รายงาน เรอื่ ง…มะม่วงเบา จัดทำโดย นางสาวสโรชา คงรอด รหัสนักศึกษา663406600002-7 สาขาอุตสาหกรรมอาหารปี 2 เสนอ รองศาสตราจารย์ ดร.ชุตนิ ชุ สุจริต รายงานฉบบั น้เี ปน็ สว่ นหนงึ่ ของรายวิชา การอ่านและการเขยี นเชงิ วชิ าการ (0101100559) ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลศรีวิชยั วิทยาเขตตรัง
ก คำนำ รายงานวิชาการอา่ นและการเขียนเชิงวิชาการ เรื่อง…มะม่วงเบา จัดทำขี้นเพื่อใช้ประกอบการเรียน การสอนในรายวิชาการอ่านและการเขยี นเชงิ วิชาการ (0101100559) ซ่งึ ผจู้ ัดทำไดร้ ับมอบหมายจากอาจารย์ ผู้สอนให้ไปศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมจากเอกสาร วารสารอินเตอร์เน็ตและแหล่งข้อมูลต่าง ๆ โดยมีจุดประสงค์ เพื่อให้ผู้จัดทำได้ค้นคว้า และนำสิ่งที่ได้จากการศึกษามาสร้างเป็นชิ้นงานเก็บไว้เป็นประโยชน์ต่อการเรียน การสอนของตนเองและอาจารยอ์ กี ตอ่ ไป ผู้จัดทำได้ไปศึกษาค้นควา้ รวบรวมและเรียบเรียงออกมาเป็นรายงาน ซึ่งรายงานเล่มนี้ประกอบด้วย เนื้อหาของลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ขอ้ มลู การปลกู มะม่วงเบาจังหวัดสงขลา คุณค่าทางโภชนาการ และการ แปรรปู จากมะม่วงเบา ขอขอบคุณรองศาสตราจารย์ ดร.ชุตินุช สุจริต อาจารย์ผู้สอนในรายวิชาการอ่านและการเขียน เชิงวิชาการ ที่ทำหน้าที่ให้ความรู้ คำแนะนำการจัดทำรายงานจนแล้วเสร็จและหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงาน ฉบบั นจ้ี ะมปี ระโยชน์ใหแ้ กผ่ ู้ท่สี นใจเป็นอย่างย่งิ สโรชา คงรอด 10 ตุลาคม 2564
ข สารบญั เร่อื ง หน้า บทคัดย่อ ………………………………………………………………………………………………………………………..……….ก สารบญั ภาพ …………………………………………………………………………………………………………………………….ข ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ .…………………………………………………………………………………………….………..…1 1. ลกั ษณะพนั ธ์ุ …………………………………………………………………………………………………..…..……………..1 2. ลักษณะทางกายภาพ ………………………………………………………………………………………….……………….3 - ลกั ษณะดนิ ………………………………………………………………………………………………………………….4 - การปลูก ……………………………………………………………………………………………………………………..5 - การเตรียมดนิ ………………………………………………………………………………………………………………8 - ฤดูปลกู …………………………………………………………………………………………….………………………..11 - การให้นำ้ ………………………………………………………………………………………………........................11 - การกำจดั วชั พชื …………………………………………………………………………………………………………..11 - การใส่ปยุ๋ ………………………………………………………………………………………….………………………..12 - การตดั แตง่ กิง่ ระยะเวลาตัดแตง่ กง่ิ และประโยชนข์ องการตัดแต่งก่ิง ………….…………………….13 - การออกช่อดอกของมะม่วงนอกฤดู ………………………………………………………….……………………13 - ปฏิทนิ การปฏิบัตกิ ารจัดการ …………………………………………………………………………………………18 - การติดผล ………………………………………………………………………………………….……………………….19 - การเกบ็ เก่ียว …………………………………………………………………………..………………………………….19 - การบำรุงต้นมะมว่ งหลงั การเก็บผล ……………………………………………………………………………….20 - โรค แมลงและการปอ้ งกนั ……………………………………………………………….….……………………….21 ข้อมลู การปลูกมะม่วงเบาจังหวดั สงขลา …………………………………………………………………………..……….25 1. พ้ืนทป่ี ลกู ปริมาณการผลิต และจำนวนเกษตรกรผูป้ ลกู มะมว่ งเบา ………………………..…................25 2. พน้ื ที่ปลูกมะม่วงเบา และประมาณการผลผลิต ……………………………………………………………………..26 3. ตน้ ทนุ การผลติ ………………………………………………………………………………………………………………….26 4. ช่องทางการตลาด ……………………………………………………………………………………………………………..26 คณุ คา่ ทางโภชนาการ ………………………………………………………………………………………………………….....28
ค สารบญั เรื่อง หน้า การแปรรูปจากมะม่วงเบา ……………….……………………………………………………………………………..……….29 1. มะม่วงเบาแช่อิม่ อบแห้ง ……………………………………………………………………………………..……………..29 - ขั้นตอนและกรรมวิธกี ารผลิต…………………………………………………………………………………………29 2. มะมว่ งเบาแชอ่ มิ่ ……………………………………………………………………………………………………………….30 - ข้ันตอนและกรรมวิธีการผลิต…………………………………………………………………………………………30 3. แยมมะม่วงเบา…………………………………………………………………………………………………….................31 - ขน้ั ตอนและกรรมวิธกี ารผลิต ……………………………………………………………………...………………..31 4. การใช้น้ำมะมว่ งเบาทดแทนนามะนาวในน้ำยำ (นำ้ มะม่วงพาสเจอไรซ์) …………………..……………….32 - ขน้ั ตอนและกรรมวิธีการผลิต ………………………………………………………………………………………..32 5. น้ำมะม่วงเบา ……………………………………………………………………………………………….…….................33 - ขัน้ ตอนและกรรมวธิ กี ารผลิต …………………………………………………………………........……………..33 6. นำ้ มะม่วงเบาโซดา ……………………………………………………………………………………………..................34 - ขั้นตอนและกรรมวิธกี ารผลิต …………………………………………………………………….…..................34 7. นำ้ มะม่วงเบาสับปะรดซ่า …………………………………………………………………………………….................35 - ขั้นตอนและกรรมวิธีการผลติ …………………………………………………………………………................35 8. นำ้ มะม่วงเบาผงพรอ้ มดม่ื …………………………………………………………………………………………………..36 - ขนั้ ตอนและกรรมวิธีการผลิต …………………………………………………………………………................36 9. นำ้ มะม่วงเบาพรอ้ มดม่ื บรรจกุ ระป๋อง ………………………………………………………………………………….37 - ขน้ั ตอนและกรรมวิธีการผลิต ……………………………………………………………………………………….37 งานวจิ ัยเก่ียวกบั มะม่วงเบา ……………………………………………………………………………………………………..38 บรรณานุกรรม
ง สารบัญภาพ เรือ่ ง หน้า ภาพท่ี 1 พันธ์เุ ทพนิมติ ……………………………………………………………………………………………………………………1 ภาพท่ี 2 พันธน์ุ ำ้ ดอกไมม้ ัน ………………………………………………………………………………………………………………2 ภาพที่ 3 พันธ์มุ นั ศาลายา ………………………………………………………………………………………………………………..2 ภาพที่ 4 พันธ์เุ บาสงขลา ………………………………………………………………………………………………………………….3 ภาพท่ี 5 พนั ธุ์ทองดำ ………………………………………………………………………………………………………………………3 ภาพท่ี 6 การทาบกิ่ง ……………………………………………………………………………………………………………………….7 ภาพที่ 7 การเตรียมดิน ……………………………………………………………………………………………………………………8 ภาพท่ี 8 ระยะปลูก …………………………………………………………………………………………………………………………9 ภาพท่ี 9 การออกช่อดอกของมะมว่ งนอกฤดู …………………………………………………………………………………….14 ภาพที่ 10 โรคแอนแทรคโนส ………………………………………………………………………………………………………….21 ภาพที่ 11 เพลี้ยจัก๊ จน่ั มะมว่ ง ………………………………………………………………………………………………………….21 ภาพที่ 12 เพลย้ี ไฟ ………………………………………………………………………………………………………………………..22 ภาพท่ี 13 แมลงวันทอง ………………………………………………………………………………………………………………….23 ภาพที่ 14 ด้วงมะม่วง …………………………………………………………………………………………………………………….24 ภาพที่ 15 มะม่วงเบาแชอ่ ม่ิ อบแหง้ ………………………………………………………………………………………………….29 ภาพที่ 16 มะมว่ งเบาแช่อม่ิ …………………………………………………………………………………………………………….30 ภาพท่ี 17 แยมมะม่วงเบา ………………………………………………………………………………………………………………31 ภาพท่ี 18 การใชน้ ำ้ มะม่วงเบาทดแทนนำ้ มะนาวในน้ำยำ (น้ำมะม่วงพาสเจอไรซ)์ ………………………………..32 ภาพที่ 19 นำ้ มะมว่ งเบา …………………………………………………………………………………………………………………33 ภาพท่ี 20 นำ้ มะม่วงเบาโซดา ………………………………………………………………………………………………………….34 ภาพที่ 21 นำ้ มะมว่ งเบาสบั ปะรดซา่ ………………………………………………………………………………………………..35 ภาพที่ 22 น้ำมะม่วงเบาผงพร้อมด่ืม ………………………………………………………………………………………………..36 ภาพท่ี 23 นำ้ มะมว่ งเบาพร้อมดืม่ บรรจกุ ระป๋อง ………………………………………………………………………………..37
1 ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ 1. ลกั ษณะพนั ธ์ุ มะม่วงเบา มีชือ่ เรยี ก เชน่ มะม่วงบา้ น มะมว่ งสวน หมกั โม่ง หมากม่วง ลูกมว่ ง ชอื่ สามญั : Mango, Mango tree ช่อื วทิ ยาศาสตร์ : Manaifera indica Linn. วงศ์ : ANACARDIACEAE ถิน่ กำเนดิ : เอเชียเขตรอ้ น ลักษณะทั่วไป : ไม้พุ่มยืนต้น สูงประมาณ 10 – 15 เมตร ลำต้นตรง เรือนยอดลม ทึบ ใบเด่ียว การเกาะติดของใบบนกิ่งแบบเวียน ใบรูปหอกยาวแกมขอบขนาน ปลายเรียวแหลม โคนมนแหลม ออกดอก เดอื นธันวาคม ถึง มกราคม ดอกออกเปน็ ช่อทป่ี ลายกงิ่ ในช่อดอกหนึ่ง ๆ จะมชี ่อยอ่ ยหลายช่อ ดอกยอ่ ยขนาด เล็ก สีเหลืองอ่อน ก้านดอกสั้น ผลสุกเดือนนพฤษภาคม ถึง มิถุนายน และมีพันธุ์ทวายซึ่งออกนอกฤดูกาล ผลเป็นแบบผลสด รูปทรง ขนาด และสีผิวแล้วแต่ชนิดพันธุ์นั้น ๆ บริโภคได้ทั้งผลดิบและผลสุก รสเปรี้ยว มัน และหวาน พนั ธเ์ุ ทพนิมิตร ภาพท่ี 1 พันธเุ์ ทพนิมติ ร (ท่ีมา : https://www.google.com) เป็นมะม่วงกินดิบ มีรสเปร้ียวจัด ผลทรงรี อกและแก้มกลมโต้ ผลมีขนาดใหญ่ ความยาวมากกว่า 15 เซนติเมตร เนอ้ื ผลมาก เมลด็ ลีบบาง
2 พนั ธน์ุ ำ้ ดอกไม้มนั ภาพท่ี 2 พันธนุ์ ้ำดอกไมม้ ัน (ท่ีมา : https://www.google.com) เปน็ มะม่วงกนิ ดบิ มีรสมันหวานอมเปรีย้ วเล็กนอ้ ย ผลทรงรีแกมหอก หลังและอกโคง้ รบั กันคลา้ ยรูปเขี้ยวสตั ว์ กน้ ผลแหลมงอเข้าหาอกเลก็ นอ้ ย ผลมขนาดใหญ่ ความยาวมากกวา่ 15 เซนติเมตร เนื้อผลมาก เมล็ดลบี บาง พนั ธ์ุมนั ศาลายา ภาพที่ 3 พันธมุ์ ันศาลายา (ทม่ี า : https://www.google.com) เป็นมะมว่ งกินดิบ มรี สมันหวานจืด ผลทรงรีแกมหอก หลังและอกโคง้ รบั กนั คล้ายรปู เข้ียวสตั ว์ ผลมีขนาดกลาง ความยาวประมาณ 15 เซนติเมตร เนอื้ ผลมาก เมล็ดลบี ขนาดกลาง
3 พันธเุ์ บาสงขลา ภาพที่ 4 พนั ธเ์ุ บาสงขลา (ทีม่ า : https://www.google.com) เป็นมะม่วงกินดิบ มีรสเปรี้ยว ออกดอกก่อนพันธุ์ทั่วไป ผลทรงกลมแกมรี หลังและอกโค้งเกือบเป็นครึ่งทรง กลมรับก้นโคง้ แหลมเล็กนอ้ ย ผลมีขนาดเลก็ ความยาวประมาณ 7 เซนติเมตร เน้ือผลนอ้ ย (แตม่ ากกว่ามะม่วง กะล่อน) เมล็ดกลมรขี นาดใหญ่ ยาวประมาณ 4 - 5 เซนติเมตร มกี ารตดิ ผลจำนวนมากต่อหนงึ่ ชอ่ ดอก และติด ผลดกมาก พนั ธุ์ทองดำ ภาพที่ 5 พันธ์ุทองดำ (ทีม่ า : https://www.google.com) เปน็ มะมว่ งกินสุก มรี สหวานแหลม แตเ่ น้ือผลมีเส้นใยมากและมกี ล่นิ ข้ีใต้ 2. ลกั ษณะทางกายภาพ มะมว่ งเบา ถอื เป็นมะม่วงพนั ธ์ุพน้ื เมืองทางภาคใต้ของไทย นยิ มปลกู และรบั ประทานมาแต่โบราณ มีปลูกกนั มากตั้งแต่ จังหวัดนครศรธี รรมราช เรื่อยลงไปจนถึง จงั หวัดยะลา มลี ักษณะพเิ ศษคอื ผลขณะยังดบิ จะฉำ่ น้ำ ให้นำ้ เยอะ รสชาติเปรย้ี วจดั
4 ผลสุก รสหวานปนเปรีย้ ว นยิ มนำไปแปรรูปหลายอย่างเช่น มะม่วงกวน มะม่วงแผน่ ปั่นกบั นำ้ แข็ง เติมเกลือปน่ เลก็ นอ้ ย ใสน่ ำ้ เชื่อมพอประมาณ เป็นเครือ่ งดมื่ ในช่วงฤดรู อ้ นเพือ่ คลายรอ้ น เป็นมะม่วงที่ติดผลง่าย ดกเป็นพวงตลอดทั้งปีลำต้นมีความแข็งแรงและทนทานต่อโรคแมลงต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดีทำให้เกษตรกรผู้ขยายพันธุ์มะม่วงขาย นิยมนำเอากิ่งมะม่วงสายพันธุ์อื่นมาเสียบยอดกับก่ิง มะม่วงพันธุ์เบากันอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน ลักษณะทางพฤกษศาสตร์เหมือนกับมะมว่ งทั่วไป ผลคล้ายกับ มะมว่ งกะล่อน หรอื มะม่วงแอปเปิล แตข่ นาดของผลจะใหญ่กวา่ ผลเมอ่ื โตเต็มท่ีจะประมาณผลส้มเขียวหวาน ทั่วไป เปลือกค่อนข้างหนาติดผลเป็นพวง แต่ละพวงไม่น้อยกว่า 10 - 20 ผล เมล็ดเล็ก เนื้อเยอะ ผลดิบรส เปร้ียวจดั เวลาปอกเปลอื กเพอื่ สับเนื้อผลจะมีกลิน่ เปร้ียวขยายพนั ธ์ุดว้ ยเมลด็ ตอนกิ่ง ทาบกิง่ และเสยี บยอด - ลกั ษณะดิน ลักษณะดินที่เหมาะแก่การเพาะเปน็ ดินร่วนปนทราย น้ำและแสงแดดสอ่ งถึงเกือบตลอดปใี นที่ลุ่มน้ำ ท่วมถงึ เชน่ ที่ราบรมิ ฝ่งั แมน่ ำ้ ตา่ ง ๆ ควรยกรอ่ ง เช่นเดียวกบั การปลูกไมผ้ ลอยา่ งอื่น ขนาดของรอ่ งกวางอย่าง น้อย 6 เมตร ร่องน้ำกวางอย่างนอ้ ย 1.5 เมตร ความยาวของร่องขนอยูก่ ับขนาดของพื้นท่ีหลังร่องยิ่งยกได้สงู มากยง่ิ ดี รากจะไดเ้ จริญเติบโตอย่างเต็มที่ปรับปรงุ ดนิ ให้รว่ นซยุ โดยการขดุ ตากดนิ ใสป่ ุ๋ยคอก ป๋ยุ หมัก หรือถ้า ดินเหนยี วมากให้โรยปูนขาวเสียกอ่ นจึงลงมือขดุ ซึ่งปนู ขาวจะชว่ ยแก้ความเปน็ กรดของดนิ และทำให้ดินไม่จับ ตัวกันแน่น เนื่องจากมะมว่ งเบาไมช่ อบดินทีจ่ ับตัวกันแน่นในที่ดอนน้ำทว่ มไม่ถึง ที่ป่า หรือที่ที่เคยเป็นไร่เก่า ซ่ึงไม่มีปัญหาเรื่องน้ำท่วม ปรับปรุงดิน โดยพรวนพลิกดินสัก 1-2 ครั้งหรือจะกำจดั วัชพืช แล้วลงมือขุดหลุม ปลูกเลย ถา้ ดินที่ปลกู นน้ั อุดมสมบรู ณด์ ้วยอนิ ทรียว์ ตั ถอุ ยูแ่ ลว้ ก็ไมจ่ ำเป็นตอ้ งปรับปรุงดินอีก ส่วนท่ีเป็นทราย จดั มีอินทรยี วตั ถนุ อ้ ย ให้ใสป่ ยุ๋ คอก ปุ๋ยหมกั เพิม่ เตมิ ลงในดิน หรือวสั ดทุ ่ีพอหาได้ในท้องถ่ิน เช่น มลู สัตวต์ ่าง ๆ กระดูกป่น กากถัว่ เปลอื กถัว่ เศษใบไม้ใบหญ้าท่ีผุพัง เป็นต้น เพื่อใหด้ นิ รว่ นซยุ การระบายนำ้ และอากาศของ ดินดที ำใหด้ ินอุ้มน้ำดีเหมาะต่อการเจริญเติบโตของต้นมะม่วงเบา สว่ นการปลกู จำนวนเล็กน้อยตามบ้านเรือน ที่อยู่อาศัย มีข้อที่ควรคำนึงอยูส่ องประการคือ ความลึกของระดับน้ำในดนิ และความแน่นทึบของดิน ที่บาง แห่งระดับน้ำในดินตื้น เมื่อขุดลงไปเพียงเล็กน้อย น้ำก็จะซึมเข้ามา เวลาจะปลูกควรยกระดับดินให้สูงขึ้น เพราะระดับน้ำจะเป็นตัวคอยบังคับการเจริญเติบโตของราก เม่ือรากเจริญไปถึงระดับน้ำแล้ว จะไม่สามารถ เตบิ โตลกึ ลงไปไดอ้ ีก แต่จะแผ่ขยายออกดา้ นข้าง ทำใหร้ ากอยู่ตน้ื ไม่เจริญเติบโตเท่าทีค่ วร เป็นผลให้ต้นมะมว่ ง เบาโตช้า แคระแก็รนและโค่น ล้มได้ง่าย ปัจจุบันมะม่วงเบาได้รับการจัดให้เป็นพืชเศรษฐกิจหลักของหลาย พ้ืนที่ในพ้นื ทภี่ าคใต้ ขณะทีพ่ ืน้ ทีภ่ าคอนื่ ๆ ของประเทศไทยกเ็ ร่ิมมีการนำไปเพาะปลกู เพิม่ มากขึ้น แต่ผลผลิตที่ ออกมาอาจจะแตกต่างกนั บ้างในด้านรสชาติ ความหอม แต่ก็สามารถนำมาทำแช่อิ่มหรือเปืนมะม่วงแปรรูปได้ ดเี ชน่ เดียวกัน
5 - การปลกู สามารถทำได้หลายวิธี เชน่ การเพาะเมลด็ การตอน การตดิ ตา และการทาบก่ิง เป็นต้น 1. การเพาะเมล็ด โดยทั่วไป การเพาะเมล็ดมีจุดประสงค์สองประการคือ เพื่อใช้ปลูกโดยตรง และเพื่อใช้เป็นต้นตอ สำหรับการขยายพันธุ์แบบต่าง ๆ เช่น การติดตา การทาบกิ่ง เป็นต้น การเพาะเมล็ดเปน็ วิธีด้ังเดิมที่ใชก้ ันมา นาน ขอ้ ดขี องการขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมลด็ คือ ทำไดง้ ่าย ได้จำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว ต้นมะม่วงที่ได้ จากการเพาะเมลด็ ต้นจะใหญโ่ ตมอายุยืนนาน เพราะมีระบบรากท่ีแขง็ แรง ส่วนข้อเสียคอื ออกดอกออกผลช้า กว่าการขยายพันธุ์ด้วยการติดตา การตอน หรือการทาบกิ่ง และต้นมะม่วงที่ได้จากการเพาะเมล็ดนั้น อาจกลายพันธุ์ ไมต่ รงตามพันธ์ุเดิมกไ็ ด้ ซึง่ อาจดีกวา่ หรือเลวกว่าพนั ธ์ุเดิมกลายเปน็ พันธใุ์ หมไ่ ป 1.1 การเพาะเมล็ด การเพาะเมลด็ จำนวนไม่มากนักอาจจะเพาะในกระบะหรอื ในภาชนะต่าง ๆ เช่น หม้อ ดิน กระถาง กระบอกไม้ไผ่ และถุงพลาสติก เป็นต้น ส่วนการเพาะเมล็ดจำนวนมาก ๆ ควรเพาะในแปลงเพาะชำเสียกอ่ นแลว้ จึงขดุ ไปปลูก หรือนำไปทาบกิ่งตอ่ ไป 1.2 การเก็บเมล็ดที่จะนำมาเพาะ ควรคัดเลือกเก็บจากต้นแม่ที่สมบูรณ์แข็งแรง ไม่แคระแกร็นที่จะ เก็บมาต้องแกจ่ ัด หรือสุกปากตะกร้อควรมีขนาดและน้ำหนักเท่า ๆ เมล็ดที่จะนำมาเพาะเพื่อใช้ เป็นต้นตอ ควรเป็นเมล็ดของมะม่วงพันธุ์ที่แข็งแรงทานกะล่อนแก้วแดงร่องต้นมะม่วงพวกนี้จะ แข็งแรง ทนทานต่อสภาพแวดล้อมตา่ ง ๆ ดี 1.3 การเตรียมเมล็ด แกะเมล็ดในมาเพาะ ให้ใช้มีดคมๆ ตัดปลายเมล็ดออกเล็กน้อย เพื่อให้เห็น ช่องว่างภายใน รอยที่ตัดให้คอ่ นไปทางด้านท้องของเมล็ด แล้วฉีกเปลือกของเมล็ดนอกออกเปน็ 2 ซีก แล้วเอาเมล็ดทอ่ี ยภู่ ายในซ่ึงมีเยอื่ บาง ๆ หมุ้ อยู่ออกมาทำการเพาะ วธิ นี ้ีจะช่วยให้เมล็ดโปร่ง อากาศ และน้ำเขา้ ไปในเมลด็ ได้งา่ ย เมลด็ งอกไดเ้ ร็ว และถา้ มีแรงงานพอ ให้แกะเอาเปลือกแข็งท่ี หุ้มเมล็ดออกท้ังหมด เอาแต่เนื้อข้างในไปเพาะ ก็จะทำให้งอกได้ดีย่ิงขึ้นอีก เมล็ดที่เอาเนื้อออก แล้ว ใหร้ บี เพาะภายใน 1 สปั ดาหไ์ ม่ควรเกบ็ ไว้นานเกนิ กว่า 1 เดอื น จะเพาะไมง่ อก หรือถ้างอก ต้นก็จะไม่ค่อยแข็งแรง การทิ้งเมล็ดให้โดนแดดโดนลมจะทำให้ความงอกเสียไป เม่ือได้เมล็ด มาแล้ว ควรคัดเมล็ดโดยการนำเมล็ดไปแชน่ ้ำ เมลด็ ทีจ่ มน้ำจะเป็นเมลด็ ท่ีสมบูรณน์ ำไปเพาะได้ดี ส่วนเมลด็ ลอยน้ำใหค้ ดั ทิ้งไป เมลด็ ท่ดี จี ะนำไปเพาะเลยกไ็ ด้แต่อาจจะงอกช้า 1.4 วธิ ีเพาะเมลด็ วัสดทุ ่ีใช้ในการเพาะที่ดีควรใช้ทรายผสมกบั ข้ีเถ้าแกลบ ใสอ่ ตั ราสวน่ 1 ต่อ 1 และ ใช้ปยุ๋ อินทรยี ์ 902 (ปุ๋ยเทศบาล) ผสมคลกุ เคล้าให้เข้ากัน แล้วใสใ่ นกระบะเพาะ รดน้ำใหช้ ุ่ม แล้ว นำเมล็ดท่แี กะออกมาแลว้ มาปกั ชำลงในกระบะเพาะท่ีเตรยี มไว้ การเพาะในภาชนะตา่ ง ๆ ให้ฝัง เมลด็ ลงไป 12 เมล็ด แล้วแตข่ นาดของภาชนะ ส่วนการเพาะในกระบะหรือในแปลงเพาะ ให้เพาะ เป็นแถวๆ ห่างกัน 6-8 นิ้ว และแต่ละเมล็ดห่างกัน 6 นิ้ว การฝังเมล็ดควรให้ลึกประมาณ 2 น้ิว
6 โดยใหด้ ้านท้องของเมลด็ อยู่ดา้ นล่างต้งั ส่วนทอ้ งของเมล็ดเอียงเป็นมมุ ประมาณ 45 องศา ให้ส่วน หัวของเมล็ดขึ้นมาเหนือทรายในกระบะเพาะเล็กน้อย หรือประมาณ 1 ใน 4 ของความยาวของ เมล็ด จะทำให้เมล็ดงอกดีและต้นที่ได้ตั้งตรง เสร็จแล้วรดน้ำให้ชุ่มและรดน้ำทุกวันถ้าฝนไม่ตก เมล็ดที่สมบูรณจ์ ะงอกภายใน 1 สปั ดาหถ์ ึงปะมาณ 20 วนั หลังจากงอกแล้วประมาณ 3 เดอื นนำ ต้นกลา้ ท่งี อกน้นั ไปชำในถุงพลาสติกขนาดเลก็ ประมาณ 4x6 น้ิว ใส่ดินที่มใี บไม้ผุมาก ๆ หรือขุย มะพรา้ วผสมกับป๋ยุ อินทรยี ์ 902 หลังจากปักชำอกี ประมาณ 3-4 เดอื น ตน้ กล้ามะม่วงจะมีขนาด ประมาณเท่าแท่งดินสอดำ ซึ่งเป็นขนาดท่ีพอเหมาะในการนำไปทาบกิ่งมะม่วงพันธ์ุดีต่อไป ส่วน การขดุ ตน้ เพ่ือนำไปปลกู ในสวนนน้ั ควรรอให้ตน้ โตได้ขนาดเสียก่อนจงึ ขุด หรืออาจขุดมาปลูกไว้ ในกระถางเสยี กอ่ น เพ่ือความสะดวกในการขนยา้ ยหรือรอเวลาปลกู 2. การทาบกิ่ง เป็นวิธีที่นิยมกันมากในปัจจุบัน เพราะการเพาะเมล็ดจะทำให้มีการกลายพันธุ์ได้ง่าย จึงเป็นวิธีที่ เหมาะทีส่ ุด สำหรบั มะม่วง การทาบกิง่ ตน้ ทไ่ี ด้จะตรงตามพนั ธ์เุ ดิม และยงั มีรากแก้วทแี่ ข็งแรงเช่นเดียวกับการ ปลูกด้วยเมล็ด ต้นที่ไดก้ ็ตกผลเร็วกว่าการปลูกด้วยเมล็ด วิธีทาบกิ่งต้องเตรียมต้นตอเพือ่ นำไปทาบกิง่ มะม่วง พนั ธดุ์ ีท่ตี ้องการ 1.1 การเตรยี มต้นตอ ต้นตอทีจ่ ะนำมาทาบกิ่งก็คอื ต้นกล้ามะม่วงทไี่ ดจ้ ากการเพาะเมล็ดดังที่กล่าวถึง แล้ว ซึ่งต่างกับผลไมช้ นิดอื่น คือ การที่จะทำให้เมล็ดมะม่วงงอกเร็วข้ึนตอ้ งแกะเอาเปลือกซึ่งหุ้ม เมล็ดออก แล้วจึงเอาเมล็ดที่อยูภ่ ายในมาเพาะ อายุของต้นกล้าทีจ่ ะใช้เปน็ ตน้ ตอควรมีอายุตั้งแต่ 1 เดือนขนึ้ ไป หรือลำตน้ มีเสน้ ผ่าศูนย์กลางประมาณ ครึ่งเซนติเมตร (สำหรับตน้ กล้าทีง่ าม ๆ อายุ เพียง 3 สัปดาห์ ก็โตพอที่จะใช้เป็นต้นตอได้) และใบชุดแรกเปลี่ยนเป็นสีเขียวแก่แล้ว เม่ือ ต้องการจะทาบกิ่ง ก็ขุดแยกต้นตอออกจากกระบะเพาะ นำไปชำในถุงพลาสตกิ ที่มีขนาดปากถงุ กวา้ ง 4-5 นว้ิ ใสข่ ุยมะพรา้ วที่แช่นำ้ เตรียมไว้ลงไปให้เตม็ ถงุ ผูกปากถงุ อยา่ ใหแ้ น่นมาก ก็พร้อมท่ี จะนำไปทาบก่ิงได้ 1.2 การเลือกกิ่งพันธ์ุ กิ่งของต้นพันธ์ุดีที่ต้องการจะทาบน้ัน ให้เลือกกิ่งที่มีขนาดไล่เลี่ยกับขนาดของ ตน้ ตอ จะใหญก่ วา่ สักเล็กน้อยกไ็ ด้ แตอ่ ยา่ ให้ใหญ่กว่ามากนัก (ถ้าใหญ่กวา่ มากให้ใช้ต้นตอหลาย ต้น) ก่ิงพันธุ์ควรเป็นกิ่งที่กำลังเจริญเติบโต ไม่แคระแกร็น กิ่งมีลักษณะกลม ไม่เป็นเหลี่ยม ก่ิง พันธุ์ต้องไม่แก่กว่าต้นตอมากนัก และไม่มีโรคแมลงรบกวน ถ้าได้กิ่งที่ตั้งตรงจะดีมาก เพราะ สะดวกในการทำงาน สว่ นก่งิ ทเ่ี อนกใ็ ชไ้ ด้ แตก่ ง่ิ ทหี่ ้อยยอ้ ยลงล่างไม่ควรใช้ทาบกิ่ง ถ้าจำเป็นต้อง ใช้ใหผ้ ูกกง่ิ ใหต้ ้งั ตรงเสยี กอ่ น 1.3 ฤดูกาล ฤดูที่เหมาะที่สุดคือฤดูฝน เพราะต้นไม้กำลังเจริญเติบโต จะทำให้กิ่งติดกันได้ดีและเรว็ กว่า แต่ถา้ ทง้ั ต้นตอและยอดพนั ธม์ุ คี วามสมบรู ณจ์ ะทาบกงิ่ ตอนไหนกไ็ ด้
7 1.4 วิธกี ารทาบกิ่ง ใช้มดี ทส่ี ะอาดและคมเฉือนต้นตอออกประมาณ 1 ใน 3 ของต้นตอ โดยเฉอื นข้นึ ไป หายอดของลำต้น เฉือนให้ห่างจากปากถุงพลาสติกราว 2-3 นิ้ว ยอดของต้นตอจะถูกตัดขาด ออกไป แลว้ ใช้มดี บากใหเ้ ป็นปากฉลาม ยาวประมาณ 2-3 นว้ิ ใชม้ ีดคมๆ เฉอื นทก่ี ิง่ พันธุล์ ึกเขา้ ไป ในเน้ือไมเ้ ล็กน้อย รอยเฉอื นยาวประมาณ 2 นว้ิ ให้มีขนาดและลักษณะเช่นเดยี วกับรอยเฉือนของ ต้นตอ นำรอยเฉือนทั้งสองมาประกบกันให้แนบสนิท โดยให้ปากฉลามสอดเข้าไปในรอยเฉือน พอดีกับกิ่งพันธุ์ดี ให้เปลือกของท้ังสองสัมผัสกันให้มากที่สุด แล้วใช้ผ้าพลาสติกขนาดกว้าง ประมาณ 1 นิ้ว ยาวประมาณ 12 นิ้ว พันและรัดรอยต่อทั้งสองให้แนบสนิท เพี่อกนั น้ำซึมเข้าไป ในรอยทาบ โดยพันจากล่างขึ้นบน เสร็จแล้วใช้เชือกผูกถุงที่หุม้ โคนต้นตอให้ติดกับกิ่งพนั ธุ์ เพื่อ ไม่ให้ตน้ ตอแกว่ง เมือ่ ทาบกง่ิ ครบ 30 วัน ใหค้ วั่นก่ิงพันธุ์ดีลกึ ประมาณครงึ่ ก่งิ ในระหวา่ งนีใ้ ห้คอย ดูความชื้นในถุงด้วย ถ้าเห็นว่าขุยมะพร้าวในถุงแห้งเกินไปให้รดน้ำหลังจากนั้น ทิ้งไว้ประมาณ 45-60 วัน รอยทาบของกิ่งจะประสานกนั สนิทก็ตดั กิ่งพนั ธุ์ดีตรงใต้รอยทาบประมาณ 1 นิ้ว เพื่อ นำไปชำ แลว้ ปลูกตอ่ ไป ภาพที่ 6 การทาบกิ่ง (ทีม่ า : https://www.google.com) 1.5 การชำต้นทาบกงิ่ เม่ือตดั ต้นทาบก่ิงออกมาแลว้ ใหแ้ กะเอาถุงพลาสติกทีห่ ุ้มโคนอยู่ออก เอาไปชำ ในน้ำสักพักหน่ึงกอ่ น แลว้ จงึ นำไปชำในดิน ต้นท่เี ห็นวา่ ขยุ มะพร้าวแหง้ มาก อาจชำไว้ในน้ำก่อน สัก 1-3 วัน จึงนำไปชำในดิน การชำน้ำทำได้ดังนี้คือ นำต้นทาบกิ่งวางในกระป๋องหรือกาละมัง เติมน้ำลงไป สูงประมาณ 1 ใน 3 ของกระเปาะทหี่ มุ้ รากอยู่อย่าใส่น้ำจนท่วมกระเปาะ เม่ือชำน้ำ เสร็จแล้วจึงนำไปชำในดิน ภาชนะที่สามารถใช้ชำได้แก่ กระถาง หรือถุงพลาสติก เป็นต้น โดย แกะขยุ มะพร้าวออกบา้ ง แล้วใสด่ นิ ลงไป กดดินรอบ ๆ โคนต้นใหแ้ น่นพอประมาณ แลว้ ปล่อยให้ ต้นทาบก่ิงนีเ้ จริญต่อไปอีกประมาณ 1 เดอื น ต้นกจ็ ะตง้ั ตัวแข็งแรง นำไปปลูกหรอื จำหน่ายได้ เวลาที่เหมาะสมทีส่ ดุ ในการทาบกิ่งมะม่วง : เวลาท่เี หมาะสมท่สี ุดคือ ฤดูฝน เพราะเป็นระยะทีก่ ิง่ พนั ธ์มุ ะม่วง กำลงั เติบโต แตฤ่ ดอู ่นื ก็ทาบกิ่งไดเ้ ชน่ กัน แต่ใชร้ ะยะเวลามากขนึ้ กว่ารอยแผลจะเชือ่ มตดิ กัน ขอ้ ควรระวงั : อยา่ รบี ตัดกิง่ ทีร่ อยทาบยงั ตดิ กนั ไมด่ ี หรือตดั มาแล้วนำไปปลกู หรือจำหนา่ ยเลย
8 - การเตรียมดิน 1. ในที่ลุ่มน้ำท่วมถึง เชน่ ทร่ี าบรมิ ฝั่งแม่น้ำตา่ ง ๆ ต้องยกร่องเสียกอ่ น เชน่ เดยี วกับการปลูกไม้ผล อยา่ งอน่ื เพอื่ ไมใ่ ห้น้ำท่วมถงึ โคนต้นได้ ขนาดของร่องกว้างอยา่ งน้อย 6 เมตร รอ่ งน้ำกว้างอยา่ งน้อย 1.5 เมตร สว่ นความยาวของร่องนน้ั แล้วแตข่ นาดของพื้นที่ หลงั ร่องย่ิงยกได้สูงมากยง่ิ ดีรากจะได้เจริญเติบโตอย่างเต็มที่ เมื่อขุดยกร่องเสร็จแล้วใหป้ รับปรงุ ดินให้รว่ นซุย โดยการขุดตากดนิ ใส่ปุ๋ยคอกปุ๋ยหมัก หรือถ้าดินเหนยี วมาก ให้โรยปูนขาวเสียก่อนจึงลงมือขุด ปูนขาวจะช่วยแก้ความเป็นกรดของดิน และทำให้ดินไม่จับตัวกันแน่น เนอ่ื งจากมะม่วงไมช่ อบดนิ ท่จี บั ตวั กันแนน่ การปรบั ปรุงดนิ ใหร้ ่วนซยุ จึงเป็นสงิ่ สำคัญอยา่ งย่งิ ของการปลูกแบบ ยกร่อง เพราะดินตามที่ราบลุ่มมักจะเป็นดินเหนียวจัด การขุดยกร่องใหม่ในปีแรกดินอาจยังไม่ร่วนซุยดีพอ ให้ปลูกพืชผักอย่างอื่นสัก 1-2 ปี จนเห็นว่าดินร่วนซุยดีพอแล้ว จึงลงมือปลูกมะม่วง ซึ่งจะได้ผลดีและไม่ เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ส่วนในท่ีเป็นร่องสวนเก่า มีคันคูและเคยปลูกพืชอย่างอื่นจนดินรวนซุยอยู่แล้ว อาจต้องปรับปรงุ ดนิ อกี เพียงเล็กนอ้ ยก็ลงมอื ปลูกไดเ้ ลย ภาพที่ 7 การเตรียมดิน (ท่มี า : https://www.google.com) 2. ในทีด่ อนน้ำทว่ มไม่ถงึ ท่ีป่า หรอื ที่ท่ีเคยเปน็ ไรเ่ ก่า ซงึ่ ไมม่ ปี ญั หาเร่อื งน้ำท่วม การเตรยี มที่ปลกู ถ้ามี ไม้ใหญ่ขนึ้ อยู่ให้โคน่ ถางออกให้หมด เหลอื ไว้ตามรมิ ๆ ไร่ เพือ่ ใชเ้ ปน็ ไมก้ นั ลม แต่ถา้ บรเิ วณนัน้ มีลมแรงอยู่เป็น ประจำก็ไม่ควรโค่นไม้ใหญ่ออกจนหมด ให้เหลือไว้เป็นระยะ ๆ จะใช้กันลมได้ดี เมื่อปราบท่ีเรียบร้อยแล้ว ให้ ปรับปรุงดินโดยไถพรวนพลิกดินสัก 1-2 ครั้ง หรือจะกำจดั วัชพืช แล้วลงมือขดุ หลุมปลูกเลยก็ได้ถ้าดินที่ปลกู นั้นอุดมสมบูรณ์ดว้ ยอินทรีย์วตั ถุอยู่แล้วกไ็ ม่จำเป็นต้องปรบั ปรุงดินอีก ส่วนที่เป็นทรายจัดมีอินทรีย์วัตถุน้อย ให้ปรับปรุงดินให้ดีเสียก่อนลงมือปลูกโดยการหาปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก เพิ่มเติมลงในดิน วัสดุที่พอหาได้ในทอ้ งถนิ่ เชน่ มลู สัตว์ต่าง ๆ กระดกู ปน่ กากถัว่ เปลอื กถั่ว เศษใบไม้ใบหญา้ ที่ผพุ ัง ลว้ นแตเ่ ป็นประโยชน์ต่อดินและพืชที่ ปลูกทงั้ สน้ิ ควรหามาเพิม่ ลงในดินให้มาก ๆ นอกจากน้ีการปรบั ปรุงดินอาจใช้ปุ๋ยพชื สดกไ็ ดว้ ธิ ีทำก็คือ ปลูกพืช พวกตระกลู ถ่ัวต่าง ๆ หรือปอเทอื ง แลว้ ไถกลบลงในดินให้ผุพังเปน็ ประโยชนต์ ่อดนิ การปรบั ปรงุ ดินด้วยวธิ ีต่าง ๆ ดังกล่าวจะชว่ ยให้ดินร่วนซุย การระบายน้ำ และอากาศของดนิ ดีทำให้ดนิ อุ้มน้ำดเี หมาะตอ่ การเจริญเติบโต
9 ของต้นมะม่วง ส่วนการปลูกจำนวนเล็กน้อยตามบ้านเรือน ที่อยู่อาศัย มีข้อที่ควรคำนึงอยู่สองประการคือ ความลกึ ของระดับน้ำในดิน และความแนน่ ทบึ ของดนิ ท่ีบางแหง่ ระดับน้ำในดินตื้น เม่ือขุดลงไปเพียงเล็กน้อย น้ำก็จะซึมเข้ามา เวลาจะปลูกมะม่วงควรยกระดับดินให้สูงขึ้น เพราะระดับน้ำจะเป็นตัวคอยบังคับการ เจริญเติบโตของราก เมื่อรากเจริญไปถึงระดับน้ำแล้วจะไม่สามารถเติบโตลึกลงไปได้อีก แต่จะแผ่ขยายออก ด้านข้าง ทำให้รากของมะม่วงอยู่ตื้น ไม่เจริญเติบโตเท่าท่ีควร เป็นผลให้ต้นมะม่วงโตช้า แคระแกร็นและโคน ล้มง่ายสำหรบั เรื่องความแนน่ ทึบของดินน้ัน ตามปกติเวลาถมที่เพือ่ ปลกู สรา้ งอาคาร บ้านเรือน ก็มักจะถมให้ แนน่ ทสี่ ุดเทา่ ที่จะทำได้เพื่อไมใ่ ห้ดินทรุดในภายหลัง ดนิ ทแี่ นน่ ทึบนไี้ ม่เหมาะต่อการปลูกมะมว่ ง หรือไม้ยืนต้น ตา่ ง ๆ เลย เพราะรากไม่สามารถเจริญเติบโตไดอ้ ย่างเตม็ ท่กี ารระบายน้ำและการถ่ายเทอากาศของดินไม่ดีทำ ให้ต้นมะมว่ งโตช้าและแคระแกร็น การแกไ้ ขทำได้โดยขดุ หลมุ ปลูกให้กว้างๆ และลึก ตากดนิ ทขี่ ุดข้ึนมาจนแห้ง สนิทย่อยให้เป็นก้อนเล็ก ๆ แล้วผสมกับปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ให้มาก ๆ ใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ลงไปในก้นหลุมด้วย เสรจ็ แลว้ จงึ กลบดินลงหลมุ รดน้ำให้ยบุ ตวั ดเี สียก่อนจงึ ลงมอื ปลูก 1) การขุดหลมุ ปลูก ทั้งแบบปลูกบนร่องและปลูกในที่ดอน ควรปลูกให้เป็นแถวเป็นแนว เพื่อสะดวกในการดูแลรักษาและการ ปฏิบตั ิงาน ขุดหลมุ ปลกู ให้มีขนาดกว้างยาว และลกึ 50 เซนตเิ มตร - 1 เมตร ทั้งน้ขี ึ้นอยกู่ บั ความอุดมสมบูรณ์ ของดิน ถา้ ดินดรี ว่ นซุย มีอินทรีย์วัตถุมาก ก็ขดุ หลุมขนาดเล็กไดส้ ว่ นดินท่ีไม่ค่อยดใี ห้ขดุ หลมุ ขนาดใหญ่ เพ่อื จะ ได้ปรับปรุงดินในหลุมปลูกให้ดีขึ้น ดินที่ขุดขึ้นมาจากหลุมนั้น ให้แยกเป็นสองกอง คือ ดินชั้นบนแยกไว้กอง หนึ่ง ดินชั้นล่างอีกกองหนึ่ง ตากดินที่ขุดขึ้นมาสัก 15 - 20 วัน แล้วผสมดินทั้งสองกองดว้ ยปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ก้นหลุมก็ใสป่ ุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก รองพื้นด้วย แล้วจึงกลบดินลงไปในหลุมตามเดิม โดยเอาดินช้ันบนลงไว้ก้นหลุม และดินชั้นล่างกลบทับลงไปที่หลัง ดินที่กลบลงไปจะสูงกว่าปากหลุมควรปล่อยทิ้งไว้ให้ดินยุบตัวดีเสียก่อน หรือรดน้ำใหด้ นิ ยบุ ตวั ดเี สียก่อน จึงลงมือปลกู 2) ระยะปลูก ระยะปลกู มหี ลายระยะด้วยกนั แลว้ แตว่ ตั ถปุ ระสงคใ์ นการปลกู ไดแ้ ก่ ภาพที่ 8 ระยะปลูก (ทมี่ า : https://www.google.com) • ระยะปลูกแบบถ่ี หรือการปลูกระยะชดิ เชน่ 2.5 X 2.5 เมตร, 4 X 4 เมตร หรอื มากนอ้ ยกว่านตี้ าม
10 ความเหมาะสม ซึ่งจะได้มะม่วงประมาณ 256 ต้น ต่อไร่การปลูกระยะชิดนี้จำเป็นจะต้องดูแลตัดแต่งกิ่งอยู่ เสมอดว้ ย • ระยะปลูกแบบห่าง เชน่ 8 X 8 เมตร, 10 X 10 เมตร หรือมากน้อยกว่านี้ตามความเหมาะสม แนะนำ ให้ปลูกระยะ 8 X 8 เมตร หรอื อย่างนอ้ ยไม่ควรตำ่ กวา่ 6 X 6 เมตร สำหรับมะม่วงที่ขยายพนั ธ์ุดว้ ยการทาบก่ิง 1) วธิ ปี ลูก การปลูกมะม่วงไม่ว่าจะปลกู ด้วยก่ิงตอน กงิ่ ทาบ หรอื ต้นท่เี พาะเมล็ดกต็ าม ต้องทำด้วยความระมัดระวัง อย่า ใหร้ ากขาดมาก เพราะจะทำใหต้ น้ ชะงกั การเติบโตหรือตายได้ตน้ มะมว่ งทป่ี ลกู ไว้ในภาชนะนาน ๆ ดินจะจับตัว กันแขง็ และรากก็พนั กนั ไปมา เวลานำออกจากภาชนะแลว้ ใหบ้ ิแยกดนิ ก้นภาชนะให้กระจายออกจากกันบ้าง ส่วนรากทมี่ ว้ นไปมาให้พยายามคลี่ออกเท่าทจ่ี ะทำได้เพอ่ื จะไดเ้ จริญเตบิ โตตอ่ ไปอย่างรวดเรว็ 1) การปลูกด้วยกิ่งทาบ กิ่งติดตา ให้ปลูกลึกระดับเดียวกับดินในภาชนะปลูกเดิม หรือสูงกว่าเดิม เล็กน้อย แต่ต้องไม่มิดรอยที่ติดตาหรือต่อกิง่ ไว้เพื่อจะไดเ้ ห็นว่ากิ่งที่แตกออกมานั้นแตกออกมา จากกิง่ พันธ์ุหรอื จากต้นตอ ถ้าเป็นก่งิ ท่ีแตกจากต้นตอใหต้ ดั ทง้ิ ไป 2) การปลูกด้วยกิ่งตอน ให้ปลูกลึกระดับเดียวกับดินในภาชนะเดิม หรือให้เหลือจุกมะพร้าวที่ใช้ใน การตอนโผล่อยู่เล็กน้อย ไมค่ วรกลบดินจนมดิ จกุ มะพร้าว เพราะจะทำใหเ้ นา่ ได้ง่ายเม่ือปลูกเสร็จ ใหป้ กั ไมเ้ ป็นหลกั ผกู ตน้ กนั ลมโยก แล้วรดน้ำให้ช่มุ ต้นทีน่ ำมาปลกู ถา้ เหน็ ว่ายังตงั้ ตัวไม่ดคี ือ แสดง อาการเหี่ยวเฉาตอนแดดจัด ควรหาทางมะพรา้ วมาปกั บงั แดดให้บา้ งกจ็ ะช่วยใหต้ ้นตั้งตวั ได้เรว็ ขึ้น ในระยะที่ต้นยังเล็กอยู่น้ีใหห้ ม่ันรดน้ำอยู่เสมอ อย่าให้ดินแห้งได้การปลูกในฤดูฝนจึงเหมาะที่สดุ เพราะจะประหยัดเรื่องการให้น้ำไดม้ าก และต้นจะต้ังตัวได้เร็ว โดยเฉพาะการปลูกในทีค่ ่อนขา้ ง แห้งแลง้ ไมม่ นี ้ำที่จะให้แก่ตน้ มะมว่ งไดท้ ั้งปใี หป้ ลกู ในระยะต้นฤดฝู น ชว่ งแรก ๆ อาจต้องรดน้ำให้ บ้าง เมื่อฝนเริ่มตกหนักแล้วก็ไม่ต้องให้น้ำอีกต้นจะสามารถตั้งตัวได้เต็มที่ก่อนจะหมดฝน และ สามารถจะผ่านฤดูแล้งได้โดยไม่ตาย ส่วนที่มีน้ำอุดมสมบูรณ์จะปลูกตอนไหนก็ได้แล้วแต่ความ สะดวก 3) การปลูกพชื แซม ต้นมะม่วงท่ีปลูกด้วยก่งิ ตอน กิง่ ติดตา หรอื ตอ่ กิง่ ทาบกง่ิ จะใชเ้ วลาประมาณ 3 - 4 ปีจงึ จะใหผ้ ล สว่ นการปลูกดว้ ยตน้ ทีไ่ ด้จากการเพาะเมล็ด จะใชเ้ วลาประมาณ 4 - 6 ปีขึ้นไป ในระหว่างที่ต้นยังไม่ไห้ผลนี้ถ้าปลูกแบบระยะต้นห่างๆ กันจะมีที่ว่างเหลืออยู่มาก ควรปลูกพืช อยา่ งอื่นท่ีมอี ายสุ ้นั ๆ หรอื พชื ท่คี ่อนขา้ งถาวรแซมเป็นการหารายได้ไปพลาง ๆ กอ่ น ไม่ควรปล่อย ให้ดนิ ว่างเปล่า นอกจากจะไมเ่ กิดประโยชน์อะไรแล้ว ยังตอ้ งคอยดายหญ้าอยู่เสมออกี ด้วย พืชท่ี ควรปลูกแซมระหว่างที่ต้นมะม่วงยังเล็กอยู่คือ พวกพืชตระกูลถั่วตา่ ง ๆ ซึ่งเป็นพืชช่วยบำรุงดนิ เมื่อเกบ็ ถั่วแล้ว ขุดสับลงดิน เพื่อเป็นประโยชน์แก่ดินและพชื ต่อไป สว่ นพืชท่ีไม่ควรปลูกแซมคือ ข้าวโพด ข้าวฟ่าง มันสำปะหลัง เป็นต้น เพราะเป็นพืชที่ทำให้ดินเสื่อมความอุดมสมบูรณ์อย่าง
11 รวดเร็วการปลูกพืชแซมอีกวิธีหนึ่ง ซึ่งนิยมกันในการปลูกไม้ผลทั่วไปคือ ปลูกกล้วยลงไปก่อน เมื่อกล้วยโตพอสมควรจึงปลูกมะม่วงตามลงไป ต้นกล้วยจะช่วยเป็นร่มเงาไม่ให้ต้นมะม่วงโดน แดดจัดเกินไป และทำให้สวนชุ่มชื้นอยูเ่ สมอ จะช่วยให้ต้นมะมว่ งโตเรว็ และประหยัดการให้น้ำ ดว้ ย จนเม่ือเห็นว่า ตน้ มะม่วงโตมากแลว้ และโดนตน้ กล้วยบังร่มเงา กท็ ยอยขุดตน้ กล้วยออก โดยขดุ ตน้ กลว้ ยทอ่ี ยู่ใกลๆ้ ต้นมะม่วงออกก่อน จนกว่าตน้ กลว้ ยจะหมดไป และต้นมะม่วงโตข้ีนมา แทนที่ต้นกล้วยท่ีตัดหรือขุดรือ้ ท้ิงนั้นให้ผ่าเป็นสองซีก ใช้เป็นวัตถุคลุมดินได้ดีป้องกันไม่ให้หญ้า ข้ึน และชว่ ยรกั ษาความชืน้ ของดิน การปลูกตน้ กลว้ ยแซมนี้มขี ้อเสียตรงทต่ี ้องเสียแรงงานมากใน การขุดรอ้ื ต้นกล้วยออก - ฤดปู ลูก มะม่วงควรปลูกตอนตน้ ฤดฝู น หรือในประมาณเดือนพฤษภาคม - กรกฎาคม เพื่อให้มะม่วงตั้งตัวได้ เร็วขึ้น เนื่องจากในฤดฝู นอากาศมคี วามชุ่มชื้นดี ทำให้มะม่วงตั้งตัวได้เรว็ และเป็นการสะดวกไม่ตอ้ งรดน้ำใน ระยะแรก - การใหน้ ำ้ หลังจากการปลูกใหม่ ๆ ถ้าฝนไม่ตก ควรรดน้ำให้ทุกวัน และค่อย ๆ ห่างขึ้นเป็น 3 - 4 วันต่อครั้ง จนกว่าต้นมะม่วงจะต้ังตัวได้ การใหน้ ้ำเป็นสงิ่ จำเปน็ อย่างหนง่ึ ในการปลกู มะม่วง เพอ่ื ให้ผลได้อย่างเต็มท่ีการ ให้น้ำอย่างเพียงพอตามที่ต้นมะม่วงต้องการ จะช่วยให้ต้นมะม่วงเจริญเติบโตอย่างสม่ำเสมอ ไม่ชะงักการ เจริญเติบโต ทำให้ได้ผลเร็วขึ้น การปลูกมะม่วงในที่ที่น้ำไม่อุดมสมบูรณ์ควรจะกะเวลาปลูกให้ดีให้ต้นกล้า มะม่วงได้รับน้ำฝนนานที่สุด เพื่อต้นจะได้ตั้งตัวได้ก่อนท่ีจะถึงฤดูแล้ง หรือการปลูกต้นกล้วยก่อน แล้วจึงจะ ปลกู มะม่วงตามลงไป ดงั ทไ่ี ดก้ ล่าวถึงแล้ว ก็เป็นอกี วธิ ีหนึ่งทจ่ี ะช่วยประหยัดการใหน้ ้ำไดม้ าก - การกำจดั วชั พืช การกำจดั วชั พชื ตอ้ งทำอยูเ่ สมอ เพราะวชั พชื ตา่ ง ๆ จะคอยแยง่ น้ำและอาหารจากตน้ มะม่วง และการ ปลอ่ ยให้แปลงปลูกรกรุงรงั จะกลายเปน็ ที่อย่อู าศัยของโรคแมลงต่าง ๆ ท่จี ะทำลายตน้ มะม่วงอกี ด้วย การกำจัด วัชพืชทำได้หลายวิธีเชน่ การถางด้วยจอบ การปลูกพืชคลุมดิน การปลูกพืชแซม การใช้สารเคมีและการคลุม ดินด้วยวัสดุคลุมดินตา่ ง ๆ เป็นตน้ การจะใชว้ ิธีใดข้นึ อยูก่ บั ความสะดวกและเหมาะสมของแต่ละราย เช่น ถ้ามี แรงงานเพยี งพอควรปลูกพชื แซม แลว้ เกบ็ เก่ียวผลผลิตไปเรอื่ ย ๆ หรือใชว้ ธิ ีไถพรวนดินกำจัดหญา้ อยูเ่ สมอ แต่ ถา้ มีแรงงานพอ ควรใชว้ ิธปี ลกู พืชคลมุ ดนิ เพราะพชื คลมุ ดนิ ปลูกคร้ังเดยี วสามารถอยไู่ ด้หลายปี
12 - การใสป่ ุย๋ มะม่วงชอบดินท่โี ปร่ง รว่ นซยุ การระบายน้ำและอากาศของดินดีจึงควรใสป่ ยุ๋ อนิ ทรยี ์เชน่ พวกปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ให้เป็นประจำทุก ๆ ปีเพื่อปรับปรุงดนิ ให้ร่วนซุย เหมาะต่อการเจริญเตบิ โตของต้นมะม่วง การใส่ปุ๋ย อินทรยี อ์ าจใสป่ ีละสองครง้ั คอื ต้นฝน และปลายฝน ปุ๋ยอนิ ทรยี น์ แ้ี ม้จะมธี าตอุ าหารที่พชื ต้องการไมม่ ากนกั แต่ ก็เปน็ ประโยชนต์ อ่ ดนิ ในด้านอน่ื ๆ นอกจากจะช่วยทำใหด้ ินดีขนึ้ แล้ว ยังชว่ ยให้ปยุ๋ เคมที ่ใี สล่ งไปนั้นถูกนำมาใช้ ประโยชน์ไดม้ ากยิ่งข้ึน ปุ๋ยวทิ ยาศาสตร์ เปน็ ป๋ยุ ที่ใหป้ ระโยชน์แก่ตน้ พืชอย่างรวดเร็ว และมธี าตุอาหารมากกว่าปุ๋ยอินทรีย์ใน ดินที่ค่อนข้างขาดธาตุอาหาร จึงควรใส่ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ให้บ้าง จะทำให้ต้นโตเร็วสมบูรณ์ ให้ดอกให้ผลได้มา และสม่ำเสมอ ปุ๋ยวิทยาศาสตร์อาจให้ตั้งแต่ระยะเป็นต้นกล้า โดยใช้ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต 2 - 4 ช้อนแกง ผสมน้ำ 1 ปบี๊ รดทตี่ ้นกล้าเดือนละ 2 คร้งั จะชว่ ยใหต้ น้ กล้าโตเร็ว แขง็ แรง สามารถนำไปปลูกหรือใช้เป็นต้น ตอไดเ้ รว็ และเม่ือนำตน้ มะมว่ งไปปลูกในแปลงจรงิ การใชป้ ยุ๋ ฟอสเฟตหรือกระดูกป่นใส่รองกน้ หลุมกจ็ ะช่วยให้ รากเจริญเติบโตดี ทำให้ตน้ ต้งั ตัวเตบิ โตเร็วส่วนตน้ มะมว่ งท่โี ตแล้วแตย่ งั ไม่ให้ผลอาจใช้ป๋ยุ วิทยาศาสตร์สูตร 4- 7-5 หรือ 4-9-3 ใส่ให้แก่ต้นเพื่อเพิ่มธาตุอาหารในดิน สำหรับต้นมะม่วงที่ให้ผลแล้ว อาจใช้ปุ๋ยสูตร 15-5-15 หรือ 16-16-16 ซึ่งเป็นสูตรที่ใช้กับไม้ผลทั่วไป อย่างไรก็ตามการใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องที่จะต้องศึกษา เสียกอ่ น เพื่อให้ได้ผลอยา่ งเต็มท่ไี ม่เกดิ การสญู เปล่า เพราะความอุดมสมบูรณ์ของดนิ และสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ของแต่ละท้องทีย่ อ่ มไมเ่ หมอื นกันอกี ประการหนึง่ ต้นมะม่วงเป็นไม้ผลที่มีขนาดใหญ่ รากสามารถหยั่งลึกหา อาหารได้ไกล ๆ ถา้ ดนิ นั้นเปน็ ดินดีอดุ มสมบูรณ์ดว้ ยธาตอุ าหารอยแู่ ลว้ ก็อาจไม่ต้องใช้ปุย๋ วทิ ยาศาสตร์เลยก็ได้ การปรับปรุงดนิ โดยการใช้ป๋ยุ คอกปยุ๋ หมกั อย่เู สมอก็เพยี งพออยู่เสมอก็เพยี งพอ จำนวนปุ๋ยท่ใี ส่ ปยุ๋ คอกหรอื ปุย๋ อินทรีย์ทำใหด้ ินโปรง่ เป็นการเพ่ิมอนิ ทรียวตั ถุให้กับดิน จำนวนทใ่ี ส่ไม่ จํากัด ถ้าดินทรายจัดก็ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์ให้มากหน่อย สำหรับปุ๋ยวิทยาศาสตร์สูตร 15-15-15 นั้น จำนวนปุ๋ยที่ใส่ขึ้นอยู่กับว่าดินมีความอุดมสมบูรณ์มากน้อยเพียงใด แต่มีหลักคิดอย่างคร่าว ๆ ได้ดังนี้คือ จำนวนกิโลกรัมของปุ๋ยที่ใส่ต่อต้นต่อปีเท่ากับครึ่งหนึ่งของอายุของต้นมะม่วง เช่น มะม่วงอายุ 2 ปีใส่ 1 กิโลกรัม อายุ 3 ปีใส่ 1.5 กิโลกรัม อายุ 8 ปีใส่ 4 กิโลกรัม เรื่อยไปจนถึงมะม่วงอายุ 10 ปีใส่ 5 กิโลกรัม หลงั จากมะมว่ งอายุ 10 ปขี ้ึนไปแล้วไมย่ ดึ หลักดังกลา่ วนี้แต่ดูจากผลผลติ มะมว่ งแต่ละปี ถา้ ปที แ่ี ล้วให้ผลมากก็ จำเปน็ ตอ้ งเพม่ิ ปรมิ าณปุ๋ยให้มากขึ้นตามส่วน และยังขนึ้ อยูก่ บั คุณสมบตั ิของดินด้วย วธิ ีใส่ปยุ๋ เม่อื ต้นยังเลก็ อยู่ ควรใชว้ ิธขี ดุ พรวนดนิ ตนื้ ๆ รอบ ๆ ต้น ในรัศมที รงพุ่ม แบ่งจำนวนปุ๋ยท่ีจะ ใสอ่ อกเปน็ 4 สว่ น ใส่ปุ๋ยบรเิ วณรอบ ๆ ทรงพมุ่ ตรงบริเวณที่พรวน ประมาณ 3 สว่ น อกี 1 ส่วนโรยบนพนื้ ดิน ภายในทรงพุ่ม แต่ควรระวังอย่าใส่ปุ๋ยให้ชิดกับโคนต้น เพราะปุ๋ยจะทำให้เปลือกของลำต้นเน่า และจะทำให้ มะม่วงตายได้จากนัน้ จึงรดน้ำใหช้ ุ่ม สว่ นในตน้ ท่ีโตแลว้ อาจใช้วิธีขุดเปน็ รางดินรอบต้นภายในรัศมีของทรงพุ่ม ขุดรางดนิ ลกึ ประมาณ 6 นว้ิ ใสป่ ๋ยุ คอก ปุย๋ หมกั ลงไปในราง ตามดว้ ยปุ๋ยวทิ ยาศาสตร์แล้วกลบดนิ รดน้ำให้ชุ่ม
13 ส่วนภายในบรเิ วณทรงพมุ่ ให้ขุดพรวนเพยี งเล็กนอ้ ย แล้วหวา่ นปยุ๋ เชน่ เดยี วกนั เหตผุ ลท่ีใส่ปุ๋ยรอบบริเวณรัศมี ทรงพ่มุ เพราะรากที่หาอาหารได้แกร่ ากฝอย จะอยมู่ ากในบรเิ วณรศั มีทรงพมุ่ หลงั จากใสป่ ุ๋ยแลว้ ควรรดน้ำตาม - การตัดแตง่ กง่ิ ระยะเวลาตดั แตง่ กงิ่ และประโยชน์ของการตัดแต่งกงิ่ ควรตัดกิ่งกระโดงที่ขึ้นแข่งกับลำต้นทิ้งให้หมด และตัดกิ่งที่ไม่ได้ระเบียบ หรือกิ่งที่มีโรคและแมลง ทำลายออกทง้ิ เสีย 1) ระยะเวลาการตดั แตง่ กงิ่ ควรตดั แต่งหลังจากเก็บผลแล้ว รอยแผลทต่ี ัดแลว้ ควรใช้สารป้องกนั เชือ้ รา หรือปูนขาว หรอื ปูนกินกับ หมากทา เพ่ือกนั แผลเน่าเนอ่ื งจากเช้ือรา การตัดอยา่ ตดั ไว้ตอ ควรตัดใหแ้ ผลเรียบสนิทไปกับลำต้นหรือกง่ิ ใหญ่ 2) ประโยชน์ของการตดั แตง่ กิ่ง 1) เพื่อให้ตน้ มะมว่ งมีรูปทรงตามทตี่ ้องการ และเป็นผลดตี อ่ การปฏบิ ัตดิ แู ลอน่ื ๆ 2) ทำให้ออกดอกติดผลดีขึ้น และผลกระจายสม่ำเสมอ เนื่องจากใบมะม่วงได้รับแสงแดดทั่วกันอันเป็น ประโยชนใ์ นขบวนการปรงุ อาหารของใบ 3) ช่วยลดการระบาดของศัตรูพชื เนื่องจากตดั แต่งกิ่งท่มี โี รคแมลงทง้ิ ไป 4) ชว่ ยทำใหม้ กี ารสะสมอาหารในลำตน้ ไดพ้ อดีพอเหมาะ กล่าวคือ ก่ิงที่ชาวสวนตดั แต่งออกส่วนใหญ่ จะเปน็ ก่ิงทอี่ ยู่ภายในทรงพมุ่ ก่ิงเหลา่ นีจ้ ะแย่งอาหาร และไม่ค่อยออกดอกตดิ ผล 5) ใบและกิ่งมะมว่ งที่ตัดออก นำมาคลุมไว้บริเวณโคนตน้ เพื่อเป็นการเพิ่มอนิ ทรยี วัตถุซึ่งจะมีประโยชน์ในแง่ บำรงุ ดินอกี ด้วย หากมีก่งิ ทีต่ ัดออกมากพอ ให้นำสุมกองไวร้ ะหวา่ งตน้ มะม่วง เมื่อแหง้ ดแี ล้วจงึ จุดไฟให้เกิดควัน ประโยชนข์ องควันไฟทสี่ ุมน้ีคอื จะชว่ ยในการทำใหม้ ะม่วงเกดิ ชอ่ ดอกข้ึนอีกทางหน่ึงดว้ ย 6) ลดความเสยี หายจากลมพายุพุม่ ต้นแนน่ ทึบรับแรงปะทะมาก ทำใหก้ ิง่ ฉกี ขาด - การออกชอ่ ดอกของมะมว่ งนอกฤดู 1. พัฒนาการของผลมะม่วง การพฒั นาการของผลมะมว่ งโดยทว่ั ไปมะมว่ งจะออกดอกติดผลในชว่ ง เดือนพฤศจกิ ายน - ธันวาคม และเกบ็ เก่ียวในเดอื น มีนาคม - เมษายน (ปลูกในภาคกลาง) สำหรับการปลกู ใน ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะออกดอกในชว่ งเดอื น มกราคม - กมุ ภาพันธ์ (ยกเว้นพวกมะม่วง ทะวาย) เกบ็ เก่ยี วเดอื นพฤษภาคม – มถิ นุ ายน
14 ภาพท่ี 9 การออกช่อดอกของมะมว่ งนอกฤดู (ท่มี า : https://www.google.com) การออกดอกของมะม่วงขึ้นอยู่กบั ปัจจัยหลายอยา่ งเช่น พนั ธุ์มะม่วง ความอุดมสมบูรณข์ องตน้ และยัง เกี่ยวข้องกับสภาพของอากาศอีกด้วย โดยจะเห็นว่าถ้าปีใดอากาศหนาวเย็นมาก มะม่วงจะออกดอกมาก สิ่งเหล่านี้ผู้ปลูกควรได้คำนึงถึงด้วย เพราะจะทำให้การปลูกมะม่วงได้ผลอย่างเต็มที่กล่าวคือ ควรเลือกพันธุ์ มะม่วงท่ีออกดอกงา่ ย สามารถออกดอกได้ทุกปีไมม่ ีเว้น รวมท้ังการบำรุงต้นมะม่วงให้สมบูรณ์ก็เปน็ ส่ิงทจี่ ำเป็น อย่างหนึ่ง ซึ่งจะกล่าวถึงในเรื่องการบำรุงต้นมะม่วงหลังจากเก็บผลแล้ว เมื่อต้นมะม่วงสมบูรณ์เต็มที่ก็จะ สามารถออกดอกไดง้ า่ ยกว่าตน้ ทไี่ มค่ ่อยสมบรู ณ 2. รอบระยะพัฒนาการของผลมะมว่ ง ระยะการพฒั นาจนครบรอบเป็นดงั น้ี มกราคม ---> ดอกบาน กุมภาพันธ์ุ ---> ผสมเกษร ---> ตดั ผลออ่ น มนี าคม ---> ขยายผล เมษายน ---> เข้าไคล พฤษภาคม ---> เข้าไคล ---> ผลแก่ ---> เกบ็ เกี่ยว มถิ ุนายน ---> ตดั แตง่ ก่ิง มกราคม ---> แทงช่อดอก กรกฎาคม ---> ตัดแต่งกงิ่ ---> แตกใบออ่ น ครง้ั ที่ 1 สิงหาคม ---> แตกใบออ่ น กันยายน ---> แตกใบอ่อน ครั้งท่ี 2 ตุลาคม ---> ฟกั ตัว พฤศจิกายน ---> ฟกั ตัว ธันวาคม ---> แทงชอ่ ดอก
15 3. การบงั คบั ให้มะม่วงออกดอกนอกฤดู การบังคบั ใหต้ น้ มะมว่ งออกดอก ทำได้หลายวธิ แี ตว่ ิธีท่ีนยิ มกันมากในปจั จุบันก็คือ การใช้สารพาโคล บิวทราโชล (ชือ่ การคา้ คือ คัลทาร์โดยราดสารน้ลี งในดินรอบ ๆ ต้น ซ่ึงมีวิธีการดงั นคี้ ือ 1) ต้องบำรงุ ต้นมะมว่ งให้สมบูรณเ์ ตม็ ท่ีกอ่ น กลา่ วคอื หลงั จากเก็บผลแลว้ ให้ตดั แตง่ ก่งิ ใส่ปยุ๋ ใหน้ ้ำ เพอื่ ให้ ตน้ มะมว่ งสมบูรณ์เต็มที่ หลังจากนั้นปลอ่ ยใหม้ ะม่วงแตกใบออ่ นอยา่ งน้อย 2 ชุด 2) ระยะเวลาท่ีเหมาะสมตอ่ การใช้สารคอื ชว่ งทีใ่ บยงั อยู่ในระยะใบอ่อน หรอื ใบพวง 3) กอ่ นราดสาร ควรตรวจดดู นิ ที่มีความชืน้ พอสมควร และเม่อื ราดสารลงดินแล้ว ให้รดน้ำตามดว้ ย เพ่ือรากดูด สารไดอ้ ย่างเตม็ ท่ี 4) หลงั จากราดสารประมาณ 2 เดอื น ถึง 2 เดอื นครงึ่ มะมว่ งจะออกดอก (พวกออกดอกไมย่ ากนัก ส่วนพวกท่ี ไม่ออกดอกภายใน 2 เดือนคร่งึ อาจใช้สารกระตุ้นการแตกตาชว่ ย เช่น ใช้โปแตสเซียมไนเตรท 2.5% หรือ ไทโอยเู รีย 0.5% พน่ ใหท้ ่ัวทั้งตน้ จะทำให้การออกดอกเป็นไปอยา่ งสม่ำเสมอท้งั ต้น 5) อัตราการใช้สารพาโคลบิวทราโซลเปล่ียนแปลงไปตามขนาดและอายุของต้นมะมว่ ง ดงั น้ี เส้นผา่ ศนู ย์กลางทรงพมุ่ อัตราการใชส้ าร ต่อตน้ * 2-3 เมตร 20-30 มิลลเิ มตร 3-4 เมตร 30-40 มิลลเิ มตร 4-5 เมตร 40-60 มิลลเิ มตร 5-6 เมตร 60-100 มิลลิเมตร 6-10 เมตร 100-200 มลิ ลิเมตร * อัตราการใชน้ ีค้ ิดจากผลิตภัณฑ์เคมีเกษตรทีม่ เี นื้อสารพาโคลบวิ ทาโซล 10% เชน่ คัลทาร์ 6) การรดด้วยสารพาโคลบวิ ทราโซลใหร้ ดท่วั บริเวณทรงพมุ่ อย่างสม่ำเสมอ 4. การชว่ ยใหช้ ่อดอกมะมว่ งติดผลดขี ้ึน เนอ่ื งจากมผี สู้ นใจปลูกมะมว่ งกันแพร่หลาย และมกั จะประสบปัญหาอย่างเดียวกนั ว่า มะม่วงออกชอ่ ดอกแล้วไมค่ อ่ ยติดผล โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ถา้ มหี มอกลงจดั ในขณะท่ชี ่อดอกกำลงั บานแล้ว ก็จะย่งิ ทำให้มะม่วง ไม่ติดผล ซ่ึงกม็ คี วามเชื่อกันอยา่ งน้ัน ซง่ึ สาเหตุ หรอื อุปสรรคต่าง ๆ ทีท่ ำใหม้ ะม่วงเมือ่ ออกดอกแลว้ ไมต่ ิดผล มี ดงั ตอ่ ไปนีค้ ือ - สาเหตอุ ันเกิดจากเพลี้ยจักจ่ันและโรคราดำ สาเหตุนี้เป็นสาเหตุทสี่ ำคญั ที่สุดในการท่ีจะให้ชอ่ มะมว่ งไมต่ ิดผล ซ่งึ พบสาเหตุนใ้ี นเกอื บทุกสวนมะม่วง หรือ ทกุ ต้นมะมว่ งในท้องท่จี ังหวัดตา่ ง ๆ เกือบทุกจงั หวัดก็ว่าได้การทำลายของเพลยี้ จ๊ักจ่นั หรือที่ชาวสวนเรียกกัน ว่า แมงกะอ้ากับโรคราดำนั้น เกิดควบคู่กันไป กล่าวคือ เพลี้ยจักจั่นทำลายช่อดอกมะม่วงโดยดูดนำเลี้ยงช่อ
16 ดอกมะม่วง ทำใหด้ อกมะม่วงขาดนำเลี้ยง ไมส่ ามารถเจริญตอ่ ไปเป็นผลมะมว่ งได้ดอกจะรว่ งหล่นในที่สุด และ ในขณะเดียวกนั เพล้ยี จก๊ั จั่นก็จะขับถ่ายออกมา เปน็ ของเหลวท่มี รี สหวาน ที่เป็นอาหารอนั โอชะของเช้ือราดำ ซ่งึ มีอยู่ท่ัวไปในบรรยากาศ ทำใหร้ าดำเจรญิ ไดด้ ตี ามช่อดอกมะม่วง เหน็ ชอ่ ดอกมะม่วงเป็นสดี ำ และโดยเฉพาะ อย่างย่ิง ถ้าเกิดมหี มอกลงจัด นั่นย่อมหมายความว่า มีละอองน้ำในอากาศอยู่มาก มีความชื้นสูง ซึ่งธรรมชาติ ของเช้ีอราดำหรอื ราต่าง ๆ จะชอบเจรญิ ได้ดีในท่ี ๆ มคี วามชุ่มชีน้ สูง ดงั นน้ั จึงกล่าวได้ว่า หมอกมีส่วนช่วยให้ โรคราดำเจรญิ หรอื ระบาดได้อย่างรวดเรว็ - วิธปี ้องกนั และกำจดั เพลยี้ จักจ่นั และโรคราดำ เนื่องจากเพลี้ยจั๊กจั่นจะเริ่มทำลายโดยดูดน้ำเลี้ยงช่อดอกมะม่วง ตั้งแต่ช่อดอกมะม่วงเริ่มออกช่อดอกยาว ประมาณ 3-4 นวิ้ เรอ่ื ยไป จนกระทง่ั มะม่วงติดผลขนาดเทา่ หวั แม่มือจึงหยดุ ทำลาย ดงั น้นั การพ่นสารเคมี ฆา่ แมลงเพ่อื ทำลายเพลี้ยจัก๊ จน่ั ก็ควรเรม่ิ ตง้ั แต่ช่อดอกเรมิ่ ออก ซึ่งมีขัน้ ตอนดงั น้ีคอื 1) ใชย้ าเซฟวนิ 85% จำนวน 2 ช้อนแกง ผสมน้ำสะอาด 1 ป๊บี หรือดลี ดริน 25% อตั รา 5-6 ช้อนแกงตอ่ น้ำ 1 ปีบ๊ พ่นทีช่ ่อดอกทกุ ๆ 7 วัน โดยเริ่มตัง้ แต่ชอ่ ดอกยาวประมาณ 3-4 น้ิว นอกจากน้ียงั มยี าฆ่าแมลงทใ่ี ชก้ ับ เพล้ียจก๊ั จั่นไดผ้ ลดไี ม่เป็นอันตรายต่อคน และสามารถทำเองได้ไดแ้ ก่ โล่ต๊ินหรอื หางไหล และยาฉนุ วิธีเตรียมโล่ต๊ิน ใช้โล่ต๊ิน 1 กิโลกรัม ทุบให้แหลก แช่น้ำ 1 ปี๊บ ไว้หนึ่งคืน แล้วกรองให้สะอาด เติม นำ้ เปลา่ ลงไปอีก 19 ปี๊บ ใชฉ้ ีดฆา่ แมลงได้ดี วธิ เี ตรียมยาฉนุ ใช้ยาฉุน 1 กโิ ลกรมั ตม้ กบั น้ำ 2 ลติ ร นาน 1 ชั่วโมง หรอื แชน่ ้ำไว้ 1 คืน แล้วค้ันเอา แต่น้ำ กรองใหส้ ะอาด เตมิ น้ำอีก 3 ปี๊บ ถา้ ใสส่ บซู่ นั ไลต์ลงไปด้วยสกั ก้อนต่อนำ้ ยาทุก 4 ป๊ีบ จะย่ิงได้ผลในการ ฆา่ แมลงมากขึน้ 2) หยุดพ่นสารเคมีในระยะที่ดอกมะม่วงกำลังบาน เพราะถ้าพ่นสารเคมีในระยะดอกบานแล้ว สารเคมีจะไป เคลือบปลายเกสรตัวเมยี ของดอก ทำให้ละอองเกสรตัวผู้ไมส่ ามารถเคลื่อนตัวไปผสมกับเกสรตัวเมียได้สะดวก เป็นเหตุใหม้ ะม่วงไม่ตดิ ผล เนือ่ งจากดอกไมไ่ ดร้ ับการผสมเกสร และสาเหตุอีกประการหนึง่ กค็ อื สารเคมีจะไป ฆา่ แมลงต่าง ๆ รวมทัง้ ผงึ้ ทม่ี ีสว่ นชว่ ยในการผสมเกสรดอกมะมว่ ง ทำให้ดอกมะมว่ งไมไ่ ดร้ บั การผสมเกสร มะม่วงจึงไมต่ ดิ ผล 3) หลังจากมะม่วงติดผลขนาดเท่าหวั แมลงวนั หรือเทา่ เมล็ดถัว่ เขยี วแล้ว จึงค่อยพ่นสารเคมเี ซฟวนิ อีก โดยพ่น ทุก ๆ 7 วัน และหยุดพ่นเมื่อผลโตเท่าหัวแมม่ ือแล้ว หรือหยุดพ่นก่อนนีก้ ็ไดถ้ ้าเห็นว่าไม่มีเพลี้ยจั๊กจั่นทำลาย ต่อไปแลว้ โดยใหส้ งั เกตดูตามช่อมะม่วง ตวั เตม็ วยั ของเพลีย้ จกั จั่นจะมขี นาดเท่าเมล็ดถว่ั เขยี วหรือหวั ไมข้ ดี ไฟ มสี ีน้ำตาล กระโดดไปมาตามชอ่ ดอกและใบมะมว่ ง การพ่นสารเคมีฆ่าแมลงปราบเพลีย้ จกั จ่นั เปน็ การปราบ ราดำในทางออ้ มด้วย เพราะถ้าเพลย้ี จักจนั่ หมดไปกไ็ มม่ ีสารที่เพล้ียจั๊กจัน่ ขบั ถ่ายออกมา ท่ีเป็นอาหารของราดำ โรคราดำก็ไม่ระบาดต่อไป เน่ืองจากช่อดอกมะมว่ งอยสู่ งู ในการพน่ สารเคมีจงึ จำเปน็ ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ดังนคี้ ือ
17 1) พ่นสารเคมีในขณะที่ลมสงบ ถ้ามีลมเล็กน้อยก็ให้อยู่หัวลม หรือหันหลังใหล้ ม ระวังอย่าให้ละออง สารเคมปี ลวิ มาถูกตัวได้ 2) ถ้าพ่นสารเคมีที่ช่อดอกมะม่วงใกล้บ้าน ต้องระวังอย่าให้ละอองสารเคมีปลิวไปถูกอาหาร เครื่องนงุ่ ห่มหรือสตั ว์เล้ยี ง 3) ผ้พู น่ สารเคมคี วรปอ้ งกนั ไม่ให้ละอองยาปลิวมาถกู ตวั ได้กล่าวคือ ควรสวมหมวก มีหน้ากาก หรือใช้ ผ้าปดิ จมกู สวมเส้อื แขนยาว กางเกงขายาว หรือใส่เสื้อกนั ฝน ก็ไดแ้ ละควรสวมถุงมอื ด้วย 4) อยา่ สูบบุหร่ีในขณะทพ่ี ่นสารเคมี 5) เมื่อพน่ สารเคมีเสร็จแลว้ ให้รีบอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย ฟอกสบหู่ ลายๆ ครั้ง เพราะสบู่จะมี ส่วนชว่ ยละลายคราบสารเคมฆี า่ แมลงท่ีตดิ ตามผิวหนังได้ - สาเหตุอันเกิดจากสิง่ อ่ืน ๆ ท่นี อกเหนอื จากแมลงและโรคทำลายชอ่ ดอก 1) เมื่อต้นมะมว่ งมีอายุไม่ถงึ วยั ที่จะออกดอกออกผล แต่ออกดอกก่อนกำหนด ต้นมะม่วงเหล่านีเ้ มื่อออกดอก แล้วมีดอกไมต่ ดิ ผล เพราะต้นมะมว่ งยังไม่แข็งแรงและสมบูรณ์พอ อายุหรอื วัยท่ตี น้ มะม่วงควรจะออกดอก ออกผล คือ ถ้าปลูกด้วยกิ่งทาบหรือกิ่งติดตา ควรมีอายุประมาณ 4-5 ปีจึงเริ่มออกดอกออกผล ถ้าปลูกด้วย เมลด็ ควรมอี ายุประมาณ 5-6 ปี ดังน้ีเป็นตน้ - วธิ ีป้องกันรกั ษา คือ ให้เด็ดดอกทิ้งเสียในขณะทช่ี ่อดอกเริ่มออก เพ่อื ต้นมะม่วงจะได้ไมเ่ สยี น้ำ เลี้ยงไปสรา้ งชอ่ ดอกตอ่ ไป ถ้าปล่อยชอ่ ดอกไว้ไม่เด็ดทิง้ อาจติดผลไดแ้ ต่เปน็ ผลท่ีไม่สมบูรณ์และต้นมะม่วงจะ เสยี น้ำเลีย้ งในการไปสร้างผล จงึ ทำใหก้ ารเจริญเติบโตของลำต้นชา้ ลง หรือชะงักงนั 2) ตน้ มะม่วงขาดน้ำ หรืออากาศแหง้ แลง้ ในระยะทมี่ ชี ่อดอก จะทำใหด้ อกเหี่ยวแห้ง และรว่ งหล่นไปได้ - วิธีปอ้ งกนั รักษา คือ หลงั จากมะม่วงออกช่อดอกแลว้ ใหร้ ดน้ำอย่างสม่ำเสมออย่าปล่อยให้แห้ง 3) ชอ่ ดอกมะมว่ งสกปรก มดี อกแห้งรว่ งหล่นตดิ ค้างอย่ทู ชี่ อ่ ดอกมาก ซ่งึ สาเหตุเนือ่ งมาจาก เพลีย้ จกั๊ จั่นและ ราดำเข้าทำลายช่อดอก และสง่ิ ขบั ถ่ายของเพลี้ยจ๊ักจั่น ซง่ึ เปน็ สารเหนียว ๆ ยึดเกาะดอกทแ่ี ห้ง และร่วงห้อย ตดิ อยูก่ บั ดอกเป็นกระจุก ทำใหผ้ ลมะม่วงลกู เล็ก ๆ ซงึ่ เพ่งิ ตดิ ผลนน้ั ไม่ได้รบั อากาศและแสงแดดเตม็ ที่ เป็นเหตุ ใหผ้ ลมะม่วงไม่เจรญิ ตอ่ ไป และรว่ งหล่นไดง้ า่ ย - วธิ ปี อ้ งกันรักษา โดยปกติแลว้ ในขณะทช่ี ่อดอกมะม่วงบานเต็มท่ี และตดิ เป็นผลมะมว่ งลกู เล็ก ๆ ขนาดประมาณเมล็ดถ่ัวเขียว หรอื เทา่ หัวแมลงวนั ตามทชี่ าวสวนมะม่วงเรียกกันนั้น จะมฝี นตกมาช่ัวขณะหนึ่ง ซ่ึงชาวบ้านเรียกว่า ฝนชะช่อมะม่วง ฝนที่ตกมาช่วงนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการช่วยชะล้าง ทำความ สะอาดช่อมะม่วงทำให้ดอกมะม่วงที่แห้งล่วงหล่นลงสู่ดิน เหลือไว้แต่ผลมะม่วงลูกเล็ก ๆ ติดอยู่ที่ช่อ จึงทำ ให้ผลมะม่วงเหล่านั้นเจรญิ เติบโตได้ตามปกติและรวดเร็วข้ึน เนื่องจากสิ่งแวดล้อมอำนวยให้ได้รับอากาศและ แสงแดดเตม็ ที่ แตถ่ า้ หากว่าไมม่ ฝี นดังกลา่ วแลว้ ในระยะที่มะมว่ งติดผลเลก็ ๆ โดยผลมีขนาดประมาณเมล็ดถ่ัว
18 เขยี ว หรอื หัวแมลงวันนั้น ให้ชว่ ยทำความสะอาดช่อดอก โดยการพน่ น้ำที่สะอาด เพอี่ ช่วยชะล้างชอ่ มะม่วง พน่ เบาๆ อย่าพ่นแรง ถา้ พ่นแรงจะทำใหผ้ ลมะม่วงเล็ก ๆ เหล่านัน้ ร่วงหลน่ ได้ 4) ต้นมะมว่ งไมส่ มบูรณ์และแข็งแรงพอ หากตน้ มะม่วงไม่สมบรู ณแ์ ละแขง็ แรงพอ ก็จะทำให้ชอ่ ดอกมะมว่ ง ไมต่ ดิ ผล เน่ืองจากขาดอาหาร หรอื น้ำเลีย้ งที่จะมาเล้ียงชอ่ ดอกหรอื ผลตอ่ ไปได้ - วิธปี อ้ งกนั รกั ษา ใสป่ ยุ๋ บำรุงต้นมะม่วงให้สมบรู ณแ์ ละแขง็ แรง โดยพรวนดินตื้นๆ บริเวณรอบรศั มี ทรงพุ่ม และใส่ปุ๋ยวิทยาศาสตร์สูตร 15-15-15 ควบคู่ไปกับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์รดน้ำตาม จะทำให้ต้น มะม่วงเจริญเติบโตได้ดีขึ้น และให้ตัดแต่งกิ่งมะม่วงที่แห้ง หรือกิ่งที่มีโรคหรือแมลงทำลายออกเสีย อาจมี สาเหตอุ ่นื อีกท่ีมะม่วงออกชอ่ ดอก แลว้ ไมต่ ิดผล เชน่ อาจเป็นเพราะในทอ้ งท่ีที่ปลกู มะมว่ งน้นั มีแมลงช่วยผสม เกสรอยู่น้อย หรืออาจเป็นเพราะต้นมะม่วงที่ปลูกนั้นอยู่ในที่อับ ไม่มีอากาศพัดผ่าน และแสงแดดน้อย เรื่อง พนั ธุม์ ะมว่ งกเ็ ปน็ สิง่ สำคญั เช่นกนั เช่น มะมว่ งพันธุ์นำ้ ดอกไม้พนั ธพุ์ มิ เสนมัน มกั จะออกดอกติดผลได้ดกี วา่ พันธุ์ อืน่ และมักจะออกดอกนอกฤดูกาลอกี ดว้ ย พนั ธ์แุ รดมักจะออกดอกก่อนพนั ธุอ์ ื่น และออกดอกติดผลสม่ำเสมอ เกือบทุกปเี หลา่ นเี้ ปน็ ตน้ สรุปการปฏบิ ตั เิ พื่อชว่ ยให้มะมว่ งตดิ ผลมาก 1) เม่อื ชอ่ มะมว่ งเจรญิ พ้นพมุ่ ใบออกมาอยา่ งเด่นชัดแลว้ ควรรดน้ำใหด้ ินชุม่ อยู่เสมอ และให้ปุ๋ยด้วยจะดียิ่งข้ึน การรดน้ำควรรดแต่น้อยกอ่ น แลว้ จงึ มากขึน้ ๆ เรื่อย ๆ 2) การพ่นยากำจัดแมลงท่ีจะมาทำลายช่อมะม่วง ครั้งแรกให้พ่นระยะที่ดอกยงั ตูม และครั้งที่สองเม่ือเหน็ วา่ มะมว่ งติดผลมีขนาดเท่าหัวแมลงวนั การพ่นยาครง้ั ท่ีสองอาจเติมยากันราลงไปดว้ ย ถ้าเหน็ ว่ายงั มรี าดำอยู่ตาม ชอ่ ดอกและใบ 3) ถ้าไม่พน่ ยากำจัดแมลง อาจพ่นน้ำเปล่าๆในระยะท่ีดอกมะม่วงบานและติดเปน็ ผลอ่อน เพื่อล้างชอ่ ดอก - ปฏทิ นิ การปฏบิ ตั กิ ารจัดการ 1. มกราคม แทงช่อดอก ดอกบาน รักษาชอ่ ดอกมะมว่ ง ป้องกนั เพลย้ี จั๊กจนั่ และราดำดูดน้ำเล้ียงทำลาย ช่อดอกมะม่วง 2. กมุ ภาพันธ์ุ ผสมเกสร และตดั ผลอ่อน ปอ้ งกันกำจัดเพลยี้ จกั๊ จนั่ ดูดน้ำเลี้ยงผลมะมว่ งท่ยี ังเล็กอยูช่ ะล้าง ช่อดอกและช่อผลมะม่วงด้วย 3. มีนาคม ผลเจริญเติบโต ใส่ปุ๋ย รดน้ำ หาฟาง เศษใบไม้หญา้ ผุคลุมผวิ ดินบรเิ วณโคนต้นมะม่วง ป้องกัน กำจัดแมลงวันผลไมค้ อยทำลายผลมะมว่ ง 4. เมษายน เปลือกเมล็ดเร่มิ แขง็ (เขา้ ไคล) ฤดูกาลเก็บผลมะม่วง
19 5. พฤษภาคม เปลือกเมล็ดเริ่มแข็ง (เข้าไคล) ผลแก่และเก็บเกี่ยว ตัดแต่งกิ่งมะม่วงหลังจากเก็บผล หมดแล้ว ใสป่ ๋ยุ บำรงุ รกั ษาตน้ มะมว่ ง 6. มถิ นุ ายน ตดั แตง่ กิ่ง กำจัดวชั พชื บำรุงรักษาต้นมะมว่ ง ฤดูกาลขยายพันธ์มุ ะมว่ งโดยวธิ ที าบกิ่ง 7. กรกฎาคม ตัดแตง่ กิง่ ให้ก่งิ แตกใบออ่ น ครงั้ ที่ 1 ฤดกู าลขยายพนั ธม์ุ ะมว่ ง 8. สงิ หาคม ก่งิ แตกใบออ่ นท้งั หมด กำจัดวัชพชื บำรงุ รักษาตน้ มะมว่ ง ปราบศัตรพู ืชตามความจำเป็น 9. กันยายน กิ่งแตกใบอ่อน ครัง้ ที่ 2 กำจดั วัชพืช บำรงุ รักษาต้นมะมว่ ง ปราบศัตรพู ืชตามความจำเปน็ 10. ตลุ าคม กิ่งเจรญิ เตบิ โตสมบูรณก์ ำจดั วชั พืช บำรุงรักษาต้นมะม่วง ปราบศัตรพู ืชตามความจำเป็น 11. พฤศจกิ ายน กง่ิ เจรญิ เติบโตสมบรู ณ์เต็มที่สุมกิ่งไมใ้ บไมห้ ญา้ แหง้ ระหว่างต้นมะมว่ ง เพ่ือรมควันมะมว่ ง เพอ่ี ช่วยกระตนุ้ ในการเกดิ ช่อดอก และเป็นการป้องกันกำจดั ศัตรูพืชอกี ทางหน่ึงดว้ ย 12. ธนั วาคม ระยะเวลาออกชอ่ ดอกมะมว่ ง ปอ้ งกนั กำจดั เพล้ียจกั๊ จ่นั และราดำดดู นำ้ เลย้ี งทำลายชอ่ ดอก มะม่วง - การติดผล มะม่วงจะออกดอกครั้งหนึ่งๆ เป็นจำนวนมาก แต่จะติดเป็นผลเพียงไม่กี่ผลต่อช่อเท่านั้น ทั้งนี้เป็น เพราะสาเหตหุ ลายประการ เช่น ลกั ษณะของดอกมะมว่ ง ซ่ึงดอกส่วนใหญจ่ ะเป็นดอกทไ่ี มส่ มบูรณ์ ไม่สามารถ เจรญิ เปน็ ผลไดแ้ ละปญั หาท่ีพบอยเู่ สมอคือ การเกิดราดำที่ดอก ทำให้ดอกร่วงหล่นเสียเป็นสว่ นมาก หรือหมด ทั้งต้นทั้งน้ีเพราะว่าที่ดอกมะมว่ งจะมีต่อมน้ำหวาน ทำให้แมลงต่าง ๆ มาดูดกิน โดยเฉพาะพวกเพลี้ย จั๊กจน่ั ซึง่ ระบาดมากในชว่ งมะมว่ งออกดอกเพลย้ี จ๊กั จัน่ นอกจากจะดูดกินน้ำหวานและนำ้ เลีย้ งที่ดอก ทำใหด้ อก ร่วงหล่น แล้วยังถ่ายมูลออกมาเป็นอาหารของราดำอีกด้วย จึงทำให้ราดำซึ่งมีอยู่แล้วตามใบและในอากาศ เจรญิ อย่างรวดเรว็ ในช่วงทม่ี ะม่วงออกดอกนี้อากาศมักจะหนาวเยน็ และมีหมอกมากในตอนเช้าเมื่อหมอกจับ ตวั เปน็ ละอองนำ้ ตามช่อดอกและใบ ราดำก็จะเจริญไดด้ ียงิ่ ข้ึน ทำให้ดอกร่วงหลน่ จนหมด จนกลายเป็นความ เชื่อว่า ถ้าปีใดมีหมอกจัดในระยะที่ดอกมะม่วงบาน ปีนั้นมะมว่ งจะติดผลน้อยเพราะน้ำค้างเค็มทำใหด้ อกร่วง ซง่ึ ความจริงแล้ว นำ้ คา้ งไม่ไดเ้ คม็ แตเ่ ป็นเพราะราดำและเพล้ยี จกั จ่นั ดงั กลา่ ว - การเก็บเกี่ยว ขอ้ สงั เกตงา่ ยๆ วา่ มะมว่ งนน้ั แกเ่ ต็มท่ีมสี งิ่ ท่ีสงั เกตได้ 2 ประการคอื 1. แกม้ ผลท้งั สองข้างพองโตอูมเต็มที่ ผิวผลเปลย่ี นจากสีเขียวจดั เป็นสจี างลง หรอื มีลักษณะคลา้ ยนวล แปง้ เกาะติดผิว 2. โดยเกบ็ ผลมะม่วงมา 2 - 3 ผล นำมาแช่น้ำ หากจมน้ำแสดงวา่ แก่จัด ถ้าลอยแสดงวา่ ยังออ่ นอยู่
20 - การบำรงุ ต้นมะม่วงหลงั การเก็บผล ต้นมะม่วงที่ติดผลจะต้องใช้แร่ธาตุอาหารจำนวนมากสำหรับเลี้ยงผล ยิ่งติดผลมากก็ยิ่งต้องใช้ธาตุ อาหารมาก ดังนั้นการบำรุงต้นให้สมบูรณ์หลังจากที่เก็บผลแล้วจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ต้นสมบูรณ์แข็งแรง สามารถจะใหผ้ ลในปตี ่อไปได้ การบำรุงต้น ทำได้ดังนี้คือ ขุดพรวนบาง ๆ รอบโคนต้น โรยปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก หรืออาจเติมปุ๋ย วิทยาศาสตร์ลงไปด้วยก็จะยิ่งดีเสร็จแล้วรดน้ำให้ชุ่ม หลังจากนั้นถ้าให้น้ำอยู่เสมอเป็นระยะ ๆ จะช่วยให้ต้น สมบูรณแ์ ขง็ แรงแต่ควรจะงดการให้น้ำประมาณ 5-6 เดอื น กอ่ นทม่ี ะมว่ งจะออกดอก เพราะถ้าให้น้ำในระยะน้ี ต้นมะม่วงอาจแตกใบอ่อน แล้วใบอ่อนจะแก่ไมท่ ัน การที่มะม่วงจะออกดอกได้ใบต้องแก่จัดเต็มที่ก่อนเดือน มกราคมหรือกุมภาพันธุ์อีกวิธีหน่ึงคือ การทำรางดินรอบต้น โดยการขุดเป็นรอ่ งลึกประมาณ 1 ศอก รอบตน้ ในรศั มีทรงพุ่ม แล้วใส่ปุย๋ คอก ปยุ๋ หมกั และป๋ยุ วิทยาศาสตร์ลงไปในรางดินนัน้ แลว้ กลบดินรดน้ำให้ชุ่ม ให้ทำ เชน่ นท้ี กุ ๆ ปี รางดินนีจ้ ะขยายออกไปเรอ่ื ย ๆ เพราะตน้ มะม่วงจะโตขึน้ ทุก ๆ ปี สำหรบั การปลกู ในที่ ๆ น้ำ ไมอ่ ุดมสมบรู ณต์ อ้ งอาศยั แต่น้ำฝนเพยี งอย่างเดียว เมื่อเก็บผลแล้วกใ็ ห้ทำเช่นเดยี วกับทกี่ ล่าวมาแล้ว แต่ไม่ต้อง รดน้ำ รอจนกวา่ ฝนจะตก นอกจากการใส่ปุ๋ยและใหน้ ้ำแลว้ ควรจะตัดแต่งก่งิ ดว้ ย กิง่ ทีแ่ ก่เกนิ ไป ก่ิงที่มโี รคแมลงรบกวน กิ่งที่อยู่ ในพุ่มควรตดั ออก เพือ่ ประหยัดอาหารทจี่ ะไปเลยี้ งกงิ่ ทไ่ี ม่มปี ระโยชนเ์ หลา่ นีส้ ำหรบั การปลกู มะมว่ งในสภาพยก ร่อง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในที่ต่ำมีน้ำท่วมถึง ดินมักเป็นดินเหนียว การเจริญเติบโตด้านทรงพุ่ม ค่อนข้างช้ากว่า มะม่วงที่ปลูกในดินทราย หรือดินร่วนปนทราย สภาพความชื้นสูงกว่าสภาพไร่ หลังเก็บเกี่ยวควรตัดแต่งก่ิง ใส่ปุ๋ยโดยพจิ ารณาปริมาณปุ๋ยท่ใี ส่ในปที ่ีผ่านมาประกอบดว้ ย โดยท่วั ไปใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตรส์ ูตร 16-16-16 หรือ 15-15-15 อตั รา 2-3 กก./ต้น อาจใสแ่ บบเป็นจุด ๆ บรเิ วณทรงพมุ่ หรอื หว่านรอบของพุม่ กไ็ ด้และควรเพิม่ ปุ๋ยอินทรีย์ด้วย กรณีดินเป็นกรดอาจ ปรับดินด้วยปูนขาว หรือโคโลไบค์การให้ธาตอุ าหารแก่ต้นมะม่วงอีกวธิ ี หนึ่งคอื การลอกเลนมาปรบั แต่งคนั ร่องสวน เมื่อมะม่วงแตกใบอ่อน 2 ครั้งแล้ว ให้ลดระดับน้ำในท้องร่อง กระตุ้นใหม้ ะม่วงพักตัวในระยะแตกใบ ออ่ นอาจพบโรคและแมลงระบาด ควรใชส้ ารเคมปี ้องกันกำจัด ระยะดอกใช้เวลาประมาณ 17 วันตั้งแต่เริ่มแทงช่อดอกจนถึงดอกบาน ควรให้น้ำประปรายทางใบ และรดน้ำบริเวณโคนตน้ เล็กน้อย เมอ่ื ติดผลแล้ว อาจให้ปยุ๋ เพอ่ื บำรงุ ผล โดยใช้ปุ๋ยน้ำสตู ร 15-30-15 หรอื 6-24-24 อตั รา 10 ซีซ.ี ตอ่ น้ำ 20 ลิตร จนถึงอายุ 60 วัน อาจมกี ารร่วงหล่นของผลไดก้ ารร่วงหล่นอาจเกดิ จากอุณหภูมิหรือความชน้ื ท่ีเปล่ียนแปลงมาก ชว่ งผลออ่ นขนาดไขไ่ ก่ อาจทำการตดั แต่งช่อผลชว่ ยให้ผลที่เหลอื เจริญเติบโตดีและไม่หลุดร่วง ระยะผลมะมว่ งเขา้ ไคล 90 วนั หลังดอกบาน ควรเรมิ่ ลดระดับน้ำ เพอ่ื ใหผ้ ลแก่ หรืออาจใหป้ ุ๋ยสูตร 9-24-24 ทางดนิ และใหน้ ้ำดว้ ย ประมาณ 10 วัน จะเหน็ ผลขยายข้ึน และถ้าต้องการให้แก่เรว็ ข้นึ ควรฉีดพน่
21 ปยุ๋ สตู ร 6-24-24 อตั รา 20-30 ซซี .ี ตอ่ น้ำ 20 ลิตร นวลจะข้นึ หลงั จากนนั้ 7-10 วัน - โรค แมลงและการป้องกนั โรค : แอนแทรคโนส (anthracnose: Colletotrichum gleosporiodes Penz) ซึ่งทำอันตรายกับ ทุกส่วนของต้น อาการบนใบจะเห็นเป็นจุด ๆ สีน้ำตาลดำและขยายตัวออกเป็นแผลแห้ง ๆ ขอบแผลมีสีเข้ม ท่ใี บ ก่ิง ชอ่ ดอกและผล ทำให้ใบเปน็ รูพรุนทั่วไป ถ้าเปน็ กับใบอ่อนหรอื ยอดอ่อน จะทำให้ใบบิดเบ้ียวและยอด แห้ง ถ้าเกดิ ทีด่ อกจะทำใหด้ อกรว่ ง ถ้าเกิดกับผลอ่อนจะทำใหผ้ ลน้ันแคระแกร็นไม่เจริญเติบโตส่วนผลท่ีมีขนาด เล็ก ถา้ เป็นโรคนอี้ าจร่วงไปเลย ภาพที่ 10 โรคแอนแทรคโนส (ที่มา : https://www.google.com) แมลง : เพลย้ี จั๊กจัน่ มะม่วง (Mango hopper: Idiocerus spp.) จะเขา้ ทำลายมะมว่ งต้ังแต่เริ่มออก ดอก โดยจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากดอกและช่อดอก ทำให้ดอกร่วงหลน่ ถ้าดูดน้ำเลี้ยงที่ผลอ่อนก็จะทำให้ผลออ่ น ร่วงหล่น มะม่วงไม่ค่อยติดผล เพลี้ยจักจั่นมะม่วงยังถ่ายมูลที่มีลักษณะเป็นน้ำหวานออกมาติดอยู่ตามใบ เปน็ อาหารของราดำ ทำใหร้ าดำระบาดจับอย่ตู ามใบมะมว่ ง ทำให้ใบมะม่วงสังเคราะห์อาหารไดน้ ้อยลง ภาพท่ี 11 เพลีย้ จ๊ักจน่ั มะม่วง (ท่ีมา : https://www.google.com)
22 การปอ้ งกนั และกำจดั 1. ให้พ่นสารเคมี เชน่ เซฟวิน ทกุ 7 วัน โดยเรม่ิ ต้นเม่อื มะมว่ งเริ่มแตกชอ่ ดอก แตง่ ดเว้นการพ่นสารเคมี เมือ่ ดอกมะมว่ งกำลงั บาน 2. โดยการสุมควันที่โคนต้นมะมว่ ง ใหม้ ีควันมาก ๆ อาจไลใ่ ห้เพลี้ยจักจ่ันหนีไปได้ เพลี้ยไฟ เพลี้ยไฟทำลายพืชบริเวณใบอ่อน ยอดอ่อน ช่อดอกมะม่วง ยิ่งในระยะที่มะม่วงออกดอก หากเพลยี้ ไฟเข้าทำลายช่อดอกโดยการดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ดอกรว่ ง ช่อดอกหงกิ งอ ผลอ่อน ทำให้เป็นแผลจุด สีดำ ถา้ ระบาดรนุ แรงผลมะม่วงจะเป็นสีดำเกือบท้ังหมด ภาพที่ 12 เพลี้ยไฟ (ทมี่ า : https://www.google.com) การปอ้ งกันและกำจัด 1. ถ้าพบไม่มากให้ตดั ทำลาย เผาทิง้ 2. ถ้าพบมากควรใช้สารเคมีป้องกันกำจัดแมลงพ่น เช่น Cyhalothrim หรือ โมโนโครโตฟอสหรือ คาร์บาริล ฉีดพ่นอย่างน้อย 2 ครั้งเมื่อเริ่มแทงช่อดอก และช่วงมะม่วงติดผลขนาด 0.5 - 1 ซม.หรือ เทา่ มะเขอื พวง 3. เก็บผลมะม่วงท่ีถูกทำลายโดยแมลงวนั ผลไม้ท่ีหลน่ โคนต้นทำลายเสีย
23 แมลงวันทอง ตวั เมยี จะวางไข่ใต้ผิวของผลมะม่วง เม่อื ไข่เจรญิ เปน็ ตวั หนอน หนอนจะไชชอนกินเน้ือ มะมว่ งเปน็ อาหาร ทำใหผ้ ลมะมว่ งเน่าเสยี หายร่วงหลน่ ได้ ภาพท่ี 13 แมลงวนั ทอง (ที่มา : https://www.google.com) การปอ้ งกนั และกำจัด 1. ห่อผลมะม่วงดว้ ยกระดาษหรอื ใบตองแหง้ 2. ทำลายดกั แดโ้ ดยการไถพรวนดินบรเิ วณโคนต้น หรอื ใช้สารเคมีฆา่ แมลงพ่นลงดินเพือ่ ฆา่ ดักแด้ หนอนเจาะลำต้น เป็นหนอนของด้วงปีกแข็ง หนวดยาว ตัวสีน้ำตาล โดยตัวแม่วางไข่ตามรอยแตกของ เปลือกต้นมะม่วง แล้วตัวหนอนจะกัดกินเนื้อไม้เข้าไปในต้นหรือกิ่ง และจะสร้างขุยปิดรูที่มันเจาะเข้าไป ถ้า ระบาดมาก ๆ ต้นหรอื กิง่ จะตายได้ การปอ้ งกนั และกำจัด ป้องกันไม่ให้ด้วงชนิดนี้มาวางไข่ที่เปลือกของลำต้นโดยการทำความสะอาดสวนอยู่เสมอ โดยเฉพาะ บริเวณโคนต้นและลำต้น อย่าให้ลำต้นมีรอยแผล ไม่ให้เป็นที่อยู่อาศัยของแมลง การฉีดยาฆ่าแมลงอย่าง สม่ำเสมอจะทำให้ด้วงไม่มีโอกาสวางไข่ โดยฉีดตามรอยแตกของเปลือกไม้ พ่นสารชนิดที่มีกลิ่นและดูดซึม เคลอื บเปลอื กลำตน้ เปน็ ครั้งคราว หากพบว่ามีตัวหนอนกัดกนิ เขา้ ไปขา้ งในแล้ว และสร้างขยุ ปดิ ปากรูอยู่ ให้รีบ ทำลายตัวหนอนทันที โดยหาเหล็กแหลมเข่ียเอาตัวหนอนออกมา หรือฆ่าตัวหนอนเสยี แต่ถ้าตัวหนอนเขา้ ไป ลึกแล้วให้ใช้ยาฉีดยุงแบบสเปรย์ฉีดเข้าไปในรู แล้วอุดรูด้วยดินเหนียวหรือดินน้ำมัน หรือ<w b rใช้<w b r สารเคมีชนิดฟุ้งกระจาย เช่นฟูโมแก๊ส พ่นเข้าไปตามรูเพื่อใหส้ ารเคมีระเหยไปฆ่าตัวหนอน จะทำให้ตัวหนอน ตาย
24 ด้วงมะม่วง เป็นด้วงปีกแข็ง มีงวงยาว ตัวแก่จะวางไข่ที่ผลอ่อน แล้วตัวหนอนจะเจริญอยู่ในเมล็ด พอเปน็ ตัวแกก่ ็จะกดั กนิ เนอ้ื ออกมา ภาพท่ี 14 ดว้ งมะม่วง (ท่มี า : https://www.google.com) การปอ้ งกันและกำจดั เมื่อตัวหนอนเข้าไปอยู่ข้างในแล้ว กำจัดได้ยาก และผลมะม่วงมักเสียหายไปแล้ว การฉีดยาฆ่าแมลง ประเภทดูดซึมจะช่วยได้บ้าง การดูแล หม่ันทำความสะอาดสวนอยู่เสมอ ไม่ให้เป็นที่อยู่อาศัยของด้วงและ แมลงต่าง ๆ จะช่วยป้องกนั การระบาดของดว้ งมะมว่ งได้ โรค โรคต่าง ๆ ของมะม่วงไม่ค่อยพบว่าระบาดรุนแรงมากนัก ที่พบเสมอได้แก่ โรคแอนแทรคโนส (anthracnose : Colletotrichum gleosporiodes, Penz) ซ่ึงทำอนั ตรายกบั ทกุ ส่วนของตน้ อาการบนใบจะ เห็นเปน็ จุด ๆ สีน้ำตาลดำ และขยายตัวออกเปน็ แผลแหง้ ๆ ขอบแผลมสี เี ข้ม ทีใ่ บ กง่ิ ช่อดอก และผล ทำให้ใบ เป็นรูพรุนทัว่ ไป ถ้าเป็นกับใบอ่อนหรือยอดอ่อน จะทำให้ใบบิดเบี้ยวและยอดแห้ง ถ้าเกิดที่ดอกจะทำให้ดอก รว่ ง ถา้ เกดิ กับผลอ่อนจะทำให้ผลนั้นแคระแกรน็ ไมเ่ จรญิ เตบิ โต สว่ นผลท่ีมขี นาดเล็ก ถ้าเป็นโรคน้ีอาจร่วงไป เลย การป้องกันและกำจัด 1. ตัด ทำลาย และเผาไฟเสีย 2. พ่นสารกันเชื้อรา เช่น ไชเนบ (Zinep), แมนเซทดี (Manzate-D), หรือ เบนเลท 50 จำนวน 10-12 กรมั ต่อน้ำ 20 ลิตร ทกุ ๆ 7-10 วัน โดยเฉพาะในระยะทมี่ อี ากาศช่มุ ช้ืนมาก เชน่ ในฤดฝู น นอกจากโรคแอนแทรคโนสแล้ว อาจมีโรคราแปง้ หรอื โรคราข้เี ถ้า ทำลายใบและดอกให้ร่วงหล่น แต่ ไม่ค่อยพบว่าระบาดรุนแรงนัก นอกจากสวนที่ปล่อยปละละเลย ไม่ได้ดูแลทำความสะอาดสวนเลย การทำ ความสะอาดสวนอยู่เสมอ และบำรุงต้นมะม่วงใหเ้ จริญเติบโตแข็งแรง จะเป็นการป้องกันไม่ให้โรคและแมลง ศัตรตู า่ ง ๆ ระบาดได้เปน็ อยา่ งดี
25 ข้อมลู การปลูกมะม่วงเบาจงั หวัดสงขลา 1. พื้นท่ีปลูก ปรมิ าณการผลิต และจำนวนเกษตรกรผปู้ ลกู มะม่วงเบา จังหวัดสงขลา ปี 2562 มีเนื้อที่ปลูกมะม่วงในพื้นที่ 3 อำเภอ คือ อ.สทิงพระ อ.บางกล่ำ และ อ.สิงหนคร รวม จำนวน 4,512 ไร่ เนือ้ ทใ่ี ห้ผล จำนวน 3,507 ไร่ เนอ้ื ทย่ี งั ไมใ่ ห้ผล จำนวน 1,005 ไร่ เนื้อที่ เกบ็ เก่ียวผลผลิต จำนวน 2,828 ไร่ ผลผลติ รวม 2,844,750 ไรผ่ ลผลติ เฉลย่ี จำนวน 1,005.92 ไร่ และจำนวน ครวั เรือนเกษตรกร จำนวน 2,052 ไร่ เน้อื ทป่ี ลูก เนื้อทใี่ ห้ผลผลิต ผลผลิตรวม ผลผลิตเฉลี่ย/ไร่ มะม่วงจังหวัดสงขลา ปี 2560 - 2562 เน้อื ทป่ี ลกู เน้อื ทใ่ี ห้ ผล เน้อื ทีย่ ังไม่ เนื้อทเ่ี ก็ ผลผลิตรวม ผลผลิต จำนวน ปีพ.ศ. (ไร)่ (ไร)่ ให้ผล (ไร่) บเกยี่ ว (กิโลกรัม) เฉลี่ย ครวั เรือน ผลผลิต (ไร่) (กโิ ลกรัม/ เกษตรกร ไร่) ปี 2560 5,006.75 3,851.00 1,155.75 2,044.50 3,047,154.00 1,490.42 2,960 ปี 2561 4,942.00 3,873.25 1,068.75 2,160.50 4,694,070.00 2,172.68 2,196 ปี2562 4,512.00 3,507.00 1,005.00 2,828.00 2,844,750.00 1,005.92 2,052 เนอ้ื ทปี่ ลูก เน้ือทใ่ี หผ้ ลผลิต ผลผลตรวม ผลผลิตเฉล่ีย/ไร่ มะม่วงจังหวัดสงขลา ปี 2562 เนอื้ ท่ีปลูก เนอื้ ท่ีให้ ผล เนือ้ ทย่ี งั ไม่ เนอ้ื ทเ่ี ก็ ผลผลติ รวม ผลผลิต จำนวน จงั หวัด/ (ไร่) (ไร)่ ใหผ้ ล (ไร)่ บเกีย่ ว (กิโลกรัม) เฉลี่ย ครวั เรือน อาํ เภอ ผลผลิต (ไร่) (กโิ ลกรมั / เกษตรกร ไร)่ สงขลา 4,512.00 3,507.00 1,005.00 2,828.00 2,844,750.00 1,005.92 2,052 อ.สทงิ พระ 895 540 355 427 75,100 175.88 572 อ.บางกลำ่ า 10 10 0 0 0 4 อ.สงิ หนคร 3,607 650 2,401 2,769,650 - 1,476 2,957 6 1,153.54 ทมี่ า : ระบบสารสนเทศการผลิตทางดา้ นการเกษตร กรมสง่ เสริมการเกษตร, รายงานสถติ ทิ างการเกษตร พืชอายยุ าว (รต.02) จำแนกตามพืช 19 ก.พ. 63
26 2. พน้ื ท่ปี ลูกมะม่วงเบา และประมาณการผลผลติ เกษตรกรในพื้นที่อำเภอสิงหนคร จำนวน 187 ราย พน้ื ท่ี 337.3 ไร่ ประมาณการผลผลติ 493 ตัน ตำบล จำนวนเกษตรกร เน้ือที่ปลกู /เน้ือ เน้อื ที่เก็บเกยี่ ว/ ผลผลิตตอ่ ไร่ ปรมิ าณการผลิต (ราย) ท่ยี ืนตน้ (ไร)่ เน้อื ท่ีให้ผล (ไร)่ (กก.) (ตนั ) อ.สงิ หนคร 187 337.30 326.50 1,500 493 มว่ งงาม 10 9 9 1,500 16.50 ชิงโค 7 8 8 1,500 12 ทำนบ 11 15.50 14.50 1,500 21.70 สทิงหมอ้ 159 304.90 295.10 1,500 442.60 ท่มี า : สำนักงานเกษตรจังหวัดสงขลา, การจดั ทำปฏิทนิ ผลผลิตสนิ ค้าเกษตรท่ีสำคญั , 2562 3. ต้นทุนการผลิต การปลูกมะม่วงเบาของเกษตรกรจังหวัดสงขลา ส่วนใหญ่มีต้นทุนต่ำ เนื่องจากมีเฉพาะค่าปุ๋ยคอก/ ขไ้ี ก่/ปุ๋ยหมกั ทเี่ กษตรกรนำมาใสต่ ้นมะมว่ ง และมกี ารดแู ลตดั แต่งกิง่ - คา่ ปยุ๋ คอก/ขไี้ ก/่ ปุ๋ยหมัก จาํ นวน 1 - 3 กส./ไร่ เปน็ เงิน 150 บาท/ไร ท่ีมา : สำนักงานเกษตรอำเภอสิงหนคร, ปี 2562 4. ช่องทางการตลาด เกษตรกร 100% พอ่ คา้ ท้องถ่นิ พอ่ ค้าตา่ งถิ่น การแปรรปู ผบู้ ริโภค 77% 11% 9% 3% สำหรับพ่อค้าท้องถ่ินที่ซ้ือมะม่วงมาจากเกษตรกร ร้อยละ 77 ซึ่งขายให้กับพ่อค้าต่างถิน่ ร้อยละ 40 ขายให้กลมุ่ แปรรปู ร้อยละ 20 และขายพอ่ คา้ ปลกี ร้อยละ 17
27 พ่อค้าท้องถนิ่ 77% พ่อคา้ ต่างถ่นิ กลุ่มแปรรูป พ่อค้าปลกี 40% 20% 17% สำหรับพ่อค้าต่างถิ่นที่ซื้อมะม่วงจากเกษตรกรและพ่อค้าท้องถิ่น ร้อยละ 51 ซึ่งขายพ่อค้าปลีก ร้อยละ 37 ขายกลุ่มแปรรูป ร้อยละ 7 และผบู้ ริโภค ร้อยละ 7 พ่อคา้ ต่างถน่ิ (11+40=41%) พอ่ ค้าปลกี กลุ่มแปรรปู ผ้บู ริโภค 37% 7% 7% สำหรบั พ่อคา้ ปลกี ท่ีซื้อมะมว่ งจากพอ่ คา้ ท้องถน่ิ และพอ่ คา้ ต่างถิ่น รอ้ ยละ 54 ซ่ึงขายผู้บรโิ ภค ร้อยละ 49 และขายให้กลมุ่ แปรรปู รอ้ ยละ 5
28 พ่อค้าปลีก (17+37=54%) ผบู้ รโิ ภค กลุม่ แปรรูป 49% 5% ท่มี า : จากการสำรวจสำนกั งานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 9 , ปี 2562 คณุ ค่าทางโภชนาการ คณุ ค่าทางโภชนาการของมะมว่ งดบิ ตอ่ 100 กรัม • พลังงาน 60 กโิ ลแคลอรี • คารโ์ บไฮเดรต 15 กรัม • น้ำตาล 13.7 กรัม • เสน้ ใย 1.6 กรมั • ไขมนั 0.38 กรมั • โปรตนี 0.82 กรัม • วิตามินเอ 54 ไมโครกรมั 6% • เบตาแคโรทนี 640 ไมโครกรัม 6% • วิตามินบี 1 0.03 มลิ ลิกรัม 2% • วิตามนิ บี 2 0.04 มิลลกิ รมั 3% • วิตามินบี 3 0.67 มลิ ลกิ รมั 4% • วิตามินบี 6 0.12 มลิ ลกิ รัม 9% • วติ ามนิ บี 9 43 ไมโครกรมั 11% • วิตามินซี 36 มิลลกิ รมั 60% • ธาตุแคลเซียม 11 มิลลกิ รมั 1% • ธาตุเหล็ก 0.16 มิลลิกรมั 1%
29 • ธาตุแมกนีเซียม 10 มิลลิกรมั 3% • ธาตฟุ อสฟอรัส 14 มิลลิกรัม 2% • ธาตุโพแทสเซยี ม 168 มลิ ลกิ รัม 4% • ธาตุสังกะสี 0.09 มิลลกิ รัม 1% % ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database) การแปรรปู จากมะมว่ งเบา 1. มะมว่ งเบาแช่อ่ิมอบแห้ง เป็นผลติ ภัณฑ์ท่แี ปลกใหม่ มีกลิน่ หอมของเนือ้ มะมว่ ง ผลติ จากเนือ้ มะมว่ งเบา ระยะผลอ่อนที่ผา่ นการ แช่อิ่มและอบแห้ง ไม่มีสิ่งเจือปน มีลักษณะ สีกลิ่น เนื้อสัมผัสเฉพาะตัว รสหวานอมเปรี้ยว เค็มเล็กน้อย เนอ้ื สัมผัสนุ่มกรอบเล็กนอ้ ย สามารถรบั ประทานเป็นอาหารวา่ งได้ ภาพท่ี 15 มะม่วงเบาแชอ่ ิ่มอบแห้ง (ท่ีมา : https://www.google.com) - ขน้ั ตอนและกรรมวธิ ีการผลิต 1) เตรียมมะม่วงเบาผลอ่อนปานกลาง (ยังไมเ่ ขา้ กะลา) 2) ลา้ งทำความสะอาด และทง้ิ ใหส้ ะเด็ดน้ำ 3) ตัดบริเวณข้วั ผลออกและปอกเปลอื ก 4) ผา่ ซีกตามแนวยาวของผล 5) แกะเมลด็ ออกและหั่นเป็นช้นิ (กวา้ ง 1 ซม. และห่ันตามแนวยาวของผล) 6) แช่น้ำปนู ใส (ไม่ต่ำกวา่ 1 ชวั่ โมง) 7) นำขน้ึ พักสะเดด็ น้ำ 8) แชน่ ้ำเกลือ (10% นาน 3 ชั่วโมง) 9) แช่น้ำสะอาด นานอย่างนอ้ ย 3 ชว่ั โมง และนำขึ้นมาสะเดด็ น้ำ
30 10) แชอ่ ม่ิ โดยใช้น้ำเชอ่ื ม 30% (น้ำตาลทรายขาว) นาน 10-12 ชั่วโมง) 11) แชอ่ ิ่ม โดยใชน้ ้ำเชือ่ ม (40% รว่ มกับกรดซติ รกิ และเบนโซดกิ , 10-12 ช่ัวโมง) 12) อบแห้ง 60-63 องศาเซลเซยี ส นาน 12 ช่วั โมง 13) บรรจถุ ุงหรอื กล่องทมี่ คี ุณสมบตั ิปอ้ งกันความช้ืน 14) ผลิตภัณฑ์มะม่วงเบาแช่อิม่ อบแห้ง 2. มะม่วงเบาแช่อม่ิ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้มะม่วงเบาในระยะห่ามๆ นำมาลดความเปรี้ยว เพิ่มความหวาน และเพิ่มรสเค็ม เลก็ น้อย เน้อื สัมผัสกรอบอร่อย โดยใช้เวลาในการแช่อ่ิมมะม่วงประมาณ 3 วนั จะได้มะม่วงแชอ่ ิ่มท่มี รี สเปร้ียว หวาน เค็ม ที่พอเหมาะ และกรอบอร่อยกำลังดีเก็บรักษาในตู้เยน็ ได้ประมาณ 5-7 วัน หากเก็บนานกว่าน้นั มะมว่ งแช่อิ่มจะมรี สชาตเิ ปรย้ี วเค็มเข้มขึ้น เนื่องจากน้ำเชือ่ มจะซมึ เข้าไปในเน้อื มะมว่ งมากย่ิงขึ้น ภาพท่ี 16 มะม่วงเบาแชอ่ ิ่ม (ทีม่ า : https://www.google.com) - ขน้ั ตอนและกรรมวิธีการผลิต 1) เตรียมมะม่วงเบาผลแก่ (ยังไมเ่ ข้ากะลา) 2) ลา้ งทำความสะอาด และท้งิ ให้สะเดด็ น้ำ 3) ตดั บรเิ วณขวั้ ผลออกและปอกเปลอื ก 4) ผา่ ซกี แกะเมลด็ ออกและหนั่ เปน็ ช้นิ (กว้าง 1 ซม. และหน่ั ตามแนวยาวของผล) 5) แชน่ ้ำปนู ใส (นาน 10-12 ชว่ั โมง) 6) แชน่ ้ำเกลือ (นาน 10-12 ช่วั โมง) 7) แชน่ ้ำสะอาด (นาน 8-10 ช่วั โมง) 8) แช่อมิ่ (โดยใช้น้ำเชอ่ื ม 40% นาน 1-3 ชว่ั โมง) 9) เก็บแชเ่ ยน็
31 3. แยมมะมว่ งเบา เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะกึ่งแข็งก่ึงเหลว สีสดใสและโปร่งแสง ประกอบด้วย เนื้อมะม่วงเบาสุกงอม นำ้ ตาลทราย เพคติน และกรดซติ ริก ตม้ เค่ียวดว้ ยอุณหภูมิสงู ถึงจดุ เดือดจนกระทั้งมีลักษณะเน้ือเหนียวกึ่งแข็ง กงึ่ เหลวพอเหมาะสำหรับใชท้ า มสี เี หลอื ง กล่ินรสของมะม่วงเบา ภาพท่ี 17 แยมมะม่วงเบา (ทม่ี า : https://www.google.com) - ขนั้ ตอนและกรรมวธิ ีการผลิต 1) มะมว่ งเบาผลสุกงอม 2) ล้างทำความสำอาด 3) ตัดบรเิ วณข้วั ผลออกและลอกเปลือกออก 4) แยกเฉพาะเนอ้ื มะมว่ งออก 5) ปั่นเนอ้ื มะม่วงให้ละเอยี ด 6) เทเน้อื มะม่วงลงในกระทะกวน 7) กวนด้วยไฟปานกลางและค่อยๆ ใส่น้ำตาลทราบและเพคติน 8) กวนตอ่ ประมาณ 5 นาทแี ลว้ คอ่ ยๆ เติมกรดซิตริกผสมเกลอื ป่น 9) กวนต่ออีกประมาณ 5 นาทีและทดสอบการเกดิ เจล 10) บรรจลุ งในขวดแยมท่สี ะอาด 11) ทง้ิ ไวใ้ ห้เย็นและเซ็ตตัว
32 4. การใชน้ ำ้ มะมว่ งเบาทดแทนน้ำมะนาวในน้ำยำ (น้ำมะมว่ งพาสเจอไรซ)์ เป็นผลติ ภัณฑ์ท่ไี ดจ้ ากการคนั้ มะมว่ งเบาจากผลมะมว่ งเบาในระยะออ่ นมาก ๆ ผา่ นขน้ั ตอนการผลิตที่ สะอาด น้ำมะม่วงที่ได้มีลักษณะสีรสชาติเหมือนน้ำมะนาวและมีกลิ่นของมะมว่ ง สามารถนำไปใช้ทดแทนน้ำ มะนาวในน้ำยำไดถ้ ึงร้อยละ 25 ทดแทนน้ำมะนาวทมี่ ีราคาค่อนข้างสูง เก็บได้ไมเ่ กิน 7 วนั ท่อี ุณหภูมิ 4 องศา เซลเซียส ภาพที่ 18 การใชน้ ำ้ มะมว่ งเบาทดแทนนำ้ มะนาวในน้ำยำ (นำ้ มะมว่ งพาสเจอไรซ)์ (ทม่ี า : https://www.google.com) - ขน้ั ตอนและกรรมวิธีการผลิต 1) มะม่วงเบาผลออ่ น 2) ล้างใหส้ ะอาด 3) ตดั ขั้วผลออก 4) ผ่าซีก 5) แกะเมลด็ ออก 6) ลา้ งใหส้ ะอาดและนำข้ึนพกั สะเด็ดน้ำ 7) คั้นน้ำมะมวงโดยใช ่ ้เครอ่ื งแยกกาก 8) กรองดว้ ยผ้าขาวบาง 9) บรรจุขวด 10) พาสเจอไรซ์ 11) เกบ็ ในทีเ่ ย็น 12) น้ำปผสมกบั มะนาว
33 5. นำ้ มะมว่ งเบา ภาพท่ี 19 น้ำมะม่วงเบา (ทีม่ า : https://www.google.com) สูตร - น้ำมะม่วงเบา 3/4 ถว้ ย - นำ้ ตาลทราย 1 ถว้ ย - นำ้ 3 1/3 ถว้ ย - - ข้ันตอนและกรรมวธิ ีการผลิต 1) ค้นั น้ำมะม่วงเบาด้วยเคร่ืองแยกกากใส่ถ้วยพกั ไว้ 2) ทำไซรปั โดยใสน่ ้าและน้าตาลลงในหมอ้ ตม้ ด้วยไฟออ่ นกงึ่ ไฟกลาง จนขน้ เหนียวเลก็ น้อย ปดิ ไฟ พักไว้ จนเยน็ (ไดป้ ริมาณไซรปั 1 ถ้วย) ผสมนามะม่วงเบา ไซรัป ลงในเหยอื ก คนพอเข้ากนั 3) รนิ ใส่แก้วน้ำแขง็ ตกแต่งด้วยมะม่วงเบาใบสะระแหน่ เสริ ์ฟ (สำหรับจำนวน 5 แกว้ ) หมายเหตุ หากตอ้ งการด่ืมเพียง 1 แกว้ ผสมน้ามะมว่ งเบา 2 ช้อนโต๊ะ ไซรัป 3 ช้อนโตะ๊ กับโซดา 2/3 ถว้ ย คน พอเขา้ กนั
34 6. น้ำมะม่วงเบาโซดา ภาพที่ 20 น้ำมะม่วงเบาโซดา (ทีม่ า : https://www.google.com) - น้ำมะมว่ งเบา 3/4 ถ้วย - นำ้ ตาลทราย 1 ถ้วย - น้ำโซดาแช่เยน็ 3 1/3 ถ้วย - น้ำแขง็ ชนิดกอ้ น - มะม่วงเบาห่ันแวน่ และใบสะระแหน่สำหรับตกแต่ง - ขนั้ ตอนและกรรมวิธีการผลิต 1) คั้นน้ำมะม่วงเบาด้วยเครื่องแยกกากใส่ถ้วยพักไว้ ทำไซรัปโดยใส่น้ำและน้ำตาลลงในหม้อต้มด้วยไฟ อ่อนกึ่งไฟกลาง จนข้นเหนียวเล็กน้อย ปิดไฟ พักไว้จนเย็น (ได้ปริมาณไซรัป 1 ถ้วย) ผสมน้ามะม่วง เบา ไซรปั กบั โซดาลงในเหยอื ก คนพอเข้ากนั 2) รินใสแ่ กว้ น้ำแข็ง ตกแต่งดว้ ยมะม่วงเบาใบสะระแหน่ เสิรฟ์ (สำหรบั จำนวน 5 แกว้ ) หมายเหตุ หากตอ้ งการดืม่ เพียง 1 แกว้ ผสมน้ามะม่วงเบา 2 ชอ้ นโตะ๊ ไซรัป 3 ชอ้ นโต๊ะกับโซดา 2/3 ถว้ ย คน พอเข้ากัน
35 7. นำ้ มะมว่ งเบาสับปะรดซ่า ภาพที่ 21 นำ้ มะมว่ งเบาสับปะรดซา่ (ท่ีมา : https://www.google.com) - นำ้ มะมว่ งเบาสกุ 1/4 ถ้วย - นำ้ สบั ปะรดค้ันแช่เยน็ 2/3 ถว้ ย - น้ำเช่อื มแชเ่ ย็น ¼ ถว้ ย +1 ช้อนโตะ๊ - น้ำมะมว่ งเบาคน้ั 1 ช้อนโต๊ะ - น้ำโซดาแช่เยน็ (325มล.) 1 ขวด - เลมอนห่ันแวน่ และยอดสาระแหนส่ ำหรบั ตกแตง่ - ขัน้ ตอนและกรรมวิธีการผลิต 1) ใสน่ า้ มะม่วงเบา นา้ สบั ปะรด น้าเช่ือม ผสมให้เข้ากนั 2) รนิ ใส่แกว้ 3 แกว้ ตามดว้ ยน้าโซดา 1 ขวด (แบง่ เปน็ 3 ส่วน) ตกแต่งด้วยเลมอนห่นั แวน่ และยอดสาระ แหน่ เสิรฟ์ (จา้ นวน 3 แก้ว) เทคนิคจะใช้วิธกี ารเช็คแล้ว top ด้วยโซดา
36 8. นำ้ มะม่วงเบาผงพร้อมดื่ม เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการเพิ่มมูลค่าจากผลมะม่วงสุก ในรูปของเคร่ืองดื่มผงพร้อมดื่ม ซึ่งเป็น ผลิตภัณฑ์ที่ลักษณะเป็นผงสามารถนำมาชงกับน้ำพร้อมดื่มทันที เป็นเครื่องดื่มจากผลไมใ้ นท้องถิ่นที่มีคุณค่า ทางโภชนาการสูง มีกลิ่นหอมเฉพาะตวั หรอื ใช้เป็นเครื่องดืม่ เพื่อสุขภาพ โดยเลือกมะม่วงเบาท่ีสุกงอมล้างทำ ความสะอาดปอกเปลือก สกัดแยกน้ำมะมวง่ ผา่ นการทำแหง้ ด้วยเคร่อื งทำแห้งแบบพน่ ฝอย ภาพท่ี 22 น้ำมะม่วงเบาผงพร้อมด่ืม (ท่มี า : https://www.google.com) - ขนั้ ตอนและกรรมวิธีการผลิต 1) มะมว่ งเบาผลสกุ งอม 2) ลา้ งทำความสะอาด 3) ตัดบริเวณขวั้ ผลออกและลอกเปลอื กออก 4) แยกเฉพาะเนื้อมะมว่ งออก 5) ป่นั เนอ้ื มะม่วงให้ละเอียด 6) กรองแยกกากออก 7) ผสมสารชว่ ยจับตวั (มอลโทเดกซ์ตริน) 8) เขา้ เครอื่ งทำแห้งแบบพน่ ฝอย 9) บรรจุขวดหรอื ซอง 10) มะม่วงเบาผงพร้อมชงดม่ื
37 9. นำ้ มะม่วงเบาพรอ้ มดม่ื บรรจุกระปอ๋ ง เปน็ ผลติ ภณั ฑท์ ี่ใชม้ ะม่วงเบา ผา่ นกรรมวิธกี ารผลิตท่ถี ูกต้องตามหลกั GMP โดยนำมะม่วงเบาในระยะ ทส่ี ุกงอม มาปอกเปลือก คน้ั น้ำ ปรุงแต่งคณุ ภาพ บรรจุกระปอ๋ ง ผลติ ภณั ฑ์มสี ีเหลอื ง กลิ่นหอมของมะม่วงเบา รสชาติหวานอมเปรี้ยวแช่เย็นกอ่ นด่มื จะอร่อยและสดช่ืน เหมาะกับการเป็นของฝาก ภาพท่ี 23 น้ำมะมว่ งเบาพรอ้ มดม่ื บรรจุกระป๋อง (ทีม่ า : https://www.google.com) - ข้นั ตอนและกรรมวธิ ีการผลิต 1) มะมว่ งเบาผลสกุ งอม 1) มะมว่ งเบาผลอ่อน 2) ล้างทำความสะอาด 2) ล้างทำความสะอาด 3) ตดั ข้ัวผลออกและลอกเปลือก 3) ตัดข้ัวผลออกและผ่าซกี 4) แยกเฉพาะเนอ้ื มะม่วงออก 4) แกะเมล็ดออก 5) ป่นั เนื้อมะม่วงใหล้ ะเอยี ด 5) เขา้ เครื่องค้ันน้ำและแยกกาก 6) ปรุงแตง่ โดยน้ำตาลทราบ กรดซิตรกิ และเกลอื 7) บรรจุลงกระป๋อง 8) ไลอ่ ากาศ 9) ปิดผนกึ 10) ฆา่ เช้ือด้วยความรอ้ น 11) ทำใหเ้ ย็น 12) นำ้ มะม่วงพรอ้ มด่ืม
38 งานวจิ ัยเกย่ี วกับมะม่วงเบา กลมุ่ แมบ่ า้ นเกษตรกรบ้านนาออก ตงั้ อยู่เลขที่ 147/4 หมู่ 5 ตำบลสทงิ หม้อ อำเภอสงิ หนคร จังหวัด สงขลา มีสมาชิกทั้งหมด 20 คน เริ่มก่อตั้งกลุ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 ซึ่งในสมัยนั้นเริ่มจากการประดิษฐ์ ดอกไม้จันทน์ และน้ำพริกเครื่องแกง ซึ่งปัจจุบันยังทำอยู่เพียงแต่เพิ่มกิจกรรมมาแปรรูปมะม่วงเบาเป็น ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ กลับได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจนกลายเป็นสร้างรายได้หลักให้กับสมาชิกกลุ่มไปแล้ว มี ความเป็นมาอย่างไร สืบเนื่องจากการประชุมเชิงปฏิบัติการการบูรณาการวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและ นวตั กรรม ขับเคลือ่ นยุทธศาสตรด์ ้านความมั่นคงด้านอาหาร จงั หวดั สงขลา เม่ือวนั ที่ 28 กรกฎาคม 2557 ซึ่ง จัดโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประกอบกับจากการสำรวจพื้นที่ และการเข้าพบพูดคุยกับผู้นำ กลมุ่ แมบ่ ้านและสำนกั งานเกษตร อำเภอสิงหนคร จงั หวัดสงขลา ทำให้ทราบว่าประชากรหมู่ท่ี 3, 4, 5 และ 6 ของตำบลสทงิ หม้อ มกี ารปลูกมะม่วงเบา และมะม่วงพิมเสนเบาเป็นจำนวนมาก ทั้งลกั ษณะการปลกู แบบเด่ียว และแบบไรน่ าสวนผสม เนอ่ื งจากมะมว่ งดงั กลา่ วสามารถเพาะปลูกไดด้ ีในเขตภาคใต้ และจังหวดั สงขลา ทำให้ ต้นทุนในการผลิตต่ำ ปริมาณผลผลิตมะม่วงออกสู่ตลาดท้ังปี แต่มีปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำในชว่ งท่ีมีผลผลิต ออกมาก เกษตรกรส่วนใหญ่จำหน่ายผลผลิตในรูปผลสด มีการแปรรูปบ้างแต่มีปัญหาด้านกรรมวิธีการผลิต และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่ต้องการของตลาด ตลอดจนปัญหาด้านบรรจุ ภัณฑ์ และการตลาด จากปัญหาดังกลา่ วทางคณะผวู้ ิจยั จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล ศรีวิชัย สงขลา จึงได้ดำเนินการจัดทำโครงการถา่ ยทอดเทคโนโลยีการแปรรูปผลิตภัณฑ์มะม่วงเบาเพื่อสร้าง ความมั่นคงด้านอาหารของตำบลสทิงหมอ้ ในการนำเอาองคค์ วามรู้จากผลงานวจิ ัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์จาก มะมว่ งเบา มาถา่ ยทอดเทคโนโลยีใหก้ ับกลมุ่ แมบ่ ้านเกษตรกรบ้านนาออก ทัง้ น้ีได้รับการสนบั สนุนงบประมาณ จากสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในปี พ.ศ. 2558 โดยได้ทำการถ่ายทอด เทคโนโลยกี ารแปรรูปผลิตภัณฑต์ า่ ง ๆ จากมะม่วงเบา พัฒนากระบวนการผลิต พฒั นาคณุ ภาพผลิตภณั ฑ์ และ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์จากมะม่วงเบา ได้แก่ มะม่วงเบาแช่อิม่ แช่อิ่มอบแห้ง แยมมะม่วง เบา นำ้ ยำจากมะมว่ งเบา นำ้ มะมว่ งเบาพรอ้ มด่มื รปู แบบพาสเจอไรซ์ ซงึ่ เป็นผลิตภัณฑ์ท่ีมีจำหน่ายต่อเน่ืองมา จนถึงปัจจุบนั นอกจากน้ยี งั ผลักดนั ให้ผลิตภัณฑไ์ ดร้ บั มาตรฐานจำสำนกั งานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และฮาลาล ต้งั แตป่ ี พ.ศ. 2558 เปน็ ต้นมา (พงษเ์ ทพ เกดิ เนตร, 2563) ผศ.ดร.ปุณณาณี สัมภวะผล รองผู้อำนวยการองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและนวัตกรรมอาหาร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) เปิดเผยว่า จังหวัดสงขลาเป็นแหล่งผลิตมะม่วงเบาแช่อิ่มจำนวนมาก จึงรวมกับศูนย์ประสานงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภูมิภาคภาคใต้ สำรวจพบว่า มีวัสดุเหลือใช้ใน กระบวนการผลิต คือ น้ำเชื่อม มะม่วงเบาไม่ได้ขนาดหรือที่สุกเกินไป สามารถนำมาวิจัยเพื่อทำประโยชน์ ภายใต้การสนับสนนุ จากสถาบันวิจยั และนวตั กรรมอาหาร และสำนักวจิ ัยและพัฒนา ม.อ. ต้งั แต่ปี 2561 จาก การศึกษาได้พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ เครื่องดื่มไซเดอร์มะม่วงเบาไร้แอลกอฮอล์ ไวน์ ไวน์เข้มข้นไร้
39 แอลกอฮอล์ น้ำส้มสายชู และซอร์เบท์มะม่วงเบาแช่อิ่ม หรือ ไอศกรีมที่ไม่มีส่วนผสมของนม นอกจากนี้ ระหว่างวิจัยพบวา่ เปลือกมะมว่ งมีสารแมงจิเฟอริน ซ่งึ มปี ระโยชนต์ อ่ ร่างกาย ปกตจิ ะสกัดออกมาได้ยากและ นอ้ ย จึงไดน้ ำเปลอื กมะมว่ งมาหมกั ร่วมจนได้สารแมงจิเฟอรินออกมากับน้ำ ไดพ้ ฒั นาเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม เพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม รวมทั้งเป็นสารตั้งต้นของเครื่องสำอางจากวัสดุธรรมชาติ (ปุณณาณี สัมภวะผล, 2561 ) สารสกัดหยาบจากเปลอื กผลดิบของมะม่วงมีปริมาณฟินอลกิ ทั้งหมดมากกว่าใบของมะม่วงซึ่งให้ค่าที่ แตกตา่ งกันประมาณ 30 mg GAE/g extract ในทางเดยี วกันฤทธติ์ ้านอนมุ ูลอิสระยงั ใหค้ ่าที่สงู กวา่ ซ่ึงแตกต่าง กนั ประมาณ 20 mgVCE/gextract ข้อมลู ดังกล่างบ่งชใ้ี หเ้ ห็นว่าปรมิ าณฟินอลลกิ มีผลตอ่ ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ดังน้ัน เปลือกผลดบิ จากมะม่วงเบาอาจเปน็ ทางเลือกหนง่ึ ของการเพื่อพฒั นาเปน็ แหล่งของสารต้านอนมุ ลู อิสระ ในการดแู ลสุขภาพ (สไู วบะห์ มนี า ซูไฮดา, 2561)
40 บรรณานุกรรม (2561). Retrieved ตุลาคม 10, 2564, from https://wb.yru.ac.th/: https://wb.yru.ac.th/ ปุณณาณี. (2561). มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร.์ Retrieved ตุลาคม 10, 2564, from https://hatyai.psu.ac.th/: https://hatyai.psu.ac.th/ พงษ์เทพ. (n.d.). ระบบสารสนเทศงานวิจัย มทร.ศรวี ิชยั . Retrieved ตุลาคม 10, 2564, from https://riss.rmutsv.ac.th: https://riss.rmutsv.ac.th/ สํานักงานเกษตรและสหกรณจ์ งั หวดั สงขลา . (2561). ข้อมูลมะม่วงเบาจังหวัดสงขลา. Retrieved ตุลาคม 10, 2564, from https://www.opsmoac.go.th/: https://www.opsmoac.go.th/
Search
Read the Text Version
- 1 - 45
Pages: