นกลุ่มท่ีมี ศักยภาพในกระบวนการผลติ และเป็นแหล่งศึกษาดูงานอยู่ บ่อยคร้ัง ในโครงการนี้ได้นาชุดอุปกรณ์แช่และเพาะงอก ข้าวเปลือกในข้ันตอนเดียวสาหรับการผลิตข้างฮางงอก ติดต้ังและใช้งานในท่ีต้ังวิสาหกิจฯ จึงทาให้มีผู้ท่ี สนใจท้ังในระดับเกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเก่ียวกับการผลิตข้าวในรูปแบบต่างๆ บริษัท ห้างร้าน สถานศึกษาทั้งภายในและต่างประเทศมีความสนใจในการติดต่อขอเข้ารับดูงานเพ่ิมขึ้น ซึ่งกล่าวได้ว่า โครงการน้มี โี อกาสในการขยายสู่ผู้สนใจทว่ั ไปได้ในอนาคต
64 เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน ในงานการประชุมวชิ าการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวจิ ัย ครัง้ ที่ 15 : สาขาบรกิ ารวิชาการ” 6. บทสรุป โครงการน้ีเกดิ ขึน้ ไดจ้ ากผลสบื เนื่องแห่งความสาเรจ็ ของโครงการบริการวชิ าการ ประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2562 ช่ือโครงการ “การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเทคโนโลยี และการสร้างนวัตกรรมเครื่องจักรกล เกษตรสาหรับพืชเศรษฐกิจในเขตกลุ่มจังหวัดร้อยแก่นสารสินธ์ุ ”ภายใต้การดาเนินการของหลักสูตร วิศวกรรมศาสตรบัณฑติ สาขาวิศวกรรมเครื่องกล วิศวกรรมเทคาทรอนิกส์ และวิศวกรรมชีวภาพ โดยได้ แบ่งการดาเนินโครงการตามความเชยี่ วชาญของแต่ละสาขา ซ่ึงเกิดขึ้นได้จากประเด็นความตอ้ งการขอรับ บริการวิชาการจากชุมชน โดยมีพ้ืนที่รับบริการคือกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตข้าวซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจในกลุ่ม จังหวัดร้อยแก่นสารสินธุ์ ประกอบด้วยจังหวัดร้อยเอ็ด ขอนแก่น มหาสารคาม และกาฬสินธุ์ จนทาให้ พ้ืนทบ่ี ริการสามารถยกระดับการแปรรปู ขา้ วอนิ ทรยี ์ได้อย่างดเี ย่ยี ม และไดพ้ ฒั นายกระดับพ้ืนทีจ่ นได้เปน็ แหล่งเรียนรู้ชุมชนต้นแบบการแปรรูปข้าวอินทรีย์คุณภาพสูง ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ที่ต้ัง ณ วสิ าหกจิ ชมุ ชนศนู ยผ์ ลิตเมล็ดพนั ธุ์ข้าวชุมชนบ้านโนนรัง ต.สาวะถี อ.เมอื ง จ.ขอนแก่น และขยายพื้นทีไ่ ป ยังกลุ่มจังหวัดอีสานตอนกลางอีก 4 แห่ง ซ่ึงทาให้เกษตรกรท่ีได้เข้าร่วมโครงการได้องค์ความรู้ในการ ออกแบบ สรา้ งเครื่องแช่และเพาะงอก ทั้งในส่วนของอุปกรณ์ ถัง โครงสรา้ ง การเลอื กปั๊มน้าท่ีเหมาะสม ระบบควบคุมไฟฟา้ และการทางานอัตโนมัติ และโครงการได้มอบเครอื่ งแชแ่ ละเพาะงอกฯ ติดตัง้ ในพื้นท่ี ให้เกษตรกรได้ใช้งานแปรรปู ข้าวฮางงอก ประกอบอาชีพสรา้ งรายได้เพ่ิมข้ึนโดยสามารถขายขา้ วฮางงอก ตันละ 70,000-120,000 บาท (ราคาส่งและปลีก ตามลาดบั ) ต้นทุนการผลติ รวม 30,000 บาทต่อต้น ซึ่ง มากกว่าการขายขา้ วเปลือกถึง 4-5 เท่า 7. บรรณานกุ รม จารุรัตน์ สันเต วรนุช ศรีเจษฎารักข์ และรัชฏา ต้ังวงค์ไชย (2550). ผลของกระบวนการแช่และ กระบวนการงอกของข้าวกล้อง (หอมมะลิ 105) ต่อปริมาณสารแกมมาอะมิโนบิวเทอริกเอซิดใน ข้าวกล้องงอก , วารสารวิทยาศาสตร์เกษตร . 38, 6 (พิเศษ ), pp. 103 -106. ชาญวิทย์ ศรีเพ็ญชัย, อภิชาติ อาจนาเสียว และ ทินกร คาแสน. ภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะ วิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40002 :2552 ศิโรรัตน์ พิลาวุธ และ วินิต ชินสุวรรณ.2555. อัตราการไหลของน้าผ่านข้าวในกระบวนการแช่ของการ ผลิตข้าวเปลือกงอกที่มีผลต่อปริมาณ GABA และคุณภาพข้าวกล้อง. วารสารวิทยา ศาสตร์ เกษตร. ปที ่ี 43 ฉบบั ที่ 2 (พเิ ศษ):264-267 นดิ ดา หงสว์ วิ ัฒน.์ ขา้ วกลอ้ ง ขา้ วงอก มหัศจรรย์อาหารตา้ นโรค. กรุงเทพ: สานักพมิ พ์แสงแดด; 2552 สพุ รรณ ยั่งยืน. รายงานฉบับสมบรู ณ์ โครงการบูรณาการหนงึ่ หลกั สตู รหนึ่งชุมชน ประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2561 ชื่อโครงการ “การพัฒนากระบวนการแปรรูปข้าวอินทรีย์คุณภาพสูง: ชุดอุปกรณ์แช่ และเพาะงอกขา้ วเปลอื กในขน้ั ตอนเดียวสาหรบั การผลติ ข้างฮางงอก”
น้านมปลอดภยั สรา้ งเสรมิ สุขภาพชุมชน มนกานต์ อนิ ทรกาแหง และคณะ คณะสตั วแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 1. ความเปน็ มาของปญั หา อาชีพการเล้ียงโคนมเป็นอาชีพที่มีการส่งเสริมกันอย่างต่อเน่ืองมานาน แต่เกษตรกรยังมีการ จัดการฟาร์มที่ไม่ถกู ต้องและมีการใชย้ าในฟารม์ อยา่ งไมถ่ ูกวิธี เน่อื งจากขาดนักวิชาการ สัตวแพทย์ และ วิชาชีพที่เกี่ยวข้องในการเข้าไปส่งเสริมเกษตรกร ปัจจุบันเกษตรทั่วประเทศมีจานวนมากกว่า 17,100 ครัวเรือน ปริมาณการผลิตน้านมดิบปีละประมาณ 1 ล้านตัน มีผู้บริโภคจานวนหลายล้านคนต่อปี โดยเฉพาะโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ซึ่งมีผู้บริโภคเป็นนักเรียนช้ันประถมศึกษาท่ัวประเทศ สาหรับจังหวัดมหาสารคามมีชุมชนผู้เล้ียงโคนมสังกัดสหกรณ์จานวน 2 แห่ง ได้แก่ สหกรณ์ผู้เล้ียงโคนม โคกก่อ จากัด และสหกรณ์ผู้เล้ียงโคนมมหาสารคาม จากัด โดยเกษตรกรสมาชิกของทั้งสองสหกรณ์มี ประมาณ 170 ราย ผลิตน้านมดิบได้วันละประมาณ 35 ตันต่อวัน และส่งจาหน่ายให้แก่ผู้ประกอบการ แปรรูปเปน็ มูลคา่ ปีละกวา่ 160 ล้านบาท น้านมท้ังหมดทีเ่ กษตรกรส่งแปรรูปน้ันจะต้องตระหนกั ถึงความ ปลอดภัยของน้านมเป็นสาคัญ น้านมที่นามาแปรรูปจะต้องปลอดยาปฏิชีวนะหรือสารเคมี สารพิษอื่นๆ ตกค้าง หากมีการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างไม่ถูกวิธีจนทาให้เชื้อแบคทีเรียต่างๆ ในฟาร์มเกิดการด้ือต่อยา ปฏิชีวนะ จะทาให้ส่งผลกระทบต่อการรักษาทั้งในสัตว์และมนุษย์ ท้ังนี้ปัญหาท่ีผ่านมาพบว่า เม่ือน้านม คุณภาพไม่ดี สหกรณ์จะดาเนินการตัดราคารับซื้อน้านมหรืออาจปฏิเสธการรับซื้อหากพบว่าน้านม คุณภาพไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานหรือปนเป้ือนยาปฏิชีวนะ เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจึงมีความต้องการ ใหม้ กี ารส่งเสรมิ ความรู้ในการใช้ยาปฏชิ วี นะอย่างถูกวิธี เพื่อปอ้ งกันการปนเปือ้ นยาปฏิชีวนะในน้านม เชอ้ื แบคทีเรยี ดือ้ ยาเปน็ ภาวะทเ่ี ชอ้ื แบคทเี รยี ตอ่ ต้านยาปฏิชีวนะ ทาให้การรักษาสตั วป์ ว่ ยติดเชื้อ หรือผู้ป่วยติดเช้ือไมไ่ ดผ้ ลดีดังเดิม อาจต้องใชเ้ วลารักษานานข้นึ เสยี ค่าใช้จ่ายแพงข้นึ หากใช้ยาปฏิชวี นะ บ่อยหรือใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานจะยิ่งเพิ่มความเส่ียงการเกิดเช้ือด้ือยามากข้ึน หรือผู้ป่วยอาจเส่ียง เสียชีวิตมากขึ้น เชื้อดื้อยาอาจเกิดจากแบคทีเรียเปลี่ยนแปลงยีนจนดื้อยาหรือได้รับยีนด้ือยาจาก แบคทีเรียตัวอน่ื ๆ ซึ่งทาให้โรคติดเชื้อเรอ้ื รังรุนแรงย่ิงขึ้น รวมทง้ั อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพอ่นื ๆ ตามมา จากการติดตามการใช้ยาในฟาร์มของเกษตรกรพบว่า ส่วนใหญ่เป็นการใช้ยาปฏิชีวนะเพ่ือวัตถุประสงค์ การปอ้ งกนั การติดเชือ้ ระหว่างการพักรีดนม (การดราย) และเพ่ือวัตถุประสงค์การรกั ษาการติดเชอื้ ของโค ท่ีเป้นโรคเต้านมอักเสบ เกษตรกรสามารถเข้าถึงยาได้ง่ายโดยการหาซ้ือยาจากร้านค้าในอาเภอหรือ จังหวัด และการสั่งซ้ือยาจากสหกรณ์ผู้เล้ียงโคนมที่ตนสังกัด ในขณะที่เกษตรกรยังไม่สามารถเข้าถึง บรกิ ารของสัตวแพทย์ สัตวแพทยใ์ นพืน้ ท่ีการเล้ียงโคนมยงั มีจานวนไม่เพียงพอ ขาดชอ่ งทางการสอ่ื สารที่ มีประสทิ ธิภาพ เกษตรกรเลือกดาเนินการรกั ษาสัตว์ภายในฟาร์มด้วยตัวเอง หากมีการแจ้งให้สตั วแพทย์
66 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน ในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลยั มหาสารคามวจิ ัย คร้ังที่ 15 : สาขาบริการวชิ าการ” ดาเนินการรักษาต้องใช้เวลานานในการส่อื สารกับสัตวแพทย์ สัตวแพทยไ์ ม่ทราบประวัตแิ ละรายละเอียด ของปัญหาสุขภาพสัตว์ก่อนเดินทางไปรักษา รวมทั้งมีปัญหาการค้นหาเส้นทางท่ีใกล้ท่ีสุดในการเดินทาง ไปยังฟาร์ม การส่งเสริมความรู้และแนวปฏิบัติในการใช้ยาปฏิชีวนะในระยะที่ผ่านมาได้รับการส่งเสริมจาก หลายหน่วยงานท้ังผ่านเจ้าหน้าที่สหกรณ์โคนม เจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นักวิชาการจากสถาบันการศึกษาต่างๆ โครงการหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน น้านมปลอดภัย สร้างเสริม สุขภาพชุมชน (Milk safety for the community) ในคร้ังน้ีจะเป็นอีกโครงการหนึ่งที่ส่งเสริมความรู้ใน การใช้ยาปฏิชวี นะให้แกเ่ กษตรกร โดยใชเ้ ทคโนโลยีชว่ ยเช่ือมต่อระหวา่ งเกษตรกรในชุมชนกับสัตวแพทย์ ผู้ให้บริการด้านสุขภาพสัตว์ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม โครงการนี้จะมีส่วนสาคัญในการทาให้ เกษตรกรมีข้อมูลทะเบียนประวัติโคท่ีสมบูรณ์และเป็นประโยชน์อย่างย่ิงต่อการวินิจฉัยโรคในโคนม ได้ ส่งเสริมให้เกษตรกรมีสัตวแพทย์ประจาฟาร์มและสัตวแพทย์ผู้ควบคุมฟาร์ม เพื่อปรึกษาหรือขอรับ คาแนะนาตา่ งๆ จากทีมสัตวแพทย์ เช่น ปัญหาสุขภาพโค หลักการใช้ยาให้มคี วามปลอดภัยต่อท้ังตวั สัตว์ และต่อผู้บริโภค เปน็ ต้น การแจง้ สตั ว์ปว่ ยด้วยข้อมูลในทะเบียนประวัติโคของเกษตรกรนั้นมคี วามสาคัญ อย่างย่ิงต่อการวินิจฉัยโรคของสตั วแพทย์ โดยเฉพาะในกรณีท่ีสัตวแพทย์ท่ีให้บริการในพื้นที่มีจานวนไม่ เพียงพอ โครงการน้ีมีการพัฒนาระบบบันทึกการใช้ยาในฟาร์ม ตลอดจนวิเคราะห์ประเภทของยาและ ปริมาณยาที่ใช้ในฟาร์ม ซงึ่ มคี วามสอดคล้องกบั การสรา้ งมาตรฐานฟาร์มของกรมปศสุ ัตว์ เพ่ือให้เกษตรกร พัฒนาฟารม์ ให้เป็นมาตรฐาน เกษตรกรสามารถเพิ่มศกั ยภาพการผลิตน้านมใหไ้ ด้ทง้ั ปริมาณและคุณภาพ ที่ดี เป็นประโยชน์อย่างย่ิงต่อผู้บริโภคในชุมชน ซ่ึงได้แก่ ประชาชนทั่วไป และนักเรียนผู้บริโภคนมใน โครงการนมโรงเรยี นในชุมชนตอ่ ไป 2. วัตถปุ ระสงคโ์ ครงการ 1) เพือ่ การบรกิ ารทางสตั วแพทย์ แกโ่ คนมในชมุ ชนผเู้ ล้ียงโคนมในจงั หวัดมหาสารคาม 2) เพื่อนาเทคโนโลยีช่วยเช่ือมต่อระหว่างเกษตรกรในชุมชนกับสัตวแพทย์ผู้ให้บริการ แก้ไข ปญั หาข้อมลู ประวัติ การบนั ทกึ การรักษาและการใช้ยาในฟารม์ โคนม 3. กระบวนการดาเนินการ 3.1 ข้ันเตรยี มการ ดาเนินกิจกรรมโดยคณ ะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ร่วมกับฝ่ายส่งเสริมของสหกรณ์ ทีมสุขภาพสัตว์ (Herd health unit, HHU) จากกรมปศุ สัตว์ จัดกิจกรรมส่งเสริมให้เกษตรกรใช้เทคโนโลยี สารสนเทศในการบันทึกข้อมูลฟาร์ม และแจ้งข้อมูลสุขภาพ
เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน 67 ในงานการประชมุ วิชาการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวิจยั ครัง้ ที่ 15 : สาขาบริการวิชาการ” สตั ว์ เพื่อสรา้ งความเข้าใจแก่เกษตรกรก่อนเริ่มโครงการ และได้นาตัวอย่างโปรแกรมท่ีช่วยในการบันทึก ข้อมลู ฟารม์ และขอ้ มลู สขุ ภาพสัตว์ และจัดกิจกรรมแนะนาการใชง้ านเบ้อื งต้นแก่เกษตรกร 3.2 ขน้ั ดาเนินการ นิสิตช้ันปีที่ 4 คณะวิทยาการสารสนเทศ ท่ีฝึกปฎิบัติงานรายวิชา การฝึกงานวิชาชีพ หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้พัฒนาโปรแกรมท่ีช่วยในการตอบรับการรักษา การบันทึกข้อมูลสุขภาพ การบันทึกข้อมูลการรักษา และนามาให้เกษตรกรและผู้ให้บริการทาง สัตวแพทย์ได้ทดลองใช้งาน โครงการได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ และยังได้จัดกิจกรรมแนะนาการใช้งานแก่สัตวแพทย์ นักสัตว ศาสตร์ นักส่งเสริมสุขภาพสัตว์ในชุมชน และนิสิตสัตวแพทย์ จากน้ันเปิด ให้บริการผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศและหน่วยบริการเคลื่อนท่ี เพื่อให้ สัตวแพทย์เปิดรับการแจง้ ขอ้ มูลฟาร์ม และขอ้ มลู สุขภาพสัตว์ เพ่อื ตอบรับการ ตรวจรกั ษาสัตว์ในพื้นที่อยา่ งตอ่ เน่ือง ดาเนนิ การบูรณาการกับวชิ าสุขศาสตร์ อาหารและน้านม หลักสูตรสัตวแพทยศาสตรบัณฑิต คณะสัตวแพทยศาสตร์ โดยเก็บตัวอย่างน้านมกรณีมีการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะชนิดสอดเต้า เพื่อ ตรวจหาแบบแผนการด้ือต่อยาปฏิชีวนะของเชื้อ MR-CoNS และ CoNS ใน น้านมโคภายหลงั ระยะหยดุ ยาปฏิชวี นะแบบสอดเตา้ 3.3 ขั้นตดิ ตามและสรปุ ผล โครงการได้ดาเนินการสอบถามผลการให้บริการทางสัตวแพทย์ รายงานแบบแผนการดื้อต่อยา ปฏชิ ีวนะของเชอ้ื MR-CoNS และ CoNS ในน้านมโคภายหลังระยะหยุดยาปฏชิ ีวนะแบบสอดเต้า เพ่ือให้ เกษตรกรตระหนักถึงผลจากการใช้ยาปฏิชีวนะ สรุปผลการส่งเสริมความรู้และแนวปฏิบัติในการใช้ยา ปฏิชีวนะ รวมท้ังผลการส่งเสริมความรู้ท่ีเกี่ยวข้อง อาทิ การปรับปรุงสูตรอาหารสัตว์ในฟาร์ม การ ปรับปรุงพันธ์ุ การแก้ไขปัญหาสุขภาพสัตวเ์ บื้องต้น เข่น โรครกค้าง โรคเต้านมอักเสบ เป็นต้น จัดทาสื่อ สรุปผลงานและประชาสัมพนั ธ์ 3.4 ผลสะท้อนจากการตดิ ตามและสรุปผล จากการประเมินผล พบว่า เกษตรกรมีความรู้เพ่ิมขึ้น ดา้ นโรคและการปอ้ งกันโรคในโคนม และมแี นวปฏบิ ตั ิในการใชย้ า เพื่อลดการตกค้างของยาในน้านม มีความเข้าใจหลักการ ตรวจสอบคุณภาพน้านมในห้องปฏบิ ตั กิ าร มีความเข้าใจมากขึน้ ในด้านวิวฒั นาการของเชอ้ื ด้อื ยาปฏิชวี นะ เกษตรกรมีความเข้าใจว่าต้องบันทึกการใช้ยาในฟาร์มเพ่ือควบคุมการใช้ยาในฟาร์ม ส่วนฝ่ายส่งเสริม สุขภาพของสหกรณ์โคนมได้แนวปฏิบัติในการติดตามการป่วยของโคนมในฟาร์มสมาชิก การใช้ยา ปฏิชีวนะในฟาร์ม ทาให้การปฏิบัติงานส่งเสริมสุขภาพมีความสะดวกยิ่งข้ึน และสหกรณ์โคนมท้ังสอง
68 เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวทิ ยาลัยมหาสารคามวจิ ัย ครั้งท่ี 15 : สาขาบริการวิชาการ” สหกรณ์สามารถเป็นต้นแบบในการพัฒนาการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศเพื่อการใหบ้ รกิ ารทางสตั วแพทย์ใน พืน้ ท่อี น่ื ๆ ได้ตอ่ ไป 4. การบรู ณาการกบั ภารกิจหลักดา้ นอ่ืนๆ 4.1 บูรณาการกับการเรียนการสอน การเรียนการสอนที่นามาบูรณาการสาหรับนิสิตหลักสูตรสัตว แพทยศาสตรบัณฑิต ช้ันปีที่ 5 ได้แก่ วิชาสุขศาสตร์อาหารและน้านม ซ่ึง เป็นวชิ าท่ีว่าด้วยการศึกษาองคป์ ระกอบต่างๆ ทีม่ ีความสมั พันธแ์ ละเกี่ยวขอ้ ง กันในห่วงโซ่อาหาร ศึกษาส่ิงที่เป็นอันตรายและแหล่งท่ีมาของอนั ตรายท่ีอยู่ ในอาหารที่มาจากสัตว์ รวมท้ังสิ่งปนเปื้อนในอาหารที่มีผลกระทบต่อ สุขภาพของมนุษย์ โดยวิชานี้จะทาให้นิสิตเขา้ ใจถึงบทบาทของสตั วแพทย์ใน การทาหน้าที่ป้องกันมิให้สิ่งท่ีเป็นอันตรายต่อสุขภาพเข้าสู่ขบวนการห่วงโซ่ อาหาร และเข้าใจหลักการคุณภาพของอาหารและสามารถอธิบาย กระบวนการผลติ อาหารทม่ี าจากสตั ว์รวมถึงจดุ ทส่ี าคัญตอ่ การผลิตอาหารท่ีมี ผลต่อสุขภาพและความปลอดภัย โดยโครงการนี้ได้ให้นิสิตลงมือฝึก ปฏิบัตกิ ารวิเคราะห์คณุ ภาพนา้ นมและบริการผลการตรวจวเิ คราะห์แกช่ มุ ชน ไปพร้อมกัน นิสิตได้ร่วมกันเสนอความคิดเห็นแนวทางการป้องกันปัญหายา ปฏิชีวนะตกค้างในน้านม การด้ือต่อยาปฏิชีวนะของแบคทีเรียที่จะส่งผลต่อ การรักษาสตั วแ์ ละมนษุ ย์ นสิ ติ ได้เห็นภาพการปฏิบตั งิ านของสตั วแพทยต์ ั้งแต่ การรับแจ้งสัตว์ป่วย การบริการตรวจรักษาสัตว์ การใช้ประโยชน์จากข้อมูล ทะเบียนประวัติโคและผลการตรวจรักษาที่ผ่านมา ในการเรียนการสอนภาคบรรยายน้ัน วิชาสุขศาสตร์ อาหารและน้านม ได้บูรณาการโดยการจัดกิจกรรมในห้องเรียน แบบ Flipped Classroom นิสิตได้ ร่วมกันนาขอ้ มลู จากการปฏิบัติและอภิปรายปจั จยั ท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั การเปลยี่ นแปลงคณุ ภาพน้านม ปัจจัยท่ี ทาใหเ้ กดิ การตกคา้ งของยาปฏชิ ีวนะและปัจจยั ที่ทาให้เกดิ การด้ือต่อยาปฏชิ วี นะของแบคทเี รียในน้านม การเรียนการสอนท่ีนามาบูรณาการสาหรับนิสิตหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาเทคโนโลยี สารสนเทศ ช้ันปีที่ 4 คณะวิทยาการสารสนเทศ ได้แก่ วิชา การฝึกงานวิชาชีพ ซ่ึงได้ทาให้นิสิตได้ฝึก วเิ คราะห์ความต้องการของผู้ใช้งานจริงจากปัญหาการให้บริการทางสัตวแพทย์และความต้องการในการ บันทึกข้อมูลสุขภาพและบันทึกข้อมูลการรักษา นิสิตได้ฝึกออกแบบโปรแกรมให้เหมาะสมกับการใช้งาน โดยนาเทคโนโลยี QR code และโปรแกรมประยุกต์ (Line application) มาใช้ร่วมกับการแจ้งสัตว์ป่วย และการส่ือสารในกลุ่มผู้ให้บริการทางสัตวแพทย์ นิสิตได้พัฒนาโปรแกรมเบ้ืองต้นในการรบั บริการตรวจ รักษาสัตว์ ซ่ึงให้ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์ อาทิ สัตวแพทย์ประจาหน่วยพัฒนาสุขภาพและผลผลิตสัตว์
เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน 69 ในงานการประชมุ วิชาการมหาวทิ ยาลัยมหาสารคามวิจัย คร้ังท่ี 15 : สาขาบริการวชิ าการ” (HHU) ของกรมปศสุ ัตว์สัตวแพทย์ประจาโรงพยายาลสัตว์ และฝ่ายสง่ เสรมิ ของสหกรณ์ผู้เลย้ี งโคนม เกิด ความสะดวกในการใหบ้ รกิ ารตรวจรักษาอยา่ งต่อเนื่อง 4.2 บรู ณาการกบั การวจิ ยั โครงการน้ีได้บูรณาการกับโครงการวิจัยเพ่ือ ทดสอบการตกค้างของยาปฏิชีวนะและวิเคราะห์แบบ แผนการดื้อต่อยาปฏิชีวนะของเช้ือชนิด methicillin resistant coagulase negative staphylococci(MR- CoNS)และชนิดcoagulase negative staphylococci (CoNS) ในนา้ นมโคภายหลังระยะหยดุ ยาปฏิชวี นะแบบ สอดเต้า โดยเกษตรกรที่มีโคนมที่เป็นโรคเต้านมอักเสบ และใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษา ได้ส่งตัวอย่างน้านม มายงั ห้องปฎิบัติการเพ่ือตรวจวิเคราะห์ โดยโครงการได้ น า เส น อ ผ ล ก า ร ต ร ว จ วิ เค ร า ะ ห์ ใ น ก า ร จั ด ป ร ะ ชุ ม เกษตรกร แสดงให้เกษตรกรเข้าใจถึงแบบแผนการดื้อต่อยาปฏิชีวนะ ชนิดของยาปฏิชีวนะที่สามารถใช้ รกั ษาโรคเต้านมอักเสบได้ ซง่ึ โครงการบรู ณาการหลักสตู รเพื่อชุมชนฯ ในครั้งนีไ้ ดส้ ะท้อนให้เกษตรกรเห็น ความสาคัญของการใช้ยาปฏิชีวนะเฉพาะกรณีที่จาเป็น โดยใช้อย่างถูกวิธีและมีระยะการหยุดยาที่ เหมาะสม เพ่อื ความปลอดภัยของผบู้ รโิ ภคนา้ นม การดาเนินการอย่างต่อเนื่องของโครงการ และความรู้ความเข้าใจที่ดีข้ึนในด้านการใช้ยา ปฏิชีวนะของเกษตรกร ได้ทาใหเ้ กษตรกรให้ความรว่ มมือส่งตวั อย่างเพ่ือตรวจยาปฏิชีวนะตกคา้ ง และใช้ ยาอยา่ งระมดั ระวังมากขน้ึ โดยผลสาเร็จจากการบูรณาการ คอื การที่เกษตรกรปรบั เปลี่ยนรูปแบบการใช้ ยาปฏิชีวนะในฟาร์มโคนมและให้ความสาคัญกับประสิทธิภาพการรักษาโรคเต้านมอักเสบ ผลจากการ วิเคราะห์ตัวอย่างน้านมท่ีการพบการคงอยู่ของเชื้อแบคทีเรียชนิด MR-CoNS และ CoNS ในน้านมดิบ ภายหลังระยะหยุดยาปฏชิ ีวนะได้ทาให้เกษตรกรเห็นความสาคญั ในการควบคุมความปลอดภยั ของน้านม ตามแนวคิดอาหารปลอดภยั (Food safety) ทตี่ อ้ งการคุ้มครองผบู้ ริโภคนา้ นมผ่านทางหว่ งโซ่อาหาร การ พบการคงอยู่และการดอื้ ต่อยาปฏชิ ีวนะชนิดต่างๆ ของ MR-CoNS และ CoNS ในโครงการวิจัยนี้จะเป็น การช้ีชัดว่าการรักษาเต้านมอักเสบด้วยยาปฏิชีวนะของแบบสอดเต้าตลอดระยะเวลาท่ีผ่านมานั้นไม่มี ประสิทธภิ าพ ยังพบวา่ มีการปนเป้ือนของเช้ือ MR-CoNS ที่ด้ือต่อยาปฏิชีวนะ ผลการวิจัยดังกล่าวทาให้ เกิดมาตรการควบคุมการใช้ยาปฏิชีวนะในฟาร์มท่ีเข้มงวดขึ้น เกษตรกรเข้มงวดกับระบบความปลอดภัย ทางชีวภาพในฟาร์ม นอกจากนี้ผลการวิจัยดังกล่าวยังเป็นข้อมูลท่ีสาคัญในการติดตามความสัมพันธ์กับ การดอ้ื ต่อยาปฏชิ วี นะในผูบ้ รโิ ภคน้านมซึ่งเปน็ นกั เรยี นในพืน้ ที่จังหวัดมหาสารคามและจงั หวัดใกลเ้ คียงใน การศกึ ษาคร้งั ตอ่ ไป
70 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน ในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลยั มหาสารคามวจิ ัย คร้งั ที่ 15 : สาขาบรกิ ารวิชาการ” 5. ผลลัพธจ์ ากการดาเนินงานโครงการ 5.1 ขอ้ ค้นพบตามวตั ถปุ ระสงค์ โครงการนี้ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการบันทึกข้อมูลฟาร์ม และแจ้ง ข้อมูลสุขภาพสัตว์ จัดกิจกรรมแนะนาการใช้งานแก่เกษตรกร และได้บูรณาการกับนิสิตคณะวิทยาการ สารสนเทศในการพัฒนาใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริการทางสัตวแพทย์ ซึ่งเกิดประโยชน์แก่สัตว แพทย์ในพ้ืนท่ี ตลอดจนนักสัตวศาสตร์ นักส่งเสริมสุขภาพสัตว์ในชุมชน และนิสิตสัตวแพทย์ มีการ แนะนาเกษตรกรให้ใชบ้ รกิ ารทางสัตวแพทยผ์ า่ นเทคโนโลยีสารสนเทศ ส่งเสริมใหส้ ัตวแพทยป์ ระจาหนว่ ย บรกิ ารเคลือ่ นที่ รวมทั้งหน่วยพัฒนาสุขภาพและผลผลิตสัตว์ (HHU) ของกรมปศุสัตว์ ได้ให้บริการตรวจ รักษาสัตว์ในพ้ืนท่ีอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ได้มีการเก็บตัวอย่างน้านมจากเต้านมโคที่มีการรักษาด้วยยา ปฏิชีวนะชนิดสอดเต้า เพื่อตรวจหาแบบแผนการดื้อต่อยาปฏิชีวนะหลังระยะหยุดยา ผลการศึกษาพบ แบคทีเรียชนิดท่ีด้ือต่อยาปฏิชีวนะหลายชนิด ผลการศึกษาได้นาไปถ่ายทอดให้แก่เกษตรกร เพื่อสร้าง ความตระหนักถึงผลกระทบจากการใช้ยาปฏิชีวนะท่ีไม่ถูกต้อง โดยได้นามาบูรณาการกับการเรียนการ สอนนิสิตคณะสัตวแพทยศาสตร์ นิสิตได้ร่วมกันตรวจวิเคราะห์น้านมและร่วมกันหาแนวทางการลดการ ปนเป้ือนของยาปฏิชีวนะในน้านม นิสิตมีความเข้าใจบทบาทวิชาชีพการสัตวแพทย์ในการผลิตน้านมท่ีมี ความปลอดภัย และบทบาทในการส่งเสรมิ ใหเ้ กษตรกรตระหนกั ถึงผลจากการใชย้ าปฏชิ ีวนะ 5.2 ขอ้ คน้ พบอ่ืนๆ สหกรณ์ผู้เล้ียงโคนมโคกก่อ จากัด สหกรณ์ผู้เล้ียงโคนมมหาสารคาม จากัด หน่วยสุขภาพสัตว์ สานักงานปศุสัตว์จังหวัด สานักงานปศุสัตว์เขต 4 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ได้ให้ความร่วมมือ อย่างดียิง่ ในการหาแนวทางการผลิตนา้ นมดิบให้มีคุณภาพดีและมคี วามปลอดภัยต่อผบู้ รโิ ภค ซ่งึ โครงการ นี้ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรมีสัตวแพทย์ประจาฟาร์มและสัตวแพทย์ผู้ควบคุมฟาร์ม เพ่ือปรึกษาหรือขอรับ คาแนะนาต่างๆ จากทีมสัตวแพทย์ นับเปน็ ประโยชน์อย่างยิ่งตอ่ การดาเนินงานของท้ังสองสหกรณผ์ เู้ ลี้ยง โคนม เกษตรกรสามารถแจ้งสัตว์ป่วย ลดปัญหาสัตวแพทย์ท่ีให้บริการในพ้ืนที่มีจานวนไม่เพียงพอ ทีม สัตวแพทย์มีข้อมูลเบ้ืองต้นในการแนะนาการแก้ไขปัญหาสุขภาพโค วินิจฉยั โรคเบื้องต้น สามารถแนะนา เกษตรกรให้ดูแลปฐมพยาบาล ช่วยทาให้เกษตรกรลดความสูญเสียได้ และเกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มขึ้น จากการเล้ียงโคนม การส่งเสริมระบบบันทึกการใช้ยาในฟาร์มที่เกิดขึ้นจากโครงการน้ีมีความสอดคล้อง กับการสร้างมาตรฐานฟาร์มของกรมปศุสัตว์ เกษตรกรพัฒนาฟาร์มได้ต่อเน่ือง เพิ่มผลผลิตน้านมและ คุณภาพนา้ นม ซงึ่ โครงการนไี้ ด้ทาใหเ้ กษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในจังหวดั มหาสารคามสามารถเป็นต้นแบบใน การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยนี เ้ี พอ่ื การผลติ นา้ นมอย่างปลอดภัย 6. บทสรุป โครงการบูรณาการหลักสูตรเพื่อชุมชน น้านมปลอดภัย สร้างเสริมสุขภาพชุมชน (Milk safety for the community) ในคร้งั นี้ไดพ้ ฒั นาเทคโนโลยสี ารสนเทศเพื่อแก้ไขปญั หาการให้บรกิ ารด้านสขุ ภาพ
เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน 71 ในงานการประชุมวิชาการมหาวทิ ยาลัยมหาสารคามวิจยั คร้งั ที่ 15 : สาขาบรกิ ารวชิ าการ” สัตว์ของสัตวแพทย์ในพื่นท่ี ท้ังยังสร้างความตระหนักถึงการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างถูกต้องในฟาร์มโคนม เนือ่ งจากน้านมดบิ จากฟาร์มของเกษตรกรได้นาไปแปรรูปใหแ้ ก่ผูบ้ รโิ ภคจานวนมาก โดยนา้ นมดบิ จะต้อง ปราศจากยาปฏิชีวนะและสารตกคา้ ง และไม่มีแบคทีเรียท่ีดื้อต่อยาปฏิชีวนะในน้านมซึง่ สง่ ผลกระทบต่อ มนุษย์และเป็นปัญหาด้านสาธารณสขุ อยา่ งตอ่ เน่ือง ผลของการศกึ ษาพบแบคทเี รยี ท่ีดอื้ ต่อยาปฏิชวี นะได้ ทาให้เกษตรกรทราบถึงผลจากการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างไม่ถูกต้องของตน โครงการนี้จึงเป็นโครงการท่ีทา ให้เกษตรกรไดร้ ับทราบข้อมลู และเข้าใจเพม่ิ ข้นึ นาไปสกู่ ารสรา้ งแนวปฏบิ ัติด้านการป้องกันทางชีวภาพใน ฟาร์ม การป้องกันปัญหาสุขภาพโคนมเพ่ือลดการใช้ยาปฏิชีวนะ ป้องกันปัญหาการปฏิเสธการรับซื้อ น้านมดิบหรือการตัดราคาน้านมดิบอันเน่ืองจากการตกค้างของยาปฏิชีวนะในน้านมและการที่น้านมท่ี ไม่ได้คุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน ผลสาเร็จจากโครงการนี้เป็นส่วนสาคัญในการส่งเสริมให้เกษตรกร ประสบความสาเร็จในการเล้ียงโคนม สามารถประกอบอาชีพการเล้ียงโคนมได้อย่างยั่งยืน และผู้บริโภค น้านมไดร้ ับความปลอดภัย
ศนู ยก์ ารเรียนร้ดู ้านการจดั การขยะ สนุ ันทา เลาวัณยศ์ ิริ และคณะ คณะสงิ่ แวดล้อมและทรพั ยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 1. ความเปน็ มาของปัญหา การพฒั นาทางเศรษฐกจิ โดยการนาทรัพยากรธรรมชาตมิ าใช้โดยขาดหลกั การอนุรักษ์ มงุ่ เน้นใน การสร้างรายไดใ้ นชุมชน ก่อให้เกดิ การเส่ือมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและปัญหาสิง่ แวดล้อมตามมา ในขณะที่ปญั หาการขยายตัวของชุมชน เน่ืองจากการเพ่ิมจานวนประชากร เป็นการเพิม่ ความรนุ แรงของ ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาส่ิงแวดล้อมในชุมชนที่สาคัญ ได้แก่ ปัญหาขยะมูลฝอย โดยขยะมูลฝอยจะมี ลักษณะแตกต่างกนั ไปตามแหลง่ กาเนิด เชน่ มูลฝอยจากบ้านเรือนส่วนใหญจ่ ะเปน็ เศษอาหารทเี่ หลือจาก การปรุงอาหารและการบริโภค รวมทั้งเศษอาหาร พลาสติกและของที่ไม่ใช้แล้ว โดยมูลฝอยอินทรีย์จาก บ้านเรือน หรือชุมชน เป็นมูลฝอยท่ีย่อยสลายง่ายจึงต้องรีบกาจัดเพราะถ้าปล่อยไว้นานจะส่งผลให้เกิด กล่ินเหม็นได้ การที่ขยะส่งกลิ่นเหม็นและเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคย่อมเกิดผลกระทบต่อสุขภาพกาย และ สขุ ภาพจิตของประชาชนโดยตรง ดงั นั้นจงึ ควรมกี ารจดั การขยะให้ถูกวธิ ี จากการสารวจข้อมูลโดยกรมควบคุมมลพิษ ในปี พ.ศ.2556 พบว่า จังหวัดมหาสารคาม มีขยะ มูลฝอยทั้งสิ้น 960 ตนั /วัน หรอื 350,389 ตัน/ปี มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ จานวน 142 แห่ง มีการ ให้บรกิ ารเก็บรวบรวมขยะมูลฝอยไปกาจัด 60 แห่ง และไม่มีการให้บริการ 82 แห่ง จังหวัดมหาสารคาม มีสถานท่ีกาจัดขยะมูลฝอยอย่างถูกหลักวิชาการ โดยเป็นการฝังกลบแบบถูกหลักสุขาภิบาล (Sanitary landfill) จานวน 1 แหง่ ไดแ้ กร่ ะบบกาจดั ขยะมลู ฝอยเทศบาลตาบลเชยี งยืน ให้บริการกาจัดขยะมลู ฝอย จากองค์กรปกครองส่วนท้องถนิ่ และหน่วยงานท้ังภาครฐั และเอกชน บรเิ วณใกลเ้ คียง มีปรมิ าณขยะมูล ฝอยที่กาจัดอย่างถูกหลักวิชาการ 62 ตัน/วัน คดิ เป็นรอ้ ยละ 6.46 ของปริมาณขยะมลู ฝอยที่เกิดขึ้น เพิ่ม ปริมาณขยะมูลฝอยจานวน 268 ตัน/วัน ถูกกาจัดในสถานที่กาจัดขยะมูลฝอยแบบไม่ถูกหลักวิชาการ จานวน 37 แห่ง กระจายทั่วไปในพ้ืนที่ 13 อาเภอของจังหวัด ซึ่งก่อให้เกิดขยะมูลฝอยสะสมปริมาณ 66,562 ตนั และขยะมลู ฝอยจานวน 451 ตนั /วนั ยังไม่ไดร้ บั การจัดการ การจัดการขยะมูลฝอยในแต่ละพื้นท่ี ยังขาดความรู้และความเข้าใจที่ถูกตอ้ งในการจัดการขยะ ดังน้ันในการบริการวิชาการในโครงการนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างต้นแบบศูนย์การเรียนรู้ด้านการ จัดการขยะ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้การจัดการขยะในชุมชน และการถ่ายทอดความรู้ด้านการจัดการขยะ เพื่อลดปัญหาขยะชุมชนในพ้ืนที่และเป็นการใช้ประโยชน์ของขยะในด้านการจัดการส่ิงแวดล้อมของ ชุมชนสามัคคี 1 ชุมชนสามัคคี 2 ชุมชนธัญญา 1 และ ชุมชนธัญญา 2 ของเทศบาลเมืองมหาสารคาม อาเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม ซ่ึงเป็นชุมชนท่ีมีปริมาณขยะปริมาก โดยชุมชนผลิตขยะ
เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน 73 ในงานการประชุมวิชาการมหาวทิ ยาลัยมหาสารคามวิจัย ครง้ั ท่ี 15 : สาขาบริการวิชาการ” ประมาณ 1.19 กิโลกรัม/คน/วัน หรอื 7.7 ตัน/วัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านการ จัดการขยะ ซ่งึ จะเปน็ ตน้ แบบในการใหค้ วามรู้ความเขา้ ใจในการจัดการขยะแก่ชุมชน และเยาวชน ตอ่ ไป 2. วตั ถุประสงค์โครงการ 1) เพอ่ื สรา้ งต้นแบบศูนยก์ ารเรยี นรดู้ ้านการจดั การขยะ 2) เพื่อถ่ายทอดความรดู้ า้ นการจัดการขยะ 3. กระบวนการดาเนนิ การ 3.1 ขั้นเตรียมการ 1) ศกึ ษาข้อมูลเบอื้ งตน้ ของชมุ ชนสามคั คี 1 ชุมชนสามคั คี 2 ชมุ ชนธัญญา 1 และ ชุมชน ธัญญา 2 เทศบาลเมืองมหาสารคาม อาเภอเมืองมหาสารคาม จังหวดั มหาสารคาม 2) มกี ารวางแผนการดาเนนิ โครงการฯ โดยการประชมุ คณะกรรมการดาเนนิ งาน เทศบาล เมืองมหาสารคาม นิสติ และชมุ ชน 3.2 ขนั้ ดาเนินการ 1) การดาเนินการศูนย์การเรียนรู้การจัดการสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรในด้านการจัดการ ขยะ ได้แก่ โครงการคัดแยกขยะเปน็ 4 ประเภท โครงการธนาคารขยะ โครงการปุ๋ยน้าชีวภาพ โครงการ ปุ๋ยจากไส้เดือนดิน โครงการก๊าซชีวภาพจากขยะอินทรีย์ โครงการส่ิงประดิษฐ์จากขยะ และโครงการ ทอดผ้าป่าขยะ โดยประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม และมีการดาเนินงานตาม PDCA (หลักสูตร วท.บ. เทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม วท.บ.เทคโนโลยีส่ิงแวดล้อม วท.บ.การจัดการสิ่งแวดล้อมและทรัพยากร วท.ม. การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม และ วท.ม.เทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม) ดาเนินโครงการฯ โดย ผู้ดาเนิน โครงการฯ สานักทรัพยากรธรรมชาติจังหวัดมหาสารคาม เทศบาลเมืองมหาสารคาม เทศบาลตาบลร่อง คา อาเภอร่องคา จงั หวัดกาฬสนิ ธุ์ และนสิ ิต 2) ถ่ายทอดความรู้ด้านการจัดการขยะ โดยประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม และมีการ ดาเนินงานตาม PDCA (หลักสูตร วท.บ.เทคโนโลยีส่ิงแวดล้อม วท.บ.เทคโนโลยีส่ิงแวดล้อม วท.บ.การ จดั การสิ่งแวดล้อมและทรัพยากร วท.ม.การบริหารจัดการส่งิ แวดลอ้ ม และ วท.ม.เทคโนโลยสี ิง่ แวดล้อม) โดยผู้ดาเนินโครงการฯ สานักทรัพยากรธรรมชาติจังหวัดมหาสารคาม เทศบาลเมืองมหาสารคาม เทศบาลตาบลร่องคา อาเภอรอ่ งคา จังหวัดกาฬสนิ ธุ์ และนิสติ 3) จัดเวทีแลกเปล่ียนเรียนรู้ระหว่างชุมชน โดยผู้ดาเนินโครงการฯ เทศบาลเมือง มหาสารคาม เทศบาลตาบลร่องคา อาเภอรอ่ งคา จงั หวัดกาฬสนิ ธ์ุ นิสิต และชุมชน
74 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน ในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลยั มหาสารคามวิจัย ครั้งที่ 15 : สาขาบรกิ ารวิชาการ” 3.3 ข้นั ตดิ ตามและสรปุ ผล โดยผ้ดู าเนนิ โครงการฯ เทศบาลเมืองมหาสารคาม นสิ ิต และชุมชน 1) ตดิ ตามการประเมนิ และวดั ผลโครงการฯ ใน 3 ประเดน็ ไดแ้ ก่ ความพงึ พอใจของ ผู้รับบรกิ าร การนาไปใชป้ ระโยชน์ และผลกระทบโครงการ 2) การติดตามผลหลงั ดาเนินโครงการฯ 3) มกี ารสรปุ ปญั หา ผลสาเรจ็ และแนวทางแก้ไข โดยการประชมุ คณะกรรมการดาเนินงาน 4) สรุปผลและเล่มรายงานฉบับสมบูรณ์ 4. การบรู ณาการกับภารกจิ หลกั ดา้ นอ่นื ๆ 4.1 บูรณาการกับการเรียนการสอน การบริการวิชาการแก่สังคม โครงการศูนย์เรียนรู้ด้านการจัดการขยะ ไปบูรณาการร่วมกับการ เรียนการสอน รายวิชา 1706 331 ขยะและของเสียชุมชน (Solid Waste and Waste in Community) และรายวิชา 1703 103 เทคโนโลยีการจดั การสิ่งแวดล้อมและนิเวศวิทยาสิ่งแวดล้อม (Environmental Management Technology and Environmental Ecology) ซ่ึงเป็นรายวิชาที่มีการสอนทางด้าน ทฤษฏีและปฏิบัติ เก่ียวกับการจดั การขยะ นิสิตมกี ารประชุมรว่ มกับอาจารยแ์ ละชุมชน นิสิตทกุ ช้ันปีและ อาจารย์ได้ลงไปเรียนรู้บริบทชุมชนก่อน หลังจากนั้นนิสิตทุกช้ันปีมีการแบ่งงานให้แต่ละชั้นปีเป็น ผู้รับผิดชอบในเรื่องที่ต้องนาไป “แลกเปล่ียนเรียนรู้” ร่วมกับ “ชุมชน” ใน 7 เร่ืองหลัก คือโครงการคัด แยกขยะเป็น 4 ประเภท โครงการธนาคารขยะ โครงการปุ๋ยน้า ชีวภาพ โครงการปุ๋ยจากไส้เดือนดิน โครงการก๊าซชีวภาพจากขยะ อินทรีย์ โครงการส่ิงประดิษฐ์จากขยะ และโครงการทอดผ้าป่าขยะ โดยนิสติ ปรญิ ญาตรี ช้ันปีที่ 3 เป็นผ้ดู าเนินงานหลกั และนิสติ ช้ันปีอื่นๆ รวมทั้งนิสิตปริญญาโท จะเสริมการทางาน โดยจะแบ่งหน้าท่ีกัน เพื่อ จัดเตรียมข้อมูล จัดทาเอกสารเผยแพร่ จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์เพ่ือใช้ “สาธิต” หรือจัดกิจกรรมเชิงปฏิบัติการเพื่อเรียนรู้ร่วมกับชุมชน รวมถึงการลงพน้ื ท่ีหารือรว่ มกับชุมชนเก่ียวกบั กระบวนการที่จะจัดขึ้น รว่ มกัน โดยมีอาจารย์ในหลักสูตรฯ ทาหน้าท่ีเป็นท่ีปรึกษา คอยกากับ และให้คาแนะนาอย่างใกล้ชิด ในวันที่อบรมภาคเช้าจะเป็นการอบรม โดยการบรรยาย ใน 7 เร่ือง ดังท่ีกล่าวมา ส่วนภาคบ่ายจะมีการ แบ่งกลุ่มไปปฏิบัติการจริงร่วมกับชุมชน และปรึกษาหารือร่วมกับ ชมุ ชนถึงแนวทางการจดั ศูนย์การเรียนรู้ด้านการจัดการขยะ อาจารย์จะทาหน้าท่ีเป็นที่ปรึกษาให้แกน่ ิสิต ในการดาเนินโครงการฯ หลังจากการอบรมแล้ว นิสิตได้มีการลงพ้ืนท่ีปฏิบัติการเรียนรู้ร่วมกันกับชุมชน
เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน 75 ในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวิจยั คร้งั ท่ี 15 : สาขาบรกิ ารวชิ าการ” อย่างตอ่ เนือ่ งเป็นระยะๆ ซึ่งในบางเรือ่ งชมุ ชนก็พอจะมีความรู้มากอ่ น จงึ ทาใหเ้ กิดการแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ ระหวา่ งนิสิตและชุมชน และทาให้ชุมชนเขม้ แข็ง และสามารถพง่ึ พาตนเองได้ของชมุ ชนและสงั คม 4.2 บรู ณาการกบั การวิจัย การบริการวิชาการแก่สังคม โครงการศูนย์เรียนรู้ด้านการจัดการขยะ ไปบูรณาการร่วมกับ งานวิจัย เร่ืองการพัฒนาการผลิตพลังงานก๊าซชีวภาพจากขยะมูลฝอยชุมชน เร่ืองรูปแบบและแนว ทางการจัดการขยะมลู ฝอยทเ่ี หมาะสมและมีประสทิ ธิภาพของจังหวัดมหาสารคาม และงานวิจยั ที่ตีพิมพ์ ลงวารสาร 1. ธนั นดิ า กงทอง, สุนันทา เลาวัณย์ศริ ิ และจฑุ ามาส แก้วสขุ (2561). การเปรยี บเทียบธาตุ อาหารหลักของปุ๋ยมูลไส้เดือนจากการย่อยสลายกระดาษและขยะอินทรีย์. วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 37(5): 587-593. 2. Laowansi, S., Tharasena, B. and Khamhok, S. (2018). Kinetics on anaerobic digestion and wastewater treatment of chicken slaughterhouse. Journal of Food Health and Bioenvironmental Science, 11(3): 19-24. 4.3 บูรณาการกบั การทานุบารงุ ศลิ ปวฒั นธรรม การนาการบริการวิชาการแก่สังคม โครงการศูนย์เรียนรู้ด้านการจัดการขยะสามารถบูรณาการ ร่วมกับการนาไปใช้กับการทานุบารุงศิลปวัฒนธรรม คือ โครงการทอดผ้าป่าขยะ ณ วัดสามัคคี ตาบล ตลาด อาเภอเมือง จงั หวดั มหาสารคาม 5. ผลลพั ธ์จากการดาเนินงานโครงการ 5.1 ขอ้ คน้ พบตามวัตถปุ ระสงค์ การดาเนนิ งานบรรลุวตั ถุประสงค์การดาเนินงาน ทัง้ 2 หวั ข้อ ไดแ้ ก่ 1) เพ่ือสร้างตน้ แบบศนู ยก์ ารเรยี นรดู้ า้ นการจดั การขยะ 2) การถา่ ยทอดความร้ดู ้านการจัดการขยะ 5.2 ขอ้ ค้นพบอ่ืนๆ ชุมชนสามัคคี 1 ชุมชนสามัคคี 2 ชุมชนธัญญา 1 และ ชุมชนธัญญา 2 เทศบาลเมือง มหาสารคาม ตาบลตลาด อาเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม ชุมชนสามารถนาความรู้ทไี่ ดร้ ับ การถ่ายทอดฯ นาไปใช้ประโยชนใ์ นระดบั ชุมชน เชน่ การทาปุ๋ยหมกั น้าชวี ภาพ การทาปยุ๋ หมกั การทาปยุ๋
76 เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน ในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลยั มหาสารคามวจิ ยั ครงั้ ที่ 15 : สาขาบรกิ ารวิชาการ” หมักจากไส้เดือนดิน การคัดแยกขยะ ส่ิงประดิษฐ์จากขยะ การ ทอดผ้าป่าขยะ โดยชุมชนนาไปปฏิบัติลงสู่ครัวเรือน และมีการ รวมกลุ่มเพื่อสร้างกลุ่มกาจัดขยะและของเสียโดยนาไปผลิตก๊าซ ชีวภาพ และ กลุ่มธนาคารขยะ เป็นต้น ส่งผลให้ชุมชนสามัคคี 1 ชุมชนสามัคคี 2 ชุมชนธัญญา 1 และ ชุมชนธัญญา 2 เทศบาลเมือง มหาสารคาม ตาบลตลาด อาเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม มีความ เข้มแข็งและสามารถพ่ึงพาตนเองได้ของชุมชนและสังคม ได้อย่าง ย่ังยืน การกาจัดขยะและของเสียโดยนาไปผลิตก๊าซชีวภาพ ลด ค่าใช้จา่ ยจากการซือ้ ก๊าซ LPG 300 บาท/เดือน และปุ๋ย 200 บาท/ เดือน การลดปริมาณการเกิดขยะส่งผลให้รายจ่ายในการจัดการขยะ ของเทศบาลลดลงตามไปด้วย ศูนย์การเรียนรู้ด้านการจัดการขยะ โดยเน้นทางด้านการจัดการขยะในชุมชน วัด โรงเรียน ซ่ึงจะทาให้ชุ มนนั้นมีความตะหนักถึงส่ิงแวดล้อม มีความเข้มแข็ง มีความสามัคคี มีความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มชุมชน วัด นักเรียน นิสิต และอาจารย์ มากข้ึน นอกจากนยี้ ่อมก่อใหเ้ กิดการถ่ายทอดองคค์ วามรไู้ ปยงั ผูส้ นใจ รายอ่ืนๆ หรือชุมชนอ่นื ๆ ท่ีมีปัญหาในลักษณะเดียวกันต่อไปได้ ทาง ส่งิ แวดลอ้ ม พบวา่ ผลกระทบจากปัญหาขยะชุมชนท่ีเกิดขึ้นจากแหล่ง ชุมชนนับวันจะทวีความรุนแรงมากข้ึน ปัญหามลพิษทางด้านขยะ กอ่ ให้เกิดปญั หาในด้านการจัดการส่ิงแวดลอ้ มและก่อให้เกิดมลพษิ การถ่ายทอดการผลติ ก๊าซชีวภาพ ปุ๋ย น้าหมักชีวภาพ จากขยะอินทรีย์ ปุ๋ยจากการย่อยขยะอินทรีย์โดยใช้ไส้เดือนดิน เกิดการการใช้ประโยชน์ ของขยะในชุมชนมากขึ้น การท่ีชุมชนรู้จักประยุกตแ์ ละพัฒนานาเอาขยะอินทรีย์มาผลิตเป็นก๊าซชีวภาพ และปุ๋ย ซึ่งเป็นการช่วยลดปัญหามลภาวะส่ิงแวดล้อมในด้านขยะและได้ผลพลอยได้เป็นพลังงานและปุ๋ย ซง่ึ นาไปสกู่ ารพัฒนาแบบย่ังยืน ด้านสุขภาวะ/สาธารณสุข คือลดผลกระทบจากปัญหาขยะ ได้แก่ ปัญหา กล่ิน ปญั หาการแพร่กระจากของสตั วก์ ัดแทะ (หนู แมลงวัน) 5.3 การขยายผลไปสหู่ นว่ ยงานอน่ื ๆ ท่เี กย่ี วข้อง การขยายฐานการเรียนรู้สู่ครัวเรือนตัวอย่างอย่างต่อเนื่อง เพ่ือสร้างชุมชนเข้มแข็ง ขยายฐาน ศูนยเ์ รยี นรูส้ ู่กลุ่มชุมชน นกั เรยี นในโรงเรยี น และวดั 6. บทสรปุ โครงการบรู ณาการหลกั สูตรเพื่อชมุ ชน โครงการศนู ย์การเรยี นรูด้ ้านจดั การขยะ หลกั สูตร วท.บ. เทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม วท.บ.การจัดการส่ิงแวดล้อมและทรัพยากร วท.ม.การบริหารจัดการส่ิงแวดล้อม และ วท.ม.เทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ณ โรงเรียนเทศบาลสามัคคีวิทยา ตาบล
เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน 77 ในงานการประชุมวชิ าการมหาวิทยาลยั มหาสารคามวจิ ัย ครั้งที่ 15 : สาขาบรกิ ารวิชาการ” ตลาด อาเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม โดยผู้เข้าร่วมโครงการฯ ได้แก่ ชุมชนสามัคคี 1 ชุมชนสามัคคี 2 ชุมชนธัญญา 1 และ ชุมชนธัญญา 2 เทศบาลเมืองมหาสารคาม อาเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม นิสิต และอาจารย์ จานวน 176 คน พบว่าผู้เข้าร่วมอบรมโครงการศูนย์การเรียนรู้ด้านจัดการขยะคือ ชุมชน สามัคคี 1 ชุมชนสามัคคี 2 ชุมชนธัญญา 1 และ ชุมชนธัญญา 2 มีความพึงพอใจในภาพรวมระดับมาก โดยด้านกจิ กรรมมีความสอดคล้องกับปัญหาและความตอ้ งการของชุมชน/กลุ่มเป้าหมาย ผู้เข้าร่วมอบรม มีความพึงพอใจในระดับมาก สามารถนาความรู้และประสบการณ์จากการร่วมกิจกรรมไปประยุกต์ใช้ใน ชีวิตประจาวัน/การปฏิบัติงานต่อตนเอง ต่อหน่วยงาน ต่อสังคมและชุมชน ผู้เข้าร่วมอบรมมีความพึง พอใจในระดับมาก การเข้าร่วมกิจกรรมทาให้เกิดการสร้างเครือข่ายในชุมชน/สังคม ได้รับความรู้และ ประสบการณ์ท่ีเป็นประโยชน์และสามารถถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์แก่ชุมชน/สังคม และ สามารถนาความรู้และประสบการณ์จากการเข้าร่วมกิจกรรมมาพัฒนาองค์ความรู้ใหม่หรือนาไปสู่การ ขยายผลได้ผู้เข้าร่วมอบรมมีความพึงพอใจในระดับมาก ในขณะท่ีด้านความพึงพอใจของนิสิตที่เข้าร่วม โครงการในดา้ นความรูแ้ ละประสบการณ์ที่ได้รับ นิสติ มีความพงึ พอใจในระดับมากท่ีสุด โดยพบวา่ ในด้าน ของกจิ กรรมมีความสอดคลอ้ งกับเนอ้ื หาสาระทเี่ รียน การร่วมกจิ กรรม ทาให้มคี วามเขา้ ใจในเน้ือหาวชิ าท่ี เรียนมากขึ้น นิสิตมคี วามพงึ พอใจในระดับมากท่ีสดุ นิสติ ได้รบั ประสบการณ์ตรงหรือไดเ้ รยี นรวู้ ถิ ีชวี ิตของ ผูค้ น จากกรณีตัวอยา่ ง/การลงพื้นที่ดาเนินการร่วมกับอาจารย์ และได้รับความรู้และประสบการณ์ท่ีเป็น ประโยชน์ นอกเหนอื จากตาราและการเรยี นในชน้ั เรียน นิสิตมีความพงึ พอใจในระดบั มาก ในประเด็นดา้ น ประโยชน์ท่ีได้รับ นิสิตมีความพึงพอใจมากทสี่ ุด นิสิตสามารถนาความรู้และประสบการณ์ท่ีได้รับไปปรับ ใช้ การร่วมกิจกรรมทาให้เรียนรู้การทางานร่วมกับผู้อื่น นิสิตมคี วามพึงพอใจมากท่ีสุด ในขณะทกี่ ารร่วม กจิ กรรมช่วยให้เรียนรกู้ ารทางานเป็นขนั้ ตอน นิสิตมคี วามพงึ พอใจในระดบั มาก นิสิตสามารถนาโครงการ บริการวิชาการแก่สังคม โครงการศูนย์เรียนรู้ด้านการจัดการขยะ ไปใช้กับการเรียนการสอน รายวิชา 1706 331 ขยะและของเสียชุมชน (Solid Waste and Waste in Community) และรายวิชา 1703 103 เทคโนโลยีการจัดการส่ิงแวดล้อมและนิเวศวิทยาส่ิงแวดล้อม (Environmental Management Technology and Environmental Ecology) ซ่ึงเป็นรายวิชาท่ีมีการสอนทางด้านทฤษฏีและปฏิบัติ เกี่ยวกับการจัดการขยะ การบริการวิชาการแก่สังคม โครงการศูนย์เรียนรู้ด้านการจัดการขยะ ไปบูรณา การร่วมกับงานวิจัย เรื่องการพัฒนาการผลติ พลังงานก๊าซชวี ภาพจากขยะมูลฝอยชุมชน เรอื่ งรปู แบบและ แนวทางการจัดการขยะมูลฝอยท่ีเหมาะสมและมีประสิทธิภาพของจังหวัดมหาสารคาม และงานวิจัยที่ ตีพมิ พ์ลงวารสาร เร่ืองการเปรยี บเทียบธาตอุ าหารหลกั ของปุ๋ยมลู ไส้เดอื นจากการย่อยสลายกระดาษและ ขยะอินทรีย์ และ Kinetics on anaerobic digestion and wastewater treatment of chicken slaughterhouse โครงการศูนย์เรียนรู้ด้านการจัดการขยะสามารถบูรณาการรว่ มกบั การนาไปใชก้ ับการ ทานุบารุงศิลปวัฒนธรรม โดยมีการจัดกิจกรรมทอดผ้าป่าขยะ ณ วัดสามัคคี ตาบลตลาด อาเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม
78 เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน ในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลยั มหาสารคามวิจัย ครั้งที่ 15 : สาขาบรกิ ารวชิ าการ” บทเรียนการดาเนินโครงการฯ ของชุมชน พบว่าชุมชนเป็นชุมชนเมือง ดังน้ันความสนใจและ ความกระตือรือร้นในการเข้ารว่ มโครงการยังไม่มากพอจึงต้องใช้ความร่วมมือจากหลายฝ่ายในการนัดลง พ้ืนท่ีชุมชน เช่น กลุ่ม อสม. ของชุมชน และเทศบาลเมืองมหาสารคาม ชุมชนสามารถนาความรู้ที่ได้รับ การถา่ ยทอดฯ นาไปใช้ประโยชนใ์ นระดับชมุ ชน เชน่ การทาป๋ยุ หมักนา้ ชีวภาพ การทาปุ๋ยหมกั การทาปุย๋ หมกั จากไส้เดอื นดิน การคดั แยกขยะ ส่งิ ประดษิ ฐ์จากขยะ การทอดผา้ ป่าขยะ โดยชมุ ชนนาไปปฏิบัติลงสู่ ครัวเรือน และมีการรวมกลุ่มเพื่อสร้างกลุ่มกาจัดขยะและของเสียโดยนาไปผลิตก๊าซชีวภาพ และกลุ่ม ธนาคารขยะ เป็นต้น ชุมชนใหค้ วามสนใจสง่ิ ประดิษฐจ์ ากขยะคอ่ นข้างมากเนอื่ งจากผู้เข้าร่วมอบรมมีการ รวมกลมุ่ เพื่อสร้างสิง่ ประดษิ ฐ์ ศนู ย์การเรียนรู้ดา้ นการจัดการขยะ ต้ังอยู่ในโรงเรียนเทศบาลสามคั คีวิทยา และมีธนาคารขยะที่ดาเนินการร่วมกับโรงเรียนเทศบาลสามัคคีวิทยา ในขณะที่ถุงก๊าซชีวภาพได้ติดต้ังท่ี วัดสามัคคี บทเรยี นการดาเนนิ โครงการฯ ของนสิ ติ พบวา่ นสิ ิตทั้งปรญิ ญาตรี และโท มีความสนใจและเปน็ ผู้ถ่ายทอดความรู้ด้านการจัดการขยได้เป็นอย่างดี อีกทั้งมีรายวิชาเรียนท่ีส่งเสริมให้การดาเนินงานของ โครงการฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซ่ึงสามารถนาโครงการบริการวิชาการมาบูรณาการร่วมกับการ เรียนการสอนไดเ้ ป็นอยา่ งดี
การพัฒนาเยาวชนจิตอาสาดา้ นเกษตรอินทรีย์และการอนรุ ักษส์ ่ิงแวดล้อม วุฒศิ กั ดิ์ บญุ แนน่ , พนมพงศ์ สวุ รรณสงิ ห์ และคณะ โรงเรยี นสาธติ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (ฝา่ ยมธั ยม) 1. ความเป็นมาของปญั หา สิ่งแวดลอ้ มในปจั จุบนั ถูกทาลายเพม่ิ มากขน้ึ ผลจากการทาลายส่งิ แวดล้อมทางธรรมชาตสิ ง่ ผล กระทบต่อมนุษย์หลายประการ เช่น ปัญหาการแปรปรวนของภูมิอากาศโลกการร่อยหรอของ ทรัพยากรธรรมชาติ และมลพิษสิ่งแวดล้อมขยายขอบเขตกว้างขวางมากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อ การดารงอยู่และการมีคุณภาพชีวิตท่ีดีของมนุษย์ จากการสารวจประเด็นปัญหาของการจัดการเรียนรู้ เกษตรอินทรีย์ในสถานศึกษาสาหรับเยาวชน ในเขตพื้นท่ีใกล้เคียงของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม พบว่า ในการจดั การศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐานในระดบั ประถมศกึ ษา ไมม่ หี ลักสตู รรายวิชาการเกษตรโดยตรง แต่เปน็ การ สอดแทรกในสาระฯวชิ าการเรยี นรู้ในกลุ่มสาระฯ การงานอาชีพและเทคโนโลยี กลมุ่ สาระฯวิทยาศาสตร์ และบางโรงเรียนไมม่ กี จิ กรรมการเรยี นทจ่ี ดั เจน ไม่มีการจดั ทาแปลงเกษตรอินทรยี ใ์ นโรงเรยี น ปญั หาวิจัย สาหรับโรงเรียนระดับช้ันประถมศึกษาในพ้ืนที่ใกล้เคียงกับมหาวิทยาลัยมหาสารคาม อาเภอกันทรวิชัย จงั หวัดมหาสารคาม เป็นโรงเรียนขนาดเล็กในชุมชนมีนักเรียนจานวนน้อยเนื่องจาก นักเรียนส่วนใหญ่ท่ี ครอบครัวมีฐานะจะส่งบุตรหลาน เข้าไปเรียนในเมือง ดังน้นั นักเรียนท่ีเรียนในโรงเรยี นปัจจุบันส่วนใหญ่ จึงเป็นบุตรหลานของคนที่มีรายได้น้อยและประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก จากการเป็นโรงเรียน ขนาดเล็กทาให้มีพ้ืนท่ีน้อยสาหรบั ในการเพาะปลูกพืชผัก หรือการจดั ทาแปลงเกษตรเพื่อการเรยี นรู้ โดย จากการศึกษา การพัฒนาศูนย์การเรียนรู้เครือข่ายเกษตรอินทรียส์ าหรบั เยาวชนในเขตอาเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม (วุฒิศักดิ์ บุญแน่น,องอาจ ญาตินยิ ม, 2561) ผลการวิจัย พบวา่ ความต้องการขนาด พ้นื ท่แี ปลงเกษตรอินทรีย์ในโรงเรียน สาหรับการเรียนรู้ดา้ นการเกษตรอนิ ทรยี ข์ องเยาวชน พบว่า รอ้ ยละ 74 มีความตอ้ งการพน้ื ที่ 30-50 ตร.ม. การจัดการเรยี นรูเ้ กษตรอินทรีย์ในโรงเรียน พบว่า จานวนนกั เรยี น ที่เหมาะสมต่อพื้นทีเ่ รียนรูเ้ กษตรอินทรยี ์ในโรงเรียน มากที่สดุ คอื นักเรยี น 1 คน : พนื้ ที่ 3 ตร.ม. ดังน้ัน เพ่ือเป็นการส่งเสริมศักยภาพของนักเรียนและเป็นการบริการวิชาการแก่ชุมชนทาง โรงเรยี นสาธิตมหาวิทยาลยั มหาสารคาม (ฝา่ ยมธั ยม) จึงเห็นสมควรดาเนนิ การจดั โครงการบรกิ ารวิชาการ การพัฒนาเยาวชนจิตอาสาด้านเกษตรอินทรีย์และการอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม มุ่งเน้นพัฒนานักเรียนใน โรงเรียนระดับประถมศึกษา ท่ีอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้พัฒนาศักยภาพด้าน องค์ความรู้เกีย่ วกับส่ิงแวดล้อมและสามารถนาไปประยุกต์ใช้ในการทากิจกรรมเพ่ือพัฒนา การทาเกษตร อนิ ทรยี ์ในโรงเรยี นและการอนุรักษส์ ่ิงแวดล้อม ตลอดจนกระบวนการทัศนคตเิ ชิงอุดมการณ์ด้านจิตอาสา การอนรุ กั ษ์ส่งิ แวดล้อม
80 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน ในงานการประชุมวชิ าการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวิจัย ครั้งที่ 15 : สาขาบรกิ ารวชิ าการ” 2. วัตถุประสงคโ์ ครงการ 1) เพื่อพัฒนาเยาวชนต้นแบบจิตอาสาด้านเกษตรอินทรีย์และการอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อมในระดับ มธั ยมและประถมศกึ ษา 2) เพื่อให้เกิดการขยายผลโรงเรียนต้นแบบ ด้านเกษตรอินทรีย์และการอนุรกั ษ์ส่ิงแวดลอ้ ม และ การบรู ณาการงานวิจยั 3. พ้นื ที่และกลมุ่ เป้าหมาย 1) พืน้ ท่จี ัดทาโครงการและวิจยั คือ โรงเรยี นบ้านขามเรียงเขียบโนนแสบงดอนมัน โรงเรยี นบา้ น มะกอก โรงเรียนบ้านดอนหน่อง โรงเรียนบ้านท่าขอนยาง โรงเรียนบ้านดอนเวียงจันทร์ และโรงเรียน สาธิตมหาวิทยาลยั มหาสารคาม (ฝา่ ยมธั ยม) อาเภอกนั ทรวชิ ยั จังหวดั มหาสารคม 2) ประชากรและกลุ่มตัวอยา่ ง ประชากรที่ใช้ในการสง่ เสริม คือ นักเรยี นชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 4-6 โรงเรียนบ้านขามเรียงเขียบ โนนแสบงดอนมัน โรงเรียนบ้านมะกอก โรงเรียนบ้านท่าขอนยาง โรงเรียนบ้านดอนเวียงจันทร์ และ โรงเรียนบ้านดอนหน่อง อาเภอกันทรวิชยั จังหวัดมหาสารคาม จานวน 600 คน กลุ่มตัวอย่างทใ่ี ช้ในการส่งเสริม คือ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6โรงเรยี นบ้านขามเรยี ง เขียบโนนแสบงดอนมัน โรงเรียนบ้านมะกอก โรงเรียนบ้านท่าขอนยาง โรงเรียนบ้านดอนเวียงจันทร์ และโรงเรยี นบ้านดอนหน่อง อาเภอกันทรวชิ ัย จังหวัดมหาสารคาม จานวน 100 คน ไดม้ าจากการเลือก แบบสมคั รใจเข้ารว่ มในการส่งเสริมสมคั รใจเขา้ ร่วมกจิ กรรม (Volunteer sampling) 4. การดาเนนิ งานและการบูรณาการกบั งานวจิ ยั 1) ดาเนินการรับสมัครนักเรียนจิตอาสาโรงเรียน สาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (ฝ่ายมัธยม) และนักเรียน ระดั บ ชั้ น ป ระถ ม ศึ ก ษ าใน เขต พื้ น ใก ล้เคี ย งที่ ติ ด กั บ มหาวิทยาลัยมหาสาคามเพ่อื เขา้ รว่ มกิจกรรม 2) จัดเตรียมพ้ืนที่ และจัดเตรียมแปลงปลูกพืช อินทรีย์ลอยน้าที่ทาจากวัสดุเก่าเหลือใช้แปลงผักจากล๊อค เกอร์เก่า ยางรถยนต์เก่า ขวดพลาสติกเก่า ทเี่ ป็นวัสดุเหลือใช้ สาหรับจัดทาเป็นวัสดุฐานรองปลูก และวัสดุปลูกที่เป็นเศษ อินทรียวัตถุ เศษใบไม้วัชพืช ดิน จัดเตรียมเมล็ดพันธุ์ เพาะ กลา้ พืชผกั และต้นพันธุ์พืชผกั ชนิดตา่ งๆ 3) สอบถามความตระหนัก และวัดประเมินความ เป็นจิตอาสาด้านเกษตรอินทรีย์และการปลูกพืชจากเศษวัสดุ
เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน 81 ในงานการประชุมวิชาการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวิจัย ครงั้ ที่ 15 : สาขาบริการวชิ าการ” เหลือใช้ กับ เยาวชน นักเรียนระดับช้ันประถมศึกษาในเขตพน้ื ใกล้เคียงทต่ี ิดกบั มหาวิทยาลัยมหาสาคาม โดยใชแ้ บบสอบถามความตระหนัก และแบบวดั จิตอาสา กอ่ นนาเยาวชนเขา้ ร่วมกจิ กรรม 4) จัดการอบรมให้ความรู้ และกิจกรรมปฏิบัติการการปลูกพืชผักพ้ืนบ้านโดยใช้วัสดุเหลือใช้ เป็นวัสดุปลูก แบบเกษตรอินทรีย์ และกิจกรรมสร้างความตระหนักต่อการรักษาสิ่งแวดล้อม ให้กับ เยาวชนระดับช้นั ประถมศกึ ษาในเขตพนื้ ใกล้เคียงท่ีตดิ กับมหาวทิ ยาลยั มหาสาคาม 5) ให้นักเรียนทากิจกรรม การปลูกผักเหลือในแปลงวัสดุใช้ และศึกษาชนิดของพืชผักพ้ืนบ้าน การปลูกผกั แบบอินทรีย์ปลอดสารพิษ และระบบนเิ วศในแปลงผกั 6) สอบถามความตระหนัก วัดประเมินความเป็นจิตอาสาด้านเกษตรอินทรีย์และการปลูกพืช จากเศษวัสดุเหลือใช้ กับ เยาวชนระดับช้ันประถมศึกษาในเขตพื้นใกล้เคียงที่ติดกับมหาวิทยาลัยมหาสา คาม โดยใช้แบบสอบถามความตระหนัก และแบบวัดจติ อาสา หลังเข้าร่วมกจิ กรรม 7) ผู้วิจัยดาเนินการเก็บรวบรวมข้อมูล ติดตามการขยายผล โดยใช้แบบประเมินการขยายผล เยาวชนระดับช้ันประถมศึกษาในเขตพ้ืนใกล้เคียงท่ตี ดิ กับมหาวทิ ยาลยั มหาสาคาม
82 เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน ในงานการประชุมวชิ าการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวจิ ยั ครัง้ ท่ี 15 : สาขาบริการวิชาการ” ระยะที่ 1 การศึกษาสภาพปัญหาด้านสงิ่ แวดล้อมในโรงเรียนประถมศกึ ษาใน พนื้ ทใี่ กล้กบั มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ระยะท่ี 2 1. คมู่ ือฝกึ อบรมด้านเกษตรอนิ ทรียแ์ ละการอนรุ กั ษส์ งิ่ แวดลอ้ ม ระยะที่ 3 2. แบบวัดความตระหนักเก่ียวกับการปลูกพืชผักพ้ืนบ้านโดยใช้ วสั ดุเหลอื ใชเ้ ป็นวัสดุปลูกเพือ่ อนุรกั ษ์ส่ิงแวดล้อม 3. แบบวัดจิตอาสาเกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์และการปลูกพืชผัก พืน้ บา้ นโดยใชว้ ัสดุเหลอื ใชเ้ ปน็ วสั ดุปลูก 4. แบบประเมินการขยายผลการดาเนินงานแปลงเกษตรอินทรีย์ และการอนรุ ักษส์ ิง่ แวดล้อมในโรงเรียน จัดกิจกรรมฝึกอบรมเยาวชน โดยการบรรยาย และกิจกรรมเชิง ปฏิบตั ิการ การบูรณาการกับงานวิจัย ภายใต้โครงการวิจัย การส่งเสริมจิต อาสาด้านเกษตรอินทรีย์และการปลูกพืชจากเศษวัสดุเหลือใช้ สาหรับนักเรียนระดับประถมศึกษาในพื้นท่ีใกล้กับมหาวิทยาลัย มหาสารคาม 1. ความตระหนักเก่ยี วกบั กับการการปลูกพชื ผกั นกั เรยี นระดบั ประถมศกึ ษาในพ้ืนทใ่ี กล้ พน้ื บา้ นโดยใช้วสั ดเุ หลอื ใชเ้ ป็นวสั ดปุ ลกู เพ่ือ กบั มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม อนรุ กั ษ์สิง่ แวดลอ้ ม มหาสารคาม 2. จติ อาสาดา้ นเกษตรอนิ ทรยี ์และการปลกู พชื ผกั พนื้ บ้านโดยใชว้ ัสดเุ หลอื ใชเ้ ปน็ วสั ดุปลกู 3. การขยายผลการปลูกพืชผักพื้นบ้านโดยใช้วัสดุ เหลือใช้เปน็ วสั ดปุ ลูกและการอนุรกั ษส์ ่ิงแวดล้อม
เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน 83 ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวจิ ยั ครง้ั ท่ี 15 : สาขาบริการวิชาการ” 5. ผลลัพธ์จากการดาเนินโครงการ จากการสอบถามเยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการโดยใชแ้ บบประเมินความพงึ พอใจโครงการจัดอบรม เชิงปฏิบัติการ “การพัฒนาเยาวชนจิตอาสาด้านเกษตรอินทรีย์และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม” พบว่า ผู้ตอบแบบประเมินส่วนใหญ่ให้ความเหมาะสมอยู่ใน ระดับมากที่สุด ทุกรายการ มี 24 รายการ ภาพรวมของการจัดงาน พบว่า ผู้ตอบแบบประเมินส่วนใหญ่ให้ความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุดและ ระดับมาก จานวน 94 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 74.60 ผลการวิเคราะหค์ วามตระหนัก ต่อการปลูกพืชผักพื้นบ้านโดยใช้วัสดุเหลือใชเ้ ป็นวัสดุปลกู เพื่อ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หลังการเข้าร่วมกิจกรรม มีคะแนนเฉลี่ยรายข้อส่วนใหญ่อยู่ในระดับมากท่ีสุด โดยความตระหนักทีม่ ีคะแนนเฉล่ียสงู ที่สุดคอื ความตระหนักด้านการตอบสนอง ในหวั ขอ้ การปลูกพืชผัก พ้ืนบ้านไว้บริโภคเองจากเศษวัสดุเหลือใช้เป็นการลดใช้สารเคมีและเป็นวิธีหน่ึงท่ีช่วยลดโลกร้อน รองลงมาคือ ความตระหนักข้ันการเห็นคุณค่า ในหัวข้อ การฝกึ อบรมการปลกู พืชผักพ้นื บ้านจากเศษวสั ดุ เหลอื ใช้ ทาใหน้ กั เรียนมีความรแู้ ละนาไปปฏบิ ตั ิ ขยายผลในโรงเรยี นและในบา้ นของตนเองได้ ผลการเปรียบเทียบค่าเฉล่ียความตระหนัก ต่อการปลูกพืชผักพื้นบ้านโดยใช้วัสดุเหลือใช้เป็น วัสดุปลูก เพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ก่อนและหลังการเข้าร่วมกิจกรรม โดยใช้ Paired t-test พบว่า เยาวชนท่ีอาสาเข้าร่วมกิจกรรม มีความตระหนักต่อการปลูกพืชผักพื้นบ้านโดยใช้วัสดุเหลือใช้เป็นวัสดุ ปลูกเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหลังการเข้าร่วมกิจกรรม สูงกว่าก่อนเข้าร่วมกิจกรรมอย่างมีนัยสาคัญ ทางสถติ ิที่ระดบั .05 ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบค่าเฉล่ียความเป็นจิตอาสาด้านเกษตรอินทรีย์และการปลูกพืชผัก พ้ืนบ้านโดยใช้วัสดุเหลือใช้เป็นวัสดุปลูกก่อนและหลังการเข้าร่วมกิจกรรม โดยใช้ Paired t-test พบว่า เยาวชนที่อาสาเข้าร่วมกิจกรรม มีจิตอาสาด้านการปลูกพืชผักพ้ืนบ้านโดยใช้วัสดุเหลือใช้เป็นวัสดุปลูก เพอื่ การอนุรกั ษ์สิง่ แวดล้อมหลงั การเขา้ ร่วมกิจกรรม สูงกวา่ กอ่ นเข้าร่วมกิจกรรมอยา่ งมนี ยั สาคัญทางสถติ ิ ท่รี ะดบั .05 ผลวิเคราะห์ การขยายผลในการสง่ เสรมิ การปลูกพืชผกั พืน้ บ้านโดยใช้วสั ดเุ หลือใชเ้ ป็นวัสดุปลูก พบว่า หลังจากเยาวชน นักเรียนเข้าร่วมโครงการส่งเสริมเยาวชนจิตอาสาด้านเกษตรอินทรีย์เพ่ือการ อนุรักษส์ ่ิงแวดล้อม และการปลูกพืชจากวัสดุเหลือใชส้ าหรับนักเรียนระดับประถมศึกษา ในพื้นที่ใกล้กับ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และทางผู้จัดกิจกรรมได้สอบถามการขยายผลหลังจากการเข้าร่วมกิจกรรม ผ่านไปแลว้ เป็นระยะเวลา 1 เดือน ในการสง่ เสริมการปลูกพืชผักพื้นบา้ นโดยใชว้ สั ดุเหลอื ใช้เป็นวสั ดุปลูก จากการนาเอาความรู้หลังจากไปขยายผลต่อให้พ่อแม่ เพื่อนในโรงเรียน พบว่า การนาความรู้ไปขยายมี คา่ เฉลย่ี โดยรวมอย่ใู นระดับมาก
84 เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน ในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวจิ ัย ครงั้ ท่ี 15 : สาขาบรกิ ารวชิ าการ” 6. บทสรุป จากผลลัพธ์ของการดาเนินโครงการ แสดงให้เห็นว่า การดาเนินโครงการ สามารถพัฒนา เยาวชน ให้มีความรู้ ความตระหนักต่อ การทาเกษตรอินทรีย์และการอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม ให้มากขึ้นได้ นอกจากนี้ยังสามารถพัฒนาความเป็นจิตอาสาแก่เยาวชน สามารถนาความรู้และประสบการณ์ไปขยาย ผลต่อให้กับ เพือ่ นในโรงเรยี น ครอบครัวและชุมชนได้ ผลวิเคราะห์ การขยายผล พบวา่ หลังจากเยาวชน เข้าร่วมโครงการส่งเสริมเยาวชนจิตอาสาด้านเกษตรอินทรยี ์เพ่ือการอนุรกั ษส์ ิ่งแวดลอ้ ม และการปลูกพืช จากวสั ดเุ หลือใชส้ าหรับนกั เรยี นระดับประถมศึกษา ในพน้ื ทใ่ี กล้กบั มหาวิทยาลยั มหาสารคาม พบว่า การ นาความรู้ไปขยายผลส่วนใหญ่ และค่าเฉล่ียโดยรวมอยู่ในระดับมาก และ มีการขยายผลในประเด็น คาถามข้อ 9 นักเรียน ช่วยแนะนาเพ่ือนในการ นาขวดพลาสติก และเศษวัสดุเหลือใช้อ่ืนๆ มาจัดทา กระถางปลูกพืชผักในโรงเรียน และ ในประเด็นคาถามข้อ 10 นักเรียนสามารถรวมกลุ่มเพ่ือเป็นแกนนา ในการลดขยะในโรงเรียนและนาเศษวัสดุเหลือใช้ นากลับมาใช้ประโยชน์ ในบ้าน หรือ โรงเรียน อยู่ใน ระดับมากที่สุด การขยายผลความรู้ ความตระหนัก และการปฏิบัติ หลังจากการเข้าร่วมกิจกรรม คือ กระบวนการหน่ึงของกระบวนการทางส่ิงแวดล้อมศึกษาที่ มุ่งให้เกิดการถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ จากการเรียนรู้ไปสู่บุคคลอ่ืน เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ดังน้ัน หลังจากเยาวชน เข้าร่วม โครงการส่งเสรมิ เยาวชนจติ อาสาด้านเกษตรอนิ ทรีย์เพอ่ื การอนรุ ักษ์สิ่งแวดลอ้ ม และการปลูกพืชจากวสั ดุ เหลือใช้แล้ว ก็ได้นาไปขยายผลต่อครอบครัว เพ่ือนในโรงเรียน เพื่อให้เกิดกิจกรรมการนาเอาขยะ หรือ เศษวัสดุเหลือใช้นากลับมาใช้ประโยชน์ในการเพาะปลูกพืชหรือ ใช้ประโยชน์อ่ืนๆ เป็นการขยายความ ตระหนักต่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการช่วยเหลือสังคมของตนเองในการลดปริมาณขยะ ปลูก จิตสานึกและจิตอาสาท่ีดีให้กับเยาวชน เพื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีจิตสานึกความรับผิดชอบต่อสังคมและ ส่งิ แวดลอ้ ม 7. บรรณานกุ รม วุฒิศักด์ิ บุญแน่น,องอาจ ญาตินิยม. (2561). การพัฒนาศูนย์การเรียนรู้เครือข่ายเกษตรอินทรีย์สาหรับ เยาวชนในเขตอาเภอกนั ทรวชิ ยั จังหวัดมหาสารคาม. รายงานการวิจัย. โครงการบริการวิชาการ หนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (ฝ่ายมัธยม). มหาวิทยาลัย มหาสารคาม. มหาสารคาม.
การแปรรูปผลิตภณั ฑจ์ ากธรรมชาติและภูมปิ ัญญาท้องถ่ินในตาบลเหล่าดอกไม้ เพ่ือส่งเสริมช่องทาการตลาดในการพัฒนาปา่ โคกข่าวและการสร้างมลู ค่าเพ่ิมให้ชมุ ชน เพื่อเปน็ แหล่งเรียนรู้เชิงนเิ วศ ของจังหวัดมหาสารคาม พลาญ จนั ทรจตรุ ภัทร และคณะ คณะการบัญชแี ละการจดั การ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม 1. ความเปน็ มาของปญั หา ป่าโคกข่าวได้ประกาศให้เป็นป่าสงวนแห่งชาติเม่ือปี พ.ศ.2506 มีเขตพ้ืนท่ีตั้งอยู่ในอาเภอ ชื่นชม จังหวัดมหาสารคาม มีพ้ืนที่รวมท้ังหมด 5,387 ไร่ ลักษณะของป่าโคกข่าวเป็นป่าเบญจพรรณที่ อุดมสมบูรณ์ มีพ้ืนท่ีครอบคลุม 3 ตาบล 9 หมู่บ้าน ประกอบไปด้วย บ้านนาคาน้อย บ้านสมกบ บ้าน ผักแว่น หมู่ที่ 3 และหมู่ที่ 4 ตาบลเหล่าดอกไม้ บ้านโคกอินทนิน บ้านหลุบแซง ตาบลหนองกุง บ้านน้า จัน่ บา้ นโคกกลาง บ้านหนองหว้า ตาบลชื่นชม อาเภอช่ืนชม จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งแต่เดิมเปน็ แหล่งไม้ เพอื่ การใช้สอยของราษฎร จึงมีการตัดไม้ แผ้วถางปา่ โดยรอบเพ่ือนาพื้นท่ีมาทาการเกษตร พบว่าพื้นทีป่ ่า แหง่ นมี้ คี วามสาคญั ในฐานะเปน็ แหล่งอาหารท่ีอดุ มสมบรู ณ์ท้ังเห็ด พืชผกั และสมุนไพรต่างๆ ใหแ้ ก่ชุมชน ท่ีตั้งอยู่โดยรอบป่าโคกข่าว นอกจากนั้นยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าเฉพาะถ่ินท่ีมีขนาดเล็ก เช่น สนุข จ้งิ จอก กระต่าย นก และหนูชนิดต่างๆ ในอดีตท่ีผ่านมาพบวา่ ได้มีการใช้ประโยชน์จากป่าโคกข่าวอย่าง ขาดการรู้คุณค่าและขาดมาตรการในควบคุมการใชป้ ระโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติทั้งพันธไุ์ มแ้ ละสัตว์ ป่า จงึ สง่ ผลให้ปา่ โคกขา่ วประสบปัญหาการมีสภาพปา่ ทเี่ สื่อมโทรมลง ด้วยความสาคญั ของปา่ โคกข่าวท่มี ี ต่อประชาชนที่อาศัยและต้ังชุมชนอยู่โดยรอบ จึงทาให้หน่วยงานรัฐที่มีอานาจหน้าท่ีในการควบคุมดูแล และพฒั นาพน้ื ท่ีปา่ โคกข่าว ได้แก่ องค์การบริหารสว่ นตาบลเหล่าดอกไม้ เทศบาลตาบลหนองกงุ องคก์ าร บรหิ ารส่วนตาบลช่นื ชม และองคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวดั มหาสารคาม ได้จัดงบประมาณประจาปีเพื่อฟืน้ ฟู สภาพป่าด้วยการจัดโครงการฝึกอบรมทักษะให้กับราษฎรอาสาพิทักษ์ป่า(รสทป.) โครงการปลูกต้นไม้ เฉพาะถ่ินเพ่ือทดแทนป่าท่ีเสื่อมโทรมและคืนสภาพป่าให้มีความสมบูรณ์โดยเร็วจากผลการดาเนิน โครงการการบริการวิชาการมุ่งเป้า ประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2560-2561 ดังกล่าว ทาให้ทราบว่า ชาวบ้านท่ีอาศัยอย่ใู นหมู่บา้ นซ่ึงมีอาณาเขตติดกับปา่ โคกข่าว จานวน 4 หมู่บ้าน มคี วามต้องการต่อยอด โครงการบรกิ ารวชิ าการด้วยการพฒั นาศักยภาพของกลุ่มราษฎรอาสาสมัครพทิ กั ษป์ ่าโคกขา่ ว(รสทป.) ซึ่ง เป็นกลุ่มท่ีมีบทบาทและความสาคัญต่อการอนุรักษ์ พิทักษ์และฟ้ืนฟูทรัพยากรธรรมชาติในป่าโคกข่าว ท้ังนี้เพ่ือให้บุคลากรกลุ่มดังกล่าวมีองค์ความรู้จากฐานวิชาการท่ีได้รับการถ่ายทอดและทางานร่วมกับ นักวิชาการดังนั้นการบูรณาการองค์ความรู้ข้ามศาสตร์ของ 4 หน่วยงานดังกล่าว จะเป็นการสนับสนุน และส่งเสริมการพัฒนาป่าโคกข่าวให้เป็นแหล่งเรียนรู้แบบมีชีวิตและการท่องเท่ียวเชิงนิเวศจากการใช้ ฐานเศรษฐกจิ ชุมชนใหเ้ กิดขน้ึ จริงภายในอนาคต
86 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน ในงานการประชมุ วิชาการมหาวทิ ยาลัยมหาสารคามวจิ ัย คร้งั ที่ 15 : สาขาบรกิ ารวชิ าการ” ในปีงบประมาณ พ.ศ.2561 ท่ีผ่านมาได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากพืชและผักธรรมชาติในป่า โคกข่าวให้เป็นสินค้า ของฝาก ของที่ระลึก รวมถึงการหาแนวทางในการสร้างช่องทางการจัดจาหน่าย สินค้า ของฝาก ของท่ีระลึกเพ่ือนาเสนอและเสนอขายต่อนกั ท่องเท่ยี วเชงิ นิเวศเพื่อส่งเสริมการท่องเท่ียว เชิงนิเวศ รวมถึงได้มีการหาสินค้าท้องถิ่นที่เหมาะสมกับท้องท่ี และมีการนานักวิชาการและนักออกแบบ มาออกแบบสินค้าประจาชุมชน โดยได้มีการศึกษาจากฐานข้อมูลท่ีเป็นเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่นท้ังด้าน ธรรมชาติและวัฒนธรรม และมีการแบ่งประเภทสินค้า ของฝาก ของที่ระลึกท่ีนาเสนอและเสนอขายต่อ นักท่องเท่ียวเชิงนิเวศ อย่างชัดเจน เพ่ือส่งเสริมการพัฒนาป่าโคกข่าวให้เป็นแหล่งเรียนรู้แบบมีชีวิตและ การทอ่ งเทีย่ ว อีกทั้งมีสินค้าในการจัดจาหนา่ ยที่เป็นอัตลักษณ์ของชุมชน ในแหล่งท่องเท่ียวเชงิ นเิ วศจาก การใช้ฐานเศรษฐกิจชุมชนใหเ้ กดิ ขน้ึ จริงภายในอนาคตได้ ดังน้ันผู้วิจัยและทีมงานจึงมีแนวคิดในการดาเนินการโครงการบูรณาการหลักสูตรเพื่อชุมชน ปีงบประมาณ พ.ศ.2562 โดยการผสมผสานหลักสูตร 8 หลักสูตรของคณะการบัญชีและการจัดการ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เพื่อพัฒนาไปสู่โครงการการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ และภูมิปัญญา ท้องถ่ินในตาบลเหล่าดอกไม้ เพ่ือส่งเสริมช่องทางการตลาดในการพัฒนาป่าโคกข่าวและการสร้าง มูลค่าเพ่ิมให้ชุมชน เพ่ือเป็นแหล่งเรียนรู้เชิงนิเวศ ของจังหวัดมหาสารคาม เพื่อผลักดันให้ชุมชนเหล่า ดอกไม้ มีการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ และภูมิปัญญาท้องถ่ินที่มีสินค้าในการจัดจาหน่ายที่เป็น อัตลกั ษณข์ องชุมชน ในแหล่งทอ่ งเทีย่ วเชงิ นเิ วศทเ่ี กิดขึน้ จริงภายในอนาคตได้อนาคตตอ่ ไป 2. วตั ถปุ ระสงคโ์ ครงการ 1) เพือ่ พฒั นาผลิตภณั ฑ์จากพชื และผกั ธรรมชาตใิ นป่าโคกขา่ วให้เป็นสนิ คา้ แปรรปู และ ของฝาก ของทรี่ ะลึกเพ่ือส่งเสรมิ การทอ่ งเท่ียวเชงิ นิเวศ 2) เพ่อื บูรณาการบริหารจดั การและสร้างมูลค่าเพม่ิ ของผลิตภัณฑ์จากพชื และผักธรรมชาตใิ นป่า โคกขา่ ว ให้เป็นอัตลักษณ์ท้องถ่นิ 3) เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์จากพืชและผักธรรมชาติเข้าสู่วิสาหกิจชุมชนที่ทันสมัยขึ้น (Smart SMEs)รวมทั้งเพือ่ พฒั นาชุมชนสร้างเครือขา่ ยและสรา้ งยุวชนของชุมชนปา่ โคกขา่ วให้มากข้ึน 3. กระบวนการดาเนินงาน การดาเนนิ งานโครงการการแปรรูปผลติ ภณั ฑ์จากธรรมชาติและภูมปิ ัญญาท้องถิ่นในตาบลเหล่า ดอกไม้ เพ่ือส่งเสริมช่องทาการตลาดในการพัฒนาป่าโคกข่าวและการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ชุมชน เพ่ือเป็น แหล่งเรียนรูเ้ ชิงนิเวศ ของจังหวัดมหาสารคามมีข้ันตอนในการดาเนินงานดงั นี้ 3.1 ประชุมชี้แจงโครงการฯ ต่อชุมชนตาบลเหล่าดอกไม้และเครอื ข่าย จัดทาแผนงาน/กิจกรรม ร่วมกันเพื่อให้การดาเนินงานโครงการบริการวิชาการมุ่งเป้า ประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2562 ได้เป็นท่ี รับทราบของชาวบ้านในชุมชนและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับป่าโคกข่าว ดังนั้นคณะทางานกาหนดการ
เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน 87 ในงานการประชมุ วิชาการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวิจัย ครง้ั ที่ 15 : สาขาบริการวิชาการ” ดาเนินงานดังต่อไปนี้ คือ โดยจัดประชุมเพ่ือช้ีแจงโครงการบริการวิชาการมุ่งเป้า ประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2562 ให้แก่ชุมชนตาบลเหล่าดอกไม้ จานวน 4 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านนาคาน้อย หมู่ที่ 1 บ้านส้มกบ หมู่ท่ี 2 บ้านผักแว่น หมู่ท่ี 3 และบ้านผักแว่น หมู่ท่ี 4 และเครือข่ายราษฎร์อาสาพิทักษ์ป่าโคกข่าว (รสทป) โดยการหารือกบั ผนู้ าชมุ ชนถงึ การสรา้ งเครือขา่ ย และจดั การประชมุ คณะทางานเพอ่ื เตรยี มความ พรอ้ มสาหรับการศกึ ษาและใหบ้ ริการวิชาการแก่ชมุ ชน 3.2 จัดต้ังคณะกรรมการบริหารของกลุ่มผู้ผลิต เพื่อให้มีการประชุมจัดทาแผนการบริหารงานกลุ่ม ก่อน การดาเนินกจิ กรรมต่างๆ ของกลุม่ พัฒนาผลิตภณั ฑจ์ ากพืช และผักธรรมชาติในป่าโคกข่าวให้เป็นสินค้า ของฝาก ของ ที่ระลึกเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ รวมถึง การศึกษาและคัดเลือกพืชและผักธรรมชาติในป่าโคกข่าว เพือ่ นามาผลติ เปน็ สนิ ค้า ของฝาก ของท่รี ะลึกท่ีแสดงถึงอัต ลักษณ์ของป่าโคกข่าวและชุมชนตาบลเหล่าดอกไม้ รวมท้ัง หาแนวทางแปรรปู ผลติ ภัณฑ์ในชุมชน 3.3 นาทรัพยากรธรรมชาติในป่าโคกข่าวและ ทรัพยากรวัฒนธรรมในชมุ ชนตาบลเหล่าดอกไม้ 4 หมู่บ้าน มาออกแบบเป็นสินค้าของฝาก ของที่ระลึกเพื่อนาเสนอ และเสนอขายตอ่ นักทอ่ งเทย่ี วเชิงนิเวศ 3.4 จัดหาวิทยากรท่ีเชี่ยวชาญในการแปรรูป ผลิตภัณฑ์ที่มีในชุมชน ได้แก่ ถั่ว ข้าวโพด ฯลที่จะนาไปสู่ สินค้าประจาท้องถ่ินฯ ท่ีเป็นเอกลักษณ์ทางธรรมชาติจาก ชมุ ชน รวมถึงการแบ่งประเภทสินค้า ของฝาก ของที่ระลึก ท่นี าเสนอและเสนอขายตอ่ นกั ท่องเท่ียวเชิงนเิ วศแก่สมาชิก ผูเ้ ข้าร่วมโครงการ 3.5 จัดอบรมให้ความรู้การแปรรูป ผลิตภัณฑ์ท่ีมี ในชุมชน การสร้างและจัดการตราสินค้าโดยวิทยากรที่มี ความเชี่ยวชาญการแปรปู และเชยี วชาญดา้ นอาหาร 3.6 การแสวงหาช่องทางการตลาดใหม่ๆ ท่ี หลากหลายขึ้น โดยนาส่ือออนไลน์มาเป็นเคร่ืองมือในการ พฒั นาชอ่ งทางการตลาด
88 เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน ในงานการประชุมวิชาการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวจิ ัย ครง้ั ท่ี 15 : สาขาบริการวิชาการ” 3.7 จดั ทาคมู่ ือการออกแบบสินคา้ จากฐานขอ้ มลู ด้านผลติ ภณั ฑ์ธรรมชาติและผลิตภัณฑ์แปรรูป ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะท้องถ่ิน/คู่มือประเภทสินค้า ของฝาก ของท่ีระลึกที่นาเสนอขายต่อนักท่องเท่ียว เชงิ นเิ วศ 3.8 ขน้ั ติดตามและสรุปผล สรุปรายงานโดยการจดั ทารายงาน และวีดีทัศน์ 4. การบรู ณาการกับภารกจิ หลกั อืน่ ๆ การจัดโครงการการสร้างเครือข่ายและพัฒนายุวชนผลิตภัณฑ์หวาย ผลิตภัณฑ์ผักตบชวา ผลิตภัณฑ์กก และผลิตภัณฑ์จักสานในจังหวัดมหาสารคาม ได้ตอบสนองภารกิจหลักของมหาวิทยาลัย ดงั น้ี 4.1 ทางคณะฯ ได้นานักศกึ ษาแตล่ ะสาขาวิชาบางสว่ นได้เขท้ ากิจกรรมการสรา้ งงานหัตถกรรม กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนในพ้ืนที่เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการสืบทอดงานหัตถกรรม นิสิตท่ีเรียนรายวิชา การจัดการเชิงกลยุทธ์ ได้มาจัดกิจกรรมพัฒนาผู้ประกอบการกลุ่มผู้ผลิตเคร่ืองจักสานหวายลาดพัฒนา เพื่อเข้าสู่การเป็นผู้ประกอบการใหม่ (Startups) ด้วยแนวทางการสร้างภูมิปัญญาท้องถิ่นลายผ้าอีสานสู่ เพ่ือเป็นเวทีให้นิสิตได้เรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมในท้องถ่ินท่ีมีคุณค่าอันทาให้เกิดการซึมซับในวิถีชีวิตท่ีเป็น รากฐานทางเศรษฐกจิ ระดับฐานราก 4.2 โครงการการสร้างเครือข่ายและพัฒนายุวชนผลิตภัณฑ์หวาย ผลิตภัณฑ์ผักตบชวา ผลิตภัณฑ์กก และผลิตภัณฑ์จักสานในจังหวัดมหาสารคาม ได้บูรณาการในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิง
เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน 89 ในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลยั มหาสารคามวจิ ยั ครัง้ ท่ี 15 : สาขาบรกิ ารวชิ าการ” วัฒนธรรมและเพ่ิมมูลค่าทางเศรษฐกิจเครื่องเรือนหวายเพื่อให้มีช่ือ “โครงการวิจัยการศึกษาศักยภาพ การบริหารจัดการวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตภัณฑ์เชิงวัฒนธรรมในจังหวัดมหาสารคามสู่ ตลาด ต่างประเทศ” ของสานักงานคณะกรรมการวิจัยแหง่ ชาติประจาปงี บประมาณ พ.ศ.2562 5. ผลลพั ธจ์ ากการดาเนนิ โครงการ จากการดาเนิน โครงการการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและภูมิปัญญาท้องถิ่นในตาบล เหล่าดอกไม้ เพื่อสง่ เสริมช่องทาการตลาดในการพัฒนาป่าโคกข่าวและการสร้างมูลค่าเพิ่มใหช้ ุมชน เพื่อ เปน็ แหล่งเรียนร้เู ชิงนิเวศ ของจังหวัดมหาสารคาม จะเป็นแนวทางการสรรหาผลิตภัณฑใ์ นชุมชน เพือ่ จะ นาไปสู่วิสาหกิจชุมชนท่ีทันสมัย (Smart SMEs) พัฒนาหาแนวทางผลิตภัณฑ์ชุมชนป่าโคกข่าว และ ผลติ ภัณฑ์แปรรปู เพ่ือหาแนวทางในการสรา้ งมลู ค่าเพิ่มและรายไดเ้ พิ่มให้กบั ชุมชน ในจังหวัดมหาสารคาม ทาให้เกิดทักษะแรงงานที่มีคุณภาพ มีรายได้สูงข้ึน ซ่ึงจะทาให้คนในชุมชนสนใจหันมาทาเป็นอาชีพมาก ขน้ึ ชว่ ยใหค้ นในชมุ ชนมงี านทามากข้ึน และเป็นการแกป้ ัญหาการเดนิ ทางไปทางานต่างท้องถนิ่ ก่อให้เกดิ ความภาคภูมิใจในผลิตภัณฑ์ท่ีมาจากท้องถ่ินอีกทางหน่ึง ทาให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง และเกิดกลุ่ม เครือขา่ ยเพิ่มข้นึ ท้ังในจังหวัด และนอกจงั หวัดมหาสารคาม 6. บทสรุป ชุมชนนาข้อมูลทรัพยากรธรรมชาติและวฒั นธรรมมาสร้างเป็นสินค้าประเภทของท่ีระลึก ของ ฝากนาเสนอขายให้กับกลุ่มนักท่องเท่ียวเชิงนิเวศ ชุมชนได้แหล่งเรียนรู้แบบมีชีวิตของชุมชนตาบลเหล่า ดอกไม้จากฐานทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละวฒั นธรรม และไดห้ ลักสูตรการอบรมผลติ ภัณฑแ์ ปรรูปเพื่อพฒั นา ทักษะด้านการท่องเที่ยวให้กับกลุ่มเครือข่ายราษฎรอาสาพิทักษ์ป่าโคกข่าว (รสทป.) อีกทั้งให้ชุมชนได้ เรียนรถู้ งึ คุณคา่ ของทรัพยากรที่มใี นปา่ โคกขา่ ว สามารถใชเ้ ปน็ ฐานสรา้ งความมน่ั คงทางอาหารและระบบ การป้องกันป่าโคกข่าว รวมถึงกระบวนการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในป่าโคกข่าวและทรัพยากร วัฒนธรรมของ 4 หมู่บ้านได้ ทาให้การพัฒนาไปสู่นวัตกรรมใหม่ๆ ที่เพ่ิมมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์ กลุ่มขาด ความรู้ด้านการจัดการช่องทางการตลาดใหม่ๆ ท้ังยังพบว่าตลาดผลิตภัณฑ์เคร่ืองจักสานมี ซ่ึงเป็นฝีมือ แรงงานของคนในชุมชนอย่างแท้จริง ทาให้คนในชุมชนไม่ได้รับความรู้ในการสร้างพัฒนาภูมิปัญญา ท้องถิน่ ท่ีจะคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจในการสืบทอดภมู ิปัญญางานหัตกรรมการทาเครื่องจักสานต่างๆมาก ขึ้น ท้งั น้ีมาจากความเปลี่ยนแปลงของค่านิยม และความทันสมัยมากกวา่ ขน้ึ ทค่ี งไว้ซงึ่ ภายใต้ “โครงการ หนงึ่ หลักสูตหนง่ึ ชมุ ชน”ตอ่ ไปอย่างย่งั ยนื
การสร้างเครอื ขา่ ยและพัฒนายุวชนผลติ ภณั ฑ์หวาย ผลิตภณั ฑผ์ กั ตบชวาผลติ ภัณฑ์กก และ ผลิตภัณฑจ์ กั สาน ในจงั หวดั มหาสารคาม สุมติ รา จิระวฒุ ินนั ท์ และคณะ คณะการบัญชแี ละการจัดการ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม 1. ความเปน็ มาของปญั หา รัฐบาลได้กาหนดนโยบาย “Thailand 4.0 การขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความมั่งค่ัง มั่นคง และย่ังยืน” ซึ่งเป็นโมเดลเศรษฐกิจที่จะนาพาประเทศไทยให้เปลี่ยนผ่านไปสปู่ ระเทศ ที่มีความมน่ั คง มั่ง ค่ัง และยั่งยืนตามแนวทางแผนยทุ ธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้วยการสร้างความเขม้ แข็งจากภายในควบคู่ไปกับ การเชือ่ มโยงกับประชาคมโลก ตามแนวคดิ ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยขบั เคล่ือนผา่ นกลไกประชารัฐ ซึ่งแผนพัฒนา Thailand 4.0 จากนโยบายดังกล่าวข้างต้นคณะการบัญชีและการจัดการเล็งเห็น ความสาคัญของการพัฒนาวิสาหกิจชุมชนเชิงสร้างสรรค์สู่ไทยแลนด์ 4.0 โดยการปรับเปล่ียนวิสาหกิจ ชมุ ชนแบบด้ังเดิมของกลุ่ม OTOP ทม่ี ีศักยภาพ ให้เป็น วิสาหกิจชุมชนท่ีทันสมัย (Smart SMEs) ซึง่ การ ปรับเปลี่ยนวิสาหกิจแบบด้ังเดิมจะช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีมูลค่าสูง (High Value Product) การพัฒนา ชอ่ งทางการตลาดท่ีหลากหลายรปู แบบสามารถเข้าถึงผู้บริโภคง่ายและรวดเร็วข้ึน อีกท้ังจะเป็นแนวทาง ในการสง่ เสริมใหม้ ีผ้ปู ระกอบการหน้าใหมเ่ กิดข้ึน (Startups) สาหรบั วิสาหกจิ ชมุ ชนทมี่ ีศกั ยภาพในการท่ี จะเข้าสู่วิสาหกิจชุมชนที่ทันสมัย (Smart SMEs) ซึ่งวิสาหกิจชุมชนเครื่อง จักสานหวาย หมู่บ้านวังไผ่ ตาบลลาดพัฒนา อ.เมือง จ.มหาสารคาม เป็นวิสาหกิจชุมชน OTOP ที่สามารถพัฒนาไปสชู่ มุ ชนต้นแบบ ทางเศรษฐกจิ สร้างสรรค์ไทยแลนด์ 4.0 ได้อย่างย่ังยืนเป็นอย่างดี มีความโดดเด่นของตวั ผลติ ภณั ฑ์ท่ผี ลิต มาจากวัสดุธรรมชาติ และมีความคงทนสูงกว่าเฟอร์นิเจอร์ท่ัวไป ทักษะของช่างมีคุณภาพสูง จึงทาให้ สามารถสร้างสรรคผ์ ลติ ภัณฑท์ ม่ี คี วามหลากหลาย ตรงตามความต้องการของผซู้ ื้อ สามารถผลติ ตามคาสั่ง ซ้ือได้ มชี อ่ งทางการจาหน่ายสินค้าโดยการขายปลกี ด้วยตวั กลุม่ เอง และการขายให้ผู้จาหนา่ ยเฟอร์นเิ จอร์ อ่ืนๆ ตัวผลิตภัณฑ์ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคที่สนใจการใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติอย่างต่อเน่ือง ซึ่ง ช่วงปี พ.ศ.2550-2554 ซึ่งความต้องการของตกแต่งบ้านเคร่ืองเรือนหวายเพิ่มสูงข้ึนรูปแบบผลิตภัณฑ์ เหมาะกบั การใชง้ านเอนกประสงคไ์ ด้ทัง้ ภายในบา้ นและนอกบา้ น เชน่ ชดุ รับแขก, โตะ๊ รับประทานอาหาร , เตียงนอน ,โคมไฟ เก้าอ้หี บี สมบตั ิ เปลนอน กระเป๋า ช้ันวางของ ผ้าม่าน เป็นต้น จากการทีท่ ีมงานคณะ บัญชีและการจัดการ ไดจ้ ัด“โครงการพฒั นาชุมชนต้นแบบเคร่อื งจกั สานหวายหมบู่ ้านวงั ไผ่สูเ่ ศรษฐกิจเชิง สร้างสรรคไ์ ทยแลนด์ 4.0” ในปงี บประมาณ พ.ศ.2561 ทผ่ี ่านมา ทาให้พบกับปญั หาต่างๆมากมาย ไดแ้ ก่ การขาดการสืบทอดภูมิปัญญาการจักสานหวายอย่างเป็นระบบ การไม่มีความชัดเจนในการพัฒนา สมาชกิ กลมุ่ อย่างต่อเนอ่ื ง ทาให้ในปัจจุบันปัจจัยด้านแรงงานมีอย่างจากัด ส่งผลต่อความสามารถในการ ผลิตของกิจการไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด การขาดแคลนแรงงานรนุ่ ใหม่ที่ไม่มีความสนใจใน
เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน 91 ในงานการประชมุ วิชาการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวจิ ัย คร้งั ที่ 15 : สาขาบรกิ ารวิชาการ” การประกอบอาชีพในพื้นท่ี การผลติ แบบด้ังเดิม ทาใหค้ ุณภาพไม่สม่าเสมอ ไม่มีการพัฒนาไปสู่นวตั กรรม ใหม่ๆ ท่ีเพิม่ มลู คา่ ใหผ้ ลิตภัณฑ์ กลมุ่ ขาดความรดู้ า้ นการจดั การชอ่ งทางการตลาดใหม่ๆ ท้ังยงั พบวา่ ตลาด ผลิตภัณฑ์เครื่องจักสานมีการแข่งขันที่รุนแรงเพราะมีสินค้าทดแทนเฟอร์นิเจอร์เข้าสู่ตลาดมากขึ้น และ พบว่าผปู้ ระกอบการมักใช้ กลยุทธ์การตัดราคากันเองเพ่ือแย่งลูกค้ากัน จากปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น ทีม นักวิชาการและคณาจารย์ได้มีแนวทางเขา้ มาช่วยแกป้ ัญหาที่เกิดขน้ึ ที่ละข้ันตอน ซึ่งได้พบว่าพ้ืนฐานของ กลุ่มเคร่ืองจักสานหวายหมู่บ้านวังไผ่ เป็นชุมชนต้นแบบเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ไทยแลนด์ 4.0 ได้หาก ได้รับการพัฒนาอย่างเหมาะสม คณะผู้วิจัยและทีมงานจึงดาเนินการศึกษาเพ่ือหาแนวทางพัฒนาชุมชน ตน้ แบบเคร่ืองหวายหมบู่ ้านวังไผส่ ู่เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ไทยแลนด์ 4.0 โดยมีเป้าหมายตอ่ ยอดจากการ เพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ชุมชนซ่ึงจะทาให้ผลิตภัณฑ์มีราคาสูงข้ึนภายใต้แนวคิดการบริหารจัดการ ผลิตภัณฑ์เชิงวัฒนธรรมของวิสาหกิจ ซึ่งจะทาให้คนในชุมชนสนใจหันมาทาเป็นอาชีพจักสานหวายมาก ขึ้นในชุมชนดังกล่าว และสามารถแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ช่วยให้คนในชุมชนมีงานทามากขึ้น และเป็นการแก้ปัญหาการเดินทางไปทางานต่างท้องถิ่น ก่อให้เกิดความภาคภูมิใจในผลิตภัณฑ์ที่มาจาก ทอ้ งถนิ่ อกี ทางหนงึ่ ซึง่ ในท่ีสุดแลว้ จะทาให้ชมุ ชนมีอาชีพและรายไดเ้ พิ่มขึน้ อย่างยัง่ ยืน เยาวชน หมายถึง บคุ คลท่ีมอี ายุไม่ต่ากว่า 14 ปีบริบรู ณ์ แตย่ ังไม่ถงึ 18 ปบี รบิ ูรณ์ และไม่ใช่ผู้ บรรลุนิติภาวะแล้วจากการจดทะเบียนสมรส ความหมายในระดับสากล โดยสหประชาชาติ ระบุว่า เยาวชน หมายถงึ คนในวัยหนุ่มสาว คือ ผู้มีอายรุ ะหว่าง 14-25 ปี หรือเป็นช่วงวัยหนุ่มสาว. เป็นช่วงหัว เลีย้ วหัวตอ่ ระหวา่ งการเปน็ เดก็ และผู้ใหญ.่ เป็นช่วงท่ีกังวลเก่ียวกบั รูปลกั ษณแ์ ละสิ่งรอบตวั มากเป็นพิเศษ จากความหมายดังกล่าว ซ่ึงเป็นกลุ่มคนที่เป็นปัญหาในการขาดแคลนแรงงาน ซ่ึงเป็นคนในชุมชนมีการ เดนิ ทางไปทางานต่างท้องถน่ิ จงึ เป็นปญั หาผวู้ ิจัยและทมี งานจงึ มีแนวคดิ ในการดาเนนิ การโครงการบูรณา การหนึ่งหลักสูตรหน่ึงชุมชน โดยการผสมผสานหลักสูตร 8 หลักสูตรเพ่ือพัฒนาไปสู่โครงการพัฒนา เครือข่ายและสร้างยุวชนของผลิตภัณฑ์หวาย ผลิตภัณฑ์ผักตบชวา และผลิตภัณฑ์กกเพื่อหาแนวทางใน การสร้างเครือขา่ ยผลิตภัณฑ์จกั สาน ในจงั หวัดมหาสารคาม เพื่อผลกั ดนั ใหช้ ุมชนเครอื่ งจักสานหวายบา้ น วังไผ่ ตาบลลาดพัฒนา เข้าสู่การพัฒนาสู่เป็นชุมชนต้นแบบในการพัฒนาเครือข่ายและสร้างยุวชนของ ผลติ ภณั ฑห์ วาย และผลติ ภัณฑก์ กเพื่อหาแนวทางสร้างเครือข่ายผลิตภัณฑ์จักสาน ในจงั หวดั มหาสารคาม อนั จะสรา้ งความยงั่ ยืนเพือ่ ความเปน็ อยูท่ ี่ดใี นอนาคตตอ่ ไป 2. วัตถุประสงค์โครงการ 1) เพ่ือบูรณาการบริหารจัดการและสร้างมูลค่าเพ่ิมเคร่ืองจักสานหวายบ้านวังไผ่ อาเภอเมือง จังหวดั มหาสารคาม ในการพัฒนาสเู่ ป็นชมุ ชนต้นแบบในการผลติ ภณั ฑ์จักสาน ในจงั หวดั มหาสารคาม 2) เพ่ือยกระดบั เคร่อื งจักสานผลิตภัณฑ์หวาย ผลิตภัณฑ์ผักตบชวา และผลิตภัณฑ์กกบ้านวังไผ่ เข้าสู่วสิ าหกจิ ชมุ ชนที่ทันสมยั (Smart SMEs)
92 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวทิ ยาลัยมหาสารคามวิจยั ครัง้ ที่ 15 : สาขาบริการวิชาการ” 2.3 เพื่อพัฒนาชุมชนสร้างเครือข่ายและสร้างยุวชนของผลิตภัณฑ์หวาย ผลิตภัณฑ์ผักตบชวา และผลติ ภัณฑ์กกเพือ่ หาแนวทางในการสร้างเครือขา่ ยผลิตภัณฑ์จกั สาน ในจังหวดั มหาสารคาม 3. กระบวนการดาเนนิ งาน การดาเนินงานโครงการการสร้างเครือข่ายและ พัฒนายุวชนผลิตภัณฑ์หวาย ผลิตภัณฑ์ผักตบชวา ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ก ก แ ล ะผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ จั ก ส าน ใน จังห วัด มหาสารคามมีขนั้ ตอนในการดาเนนิ งานดงั นี้ 3.1 ข้ันเตรียมการต้ังโจทย์ร่วมกับผู้นาชุมชน และความจาเป็นในการส่งเสริมและพัฒ นาชุมชน โดยหารือกับผู้นาชุมชนถึงการสร้างเครือข่ายและสร้าง ยุวชนของผลิตภัณฑ์หวาย ผลิตภัณฑ์ผักตบชวา และ ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ก ก เพื่ อ ห า แ น ว ท า ง ใน ก า ร ส ร้า ง เค รื อ ข่ า ย ผลติ ภณั ฑจ์ กั สาน ในจงั หวดั มหาสารคาม 3.2 จัดตั้งคณะกรรมการบริหารของกลุ่มผู้ผลิต เครื่องจักสานหวาย ผักตบชวา และกกเพ่ือให้มีการ ประชุมจัดทาแผนการบริหารงานกลุ่ม ก่อนการดาเนิน กิจกรรมต่างๆ ของกลุ่ม รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้สมาชิก ทัง้ ภายในและภายนอกชมุ ชนให้เขา้ รว่ มโครงการ 3.3 จัดวิทยากรที่เชี่ยวชาญการผลิตเครื่องจัก สานหวาย กก มาให้ความรู้และเพ่ิมพูนทักษะการจักสาน หวายแกเ่ ยาวชนในท้องถิ่น 3.4 อบรมเชิงปฏิบัติการแก่เยาวชนในชุมชน ใน การออกแบบผลติ ภณฑ์จัดสานอยา่ งสร้างสรรค์ 3.5 การจัดกิจกรรมพัฒนาผู้ประกอบการกลุ่ม ผู้ผลิตเครื่องจักสานหวายลาดพัฒนาเพื่อเข้าสู่การเป็น ผู้ประกอบการใหม่ (Startups) และการสร้างเครือข่าย และสร้างยุวชนของผลิตภัณฑ์หวาย ผลิตภัณฑ์ผักตบชวา และผลิตภณั ฑ์กก 3.5 ถอดบทเรยี นจากกิจกรรมและเขียนแนวทางการเข้าสู่ชมุ ชนต้นแบบการสร้างเครือข่ายและ สร้างยุวชนของผลิตภัณฑ์หวาย ผลติ ภัณฑ์ผักตบชวา และผลติ ภัณฑ์กก เพ่ือไว้ใช้เป็นแนวทางดาเนนิ งาน ของกล่มุ เกษตรกรกลุ่มตา่ งๆท่ีสนใจ เข้ามาศึกษา
เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน 93 ในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวิจยั คร้ังที่ 15 : สาขาบริการวชิ าการ” 3.6. สรุป ประเมินผลรายงานผลการดาเนินโครงการและติดตามผลโครงการฯโดยการจัดทา รายงาน และวีดีทัศน์ 4. การบูรณาการกับภารกิจอื่นๆ การจัดโครงการการสร้างเครือข่ายและพัฒนายุวชนผลิตภัณฑ์หวาย ผลิตภัณฑ์ผักตบชวา ผลิตภัณฑ์กก และผลิตภัณฑ์จักสานในจังหวัดมหาสารคาม ได้ตอบสนองภารกิจหลักของมหาวิทยาลัย ดงั น้ี 4.1 ทางคณะฯ ได้นานักศึกษาแต่ละสาขาวิชา บางส่วนได้เข้ทากิจกรรมการสร้างงานหัตถกรรมกับกลุ่ม วิสาหกิจชุมชนในพ้ืนท่ีเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการสืบ ทอดงานหัตถกรรม นิสิตที่เรียนรายวิชาการจัดการเชิงกล ยุทธ์ได้มาจัดกิจกรรมพัฒนาผู้ประกอบการกลุ่มผู้ผลิต เครื่องจักสานหวายลาดพั ฒ นาเพ่ื อเข้าสู่การเป็ น ผู้ประกอบการใหม่ (Startups) ด้วยแนวทางการสร้างภูมิ ปัญญาท้องถนิ่ ลายผ้าอีสานสู่เพ่ือเปน็ เวทีให้นิสติ ได้เรยี นรู้ ศิลปวฒั นธรรมในท้องถิ่นทม่ี ีคณุ ค่าอันทาให้เกดิ การซึมซับ ในวิถีชีวติ ท่ีเป็นรากฐานทางเศรษฐกจิ ระดับฐานราก 4.2 โครงการการสร้างเครือข่ายและพัฒนา ยุวชนผลิตภัณฑ์หวาย ผลิตภณั ฑ์ผักตบชวา ผลิตภัณฑ์กก และผลิตภัณฑ์จักสานในจงั หวัดมหาสารคาม ได้บูรณาการในการพัฒนาผลิตภัณฑเ์ ชงิ วฒั นธรรมและเพ่ิม มูลค่าทางเศรษฐกิจเครื่องเรือนหวายเพื่อให้มีชื่อโครงการวิจัยการศึกษาศักยภาพการบริหารจัดการ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตภัณฑ์เชิงวัฒนธรรมในจังหวัดมหาสารคามสู่ตลาดต่างประเทศ ของ สานกั งานคณะกรรมการวิจัยแหง่ ชาติประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2562 5. ผลลพั ธจ์ ากการดาเนนิ โครงการ จ า ก ก า ร ด า เนิ น โ ค ร ง ก า ร ก่ อ ให้ เกิ ด ก า ร บูรณาการการพัฒนาการบริหารจัดการและสร้าง มลู ค่าเพงิ่ เกดิ การเรยี นรชู้ มุ ชนเข้มแขง็ เพอ่ื เป็นตน้ แบบ ชุมชนอ่ืนๆ โดยมีแนวทางการยกระดับเครื่องจักสาน หวายเข้าสู่วิสาหกิจชุมชนท่ีทันสมัย (Smart SMEs) และพัฒนาหาแนวทางการพัฒนาเครือข่ายและสร้าง ยุวชนของผลิตภัณฑ์หวาย และผลิตภัณฑ์กกเพ่ือหา
94 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวิทยาลยั มหาสารคามวจิ ัย ครง้ั ที่ 15 : สาขาบริการวชิ าการ” แนวทางในการสร้างเครือข่ายผลิตภัณฑ์จักสาน ในจังหวัดมหาสารคาม ทาให้เกิดทักษะแรงงานที่มี คุณภาพ มีรายได้สูงขึ้น ซ่งึ จะทาให้คนในชุมชนสนใจหันมาทาเป็นอาชีพมากขน้ึ ช่วยให้คนในชมุ ชนมีงาน ทามากข้ึน และเป็นการแก้ปญั หาการเดินทางไปทางานตา่ งทอ้ งถิน่ กอ่ ให้เกิดความภาคภมู ิใจในผลติ ภัณฑ์ ท่ีมาจากท้องถิ่นอีกทางหน่ึง ทาให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง และเกิดกลุ่มเครือข่ายเพ่ิมขึ้นท้ังในจังหวัด และนอกจังหวดั มหาสารคาม 6. บทสรปุ การขาดการสืบทอดภูมิปัญญาการจักสานหวายในท้องถน่ิ เนอ่ื งจากมีความชัดเจนในการพฒั นา สมาชิกกลุ่มอย่างตอ่ เนอ่ื ง โดยเฉพาะแรงงานจากเยาวชนหรือยุวชนในชุมชนเคร่ืองจกั สานหวายบ้านวงั ไผ่ อาเภอเมือง จงั หวัดมหาสารคาม ทาใหใ้ นปัจจุบนั ปจั จยั ด้านแรงงานมีอยา่ งจากัด ส่งผลต่อความสามารถ ในการผลิตของกิจการไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด การขาดแคลนแรงงานรุ่นใหม่ท่ีไม่มีความ สนใจในการประกอบอาชีพในพื้นที่ การผลิตแบบด้ังเดิม ทาให้คุณภาพไม่สม่าเสมอ ไม่มีการพัฒนาไปสู่ นวัตกรรมใหม่ๆ ท่ีเพิ่มมูลค่าให้ผลติ ภัณฑ์ กลุ่มขาดความรดู้ ้านการจัดการช่องทางการตลาดใหม่ๆ ท้ังยัง พบว่าตลาดผลติ ภณั ฑ์เคร่อื งจักสานมี ซึ่งเป็นฝีมอื แรงงานของคนในชุมชนอย่างแทจ้ ริง ทาให้คนในชุมชน ไม่ได้รับความรใู้ นการสร้างพัฒนาภูมปิ ัญญาทอ้ งถิน่ ที่จะคนรุ่นใหมใ่ ห้ความสนใจในการสืบทอดภมู ปิ ัญญา งานหัตกรรมการทาเครื่องจักสานต่างๆมากขึ้น ท้ังน้ีมาจากความเปลี่ยนแปลงของค่านิยม และความ ทนั สมัยมากกวา่ ข้นึ ซึง่ จะทาใหใ้ นอนาคตงานหัตถกรรมของชมุ ชนจะขาดการสานตอ่ อยา่ งยัง่ ยืน ดังนนั้ จึง ควรส่งเสริมใหน้ าหลักสตู รในการเรียนการสอนของโรงเรียนในทอ้ งถนิ่ และมหาวทิ ยาลัยฯ เพื่อใหเ้ ยาวชน นิสิตและคนที่สนใจได้เรียนรู้ผ้าอีสานท้องถ่ินและงานหัตถกรรมงานหัตถกรรมของท้องถ่ินให้คงอยู่ต่อไป โดยยกระดับคนรุ่นเก่าท่ีมีฝีมือผ้าอีสานท้องถิ่นและหัตถกรรมต่างๆ ให้เป็นครูท้องถิ่น เพื่อการเป็น ต้นแบบสืบทอดทานุบารุงศิลปะและวัฒนธรรมงานฝีมือผ้าอีสานท้องถ่ินและหัตถกรรมต่างๆ ที่คงไว้ซ่ึง ภายใต้ “โครงการหนึง่ คณะหน่ึงศลิ ปวัฒนธรรม” ตอ่ ไปอย่างย่ังยืน
96 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวิทยาลยั มหาสารคามวิจยั ครงั้ ท่ี 15 : สาขาบริการวิชาการ”
Search