Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา

วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา

Description: ปีที่2 ฉบับที่2 กรกฎาคม-ธันวาคม2560

Keywords: เวย์โปรตีนไฮโดรไลเส

Search

Read the Text Version

วารสารวิจยั วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภัฏนครราชสีมา เจ้าของ กองบรรณาธกิ าร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยสี ุรนารี คณะวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี และคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ผศ.ดร.รชั ฎาพร อุน่ ศิวิไลย ์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครราชสีมา ผศ.ดร.จิตรา สิงหท์ อง มหาวิทยาลัยอบุ ลราชธานี วตั ถุประสงค ์ ผศ. ดร.บษุ กร ทองใบ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม เพื่อเป็นส่ือกลางการถ่ายทอดความรู้เทคโนโลยี และการวิจัย รศ. ดร.พวงผกา แกว้ กรม มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏเพชรบูรณ์ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย ี กระตนุ้ การวจิ ยั และการพฒั นา การเรยี นการสอนเพอ่ื รศ. ดร.เฉลิม เรอื งวิริยะชยั มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพ่ิมจำ�นวนผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิทยาศาสตร์ และเป็นส่ือกลางในการติดต่อส่ือสาร ผศ. ดร.สภาพร ชนื่ ชจู ติ ร มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรรี ัมย์ ระหวา่ งนกั วทิ ยาศาสตร์ ผศ.ทพิ วัลย ์ แสนค�ำ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏบุรรี มั ย์ ขอบเขตบทความวจิ ยั ผศ. ดร.วริ ยิ า ลุง้ ใหญ่ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วารสารน้ีรับผลงานทางวิชาการที่เป็นต้นฉบับในรูปบทความวิจัย ผศ. ดร. น.สพ.ภคนิจ คปุ พิทยานันท์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยสี ุรนารี บทความวิจัยส่ือสารอย่างส้ัน และบทความวิชาการปริทรรศน์ สามารถส่งได้ท้ัง รศ.ดร.สวุ ิทย ์ อ๋องสมหวัง มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีสรุ นารี ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ มีขอบเขตบทความวิจัยท่ีสามารถลงตีพิมพ์ ได้แก่ รศ. ดร.ทรงกต ทศานนท์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยสี รุ นารี วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพและชวี ภาพ วทิ ยาศาสตรส์ ขุ ภาพ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ดร.นติ ิ เอยี่ มชน่ื มหาวทิ ยาลัยพะเยา และวิทยาศาสตรเ์ พอื่ สงั คมและชมุ ชน ดร.วิภพ แพงวงั ทอง มหาวทิ ยาลัยพะเยา กำ�หนดออก ปลี ะ 2 ฉบับ ผศ. ดร.จิระเดช มาจันแดง มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม ฉบบั ที ่ 1 เดอื นมกราคม – มถิ ุนายน ผศ. ดร.วันชยั บุญรอด จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั ฉบับท่ ี 2 เดือนกรกฎาคม – ธนั วาคม ผศ. ดร.อภิวนั ท ์ มนิมนากร มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น สถานที่ตดิ ตอ่ งานวารสารวิจยั วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภัฏนครราชสมี า ส�ำ นกั งานคณบดีคณะวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ผศ. ดร.นิรันดร ์ คงฤทธ์ิ อาคารปฏบิ ัตกิ ารคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น 2 ผศ. ดร.ธราพงษ ์ เพ็ชรประยูร มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครราชสีมา 340 ถนนสุรนารายณ ์ ดร.มะลิวลั ย์ สบื ศาสนา ตำ�บลในเมอื ง อ�ำ เภอเมืองนครราชสมี า จงั หวัดนครราชสีมา 30000 ดร.มณฑล วสิ ทุ ธิ โทรศพั ท์ 044-009-009 ตอ่ 3295, 3200 ดร.วชั รพงษ ์ วงค์เขียว โทรศพั ท์/โทรสาร 044-272-939 ดร.ปรตี วิ ฒั น ์ วรรณบุษปวิช E-mail : [email protected] ดร.ซิน ฮัว Website : http://www.sciencetech.nrru.ac.th ดร.วรฤทธ์ิ กอปรสิรพิ ฒั น์ ทปี่ รึกษา ดร.ดวงสุดา โชคเฉลิมวงศ์ รศ.ดร.วิเชียร ฝอยพกิ ุล อธกิ ารบดมี หาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครราชสมี า ดร.สิรกิ ร กรมโพธิ์ ผศ. ดร.พิเศษ ตกู้ ลาง คณบดคี ณะวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี อาจารยร์ ัชนกี ร มลู ปา มหาวิทยาลยั ราชภัฏนครราชสีมา อาจารย์อมรชยั ใจซอ่ื กลุ ดร.ดวงธิดา โคตรโยธา คณบดีคณะเทคโนโลยอี ุตสาหกรรม อาจารย์สุระ วรรณแสง มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั นครราชสมี า นายยุทธนา ตอสกลุ บรรณาธกิ าร ผศ. น.สพ.ประยุทธ กุศลรตั น์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครราชสมี า รองบรรณาธิการ ผศ. ดร.จิราวรรณ อ่นุ เมตตาอารี มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครราชสมี า ฝ่ายจัดการวารสาร นางสาวเอลสิ า อุปวานชิ นางสาวพชิ ชานนั ท์ ศรหี มื่นไวย บทความหรือข้อคิดเห็นใดๆ ในวารสารนี้เป็นของผู้เขียน ซ่ึงไม่จำ�เป็นต้องสอดคล้องกับทัศนะของกองบรรณาธิการ และมิใช่ ความรับผดิ ชอบของคณะวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยีอตุ สาหกรรม มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครราชสีมา

บทบรรณาธกิ าร วารสารวิจัยคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ปีที่ 2 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2560) ได้จัดทำ�ข้ึนโดยหน่วยวิจัยและบริการวิชาการ คณะวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี รว่ มกบั คณะเทคโนโลยอี ตุ สาหกรรม ซงึ่ บทความในวารสารเปน็ บทความทไ่ี ดร้ บั การประเมนิ โดย ผทู้ รงคณุ วฒุ ทิ งั้ จากภายในและภายนอกมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครราชสมี า มวี ตั ถปุ ระสงคก์ ารจดั ท�ำ เพอื่ เผย แพร่ผลงานทางวิชาการ เป็นส่ือกลางรายงานความก้าวหน้าทางวิจัย และแลกเปลี่ยนแนวความคิดในการ วจิ ยั การตีพมิ พ์ ฉบบั นี้ กองบรรณาธกิ ารได้พิจารณาบทความวิจัยลงตีพิมพเ์ ผยแพร่ จ�ำ นวน 5 บทความ ในการน้ี กองบรรณาธกิ ารวารสารวจิ ยั วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ขอเชญิ ชวนนกั วจิ ยั นกั วชิ าการ นิสิต นักศึกษา เครือข่าย หน่วยงานต่างๆ ที่เก่ียวข้อง ส่งบทความที่ดีมีประโยชน์เผยแพร่ต่อสาธารณชน ในการนำ�ไปใช้ประโยชน์ทั้งทางวิชาการและการพัฒนาต่อยอดต่อไป หากท่านใดประสงค์ท่ีจะเป็นสมาชิก สามารถสมคั รไดต้ ามระเบยี บการตพี มิ พแ์ นบทา้ ยวารสารนแี้ ละเวบ็ ไซตh์ ttps://sciencetech.nrru.ac.th/ journal

สารบัญ การพัฒนาผลิตภัณฑน์ มพาสเจอรไ์ รส์พร่องมันเนยเสรมิ เวย์โปรตีนไฮโดรไลเสท 01 Development of Low Fat Pasteurized Milk Supplemented with Whey Protein Hydrolysate 10 ชมภูนุช ฆ้องลา* สุมาลี มุสกิ า กุ้งนาง ตะมะรวย ชนิดา กุประดิษฐ ์ อารยา รานอก และเสกสรร มังคลานันท1์ วิศรุธ มิลจนั ทึก ชติ ณรงค์ ถาพนิ นา และนันทวฒุ ิ แสนตุ้มทอง2 การบูรณาการคุณภาพและความมั่นคงปลอดภัยเข้ากบั การพัฒนาซอฟตแ์ วร์ An Integration of Quality and Security with SDLC ฑกลชยั อตุ ตรนที 1 การวิเคราะหป์ รมิ าณไนไตรท์และไนเตรทในตวั อยา่ งเขมา่ ที่เกิดจากการยิงปนื ดว้ ย วธิ กี ารสเปกโตรโฟโตเมตร ี 17 Determination of Nitrite and Nitrate in gunshot residues by Spectrophotometric method นสิ า การเพียร1 พชั รดิ า ยทุ ธกลา้ 1 รชั นีกร ใจบุญ1 ปรรตั น์ ศภุ มิตรโยธิน2 ไมโครเวฟเค้กข้าวไรซเ์ บอรี ่ 31 Instant microwave riceberry cakes พชั รี เปรมกระโทก1 วรรณฤดี ทองจุลกลาง1 อารรี ตั น์ รมิ ใหม2่ ธนากร เปล้ืองกลาง1 การเปรียบเทียบรปู แบบของป๋ยุ หมักจากธปู ฤาษีตอ่ การเจรญิ เติบโตและผลผลิตของผกั กวางตุ้ง 40 Comparing the formulation of Typha angustifolia compost on the growth and yield of Chinese cabbage ภริ มณ แสงมณ1ี สุริยุ เสนาอนิ ทร1์ ชมยั พร เจรญิ พร2

การพัฒนาผลิตภณั ฑน์ มพาสเจอร์ไรสพ์ ร่องมนั เนยเสริมเวย์ โปรตีนไฮโดรไลเสท Development of Low Fat Pasteurized Milk Supplemented with Whey Protein Hydrolysate ชมภนู ชุ ฆ้องลา* สมุ าลี มุสิกา ก้งุ นาง ตะมะรวย ชนิดา กุประดษิ ฐ์ อารยา รานอก และเสกสรร มงั คลานันท์1 วศิ รุธ มิลจนั ทกึ ชิตณรงค์ ถาพนิ นา และนันทวฒุ ิ แสนตมุ้ ทอง2 บทคัดยอ่ วัตถุประสงค์ของการวิจัยน้ีเพื่อศึกษาผลของความเข้มข้นเวย์โปรตีนไฮโดรไลเสทผงต่อคุณสมบัติ ต้านอนุมูลอิสระ ส่วนประกอบทางเคมี และคุณภาพทางประสาทสัมผัสของนมพาสเจอร์ไรส์พร่องมัน เนย โดยเติมเวย์โปรตีนไฮโดรไลเสทผงท่ีความเข้มข้น 0.00-2.38% จากน้ันวิเคราะห์ปริมาณเปปไทด์ และคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระด้วยวิธี 2,2’-azino-bis (3-ethylbenzthiazoline-6-sulphonic acid) (ABTS) radical scavenging activity ผลการวิจัยพบว่า นมพาสเจอร์ไรส์พร่องมันเนยเสริมเวย์โปรตีน ไฮโดรไลเสทท่ีความเข้มข้น 2.38% มีปริมาณเปปไทด์ และคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ABTS สูงสุด มีค่า เท่ากับ 4.61±0.23 มิลลิกรัมสมมูลของลิวซีนต่อมิลลิลิตร และ 1.98±0.07 มิลลิกรัมสมมูลของโทรลอกซ์ ตอ่ มลิ ลลิ ติ ร ตามลำ� ดบั นมพาสเจอรไ์ รสพ์ รอ่ งมนั เนยเสรมิ เวยโ์ ปรตนี ไฮโดรไลเสททค่ี วามเขม้ ขน้ 1.88 และ 2.38% มีปริมาณโปรตนี สงู สุด ในขณะท่ีนมพาสเจอรไ์ รส์พรอ่ งมนั เนยเสรมิ เวยโ์ ปรตีนไฮโดรไลเสททค่ี วาม เข้มขน้ 0.63% มคี ะแนนความชอบโดยรวมสูงสุด มีคา่ เท่ากับ 7.80±0.62 เม่อื พิจารณาข้อมลู ทง้ั คณุ สมบัติ ในการต้านอนุมูลอิสระ ABTS และการทดสอบประสาทสัมผัส ความเข้มข้นที่เหมาะสมของเวย์โปรตีนไฮ โดรไลเสททีเ่ ตมิ ในนมพาสเจอรไ์ รส์พร่องมนั เนย คอื 0.63% มคี วามสามารถในการตา้ นอนมุ ลู อิสระ ABTS เทา่ กบั 1.34 ± 0.07 มิลลิกรมั สมมูลของโทรลอกซ์ตอ่ มลิ ลิลิตร ซึ่งมคี า่ สูงกวา่ นมพาสเจอรไ์ รสพ์ รอ่ งมันเนย ท่ไี ม่เตมิ เวย์โปรตนี ไฮโดรไลเสท (0.57 ± 0.03 มลิ ลกิ รัมสมมูลของโทรลอกซ์ต่อมิลลิลิตร) ผลการวจิ ยั นีบ้ ง่ ชไ้ี ดว้ า่ เวยโ์ ปรตนี ไฮโดรไลเสทมศี กั ยภาพในการเสรมิ ฤทธก์ิ ารตา้ นอนมุ ลู อสิ ระและคณุ คา่ ทางโภชนาการใน นมพาสเจอร์ไรสพ์ ร่องมันเนย ค�ำสำ� คัญ: เวยโ์ ปรตีนไฮโดรไลเสท คุณสมบตั ิตา้ นอนุมูลอสิ ระ องค์ประกอบทางเคมี นมพาสเจอร์ไรส์ พรอ่ งมนั เนย 1 สาขาชวี วิทยาประยุกต์ คณะวทิ ยาศาสตรแ์ ละศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอสี าน นครราชสมี า 30000 Department of Applied Biology, Faculty of Sciences and Liberal Arts, Rajamangala University of Technology Isan, Nakhon Ratchasima, 30000, * Corresponding Author, E-mail: [email protected] 2 หลักสตู รเทคโนโลยบี ณั ฑิต สาขาวชิ าเทคโนโลยผี ลติ ภัณฑน์ ม (ต่อเน่อื ง) คณะวิทยาศาสตร์และศลิ ปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราช มงคลอสี าน นครราชสีมา วารสารวจิ ยั วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ปที ี่ 2 ฉบบั ที่ 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2560) 1 Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

บทนำ� นอกจากจะเป็นการเสริมคุณค่าทางโภชนาการใน นมพาสเจอร์ไรส์พร่องมันเนย (Low fat นม ยังชว่ ยเสริมฤทธ์ติ า้ นอนมุ ูลอิสระอีกด้วย pasteurized milk) เป็นอาหารที่ก�ำลังได้รับความ อนุมูลอิสระเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ นิยมในการบริโภคส�ำหรับผู้บริโภคท่ีรักสุขภาพ มากมาย เช่น มะเร็ง (Goodman et al., 2011) และคนที่ต้องการควบคุมน�้ำหนักหรือคนที่มีไขมัน หัวใจ (Sugamura and Keaney, 2011) และโร ในเลือดสูง เนื่องจากเป็นอาหารท่ีมีพลังงานและไข คอัลไซเมอร์ (Butterfield et al., 2002) เป็นต้น มันต่�ำ อย่างไรก็ตามนอกจากความต้องการบริโภค อนุมูลอิสระเกิดข้ึนโดยปฏิกิริยาในร่างกาย และ อาหารไขมนั ตำ่� แลว้ ผบู้ รโิ ภคยงั ใหค้ วามสนใจอาหาร มาจากสิ่งแวดล้อมภายนอกร่างกาย เช่น การติด ฟังก์ชัน (Functional food) ท�ำให้ในปัจจุบันตาม เชอ้ื รงั สี สารเคมี ยา ควนั เสยี เขมา่ จากเครอ่ื งยนต์ ท้องตลาดมีการออกผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์ไข ควนั บหุ รี่ อาหารยา่ ง และอาหารทม่ี กี รดไขมนั ไมอ่ ม่ิ มันต�่ำเสริม Functional Ingredients เช่น Meiji ตัว เปน็ ตน้ ปกติรา่ งกายของคนเรามีสารต้านอนมุ ลู High Protein สูตรเสริมเวย์โปรตีน เป็นต้น เพื่อ อสิ ระทำ� หนา้ ทป่ี อ้ งกนั เซลล์ เนอื้ เยอื่ และอวยั วะจาก ตอบโจทย์ผูบ้ ริโภคที่รักสุขภาพ การท�ำลายโดยอนุมูลอิสระ (Samaranayaka and เวย์ (whey) เป็นผลพลอยได้จาก Li-Chan, 2011) แตอ่ ยา่ งไรก็ตามเมื่อรา่ งกายได้รับ กระบวนการผลิตเนยแข็ง เวย์โปรตีนเป็นโปรตีนท่ี อนุมูลอิสระมากเกินไปหรือระบบต้านอนุมูลอิสระ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีกรดอะมิโนท่ีจ�ำเป็นสูง ภายในรา่ งกายเสอื่ มลง ทำ� ใหอ้ นมุ ลู อสิ ระเปน็ ปญั หา และ มีกรดอะมิโนชนิด branched-chain amino ตอ่ สขุ ภาพได้ acid (BCAA) (ได้แก่ leucine, isoleucine และ ดังนั้น วัตถุประสงคข์ องงานวจิ ยั น้ีเพอื่ ผลติ valine) ซงึ่ จำ� เปน็ ตอ่ การสรา้ งและซอ่ มแซมเนอื้ เยอ่ื นมพาสเจอร์ไรส์พร่องมันเนยเสริมเวย์โปรตีนไฮ ลิวซีนเป็นกรดอะมิโนท่ีจ�ำเป็นต่อการเผาผลาญ โดรไลเสทส�ำหรับพัฒนาเป็นเคร่ืองด่ืมเพ่ือสุขภาพ โปรตนี (protein metabolism) เวยโ์ ปรตนี ทางการ และศึกษาฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ องค์ประกอบ ค้าสามารถแบ่งตามปริมาณโปรตีนได้ 3 ชนิด คือ ทางเคมี รวมท้ังทดสอบทางประสาทสัมผัสของ เวย์โปรตีนเข้มข้น (whey protein concentrate ผลติ ภณั ฑน์ มพาสเจอรไ์ รสพ์ รอ่ งมนั เนยเสรมิ เวยโ์ ปร โปรตีน 25-89%) เวย์โปรตีนไอโซเลท (whey ตีนไฮโดรไลเสท protein isolate โปรตีน 90-95%) และเวยโ์ ปรตนี วิธีการดำ� เนินการวิจยั ไฮโดรไลเสท (whey protein hydrolysate) ซง่ึ เวย์ 1. การผลิตเวย์โปรตีนไฮโดรไลเสทผง โปรตีนไฮโดรไลเสทน้ีสายของโปรตีนขนาดยาวจะ ผลิตเวย์โปรตีนไฮโดรไลเสทผงตามวิธีของ ถกู ยอ่ ยใหเ้ ปน็ สายเปปไทดข์ นาดสน้ั ๆทำ� ใหส้ ามารถ วิศรุธ และคณะ (2559) โดยเตรียมเวย์โปรตีน ดูดซึมได้ง่าย ลดโอกาสในการแพ้ (อรวรรณ ภู่ชัย ทางการค้า (whey protein concentrate) ความ วัฒนานนท์ และสุรัสวดี สมนึก, 2556; ธนกร ศิริ เข้มข้น 10% ยอ่ ยด้วยเอนไซม์ Alcalase 2% ภาย สมุทร, 2558) นอกจากน้ี มีรายงานว่าเวย์โปรตีน ใต้สภาวะอุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส pH 8.0 เป็น ไฮโดรไลเสทมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ (สุรพงษ์ เวลา 90 นาที จากนั้นท�ำการหยุดปฏิกิริยาของ พินิจกลาง และรัชนี ไสยประจง, 2556; Peng et เอนไซม์โดยการให้ความร้อนที่อุณหภูมิ 100 องศา al., 2009) ดังน้ัน หากนําเวย์โปรตีนไฮโดรไลเสท เซลเซียส นาน 10 นาที และนำ� เวย์โปรตนี ไฮโดรไล มาใชเปนสวนผสมในนมพาสเจอร์ไรส์พร่องมันเนย 2 วารสารวจิ ัยวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภัฏนครราชสีมา ปีที่ 2 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2560) Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

เสทไปท�ำแห้งโดยวิธีการท�ำแห้งแบบแช่เยือกแข็ง 1979) โดยปิเปตต์ตัวอย่างส่วนใส ปริมาตร 50 (Lyophilization) เก็บตัวอย่างเวย์โปรตีนไฮโดร ไมโครลิตร เติมฟอสเฟตบัฟเฟอร์ ความเข้มข้น ไลเสทผงท่ีอุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียส ไว้ส�ำหรับ 0.2125 โมลาร์ pH 8.2 ปรมิ าตร 500 ไมโครลติ ร เตมิ การทดลองต่อไป สารละลาย TNBS ความเข้มข้น 0.005% ปริมาตร 2. ศึกษาอัตราส่วนที่เหมาะสมของเวย์โปร 500 ไมโครลติ ร จากนน้ั นำ� ไปบม่ ทอี่ ณุ หภมู ิ 50 องศา ตนี ไฮโดรไลเสทผงทเี่ ตมิ ในนมพาสเจอรไ์ รสพ์ รอ่ งมนั เซลเซียส นาน 1 ชั่วโมง เติมสารละลายกรดไฮโดร เนยนำ� เวยโ์ ปรตนี ไฮโดรไลเสทผงมาเตมิ ในผลติ ภณั ฑ์ คลอริกความเข้มข้น 0.1 โมลาร์ ปริมาตร 1000 นมพาสเจอร์ไรส์พร่องมันเนย ความเข้มข้น 0.00- ไมโครลิตร เพื่อหยุดปฏิกิริยา ท้ิงไว้อุณหภูมิห้อง 2.38% เลือกใช้ความเข้มข้น 2.38% เน่ืองจากที่ นาน 30 นาที และน�ำไปวัดค่าดูดกลืนแสงที่ 420 ความเขม้ ขน้ สงู กวา่ น้ี หลงั การใหค้ วามรอ้ นมตี ะกอน นาโนเมตร ปรมิ าณเปปไทดแ์ สดงในหนว่ ยมลิ ลิกรัม เกิดขึ้น โดยอุ่นน้�ำนมท่ีอุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส สมมลู ของลวิ ซนี ตอ่ มลิ ลลิ ติ รตวั อยา่ ง (mg Leucine เติมน้�ำตาล 2.5% และเวย์โปรตีนไฮโดรไลเสทผงท่ี Eq./ml Sample) ความเข้มข้นต่างๆ (0.00, 0.63, 1.25, 1.88 และ 3.3 ความสามารถในการต้าน 2.38%) ท�ำการพาสเจอร์ไรส์ต่อที่อุณหภูมิ 85 อนมุ ูลอสิ ระ ABTS องศาเซลเซียส 5 นาที กรองผ่านผ้าขาวบางขณะ วิเคราะห์คุณสมบัติในการต้าน ร้อน บรรจุในขวดแก้ว ท�ำให้เย็นลงทันทีที่อุณหภูมิ อนุมูลอิสระ ABTS ของนมพาสเจอร์ไรส์พร่องมัน 5 องศาเซลเซียส ท�ำการทดลอง 3 ซ้�ำ จากนั้นน�ำ เนยเสริมเวย์โปรตีนไฮโดรไลเสทท่ีความเข้มข้น ไปวิเคราะห์ปริมาณเปปไทด์ คุณสมบัติต้านอนุมูล 0.00-2.38% ตามวธิ ขี อง Wiriyaphan et.al. (2012) อิสระ องค์ประกอบทางเคมี และทดสอบคุณภาพ ปิเปตต์ตัวอย่างส่วนใสปริมาตร 20 ไมโครลิตร ท�ำ ทางประสาทสมั ผัส ปฏกิ ริ ยิ ากบั สารละลายอนมุ ลู อสิ ระ ABTS working 3. การวิเคราะห์ปริมาณเปปไทด์และ solution (ABTS stock solution ผสมกบั 10 mM คณุ สมบัตติ ้านอนมุ ูลอิสระ phosphate buffer, pH 7.4 และวัดค่าการดูด 3.1 การเตรียมตวั อย่างส�ำหรบั กลนื แสงทค่ี วามยาวคลนื่ 734 นาโนเมตร ไดเ้ ทา่ กบั วิเคราะห์ 0.700±0.02) ปริมาตร 1980 ไมโครลิตร ผสมให้ ปิเปตต์ตัวอย่างนมพาสเจอร์ไรส์ เข้ากัน ทิ้งไว้ในที่มืด 5 นาที จากน้ันวัดค่าการดูด พร่องมันเนยเสริมเวย์โปรตีนไฮโดรไลเสทที่ความ กลืนแสงที่ความยาวคลื่น 734 นาโนเมตร ความ เข้มขน้ 0.00-2.38% ปริมาตร 1 มิลลิลิตร ใส่หลอด สามารถในการต้านสารอนุมูลอิสระแสดงในหน่วย เซนติฟิว น�ำไปปั่นเหว่ียงที่ความเร็วรอบ 10,000 มิลลิกรัมสมมูลของโทรลอกซ์ต่อมิลลิลิตรตัวอย่าง rpm นาน 10 นาที เก็บส่วนใสไว้ส�ำหรับวิเคราะห์ (mg Trolox Eq./ml Sample) ปริมาณเปปไทดแ์ ละฤทธิต์ ้านอนุมูลอิสระ ABTS 4. การวิเคราะห์ทางด้านเคมี 3.2 วิเคราะหป์ ริมาณเปปไทด์ น�ำนมพาสเจอร์ไรส์พร่องมันเนยเสริมเวย์ วิเคราะห์ปริมาณเปปไทด์ของนม โปรตนี ไฮโดรไลเสททค่ี วามเข้มข้น 0.00-2.38% มา พาสเจอร์ไรส์พร่องมันเนยเสริมเวย์โปรตีนไฮโดรไล วิเคราะหป์ ริมาณโปรตีนโดยวิธี Kjeldahl, เถ้า และ เสทท่ีความเข้มข้น 0.00-2.38% โดยวิธี Trinitro- ความช้นื ตามวธิ ี AOAC (2000) benzene sulfonic Acid (TNBS) (Adler-Nissen, วารสารวิจัยวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภฏั นครราชสมี า ปที ี่ 2 ฉบับท่ี 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2560) 3 Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

5. การทดสอบคณุ ภาพทางประสาทสมั ผสั เข้มข้นของเวย์โปรตีนไฮโดรไลเสทอย่างมีนัยส�ำคัญ น�ำนมพาสเจอร์ไรส์พร่องมันเนยเสริมเวย์ ทางสถติ เิ มอ่ื เปรยี บเทยี บกบั ตวั อยา่ งทไี่ มไ่ ดเ้ ตมิ (รปู โปรตีนไฮโดรไลเสทที่ความเข้มข้น 0.00-2.38% ที่ 1, p≤0.05) นมพาสเจอร์ไรส์พร่องมันเนยสูตร มาทดสอบคุณภาพทางประสาทสัมผัสโดยใช้วิธี ที่ไม่เติมเวย์ไฮโดรไลเสทมีปริมาณเปปไทด์เท่ากับ 9-point hedonic scale โดยทดสอบคุณลักษณะ 1.39±0.09 มิลลิกรัมสมมูลของลิวซีนต่อมิลลิลิตร ด้าน สี กล่ินรส ความขม รสชาติ ความเป็นเนื้อ ตวั อย่าง (mg Leucine Eq./ml Sample) ส่วนนม เดียวกัน และความชอบโดยรวม โดยใช้ผู้ทดสอบ พาสเจอร์ไรส์พร่องมันเนยเสริมเวย์ไฮโดรไลเสทท่ี ทงั้ หมด 20 คน ความเข้มข้น 2.38% มีปริมาณเปปไทด์สูงสุด มีค่า 6. การวิเคราะหข์ อ้ มูลทางสถิติ เทา่ กับ 4.61±0.23 mg Leucine Eq./ml Sample ผลการทดลองแสดงในรูปค่าเฉล่ีย ± ซึ่งมีค่าเพิ่มข้ึนประมาณ 3.3 เท่า เม่ือเปรียบเทียบ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์ข้อมูลโดยการ กับสูตรท่ีไม่เติม วิศรุธ มิลจันทึก และคณะ (2559) วิเคราะห์ความแปรปรวน (ANOVA) และเปรียบ รายงานว่าปริมาณเปปไทด์ในผลิตภัณฑ์นมสเตอริ เทียบค่าเฉล่ีย Duncan’s multiple range test ไลส์เสริมเวย์โปรตีนไฮโดรไลเสทที่ความเข้มข้น (DMRT) ที่ความเช่ือม่ัน 95% โดยใช้ PASW Sta- 2.38% มีค่าเทา่ กบั 3.42±0.11 mg Leucine Eq./ tistics 18 Release 18.0.0 software ml Sample จะเหน็ ไดว้ า่ นมพาสเจอรไ์ รสพ์ ร่องมัน ผลการวจิ ยั และวจิ ารณ์ผลการวิจยั เนยเสริมเวย์โปรตีนไฮโดรไลเสทมีปริมาณเปปไทด์ 1. ปรมิ าณเปปไทด์ สูงกว่านมสเตอริไลส์เสริมเวย์โปรตีนไฮโดรไลเสท เพอ่ื ศกึ ษาความเขม้ ขน้ ทเ่ี หมาะสมของเวย์ ทงั้ นเี้ นอ่ื งจากนมสเตอรไิ ลสผ์ า่ นการใหค้ วามรอ้ นสงู โปรตนี ไฮโดรไลเสทผงทเี่ ตมิ ลงในผลติ ภณั ฑน์ มพาส กว่านมพาสเจอร์ไรส์ ส่งผลให้โปรตีน และเปปไทด์ เจอร์ไรส์พร่องมันเนย โดยเติมเวย์โปรตีนไฮโดรไล บางสว่ นเสยี สภาพธรรมชาติ จากงานวจิ ยั นจ้ี ะเหน็ ได้ เสทผงทคี่ วามเขม้ ข้น 0.00, 0.63 , 1.25, 1.88 และ วา่ การเตมิ เวยโ์ ปรตนี ไฮโดรไลเสททำ� ใหป้ รมิ าณเปป 2.38% พบว่า ปริมาณเปปไทด์เพิ่มข้ึนตามความ ไทดเ์ พมิ่ ขนึ้ ซงึ่ เปน็ การเพมิ่ คณุ คา่ ทางโภชนาการให้ กบั ผลติ ภัณฑ์ Peptide content (mg Leucine Eq/ml Sample) 6.00 5.00 e 4.00 d 3.00 c b 2.00 a 1.00 0.00 0.63 1.25 1.88 2.38 0 Concentration of whey protein hydrolysate (%) รูปท่ี 1 ปรมิ าณเปปไทด์ในผลติ ภัณฑน์ มพาสเจอรไ์ รส์พรอ่ งมันเนยเสริมเวย์โปรตนี ไฮโดรไลเสทผงท่คี วามเขม้ ขน้ 0.00-2.38% หมายเหต:ุ ตวั อกั ษรทตี่ ่างกันแสดงถงึ ความแตกตา่ งอย่างมนี ัยส�ำคญั ทางสถติ ิ (p≤0.05) 4 วารสารวจิ ัยวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภฏั นครราชสมี า ปีท่ี 2 ฉบบั ท่ี 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2560) Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

2. คณุ สมบัติต้านอนมุ ลู อิสระ ABTS เท่ากับ 1.98±0.07 mg Trolox Eq./ml Sample จากการศึกษาความเข้มข้นเวย์โปรตีน ซ่ึงมีค่าเพิ่มข้ึนประมาณ 3.5 เท่า เมื่อเปรียบเทียบ ไฮโดรไลเสทผงทเ่ี หมาะสมในผลติ ภณั ฑน์ มพาสเจอร์ กับสูตรที่ไม่เติม ผลความสามารถในการต้านอนุมูล ไรส์พร่องมันเนย โดยเติมเวย์โปรตีนไฮโดรไลเสท อสิ ระ ABTS มคี วามสอดคลอ้ งกบั ปรมิ าณเปปไทดท์ ี่ ผงทร่ี ะดบั ความเข้มข้น 0.00-2.38% และวเิ คราะห์ เพมิ่ ขน้ึ (รูปท่ี 1) วศิ รุธ มลิ จนั ทกึ และคณะ (2559) คณุ สมบตั ติ า้ นอนมุ ลู อสิ ระในผลติ ภณั ฑ์ พบวา่ ความ รายงานว่าความสามารถในการจับอนุมูลอิสระ สามารถในการต้านอนุมูลอิสระ ABTS ของนมพาส ABTS ในผลิตภัณฑ์นมสเตอริไลส์เสริมเวย์โปรตีน เจอรไ์ รสเ์ สรมิ เวยโ์ ปรตนี ไฮโดรไลเสทผงเพมิ่ ขน้ึ ตาม ไฮโดรไลเสทที่ความเข้มข้น 2.38% มีค่าเท่ากับ ความเข้มข้นของเวย์โปรตีนไฮโดรไลเสทอย่างมีนัย 1.56±0.06 mg Trolox Eq./ml Sample จะเห็น ส�ำคัญทางสถิติเมื่อเปรียบเทียบกับตัวอย่างท่ีไม่ได้ ได้ว่านมพาสเจอร์ไรส์พร่องมันเนยเสริมเวย์โปรตีน เตมิ (รปู ท่ี 2 , p≤0.05) นมพาสเจอรไ์ รสพ์ รอ่ งมนั เนย ไฮโดรไลเสทมคี วามสามารถในการตา้ นอนมุ ลู อสิ ระ สตู รทไี่ มเ่ ตมิ เวยโ์ ปรตนี ไฮโดรไลเสทมคี วามสามารถ สูงกว่านมสเตอริไลส์เสริมเวย์โปรตีนไฮโดรไลเสท ในการต้านอนุมูลอิสระ ABTS เท่ากับ 0.57±0.03 จากงานวิจัยนี้จะเห็นได้ว่าการเติมเวย์โปรตีน มิลลิกรัมสมมูลของโทรอกซ์ต่อมิลลิลิตรตัวอย่าง ไฮโดรไลเสทนอกจากเป็นการเพิ่มคุณค่าทาง (mg Trolox Eq./ml Sample) ส่วนการเติมเวย์ โภชนาการให้กับผลิตภัณฑ์แล้ว ยังเสริมฤทธ์ิต้าน โปรตนี ไฮโดรไลเสทผงทค่ี วามเขม้ ขน้ 2.38% มคี วาม อนมุ ูลอสิ ระให้กับผลิตภณั ฑอ์ กี ดว้ ย สามารถในการจับอนุมูลอิสระ ABTS สูงสุด มีค่า ABTS radical (mg Trolox Eq/ml Sample) 2.50 d e 2.00 c 2.38 b 1.50 1.00 a 0.63 1.25 1.88 0.50 Concentration of whey protein hydrolysate (%) 0.00 0 รูปท่ี 2 ความสามารถในการจับอนุมูลอสิ ระ ABTS ของนมพาสเจอรไ์ รสพ์ ร่องมนั เนยเสริมเวย์โปรตีนไฮโดรไลเสททค่ี วามเข้มข้น 0.00-2.38% หมายเหต:ุ ตวั อักษรทต่ี ่างกนั แสดงถึงความแตกตา่ งอย่างมีนยั สำ� คญั ทางสถติ ิ (p≤0.05) วารสารวิจัยวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภฏั นครราชสีมา ปที ี่ 2 ฉบบั ที่ 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2560) 5 Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

3. องค์ประกอบทางเคมีในผลิตภัณฑ์ ปริมาณเถ้าเท่ากับ 0.95±0.03 และ 0.95±0.02% นมพาสเจอร์ไรส์พร่องมันเนยเสริมเวย์โปรตีนไฮ ตามลำ� ดบั การที่ปริมาณโปรตนี ในนมพาสเจอร์ไรส์ โดรไลเสท พร่องมันเนยเสริมเวย์โปรตีนไฮโดรไลเสทท่ีความ จากผลการทดลองวิเคราะห์องค์ประกอบ เข้มข้น 1.88 และ 2.38% มีค่าไม่แตกต่างกัน และ ทางเคมีในผลิตภัณฑ์นมพาสเจอไรส์พร่องมันเนย มีค่าสูงกว่านมพาสเจอร์ไรส์ที่ไม่เติมเวย์โปรตีนไฮ เสริมเวย์โปรตีนไฮโดรไลเสท ที่ระดับความเข้มข้น โดรไลเสทเลก็ นอ้ ยเนอื่ งจากเวยโ์ ปรตนี ไฮโดรไลเสท 0.00- 2.38% พบว่า เมื่อความเข้มข้นเวย์โปรตีน มีความสามารถในการละลายค่อนข้างต่�ำและเสีย ไฮโดรไลเสทผงเพ่ิมข้ึน ส่งผลให้ปริมาณความช้ืน สภาพธรรมชาติง่ายเมื่อโดนความร้อนท�ำให้โปรตีน ลดลง และปริมาณโปรตีนเพิ่มข้ึน และไม่มีผล บางส่วนตกตะกอนและถูกกรองออกไปในขั้นตอน ต่อปริมาณเถ้า (ตารางท่ี 1) การที่ความช้ืนลดลง การท�ำนมพาสเจอร์ไรส์ ดังนั้นงานวิจัยน้ีบ่งช้ีได้ว่า เนื่องมาจากปริมาณของแข็งในนมพาสเจอร์ไรส์ ปริมาณสูงสุดของเวย์โปรตีนไฮโดรไลเสทท่ีเติมใน เพิ่มข้ึนตามความเข้มข้นของเวย์โปรตีนไฮโดรไล ผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์ไม่ควรเกิน 1.88% ผล เสท นมพาสเจอร์ไรส์พร่องมันเนยเสริมเวย์โปรตีน การวจิ ยั นแี้ สดงใหเ้ หน็ วา่ การเตมิ เวยโ์ ปรตนี ไฮโดรไล ไฮโดรไลเสทที่ความเข้มข้น 1.88 และ 2.38% มี เสทผงนอกจากจะเสริมคุณสมบัติในการต้านอนุมูล ค่าความชื้น โปรตีน และเถ้าไม่แตกต่างกันอย่าง อสิ ระในผลติ ภณั ฑน์ มพาสเจอรไ์ รสพ์ รอ่ งมนั เนยแลว้ มีนัยส�ำคัญทางสถิติ (p>0.05) ซ่ึงมีค่าความชื้น ยงั สามารถเพม่ิ คณุ คา่ ทางโภชนาการของผลติ ภัณฑ์ เทา่ กบั 85.29±0.30 และ 85.07±0.27% มปี รมิ าณ อกี ด้วย โปรตีนเทา่ กับ 4.76±0.13 และ 4.70±0.03% และ ตารางท่ี 1 องคป์ ระกอบทางเคมีในนมพาสเจอไรสพ์ รอ่ งมันเนยเสรมิ เวยโ์ ปรตนี ไฮโดรไลเสทที่ ความเข้มข้นต่างๆ ความเขม้ ข้น WPH (%w/v) ปริมาณ (%w.b.) โปรตีน ความชืน้ เถ้าns 3.77±0.36a 0.00 87.41±0.02c 3.97±0.19a 0.63 86.62±0.08b 0.86±0.01 4.20±0.09b 1.25 86.51±0.02b 0.87±0.01 4.76±0.13c 1.88 85.29±0.30a 0.89±0.02 4.70±0.03c 2.38 85.07±0.27a 0.95±0.03 0.95±0.02 หมายเหตุ ตัวอักษรทตี่ า่ งกันแสดงถึงความแตกต่างอยา่ งมนี ยั สำ� คัญทางสถติ ิ (p<0.05) ภายในคอลัมน์เดียวกัน ns = ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยส�ำคญั ทางสถติ ิ (p>0.05) WPH = Whey protein hydrolysate 6 วารสารวิจัยวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภัฏนครราชสีมา ปีที่ 2 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2560) Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

4. ผลการการประเมินคุณภาพทาง เสททคี่ วามเขม้ ขน้ 0.63% มากกวา่ นมพาสเจอรไ์ รส์ ประสาทสมั ผสั นมพาสเจอรไ์ รสพ์ รอ่ งมนั เนยเสรมิ พร่องมนั เนยท่ีไมเ่ ติมเวยโ์ ปรตนี ไฮโดรไลเสท และท่ี เวย์โปรตีนไฮโดรไลเสท ความเข้มข้น 1.88 และ 2.38% แต่ไม่มีความแตก จากผลการทดสอบทางประสาทสัมผัสนม ต่างกับความเข้มข้นที่ 1.25% ด้านความเป็นเนื้อ พาสเจอร์ไรส์พร่องมันเนยเสริมเวย์โปรตีนไฮโดรไล เดียวกันผู้บริโภคชอบนมพาสเจอร์ไรส์สูตรที่เติม เสทที่ความเข้มข้น 0.00-2.38% พบว่า ความเข้ม เวย์ไฮโดรไลเสทท่ีความเข้มข้น 0.63-2.38% ไม่มี ขน้ ของเวยโ์ ปรตนี ไฮโดรไลเสทไมม่ ผี ลตอ่ ความชอบ ความแตกต่างกัน แต่ชอบสูตรเวย์โปรตีนไฮโดรไล ของผลิตภัณฑ์ในด้านกลิ่นรส และความขม (ตาราง เสทที่ความเขม้ ข้น 0.63 และ 1.25% มากกวา่ สตู ร ท่ี 2, p>0.05) ส่วนด้านรสชาติ และความชอบโดย ที่ไม่เติมเวย์โปรตีนไฮโดรเสท การท่ีผู้ประเมินชอบ รวม พบว่าผู้บริโภคจะชอบนมพาสเจอร์ไรส์เสริม นมพาสเจอร์ไรส์พร่องมันเนยสูตรท่ีเติมเวย์โปรตีน เวยโ์ ปรตนี ไฮโดรไลเสททรี่ ะดบั ความเขม้ ขน้ 0.63% ไฮโดรไลเสทที่ความเข้มข้น 0.63% รสชาติ ความ มากท่ีสุด (p≤0.05) มีคะแนนความชอบเท่ากับ เป็นเน้ือเดียวกัน และความชอบโดยรวมมากกว่า 7.60±1.05 และ 7.80±0.62 ตามลำ� ดบั ซง่ึ มคี ะแนน สูตรควบคุมอาจเน่ืองมาจากการเติมเวย์โปรตีนไฮ ความชอบอยู่ในระดับชอบมาก ส่วนด้านสี พบว่าผู้ โดรไลเสทมผี ลในการเพมิ่ เนอ้ื สมั ผสั ในปาก (mouth บรโิ ภคชอบทร่ี ะดบั ความเขม้ ขน้ เวยโ์ ปรตนี ไฮโดรไล feel) รวมทง้ั รสชาตทิ ก่ี ลมกล่อมเวลาดืม่ ตารางที่ 2 ผลการทดสอบทางประสาทสัมผัสดา้ นความชอบของผลิตภณั ฑน์ มพาสเจอร์ไรส์พร่องมนั เนย เสรมิ เวย์โปรตนี ไฮโดรไลเสทท่ีความเขม้ ข้นต่างๆ ความเขม้ ข้น สี กลนิ่ รสns รสชาติ ความขมns ความเปน็ เน้ือ ความชอบ WPH (%) เดยี วกัน โดยรวม 0.00 6.90±1.25a 6.15±1.95 6.00±1.62a 5.75±2.36 7.05±1.39a 6.95±1.57a 0.63 7.70±0.86b 6.65±1.46 7.60±1.05b 6.35±2.28 7.75±0.91b 7.80±0.62b 1.25 7.35±0.81ab 5.90±1.37 6.65±1.31a 5.80±1.99 7.65±0.99b 7.25±1.12a 1.88 7.05±1.15a 6.05±1.23 5.80±1.82a 5.35±1.99 7.30±1.17ab 6.90±0.97a 2.38 6.85±1.35a 5.85±1.31 5.85±1.66a 5.30±2.32 7.40±1.05ab 6.90±1.02a หมายเหต:ุ ตัวอักษรท่ตี ่างกนั แสดงถึงความแตกตา่ งอยา่ งมีนัยส�ำคัญทางสถิติ (p≤0.05) ภายในคอลมั นเ์ ดียวกนั ns = ไมม่ คี วามแตกตา่ งอยา่ งมนี ัยสำ� คัญทางสถิติ (p>0.05) WPH = Whey protein hydrolysate วารสารวิจยั วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภัฏนครราชสีมา ปีท่ี 2 ฉบบั ท่ี 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2560) 7 Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

สรปุ ผลการวจิ ยั เอกสารอ้างอิง งานวิจัยนี้สามารถสรุปได้ว่านมพาสเจอร์ ธนกร ศิริสมทุ ร. (2558). คณุ คา่ ทางโภชนาการและ ไรส์เสริมเวย์โปรตีนไฮโดรไลเสทที่ความเข้มข้น ประโยชนท์ างการแพทยข์ องเวย์โปรตีน. 2.38% มปี รมิ าณเปปไทด์และฤทธ์ิต้านอนมุ ลู อสิ ระ วารสารไทยเภสชั ศาสตร์และวิทยาการ สูงสุด มีค่าเท่ากับ 4.61±0.23 mg Leucine Eq./ สขุ ภาพ. 10(2): 75-80. [On-line]. ml Sample และ 1.98±0.07 mg Trolox Eq./ Available: http://ejournals.swu. ml Sample ตามล�ำดับ นมพาสเจอร์ไรส์พร่องมัน ac.th/index.php/ pharm/article/view เนยเสรมิ เวยโ์ ปรตนี ไฮโดรไลเสททค่ี วามเขม้ ขน้ 1.88 File/5349/5027 และ 2.38% มีปริมาณโปรตีนสูงสุด มีค่าเท่ากับ วิศรธุ มิลจันทกึ ชติ ณรงค์ ถาพนิ นา นันทวุฒิ 4.76±0.13 และ 4.70±0.03% ตามลำ� ดบั ในขณะท่ี แสนตุ้มทอง ชมภูนชุ ฆ้องลา สุมาลี มสุ ิกา นมพาสเจอรไ์ รสเ์ สรมิ เวยโ์ ปรตนี ไฮโดรไลเสททค่ี วาม และกุ้งนาง ตะมะรวย. (2559).การพฒั นา เขม้ ขน้ 0.63% เปน็ สตู รทผ่ี ปู้ ระเมนิ ชอบมากทสี่ ดุ มี ผลิตภัณฑ์นมพรอ้ มดม่ื สเตอรไิ ลส์พรอ่ ง คะแนนความชอบโดยรวมเท่ากับ 7.80±0.62 เป็น มนั เนยเสรมิ เวย์โปรตนี ไฮโดรไลเสท. คะแนนความชอบอยู่ในระดับชอบมาก ดังน้ัน เมื่อ วารสารวิจยั วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี พจิ ารณาขอ้ มลู ทง้ั ปรมิ าณเปปไทด์ คณุ สมบตั ใิ นการ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏนครราชสีมา. ตา้ นอนมุ ลู อสิ ระ ABTS และความชอบดา้ นประสาท 1(2): 37-44. สมั ผสั สรปุ ไดว้ า่ ความเขม้ ขน้ ทเี่ หมาะสมของเวยโ์ ปร สุรพงษ์ พนิ ิจกลาง และรัชนี ไสยประจง. (2556). ตีนไฮโดรไลเสทท่ีเติมในนมพาสเจอร์ไรส์พร่องมัน การตรวจวัดปรมิ าณแอคตวิ ติ สี ารลดความ เนย คือ 0.63% มีความสามารถในการต้านอนุมูล ดันโลหติ และสารตา้ นอนุมลู อสริ ะของ อสิ ระ ABTS เทา่ กับ 1.34 ± 0.07 mg Trolox Eq./ ไบโอแอคทีฟเพปไทดจ์ ากเวยโ์ ปรตนี ไอโซ ml Sample ซง่ึ มคี า่ สงู กวา่ นมพาสเจอรไ์ รสพ์ รอ่ งมนั เลทไฮโดรไลเซท. สาขาวิชาการจัดการ เนยที่ไม่เติมเวย์โปรตีนไฮโดรไลเสท (0.57 ± 0.03 ธรุ กจิ อาหาร คณะวทิ ยาศาสตร์และ Trolox Eq./ml Sample) เทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั หอการคา้ ไทย. 44: กติ ติกรรมประกาศ 393-396. คณะนักวิจัยขอขอบคุณมหาวิทยาลัย อรวรรณ ภู่ชยั วัฒนานนท์ และสุรสั วดี สมนกึ . เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา ที่เอ้ือ (2556). มาทำ� ความร้จู ักกบั เวย์โปรตีน. อำ� นวยอปุ กรณ์ เครอื่ งมอื และสถานทใ่ี นการทำ� วจิ ยั วารสารวทิ ยาศาสตรก์ ารกฬี า. 13(153): 1513-2867. [On-line]. Available: http://www.esrg.kku.ac.th/wp-con tent/uploads/2018/03/4.-มาทำ� ความ รจู้ กั กับเวยโ์ ปรตีน.pdf 8 วารสารวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภัฏนครราชสีมา ปีท่ี 2 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2560) Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

Adler-Nissen, J. (1979). Determination of the Sugamura, K. and Keaney, J. F. Jr. (2011). degree of hydrolysis of food protein Reactive oxygen species in hydrolyzates by trinitrobenzenesul cardiovascular disease. Free Radical fonic acid. Journal of Agricultural and Biology and Medicine. 51: 978-992. Food Chemistry. 27: 1256-1262. Wiriyaphan, C., Chitsomboon, B., and AOAC. (2000). Official methods of analysis Yongsawadigul, J. (2012). Antioxidant 17thedition. Gaithersberg, Maryland: activity of protein hydrolysates Association of Official Chemists. derived from threadfin bream surimi Butterfield, D. A., and Lauderback, C. M. byproducts. Food Chemistry. 132: (2002). Lipid peroxidation and protein 104–111. oxidation in Alzheimer’s disease brain: Potential causes and consequences involving amyloid β-peptide-associated free radical oxidative stress. Free Radical Biology and Medicine. 32: 1050-1060. Goodman, M., Bostick, R. M., Kucuk, O. and Jones, D. P. (2011). Clinical trials of antioxidants as cancer prevention agents: past, present, and future. Free Radical Biology and Medicine. 51: 1068-1084. Peng, X. Y., Xiong, Y. L. L., and Kong, B. H. (2009). Antioxidant activity of peptide fractions from whey protein hydrolysates as measured by electron spin resonance. Food Chemistry. 113: 196-201. Samaranayaka, A. G. P. and Li-Chan, E. C. Y. (2011). Food-derived peptidic antioxidants: A review of their production, assessment, and potential applications. Journal of Functional Foods. 3: 229-254. วารสารวิจัยวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภัฏนครราชสมี า ปีท่ี 2 ฉบบั ท่ี 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2560) 9 Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

การบรู ณาการคุณภาพและความมน่ั คงปลอดภัยเข้ากับ การพฒั นาซอฟต์แวร์ An Integration of Quality and Security with SDLC ฑกลชยั อุตตรนที 1 บทคัดยอ่ ปจั จบุ นั ภยั คกุ คามตอ่ ความมน่ั คงปลอดภยั ของระบบสารสนเทศทม่ี งุ่ โจมตรี ะบบงานและขอ้ มลู โดย อาศัยชอ่ งโหว่ของซอฟต์แวรท์ ีถ่ กู พัฒนาและตดิ ต้ังใชง้ านในระบบสารสนเทศของหนว่ ยงานต่างๆ มีจำ�นวน เพมิ่ ขนึ้ อยา่ งมาก เนอื่ งจากความจำ�เปน็ ของระบบงานทต่ี อ้ งเชอื่ มตอ่ กบั อนิ เตอรเ์ นต็ มเี พมิ่ มากขน้ึ ตามความ ตอ้ งการใชง้ านของผใู้ ช้ การพฒั นาซอฟตแ์ วรใ์ หม้ ชี อ่ งโหวห่ รอื จดุ ออ่ นทจี่ ะเปน็ เปา้ การโจมตใี หน้ อ้ ยทสี่ ดุ หรอื ไมม่ เี ลยหากสามารถทำ�ได้ จะชว่ ยปอ้ งกนั ไมใ่ หเ้ กดิ ปญั หาดงั กลา่ วขนึ้ บทความนไี้ ดน้ ำ�เสนอแนวคดิ ในการบู รณาการระเบยี บวธิ ที างดา้ นคณุ ภาพและความมน่ั คงปลอดภยั เขา้ กบั กระบวนการพฒั นาซอฟตแ์ วรเ์ พอ่ื ใหไ้ ด้ ซอฟต์แวรค์ ุณภาพทีม่ ีชอ่ งโหวท่ ่ีเปน็ ขอ้ ผดิ พลาดนอ้ ยที่สุด คำ�สำ�คญั : ภยั คกุ คาม คุณภาพ การพฒั นาซอฟตแ์ วร์ บทนำ� (Grembi, 2008) แต่ยังไม่พบว่ามีผู้นำ�เสนอการ แนวคดิ ในการพฒั นาซอฟตแ์ วรใ์ หม้ คี ณุ ภาพ นำ�ซิกซ์ซิกมา่ มาใชร้ ่วมกบั ระเบยี บวธิ ีทางดา้ นความ ด้วยซิกซ์ซิกม่า (Six Sigma Software Develop- มั่นคงปลอดภัยในการพัฒนาซอฟต์แวร์ บทความนี้ ment) ได้มีผู้นำ�เสนอมาแล้ว (Tayntor, 2003) เป็นการนำ�เสนอแนวคิดดังกล่าวโดยบูรณาการวิธี และมีผู้นำ�เสนอแนวคิดในการนำ�วิธีทางด้านความ การทางคุณภาพและความม่ันคงปลอดภัย เข้ากับ ม่ันคงปลอดภัยมาใช้ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ (Se- วฎั จักรของการพัฒนาซอฟตแ์ วร์ cured Software Development) ด้วยเช่นกัน 1 * Email: [email protected] ศนู ย์ขอ้ มูลอสังหาริมทรพั ย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กรงุ เทพมหานคร 10310 10 วารสารวิจยั วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏนครราชสมี า ปที ่ี 2 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2560) Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

คุณภาพและความม่ันคงปลอดภัยของซอฟต์แวร์ – แสดงผล รายงาน ผดิ พลาด หรอื (Quality and Security of Software) ดดั แปลงใหเ้ กดิ ความเข้าใจผิด ช่องโหว่ (Security holes or Vulner- – คำ�นวณ ประมวลผล ผดิ พลาด หรอื abilities) หรือจุดอ่อนด้านความปลอดภัย (Se- ดัดแปลงผลลัพธ์ curity weakness) ที่ก่อให้เกิดผลกระทบอันไม่ – ลดประสิทธิภาพในการทำ�งานลง พึงประสงค์ต่อการใช้งานของซอฟต์แวร์ ถือเป็น หรอื ใชง้ านทรพั ยากรระบบเกนิ กวา่ ข้อบกพร่อง (Defects) ท่ีสำ�คัญประการหนึ่งของ ความตอ้ งการ ซอฟต์แวร์ เน่อื งจากผู้ไม่หวังดีสามารถใช้ซอฟตแ์ วร์ ท่ีมีช่องโหว่หรือจุดอ่อนดังกล่าวกระทำ�การในส่ิงที่ ซ่ึงผลกระทบดังกล่าวขัดต่อลักษณะสอง ไม่เป็นไปตามข้อกำ�หนดความต้องการ (Software ประการของซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพควรจะมีตาม requirements) ของซอฟต์แวร์น้ันที่ถูกออกแบบ ความคาดหมายของผู้ใช้งาน คือ จะต้องทำ�แต่สิ่งท่ี มา ทั้งในแง่ของการทำ�งาน (Operations) ท่ีทำ�ให้ ถูกต้อง และต้องทำ�ได้ถูกต้องในสิ่งที่ทำ� (จารึก ชู ไม่สามารถใช้งานซอฟต์แวร์เพื่อบรรลุผลตามเป้า กติ ติกลุ , 2548) หมายที่ต้องการ และในแง่ของการเงิน (Financial) ภัยคุกคามต่อความมั่นคงปลอดภัยของ เนื่องจากไม่สามารถใช้งานซอฟต์แวร์น้ันได้อย่าง ระบบสารสนเทศท่ีมุ่งโจมตีระบบงาน ข้อมูล ความ คุ้มค่า เต็มประสิทธิภาพ นอกจากน้ันยังอาจก่อให้ ม่ันคงของธุรกิจ หรือความมั่นคงของบุคคล โดย เกิดความเสียหาย หรือค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอันไม่พึง อาศัยช่องโหว่ของซอฟต์แวร์ท่ีถูกพัฒนาและติดต้ัง ประสงคข์ ึ้น ใชง้ านในระบบสารสนเทศมจี ำ�นวนเพมิ่ ขนึ้ อยา่ งมาก ข้อบกพร่องดังกล่าวสามารถก่อให้เกิด ในยคุ ของการเชอ่ื มตอ่ อนิ เตอรเ์ นต็ ตวั อยา่ งทเี่ หน็ ได้ ผลกระทบต่อซอฟตแ์ วร์ 2 ประการ คือ ชดั เจน คอื ภยั คกุ คามอนั เนอื่ งจากการแพรก่ ระจาย 1. ทำ�ให้ซอฟต์แวร์ทำ�ในสิ่งที่ไม่ได้รับการ ของไวรัส คอมพิวเตอร์ (Computer Virus) สปาย ออกแบบมาใหท้ ำ�งาน ได้แก่ แวร์ (Spyware) แอดแวร์ (Adware) และมัลแวร์ – บุกรุก โจมตี ขดั ขวาง การทำ�งาน (Malware) ประเภทต่างๆ รองลงมาได้แก่ การ ของระบบเครอื ขา่ ย ระบบงาน และ โจมตเี ครอื่ งแมข่ า่ ยใหบ้ รกิ ารเวบ็ (Web Server) บน บรกิ ารตา่ งๆ อนิ เตอรเ์ นต็ การเปลย่ี นแปลงแกไ้ ขขอ้ มลู บนเวบ็ ไซต์ – โจรกรรม เปลี่ยนแปลง ขอ้ มูล รวมถึงการหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต (Phishing) ข่าวสาร สำ�คัญ เพื่อขอข้อมูลที่สำ�คัญเช่น รหัสผ่าน หรือหมายเลข – เข้าถึง ใชง้ าน ยึดครอง หยบิ ยมื บตั รเครดติ จากลกู คา้ และการโจมตรี ะบบฐานขอ้ มลู ทรัพยากรระบบโดยไม่มสี ิทธิ ของหน่วยงานโดยการเจาะระบบ (Hacking) ผ่าน 2. ทำ�ใหซ้ อฟตแ์ วรไ์ ม่ทำ�ในส่งิ ที่ไดร้ ับการ การเช่ือมตอ่ อินเตอร์เนต็ ออกแบบมา ได้แก่ การจัดการกับภัยต่างๆ ดังกล่าวมักกระทำ� – หยดุ ชะงกั หรอื ชะลอ การทำ�งาน ในภายหลังจากท่ีเกิดเหตุการณ์ข้ึนแล้ว หรือเม่ือ ของระบบ หรือบรกิ ารตา่ งๆ มีการตรวจพบช่องโหว่ในภายหลังจากท่ีได้มีการ พฒั นา หรอื ผลติ ซอฟตแ์ วรข์ น้ึ มาใชง้ านแลว้ เปน็ ชว่ ง ระยะเวลาหนง่ึ ทำ�ใหเ้ กดิ ความเสยี่ งตอ่ ความเสยี หาย วารสารวจิ ยั วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครราชสีมา ปีท่ี 2 ฉบบั ท่ี 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2560) 11 Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

ท่อี าจจะเกดิ ข้ึนจากการใชง้ านซอฟตแ์ วรด์ งั กลา่ ว (Industrial Process) ได้ ซึ่งเป็นแนวคิดท่ีแย้ง ดังน้ัน วิธีท่ีดีท่ีสุดในการจัดการปัญหาภัย กับข้อคิดเห็นของผู้เช่ียวชาญในวงการความม่ันคง คุกคามที่อาศัยช่องโหว่ของซอฟต์แวร์ คือ การ ปลอดภัยของซอฟต์แวร์ท่ีได้เคยแสดงความเห็น พัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีช่องโหว่ หรือจุดอ่อนด้าน ว่าความม่ันคงปลอดภัยไม่ใช่คุณสมบัติท่ีแสดงถึง ความปลอดภัยให้น้อยที่สุด หรือไม่มีเลยถ้าเป็นไป คุณภาพของซอฟต์แวร์ (Grembi, 2008) ทำ�ให้ไม่ ได้ หมายถงึ การออกแบบใหซ้ อฟตแ์ วรม์ คี วามมนั่ คง เคยมีการนำ�เสนอแนวคิดในการนำ�ระเบียบวิธีทาง ปลอดภัยตั้งแต่เร่ิมพัฒนา ซ่ึงหากพิจารณาถึงข้อ คุณภาพมาใช้ควบคู่กับระเบียบวิธีทางความมั่นคง เท็จจริงที่ว่าช่องโหว่ หรือจุดอ่อนดังกล่าวเป็นข้อ ปลอดภยั ของซอฟตแ์ วร์เลย บกพรอ่ ง (Defects) หรอื ขอ้ ผดิ พลาด (Faults) หนง่ึ ในที่น้ีได้นำ�เสนอแนวคิดในการบูรณาการ ภายในกระบวนการพัฒนาหรือผลิตซอฟต์แวร์ เรา วิธีการทางซิกซ์ซิกม่า (Six Sigma) ซ่ึงเป็นระเบียบ ย่อมสามารถนำ�วิธีการลดข้อผิดพลาดตามระเบียบ วิธีการทางคุณภาพแบบหน่ึง คือ โมเดลดีมาอิก วิธีการทางคุณภาพ (Quality Methodology) มา (DMAIC) (Tayntor, 2003) และระเบียบวิธีเพ่ือ ใช้ควบคู่กับระเบียบวิธีการพัฒนาซอฟต์แวร์ (Soft- ความมน่ั คงปลอดภัย เขา้ กบั วัฎจักรของการพฒั นา ware Development Methodology) เพ่ือช่วย ซอฟตแ์ วร์ (Software Development Life Cycle: ลดช่องโหว่ หรือจุดอ่อนด้านความปลอดภัยของ SDLC) ที่ได้ปรับปรุงมาจากหนังสือการวิเคราะห์ ซอฟตแ์ วรล์ งไดเ้ ชน่ เดยี วกบั การลดขอ้ บกพรอ่ งหรอื และออกแบบระบบ (ฝา่ ยผลิตหนงั สอื ตำ�ราวชิ าการ ข้อผิดพลาดในกระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรม คอมพวิ เตอร,์ 2551) ดงั แสดงในตารางที่ 1 ตารางท่ี 1 การบรู ณาการวธิ กี ารทางซกิ ซซ์ กิ มา่ ) และระเบยี บวธิ เี พอ่ื ความมนั่ คงปลอดภยั เขา้ กบั การพฒั นา ซอฟต์แวร์ ขนั้ ตอนการพฒั นาซอฟต์แวร์ กจิ กรรมทาง SDLC กจิ กรรมทาง Six Sigma (DMAIC for Security) 1. การวเิ คราะหป์ ัญหา - Problem Identification and Define (Analysis) selection - Security Requirements - Goal and metrics setting using tools i.e. - User Requirements o Standard Review Gathering o Best Practices - Requirements Verifications o Abuse Cases & Validation 2. การออกแบบระบบ - Functional Design Define (Design) - Non-Functional Design - Security Risk using tools i.e. - User Interface Design o Threat Modeling - Technical Design o Risk Matrix o Security Design Review 12 วารสารวิจัยวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสมี า ปีท่ี 2 ฉบับท่ี 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2560) Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

ขนั้ ตอนการพฒั นาซอฟตแ์ วร์ กจิ กรรมทาง SDLC กจิ กรรมทาง Six Sigma 3. การพัฒนาระบบ (DMAIC for Security) (Development) - Coding Measure 4. การทดสอบระบบ - Weakness using tools i.e. (Testing) Code Review - Unit Test Measure - Integration Test - Security Matrices using 5. การวเิ คราะห์ปัญหา - Acceptance Test tools i.e. (Analysis) Penetration Test - Problem Identification Define and selection - Security Requirements - Goal and metrics setting using tools i.e. - User Requirements o Security Standard Gathering Review 6. การออกแบบระบบ - Requirements Verifications o Security Best Practices (Design) and Validation o Abuse Cases - Functional Design Define - Non-Functional Design - Security Risk using - User Interface Design tools i.e. - Technical Design o Threat Modeling 7. การพัฒนาระบบ o Risk Matrix (Development) o Security Design Review - Coding Measure 8. การทดสอบระบบ - Weakness using tools i.e. (Testing) Code Review - Unit Test Measure - Integration Test - Security Matrices using 9. การติดตง้ั ระบบ - Acceptance Test tools i.e. (Deployment) Penetration Test - Installation Analyze - Evaluation - Operations Review - Documentation - Incident Report - Training - Incident Prioritize 10.การบำ�รงุ รักษาระบบ - Incident Response (Maintenance) Team and Guideline - Training Improve - Application Support - Patches and Fix Control - Adaptive and Change - Threat Monitoring - Enhancements - User Awareness - Security Training วารสารวจิ ยั วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ปที ่ี 2 ฉบบั ท่ี 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2560) 13 Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

จะพบว่าเมื่อมีการบูรณาการวิธีการทาง หรอื Threat Modeling ทจ่ี ะชว่ ยตรวจประเมนิ และ ซิกซ์ซิกม่าเพ่ือความม่ันคงปลอดภัยเข้ากับวัฎจักร รายงานความเสย่ี งทางดา้ นความมน่ั คงปลอดภยั ของ ของการพัฒนาซอฟต์แวร์แล้วในแต่ละข้ันตอนจะมี ระบบท่อี อกแบบ หรอื Design Review ซึง่ เปน็ การ กิจกรรมทางความมั่นคงปลอดภัยท่ีต้องทำ�เพิ่มข้ึน ทบทวนแบบโดยผเู้ ชยี่ วชาญ ดงั น้ี ขน้ั ตอนของการวดั ผล (Measure Phase) ข้ันตอนการจัดทำ�ข้อกำ�หนด (Define เป็นการตรวจวัดเพื่อหาช่องโหว่ หรือจุด Phase) อ่อนในระบบท่ีมีการพัฒนาขึ้นมาตามแบบท่ีทำ� เป็นการจัดทำ�ความต้องการทางด้านความ ตามข้อกำ�หนดความต้องการทางด้านความมั่นคง ม่ันคงปลอดภัยสำ�หรับระบบที่จะทำ�การพัฒนา สารสนเทศแล้ว สามารถทำ�ได้ทั้งในระหว่างการ โดยทำ�การศึกษา Best Practices และมาตรฐาน พัฒนา และภายหลังจากท่ีพัฒนาเสร็จแล้ว โดย ทางด้านความม่ันคงปลอดภัยสารสนเทศต่างๆท่ีมี เครอื่ งมอื ทนี่ ยิ มใช้ ไดแ้ ก่ การทบทวนชดุ คำ�สง่ั ทเี่ ขยี น อยู่และนำ�มาใช้ให้เหมาะสมกับระบบที่จะทำ�การ (Code Review) แบง่ ออกไดเ้ ปน็ 2 แบบ ไดแ้ กแ่ บบ พัฒนา และเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมตลอดจน อัตโนมัติ คือการใช้เคร่ืองมือเพื่อทำ�การทดสอบชุด โครงสรา้ งสถาปตั ยกรรมทางสารสนเทศ (IT Archi- คำ�ส่ัง เช่น FxCop ของไมโครซอฟต์ และแบบไม่ tecture and Infrastructures) ขององค์กรท่ีมีอยู่ อตั โนมตั ิ คอื การใชผ้ ้เู ชีย่ วชาญทบทวน เช่น แนวทางปฏิบัติทางด้าน IT Infrastructure 1. การทบทวนชุดคำ�ส่ังทเี่ ขยี น จะช่วยให้ Library (ITIL) มาตรฐาน ISO 17799 มาตรฐาน ISO สามารถค้นพบช่องโหว่ หรือจุดอ่อนประเภทท่ีมีรูป 27001 มาตรฐาน COBIT เปน็ ตน้ โดยกำ�หนดใหเ้ ปน็ แบบทเ่ี ปน็ ทรี่ จู้ กั โดยทว่ั ไป (Common Vulnerabil- สว่ นหนงึ่ ของความตอ้ งการระบบ (Requirements) ity Patterns) เช่น Integer Arithmetic issues, ในกรณีที่เป็นการพัฒนาระบบด้วยวิธีการเชิงวัตถุ Buffer Overruns, Cryptographic issues, SQL (Object Oriented Methodology) ซ่ึงจะมีการ Injection, and Cross-site Scripting (XSS) เปน็ ตน้ จัดทำ� Use Cases ในขั้นตอนของการจัดทำ�ความ 2. การทดสอบการบุกรุก (Penetration ต้องการระบบ จำ�เป็นที่จะต้องออกแบบและจัดทำ� Test) Abuse Cases คือ ปฎิสัมพันธ์ท่ีส่งผลให้เกิดความ ทำ�ไดโ้ ดยการจำ�ลองการโจมตขี องผปู้ ระสงค์ รบกวนหรอื ผลทไ่ี มพ่ งึ ประสงคต์ อ่ ระบบ ตอ่ ผใู้ ชง้ าน ร้ายต่อระบบ (Malicious User) หรือผู้เจาะระบบ ระบบ หรอื ต่อเจา้ ของระบบ ควบคูไ่ ปด้วย (Hacker) วิธีการเริ่มท่ีการวิเคราะห์เพ่ือหาโอกาสท่ี หลังจากระบบถูกออกแบบแล้วจะต้อง จะเกิดช่องโหว่หรือจุดอ่อนในระบบอย่างละเอียด ทำ�การวิเคราะห์ความเส่ียงทางด้านความม่ันคง ไมเ่ ฉพาะแตซ่ อฟตแ์ วรท์ พ่ี ฒั นาขน้ึ เทา่ นน้ั แตร่ วมถงึ ปลอดภัยสารสนเทศของระบบดังกล่าวด้วยเครื่อง ระบบปฏบิ ตั กิ ารณ์ (Operating System) โครงสรา้ ง มอื ตา่ งๆ เพอ่ื หาชอ่ งโหวห่ รอื จดุ ออ่ นในการออกแบบ ทางสถาปัตยกรรม (IT Architecture and Infra- นั้น เครื่องมือที่เป็นที่นิยม เช่น COSO/COBIT structures) ท่ีระบบจะถูกนำ�ไปติดตั้งใช้งาน เช่น Security Administration Control Objective ฮารด์ แวร์ ระบบเครอื ขา่ ย (Network) และระบบงาน Risk Matrix ซ่ึงจะมีการกำ�หนดคะแนนของช่อง สนับสนุนต่างๆ เช่น ระบบฐานข้อมูล (Database) โหวท่ อ่ี าจเกดิ และระดบั ความรนุ แรงของผลกระทบ ระบบอินเตอร์เน็ต (Internet) เคร่ืองแม่ข่ายให้ 14 วารสารวิจยั วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภฏั นครราชสมี า ปที ี่ 2 ฉบบั ท่ี 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2560) Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

บริการเว็บ (Web Server) อีกด้วย โดยปกติมักจะ ข้ันตอนของการควบคุม (Control ใหห้ นว่ ยงานภายนอกเปน็ ผทู้ ำ�การทดสอบการบกุ รกุ Phase) ข้ันตอนของการวิเคราะห์ (Analyze เป็นการควบคุมเพื่อลดโอกาสท่ีจะเกิดช่อง Phase) โหว่ หรือจดุ ออ่ นในระบบข้นึ มาไดอ้ กี เครือ่ งมือทีใ่ ช้ เมอื่ มกี ารตดิ ตง้ั ใชง้ านระบบในกระบวนการ ไดแ้ ก่ การเฝา้ ระวงั ภยั คกุ คาม (Threat Monitoring) ทำ�งานจริง จะทำ�ให้สามารถเห็นถึงปัญหาท่ีอาจ การสร้างคามตระหนักรู้แก่ผู้ใช้งาน (User Aware- จะไม่พบในขั้นตอนของการตรวจวัดผล เน่ืองจาก ness) และการอบรมทางด้านความม่ันคงปลอดภัย ข้อมูลท่ีเกิดข้ึน และพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้ (Security Training) ของทีมงานโต้ตอบเหตุการณ์ ที่แตกต่างกันระหว่างการใช้งานระบบจริงกับการ และนักพัฒนา รวมถึงผู้ท่ีเก่ียวข้องในกระบวนการ ทดสอบระบบ จากนั้นทำ�การวิเคราะห์หาสาเหตุ พัฒนาซอฟต์แวรท์ ้งั หมด และแนวทางในการปอ้ งกนั แก้ไข เครือ่ งมือที่จำ�เป็น โมเดลดีมาอิกเพื่อความม่ันคงปลอดภัย ในขั้นตอนน้ี ได้แก่ การทบทวนการปฏิบัติงาน (DEMAIC Model for Security) (Operation Reviews) รายงานเหตุการณ์ท่ีเกิดรู เนอื่ งจากปจั จบุ นั มภี ยั คกุ คามใหมๆ่ ตอ่ ความ โหว่ หรือจุดอ่อน (Incidents Report) และการ มน่ั คงปลอดภยั ทางสารสนเทศเกดิ ขนึ้ อยตู่ ลอดเวลา จัดเรียงลำ�ดับความสำ�คัญของเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึน ตัวอย่างเช่น ไวรัสโทรจัน (Trojans Virus) ชนิด (Incident Prioritize) นอกจากนนั้ จะตอ้ งมกี ารเตรี ใหม่ๆ รวมถึงนักเจาะระบบ (Hacker) ร่นุ ใหม่ทเี่ กิด ยมการจดั การรบั มอื กบั ปญั หาเหตกุ ารณค์ วามมน่ั คง ข้ึนเนื่องจากความง่ายในการเข้าถึงข้อมูลการเจาะ ปลอดภยั ทางสารสนเทศทเ่ี กดิ ขน้ึ ในการใชง้ านระบบ ระบบทม่ี กี ารเผยแพรบ่ นอนิ เตอรเ์ นต็ และเปน็ ทร่ี บั รู้ อย่างทันท่วงที เพื่อลดความรุนแรงของผลกระทบ ในวงการนักเจาะระบบ ดังน้ันสามข้นั ตอนในโมเดล ที่จะเกิดข้ึนท้ังต่อระบบ ต่อผู้ใช้งาน หรือต่อองค์กร ดีมาอิก ได้แก่ การวิเคราะห์ การปรับปรุง และการ โดยเครื่องมือท่ีใช้ ได้แก่ ทีมงานโต้ตอบเหตุการณ์ ควบคมุ จงึ ตอ้ งทำ�อยา่ งตอ่ เนอื่ งอยเู่ สมอตราบเทา่ ที่ (Incident Response Team) และแนวทางการ ยงั มกี ารใชง้ านระบบงาน และซอฟตแ์ วรท์ พี่ ฒั นาขน้ึ ปฏิบัติเม่ือเกิดเหตุ (Incident Response Guide- มาน้ันอยู่ ดงั แสดงในรูปที่ 1 line) ขั้นตอนของการปรับปรุง (Improve Phase) เม่ือวิเคราะห์พบสาเหตุ และแนวทางใน การแกไ้ ข ขน้ั ตอนตอ่ ไปไดแ้ กก่ ารพฒั นาแกไ้ ขระบบ (Patches and Fix) เพ่ืออุดช่องโหว่ หรือกำ�จัดจุด ออ่ นทพี่ บ ความสำ�คญั ของขนั้ ตอนนอ้ี ยทู่ รี่ ะยะเวลา ที่ใช้ในการพัฒนาเพ่ือแก้ไขและปรับปรุงซอฟต์แวร์ ควรจะนอ้ ยทสี่ ดุ เพอ่ื ลดความเสยี่ งตอ่ การถกู คกุ คาม วารสารวจิ ัยวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครราชสมี า ปีท่ี 2 ฉบบั ท่ี 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2560) 15 Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

รปู ท่ี 1 แสดง DMAIC Model for Security ทบ่ี ทความนำ�เสนอ วิธีการทางคุณภาพมาใช้เพ่ือสร้างความ เอกสารอา้ งองิ มั่นคงปลอดภัยให้แก่กระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ จารกึ ชูกติ ติกลุ . (2547). เทคโนโลยสี ารสนเทศ ได้และหวังว่าจะมีผู้ท่ีมีแนวคิดเดียวกันนำ�เสนอผล คุณภาพ : ปรัชญา สาระ และวิทยานิพนธ์. งานให้แพร่หลายตอ่ ไป คอมพวิ เตอร์และเทคโนโลยชี นั้ สงู . ฉบับท่ี สรุป 8 เดอื นตุลาคม 2548. หนา้ 4. บทความนี้ได้นำ�เสนอวิธีการบูรณาการ ฝา่ ยผลติ หนงั สอื ตำ�ราวชิ าการคอมพวิ เตอร.์ (2551). ระเบยี บวธิ กี ารดา้ นความมนั่ คงปลอดภยั และวธิ กี าร การวเิ คราะหแ์ ละออกแบบระบบ. กรงุ เทพฯ ดา้ นคณุ ภาพโดยใชข้ น้ั ตอนดมี าอกิ (DMAIC) ของซกิ : ซเี อ็ดยเู คชน่ั . หน้า 52. ซ์ซิกม่าเข้ากับ วัฏจักรการพัฒนาซอฟต์แวร์ เพื่อ Jason Grembi (2008). Secure Software ลดจำ�นวนช่องโหว่และจุดอ่อนภายในซอฟต์แวร์ท่ี Development: A Security พฒั นาขน้ึ โดยพจิ ารณาวา่ ชอ่ งโหวห่ รอื จดุ ออ่ นตา่ งๆ Programmer’s Guide. Canada: Course ที่มีเป็นความผิดพลาดหรือความคลาดเคลื่อน (Er- Technology. pp. 60. rors) จากมาตรฐานในกระบวนการผลิตซอฟต์แวร์ Tayntor, Christine B. (2003). Six Sigma ท่ีสามารถถูกแก้ไขได้ด้วยการควบคุมคุณภาพการ Software Developments. Boca Raton: พฒั นาซอฟตแ์ วร์ ในลกั ษณะเดยี วกนั กบั การควบคมุ Auerbach Publications. pp. 26.+ คุณภาพการผลิต เพือ่ ลดขอ้ บกพร่อง (Defects) ใน กระบวนการผลิต 16 วารสารวจิ ยั วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภฏั นครราชสมี า ปีท่ี 2 ฉบบั ท่ี 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2560) Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

การวเิ คราะห์ปรมิ าณไนไตรท์และไนเตรทในตวั อย่างเขม่าที่เกิดจาก การยิงปนื ด้วย วิธีการสเปกโตรโฟโตเมตรี DETERMINATION OF NITRITE AND NITRATE IN GUNSHOT RESIDUES BY SPECTROPHOTOMETRIC METHOD พัชรี เปรมกระโทก1 วรรณฤดี ทองจุลกลาง1 อารีรตั น์ ริมใหม2่ ธนากร เปลอ้ื งกลาง1 บทคัดย่อ ใ นตัวอยง่าางเนขวมิจ่าัยทนี่เก้ีมิดีวจัตาถกุปกราะรสยงิงคป์เืนพด่ือ้ววยิเวคิธรีกาาะรหส์ปเปริมกโาตณรไโนฟไโตตรเมทต์ ร(Nี เOพ2ร-า)ะแเปล็นะไเทนคเตนริคทที่ส(NาOมา3-ร)ถพวิเรค้อรมากะหัน์ ไนไตรท์และไนเตรทได้ท้ังในเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ อีกท้ังยังมีความถูกต้อง แม่นย�ำ และความไวสูง โดยทำ� การศกึ ษาปฏกิ ริ ยิ าของไนไตรทก์ บั สารละลาย Griess และประสทิ ธภิ าพการรดี วิ ซไ์ นเตรทเปน็ ไนไตร ท์ดว้ ยสงั กะสี พบวา่ ปฏิกิรยิ าการรีดิวซไ์ นเตรทเปน็ ไนไตรท์สมบูรณท์ ่ีสุดเกดิ ขึ้นโดยทันที (0 วินาท)ี เม่อื เตมิ กรดไฮโดรคลอริกเข้มข้นปริมาตร 0.25 มิลลิลิตร และสังกะสีปริมาณ 0.13 กรัม ตามล�ำดับ และมีค่าขีด จ�ำกัดการตรวจวัดไนไตรท์เท่ากับ 0.41 ไมโครโมลาร์ นอกจากนี้การวิเคราะห์ร้อยละคืนกลับของไนไตรท์ มีค่าเฉล่ียเท่ากับ 72.34 แสดงให้เห็นว่าวิธีการท่ีเสนอมีความถูกต้อง ผลการวิเคราะห์ปริมาณไนไตรท์และ ไนเตรทในตัวอย่างที่บริเวณเป้ายิง ณ ระยะยิง 2 นิ้ว และระยะเวลาภายหลังการยิง 6 ชั่วโมง ปรากฏว่า พบปริมาณไนเตรทในตวั อย่างมากกวา่ ปริมาณไนไตรท์ คำ� สำ� คัญ: เขมา่ ทเี่ กิดจากการยิงปืน สเปกโตรโฟโตเมตรี ไนไตรท์ และไนเตรท บทน�ำ ทางนิติวิทยาศาสตร์ซ่ึงถือว่าเป็นท่ียอมรับใน ปัจจุบันได้มีการน�ำวิธีการทางด้านเคมี กระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะกรณีการก่อ วิเคราะห์เข้ามาช่วยเพ่ือพิสูจน์หาว่า บุคคลใด อาชญากรรมในคดีที่มีอาวุธปืนมาเกี่ยวข้องจะพบ เป็นผู้บริสุทธ์ิ บุคคลใดเป็นผู้กระท�ำความผิดหรือ เขมา่ ทเ่ี กดิ จากการยงิ ปนื 2 สว่ น ไดแ้ ก่ เขมา่ แกป๊ ปนื เป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระท�ำผิด โดยใช้ และเขม่าดินปืนฟุ้งกระจายอยู่โดยรอบสถานท่ีเกิด ผลการวิเคราะห์ประกอบเป็นพยานหลักฐาน 1สาขาวชิ าเคมี คณะวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครราชสีมา จงั หวดั นครราชสีมา 30000 2ศนู ย์พสิ ูจนห์ ลกั ฐาน 3 สำ� นกั งานตำ� รวจแหง่ ชาติ จังหวัดนครราชสีมา 30000 วารสารวจิ ัยวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครราชสมี า ปีที่ 2 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2560) 17 Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

เหตุ เขม่าแก๊ปปืนและเขม่าดินปืนเป็นผลที่เกิดข้ึน ที่พบอยู่ในดินปืน ด้วยเหตุน้ีจึงสามารถตรวจพบไน มาจากการทำ� งานของอาวุธปืนทกุ ชนิด ซึ่งใชเ้ ครื่อง ไตรทแ์ ละไนเตรทได้เมอ่ื เกิดการยิงปืนขึน้ [3] สง่ กระสนุ โดยวธิ กี ารจุดระเบิดแลว้ เกดิ ก�ำลงั แรงดัน กรณีวิธีการวิเคราะห์ปริมาณสารประกอบ ของแก๊สภายใต้กลไกการท�ำงานของอาวุธปืน [1] ไนเตรทและไนไตรท์น้ัน มีรายงานผลการศึกษา การตรวจพสิ จู นย์ นื ยนั การพบเขมา่ ทเ่ี กดิ จากการยงิ วิธีการวิเคราะห์หลายวิธี เช่น วิธี Colorimetric ปนื ถอื วา่ เปน็ หลกั ฐานชนิ้ สำ� คญั ทน่ี ำ� ไปสกู่ ารสบื สวน method ท�ำได้โดยการให้สารประกอบไนไตรท์ท�ำ หาตัวอาชญากร เขม่าแก๊ปปืนเกิดจากการเผาไหม้ ปฏกิ ริ ยิ ากบั Griess reagent [4-8] ซง่ึ ประกอบดว้ ย และไม่เผาไหม้ของชนวนท้ายกระสุนปืน (แก๊ปปืน) สารละลายซัลฟานิลาไมด์ (Sulfanilamide) และ ส่วนใหญ่จะตรวจพบบริเวณมือของผู้ยิง ส่วนเขม่า สารละลาย N-(1-Naphthyl) ethylene diamine ดนิ ปนื เกดิ จากการเผาไหมแ้ ละไมเ่ ผาไหมข้ องดนิ ปนื (NED) จะเกิดสารผลิตผลที่มีสีชมพูซึ่งมีความเข้มสี สว่ นใหญพ่ บทบ่ี รเิ วณเปา้ หมายทถี่ กู ยงิ รวมถงึ บรเิ วณ เป็นสัดส่วนกับปริมาณของสารประกอบไนไตรท์ท่ี อ่ืนๆ เช่น เสื้อผ้า ยานพาหนะ และอื่นๆ ที่อยู่โดย มีอยู่เร่ิมต้น กรณีท่ีต้องการวิเคราะห์สารประกอบ รอบบริเวณท่ีมีการยิงปืน เป็นต้น [2] ซึ่งเขม่าแก๊ป ไนเตรทด้วย จะต้องท�ำการเติมตัวรีดิวซ์เพื่อท�ำการ ปืนนั้นสามารถตรวจสอบหาธาตุองค์ประกอบหลัก รีดิวซ์สารประกอบไนเตรทให้เป็นสารประกอบไน ได้แก่ ธาตุแอนติโมนี (Sb) ธาตุแบเรียม (Ba) และ ไตรท์ก่อน จึงจะเร่ิมท�ำปฏิกิริยาเพ่ือให้เกิดสีต่อไป ธาตุตะกั่ว (Pb) ส่วนเขม่าดินปืนสามารถตรวจสอบ จากน้ันนักวิจัยสามารถวัดค่าการดูดกลืนแสง เพื่อ หเนา่ือไองจอาอกนไขออองอไนนทไตั้งรสทอ์ง(ตNัวOน2้ีเ-ป) ็นแลสะ่วไนนปเตระรกทอ(บNหOล3-ัก) การวเิ คราะหเ์ ชงิ ปรมิ าณดว้ ยวธิ สี เปกโตรโฟโตเมตรี ต่อไป Griess reaction แสดงดงั รูปที่ 1 ตอ่ ไปน้ี รปู ที่ 1 แสดง Griess reaction เพอื่ ทำ�ใหเ้ กิดสารผลติ ผลท่มี สี สี ำ�หรบั วเิ คราะห์สารประกอบไนไตรท์ [4] 18 วารสารวิจยั วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสมี า ปที ่ี 2 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2560) Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

การใหเ้ กดิ ปฏกิ ริ ยิ าดว้ ยสารทำ� ใหเ้ กดิ สดี ว้ ย ท�ำการรีดิวซ์เป็นไนไตรท์ก่อน จึงให้ท�ำปฏิกิริยา Griess reagent ตามท่ีแสดงในรูปท่ี 1 นี้ กับสารละลาย Griess เช่นเดียวกัน งานวิจัยน้ีได้ มีรายงานการประยุกต์ทั้งกับเทคนิค Spectro- ประยุกต์สังกะสีเป็นสารรีดิวซ์ (reducing agent) photometry เทคนิคท่ีมีการไหลอย่างต่อเน่ือง แทนท่ีการใช้แคดเมียม (Cd column) ซ่ึงค่อนข้าง (Sequential injection analysis, SIA และ Flow ยงุ่ ยากและมตี น้ ทนุ สงู [14] สภาวะตา่ งๆทเี่ กยี่ วขอ้ ง injection analysis, FIA ) (Chen et al. 2008; จะถูกศึกษาเพื่อเลือกสภาวะการวิเคราะห์ที่เหมาะ Feng et al. 2013 and fasquali et al. 290) และ สม อันจะน�ำมาซึ่งวิธีการวิเคราะห์ที่มีความถูกต้อง เทคนิคท่ีใช้อุปกรณ์วิเคราะห์แบบกระดาษ (Paper แม่นย�ำ จ�ำเพาะเจาะจง มีความสะดวก ประหยัด based analytical devices, PADs) (ฺBhakta, และยืดหยุ่นสูง และสามารถประยุกต์ในงานทาง Borba and taba, 2014) อย่างไรก็ตามยังมี นติ ิวิทยาศาสตรเ์ พือ่ ใช้ระบุตวั บคุ คลที่ยงิ ปนื ได้ รายงานการประยกุ ตส์ ารฟอรม์ สตี วั อนื่ ๆสำ� หรบั การ 1. วิธดี �ำเนนิ การวจิ ัย วิเคราะห์สารประกอบไนไตรท์ได้เช่นเดียวกัน [9] 1.1 เครอ่ื งมือและอุปกรณ์ เทคนิคการแยกและวิเคราะห์ (Separation tech- 1.1.1 กระดาษกรองเบอร์ 1 (Filter niques) ก็มีรายงานการประยุกต์เพื่อใช้วิเคราะห์ paper No.1) ย่ีห้อ Whatman, Sigma – Aldrich สารประกอบไนไตรท์และไนเตรทในเขม่าดินปืนได้ ประเทศสหรฐั อเมรกิ า อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เชน่ วธิ กี ารแคปลิ ลารี อเิ ลก็ โทร 1.1.2 ปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 ฟอเรซสี (Capillary electrophoresis, CE) [10-11] มิลลิเมตร ยี่ห้อ CZ รุ่น 75D Compact สาธารณ วิธีโครมาโตกราฟีของเหลวประสิทธิภาพสูง (High รฐั เชก็ performance liquid chromatography, HPLC) 1.1.3 กระสุนปืนชนิดหัวรู ยี่ห้อ [12] และวิธีแก๊สโครมาโตกราฟี (Gas chroma- THAIARMS ประเทศไทย tography, GC) [13] งานวิจัยน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือ 1.1.4 ก้านส�ำลี ย่ีห้อรถพยาบาล ประยกุ ตเ์ ทคนคิ สเปกโตรโฟโตเมตรสี ำ� หรบั วเิ คราะห์ ประเทศไทย ปริมาณไนไตรท์และไนเตรทในตัวอย่างเขม่าท่ีเกิด 1.1.5 เครอ่ื งชง่ั ไฟฟ้า (Analysis bal- จากการยิงปืน เพราะเป็นเทคนิค ที่ประยุกต์ได้ง่าย ance) รุ่น PG2002 – S, METTLER TOLEDO ด้วยอุปกรณ์เคร่ืองมือที่มีในห้องปฏิบัติการท่ัวไป ที่ ประเทศ สวิตเซอรแ์ ลนด์ สำ� คญั เครอ่ื งสเปกโตรโฟโตมเิ ตอร์ นบั เปน็ เครอ่ื งมอื 1.1.6 เคร่ืองกวนสาร (Magnetic ท่ีมีราคาไม่สูงมากนัก ท้ังยังต้องการทักษะของนัก stirrer) รุ่น CERAMAG Midi บริษัท IKA WORKS วเิ คราะหไ์ มส่ งู มากจนเกนิ ไปดว้ ย โดยมงุ่ วเิ คราะหห์ า ประเทศสหรัฐอเมรกิ า ปรมิ าณทง้ั ไนไตรทแ์ ละไนเตรทพรอ้ มกนั ในตวั อยา่ ง 1.1.7 เครอื่ งอลั ตราโซนคิ (Ultrasonic เขม่าที่เกิดจากการยิงปืนที่เก็บโดยรอบเป้าหมายท่ี cleaning bath) รุ่น Transsonic Digitals ยี่ห้อ ยิง และก�ำหนดระยะเวลาการเกบ็ ตวั อย่าง 6 ชว่ั โมง Elma ประเทศเยอรมัน ภายหลงั การยงิ ปืน หลกั การวเิ คราะหไ์ นไตรท์ทำ� ได้ 1.1.8 เคร่ืองยวู ี – วสิ ิเบลิ สเปกโตรโฟ โดยให้ท�ำปฏิกิริยากับสารละลาย Griess (รูปท่ี 1) โตมเิ ตอร์ (UV – Visible Spectro photometer) เกดิ สารผลติ ผลสชี มพซู ง่ึ ดดู กลนื แสงสงู สดุ ( _max) รุ่น GENESYS 20uv ย่ีห้อ Thermo ประเทศ ที่ 540 นาโนเมตร ขณะทกี่ ารวเิ คราะห์ไนเตรทตอ้ ง วารสารวิจัยวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภฏั นครราชสมี า ปีที่ 2 ฉบับท่ี 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2560) 19 Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

สหรฐั อเมรกิ า แสงที่ความยาวคล่ืน 540 นาโนเมตร ด้วยเครื่องยู 1.2 สารเคมี งานวิจัยน้ีใช้สารเคมีทุก วี – วิสิเบิล สเปกโตรโฟโตมิเตอร์ และเขียนกราฟ ชนิดเป็น Analytical reagent (AR) grade ดังน้ี ความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มข้นของสารละลาย 1.2.1 กรดไฮโดรคลอรกิ (Hydrochloric มาตรฐานไนไตรท์ (แกนนอน) กับค่าการดูดกลืน acid, HCl) บรษิ ัท RCL Labscan ประเทศไทย แสงที่ความยาวคลนื่ 540 นาโนเมตร (แกนต้ัง) 1.2.2 เอน็ -(1-แนฟทลิ ) เอทลิ นี ไดอะมนี 2.3.2 การศึกษาความสามารถในการ ไดไฮโดรคลอไรด์ (N-(1-naphtyl)-ethylene รีดิวซ์ไนเตรทเปน็ ไนไตรทด์ ้วย Zn diamine dihydrochloride, NED) บริษัท Sigma - 2.3.2.1 การศึกษาอิทธิพลของ Aldrich ประเทศสหรฐั อเมรกิ า ปริมาณ Zn ทม่ี ตี ่อความสามารถ ในการรีดิวซ์ไน 1.2.3 โซเดียมไนไตรท์ (Sodium ni- เตรทเปน็ ไนไตรทป์ เิ ปตสารละลายมาตรฐานไนเตรท trite, Na NO21).2บ.4ริษซทั ลั ฟRาCนLลิ Lาไaมbดs์c(Saunlfปaรnะilเaทmศiไdทeย, เข้มขน้ 806 ไมโครโมลาร์ ปริมาตร 10.00 มลิ ลลิ ิตร ใส่ลงในบีกเกอร์ ขนาด 50 มิลลิลิตรจ�ำนวน 7 ใบ H2NC6H4SO2NH2) บริษัท Fluka ประเทศสวิต แยกกนั เตมิ กรด HCl เขม้ ขน้ (Conc. HCl) ปรมิ าตร เซอรแ์ ลนด์ 0.10 มิลลิลิตร และ Zn ปรมิ าณ 0.00, 0.05, 0.10, 1.2.5 โพแทสเซยี มไนเตรท (Potassium 0.20, 0.50, 1.00 และ 2.00 กรัม ในแตล่ ะบกี เกอร์ nออitสraเtตeร,เลKียNO3) บริษัท Ajax Finechem ประเทศ ตามล�ำดับ คนด้วย Magnetic stirrer เป็นเวลา 20 วินาที กรองด้วยกระดาษกรองเบอร์ 1 จากนั้นปิ 1.2.6 สงั กะสี (Zinc powder, Zn) เปตสารละลายท่ีกรองได้ปริมาตร 2.00 มิลลิลิตร บริษัท Univar ประเทศสหรัฐอเมริกา ใส่ลงในหลอดทดลอง เตมิ 1.00 มิลลิลติ ร ของ 1% 1.2.7 น�ำ้ ปราศจากไอออนทมี่ คี า่ ความ w/v Sulfanilamide ใน 5% w/v HCl และ 1.00 ตา้ นทานไมต่ ำ�่ กวา่ 108 Ω (Deionized water, DI) มลิ ลลิ ติ ร ของ 1% w/v NED เขยา่ ใหเ้ ขา้ กนั นำ� ไปวดั ค่าการดูดกลนื แสงที่ความยาวคลนื่ 540 นาโนเมตร 2.3 วิธกี ารทดลอง และเขียนกราฟความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณ Zn 2.3.1 การศึกษากราฟมาตรฐานของ (แกนนอน) กับค่าการดูดกลืนแสงท่ีความยาวคล่ืน ไนไตรท์ด้วยสารละลาย Griess ปิเปตสารละลาย 540 นาโนเมตร (แกนตง้ั ) เลอื กปรมิ าณ Zn ทเ่ี หมาะ มาตรฐานไนไตรท์เข้มข้น 2,174 ไมโครโมลาร์ สมในการรดี วิ ซไ์ นเตรทเปน็ ไนไตรทเ์ พอื่ ใชส้ ำ� หรบั วธิ ี ปริมาตร 0.00, 0.10, 0.20, 0.30, 0.40 และ การวิเคราะห์ปริมาณไนเตรทต่อไป 0.50 มิลลิลิตร ใส่ลงในขวดวัดปริมาตรขนาด 2.3.2.2 การศึกษาอิทธิพลของ 100 มิลลิลิตรจ�ำนวน 6 ขวด แยกกัน ตามล�ำดับ ปริมาณ HCl ท่ีมีต่อความสามารถในการรีดิวซ์ไน เติม 1% w/v Sulfanilamide ใน 5% w/v HCl เตรทเป็นไนไตรท์ ปิเปตสารละลายมาตรฐานไน ปรมิ าตร 5.00 มลิ ลลิ ติ ร และ 1% w/v N–(1-naph- เตรทเข้มข้น 806 ไมโครโมลาร์ ปริมาตร 10.00 thyl) ethylene diamine dihydrochloride มิลลลิ ิตร ใสล่ งในบกี เกอร์ ขนาด 50 มิลลิลิตร (NED) ปริมาตร 1.00 มิลลิลิตร ในแต่ละขวด ปรับ จำ� นวน 7 ใบ แยกกนั เตมิ กรด HCl เขม้ ขน้ ปรมิ าตร ปรมิ าตรดว้ ยนำ�้ ปราศจากไอออนจนไดป้ รมิ าตร 100 0.00, 0.10, 0.25, 0.50, 1.00, 1.50 และ 2.00 มิลลิลิตร เขย่าให้เข้ากัน น�ำไปวัดค่าการดูดกลืน มิลลิลิตร ในแตล่ ะบีกเกอร์ ตามลำ� ดบั และเติม Zn 20 วารสารวจิ ัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภัฏนครราชสีมา ปีท่ี 2 ฉบับท่ี 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2560) Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

ปรมิ าณ 0.13 กรมั ในแตล่ ะบีกเกอร์ (ผลการศกึ ษา 2.3.3.1 การสร้างกราฟมาตรฐาน จาก หัวข้อ 2.3.2.1) คนด้วย Magnetic stirrer ของไนไตรท์ปเิ ปตสารละลายมาตรฐานผสม ระหวา่ ง เป็นเวลา 20 วินาที กรองด้วยกระดาษกรองเบอร์ ไนไตรท์และไนเตรทความเขม้ ขน้ รวม 0, 109, 218, 1 จากนั้นปิเปตสารละลายท่ีกรองได้ปริมาตร 2.00 327, 436 และ 546 ไ0ม.โ6ค5ร/โ2ม1ล7าร.3์ ,(N0O.827-//N3O263-.2=, มิลลิลิตร ใส่ลงในหลอดทดลอง เติม 1.00 มลิ ลลิ ิตร 0/0, 0.43/108.6, ของ 1% w/v Sulfanilamide ใน 5% w/v HCl 1.09/434.9 และ 2.17/543.8 ไมโครโมลาร์ ตาม และ 1.00 มิลลลิ ิตร ของ 1% w/v NED เขย่าใหเ้ ขา้ ล�ำดับ) ปริมาตร 2.00 มิลลิลิตร ใส่ลงในหลอด กนั นำ� ไปวดั คา่ การดดู กลนื แสงทค่ี วามยาวคลนื่ 540 ทดลองจ�ำนวน 6 หลอด แยกกันตามล�ำดับ เติม นาโนเมตร และเขียนกราฟความสัมพันธ์ระหว่าง 1.00 มิลลิลิตร ของ 1% w/v Sulfanilamide ใน ปริมาณ HCl (แกนนอน) กับค่าการดูดกลืนแสง 5% w/v HCl และ 1.00 มิลลิลิตร ของ 1% w/v ที่ความยาวคล่ืน 540 นาโนเมตร (แกนตั้ง) เลือก NED เขย่าให้เขา้ กนั (สารละลายถกู เจือจาง 2 เทา่ ) ปริมาณ HCl ที่เหมาะสมในการรีดิวซ์ไนเตรทเป็น น�ำไปวัดค่าการดูดกลืนแสงท่ีความยาวคล่ืน 540 ไนไตรทเ์ พอ่ื ใชส้ �ำหรับการวิเคราะหไ์ นเตรทต่อไป นาโนเมตร และเขียนกราฟความสัมพันธ์ระหว่าง 2.3.2.3 การศกึ ษาอทิ ธพิ ลของเวลา ความเขม้ ขน้ ของสารละลายมาตรฐานไนไตรท์ (แกน ที่มีต่อความสามารถของ Zn ในการรีดิวซ์ไนเตรท นอน) กับค่าการดูดกลืนแสงที่ความยาวคล่ืน 540 เป็นไนไตรท์ปิเปตสารละลายมาตรฐานไนเตรท นาโนเมตร (แกนตัง้ ) เขม้ ขน้ 806 ไมโครโมลาร์ ปรมิ าตร 10.00มลิ ลลิ ติ รใส่ 2.3.3.2 การสร้างกราฟมาตรฐาน ลงในบกี เกอรข์ นาด 50 มลิ ลลิ ติ รจำ� นวน 7 ใบ แยกกนั ของไนไตรทผ์ สมไนเตรทปเิ ปตสารละลายมาตรฐาน เตมิ กรด HCl เขม้ ข้น ปรมิ าตร 0.25 มลิ ลลิ ติ ร และ ผสมระหว่างไนไตรท์และไนเตรทความเข้มข้นรวม Zn ปริมาณ 0.13 กรัม ในแต่ละบีกเกอร์ (ผลการ 0, 109, 218, 327, 436 และ 546 ไมโครโมลาร์ ศึกษาท่ีได้จากหัวข้อ 2.3.2.1 – 2.3.2.2) คนด้วย (0N.8O72/-3/2N6O.23-, = 0/0, 0.43/108.6, 0.65/217.3, Magnetic stirrer เปน็ เวลา 0, 10, 20, 30, 60, 120 1.09/434.9 และ 2.17/543.8 ไมโคร และ 300 วนิ าที ตามลำ� ดบั กรองดว้ ยกระดาษกรอง โมลาร์ ตามล�ำดับ) ปริมาตร 10.00 มิลลิลิตร ใส่ลง เบอร์ 1 จากนน้ั ปเิ ปตสารละลายทก่ี รองได้ปรมิ าตร ในบีกเกอร์ขนาด 50 มิลลิลิตรจ�ำนวน 6 ใบ แยก 2.00 มิลลิลิตร ใส่ลงในหลอดทดลอง เติม 1.00 กนั ตามล�ำดบั เติมกรด HCl เข้มขน้ ปริมาตร 0.25 มลิ ลลิ ติ ร ของ 1% w/v Sulfanilamide ใน 5% w/v มิลลิลิตร และ Zn ปริมาณ 0.13 กรัม ในแต่ละบีก HCl และ 1.00 มลิ ลลิ ติ ร ของ 1% w/v NED เขยา่ ให้ เกอร์ คนสารละลายเล็กน้อย กรองด้วยกระดาษ เข้ากัน น�ำไปวัดค่าการดูดกลืนแสงที่ความยาวคลื่น กรองเบอร์ 1 จากน้ันปิเปตสารละลายที่กรองได้ 540 นาโนเมตร และเขียนกราฟความสัมพันธ์ ปริมาตร 2.00 มิลลลิ ติ ร ใสล่ งในหลอดทดลอง เตมิ ระหว่างเวลา (แกนนอน) กับค่าการดูดกลืนแสงท่ี 1.00 มิลลิลิตร ของ 1% w/v Sulfanilamide ใน ความยาวคลืน่ 540 นาโนเมตร (แกนต้งั ) เลือกเวลา 5% w/v HCl และ 1.00 มิลลิลิตร ของ 1% w/v ที่เหมาะสมในการรดี ิวซไ์ นเตรทเป็นไนไตรท์ เพ่ือใช้ NED เขย่าใหเ้ ข้ากัน (สารละลายถกู เจือจาง 2 เท่า) สำ� หรบั การวเิ คราะหไ์ นเตรทตอ่ ไป น�ำไปวัดค่าการดูดกลืนแสงที่ความยาวคล่ืน 540 2.3.3 การวิเคราะห์ปรมิ าณไนไตรท์และไน นาโนเมตร และเขียนกราฟความสัมพันธ์ระหว่าง เตรทในตัวอย่างเขม่าท่ีเกดิ จากการยงิ ปืน ความเข้มข้นของสารละลายมาตรฐานผสมในรูป วารสารวจิ ัยวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภัฏนครราชสีมา ปีที่ 2 ฉบับท่ี 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2560) 21 Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

ของไนไตรท์ (แกนนอน) กับค่าการดูดกลืนแสงท่ี 2.3.3.5 การวิเคราะห์ปริมาณไน ความยาวคลน่ื 540 นาโนเมตร (แกนตง้ั ) เตรทปิเปตสารละลายตัวอย่างที่สกัดได้ ปริมาตร 2.3.3.3 การเตรียมตัวอย่างน�ำ 1.50 มิลลิลิตร ใส่ลงในหลอดทดลอง เติม 0.25 ก้านส�ำลี (cotton brush) ใช้เก็บกวาด (Swab) มิลลิลิตร กรด HCl เข้มข้น และ Zn หนัก 0.13 ตวั อยา่ งเขมา่ ทเี่ กดิ จากการยงิ ปนื บรเิ วณโดยรอบเปา้ กรัม คนสารละลายเล็กน้อย ก่อนกรองสารละลาย หมายผ้าขาว (white cotton target) ที่ถูกยิงด้วย ผ่านส�ำลี ใส่ลงในหลอดทดลองอันใหม่ จากนั้นเติม ระยะยิง 2 นิ้ว โดยใช้ก้านส�ำลีเก็บกวาดจ�ำนวน 2 1.00 มิลลิลิตร 1% w/v Sulfanilamide ใน 5% กา้ น (2 replicates) ภายหลังการยิงปนื เป็นเวลา 6 w/v HCl และ 1.00 มลิ ลลิ ติ ร 1% w/v NED เขยา่ ให้ ชวั่ โมง ทำ� การสกดั โดยตดั ปลายกา้ นสำ� ลที ง้ั สองใสใ่ น เข้ากัน น�ำไปวัดค่าการดูดกลืนแสงที่ความยาวคล่ืน หลอดทดลอง เตมิ นำ้� ปราศจากไอออนปรมิ าตร 4.00 540 นาโนเมตร โดยท�ำการทดลองสกัดสารและ มิลลลิ ิตร ปิดปากหลอดทดลองดว้ ยพาราฟลิ ม์ กอ่ น วิเคราะหต์ ัวอยา่ งท้งั สิน้ จำ� นวน 3 ชดุ น�ำไปสกดั ใน Ultrasonic bath water เปน็ เวลา 5 ผลการทดลองและอภิปราย นาที กรองผ่านส�ำลี ก่อนน�ำไปวิเคราะห์หาปริมาณ ผลการศึกษากราฟมาตรฐานของไนไตรท์ ไนไตรทแ์ ละไนเตรทตอ่ ไป ด้วยสารละลาย Griess การศึกษากราฟมาตรฐาน 2.3.3.4 การวิเคราะหป์ ริมาณและ ของไนไตรท์ด้วยสารละลาย Griess ซ้�ำ 10 คร้ัง รอ้ ยละคนื กลบั ของไนไตรทป์ เิ ปตสารละลายตวั อยา่ ง โดยใช้สารละลายมาตรฐานไนไตรท์ท่ีความเข้มข้น ท่ีสกัดได้ ปริมาตร 1.00 มิลลิลิตร ใส่ลงในหลอด 0.00 ถึง 10.9 ไมโครโมลาร์ (หวั ข้อ 2.3.1) เมอ่ื สร้าง ทดลอง จ�ำนวน 2 หลอด แยกกนั เตมิ สารละลาย กราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มข้นของ มาตรฐานไนไตรทเ์ ขม้ ขน้ 3.26 ไมโครโมลาร์ ปรมิ าตร สารละลายมาตรฐานไนไตรท์กับค่าการดดู กลืนแสง 0.50 มิลลิลิตร ในหลอดที่ 2 จากน้ันเติม 1.00 พบว่าไนไตรท์มกี ราฟช่วงความเป็นเส้นตรง และคา่ มลิ ลลิ ติ ร 1% w/v Sulfanilamide ใน 5% w/v HCl Correlation coefficient (R2) แสดงตวั อย่างดงั รปู และ 1.00 มิลลิลิตร 1% w/v NED ลงในหลอด ท่ี 2 และสรปุ ผลการสรา้ งกราฟมาตรฐานของไนไตร ทดลองทั้ง 2 หลอด เขย่าให้เข้ากัน น�ำไปวัดค่าการ ท์ด้วยสารละลาย Griess จ�ำนวน 10 ครั้ง แสดงดัง ดูดกลืนแสงที่ความยาวคลื่น 540 นาโนเมตร โดย ตารางที่ 1 ตามล�ำดบั ทำ� การทดลองสกดั และวเิ คราะหส์ ารตัวอยา่ งทัง้ ส้ิน จ�ำนวน 3 ชุด รูปท่ี 2 แสดงกราฟมาตรฐานไนไตรท์ช่วงความเข้มขน้ ระหว่าง 0.00 – 10.9 ไมโครโมลาร์ 22 วารสารวจิ ยั วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภัฏนครราชสมี า ปีที่ 2 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2560) Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

ตารางที่ 1 แสดงผลการสร้างกราฟมาตรฐานของไนไตรทด์ ว้ ยสารละลาย Griess จำ� นวน 10 ครัง้ ครง้ั ที่ วัน/เดอื น/ปี สมการเชงิ เส้น ความชนั R2 1 15/12/2559 (y = mx + C) (Slope, m) 0.9992 2 16/12/2559 y=0.0542x+0.0012 0.0542 0.9998 3 16/12/2559 y=0.0515x+0.0226 0.0515 0.9995 4 16/12/2559 y=0.0545x+0.0023 0.0545 0.9999 5 16/12/2559 y=0.0540x+0.0038 0.0540 0.9999 6 19/12/2559 y=0.0539x+0.0083 0.0539 0.9995 7 19/12/2559 y=0.0522x+0.0090 0.0522 0.9988 8 19/12/2559 y=0.0520x+0.0063 0.0520 0.9983 9 21/12/2559 y=0.0535x+0.0171 0.0535 0.9920 10 21/12/2559 y=0.0536x+0.0162 0.0536 0.9986 y=0.0574x+0.0051 0.0574 เฉลีย่ 0.0537 0.9986 Standard deviation (SD) 1.08 × 10-3 0.0025 Relative standard deviation (%RSD) 2.02 0.24 3 × SD ของ Intercept (C) 0.0222 (3 × S.D. ของ Intercept )/Slope = Limit of detection (LOD as NO2-) 0.41 µM จากตารางท่ี 1 แสดงให้เห็นว่าผลการ เ(Lพiยีmงit0.o4f1dµeMteใcนtรioปู nข,อLงOไนDไตaรsทN์ กOล2า่-)วไมดคี ว้ า่า่ ตเป่ำ� มน็ าวกธิ ี สร้างกราฟมาตรฐานของไนไตรท์ทั้งหมด 10 ครั้ง การทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพสงู เหมาะแกก่ ารนำ� ไปประยกุ ต์ มีความถูกต้องแม่นย�ำสูงและน่าเช่ือถืออย่างมาก ส�ำหรับวิเคราะห์ปริมาณไนไตรท์ในตัวอย่างเขม่าที่ เม่ือเปรียบเทียบกราฟมาตรฐานที่สร้างภายในวัน เกดิ จากการยงิ ปนื เดียวกัน (Intraday) หรือสร้างระหว่างวันท่ีต่างกัน ผลการศึกษาประสิทธิภาพการรีดิวซ์ไน (Inter day) พิจารณาจากค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน เตรทเป็นไนไตรทโ์ ดยใช้ Zn เปน็ ตัวรีดวิ ซ์ สัมพัทธ์ (%RSD) มีค่าต�่ำกว่า 5% ทั้งค่าความชัน จากผลการศึกษาท่ีได้จากหัวข้อ 2.3.2.1 – (Slope, m) และสัมประสิทธ์ิความเป็นเส้นตรง 2.3.2.3 พบวา่ ปจั จยั ตา่ งๆทศี่ กึ ษา ไดแ้ ก่ ปรมิ าณ Zn (Regression coefficient, R2) และยังพบอีกว่าวิธี ปรมิ าณกรด HCl เขม้ ขน้ และเวลา ลว้ นมอี ทิ ธพิ ลตอ่ การที่เสนอนี้มีความไว (Sensitivity) ของตรวจวัด ประสทิ ธภิ าพการรดี วิ ซไ์ นเตรทเปน็ ไนไตรทแ์ สดงดงั ที่ดี พิจารณาได้จากค่าขีดจ�ำกัดของการตรวจวัด วารสารวิจัยวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ปีที่ 2 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2560) 23 Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

รปู ที่ 3 แสดงอิทธพิ ลของ (A) ปริมาณ Zn (B) ปรมิ าณกรด HCl เข้มขน้ และ (C) เวลาในการรีดวิ ซ์ ต่อประสิทธิภาพการรีดวิ ซไ์ นเตรทเป็นไนไตรท์ (n=3) รรปีูดิวทซี่ 3์ดด้วว้ยยสเาหรตรทุีดไ่ีิวอซอ์หอลนาไยนชเตนริดทแล(N้วOแ3ล-ะ) สยาังมสาารมถาถรกูถ ทั้งนี้การเกิดสารผลิตผลชนิดใดมากหรือ เกิดสารผลิตผลซ่ึงเป็นสารประกอบของไนโตรเจน นอ้ ยนน้ั เกย่ี วขอ้ งกบั ปจั จยั หลายประการ เชน่ ความ หลายชนดิ ดว้ ย เรยี งลำ� ดบั สารผลติ ผลตา่ งๆตามเลข แรงของสารรดี วิ ซท์ ใี่ ช้ ปรมิ าณของสารรดี วิ ซ์ สภาวะ ออกซเิ ดชนั ของไนโตรเจนอะตอมจากมากไปหานอ้ ย ความเป็น กรด - ดา่ ง ของสารละลาย อุณหภูมิ และ ไแไดนก้แต๊สกรไน่ิกไอโนตอโรตกเรจไเซนจดน(์ Nไ(Nด2)อOตอ)ากไมไนซลตดำ� รด์ ัส(บัNอOอ2ก)ไไซนดไ์ต(Nรท2O์ ()NแOล2-ะ) เวลาที่ใช้ในการรีดิวซ์ เป็นต้น เมื่อพิจารณารูปท่ี 3 (A) จะเหน็ ว่าปริมาณ Zn สำ� หรับรีดิวซไ์ นเตรทเพ่ือ ให้เกิดไนไตรท์ดีที่สุดอยู่ระหว่าง 0.05 – 0.23 กรัม เพราะพบว่าการใช้ปริมาณ Zn มากเกินไปท�ำให้ 24 วารสารวจิ ัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภฏั นครราชสีมา ปีที่ 2 ฉบับท่ี 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2560) Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

เเทกดิา่ กสบัปซี 0ีส.1์ N3Oกร2-มั ลเปงลน็ ดปรนมิ กั าวณิจทัยเ่ีจหงึ มเลาือะกสปมรขมิ ณาณะทZผ่ี nล มาตรฐานของไนไตรทต์ ามหวั ขอ้ ท่ี 2.3.3.1 ในรูปท่ี 3 (B) ได้บอกให้ทราบว่าปริมาณกรด HCl โดยใช้สารละลายมาตรฐานผสมระหว่างไนไตรท์ เข้มข้นเท่ากับ 0.25 มิลลิลิตร เป็นปริมาณท่ีเหมาะ และไนเตรทที่ความเข้มข้นระหว่าง 0.00 ถึง 546 สมส�ำหรับปฏิกิริยารีดักชันของไนเตรท ขณะท่ีเม่ือ ไมโครโมลาร์ จากนั้นจึงด�ำเนินการน�ำสารละลาย พิจารณารูปท่ี 3 (C) พบว่าปฏิกิริยารีดักชันของไน แตล่ ะความเขม้ ขน้ ทำ� ปฏกิ ริ ยิ ากบั สารละลาย Griess เตรทเป็นไนไตรท์นั้นเกิดขึ้นโดยทันทีอย่างรวดเร็ว โดยยังไม่ได้เติม Zn ซึ่งเป็นสารรีดิวซ์ในข้ันตอนนี้ (0 วินาที) เม่ือผสมสารรีดิวซ์ลงในสารละลายของ จึงสามารถสร้างกราฟมาตรฐานของไนไตรท์ (ใน ไนเตรท โดยพบว่าการใช้เวลาในการท�ำปฏิกิริยา สารละลายผสม) แสดงดังสมการท่ี 1 นานขึ้นกลับท�ำให้สารผลิตผลไนไตรท์มีปริมาณ ลดลง ดว้ ยเหตวุ า่ ปฏกิ ริ ยิ ารดี กั ชนั เกดิ ขนึ้ ตลอดเวลา ……..(1) Y1 = m1X1 + C ท�ำให้เกิดสปีซีส์อ่ืนๆ ของไนโตรเจนท่ีมีแนวโน้ม เลขออกซิเดชันของไนโตรเจนอะตอมลดลงต�่ำกว่า (เAมb่ือsoYr1bเaปn็นceค,่าAกbาsร)ดทูดี่คกวลามืนยแาสวงคขลอื่นง5ส4า0ร +3 นั่นเอง สามารถสรุปเง่ือนไขท่ีเหมาะสมส�ำหรับ ผลติ ผล การรีดิวซ์ไนเตรทเป็นไนไตรท์ แสดงดังตารางท่ี ไนขมอาโโงคนกรเรโมามตฟลรมารmา์ขต1อรเฐงปไา็นนนคไใตน่ารคหทวน์า่ว(มµยชMันX)1(แAเลปbะ็นsคCµวMเาปม-1็นเขNจ้มุดOขต2้น-ัด) 2 ตามล�ำดับ ซ่ึงพิจารณาเห็นว่าเป็นสภาวะที่ง่าย แกน Y (Intercept) ตามลำ� ดับ สะดวก ตน้ ทนุ ตำ่� และรวดเรว็ กลา่ วไดว้ า่ เปน็ สภาวะ 3.3.2 การสร้างกราฟมาตรฐานของ ที่เหมาะสมแก่การไปประยุกต์เป็นทางเลือกใหม่ สารละลายผสมไนไตรทแ์ ละไนไตรท สำ� หรับการวเิ คราะห์ปรมิ าณไนเตรทตอ่ ไป การสร้างกราฟมาตรฐานของสารละลาย ผลการวิเคราะห์ปริมาณไนไตรท์และ ผสมไนไตรท์และไนไตรทตามหวั ขอ้ ที่ 2.3.3.2 โดย ไนเตรทในตวั อย่างเขมา่ ทีเ่ กดิ จากการยงิ ปืน ใช้สารละลายมาตรฐานผสมระหว่างไนไตรท์และ 3.3.1 การสรา้ งกราฟมาตรฐานของไนไตรท์ ไนเตรทท่คี วามเขม้ ขน้ ระหวา่ ง 0.00 ถงึ 546 ไมโคร การสรา้ งกราฟ ตารางที่ 2 แสดงปัจจยั ทเี่ หมาะสมส�ำหรบั การรีดิวซไ์ นเตรทเป็นไนไตรท์โดยใช้ Zn เป็นตัวรีดิวซ์ ปจั จยั ท่ีศกึ ษา ช่วงท่ีท�ำการศึกษา เงื่อนไขทเ่ี หมาะสมที่เลือก ปรมิ าณ Zn 0.00 – 2.00 กรัม 0.13 กรัม ปรมิ าณกรด HCl เขม้ ขน้ 0.00 – 2.00 มิลลิลติ ร 0.25 มลิ ลลิ ิตร เวลาที่ใชส้ �ำหรบั การรีดวิ ซ ์ 0 – 300 วนิ าที ทนั ที (0 วินาที) วารสารวจิ ยั วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ปีท่ี 2 ฉบบั ที่ 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2560) 25 Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

โมลาร์ จากนั้นจึงด�ำเนินการน�ำสารละลายแต่ละ การวิเคราะห์ปริมาณไนไตรท์และไนเตรท ความเข้มข้นท�ำปฏิกิริยากับ 0.13 กรัม Zn ซ่ึงเป็น ในสารละลายตัวอย่าง ท�ำได้โดยการวัดค่าการดูด สารรีดิวซ์ และ 0.25 มิลลิลิตร กรด HCl เข้มข้น กลืนแสงของสารผลิตผลท่ีเกิดขึ้นจากปฏิกิริยา ก่อนกรองสารละลายที่ได้และน�ำมาท�ำปฏิกิริยากับ ระหว่างสารละลายตัวอย่างกับสารละลาย Griess สารละลาย Griess เช่นเดียวกัน จึงสามารถสร้าง 1จะจไะดส้คา่ามาYร1ถแคลำ� ้วนจวึงณแคทวนาคม่าเขYม้ 1ขทน้ ่ีไไดม้ลโคงรในโมสลมากราข์ รอทงี่ กราฟมาตรฐานของสารละลายผสมแสดงในรูปของ ไตนวั ไอตยรา่ ทงช์ (ดุ Xเ1ด)มิ ใทนมี่ ตปี ัวรอมิ ยา่าตงรไเดท้ า่จเาดกมิ นม้ันาทนำ��ำปสฏารกิ ลริ ยิะาลกาบัย ไนไตรท์ (ค�ำนวณความเข้มข้นไมโครโมลาร์รวม สารรีดิวซ์ Zn 0.13 กรัมและ 0.25 มิลลิลิตร กรด ทขอ์) งกับNคO่า3ก-าแรลดะูดกNลOืน2แ-สทงวท่าี่ แ54ส0ดงนใานโรนูปเมขตอรงไแนสไตดรง HCl เข้มข้น กรองสารละลายแล้วให้ท�ำปฏิกิริยา ดังสมการท่ี 2 กับสารละลาย Griess ก่อนท�ำการวัดค่าการดูด แกทลืนนแคส่างลขงอในงสสามรกผาลริตทผ่ี 2ลทจ่ีเะกสิดาขมึ้นาจระถไคด�ำ้คน่าวYณ2คแวลาม้ว Y2 = m2X2 + C ……..(2) เใขน้มตขัว้อนยไม่าโงคไดร้โสมุดลทาร้า์ขยอนงักไวนิจไัยตกร็จทะ์แสลาะมไานรเถตครท�ำน(วXณ2) ความเขม้ ขน้ ไมโครโมลารข์ องไนเตรทในสารตวั อยา่ ง (เAมb่ือsoYr2bเaปn็นceค,่าAกbาsร)ดทูด่ีคกวลามืนยแาสวงคขลอ่ืนง5ส4า0ร ไไดน้จไตารกทค์แ่าลXะ2ไน–เXต1รนทั่นในเอตงัวอผยล่ากงาเรขวมิเ่าคทราี่เกะิดหจ์ปารกิมกาาณร ผลติ ผล ยงิ ปนื ทเ่ี กบ็ บรเิ วณเปา้ ทถ่ี กู ยงิ ดว้ ยระยะยงิ 2 นวิ้ ซง่ึ น เขา้มโนขเ้นมรตขวรอมmงไกม2รโเาคปฟรน็ โมคมาา่ ลตคารวรฐา์ขามนอชใงนันไนห(Aไนตbว่ sรยทµX์แM2ล-1เะปaไsน็นNคเตวOรา2ทม-) ถูกเก็บภายหลังการยิงเป็นเวลา 6 ชั่วโมง แสดงดัง (µM) และ C เป็นจุดตัดแกน Y (Intercept) ตาม รปู ท่ี 4 ลำ� ดับ รปู ที่ 4 แสดงผลการวเิ คราะห์ปริมาณไนไตรทแ์ ละไนเตรทในตวั อย่างเขม่าทเ่ี กดิ จากการยิงปนื 26 วารสารวิจยั วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภัฏนครราชสมี า ปที ่ี 2 ฉบับท่ี 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2560) Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

จากผลในรปู ที่ 4 พบวา่ ทกุ ตวั อยา่ งมปี รมิ าณ 0พ.บ0ป01ริ2มาแณลไะนyไต=รท0์ใ.น0ต01ัวอ5xย2่าง- 0.0208 ตามล�ำดับ ไนไตรท์ที่พบน้อยกว่าปริมาณไนเตรทอย่างมีนัย และปริมาณไนไตร สำ� คญั ประมาณ 4 – 5 เทา่ การประยกุ ตว์ ธิ กี ารสเปก ท์ในตัวอย่างที่ถูกเติมสารละลายมาตรฐานไนไตรท์ โตรโฟโตเมตรสี �ำหรบั วเิ คราะหป์ รมิ าณไนไตรทแ์ ละ แสดงดังตารางท่ี 3 ซึ่งเมื่อน�ำความเข้มข้นของไน ไนเตรทในตวั อยา่ งเขมา่ ทเ่ี กดิ จากการยงิ ปนื ประสบ ไตรท์มาค�ำนวณค่าร้อยละคืนกลับของไนไตรท์ใน ความส�ำเร็จเป็นอย่างดี สามารถวิเคราะห์พบสารที่ ตัวอย่างเขม่าที่เกิดจากการยิงปืน พบว่าได้ร้อยละ สนใจท้ังสองชนิดในตัวอย่างเขม่าท่ีเกิดจากการยิง คนื กลับของไนไตรท์เฉลี่ย เท่ากบั 72.34 ปืนซ่ึงเก็บภายหลังการยิงถึง 6 ชั่วโมง นั่นกล่าวได้ ว่าเป็นวิธีท่ีมีความไวท่ีดี เพราะโดยปกติปริมาณไน สรุป และวิจารณผ์ ลการทดลอง ไตรทแ์ ละไนเตรทจะลดลงอยา่ งมากเมอ่ื ถกู ทง้ิ ไวเ้ ปน็ การวิเคราะห์ปริมาณไนไตรท์และไนเตรท เวลานานก่อนการเก็บตัวอย่าง ในตวั อยา่ งเขมา่ ทเี่ กดิ จากการยงิ ปนื ดว้ ยวธิ กี ารสเปก 3.3.3 ผลการวิเคราะห์ค่าร้อยละคืนกลับ โตรโฟโตเมตรี โดยการศึกษาการเกิดปฏิกิริยาของ ของการวเิ คราะหป์ ริมาณไนไตรท์ ไนไตรท์กับสารละลาย Griess ซึ่งจะเกิดผลิตภัณฑ์ ผลการตรวจสอบค่าร้อยละคืนกลับของ สชี มพู และศกึ ษาการรดี วิ ซไ์ นเตรทเปน็ ไนไตรทด์ ว้ ย การวิเคราะห์ปริมาณไนไตรท์ในตัวอย่างเขม่าที่เกิด Zn เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ปริมาณไนเตรท ซึ่งพบ จากการยิงปนื จ�ำนวน 3 ชดุ โดยการน�ำสารละลาย ว่าสภาวะท่ีเหมาะสมส�ำหรับการรีดิวซ์ไนเตรทเป็น ตัวอย่างไปวิเคราะห์ด้วยเทคนิคสเปกโตรโฟโตเม ไนไตรท์ ได้แก่ ปริมาณของกรด HCl เข้มข้นท่ีใช้ ตรี ที่ความยาวคลื่น 540 นาโนเมตร ตามหัวข้อท่ี เทา่ กบั 0.25 มลิ ลลิ ติ ร ปรมิ าณของ Zn ท่ีใช้เทา่ กับ 2.3.3.4 โดยการเทียบกับสมการเส้นตรงของกราฟ 0.13 กรมั และเวลาทใ่ี ชใ้ นการรดี วิ ซเ์ กดิ สมบรู ณโ์ ดย มาตรฐานไนไตรท์ (สมการที่ 1) และไนไตรท์ผสม ทนั ที (0 วนิ าท)ี จากผลการวเิ คราะหป์ รมิ าณไนไตรท์ ไนเตรท (สมการท่ี 2) ซึ่งท�ำการสร้างใหม่ทุกคร้ัง และไนเตรทในตัวอย่างเขม่าที่เกิดจากการยิงปืนซึ่ง ที่ท�ำการวิเคราะห์ตัวอย่าง ได้แก่ y = 0.0629x1 - เก็บท่ีเป้ายิงภายหลังการยิงเป็นเวลา 6 ช่ัวโมงด้วย ตารางที่ 3 แสดงคา่ ร้อยละคืนกลบั ของการวเิ คราะห์ปรมิ าณไนไตรท์ในตวั อย่างเขมา่ ท่เี กิดจากการยิงปนื ตัวอย่าง ความเข้มข้นของไนไตรท์ (ไมโครโมลาร)์ ร้อยละ 1 คนื กลับ 2 สารละลายตวั อย่าง สารละลายตวั อยา่ งผสมกบั สารละลาย สารละลายมาตรฐาน 63.82 3 74.47 เฉลี่ย มาตรฐานท่ีถูกเติมลงไป ทถี่ กู เตมิ ลงไป 78.72 72.34 1.27 1.57 0.47 1.03 1.38 0.47 1.09 1.46 0.47 วารสารวิจยั วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสมี า ปีท่ี 2 ฉบบั ที่ 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2560) 27 Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

วิธีการสเปกโตรโฟโตเมตรี พบว่าสามารถวิเคราะห์ [4] Patton C. J. and Kryskalla J. R., Colori ปริมาณไนไตรท์และไนเตรทในตัวอย่างเขม่าท่ีเกิด metric Determination of Nitrate Plus จากการยิงปืนได้ประสบความส�ำเร็จเป็นอย่างดี จึง Nitrite in Water by Enzymatic Reduc สรุปได้ว่าวิธีการสเปกโตรโฟโตเมตรีที่เสนอมีความ tion, Automated Discrete Analyzer ไวท่ีดีและสามารถเป็นอีกหน่ึงทางเลือกเพ่ือน�ำไป Methods. Chapter 8 Section B, ประยกุ ตส์ ำ� หรบั งานด้านนติ วิ ิทยาศาสตร์ได้ Methods of the National Water Quality Laboratory Book 5, Laboratory กิตติกรรมประกาศ Analysis, U.S. Department of the งานวิจัยนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากคณะ Interior, U.S. Geological Survey, วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏ Reston, Virginia: 2011 นครราชสมี า และขอขอบคณุ ศนู ยว์ ทิ ยาศาสตร์ คณะ [5] Chen G., Yuan D., Huang Y., Zhang M. and วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏ Bergman M., In-field determination นครราชสีมา ที่ให้ความอนุเคราะห์อุปกรณ์และ of nanomolar nitrite in seawater using เคร่ืองมือที่เก่ียวข้องกับการด�ำเนินงานวิจัย จนส่ง a sequential injection technique ผลใหง้ านวิจัยสำ� เรจ็ ไดด้ ว้ ยดี combined with solid phase enrichment and colorimetric เอกสารอา้ งอิง detection. Analytica Chimica Acta [1] เบญจ์ พตุ ินิล. (2554). การวเิ คราะห์ปรมิ าณ 2008, 620, 82–88 ไนเตรทและไนไตรทใ์ นเขม่าดินปืนด้วย [6] Pasquali C. E. L., Gallego-Pico A., Hernando ไอออนโครมาโตกราฟ.ี วทิ ยานพิ นธป์ รญิ ญา P. F., Velasco M. and Alegria J. S. D., วิทยาศาสตรม์ หาบัณฑติ สาขาวิชานติ ิ Two rapid and sensitive automated วทิ ยาศาสตรม์ หาวิทยาลัยศิลปากร. methods for the determination of [2] Morelato, M., Beavis, A., Ogle, A., Doble, P., nitrite and nitrate in soil samples. Kirkbride, P., Roux, C. (2012). Screening Microchemical Journal 2010, 94, of gunshot residues using desorption 79–82 electrospray ionization – mass spec- [7] Feng S., Zhang M., Huang Y., Yuan D. trometry (DESI – MS). Journal of andZhuY.,Simultaneousdetermination Forensic Science International. 101 – 106. of nanomolar nitrite and nitrate in [3] ยทุ ธพงศ์ เศรษฐสี มบตั ิ และศริ ริ ตั น์ ชสู กลุ เกรยี ง. sea water using reverse flow injection (2557). การหาปรมิ าณไนเตรทและไนไตรท์ analysis coupled with a long path ในเขมา่ ปนื ทต่ี ิดบนผิวรถยนตโ์ ดยเทคนคิ length liquid waveguide capillary cell. ไอออนโครมาโตกราฟ.ี วารสารวทิ ยาศาสตร์ Talanta 2013, 117, 456–462 และเทคโนโลยี คณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศิลปากร. 1(2). 28 วารสารวิจยั วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภัฏนครราชสมี า ปที ่ี 2 ฉบบั ท่ี 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2560) Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

[8] Bhakta S. A., Borba R., Taba Jr. M., Garcia [13] Pagliano E., Meija J.and Mester Z., C. D. and Carrilho E., Determination High-precision quadruple isotope of nitrite in saliva using microfluidic dilution method for simultaneous paper-based analytical devices. determination of nitrite and nitrate in Analytica Chimica Acta 2014, 809, seawater by GCMS after derivatization 117– 122 with triethyloxoniumtetrafluoroborate. [9] Zhang H., Qi S., Dong Y., Chen X., Xu Y., Analytica Chimica Acta 2014, 824, Ma Y. and Chen X., A sensitive 36–41 colorimetric method for the deter [14] ภิญญดา อนั สน่ัน สุธา ภสู่ ิทธศิ กั ดิ์ และจริ mination of nitrite in water supplies, วัชร ธนรู ัตน.์ (2556). การหาปริมาณ meat and dairy products using ionic ไนเตรทในเขมา่ ดนิ ปืนภายในลำ� กล้องปืน liquid-modified methyl red as a โดยเทคนคิ สเปกโตรโฟโตเมตร.ี วารสารวจิ ยั colour reagent. Food Chemistry 2014, คณะวิทยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ . 151, 429–434 13(4). [10] Troska P., Chudoba R., Danc L., Bodor R., Horciciak M., Tesarova E. and Masar M., Determination of nitrite and nitrate in cerebrospinal fluid by microchip electrophoresis with microsolid phase extraction pre- treatment. Journal of Chromatogra phy B 2013, 930, 41– 47 [11] Betta F. D., Vitali L., Fett R. and Costa A. C. O., Development and validation of a sub-minute capillary zone electrophoresis method for determi- nation of nitrate and nitrite in baby foods. Talanta 2014, 122, 23–29 [12] Ferreira I.M.P.L.V.O. and Silva S., Quantification of residual nitrite and nitrate in ham by reverse-phase high performance liquid chromatography/ diode array detector. Talanta 2008, 74, 1598–1602 วารสารวจิ ัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภฏั นครราชสมี า ปที ่ี 2 ฉบบั ที่ 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2560) 29 Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

ไมโครเวฟเค้กขา้ วไรซเ์ บอรี่ Instant microwave riceberry cakes นสิ า การเพยี ร1 พชั รดิ า ยุทธกล้า1 รัชนกี ร ใจบุญ1 ปรรัตน์ ศภุ มิตรโยธนิ 1 บทคัดยอ่ การวิจยั นี้มีวัตถุประสงค์เพอ่ื ศึกษาผลติ ภณั ฑ์ไมโครเวฟเค้กขา้ วไรซ์เบอรี่ โดยศึกษาอัตราส่วนของ แป้งสาลแี ละแป้งข้าวเจ้า(40:60) ต่อแป้งขา้ วไรซเ์ บอร่ีทง้ั หมด 4 ระดบั ซ่งึ อตั ราส่วนทเ่ี หมาะสมท่สี ดุ ไดแ้ ก่ อตั ราสว่ นแปง้ สาลแี ละแปง้ ขา้ วเจา้ รอ้ ยละ 70 ตอ่ แปง้ ขา้ วไรซเ์ บอรรี่ อ้ ยละ 30 จากการศกึ ษาพบวา่ ลกั ษณะ สีของผลิตภัณฑ์ คือ สีน�้ำตาลออกด�ำ มีค่าสี L* เท่ากับ 70.59±0.62 a* เท่ากับ 2.23±0.04 b* เท่ากับ 7.00±0.09 ค่า C* เท่ากับ 7.35±0.08 และ ºh อยู่ในช่วงสนี ำ�้ เงนิ ออกมว่ ง ในผลิตภัณฑม์ ีองค์ประกอบของ ความชื้น ร้อยละ 7.26±0.09 มีปริมาณโปรตีน ร้อยละ 5.31±0.49 ไขมันร้อยละ 0.66±0.08 เถ้าร้อยละ 3.66±0.05 เยือ่ ใยรอ้ ยละ 0.70±0.03 คารโ์ บไฮเดรต รอ้ ยละ 82.02±0.27 อะไมโลสรอ้ ยละ 20.58±0.10 มคี ่าพลงั งานท้งั หมด เทา่ กบั 355.27±2.99 kcal/100g มปี ริมาณแอนตอ้ี อกซแิ ดนท์ เทา่ กับ 86.64±7.22 µ mol/g และมีปริมาณแอนโธไซยานิน เท่ากบั 0.018±0.04 mg/L ไม่พบเชอื้ จลุ ินทรยี ์ Salmonella sp., Staphylococcus, Bacillus และ Clostridium perfingens ในผลติ ภณั ฑไ์ มโครเวฟเคก้ ขา้ วไรซเ์ บอร่ี และ ผ้บู รโิ ภคใหค้ ะแนนความชอบโดยรวมในระดบั ความชอบปานกลาง เท่ากบั 7.55 ค�ำสำ� คญั : แป้งขา้ วไรซ์เบอร่ี, เค้ก, ไมโครเวฟ บทนำ� ท�ำให้ได้ผลติ ภัณฑ์เคก้ ทม่ี ีเน้อื ละเอียด นุ่ม รสหวาน เค้กจัดเป็นขนมท่ีมีกระบวนการท�ำให้สุก และมีกลิ่นหอมและเค้กจัดเป็นขนมที่นิยมบริโภค โดยการอบ เปน็ ผลติ ภณั ฑเ์ บเกอรที่ ่ีทำ� จากแปง้ สาลี กันทุกกลุ่มชน ข้าวไรซ์เบอร์ร่ี (Riceberry) ได้จาก นำ้� ตาลทราย ผงฟู เกลอื ไขมนั นม ไขไ่ ก่ และกลน่ิ รส การผสมข้ามพันธุ์ระหว่างข้าวเจ้าหอมนิลกับข้าว สว่ นผสมเหลา่ นเี้ มอ่ื รวมกนั ในสดั สว่ นทเ่ี หมาะสม จะ 1 หลกั สตู รวิทยาศาสตรบัณฑติ สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยกี ารอาหาร คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภฏั นครราชสีมา 30 วารสารวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภฏั นครราชสีมา ปีท่ี 2 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2560) Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

ขาวดอกมะลิ 105 โดยส่วนมากจะอยู่ในเขตภาค เนย ผงฟู สูตรดับเบิลแอ็คติง เกลือ สารเสริมคุณ เหนือของประเทศไทย มีลักษณะเป็นข้าวเจ้ามีสี ภาพเอสพี และแป้งเค้กส�ำเร็จรูปรสช็อกโกแลต ม่วงเข้ม รูปร่างเมล็ดเรียวยาว มีคุณสมบัติเด่นทาง สำ� หรบั ไมโครเวฟ (ตัวอยา่ งทางการคา้ ) ด้านโภชนาการ คือ มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง สาร วิธีดำ� เนนิ การวิจัย อาหารส�ำคัญท่ีอยู่ในข้าวกล้องไรซ์เบอรี่จะช่วยส่ง ตอนท่ี 1 ศึกษาองคป์ ระกอบ (Proximate เสริมประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระต่างๆท่ี Analysis) ของข้าวไรซเ์ บอร่ี ถูกสร้างขึ้นในร่างกาย ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ข้าวไรซ์เบอรี่ที่น�ำใช้ในการทดลองนี้ ได้ใช้ และ ยงั มีประโยชนใ์ นการต้านมะเร็งและชว่ ยชะลอ ข้าวไรซ์เบอร่ีที่ผ่านกระบวนการโม่จนเป็นแป้งแล้ว วยั (รชั นกิ ร แสงขาว. 2554) น�ำแปง้ ขา้ วไรซเ์ บอรม่ี าตรวจวเิ คราะห์ ดังน้ี ไมโครเวฟเค้กข้าวไรซ์เบอร่ีจัดเป็นอาหาร 1. การตรวจคุณสมบัติด้านกายภาพ ได้แก่ กึ่งส�ำเร็จรูปท่ีผ่านกระบวนการแปรรูปมาแล้ว ใน การวดั คา่ สี L* a* b* และคา่ สี L* C* °h งานวิจัยน้ีจึงมีแนวคิดในการพัฒนาเค้กให้ผู้บริโภค 2. ตรวจคุณสมบัติด้านเคมี วิเคราะห์ค่า สามารถท�ำรับประทานได้ง่ายๆที่บ้าน ได้ความสด ความช้ืน ปริมาณโปรตีน ปริมาณไขมัน ปริมาณ ใหม่ อบร้อนๆ พร้อมรับประทานและยังประหยัด เส้นใย ปริมาณ-เถ้า ปริมาณคาร์โบไฮเดรต ค่า เวลาด้วยเคร่ืองไมโครเวฟ ไมโครเวฟเค้กถือว่า พลงั งานทง้ั หมดในอาหาร ปรมิ าณอะไมโลส ปรมิ าณ เป็นการเพ่ิมทางเลือกหน่ึงในการรับประทานเค้ก แอนต้อี อกซแิ ดนซ์ และปรมิ าณเเอนโธไซยานิน และในงานวจิ ยั นไี้ ดม้ กี ารนำ� ขา้ วไรซเ์ บอรมี่ าเปน็ สว่ น ตอนท่ี 2 ศกึ ษาอัตราสว่ นของแปง้ ขา้ วสาลี ประกอบหลักในเค้กเพ่ือเพิ่มคุณค่า ทางโภชนาการ ต่อแป้งข้าวไรซ์เบอรี่ที่ใช้ในไมโครเวฟเค้กข้าว ไรซ์ และเป็นการปรับปรุงคุณภาพด้านกายภาพ เช่น สี เบอร่ี ศึกษาอัตราส่วนของแป้งสาลีและแป้งข้าว กลิ่น รส และเนื้อสมั ผัส โดยจะนำ� ส่วนผสมเค้กข้าว เจา้ (40 : 60) ต่อแปง้ ขา้ วไรซเ์ บอร่ที ั้งหมด 4 ระดบั ไรซ์เบอรี่กึ่งส�ำเร็จรูปพร้อมรับประทาน ผู้บริโภค ได้แก่ แป้งสาลีและ แป้งข้าวเจา้ ตอ่ แป้งขา้ วไรซเ์ บ เพียงเติมน้�ำในส่วนผสม คนให้เข้ากันและน�ำเข้า อร่ี ร้อยละ 90:10 80:20 70:30 และ 60:40 ตาม เคร่ืองไมโครเวฟ จะได้เค้กข้าวไรซ์เบอรี่ที่อุดมไป ล�ำดับ น�ำเค้กข้าวไรซ์เบอร่ีที่ได้แต่ละสูตรมาตรวจ ด้วยคุณค่าทางอาหารพร้อมรบั ประทาน สอบคณุ ภาพ ดังน้ี วัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อศึกษาองค์ 1. การตรวจสอบคุณสมบัติด้านกายภาพ ประกอบ (Proximate Analysis) ของข้าวไรซเ์ บอร่ี ได้แก่ วัดเน้ือสัมผัส วัดปริมาตรเค้ก วัดค่าสี และ ศกึ ษาอตั ราสว่ นของแปง้ ขา้ วสาลแี ละแปง้ ขา้ วเจา้ ตอ่ ลักษณะโพรงอากาศ แปง้ ขา้ วไรซเ์ บอรที่ ใี่ ชใ้ นผลติ ภณั ฑไ์ มโครเวฟเคก้ ขา้ ว 2 การประเมินคุณภาพด้านประสาทสัมผัส ไรซ์เบอรี่และตรวจสอบคุณภาพทางกายภาพ เคมี ประเมินคุณภาพด้านประสาทสัมผัสในคุณลักษณะ จุลินทรีย์ และการยอมรับของผลิตภัณฑ์ไมโครเวฟ ด้านสี กล่ิน รสชาติ ลักษณะเน้ือสัมผัส และความ เคก้ ขา้ วไรซเ์ บอรี่ ชอบโดยรวม ดว้ ยวธิ ี Hedonic scale ระดบั คะแนน อุปกรณ์และวิธีการ 1-9 โดยทดสอบด้วยผบู้ ริโภคจำ� นวน 30 คน วัตถุดิบ ได้แก่ แป้งข้าวไรซ์เบอรี่ แป้งสาลี (แป้งเค้ก) แป้งข้าวเจ้า น้�ำตาลทราย นมผงขาดมัน วารสารวจิ ยั วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครราชสีมา ปีท่ี 2 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2560) 31 Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

ตอนท่ี 3 ตรวจสอบคุณภาพทางกายภาพ ไปตรวจสอบคุณสมบัติทางด้านเคมี ในแป้งข้าว เคมี จุลินทรีย์และการยอมรับของผู้ริโภคของ ไรซ์เบอรี่ มีปริมาณความช้ืนร้อยละ 12.19±0.14 ผลิตภัณฑ์ไมโครเวฟเค้กข้าวไรซ์เบอร่ีน�ำสูตร และมีค่าโปรตีนร้อยละ 10.58±0.62 ไขมันร้อยละ ไมโครเวฟเค้กข้าวไรซ์เบอร่ีท่ีผ่านเกณฑ์คัดเลือก 1.28±0.17 เถ้าร้อยละ 1.68 ±0.22 เย่ือใยร้อย มาตรวจสอบคณุ ภาพ ดงั น้ี ละ 0.85±0.04 คาร์โบไฮเดรตร้อยละ73.44±0.38 1. การตรวจสอบคุณสมบัติด้านกายภาพ อะไมโลสรอ้ ยละ 20.77±0.19 มคี า่ พลงั งานทงั้ หมด ไดแ้ ก่ วดั คา่ สี L*a*b* และ L* c* °h ร้อยละ 349.19±3.63 kcal/100g มีปริมาณ 2. การตรวจสอบคุณสมบัติด้านเคมี ได้แก่ แอนต้ีออกซิแดนท์ เท่ากับ 134.64±0.32µ mol ปริมาณความช้ืน ปริมาณโปรตีน ปริมาณไขมัน AEAC/gFw และมีปริมาณแอนโธไซยานิน เท่ากับ ปริมาณ เยื่อใย ปริมาณเถ้า ปริมาณคาร์โบไฮเดรต 0.012±0.07 mg/L จากการศึกษาของ นรินทร์ภพ คา่ พลังงานท้งั หมด ปริมาณแอนตอี้ อกซิแดนซ์ และ ช่วยการ และคณะ (2556) พบว่า องค์ประกอบ แอนโทไซยานิน ทางเคมีของข้าวไรซ์เบอร่ีมีปริมาณ ความชื้นร้อย 3.การตรวจสอบด้านจุลินทรีย์ ได้แก่ การ ละ 11.53±0.05 โปรตีนร้อยละ 8.32±0.16 ไขมัน ตรวจเช้ือจุลินทรีย์ Salmonella sp., Staphylo- ร้อยละ 1.40±0.05 เถ้าร้อยละ 1.45±0.04 เยื่อ coccus, Bacillus และ Clostridium perfingens ใยร้อยละ 1.95±0.04 และคาร์โบไฮเดรตร้อยละ ต้องไม่พบเกินมาตรฐานตามประกาศกระทรวง 75.35±0.33 จะเห็นว่าปริมาณความช้ืน ไขมัน เถ้า สาธารณสุข (ฉบับท่ี 364) พ.ศ. 2556 เรื่องอาหาร และคารโ์ บไฮเดรต ของงานวจิ ยั นก้ี บั งานวจิ ยั อา้ งองิ กึง่ ส�ำเรจ็ รูปชนิดผงหรือแหง้ มปี รมิ าณใกลเ้ คยี งกนั โดยปรมิ าณเยอื่ ใยมคี า่ ตำ่� กวา่ 4. การประเมินคุณภาพด้านประสาท งานวจิ ยั อา้ งองิ และมปี รมิ าณโปรตนี สงู กวา่ งานวจิ ยั สมั ผสั ไดแ้ ก่ ประเมนิ คณุ ภาพดา้ นประสาทสมั ผสั ใน อ้างอิง ซึ่งอาจเป็นผลมา คุณลักษณะด้านสี กลิ่น รสชาติ ลักษณะเน้ือสัมผัส จากพน้ื ทก่ี ารเพาะปลกู ขา้ วจากการทดลอง และการยอมรับโดยรวม ด้วยวิธี Hedonic scale มาจากจงั หวดั นครปฐม สว่ นขา้ วจากงานวจิ ยั อา้ งองิ ระดบั คะแนน 1-9 โดยทดสอบดว้ ยผบู้ ริโภคจำ� นวน ปลูกในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา จึงอาจท�ำให้องค์ 100 คน ประกอบทางเคมแี ตกตา่ งกนั เล็กน้อย ซง่ึ มผี ลแสดง ผลและวิจารณผ์ ลการทดลอง ดงั ตารางท่ี 1 ตอนที่ 1 ศกึ ษาองคป์ ระกอบของแปง้ ขา้ วไรซเ์ บอรี่ ศึกษาองค์ประกอบ (Proximate Anal- ysis) ของแป้งข้าวไรซ์เบอรี่ ผลการตรวจสอบ คุณสมบัติทางด้านกายภาพในแป้งข้าวไรซ์เบอรี่ มี ค่าสีความสว่าง (L*) เท่ากับ 76.11±0.07 ค่าสี เหลือง (a*) เท่ากับ 5.04±0.18 ค่าสีเหลือง (b*) เทา่ กบั 8.60±0.04 คา่ ความสดใสของสี (C*) เทา่ กบั 9.97±0.12 และคา่ เฉดสี (ºh) เท่ากบั 59.60±0.81 ซึ่งค่าเฉดสีที่ได้อยู่ในโทนสีน�้ำเงินออกม่วง เม่ือน�ำ 32 วารสารวจิ ยั วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ปีที่ 2 ฉบับท่ี 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2560) Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

ตารางที่ 1 องค์ประกอบของแป้งข้าวไรซเ์ บอรี่ การตรวจสอบคณุ ภาพ แปง้ ขา้ วไรซ์เบอร ่ี แปง้ ขา้ วไรซ์เบอร่*ี คา่ ความสวา่ ง (L*) 76.11±0.07 11.53±0.05 ค่าสแี ดง (a*) 5.04±0.18 8.32±0.16 ค่าสีเหลือง (b*) 8.60±0.04 1.40±0.05 คา่ ความเข้มของสี (C*) 9.97±0.12 1.45±0.04 คา่ เฉดสี (hue หรือ °h) 59.60±0.81 1.95±0.04 ความชนื้ (%) 12.19±0.14 75.35±0.33 โปรตนี (% dry weight) 10.58±0.62 ไขมัน (% dry weight) 1.28±0.17 เถ้า (% dry weight) 1.68±0.22 เยือ่ ใย (% dry weight) 0.85±0.04 คาร์โบไฮเดรต (% dry weight) 73.44±0.38 พลังงานทง้ั หมด (in calories per 100 gram) 349.19±3.63 อะไมโลส (%) 20.77±0.19 แอนตอี้ อกซแิ ดนท์ (µ mol AEAC/gFw) 134.64±0.32 แอนโธไซยานิน (mg/L) 0.012±0.07 *นรนิ ทร์ภพ ชว่ ยการ และคณะ (2556) ตอนที่ 2 ศึกษาอัตราส่วนของแป้งข้าวสาลีและ ข้ึนแต่มีความหนาแน่นลดลง เน่ืองจากในแป้งข้าว แปง้ ขา้ ว ไรซเ์ บอร่ี มปี รมิ าณเยอื่ ใยสงู เมอ่ื มขี า้ วไรซเ์ บอรม่ี าก เจา้ ตอ่ แปง้ ขา้ วไรซ์เบอร่ีทใี่ ช้ไมโครเวฟเค้ก ขึ้นจึงท�ำให้ปริมาณเย่ือใยของแป้งข้าวไรซ์เบอร่ีไป ข้าวไรซ์เบอร่ี การศึกษาอัตราส่วนของแป้งข้าวสาลี ขัดขวางการเกดิ เจล ของแป้งขา้ วเจา้ ท�ำใหเ้ น้อื เค้ก และแปง้ ขา้ วเจา้ ตอ่ แปง้ ขา้ วไรซเ์ บอรี่ รอ้ ยละ 90:10 มลี กั ษณะรว่ นซยุ และนมุ่ ขนึ้ และเมอ่ื มอี ตั ราสว่ นของ 80:20 70:30 และ60:40 ตามลำ� ดบั ท่มี ีผลต่อการ แป้งข้าวไรซ์เบอรี่เพ่ิมขึ้นก็จะท�ำให้เค้กข้าวไรซ์เบ ผลิตไมโครเวฟเค้กข้าวไรซ์เบอรี่ จากผลการศึกษา อร่ีมีค่าความสว่าง (L*) ค่าสีแดง (a*) ค่าสีเหลือง พบว่า แป้งข้าวไรซ์เบอร่ีมีผลต่อลักษณะเนื้อสัมผัส (b*) ค่าความสดใสของสี (C*) และค่าเฉดสี (ºh) ของเค้กท่ีเกิดขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าในอัตราส่วนท่ีมี เพ่ิมขึ้น เนื่องจากในข้าวไรซ์เบอร่ีมีรงควัตถุแอนโท แปง้ ขา้ วไรซเ์ บอรที่ เี่ พม่ิ ขน้ึ จะทำ� ใหเ้ คก้ จะมลี กั ษณะ ไซยานนิ จึงทำ� ใหเ้ ค้กมีสีเขม้ ข้นึ ซึ่งคา่ เฉดสีทไ่ี ด้ อยู่ เนอ้ื สมั ผสั นมุ่ และรว่ นซยุ ขน้ึ มลี กั ษณะโพรงอากาศที่ ในโทนสีน�้ำเงินออกม่วง ซ่ึงมีผลแสดงดังภาพที่ 1 เลก็ ลงและละเอยี ดมากขนึ้ เมอื่ มกี ารเตมิ อตั ราสว่ น และตารางที่ 2 ของขา้ วไรซ์เบอรเ่ี พม่ิ ขนึ้ ก็จะท�ำใหป้ ริมาตรเคก้ เพิ่ม วารสารวิจยั วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภัฏนครราชสมี า ปีท่ี 2 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2560) 33 Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

ภาพที่ 1 ไมโครเวฟเคก้ ข้าวไรซ์เบอรี่ท้ัง 4 สูตร อตั ราสว่ นของแป้งสาลีและแปง้ ขา้ วเจา้ ต่อแป้ง ข้าวไรซ์เบอรี่ ร้อยละ (1) 90:10 (2) 80:20 (3) 70:30 และ (4 ) 60:40 ตามล�ำดบั ตารางที่ 2 แสดงคุณภาพด้านกายภาพของไมโครเวฟเคก้ ข้าวไรซเ์ บอรี่ คา่ ทวี่ เิ คราะห ์ (อรัต้อรยาลสะว่ )นของแปง้ สาลีและแป้งข้าวเจา้ ตอ่ แปง้ ข้าวไรซ์เบอรี่ 90:10 80:20 70:30 60:40 Hardness (N) 871.67a±24.05 848.89a±77.76 505.47b±58.06 454.12b±3.06 Springiness 0.82a±0.03 0.80a±0.02 0.67b±0.11 0.50c±0.001 Gumminess 438.27a±13.67 374.43b±14.45 204.72c±4.33 194.61c±4.19 น�ำ้ หนกั เคก้ หลังอบ (g) 170.29b±1.65 170.12b±036 175.84a±0.53 174.43a±0.67 ปริมาตรเค้ก (cm3) 161.33c±2.88 173.33c±2.88 181.66b±2.88 193.33a±2.88 ความหนาแน่น (g/cm3) 1.05a±1.58 0.98a±2.01 0.96b±1.09 0.90b±1.35 คา่ ความสวา่ ง (L*) 19.14c±0.49 24.19c±0.43 27.50a±0.35 28.80b±0.38 ค่าสีแดง (a*) 6.67d±0.78 8.81c±0.36 9.43b±0.10 10.39a±0.19 ค่าสเี หลอื ง (b*) 6.81c±0.73 7.51b±0.51 10.84a±0.38 11.13a±0.24 ค่าความเขม้ ของสี (C*) 8.84d±0.91 12.29c±0.72 14.28a±0.42 15.23a±0.14 ตัวอักษรที่แตกตา่ งกนั ในแนวนอน หมายถึง แตกต่างทางสถติ อิ ยา่ งมีนยั สำ� คัญ (p≤0.05) ตัวอกั ษรที่เหมือนกันในแนวต้ัง หมายถึง ไมแ่ ตกต่างทางสถิติ(p>0.05) คา่ เฉล่ยี มาจากการวเิ คราะห์ 3ซำ�้ ± ส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน 34 วารสารวิจัยวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏนครราชสมี า ปที ี่ 2 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2560) Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

การประเมินคุณภาพด้านประสาทสัมผัส คะแนนการยอมรับของผู้บริโภคไม่แตกต่างกัน จึง ของไมโครเวฟเค้กข้าวไรซ์เบอร่ีในคุณลักษณะด้าน เลือกที่ร้อยละ 30 เพราะมีการใช้แป้งข้าวไรซ์เบอรี่ สี กลิ่น รสชาติ ลักษณะเนื้อสัมผัส และความชอบ ไดม้ ากทส่ี ดุ และเปน็ อตั ราสว่ นทที่ ำ� ใหเ้ คก้ มลี กั ษณะ โดยรวม ดว้ ยวธิ ี Hedonic scale ระดบั คะแนน 1-9 ปรากฏท่ีดี ลักษณะเน้ือสัมผัสของเค้กนุ่มและขึ้นฟู โดยทดสอบด้วยผู้บริโภคจ�ำนวน 30 คน คะแนน พอดี เนอ้ื ไมร่ ว่ นซยุ และไมแ่ ขง็ จนเกนิ ไป จงึ ทำ� ใหไ้ ด้ การยอมรับทางด้านประสาทสัมผัสในคุณลักษณะ รับคะแนนการยอมรับของผู้บริโภคสูง ส่วนคะแนน ด้านรสชาติ ลักษณะเน้ือสัมผัสและการยอมรับโดย การยอมรับของผู้บริโภคทางด้านประสาทสัมผัสใน รวม มีความแตกต่างทางสถิติ (p≤0.05) โดยพบว่า คุณลักษณะด้านสีและกล่ิน ไม่มีความแตกต่างทาง เค้กข้าวไรซ์เบอรี่ท่ีมีการทดแทนแป้งข้าวสาลีและ สถติ ิ (p>0.05) ซ่งึ มผี ลแสดงดังตารางท่ี 3 แป้งข้าวเจ้าด้วยข้าวไรซ์เบอรี่ ร้อยละ 10-30 มี ตารางท่ี 3 แสดงคุณภาพดา้ นประสาทสมั ผัส อัตราสว่ นของแปง้ สาลี กลิ่นns รสชาติ เนอ้ื สมั ผัส การยอมรบั โดยรวม และแปง้ ข้าวเจา้ ตอ่ แป้ง สี ns ขา้ วไรซ์เบอรี่ (ร้อยละ) 6.80±1.15 6.69ab±1.30 6.53±1.30ab 6.86ab±1.07 90:10 7.10±1.24 7.23±0.93 7.13ab±1.16 6.86±1.13ab 7.30ab±0.98 80:20 7.40±0.96 7.23±1.10 7.36a±0.99 7.16±1.57a 7.60a±1.13 70:30 7.60±0.93 6.96±1.34 6.70b±1.34 6.43±1.22b 6.53c±1.16 60:40 7.03±1.06 ns หมายถงึ ไม่แตกตา่ งทางสถติ ิ (p>0.05) ตัวอกั ษรท่แี ตกต่างกนั ในแนวนอน หมายถงึ แตกตา่ งทางสถติ อิ ย่างมนี ัยสำ� คญั (p≤0.05) คา่ เฉล่ียมาจากการวเิ คราะห์ 30 ซ้ำ� ± ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วารสารวจิ ยั วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภฏั นครราชสมี า ปีท่ี 2 ฉบับท่ี 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2560) 35 Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

ตอนท่ี 3 ตรวจสอบคุณภาพทางกายภาพ เคมี โดยน้�ำหนักแห้ง และอะไมโลสร้อยละ จุลินทรีย์และการยอมรับของผู้บริโภคของ 20.58±0.10โดยน�้ำหนักแห้ง มีค่าพลังงานทั้งหมด ผลิตภัณฑ์ไมโครเวฟเคก้ ขา้ วไรซ์เบอร่ี เท่ากับ 355.27±2.99 kcal/100g มีปริมาณแอนตี้ จากผลการตรวจสอบคุณภาพของ ออกซแิ ดนท์ เทา่ กบั 86.64±7.22 µ mol/g และมี ผลิตภัณฑ์ไมโครเวฟเค้กข้าวไรซ์เบอรี่ทางด้าน ปริมาณแอนโธไซยานนิ เทา่ กับ 0.018±0.04 mg/L กายภาพ ได้แก่วัดค่าสี พบว่า มีค่าความสว่าง (L*) เมอ่ื นำ� มาตรวจหาเชอ้ื จลุ นิ ทรยี ์ Salmonella spp., เทา่ กบั 70.59±0.62 คา่ สแี ดง (a*) เทา่ กบั 2.23±0.04 Staphylococcus aureus, Bacillus cereus ค่าสีเหลือง (b*) เท่ากับ 7.00±0.09 ค่าความสดใส และ Clostridium perfringens ปรากฏว่าไม่พบ ของสี (C*) เท่ากับ 7.35±0.08 และค่าเฉดสี (ºh) เช้ือจุลินทรีย์ในผลิตภัณฑ์ไมโครเวฟเค้กข้าวไรซ์เบ อยใู่ นโทนสนี ำ�้ เงนิ ออกมว่ ง เมอื่ นำ� มาตรวจวเิ คราะห์ อร่ี และเม่ือน�ำไปประเมินคุณภาพด้านประสาท ทางดา้ นเคมี พบว่า ในผลติ ภณั ฑ์ไมโครเวฟเคก้ ข้าว สัมผัสของผลิตภัณฑ์ไมโครเวฟเค้กข้าวไรซ์เบอรี่ใน ไรซ์เบอร่ีมีปริมาณความชื้น ร้อยละ 7.26±0.09 มี คุณลักษณะด้านสี กล่ิน รสชาติ ลักษณะเน้ือสัมผัส ปริมาณโปรตีน ร้อยละ 5.31±0.49โดยน้�ำหนัก และความชอบโดยรวม โดยทดสอบด้วยผู้บริโภค แห้ง ไขมันร้อยละ 0.66±0.08โดยน้�ำหนักแห้ง เถ้า จ�ำนวน 100 คน พบว่า ผู้บริโภคให้คะแนนด้านสี ร้อยละ 3.66±0.05โดยน�้ำหนักแห้ง เยื่อใยร้อยละ มากที่สุด รองลงมาคือคะแนนด้านความชอบโดย 0.70±0.03 โดยน้�ำหนักแห้ง คาร์โบไฮเดรตร้อยละ รวม รสชาติ กล่ินและเน้ือสัมผัส ตามล�ำดับ ซึ่งอยู่ 82.02±0.27 ในระดบั ชอบปานกลาง ซ่งึ มผี ลแสดงดังตารางท่ี 4 ตารางที่ 4 แสดงคุณภาพของผลติ ภัณฑ์ไมโครเวฟเคก้ ข้าวไรซ์เบอรีใ่ นรูปแบบผงทพ่ี รอ้ มเขา้ ไมโครเวฟ เพือ่ การบริโภค คา่ ทว่ี ิเคราะห ์ ปริมาณ คา่ ความสว่าง (L*) 70.59±0.62 คา่ สแี ดง (a*) 2.23±0.04 ค่าสเี หลือง (b*) 7.00±0.09 คา่ ความสดใสของสี (C*) 7.35±0.08 ค่าเฉดสี (hue หรอื °h) 72.28±0.44 ความชืน้ (%) 7.26±0.09 โปรตนี (% dry weight) 5.31±0.49 ไขมัน (% dry weight) 0.66±0.08 เถา้ (% dry weight) 3.66±0.05 เย่อื ใย (% dry weight) 0.70±0.03 คารโ์ บไฮเดรต (% dry weight) 82.02±0.27 พลังงานท้งั หมด (in calories per 100 gram) 355.27±2.99 อะไมโลส (%) 20.58±0.10 แอนตีอ้ อกซิแดนท์ (µ mol AEAC/gFw) 86.64±7.22 แอนโธไซยานิน (mg/L) 0.018±0.04 คา่ เฉลี่ยมาจากการวเิ คราะห์ 3ซำ้� ± ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 36 วารสารวจิ ัยวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภฏั นครราชสมี า ปที ่ี 2 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2560) Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

จากตารางที่ 5 พบว่า การประเมินคุณภาพ ไรซ์เบอร่ีมีปริมาณความชื้น ร้อยละ 7.26±0.09 ดา้ นประสาทสมั ผสั ของผลติ ภณั ฑไ์ มโครเวฟเคก้ ขา้ ว มีปริมาณโปรตีนร้อยละ 5.31±0.49โดยน้�ำหนัก ไรซเ์ บอรี่ ในคณุ ลกั ษณะดา้ นสี กลน่ิ รสชาติ ลกั ษณะ แห้ง ไขมันร้อยละ 0.66±0.08โดยน้�ำหนักแห้ง เถ้า เนอ้ื สมั ผสั และความชอบโดยรวม ผบู้ รโิ ภคใหค้ ะแนน ร้อยละ 3.66±0.05โดยน�้ำหนักแห้ง เย่ือใยร้อยละ ด้านสีมากทสี่ ุด อาจเปน็ เพราะสีจากขา้ วไรซ์เบอรมี่ ี 0.70±0.03โดยน้�ำหนักแห้ง คาร์โบไฮเดรต ร้อยละ สีโทนด�ำอมม่วงแล้วเป็นสีที่ได้จากธรรมชาติและมี 82.02±0.27โดยน้�ำหนักแห้ง และอะไมโลสร้อยละ ประโยชน์ เม่ือน�ำมาใส่ในผลิตภัณฑ์เค้กจะท�ำให้สี 20.58±0.10โดยนำ�้ หนกั แหง้ มีคา่ พลงั งานท้ังหมด ชัดข้ึนและดึงดูดความสนใจได้มากข้ึน รองลงมาคือ เท่ากับ 355.27±2.99 kcal/100g มีปริมาณแอนตี้ คะแนนดา้ นความชอบโดยรวม รสชาติ กลน่ิ และเนอ้ื ออกซแิ ดนท์ เทา่ กับ 86.64±7.22 µ mol/g และมี สัมผสั ตามลำ� ดับ ซึง่ อย่ใู นระดับชอบปานกลาง ปรมิ าณแอนโธไซยานิน เท่ากบั 0.018±0.04 mg/L ตารางที่ 5 แสดงการประเมินคณุ ภาพดา้ นประสาทสัมผัสของผลิตภณั ฑไ์ มโครเวฟเค้กขา้ วไรซ์เบอร่ี ส ี กลิน่ รสชาต ิ เนอ้ื สัมผสั การยอมรับโดยรวม 7.62±0.08 7.49±0.08 7.512±0.08 7.07±0.08 7.55±0.08 ค่าเฉลี่ยมาจากการวเิ คราะห์ 100 ซ�ำ้ ± สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน สรปุ เมอ่ื นำ� มาตรวจหาเชอ้ื จลุ นิ ทรยี ์ Salmonella spp., จากการศึกษาผลิตภัณฑ์ไมโครเวฟเค้ก Staphylococcus aureus, Bacillus cereus ข้าวไรซ์เบอร่ี อัตราส่วนของแป้งข้าวสาลีและแป้ง และClostridium perfringens ปรากฏว่าไม่พบ ข้าวเจ้าต่อแป้งไรซ์เบอรี่ท่ีเหมาะสมในการผลิต เช้ือจุลินทรีย์ในผลิตภัณฑ์ไมโครเวฟเค้กข้าวไรซ์เบ ไมโครเวฟเค้กข้าวไรซ์เบอรี่ คือ ร้อยละ 70:30 อร่ี และเมื่อน�ำไปประเมินคุณภาพด้านประสาท ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่มีการยอมรับโดยรวมอยู่ใน สัมผัสของผลิตภัณฑ์ไมโครเวฟเค้กข้าวไรซ์เบอร่ีใน ระดับมาก และน�ำไปตรวจสอบคุณสมบัติทางด้าน คุณลักษณะด้านสี กล่ิน รสชาติ ลักษณะเน้ือสัมผัส กายภาพ ได้แก่ การวัดค่าสี พบว่า มีค่าความสว่าง และความชอบโดยรวม โดยทดสอบด้วยผู้บริโภค (L*) เท่ากับ70.59±0.62 ค่าสีแดง (a*) เท่ากับ จ�ำนวน 100 คน พบว่า ผู้บริโภคให้คะแนนด้านสี 2.23±0.04 ค่าสีเหลือง (b*) เท่ากับ 7.00±0.09 มากท่ีสุด รองลงมาคือคะแนนด้านความชอบโดย คา่ ความเข้มของสี (C*) เทา่ กับ 7.35±0.08 และค่า รวม รสชาติ กลิ่นและเนื้อสัมผัส ตามล�ำดับ ซึ่งอยู่ เฉดสี (ºh) เทา่ กับ 72.28±0.44 การตรวจวเิ คราะห์ ในระดับชอบปานกลาง ทางด้านเคมี พบวา่ ในผลติ ภณั ฑ์ไมโครเวฟเค้กข้าว วารสารวจิ ัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครราชสีมา ปีที่ 2 ฉบบั ท่ี 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2560) 37 Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

อ้างอิง กล้าณรงค์ ศรรี อต และเกอื้ กลู ปิยะจอมขวัญ. (2556). เทคโนโลยีของแปง้ . พิมพค์ ร้ัง ท3่ี . สำ� นกั พมิ พ์ มหาวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร.์ กรงุ เทพฯ, 65-70. จิตนา แจ่มเมฆ และอรอนงค์ นัยวกิ ลุ . (25440). เบเกอร่ี เทคโนโลยีเบ้ืองตน้ . พิมพ์คร้ังที่ 6. ภาควชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการ อาหาร คณะอุตสาหกรรมการเกษตร มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร,์ กรงุ เทพฯ, หนา้ 4. ณัฐภูมิ สดุ แก้ว. (2550). ร�ำข้าวพนั ธุไ์ รซ์เบอรี่สาร ต้านอนุมลู อิสระสูง แปรรปู น้�ำมนั รำ� ข้าว และลกู กลอนร�ำขา้ วใชร้ กั ษาโรค. เกษตรกรรมธรรมชาติ. 10(4), 13-17. นรนิ ทรภ์ พ ชว่ ยการ,พรอ้ มลกั ษณ์ สมบรู ณป์ ญั ญากลุ , ณัฏฐา เลาหกลุ จติ ต,์ อทุ ัยวรรณ สทุ ธิ ศนั สนีย์ และฉัตรภา หัตถโกศล. (2556). อทิ ธพิ ลของแปง้ ขา้ วไรซเ์ บอรต่ี อ่ สมบตั ทิ าง เคมี-กายภาพและทางประสาทสัมผสั ของ ไอศกรีมไขมันต่ำ� . วทิ ยาศาสตรเ์ กษตร. ปที ี่ 44 ฉบบั ท่ี 2 ภทั รนนั ท์สงิ หฉ์ ลาด,วชิ ดุ าอารรี กั ษ์และองนุ่ เหลาเคน. (2556). ไมโครเวฟเคก้ ฟกั ทองกง่ึ สำ� เรจ็ รปู . วทิ ยานพิ นธว์ ิทยาศาสตรบณั ฑติ สาขา วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร คณะวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภัฏนครราชสีมา. (พิเศษ), 589-592. 38 วารสารวจิ ยั วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏนครราชสีมา ปีที่ 2 ฉบบั ที่ 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2560) Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

การเปรียบเทยี บรูปแบบของปุ๋ยหมกั จากธปู ฤาษีตอ่ การเจรญิ เติบโต และผลผลิตของผักกวางตุ้ง Comparing the formulation of Typha angustifolia compost on the growth and yield of Chinese cabbage ภริ มณ แสงมณ1ี สุริยุ เสนาอินทร1์ ชมยั พร เจรญิ พร1 บทคัดย่อ การเปรียบเทียบรูปแบบของปุ๋ยหมักจากธูปฤาษีต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของผักกวางตุ้ง วางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบรูณ์ Completely Randomized Design (CRD) แบ่งการทดลองเป็น 4 ทรีตเมนต์ ทรีตเมนต์ละ 4 ซ้�ำ คือ ไม่ใส่ปุ๋ย (T1 ; ตัวควบคุม) ปุ๋ยหมักจากธูปฤาษี (T2) ปุ๋ยน�้ำหมักจากธูป ฤาษี (T3) และปยุ๋ เคมี 46-0-0 (T4) จากผลการทดลองพบว่า การเจรญิ เติบโตทางดา้ นความสงู ของลำ� ตน้ ความยาวของใบ ความกว้างของใบ และน�ำ้ หนักสด ปุย๋ เคมี 46-0-0 ให้ผลดีทส่ี ุด อยา่ งมนี ยั ส�ำคัญทางสถติ ิ ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% (p ≤ 0.05) โดยมีความสูงของล�ำต้น ความยาวของใบ ความกว้างของใบ และ น้ำ� หนกั สด เฉลีย่ 32.21 (ซม.), 19.08 (ซม.), 12.30 (ซม.) และ0.62 (กก.) ตามลำ� ดับ แตใ่ นด้านความยาว ของใบและน�้ำหนักสดให้ผลไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติกับปุ๋ยหมักจากธูปฤาษี ในขณะที่ T2 และ T3 ให้ผลไม่แตกต่างกันทางสถิติ โดยมีความสูงของล�ำต้นเฉลี่ย 27.38 และ 26.51 ซม. ตามล�ำดับ ความยาวของใบเฉล่ีย 17.99 และ 16.50 ซม. ตามล�ำดับ ความกว้างของใบเฉลี่ย10.81 และ 10.30 ซม. ตามล�ำดับ และน้�ำหนักสดเฉล่ีย 0.52 และ 0.43 กก. ตามล�ำดับ ส่วน T1 ให้ผลด้านการเจริญเติบโตและ ผลผลติ ต�ำ่ กวา่ ทรีตเมนตอ์ น่ื ๆ อยา่ งมีนยั สำ� คญั ทางสถิตทิ ร่ี ะดับความเชอ่ื มนั่ 95% (p ≤ 0.05) โดยมคี วาม สูงของล�ำต้น ความยาวของใบ ความกว้างของใบ และน้�ำหนักสดเฉลี่ย 17.10 (ซม.), 12.82 (ซม.), 7.12 (ซม.) และ 0.34 (กก.) ตามล�ำดับ แตใ่ นด้านน้�ำหนักสดไม่มีความแตกต่างกันอยา่ งมีนยั สำ� คัญทางสถติ กิ ับ T3 ค�ำสำ� คัญ: ธูปฤาษี ปยุ๋ หมกั ปยุ๋ นำ้� หมกั ผกั กวางตงุ้ 1 สาขาวิชาเกษตรศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภัฏนครราชสมี า จงั หวดั นครราชสมี า 30000 วารสารวจิ ัยวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ปีที่ 2 ฉบบั ที่ 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2560) 39 Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

บทนำ� น�้ำหมัก เพื่อปรับสภาพโครงสร้างดิน และเพ่ิมแร่ ปัจจุบันมีการใช้สารเคมีเพ่ิมมากข้ึนในการ ธาตุให้กับดินในแปลงผัก อันจะเป็นการส่งเสริมให้ ทำ� การเกษตร มกี ารใชป้ ุ๋ยเคมีเพ่ือส่งเสริมการเจรญิ เกษตรกรลดการใชป้ ยุ๋ เคมี และใชป้ ระโยชนจ์ ากวสั ดุ เติบโต ของต้นพืช ท�ำให้พืชมีการเจริญเติบโตท่ี เหลือท้ิงทางการเกษตรให้คุ้มค่า ในการทดลองนี้มี แข็งแรงสมบูรณ์ การใช้สารเคมีทางการเกษตรกัน วตั ถปุ ระสงคเ์ พือ่ ศกึ ษาการเจริญเตบิ โตและผลผลติ อยา่ งแพรห่ ลายสง่ ผลใหเ้ กดิ การตกคา้ งของสารเคมี ของผกั กวางตงุ้ โดยใชป้ ยุ๋ หมกั จากธปู ฤาษี 2 รปู แบบ ในพืชที่เพาะปลูก นอกจากนี้สารเคมีดังกล่าวยังส่ง เปรียบเทยี บกับการใช้ป๋ยุ เคมี ผลกระทบในด้านต่างๆ เช่น ด้านสุขภาพ ด้านส่ิง แวดล้อม และด้านเศรษฐกิจ ท�ำให้เกิดผลกระทบ วธิ ีด�ำเนนิ งานวจิ ยั ต่อการบริโภคของผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น(วัลยาพร, วางแผนการทดลองแบบสมุ่ สมบรณู ์ Com- 2556) การนำ� วสั ดเุ หลอื ทง้ิ ทางการเกษตรมาทำ� เปน็ pletely Randomized Design (CRD) แบง่ กลมุ่ การ ปยุ๋ หมกั ชวี ภาพเปน็ ตวั เลอื กหนงึ่ ในการลดการใชป้ ยุ๋ ทดลองเปน็ 4 ทรตี เมนต์ดังน้ี คือ ไม่ใส่ปยุ๋ (T1 ; ตวั เคมี โดยประโยชน์ของปุ๋ยหมักจะช่วยลดต้นทุนให้ ควบคุม) ปุ๋ยหมักจากธูปฤาษี (T2) ปุ๋ยน้�ำหมักจาก แก่เกษตรกร ลดการตกค้างของสารเคมีในแปลง ธปู ฤาษี (T3) และปยุ๋ เคมสี ูตร 46-0-0 (T4) ด�ำเนิน ปลกู พชื อกี ทงั้ ยงั ชว่ ยปรบั สภาพของดนิ ใหด้ ขี นึ้ โดย งานวิจัย ณ ศูนย์ฝึกอบรมและวิจัยทางการเกษตร จุลินทรีย์จะไปย่อยอินทรียวัตถุให้สลายตัวเป็นธาตุ (100 ไร่) มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ต�ำบล อาหารพืชได้เร็วข้ึน ท�ำให้ดินโปร่ง อุ้มน้�ำ และการ ไชยมงคล อ�ำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา มีขั้น ระบายอากาศได้ดีขึ้น มีธาตุอาหารท่ีเป็นประโยชน์ ตอนวธิ ีการทดลองดังน้ี ต่อพืชทางการเกษตร (สุพจน์และมงคล, 2531) 1. หมักปุ๋ยจากธูปฤาษี มีส่วนผสมในการ ทง้ั นมี้ งี านวจิ ยั หลายชนิ้ งานทน่ี ำ� วสั ดทุ างการเกษตร หมัก คือ ธูปฤาษสี บั : มลู ไก่แห้ง : ป๋ยุ ยเู รยี : สารเร่ง ได้แก่ ผักตบชวา ฟางข้าว ซังข้าวโพด ต้นถ่ัวต่างๆ ซุปเปอร์ พด.1 : และน�้ำหมักสารเรง่ ซุปเปอร์ พด.2 หญา้ แห้ง เปน็ ตน้ มาเป็นสว่ นประกอบในการท�ำปุย๋ (30 กิโลกรัม : 6 กิโลกรัม : 3 กรัม : 50 มิลลิลิตร/ หมกั ชีวภาพเพื่อทดแทนการใชส้ ารเคมี นำ�้ 1 ลติ ร) ใชร้ ะยะเวลาในการหมกั 45 วัน (วนั ชยั , ธูปฤาษี (Typha angustifolia L.) จัดว่า 2557) เปน็ วชั พชื ชนดิ หนง่ึ สามารถพบไดท้ ว่ั ทกุ ภมู ภิ าคของ 2. หมกั ปยุ๋ นำ้� หมกั จากธปู ฤาษี มสี ว่ นผสมใน ประเทศไทย มรี ายงานการนำ� ธปู ฤาษไี ปใชป้ ระโยชน์ การหมกั คือ ธูปฤาษีสบั : กากนำ�้ ตาล : นำ้� : สารเร่ง หลากหลาย ใชเ้ ปน็ อาหารสำ� หรบั สตั วเ์ ลย้ี งหรอื สตั ว์ 3. ซปุ เปอร์ พด.2 (20 กิโลกรัม : 5 กิโลกรมั เค้ียวเอ้ือง และล�ำต้นใช้เป็นปุ๋ยพืชสดหรือใช้ท�ำปุ๋ย : 5 ลิตร : 12.5 กรัม) ใช้ระยะเวลาในการหมัก 90 หมักบ�ำรุงดินได้ (นพพล, 2557) ) มีปริมาณธาตุ วนั (กรมพัฒนาที่ดิน, 2550) อาหารภายใน ล�ำต้นท่ีจ�ำเป็นต่อการเจริญเติบโต 4. เพาะกล้าผักกวางตุ้งเป็นเวลา 20 วัน ของพืช ได้แก่ ไนโตรเจน 2.52 % ฟอสฟอรัส 0.26 กอ่ นยา้ ยปลกู ลงกระถางพลาสตกิ ดำ� ขนาด 6 นวิ้ โดย % โพแทสเซียม 1.04 % (สุภาพร และพิสบุษ์, ใช้ดินผสม (ดินเกษตรรุ่งเรือง) ท่มี ีสว่ นผสมของ ดนิ 2535) จากประโยชน์ของธูปฤาษีดังกล่าวผู้วิจัยจึง ใบกา้ มปู และขยุ มะพรา้ ว รดนำ้� ทกุ วนั อยา่ งนอ้ ยวนั มีแนวคิดท่ีจะน�ำธูปฤาษีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ทาง ละ 1 ครัง้ และใหต้ ่อเนอื่ งจนถงึ ระยะเกบ็ เกีย่ ว ด้านการเกษตร โดยน�ำมาท�ำเป็นปุ๋ยหมักและปุ๋ย 5. ใสป่ ยุ๋ ทกุ ๆ 7 วนั หลงั ยา้ ยกลา้ ลงกระถาง 40 วารสารวจิ ยั วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภฏั นครราชสีมา ปีท่ี 2 ฉบบั ที่ 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2560) Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

ปลกู ใส่ทั้งสิน้ จำ� นวน 3 ครั้ง โดยใส่ปยุ๋ ดังนี้ แปรปรวน (ANOVA) ของข้อมูล แสดงความแตก 5.1 ใส่ปุ๋ยหมักจากธูปฤาษี วิธีใช้: โรย ตา่ งกนั ทางสถติ ทิ ่ีระดบั ความเชอ่ื ม่นั 95 เปอร์เซน็ ต์ รอบโคนต้น หรือระหว่างแถว อัตราส่วน 20 กรัม/ (P≤0.05) ข้ึนไปและหาความแตกต่างของค่าเฉลี่ย กระถาง (อัตราสว่ นค�ำนวณจาก วนั ชัย, 2557) ในแต่ละสิ่งทดลองโดยใช้ค่า Duncan Multiple 5.2 ฉดี พน่ ปยุ๋ นำ้� หมกั จากธปู ฤาษี วธิ ใี ช:้ Range Test (DMRT) โดยใช้โปรแกรมส�ำเร็จรูป เจอื จางน�้ำหมักจากธปู ฤาษกี บั น้�ำ แล้วฉีดบนพ่นต้น SPSS พชื อตั ราสว่ น 1 มลิ ลลิ ติ ร/นำ�้ 50 มลิ ลลิ ติ ร/กระถาง ผลการวิจัย (อตั ราส่วนคำ� นวณจาก กรมพฒั นาทด่ี ิน, 2550) จากผลการทดลอง การเปรยี บเทยี บรปู แบบ 5.3 ใสป่ ๋ยุ เคมี สูตร 46-0-0 วธิ ีใช:้ โรย ของปุ๋ยหมักจากธูปฤาษีต่อการเจริญเติบโต และ บางๆ ระหวา่ งแถว โดยหลงั จากทใี่ สป่ ยุ๋ ควรรบี รดนำ�้ ผลผลิตของผักกวางตุ้ง ได้ท�ำการส่งผลวิเคราะห์หา ทันที อัตราสว่ น 0.5 กรัม/กระถาง (อตั ราแนะนำ� ใน ปรมิ าณธาตอุ าหารในปยุ๋ หมกั และปยุ๋ นำ�้ หมกั จากธปู การปลูกผกั กวางต้งุ 30 กก./ไร่) เก็บข้อมูลคร้งั แรก ฤาษี เกบ็ ขอ้ มลู ความสงู ของลำ� ตน้ ความยาวของใบ หลังจากย้ายปลูกครบ 14 วัน และส้ินสุดที่ 28 วัน ความกว้างของใบ และน้�ำหนักสด มีผลการทดลอง โดยเกบ็ ผลทุกๆ 7 วนั หลังการยา้ ยปลกู ดงั นคี้ อื วดั ดงั ต่อไปน้ี ความสงู ของลำ� ตน้ จากโคนตน้ จนถงึ ปลายสงู สดุ ของ ค่าวิเคราะห์ปริมาณธาตุอาหารในปุ๋ยหมัก ยอด วัดขนาดความยาวของใบ วัดขนาดความกว้าง และปุ๋ยน�้ำหมักจากธูปฤาษีเปรียบเทียบกับค่า ของใบ และช่งั น�ำ้ หนักสดเมอ่ื เกบ็ เกี่ยวผลผลิต มาตรฐานปุ๋ยหมักและปุ๋ยน้�ำหมักของกรมวิชาการ น�ำข้อมูลท่ีได้จากการทดลองมาวิเคราะห์ เกษตร แสดงดงั ตารางที่ 1 ทางสถิติ เปรียบเทียบโดยการวิเคราะห์ค่าความ ตารางที่ 1 แสดงคา่ วิเคราะห์ของปุ๋ยหมกั จากธปู ฤาษี และปยุ๋ น�ำ้ หมักจากธูปฤาษี รายการวเิ คราะห์ ปุ๋ยหมกั ค่ามาตรฐาน ปยุ๋ น้�ำหมัก ค่ามาตรฐาน จากธูปฤาษี ปุย๋ หมกั จากธูปฤาษี ปยุ๋ นำ�้ หมัก (กรมวชิ าการเกษตร) (กรมวชิ าการเกษตร) pH 6.79 5.5-8.5 3.65 ≤4.0 EC (dS m-1) 9.26 ≤10 24.20 ≤20 O.M. (%) 37.84 ≥20 5.94 - Total N (%) 1.63 ≥1.0 0.32 ≥0.5 Total KCP22aOO(5%(%(%) ) ) 2.83 ≥0.5 0.11 ≥0.5 Total 1.40 ≥0.5 0.98 ≥0.5 Total 8.76 - 0.26 - Total Mg (%) 0.53 - 0.09 - ทม่ี า : รายงานผลวิเคราะหป์ ุย๋ หมกั และปุ๋ยนำ้� หมกั จากธปู ฤาษี โดยโครงการพัฒนาวชิ าการดนิ ปยุ๋ และสิ่งแวดลอ้ ม ภาควิชาปฐพีวิทยา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วารสารวิจยั วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครราชสมี า ปีที่ 2 ฉบบั ท่ี 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2560) 41 Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

จากผลการวิเคราะห์ปริมาณธาตุอาหารใน จากธปู ฤาษี (T2) กบั ปยุ๋ นำ้� หมกั จากธปู ฤาษี ปุ๋ยหมักและปุ๋ยน้�ำหมักจากธูปฤาษีเปรียบเทียบกับ (T3) ให้ผลไม่แตกต่างกันทางสถิติ โดยมีความยาว ค่ามาตรฐานของปุ๋ยหมักและปุ๋ยน้�ำหมักของกรม ใบเฉล่ีย 17.99 และ 16.50 เซนติเมตรตามล�ำดับ วิชาการเกษตร (กรมวิชาการเกษตร, 2550 และ ส่วนทรีตเมนตท์ ่ีไม่ใส่ป๋ยุ (T1) มคี า่ น้อยกวา่ ทกุ ทรีต กรมพัฒนาทด่ี ิน, 2547) พบว่า ปุ๋ยหมกั จากธปู ฤาษี เมนต์อย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติที่ระดับความเช่ือมั่น มคี า่ ปรมิ าณธาตอุ าหารสงู กวา่ คา่ มาตรฐานของกรม 95% (p ≤ 0.05) โดยมีความยาวใบเฉล่ีย 12.82 วิชาการเกษตร โดยคา่ ทเ่ี ปรียบเทียบ คือ คา่ pH คา่ เซนติเมตร การนำ� ไฟฟ้า คา่ อนิ ทรียวัตถุ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส ความกว้างใบของผักกวางตุ้งที่ใส่ปุ๋ยเคมี และโพแทสเซียม ส่วนปุ๋ยน�้ำหมักจากธูปฤาษีมี 46-0-0 (T4) มีค่าสูงกว่าทุกทรีตเมนต์ แตกต่างกัน ค่าปริมาณธาตุอาหารน้อยกว่าค่ามาตรฐานกรม อยา่ งมนี ยั สำ� คญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดบั ความเชอ่ื มน่ั 95% วชิ าการเกษตร ยกเว้นค่าโพแทสเซยี ม โดยมีความกวา้ งใบเฉล่ีย 12.30 เซนตเิ มตร ในขณะ ผลของการใช้ปุ๋ยหมักจากธูปฤาษี ปุ๋ยน้�ำ ท่ีการใช้ใสป่ ยุ๋ หมักจากธูปฤาษี (T2) และปยุ๋ นำ�้ หมัก หมักจากธูปฤาษี และปุ๋ยเคมีสูตร 46-0-0 ต่อการ จากธปู ฤาษี (T3) ให้ผลไมแ่ ตกตา่ งกันทางสถติ ิ โดย เจริญเติบโตและผลผลิตของผักกวางตุ้ง มีผลการ มีความกว้างใบเฉลี่ย 10.81 และ 10.30 เซนติเมตร ทดลองดงั ตารางที่ 2 ตามล�ำดับ ส�ำหรับทรีตเมนต์ท่ีไม่ใส่ปุ๋ย (T1) มีค่า ความสงู ของผกั กวางตงุ้ ทใี่ สป่ ยุ๋ เคมี 46-0-0 น้อยกว่าทุกทรีตเมนต์แตกต่างกันอย่างมีนัยส�ำคัญ (T4) มคี ่าสูงกวา่ ทกุ ทรตี เมนต์ อยา่ งมนี ัยสำ� คญั ทาง ทางสถิตทิ ี่ระดบั ความเช่อื มน่ั 95% (p ≤ 0.05) โดย สถิติที่ระดับความเช่ือมั่น 95% (p ≤ 0.05) โดยมี มคี วามกวา้ งใบเฉล่ีย 7.12 เซนตเิ มตร ความสงู ของลำ� ต้นเฉล่ีย 32.21 เซนติเมตร ในขณะ นำ�้ หนกั สดของผกั กวางตงุ้ ทใ่ี สป่ ยุ๋ เคมี 46-0- ที่การใช้ปุ๋ยหมักจากธูปฤาษี (T2) และปุ๋ยน�้ำหมัก 0 (T4) ใหน้ �้ำหนักสดสงู ทีส่ ดุ แต่ไม่แตกตา่ งกันอยา่ ง จากธปู ฤาษี (T3) ใหผ้ ลไมแ่ ตกตา่ งกนั โดยมคี วามสงู มีนัยส�ำคัญทางสถิติ กับการใช้ปุ๋ยหมักจากธูปฤาษี ของล�ำต้นเฉล่ีย 27.38 และ 26.51 เซนติเมตรตาม (T2) โดยมนี ำ้� หนกั สดเฉลยี่ 0.62 และ 0.52 กโิ ลกรมั ล�ำดับ ส�ำหรับทรีตเมนต์ที่ไม่ใส่ปุ๋ย (T1) มีค่าน้อย ตามลำ� ดบั แตป่ ยุ๋ เคมี 46-0-0 (T4) ใหน้ ำ้� หนกั สดแตก กว่าทุกทรีตเมนต์อย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติที่ระดับ ตา่ งกนั อยา่ งมนี ยั สำ� คญั ทางสถติ ทิ รี่ ะดบั ความเชอื่ มน่ั ความเชื่อมั่น 95% (p ≤ 0.05) โดยมีความสูงของ 95% (p ≤ 0.05) กับการใช้ปุ๋ยน้�ำหมักจากธูปฤาษี ล�ำต้นเฉลย่ี 17.10 เซนตเิ มตร (T3) และทรตี เมนตท์ ไ่ี มใ่ สป่ ยุ๋ (T1) โดยมนี ำ�้ หนกั สด ความยาวใบของผกั กวางตงุ้ ทใ่ี สป่ ยุ๋ เคมี 46- เฉลยี่ 0.62, 0.43 และ 0.34 กิโลกรมั ตามลำ� ดบั ใน 0-0 (T4) กบั ทรตี เมนตท์ ใี่ สป่ ยุ๋ หมกั จากธปู ฤาษี (T2) ขณะท่ีการใช้ใส่ปุ๋ยหมักจากธูปฤาษี (T2) กับปุ๋ยน�้ำ มคี วามยาวใบไมแ่ ตกตา่ งกนั โดยมคี วามยาวใบเฉลย่ี หมกั จากธปู ฤาษี (T3) ใหผ้ ลไมแ่ ตกตา่ งกนั อยา่ งมนี ยั 19.08 และ 17.99 เซนติเมตรตามล�ำดับ ในขณะท่ี ส�ำคญั ทางสถิติ ผลแสดงดังตารางท่ี 2 การใช้ใส่ปยุ๋ หมัก 42 วารสารวจิ ัยวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภฏั นครราชสีมา ปีที่ 2 ฉบบั ที่ 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2560) Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

ตารางท่ี 2 ผลของการใชป้ ุ๋ยชนิดตา่ งๆต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของผกั กวางตงุ้ ทรตี เมนต ์ ความสงู ของลำ� ต้น ความยาวของใบ ความกว้างของใบ น�้ำหนกั สด (ซม.) (ซม.) (ซม.) (กก.) ไมใ่ ส่ปุ๋ย (T1) 17.10c 12.82c 7.12c 0.34c ปุ๋ยหมัก (T2) 27.38b 17.99ab 10.81b 0.52ab ปุย๋ นำ�้ หมกั (T3) 26.51b 16.50b 10.30b 0.43bc ปยุ๋ เคมสี ูตร 46-0-0 (T4) 32.21a 19.08a 12.30a 0.62a C.V. (%) 22.54 16.27 20.26 25.83 F-Test * * * * วิจารณ์ผลการทดลอง ส่วนงานวจิ ัยของ กชพรรณ (2557) ได้เปรยี บเทียบ จากผลการทดลองการนำ� ธปู ฤาษมี าทำ� เปน็ สูตรปุ๋ยน�้ำหมักชีวภาพจ�ำนวน 7 สูตร พบว่าสูตร ปุย๋ หมัก และปุ๋ยน้ำ� หมกั ชวี ภาพเปรยี บเทียบกบั การ ปุ๋ยน�้ำหมักชีวภาพท่ีเหมาะสมในการผลิตผักคะน้า ใชป้ ยุ๋ เคมี 46-0-0 และไมใ่ สป่ ยุ๋ (ตวั ควบคมุ ) ทดลอง และผักกวางตุ้ง คือสูตรท่ี 1 ปุ๋ยน้�ำหมักชีวภาพจาก กบั ผกั กวางตงุ้ พบวา่ การใสป่ ยุ๋ หมกั จากธปู ฤาษี และ เศษผกั (เศษผัก : กากน้ำ� ตาล = 3 : 1) โดยคะน้ามี ปยุ๋ น�้ำหมกั จากธปู ฤาษี มีผลต่อการเจรญิ เติบโตของ การเจรญิ เตบิ โตทงั้ ดา้ นความสงู ของลำ� ตน้ ของคะนา้ ผกั กวางตงุ้ โดยปุ๋ยหมักจากธปู ฤาษี ใหค้ วามสูงของ เฉลี่ยครั้งสุดท้ายดีท่ีสุด คือ 17.63 เซนติเมตร และ ล�ำต้นเฉล่ีย คือ 27.38 เซนติเมตร มากกว่าปุ๋ยน้�ำ ผกั กวางตงุ้ คอื 16.93 เซนตเิ มตร สว่ นผกั คะนา้ และ หมักจากธูปฤาษี คือ 26.51 เซนติเมตร ทั้งปุ๋ยหมัก ผักกวางตงุ้ ทไี่ ม่ใสป่ ยุ๋ น�้ำหมักชีวภาพสตู รท่ี 7 (Con- จากธูปฤาษี และปุ๋ยน้�ำหมักจากธูปฤาษีมีความสูง trol: น้�ำบาดาล) มีการเจริญเติบโตทั้งด้านความสูง เฉล่ียมากกว่าการไม่ใส่ปุ๋ย (ตัวควบคุม) ซึ่งมีความ ของลำ� ตน้ ของคะนา้ เฉลย่ี นอ้ ยทส่ี ดุ ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั สงู เฉลย่ี 17.10 เซนตเิ มตร แตน่ อ้ ยกวา่ การใสป่ ยุ๋ เคมี งานวิจัยในครั้งนี้ โดยในการทดลองใช้ปุ๋ยน�้ำหมัก 46-0-0 คือ 32.21 เซนติเมตร ซึง่ สอดคล้องกับงาน จากธูปฤาษีกับผักกวางตุ้งท่ีมีการเจริญเติบโตท้ัง วิจัยของ สายชล (2555) ที่ได้ท�ำการศึกษาผลของ ด้านความสูงของล�ำต้นเฉลี่ย คือ 26.51 เซนติเมตร การใชป้ ยุ๋ มลู ววั ปยุ๋ หมกั และปยุ๋ เคมี ต่อการผลิตผกั ให้ผลสงู กว่าการไมใ่ ส่ป๋ยุ (ตัวควบคมุ ) คือ 17.10 บุ้งจีน พบว่า แปลงที่ไม่ได้ใส่ปุ๋ยเคมี มีการเจริญ เซนติเมตร ในขณะท่ีวิจัยของ สุภาพร (2558) ได้ เตบิ โตต�่ำกว่าทรีตเมนตท์ ี่ใส่ปยุ๋ เคมี โดยทรีตเมนต์ท่ี ทำ� การศกึ ษาการทำ� ปยุ๋ หมกั และวสั ดปุ ลกู จากวชั พชื ใสป่ ยุ๋ เคมรี ว่ มกบั ปยุ๋ มลู ววั มกี ารเจรญิ เตบิ โตสงู ทส่ี ดุ น้�ำและวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ผลการทดลอง วารสารวิจยั วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ปที ่ี 2 ฉบบั ที่ 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2560) 43 Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)

พบวา่ คา่ เฉลยี่ การเจรญิ เตบิ โตดา้ นความสงู จำ� นวน วนั ชัย วงษา. (2557). การท�ำปุย๋ หมักและใช้ ใบ และความกว้างเส้นผ่านศูนย์กลางใบ ของส่ิง ประโยชนจ์ ากผกั ตบชวา. สถานพี ฒั นาทดี่ นิ ทดลองตา่ งๆ เมือ่ อาย ุ 40 วนั มคี วามแตกต่างอย่าง สุพรรณบรุ ี สุพรรณบรุ ี. มนี ยั ส�ำคญั ทางสถิติ (p<0.05) โดยพบว่า การใช้ปยุ๋ วลั ยาพร จนั ตรี. (2556). ปญั หาการใช้สารเคมใี น หมักจากวัชพชื น�ำ้ + ขเี้ ถา้ แกลบ (T5) ในอตั ราส่วน การทำ� เกษตรกรรม. [ออนไลน]์ . เข้า 15% สิ่งทดลองมีอัตราการเจริญเติบโตมากที่สุด ถงึ ไดจ้ าก: http://sd-group1. ท้ังนี้เนื่องจากคุณสมบัติทางกายภาพและเคมี ของ blogspot.com/2013/01/53242520. T5 ซ่ึงมีทั้งธาตุอาหารหลักและรองท่ีมีความเหมาะ html (สบื คน้ เม่อื 28 เมษายน 2560). สม สายชล พรมีอย่.ู (2555). ผลของการใชป้ ุ๋ยมูลววั ปุย๋ หมักและปุย๋ เคมี ต่อการผลติ ผักบงุ้ จีน. สรุปผลการทดลอง มหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธิราช. นนทบรุ ี. การใชป้ ยุ๋ เคมี 46-0-0 ใหผ้ ลการเจรญิ เตบิ โต สุพจน์ ชยั วิมล และมงคล จันทร์เพ็ญ. (2531). และผลผลติ ของผกั กวางตงุ้ ดที สี่ ดุ ในขณะทปี่ ยุ๋ หมกั ปุ๋ยหมกั . เอกสารค�ำแนะนำ� ท่ี 78. จากธปู ฤาษที ง้ั 2 รปู แบบ สามารถสง่ เสรมิ การเจรญิ กรมส่งเสริมการเกษตร. เติบโตและผลผลิตของผักกวางตุ้งได้ เมื่อเปรียบ สุภาพร จนั รงุ่ เรือง และพสิ บุษ์ จัตวาพรวนิช. เทียบกับการไม่ใสป่ ยุ๋ โดยปุย๋ หมกั จากธูปฤาษีสง่ ผล (2535). ศกึ ษาศกั ยภาพการใชธ้ ปู ฤาษใี น ตอ่ ความสงู ความยาวใบ ความกวา้ งใบ และนำ�้ หนกั การบ�ำบัดน�ำ้ เสีย. ส�ำนกั พมิ พ์รวมศาสน,์ สด ไม่แตกต่างจากปุ๋ยน�้ำหมัก ท้ังน้ีการใช้ปุ๋ยหมัก กรงุ เทพฯ. จากธูปฤาษีให้ผลเทียบเท่าปุ๋ยเคมีในด้านความยาว สุภาพร บัวชมุ . 2558. การท�ำปุ๋ยหมกั และวัสดุ ใบ และนำ�้ หนกั สด ปลกู จากวชั พชื นำ้� และวสั ดเุ หลอื ใชท้ างการ เกษตรใน พืน้ ท่ลี มุ่ น้�ำปากพนงั จงั หวดั เอกสารอ้างอิง นครศรีธรรมราช. สาขาวิชา การจดั การ กชพรรณ วงคเ์ จรญิ . (2557). การศกึ ษาปยุ๋ นำ้� หมกั ทรัพยากรเกษตรเขตร้อน มหาวิทยาลัย ชวี ภาพทใ่ี ช้ในการผลติ ผกั ปลอดสารพิษ สงขลานครินทร.์ จังหวดั กาฬสินธ์ุ. คณะศลิ ปศาสตร์ และ วทิ ยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏ กาฬสินธุ.์ กรมพฒั นาท่ดี นิ . (2550). การผลติ ปุ๋ยน�ำ้ อินทรยี ์ โดยใช้สารเรง่ พด.2. สำ� นักนิเทศและ ถ่ายทอดเทคโนโลยี การพัฒนาที่ดนิ กระทรวงเกษตร และสหกรณ ์ กรงุ เทพฯ. นพพล เกตปุ ระสาท. ธปู ฤาษ.ี [ออนไลน์]. เข้าถึง ได้จาก: http://clgc.agri.kps.ku.ac.th/ index.php/linkwee d/88- (สืบค้นเมอ่ื 28 เมษายน 2560) 44 วารสารวิจยั วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏนครราชสมี า ปีท่ี 2 ฉบบั ที่ 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2560) Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University Vol.2 No.2 (July - December 2017)