อารยธรรมจนี โดย นายธนพนธ์ ธรรมเจรญวงศ์ ม6/4 เลขที 5 เสนอ ศ.อาํ พร ขุนเนียม
ประวตั ิความเปน มาของ อารยธรรมจีน ประเทศจีนเปนประเทศทีมีอารยธรรมยาวนานทีสุดประเทศหนึง โดยหลัก ฐานทางประวัติศาสตร์ที สามารถค้นคว้าได้บ่งชีว่าอารยธรรมจีนมีอายุถึง 5,000 ป รากฐานทีสาํ คัญของอารยธรรมจีนคือ การสร้างระบบภาษาเขียน และการพัฒนาแนวคิดลัทธิขงจือ เมือประมาณ ศตวรรษที 2ก่อน ค.ศ. ประวัติศาสตร์จีนมีทังช่วงทีเปนปกแผ่นและแตกเปนหลายอาณาจักรสลับกัน ไป ในบางครังก็ถูกปกครองโดยชนชาติอืน วัฒนธรรมของจีนมีอิทธิพลอย่าง สูงต่อชาติอืนๆ ในทวีปเอเชีย ซึงถ่ายทอดไปทังการอพยพ การค้า และการ ยึดครอง อารยธรรมจีนเกิดขึนครังแรกทีลุ่มแม่นาํ ฮวงโห คือทีราบตอนปลายของ แม่นาํ ฮวงโหและแม่นาํ แยงซีเกียง อารยธรรมจีนเจริญโดยได้รับอิทธิพลจาก ภายนอกน้อยเพราะทิศตะวันออกติดมหาสมุทรแปซิฟก ทางตะวันตกและทิศ เหนือเปนทุ่งหญ้า ทะเลทราย และเทือกเขา จีนถือว่าตนเปนศูนย์กลางของ โลก เปนแหล่งกําเนิดความเจริญ แหล่งอารยธรรมยุคหินใหม่ ทีพบมีอายุ ประมาณ 2,000 ปก่อนคริสต์กาลทีตําบล ยางเชา เรียกวัฒนธรรมยางเชา มณฑลเฮอหนาน และวัฒนธรรมลุงชาน ทีเมือง ลุงชาน มณฑลชานตุง พบ เครืองมือ เครืองใช้ทําด้วยหิน กระดูกสัตว์ เครืองปนดินเผา กระดูกวัว กระดองเต่าเสียงทาย จีนเปนชาติทีมีความเจริญมาตังแต่สมัยโบราณ มีอารยธรรมเก่าแก่จนได้ชือ ว่าเปนอู่อารยธรรมของชาติตะวันตก (ชนชาติในทวีปเอเชีย) อาจแบ่งยุคสมัย ทางประวัติศาสตร์ของจีนได้ ดังนี
สมัยกอนประวตั ศิ าสตร (1) ยุคหินเก่า จีนเปนดินแดนทีมนุษย์อาศัยเปนเวลานานทีสุดในทวีป เอเชีย หลักฐานทีพบคือ มนุษย์หยวนโหม่ว (yuanmou man) มีอายุ ประมาณ 1,700,000 ป ล่วงมาแล้ว พบทีมณฑลยูนนาน ภาคตะวันตก เฉียงใต้ของจีน และพบโครงกระดูกมนุษย์ปกกิง (2) ยุคหินกลาง มีอายุประมาณ 10,000 ป - 6,000 ปล่วงมา แล้วใช้ชีวิตกึงเร่ร่อน ไม่มีการตังหลักแหล่งถาวร มีการพบเครืองถ้วย ชาม หม้อ มีการล่าสัตว์ เก็บอาหาร เครืองมือหินทีใช้ในชีวิตประจาํ วัน คือ หินสับ ขูด หัวธนู (3) ยุคหินใหม่ มีอายุประมาณ 6,000 ป - 4,000 ปล่วงมาแล้ว เริมตังหลักแหล่งเปนชุมชน รู้จักเพาะปลูกข้าวฟาง เลียงสัตว์ ทอผ้า ปลูกบ้านมีหลังคา ในยุคหินใหม่นีมีมนุษย์ทําเครืองปนดินเผาทีสวยงาม มากขึน และเขียนลายสี (4) ยุคโลหะ มีอายุประมาณ 4,000 ปล่วงมาแล้วหลักฐานทีเก่า สุดคือมีดทองแดง แล้วยังพบเครืองสาํ ริดเก่าทีสุด ซึงนาํ มาใช้ทําภาชนะ ต่าง ๆเช่น ทีบรรจุไวน์ กระถาง กระจกเงา มีขนาดใหญ่และสวยงาม มากโดยเฉพาะสมัยราชวงค์ชาง และ ราชวงค์โจว
สมัยประวตั ศิ าสตร สมัยประวัติศาสตร์ แหล่งอารยธรรมของจีนถือกําเนิดในบริเวณทีราบลุ่ม แม่นาํ ฮวงโห ทังนีจีนเข้าสู่ “สมัยประวัติศาสตร์” ในสมัยราชวงค์ชาง (Shang Dynasty) ระหว่าง 1,776-1,112 ป ก่อนคริสต์ศักราช เมือมีการใช้ตัว หนังสือรูปภาพ เขียนบนกระดูกสัตว์หรือกระดองเต่า การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ของจีน แบ่งได้เปน 4 ยุค ดังนี (1) ประวัติศาสตร์สมัยโบราณ (หรือสมัยคลาสสิก) เริมตังแต่สมัยราชวงค์ ชาง (Shang Dynasty) และสินสุดในสมัยราชวงค์โจว (Chou Dynasty) ประมาณ 1,776 -221 ปก่อนคริสต์ศักราช จีนมีความเจริญรุ่งเรืองทางด้าน ปรัชญา เช่น ลัทธิขงจือ (Confucianism) ลัทธิเต๋า (Taoism) (2) ประวัติศาสตร์สมัยจักรวรรดิ เริมตังแต่สมัยราชวงศ์จิน (Chin Dynasty) เมือประมาณ 221 ก่อนคริสต์ศักราช จนกระทังถึงตอน ปลายของสมัยราชวงศ์ชิง หรือเช็ง (Ching Dynasty) ซึงเปนราชวงค์ สุดท้ายของจีน ในป ค.ศ. 1912 เปนช่วงเวลายาวนานกว่า 2,000 ป เปนยุค ทีจีนผนวกดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาลให้รวมอยู่ภายใต้จักรวรรดิเดียวกัน (3) ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ เริมตังแต่ตอนปลายสมัยรา ชวงศ์เช็ง( Ching Dynasty ) เปนต้นมาเปนยุคทีจีนเผชิญหน้ากับภัย คุกคามจากลัทธิจักรวรรดินิยมตะวันตก เกิดการปฏิวัติล้มล้างราชวงศ์เช็ง และ สถาปนาระบอบการปกครองแบบสาธารณรัฐขึนแทนที เปนยุคทีจีนตกตําบ้าน เมืองระสาํ ระสายจนเกิดการปฏิวัติเข้าสู่ระบอบสังคมนิยมในป ค.ศ.1949ใน ทีสุด (4) ประวัติศาสตร์ร่วมสมัย เริมตังแต่จีนปฏิวัติเปลียนแปลงการ ปกครองเข้าสู่ระบอบสังคมนิยมหรือคอมมิวนิสต์ ในป ค.ศ.1949 เปนต้นมา จนถึงปจจุบัน
อารยธรรมจนี สมยั กอน ประวตั ศิ าสตร มีแหล่งอารยธรรมทีสาํ คัญ 2 แหล่ง คือ ลุ่มแม่นาํ ฮวงโห พบความเจริญทีเรียกว่า วัฒนธรรมหยางเชา ( Yang Shao Culture ) พบหลักฐานทีเปนเครืองปนดินเผามี ลักษณะสาํ คัญคือ เครืองปนดินเผาเปนลายเขียนสี มักเปนลาย เรขาคณิต พืช นก สัตว์ต่างๆ และพบใบหน้ามนุษย์ สีทีใช้เปนสีดํา หรือสีม่วงเข้ม นอกจากนียังมีการพิมพ์ลายหรือขูดสลักลายเปนรูป ลายจักสาน ลายเชือกทาบ ลุ่มนาํ แยงซี ( Yangtze ) บริเวณมณฑลชานตุงพบ วัฒนธรรม หลงซาน ( Lung Shan Culture ) พบหลักฐานทีเปน เครืองปนดินเผามีลักษณะสาํ คัญคือ เครืองปนดินเผามีเนือละเอียด สีดําขัดมันเงา คุณภาพดีเนือบางและแกร่ง เปนภาชนะ 3 ขา- -
เครองปนดนิ เผาหยางเชา เครองปนดนิ เผาหลงซาน
อกั ษรจีนจารกบนกระดองเต่า จารกอักษรบนกระดองเตา่
สมยั ประวัตศิ าสตรของ จีนแบงได 4 ยุค ประวัติศาสตร์สมัยโบราณ เริมตังแต่สมัยราชวงศ์ชาง สินสุด สมัยราชวงศ์โจว ประวัติศาสตร์สมัยจักรวรรดิ เริมตังแต่สมัยราชวงศ์จิน จนถึงปลายราชวงศ์ชิงหรือเช็ง ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ เริมปลายราชวงศ์เช็งจนถึงการ ปฏิวัติเข้าสู่ระบอบสังคมนิยม ประวัติศาสตร์ร่วมสมัย เริมตังแต่จีนปฏิวัติเปลียนแปลงการ ปกครองเข้าสู่ระบอบสังคมนิยมหรือคอมมิวนิสต์จนถึงปจจุบัน
อารยธรรมจีนในสมัย ราชวงศต างๆ มีดังน้ี ราชวงศช าง เปนราขวงศแรกของจีน มีการปกครองแบบนครรัฐ มีการประดิษฐ์ตัวอักษรขึนใช้เปนครังแรก พบ จารึกบนกระดองเต่า และกระดูกวัว เรืองที จารึกส่วนใหญ่เปนการทํานายโชคชะตาจึง เรียกว่า “กระดูกเสียงทาย” มีความเชือเรืองการบูชาบรรพบุรุษ
ราชวงศโจว แนวความคิดด้านการปกครอง เชือเรืองกษัตริย์เปน “โอรสแห่งสวรรค์ สวรรค์มอบอํานาจให้มาปกครอง มนุษย์เรียกว่า “อาณัตแห่งสวรรค์ เริมต้นยุคศักดินาของจีน เกิดลัทธิขงจือ ทีมีแนวทาง เปนแนวคิดแบบอนุรักษ์นิยม เน้นความสัมพันธ์และการทําหน้าทีของผู้คนในสังคม ระหว่างจักรพรรดิกับราษฎร บิดากับบุตร พีชายกับน้อง ชาย สามีกับภรรยา เพือนกับเพือน เน้นความกตัญ ู เคารพผู้อาวุโส ให้ความสาํ คัญกับ ครอบครัว เน้นความสาํ คัญของการศึกษา เกิดลัทธิเต๋า โดยเล่าจือ ทีมีแนวทาง เน้นการดําเนินชีวิตทีเรียบง่าย ไม่ต้องมีระเบียบ แบบแผนพิธีรีตองใดใด เน้นปรับตัวเข้าหาธรรมชาติ ลัทธินีมีอิทธิพลต่อศิลปน กวี และจิตรกรจีน คําสอนทังสองลัทธิเปนทีพึงทางใจของผู้คน
ราชวงศจ๋นิ หรอื ฉนิ จักรพรรดิทียิงใหญ่สามารถรวมดินแดน ของจีนให้เปนจักรวรรดิ เปนครังแรกคือ พระเจ้าชิวังตี หรือ จินซีฮ่องเต้ เปนผู้ให้ สร้าง กําแพงเมืองจีน มีการใช้เหรียญกษาปณ์ มาตราชัง ตวง วัด ราชวงศฮน่ั เปนยุคทองด้านการค้าของจีน มีการค้าขาย กับอาณาจักรโรมัน อาหรับ และอินเดีย โดย เส้นทางการค้าทีเรียกว่า เส้นทางสายไหม( Silk Rood ) ลัทธิขงจือ คําสอนถูกนาํ มาใช้เปนหลักใน การปกครองประเทศ มีการสอบคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการ เรียกว่า จอหงวน
ราชวงศสยุ เปนยุคแตกแยกแบ่งเปนสามก๊ก มีการขุดคลองเชือมแม่นาํ ฮวงโหกับแม่นาํ แยงซี เพือประโยชน์ในด้านการคมนาคม ราชวงศถ งั ได้ชือว่าเปนยุคทองของอารยธรรมจีน นครฉางอาน เปนศูนย์กลางของซีกโลกตะวันออกในสมัยนัน พระพุทธศาสนามีความเจริญรุ่งเรือง พระภิกษุ (ถังซาํ จัง) เดินทางไปศึกษาพระไตรปฎก ในชมพู ทวีป เปนยุคทองของกวีนิพนธ์จีน กวีคนสาํ คัญ เช่น หวา งเหว่ย หลีไป ตู้ฝู ศิลปะแขนงต่างๆมีความรุ่งเรือง
ราชวงศซ อ ง มีความก้าวหน้าด้านการเดินเรือสาํ เภา รู้จักการใช้เข็มทิศ รู้จักการใช้ลูกคิด ประดิษฐ์แท่นพิมพ์หนังสือ รักษาโรคด้วยการฝงเข็ม ราชวงศหยวน เปนราชวงศ์ชาวมองโกลทีเข้ามาปกครองจีน ฮ่องเต้ องค์แรกคือ กุบไลข่าน หรือ หงวนสีโจ๊วฮ่องเต้ ชาวตะวันตกเข้ามาติดต่อค้าขายมาก เช่น มาร์โค โปโล พ่อค้าชาวเมืองเวนีส อิตาลี
ราชวงศห มงิ วรรณกรรม นิยมการเขียนนวนิยายทีใช้ ภาษาพูดมากกว่าการใช้ภาษาเขียน มี นวนิยายทีสาํ คัญ ได้แก่ สามก๊ก ไซอิว ส่งเสริมการสาํ รวจเส้นทางเดินเรือทาง ทะเล สร้างพระราชวังหลวงปกกิง (วังต้องห้าม) ราชวงศช งิ เปนราชวงศ์เผ่าแมนจู เปนยุคทีจีนเสือมถอยความ เจริญทุกด้าน เริมถูกรุกรานจากชาติตะวันตก เช่น สงครามฝน ซึง จีนรบแพ้อังกฤษ ทําให้ต้องลงนามในสนธิสัญญานา นกิง ปลายยุคราชวงศ์ชิง พระนางซูสีไทเฮาเข้ามามี อิทธิพลในการบริหารประเทศมาก
สาเหตุทีจ่ ีนมีอิทธพิ ลกบั ทาง เอเชียตะวันออกเฉยี งใตนอ ย เพราะจีนไม่ค่อยออกจากประเทศทําการค้าขายมากนักเนืองจาก ความเชือเรืองชาติพรรณ และเชือว่าตนเองเปนศูนย์กลางของ จักรวาล ประเทศต่าง ๆ ต้องเข้าไปหาจีนเอง ยกเว้นช่วงราชวงศ์ห มิงเท่านันทีการค้าทางทะเลของจีนรุ่งเรือง ดังนันการแพร่ออกของ วัฒนธรรมจีนจึงมีนอ้อยกว่าอารยธรรมอินเดีย ซึงอินเดียเปนเจ้า แห่งการเดินเรือค้าขาย จีนไม่สนใจขายอิทธิพลทางทะเล หรือขยายดินแดน ยกเว้น ช่วงราชวงศ์หยวน เพราะศึกล้อมรอบประเทศจากกลุ่มชนต่าง ๆ โดยเฉพาะทางภาคเหนือก็ทําให้จีนต้องพะวงอยู่ตลอดเวลา อีกทัง จีนเชือประเทศต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็เปนเพราะ ปองกันให้กับจีนดีพออยู่แล้ว อิทธิพลจีนจึงแพร่ไปสู้ประเทศใน ภูมิภาคเอเชียน้อย ลัทธิความเชือของชาวจีน เช่นลัทธิขงจือ ไม่สนับสนุนให้ชาว จีนไม่ส่งเสริมให้จีนออกนอกประเทศ แต่ปจจุบัน ชาวจีนได้แพร่กระจายออกไปทัวโลก แทบจะทุกประเทศ ก็มีชุมชนจีน วัฒนธรรมจีนจึงติดตัวไปกับชาวจีนทีย้ายถินฐานต่าง ๆ ไปสู่ประเทศเหล่านัน จากชมกลุ่มน้อยก็แทบจะกลายเปนชนกลุ่ม ใหญ่ เช่นในประเทศไทย สิงค์โปร และด้วยความทีมีประชากรเยอะ ทีสุดในโลก ราว ๑,๓๐๐ ล้านคน การค้าของจีนทังซือและขายทัวโลก จึงให้ความสนใจ ผู้คนต่างเริมศึกษาวัฒนธรรมจีนและเลือกรับ วัฒนธรรมจีนไปเรือย ๆ และเรือย ๆ
ขอบคณุ ครบั
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: