Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 03 สังคมศึกษา ม.4 เฉลยปลายภาค 61

03 สังคมศึกษา ม.4 เฉลยปลายภาค 61

Description: 03 สังคมศึกษา ม.4 เฉลยปลายภาค 61

Search

Read the Text Version

ฉบบั เฉลย แบบทดสอบกลางภาคเรยี น โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 อาเภอแม่แจม่ จงั หวัดเชยี งใหม่ แบบทดสอบรายวิชาสังคมศกึ ษาฯ รหสั วิชา ส 31101 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 จานวน 1.0 นก./นน. จานวน 20 คะแนน เวลาใช้สอบ 60 นาที ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2561คาชีแ้ จง : ************************************* 1. แบบทดสอบนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลางภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2561 ระดับชั้น มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 ตามตัวช้วี ดั ในรายวชิ าสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รหสั วชิ า ส 31101 ดังน้ี มาตรฐาน ส 5.๑ เขา๎ ใจลกั ษณะทางกายภาพของโลกและความสมั พนั ธ์ของสรรพส่ิงซง่ึ มีผลตํอกนั ใชแ๎ ผนที่และเคร่ืองมือทาง ภมู ศิ าสตร์ในการคน๎ หา วิเคราะห์ และสรปุ ขอ๎ มูลตามกระบวนการทางภูมิศาสตร์ ตลอดจนใช๎ภูมิสานสนเทศ อยํางมีประสทิ ธภิ าพ ส 5.1 ม.4-6/1 ใช๎เครือ่ งมือทางภูมิศาสตรใ์ นการรวบรวม วิเคราะห์ และนําเสนอขอ๎ มลู ภมู ิสารสนเทศอยาํ งมปี ระสทิ ธิภาพ ส 5.1 ม.4-6/3 วิเคราะหก์ ารเปลย่ี นแปลงของพนื้ ทซ่ี งึ่ ไดร๎ บั อทิ ธิพลจากปัจจัยทางภมู ิศาสตร์ในประเทศไทยและทวปี ตาํ งๆ 2. ลักษณะแบบทดสอบ แบบทดสอบฉบับนม้ี ี 8 หน้า แบ่งเป็น 2 ตอน ตอนท่ี 1 สํวนท่ี 1 แบบปรนยั (เลอื ก 1 คาํ ตอบ) จํานวน 20 ขอ๎ สวํ นท่ี 2 แบบปรนัย (เลือกตอบเชิงซ๎อน) จาํ นวน 3 ขอ๎ สํวนท่ี 3 แบบปรนยั (เลือกตอบกลํมุ สัมพนั ธ์) จํานวน 2 ข๎อ ตอนที่ 2 แบบอตั นยั (เขียนตอบคาํ ตอบ) จาํ นวน 2 ข๎อ รวมทัง้ ส้ิน 27 ขอ้ 3. เกณฑ์การใหค้ ะแนน (คะแนนเตม็ 20 คะแนน) ตอนที่ 1 สวํ นที่ 1 แบบปรนัยเลือกตอบ 1 คําตอบ ขอ๎ ละ 0.5 คะแนน รวม 10 คะแนน สวํ นท่ี 2 แบบปรนยั เลือกตอบเชงิ ซ๎อน ข๎อละ 1 คะแนน รวม 3 คะแนน สํวนที่ 3 แบบปรนัยเลอื กตอบแบบกลมํุ สมั พันธ์ ข๎อละ 1 คะแนน รวม 2 คะแนน ตอนที่ 2 แบบอตั นยั (เขยี นเตมิ คาํ ตอบ) ข๎อละ 2.5 คะแนน รวม 5 คะแนน รวมท้ังสิน้ 20 คะแนน 4. ขอ้ ปฏบิ ัตใิ นการสอบ 4.1 แตํงกายด๎วยชุดนกั เรยี นใหส๎ ภุ าพเรยี บรอ๎ ย ตามขอ๎ บงั คบั ของโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 4.2 ห๎ามนาํ หนังสอื /เอกสารเข๎าไปในที่นัง่ สอบ และหา๎ มทาํ เครอ่ื งหมายใด ๆ ลงแบบทดสอบทแ่ี จกให๎ 4.3 หา๎ มนําเคร่ืองคิดเลขเขา๎ หอ๎ งสอบ อนญุ าตให๎นักเรียนคดิ เลขไดใ๎ นด๎านหลงั ของกระดาษคาํ ตอบ 4.4 หา๎ มนกั เรยี นนําข๎อสอบและกระดาษคาํ ตอบออกห๎องสอบ จะตอ๎ งสํงคนื กรรมการควบคุมหอ๎ งสอบเมื่อสอบเสร็จ 4.5 ห๎ามนักเรียนสํงเสียงดังรบกวนผ๎ูอื่น เมื่อมีข๎อสงสัยหรือต๎องการส่ิงใดให๎ยกมือสอบถาม หรือขอความชํวยเหลือจาก กรรมการควบคมุ ห๎องสอบ หากพบการทุจริตในการสอบในครงั้ น้จี ะปรับตกรายวิชาน้ที ันที 4.6 ใหน๎ ักเรยี นดึงกระดาษคําตอบ แยกออกจากข๎อสอบกอํ นลงมือทํา เพือ่ การจดั เก็บขอ๎ สอบและกระดาษคาํ ตอบแยกจาก กนั ของกรรมการคุมสอบ

แบบทดสอบรายวิชาสังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 หนา๎ ที่ : 2ตอนที่ 1 ส่วนที่ 1 แบบปรนัยเลือกตอบ ให๎นักเรียนเลือกคําตอบที่ถูกต๎องเพียงคําตอบเดียว โดยทําเครื่องหมายกากบาท (X) ในกระดาษคาํ ตอบหลงั แบบทดสอบ (จาํ นวน 20 ข๎อ ขอ๎ ละ 0.5 คะแนน ตอบถกู ได๎ 0.5 คะแนน ตอบผิดได๎ 0 คะแนน รวม 10 คะแนน)ใหน๎ กั เรยี นดแู ผนท่ที ี่กาํ หนดให๎แลว๎ ตอบคาํ ถามขอ๎ ที่ 1 – 31. แผนที่ทก่ี าํ หนดให๎ คอื แผนท่ีชนดิ ใด ทีม่ ีการอธบิ ายไดอ๎ ยาํ งถกู ตอ๎ ง (ส 5.1 ม.4-6/1 : เข๎าใจ) ก. แผนทีล่ ายเสน๎ คอื แผนทีแ่ สดงรายละเอียดด๎วยเส๎นที่ประกอบกนั เปน็ แผนท่ี โดยมแี สดงรายละเอยี ดดว๎ ยสีท่แี ตกตํางกัน ข. แผนท่รี ูปถาํ ย คอื แผนทีแ่ สดงรายละเอยี ดผาํ นทางภาพถํายที่มีการลงลายละเอียดขอบรูปภาพด๎วยเส๎นโครงและตารางกรดิ ตามขนาดของแผนที่ โดยแสดงรายละเอียดดว๎ ยสี และช้นั ข๎อมูลที่แยกจากกนั ได๎ ค. แผนท่ลี ายเส๎น คือ เปน็ แผนทแี่ สดงรายละเอยี ดในพ้ืนท่ีด๎วยเส๎นและองค์ประกอบของเส๎น ซง่ึ อาจเป็นเส๎นตรง เสน๎ โค๎ง ทอํ นเส๎นหรือเสน๎ ใด ๆ ท่ปี ระกอบเปน็ รูปแบบตาํ ง ๆ ง. แผนทรี่ ูปถาํ ย คือ เป็นแผนทีซ่ ่ึงมรี ายละเอยี ดในแผนทท่ี ่ีไดจ๎ ากการถํายภาพดว๎ ยกล๎องถาํ ยภาพ ซงึ่ อาจถาํ ยภาพจากเครื่องบินหรอืดาวเทียม การผลติ แผนท่ที าํ ด๎วยวธิ ีการนาํ เอาภาพถํายมาทําการดัดแก๎ แลว๎ นาํ มาตํอเป็นภาพแผํนเดียวกันในบริเวณทีต่ อ๎ งการ แล๎วนาํ มาใสํเส๎นโครงพกิ ัด ใสรํ ายละเอียดประจาํ ขอบระวาง จ. แผนท่แี บบผสม คอื เป็นแบบทผ่ี สมระหวํางแผนทล่ี ายเส๎นกับแผนทภี่ าพถําย โดยรายละเอยี ดที่เปน็ พ้นื ฐานสํวนใหญํจะเปน็รายละเอยี ดทไ่ี ด๎จากการถาํ ยภาพ สวํ นรายละเอยี ดทสี่ าํ คญั ๆ ทีต่ ๎องการเน๎นให๎เห็นเดนํ ชดั ก็แสดงด๎วยลายเสน๎2. ขอ๎ ใดคือประโยชนข์ องแผนทแ่ี สดงลกั ษณะทางกายภาพทีเ่ ห็นไดเ๎ ดนํ ชดั ทีส่ ุด (ส 5.1 ม.4-6/1 : วเิ คราะห์) ก. เพ่อื พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ข. เพอื่ วางแผนยทุ ธศาสตร์ทางการทหาร ค. เพ่ือกาํ หนดอาณาเขตเพอ่ื การบรหิ ารงบประมาณ ง. เพอื่ การแกไ๎ ขปัญหาแนวพรมแดนระหวํางประเทศ จ. เพื่อวางแผนพัฒนาธรรมชาตแิ ละพัฒนาขึ้นเปน็ แหลงํ ทอํ งเทีย่ ว

แบบทดสอบรายวิชาสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 หนา๎ ที่ : 33. ขอ๎ ใดกลาํ วถึงรปู ถํายทางอากาศไมํถูกตอ๎ ง (ส 5.1 ม.4-6/1 : วิเคราะห์)ก. รูปถาํ ยทางอากาศสวํ นใหญํ มขี นาด 9x9 น้ิวข. รปู ถํายทางอากาศท่ีถํายในแนวด่ิง สามารถนาํ มาศกึ ษาในลกั ษณะภาพสามมติ ไิ ด๎ค. รูปถาํ ยทางอากาศท่ีถาํ ยในแนวเฉยี ง สามารถมองเห็นท๎องฟา้ ก็ได๎ มองไมเํ ห็นกไ็ ด๎ง. รปู ถาํ ยทางอากาศสามารถมองดว๎ ยกล๎องสามมติ ิ แบบเลนส์เดย่ี ว เพ่ือให๎เห็นความสูงตา่ํ ของข๎อมลูจ. รูปถาํ ยทางอากาศสามารถมองเหน็ ไดด๎ ว๎ ยตาเปลาํ ในภาพทีม่ รี ายละเอยี ดไมํซบั ซอ๎ นและมาตราสวํ นขนาดใหญํ4. ดาวเทียมในข๎อใดจับคูํการใช๎ประโยชนไ์ มํถูกต๎อง (ส 5.1 ม.4-6/1 : เขา๎ ใจ)ก. LandSat – ใช๎สํารวจทรัพยากรธรรมชาติ ข. NoAA – ใช๎ติดตามการเปลย่ี นแปลงของสภาพอากาศค. ThaiCom – ใช๎รับและสงํ สัญญาณดาวเทียม เพ่อื การสื่อสาร ง. GeoEye 1 – ใช๎สาํ รวจเพอ่ื การทําแผนท่ีจ. CoRoNa – ใช๎สาํ หรบั การวางผงั เมอื ง5. ในการศึกษาภมู อิ ากาศของจังหวัดเชียงใหมไํ มํสามารถใชข๎ อ๎ มลู จากข๎อใด (ส 5.1 ม.4-6/1 : วิเคราะห์)ก. รปู ถํายทางอากาศ 1 : 25,000 และบารอมเิ ตอร์ ข. ภาพถาํ ยจากดาวเทยี ม 1 : 50,000 และเทอร์โมมเิ ตอร์ค. แผนทีค่ วามกดอากาศ 1 : 2,000,000 และไซโครมเิ ตอร์ ง. สถิติภมู ิอากาศประเทศไทย 30 ปี และสถานตี รวจอากาศจ. ไมํมขี อ๎ ใดถูกตอ๎ ง6. ขอ๎ ใดกลาํ วถงึ องค์ประกอบของระบบสารสนเทศภมู ศิ าสตรผ์ ิด (ส 5.1 ม.4-6/1 : เขา๎ ใจ)ก. ข๎อมูลและสารสนเทศ คือ ข๎อมลู เฉพาะเรื่องที่สามารถนาํ ไปใช๎ในการตอบคาํ ถามตาํ งๆได๎ถามวตั ถุประสงค์ มีความถกู ตอ๎ ง และเชอื่ ถือได๎ข. ระบบฮาร์ดแวร์ ประกอบด๎วย คอมพวิ เตอร์ อปุ กรณ์อาํ นข๎อมูล อุปกรณเ์ กบ็ รักษาขอ๎ มลู และอปุ กรณ์การนาํ เขา๎ ขอ๎ มลูค. ซอฟแวรท์ ํางาน คอื โปรแกรมทีใ่ ชใ๎ นการจัดการระบบและส่ังงานตํางๆเพื่อใหฮ๎ าร์ดแวร์ทาํ งานง. กระบวนการวิเคราะห์และขน้ั ตอนการทํางาน เป็นขั้นตอนที่จะตดั สินข๎อมลู วําสาํ คญั หรอื ไมํ และออกแบบกระบวนการคดิ ตดั สินใจเพื่อการนาํ ข๎อมูลไปใชใ๎ นหลากหลายกจิ กรรมตามทตี่ อ๎ งการจ. บุคลากร คอื ผท๎ู ่ที ําหนา๎ ทีจ่ ดั การองค์ประกอบทง้ั 4 ข๎างต๎นทํางานประสานกันอยาํ งมีประสิทธภิ าพ7. นกั ภูมิศาสตรค์ นหนึง่ ตอ๎ งการสาํ รวจเส๎นทางภายในเหมืองถํานหนิ และบรเิ วณโดยรอบเพ่อื จดั ทําแผนที่ของเหมอื งถํานหนิ ทจี่ ะพฒั นาเปน็แหลงํ ทํองเทยี่ วอีกแหงํ ของจงั หวดั อยากทราบวาํ นกั ภมู ศิ าสตร์คนนจ้ี ะตอ๎ งใช๎เครื่องมือทางภูมศิ าสตร์ในขอ๎ ใดทเ่ี หมาะสมทสี่ ดุ (ส 5.1ม.4-6/1 : เขา๎ ใจ)ก. รปู ถํายทางอากาศบริเวณเหมืองถํานหนิ ของบรษิ ัทขุดเจาะเหมอื งถาํ นหินในแนวเฉียงข. รูปถํายทางอากาศบรเิ วณเหมืองถาํ นหินของบรษิ ทั ขุดเจาะเหมอื งถาํ นหนิ ในแนวดิ่งค. แผนท่ีการขดุ เจาะถํานหนิ ของบรษิ ทั ขดุ เจาะเหมืองถาํ นหนิง. ภาพถาํ ยจากดาวเทียม ในระบบการทาํ งานแบบพาสซีฟจ. ภาพถํายจากดาวเทียม ในระบบการทํางานแบบแอกทฟี8. ใครไมไํ ดใ๎ ช๎ประโยชน์จากระบบกาํ หนดตาํ แหนํงบนพ้นื โลก (ส 5.1 ม.4-6/1 : นาํ ไปใช๎)ก. นารี เดนิ ทางไปโรงเรยี นวนั แรก ข. ราตรี เดนิ ทางไกลอยคูํ าํ ยพักแรมค. กีรณา ขบั รถขา๎ มจังหวดั ไปเยี่ยมญาติ ง. วิฬาร ตามสญั ญาณมือถือเพอ่ื ดกั จับภรรยาและก๊กิ ของเธอจ. สตี สํงสถานทีท่ ่ีตนเองอยํูในโปรแกรมไลนใ์ หเ๎ พอ่ื น เพอ่ื รวมตวั กนั9. ข๎อใดไมํใชํการนําประโยชนข์ อง GPS มาประยกุ ตใ์ ช๎ (ส 5.1 ม.4-6/1 : เข๎าใจ)ก. การขนสงํ สนิ คา๎ เพ่อื ตรวจสอบข๎อมลู การเคลือ่ นไหว ตําแหนํงข. การใช๎ประโยชน์ท่ดี ินในการหาพนื้ ท่ี วัดพื้นท่ีหาคาํ พกิ ัดได๎ในความละเอยี ดสงูค. การติดตามภยั พิบัตธิ รรมชาติ ทําใหเ๎ หน็ ถงึ ขอบเขตพน้ื ทีเ่ กดิ อบุ ตั ภิ ยัง. ดา๎ นการกฬี า เพอ่ื ชวํ ยในการคาํ นวณเสน๎ ทาง และตดิ ตามผู๎เลํนจ. การตดิ ตาม เพอื่ รูว๎ าํ ส่งิ ของหรอื ทรพั ยส์ ิน ถ๎าหากถูกขโมยจะไดต๎ ิดตามหามนั ได๎จงอ่านขอ้ ความต่อไปนี้ แลว้ ตอบคาถามขอ้ ที่ 10 หินทเ่ี กิดจากการทบั ถมของตะกอน โดยตะกอนเหลํานเ้ี กดิ จากการผุพงั แตกสลายของหนิ อคั นี หนิ แปร หรือหนิ ช้นั ท่ีมีอายุ เกําแล๎ว ถูกพดั พาสะสมโดยนํ้าลม ธารนาํ้ แขง็ หรือหรือการตกตะกอนทางเคมี รวมถงึ หนิ ทเี่ กดิ จากการสะสมของซากดึกดาํ บรรพ์ ตะกอนตาํ งๆเหลาํ นี้ จึงมกี ารสะสมตวั เป็นช้ันๆ

แบบทดสอบรายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 หน๎าที่ : 410. จากข๎อความขน้ั ต๎น กลําวถึงหนิ ชนดิ ใดบ๎าง ตามลาํ ดับ (ส 5.1 ม.4-6/3 : เขา๎ ใจ)ก. หินทราย หนิ ดนิ ดาน ถาํ นหนิ ข. หินชนวน หนิ ปูน หินอํอนค. หนิ ไรโอไลต์ หนิ บะซอลต์ หนิ บะซอลต์ ง. หนิ แกรนิต หินปุ หนิ ไนล์จ. หินแกมโบ หนิ ดนิ ดาน หนิ ทราย11. ใครอธบิ ายแนวแบํงเขตเปลอื กโลกไดถ๎ ูกต๎องทสี่ ุด (ส 5.1 ม.4-6/3 : เข๎าใจ)ก. ดร.สตีฟ กลาํ ววํา บรเิ วณทแี่ ผนํ เปลอื กโลกชนกนั จะทาํ ให๎เปลอื กโลกแผํนหน่ึงมดุ ตัวไปอยํูใต๎อกี แผนํ หนึง่ เกดิ รํองลกึ ทีม่ หาสมทุ รได๎ข. ดร.คิม กลาํ ววํา แนวแบํงเขตเปลือกโลกที่ดที สี่ ุดคอื สันเขากลางมหาสมุทรเพราะเป็นบรเิ วณที่มีแรงแมเํ หล็กไฟฟา้ มากทส่ี ุดค. ดร.จลิ กลําววํา รอยเลื่อนแปลงคือหน่ึงในแนวแบํงเขตเปลอื กโลกท่ีแสดงถงึ การเลอ่ื นแผํนเปลือกโลกเข๎ามาชิดกนัง. ดร.การ์ฟ กลําววาํ สันเขากลางมหาสมุทรเกิดข้นึ จากการเลอ่ื นออกจากกนั ของแผนํ เปลือกโลกในทศิ ทางตรงกนั ขา๎ มจ. ดร.โอ กลาํ ววาํ การมดุ ตวั และยกตวั ของแผํนเปลือกโลก คอื สาเหตทุ ี่ทําให๎เกดิ การเคลอ่ื นตวั ของแผํนเปลอื กโลกในแนวระนาบ12. ขอ๎ ใดไมํใชสํ าเหตุของการไหลเวียนของกระแสนํ้าในมหาสมทุ ร (ส 5.1 ม.4-6/3 : เข๎าใจ)ก. ความหนาแนํนและอุณหภมู ขิ องนา้ํ ในมหาสมทุ รท่แี ตกตาํ งกัน ข. ลมประจําฤดูและลมประจาํ ถิน่ ทกี่ ระทําตํอผิวน้ําค. การลดระดับและเพิ่มระดบั ของนํา้ จืด ง. ปรากฏการณ์แผนํ ดินไหวหรอื ภเู ขาไฟระเบิดจ. ระดบั นํ้าในมหาสมทุ รแตลํ ะแหงํ มีความแตกตํางกัน13. ปรากฏการณจ์ ากโลกหมุนรอบตวั เอง และโคจรรอบดวงอาทิตย์ กอํ นใหเ๎ กิดปรากฎการณ์แบบไหน (ส 5.1 ม.4-6/3 : เข๎าใจ)ก. นาํ้ ขึ้น-น้าํ ลง ข. การเกดิ กระแสนา้ํ อุนํ ค. การเกดิ กระแสนํา้ เยน็ง. การเกิด-น้ําตาย จ. กลางวนั -กลางคืน14. บุคคลในข๎อใดใชป๎ ระโยชนจ์ ากแหลงํ นํา้ เพอ่ื ตนเองไดด๎ ที ีส่ ดุ (ส 5.1 ม.4-6/3 : วิเคราะห)์ก. มานะ สรา๎ งกงั หันนา้ํ ในบริเวณน้ําตกหลงั บา๎ นเพื่อผลติ กระแสไฟฟา้ ข. ดารา ทาํ ความสะอาดบา๎ นโดยการถพู ื้นทุกเช๎าค. ลดา เดนิ ทางไปทาํ งานด๎วยเรอื จากคลองแสนแสบ ง. ระรนิ เลยี้ งก๎ุงกลุ าดาํ ในบอํ น้ําของตนเองจ. กระทิง เลํนกฬี าวาํ ยนา้ํ ทกุ วนั หยุด เพ่ือสุขภาพทดี่ ี15. ปรากฏการณส์ ุรยิ ุปราคาและปรากฏการณจ์ ันทรปุ ราคา สามารถเกิดข้นึ พรอ๎ มกันไดห๎ รอื ไมํ เพราะเหตุใด (ส 5.1 ม.4-6/3 : เข๎าใจ)ก. เกิดขึ้นพรอ๎ มกนั ได๎ เพราะเป็นปรากฏการณท์ ีม่ พี ระอาทิตย์ พระจันทร์ และโลกอยรูํ ํวมกันข. เกิดขึน้ พร๎อมกนั ได๎ เพราะปรากฏการณ์ทัง้ สองเกดิ ขึน้ ในเวลายามคาํ่ คืนเชํนเดยี วกันค. เกิดข้นึ พรอ๎ มกนั ไมไํ ด๎ เพราะจนั ทรปุ ราคาเกดิ ข้ึนตอนกลางวนั และสรุ ยิ ปุ ราคาเกดิ ข้ึนตอนกลางคืนง. เกิดข้นึ พร๎อมกันไมไํ ด๎ เพราะสรุ ยิ ปุ ราคาเกดิ ขึ้นตอนกลางวัน และจนั ทรปุ ราคาเกดิ ขึน้ ตอนกลางคืนจ. ไมมํ ีขอ๎ ใดกลาํ วถูกตอ๎ งจงอ่านข้อความท่ีกาหนดใหต้ อ่ ไปนแี้ ลว้ ตอบคาถามข้อท่ี 16ปา่ ชายเลน เปน็ กลํมุ ของสังคมพชื ซ่ึงสํวนใหญจํ ะเปน็ ไมไ๎ มํผลัดใบ มลี กั ษณะทางเสรีวิทยา และการปรบั ตวั ทางโครงสร๎างที่คล๎ายคลึงกัน และการขึ้นของพรรณไม๎ในป่าชายเลน จะขึ้นอยูํกับแนวเขต ซ่ึงผิดแปลกไปจากสังคมพืชป่าบก ท้ังน้ีเพราะอิทธิพลจากลักษณะของดินความเค็มของน้ําทะเล และการข้นึ ลงของน้ําทะเลเป็นสาํ คัญ16. พนั ธ์ไุ ม๎ในข๎อใดคือพนั ธ์ุไม๎ในปา่ ชายเลนท้ังหมด (ส 5.1 ม.4-6/3 : เขา๎ ใจ)ก. ไม๎โกงกาง ไม๎ลาํ พทู ะเล ไม๎มะคํา ข. ไมแ๎ สม ไมเ๎ สมด็ ไมต๎ ะบูนค. ไมต๎ ะบนู ไมส๎ ัก ไม๎พยุง ง. ไม๎ประสัก ไม๎แกว๎ เจา๎ จอม ไมโ๎ ปรงจ. ไม๎ทองหลาง ไม๎ตะบูน ไม๎ลาํ แพน17. สัตวโ์ ลกในขอ๎ ใดไมไํ ดอ๎ ยอูํ าศยั ในเขตที่อยูอํ าศยั ของตนเองอยาํ งท่ีควรจะเป็นทีส่ ดุ (ส 5.1 ม.4-6/3 : วเิ คราะห)์ก. อลนั ชาวออสเตรเลยี ให๎อาหารจิงโจ๎ตามบริเวณสวนสาธารณะใกล๎บ๎านของตนข. อาลี ชาวอียิปต์ พบงหู างกระดงิ่ ไซดไ์ วนเ์ ดอรใ์ กลพ๎ ีระมดิ แหํงกีซาหลายสบิ ตัวค. อเล็กซ์ ชาวเอสกโิ ม เลยี้ งกวางคารบิ ู จาํ นวนหลายสบิ ตวั รอบบา๎ นของตนเองง. อาต๋ี ชาวจีน เขา๎ ชมหลนิ ฮํยุ หมแี พนดา๎ ตัวไมเํ ลก็ ไมํใหญํในสวนสตั วเ์ ชยี งใหมํจ. อนนั ต์ ชาวเนปาล เลยี้ งจามรี 3 ตัว เพื่อใชข๎ นของในระหวาํ งการเดินทาง18. เมอ่ื นักเรยี นไดร๎ ับหน๎าที่มคั คุเทศกน์ อ๎ ยประจาํ จังหวดั ภาคเหนอื สถานท่ีในข๎อใดท่ีนักเรยี นควรแนะนาํ (ส 5.1 ม.4-6/3 : เขา๎ ใจ)ก. ดอนเขาโดด เขาคิชฌกฏู ดอยอุ๎มผาง ข. แองํ แมํแจํม ดอยอํางขาง วัดพระธาตุพนมค. ดอยอนิ ทนนท์ วัดรํองขุน ภกู ระดึง ง. นํา้ พรุ ๎อนเทพพนม วดั พระธาตเุ ขานอ๎ ย ภลู มโลจ. กว๏านพะเยา ภชู ีฟ้ ้า ดอยแมอํ คู อ

แบบทดสอบรายวิชาสังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 หนา๎ ท่ี : 519. ข๎อใดกลาํ วถึงมนุษย์กบั สภาพภมู ศิ าสตรข์ องไทยไมํถกู ต๎อง (ส 5.1 ม.4-6/3 : เข๎าใจ) ก. ภาคเหนือ : ภมู ปิ ระเทศสํวนใหญเํ ป็นเทอื กเขา แนวเทอื กเขาทอดตัวยาวในแนวเหนือ-ใต๎ ข. ภาคกลาง : ภมู ิประเทศสํวนใหญํเปน็ ทร่ี าบ 2 รปู แบบ คอื ท่ีราบลมํุ แมนํ ้ํา และท่รี าบดนิ ดอนสามเหลยี่ มปากแมํนํ้า ค. ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ : ภมู ปิ ระเทศสํวนใหญํเปน็ ทรี่ าบสงู รูปรํางคล๎ายกระทะหงาย เทอื กเขาสาํ คญั คอื เทอื กเขาดงพญาเยน็ ง. ภาคตะวนั ตก : ภูมปิ ระเทศสวํ นใหญํเป็นภเู ขาและหบุ เขาที่ทอดตัวในแนวเหนือ-ใต๎ มีพนื้ ท่รี าบแคบ ๆ มีเทือกเขาสําคัญ คือเทอื กเขาตะนาวศรี จ. ภาคใต๎ : ภูมปิ ระเทศเปน็ คาบสมุทรยนื่ ลงไปในทะเล ขนาบด๎วยทะเลทงั้ 2 ดา๎ น คอื ทะเลอันดามันด๎านตะวันออกของภาคใต๎ และอําวไทยดา๎ นตะวนั ตกของภาคใต๎ให้นกั เรียนอา่ นขา่ วทกี่ าหนดให้ แลว้ ตอบคาถามข้อที่ 20 ป่าไม้ จบั กล่มุ ทุนยักษใ์ หญ่ ล่าสตั ว์ปา่ คุ้มครอง ทงุ่ ใหญน่ เรศวร เจา๎ หน๎าท่เี ขตรักษาพันธุ์สัตวป์ ่าทงํุ ใหญนํ เรศวร ด๎านตะวนั ตก เปิดเผยวํา เมือ่ วันที่ 4 ก.พ.เวลา 14.00 น. รบั แจง๎ พบนักทํองเท่ยี วต้ังแคมป์พักในบริเวณจุดห๎ามตั้ง เมื่อรุดตรวจสอบพบ 1 ในกลํุมมตี าํ แหนํงเปน็ ประธานบริหารและกรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๏อปเมนต์บริษัทมหาชน บริเวณจุดพักยึดซากสัตว์ป่าค๎ุมครอง คือ ไกํฟ้าหลังเทา ซากเน้ือเก๎ง และปืนลูกกรดติดลํากล๎อง 1 กระบอก ปืนไรเฟิลติดลํากลอ๎ ง 1 กระบอก และ ปนื ลกู ซองแฝด 1 กระบอก พร๎อมเครอื่ งกระสนุ อกี จาํ นวนมาก นอกจากนี้ ยังยึดซากเสือดาํ สภาพถกู ชําแหละ และถลกหนัง โดย บริเวณใกล๎เคียงยังพบเคร่ืองกระสุนปืนเพิ่มอีกมาก จึงจับกุมเพ่ือนําตัวไปสอบปากคาํ ขยายผล โดยยังไมมํ กี ารสํงตวั หรือเข๎าแจง๎ ความท่ี สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี แตํอยํางใด ขณะท่ี ตํารวจกําลังอยํูระหวํางการตรวจสอบข๎อมลู ดังกลําวดว๎ ย ท่มี า : ขาํ วชอํ ง 7 วนั ที่ 6 ก.พ. 2561 เวลา 08:51 น.20. ตามกฎหมายพระราชบญั ญัตสิ งวนและคม๎ุ ครองสตั วป์ ่า พทุ ธศักราช 2535 การลําสัตวป์ า่ คุม๎ ครองจากขาํ วท่ีไดอ๎ าํ น มีบทลงโทษอยาํ งไร(ส 5.1 ม.4-6/3 : เข๎าใจ) ก. จําคกุ 4 ปี ปรบั ไมํเกนิ 40,000 บาท หรือทง้ั จําทง้ั ปรบั ข. จําคุก 6 ปี ปรบั ไมํเกิน 60,000 บาท หรอื ทั้งจาํ ทงั้ ปรับ ค. จาํ คุก 8 ปี ปรับไมเํ กิน 80,000 บาท หรอื ทั้งจาํ ทงั้ ปรบั ง. จาํ คุก 10 ปี ปรบั ไมเํ กิน 100,000 บาท หรือทง้ั จําทั้งปรบั จ. จําคกุ 12 ปี ปรบั ไมเํ กนิ 120,000 บาท หรอื ท้งั จําทง้ั ปรับตอนท่ี 1 ส่วนที่ 2 แบบปรนัยเลือกตอบเชิงซ้อน โดยคําถามชุดนี้มีคําถามยํอยรวมอยูํในข๎อเดียวกัน ซึ่งเกี่ยวกับเร่ือง/ สถานการณท์ ี่อาํ น (จาํ นวน 3 ข๎อ ขอ๎ ละ 1 คะแนน * ต๎องถูกท้งั 4 ข๎อยอํ ย จงึ จะได๎ 1 คะแนน)ใหน้ กั เรียนอ่านข้อความที่ใหแ้ ล้วตอบคาถามขอ้ 21ประเทศไทยมที ําเลทีต่ ัง้ อยูใํ นเขตรอ๎ นชืน้ และมีระบบลมมรสุมพดั ผาํ น จึงทาํ ให๎มีความหลากหลายของพันธุส์ ตั ว์น้ํา21. จากข๎อความทอี่ าํ นเกี่ยวกับสัตวน์ ํา้ ในประเทศไทย ใหน๎ กั เรียนระบวุ ําข๎อความทีอ่ าํ นกลาํ วถูกต๎องหรอื ไมถํ ูกต๎อง (ตอ๎ งตอบถูกท้ัง 4 ข๎อยํอยจงึ จะได๎ 1 คะแนน) (ส 5.1 ม.4-6/3 : เขา๎ ใจ) ข้อ ข้อความ ใช่ ไม่ใช่21.1 ปลาตะเพียนและเตํา เปน็ สัตวน์ าํ้ จดื /21.2 ปลาทนู าํ และก๎งุ มงั กร เป็นสตั ว์น้ําเค็มทไ่ี มํมีกระดูกสันหลัง21.3 ก๎งุ และปู เปน็ สัตวน์ า้ํ กรอํ ย /21.4 หอยมุกและหอยเปา๋ ฮือ้ เป็นสตั ว์นา้ํ เคม็ ท่ีไมมํ ีกระดกู สนั หลงั / /ใหน้ ักเรยี นอ่านข้อความทใี่ หแ้ ลว้ ตอบคาถามข้อ 22 พายุโซนรอ๎ นแฮเรยี ด เปน็ พายุโซนร๎อนรนุ แรง ท่ีเขา๎ ถลมํ ภาคใตข๎ องประเทศไทยในปี พ.ศ. 2505 และเลยไปจนถงึ บงั คลาเทศ และนับเป็นพายุหมุนเขตร๎อน 1 ใน 3 ลกู ที่เคลอื่ นทขี่ า๎ มเขตจากเขตไตฝ๎ นุ่ ไปยังเขตไซโคลนในมหาสมุทรอินเดีย (อกี 2 ลูกท่ที ําแบบน้ีได๎ คือซุปเปอรไ์ ต๎ฝนุ่คาเรน ในเดือนพฤศจิกายนปเี ดยี วกัน และพายุโซนรอ๎ นนาไดน์ ในเดือนธนั วาคม) ในปนี น้ั พายโุ ซนรอ๎ นแฮเรยี ด กวาดทุกสิ่งทุกอยํางบนแหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง ที่มีผู๎คนอยูํอาศัยราว 4 พันคนจนหมดส้ิน เหลือบ๎านที่

แบบทดสอบรายวชิ าสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 4 หน๎าที่ : 6รอดจากการทาํ ลายเพียง 5 หลงั ด๎วยคล่ืนสูงกวํา 3 เมตร พายุยงั มีขอบเขตการทําลายไปถึงบรเิ วณใกล๎เคียง บ๎านเรือนอีกกวําร๎อยละ 30 ถูกทาํ ลายลงโดยรอบ มผี ู๎เสยี ชีวติ มากกวาํ 900 ราย สูญหาย 142 ราย บาดเจบ็ 252 ราย ไร๎ท่ีอยํอู าศัยนบั หมน่ื ราย22. จากข๎อความท่ีอํานเก่ียวกับอิทธิพลของวัฒนธรรมภายนอกท่ีมีตํอวัฒนธรรมไทย ให๎นักเรียนระบุวําข๎อความท่ีอํานกลําวถูกต๎องหรือไมํถกู ต๎อง (ตอ๎ งตอบถูกท้งั 4 ข๎อยอํ ยจึงจะได๎ 1 คะแนน) (ส 5.1 ม.4-6/3 : วิเคราะห์)ขอ้ ขอ้ ความ ใช่ ไมใ่ ช่22.1 รัชกาลที่ 9 โปรดเกลา๎ ฯ ประกาศเชญิ ชวนบรจิ าคเงินและส่ิงของชํวยผปู๎ ระสบภัย /22.2 พายโุ ซนร๎อนเปน็ พายุทม่ี คี วามแรงมากกวําพายุไตฝ๎ นุ่ /22.3 พายหุ มนุ เขตรอ๎ น คือ ระบบพายุท่ีพฒั นามาจากศูนยก์ ลางของหยอํ มความกดอากาศต่าํ , ลมแรง และการจัดเกลียว / ของพายุฝนฟา้ คะนอง ทง้ั น้ีขึน้ กับสถานทแ่ี ละความรนุ แรงดว๎ ย22.4 พายุโซนร๎อนเป็นพายุที่มีขนาดความแรงลมปานกลาง คือมีความเร็วอยูรํ ะหวาํ ง 63-117 กโิ ลเมตร/ช่ัวโมง /ให้นักเรียนอา่ นข้อความทใ่ี หแ้ ลว้ ตอบคาถามขอ้ 23 สภาพภูมิศาสตร์และทรัพยากรธรรมชาติที่มีความสัมพันธ์กับการประกอบอาชีพของประเทศไทย ในอดีตวลีที่วํา “..เกษตรกรรมคือกระดกู สันหลงั ของชาติ..” เปน็ ความจรงิ อยาํ งไมํมีข๎อโต๎แย๎ง เนื่องมาจากประเทศไทยอดุ มสมบูรณ์ไปด๎วยดินและน้าํ ตลอดทง้ั ปี สามารถปลกู พชืได๎ ผลผลิตท่ีเปน็ สินคา๎ สํงออกสร๎างรายไดเ๎ ปน็ อยํางดี นอกจากการเกษตรแลว๎ ประเทศไทยยงั คงมีการทําอาชีพเกี่ยวกับป่าไม๎ การประมง และการเลี้ยงสตั ว์ตามสภาพพื้นทีข่ องตนเอง อาทิ ภาคเหนือ มีลักษณะเป็นหุบเขาสลับซับซ๎อน เหมาะแกํการทําเกษตรกรรม เล้ียงสัตว์ และปลูกพืชเมืองหนาว ภาคใต๎ ขนาบขา๎ งดว๎ ยอาํ วไทยและทะเลอันดามัน มีฝนตกชกุ ตลอดท้ังปี เหมาะแกํการทาํ ประมงและปลกู พชื อ๎มุ นา้ํ ทนนํ้าได๎ดี23. จากข๎อความที่อํานเกี่ยวกับพลเมืองดีต๎องมีจิตสาธารณะ ให๎นักเรียนระบุวําข๎อความท่ีอํานกลําวถึงประโยชน์ของการมีจิตสาธารณะในเยาวชนได๎ถูกตอ๎ งหรอื ไมถํ ูกต๎อง (ต๎องตอบถกู ทงั้ 4 ขอ๎ ยํอยจงึ จะได๎ 0.5 คะแนน) (ส 5.1 ม.4-6/3 : วเิ คราะห์)ข้อ ขอ้ ความ ใช่ ไมใ่ ช่23.1 ปัญหาเก่ียวกบั การทาํ ป่าไม๎ ได๎แกํ การตัดโคํนตน๎ ไม๎ ขาดวธิ กี ารอนุรกั ษ์ต๎นไม๎ เครื่องมือตัดไม๎มีประสิทธิภาพสูง ทํา ให๎ตัดไม๎ได๎มากข้ึน สภาพป่าถูกทําลายเร็วข้ึนทําให๎พ้ืนที่ป่าและจํานวนไม๎ลดลงเร่ือยๆ กํอให๎เกิดปัญหาอื่นตามมา / เชํน ปัญหาดินพังทลาย ปัญหานํ้าทํวมฉับพลัน ปัญหาสัตว์ป่าขาดท่ีอยํูอาศัย ปัญหาความแห๎งแล๎ง ปัญหาระบบ นเิ วศวทิ ยา เปน็ ต๎น23.2 ปัญหาการเพาะปลูก คือ ปัญหาเกี่ยวกับดิน ซ่ึงมีสาเหตุมาจากตัวการธรรมชาติ และจากการกระทําของมนุษย์ท่ี / เพาะปลูกพืชซํา้ ซากและไมํบาํ รงุ ดิน การขาดระบบชลประทาน23.3 ปัญหาเกี่ยวกับการประมง ได๎แกํ ปริมาณทรัพยากรสัตว์นํ้าลดลง ปัญหาการขยายนํานนํ้าในทะเลหลวงของบาง / ประเทศ ปัญหานา้ํ เนําเสยี หรือต้นื เขนิ ในแหลงํ น้ําจืดบางแหงํ สัตวน์ าํ้ ขยายพนั ธ์ุเรว็ และมีจาํ นวนมาก23.4 ปญั หาเกีย่ วกับอาชีพการเลีย้ งสัตว์ คอื การขาดแคลนทงํุ หญ๎าและแหลงํ น้ํา เกิดโรคระบาด /ตอนที่ 1 ส่วนที่ 3 แบบปรนัยเลือกตอบกลุ่มคาตอบสัมพันธ์ โดยคําถามชุดน้ีมีคําถามมากกวํา 1 ข๎อ ที่มีเง่ือนไขให๎คิด และสมั พันธต์ อํ เนื่องกนั (ข๎อละ 1 คะแนน)ให้นักเรยี นอา่ นข้อความดงั ต่อไปนี้แลว้ ตอบคาถามขอ้ 24 ดาวเทยี ม (Satellites) หมายถึง วัตถทุ มี่ นุษย์สรา๎ งขึ้นเลียนแบบดาวบริวารของดาวเคราะห์ เพือ่ ให๎โคจรรอบโลกหรอื รอบเทห์ฟากฟ้าอ่ืนมอี ปุ กรณ์สาํ หรบั เก็บรวบรวมข๎อมูลเก่ยี วกบั อวกาศ และถํายทอดขอ๎ มูลนั้นมายังโลก จากข๎อความดงั กลําวข๎างตน๎ ดาวเทียมดวงแรกของไทยที่ถูกสงํ ขน้ึ สํูวงโคจรชอื่ อะไร (A) จัดอยูํในประเภทใด (B) และวัตถุประสงค์เพ่ือใช๎ในการศกึ ษาเรอื่ งใด (C) (ส 5.1 ม.4-6/3 : เข๎าใจ)A คาตอบ B คาตอบ C คาตอบ1 THAICHOTE 1 Meteorological satellites 1 ใชเ๎ พอ่ื สาํ รวจทรัพยากรธรรมชาติ2 THAICOM 2 Earth observation satellites 2 ใช๎เพื่อการพยากรณอ์ ากาศ3 THAIPAT 3 Communications satellites 3 ใช๎เพ่ือการส่ือสาร

แบบทดสอบรายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 หนา๎ ท่ี : 724. จากตารางสามารถจัดกลมุํ ความสมั พนั ธท์ ี่ถกู ต๎องตามกลุํม A B และ C ได๎ตามข๎อใดก. 1, 2, 1 ข. 2, 3, 3 ค. 3, 1, 3 ง. 2, 1, 3 จ. 3, 2, 1ให้นักเรียนอ่านข้อความดังตอ่ ไปน้แี ลว้ ตอบคาถามขอ้ 25“ประเทศไทยมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง ท้ังชนดิ ของพืชพรรณและสัตว์ป่า เป็นรากฐานสําคัญของการเกษตร ยารักษาโรค และตํอเศรษฐกจิ ท้งั ระดบั ทอ๎ งถน่ิ และระดับประเทศ”จากข๎อความข๎างต๎น ขอ๎ ใดไมํใชสํ าเหตุท่ีทาํ ให๎ประเทศไทยมีความหลากหลายทางชวี ภาพ (A) ป่าไม๎ในประเทศไทยมีความสมั พันธ์หลักกับมนษุ ยอ์ ยํางไร (B) และเพราะเหตใุ ดจึงทําใหส๎ ตั วป์ า่ ในประเทศไทยลดลง (C) (ส 5.1 ม.4-6/3 : วิเคราะห)์A คาตอบ B คาตอบ C คาตอบ1 การศึกษา 1 เปน็ แหลํงอาหารและทรัพยากรในการดาํ เนินชวี ติ 1 การทาํ ไรํเลือ่ นลอย2 ภมู อิ ากาศ 2 เป็นแหลํงกาํ เนดิ โรคและภยั ธรรมชาติ 2 ประเพณกี ารแขงํ ขนั ลาํ สัตว์3 ภูมปิ ระเทศ 3 เป็นแหลํงสร๎างอารยธรรมควบคูํกับการดํารงชีวิต 3 การค๎าขายสัตวป์ ่าคุ๎มครอง อยาํ งปลอดภัยและทนั สมัย25. จากตารางสามารถจดั กลํุมความสัมพนั ธท์ ่ถี ูกต๎องตามกลุมํ A และ B ไดต๎ ามขอ๎ ใดก. 1, 2, 3 ข. 2, 3, 2 ค. 3, 1, 3 ง. 1, 1, 2 จ. 3, 2, 1 ************************************************************** (นางสาวศิรมิ า เมฆปัจฉาพิชิต) (นายนกิ ร ไชยบุตร) ผ๎ูสอน/ผู๎แตํงขอ๎ สอบ หัวหนา๎ กลุมํ สาระฯ สงั คมศึกษา (นายเสรี แซํจาง) (นายวเิ ศษ ฟองตา) งานวัดผลระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย รองผ๎อู ํานวยการฝ่ายวชิ าการ

แบบทดสอบรายวิชาสงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 หน๎าที่ : 8 กระดาษคาตอบ วชิ าสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4รวมคะแนนสอบ........./20(เฉพาะครผู ู๎สอนกรอก) ช่อื -สกุล ...................................................................... ช้ัน ม.4/...... เลขท่ี ......ตอนที่ 1 สํวนท่ี 1 แบบปรนัยเลือก 1 คาํ ตอบ จํานวน 20 ขอ๎ (ข๎อละ 0.5 คะแนน)ขอ๎ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20ก X X XX XขX X XคX X XงXX XXจX XX XXตอนที่ 1 สํวนท่ี 2 แบบปรนยั เลือกตอบเชิงซอ๎ น จํานวน 3 ข๎อ (ข๎อละ 0.5 คะแนน ตํอเม่ือตอบถูกท้งั 4 ข๎อยํอย)ข้อท่ี ใช่ ไม่ใช่ ข้อที่ ใช่ ไมใ่ ช่ ข้อท่ี ใช่ ไม่ใช่21.1 / 22.1 23.1 / /21.2 / 22.2 / / 23.2 / /21.3 / 22.3 / 23.321.4 / 22.4 23.4 /ตอนท่ี 1 สวํ นท่ี 3 แบบปรนัยเลอื กตอบกลํุมสัมพันธ์ จํานวน 2 ข๎อ (ขอ๎ ละ 1 คะแนน)ข๎อ ก ข ค ง จ ขอ๎ ก ข ค ง จ24 X 25 Xตอนท่ี 2 แบบอัตนัย (เขียนตอบ) จาํ นวน 2 ข๎อ (ข๎อละ 2.5 คะแนน)26. ให๎นักเรียนอธิบายวัฎจักรของหิน และความสําคัญของวัฎจักรของหินท่ีมีผลตํอลักษณะทางภูมิศาสตร์ของโลกในแนวโนม๎ ทางกายภาพหรอื ภัยพบิ ตั ิทางธรรมชาติ (ส 5.1 ม.4-6/2 : วเิ คราะห์)คาตอบ การเปลยี่ นแปลงของหินทงั้ 3 ชนิด จากหินชนิดหนง่ึ ไปเปน็ อกี ชนิดหนึ่งหรืออาจเปล่ียนกลบั ไปเป็นหินชนิดเดิมอีกก็ได๎ กลําวคือ เม่ือ มื่อหินหนืดร๎อนภายในโลก (Magma) และ หินหนืดร๎อนบนพ้ืนผิวโลก (Lava) เย็นตัวลงกลายเป็น “หินอัคนี” (Igneous rocks) เมื่อหินอัคนีผํานกระบวนการผุพังอยูํกับท่ีและการกรํอนจนกลายเป็นตะกอน โดยมีกระแสนํ้า ลมธารนํ้าแข็ง หรือคลื่นในทะเล เป็นตัวกลางพัดพาไปสะสมตัวเป็นตะกอนทับถมกัน และเกิดการแข็งตัวกลายเป็น หิน อันเนอื่ งมาจากแรงบีบอดั หรือมสี ารละลายเขา๎ ไปประสานตะกอนเปน็ เวลานานหลายล๎านปี ประกอบกับเกิดแรงดันและปฏิกิริยาเคมีทาํ ใหเ๎ กิดการรวมตัวเป็นหินช้ันข้ึนมา เราเรียกวํา หินช้ัน หรือ “หินตะกอน” (Sedimentary rocks) เม่ือหินช้ันได๎รับความร๎อนและแรงกดอัดสูงจะเกิดการแปรสภาพเนื่องจากการเปล่ียนแปลงของเปลือกโลกและความร๎อนจากแมนเทิลใต๎เปลือกโลก ทําให๎เกิดการแปรสภาพเป็น “หินแปร” (Metamorphic rocks) และหินแปรเมื่อได๎รับความร๎อนสูงมากจนหลอมละลาย กจ็ ะกลายสภาพเปน็ หินหนืด ซึ่งเมื่อเย็นตัวลงก็จะตกผลึกเป็นหินอัคนีอีกครั้งหนึ่งวนเวียนเชํนน้ีเรื่อยไปเป็นวัฏจักร กระบวนการเหลําน้ีเกิดขึ้นเป็นวงรอบเรียกวํา “วัฏจักรของหิน” (Rock cycle) อยํางไรก็ตามกระบวนการของวัฏจักรหนิ ไมํจําเปน็ ต๎องเรยี งลาํ ดบั ตามทกี่ ลาํ วมาแล๎ว การเปลี่ยนแปลงของหนิ อาจเกิดขึ้นย๎อนกลบั ไปมาได๎ ข้ึนอยูํกับปัจจัยแวดล๎อมกระบวนการเหลําน้ีอาจข๎ามข้ันตอนดังกลําวได๎ เชํน จากหินอัคนีไปเป็นหินแปร หรือจากหินแปรไปเป็นหินช้ัน

แบบทดสอบรายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 หนา๎ ที่ : 9นักธรณวี ิทยาแบํงหนิ ออกเปน็ 3 ประเภท ตามลักษณะของการเกดิ ไดแ๎ กํ 1. หนิ อคั นี 2. หินตะกอน 3. หินแปรวฏั จกั รการเกิดหินสามประเภท เรยี งลาํ ดับงําย ไดด๎ งั นี้  แมกมาใตเ๎ ปลอื กโลกมคี วามอณุ หภูมิและแรงดนั สูงแทรกตวั ขึ้นสพูํ ้ืนผิว แมกมาที่ตกผลึกภายในเปลือกโลกกลายเป็น หินอัคนีแทรกซอน (มีผลกึ ขนาดใหญ)ํ สวํ นลาวาทีเ่ ย็นตัวบนพืน้ ผวิ กลายเปน็ หนิ อัคนพี ุ (มีผลึกขนาดเลก็ )  หินทกุ ชนิดเมอื่ ผุพงั สกึ กรํอน จะถกู พดั พาใหเ๎ ปน็ ตะกอนทับถมและกลายเปน็ หนิ ตะกอน  หนิ ทกุ ชนิดเมอ่ื ถูกกดดนั หรอื ทําใหร๎ อ๎ น เนอ้ื แรํจะตกผลึกใหมํกลายเปน็ หินแปร  หินทุกชนดิ เมอ่ื จมตวั ลงใตเ๎ ปลือกโลก จะหลอมละลายกลายเป็นแมกมา แรงดันทําให๎มันแทรกตัวข้ึนสํูเปลือกโลกอีก คร้งั หนึ่ง และเยน็ ตวั ลงกลายเปน็ หนิ อัคนี ต๎นกําเนิดของแนวคิดวัฏจักรหินเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 18 โดย เจสส์ ฮัตตัน บิดาแห่งธรณีวิทยา วัฎจักรน้ํานี้เป็นสํวนหนึ่งของแนวคิดหลักแหํงความเป็นเอกภาพ (Uniformitarianism) และจากความคิดของเขาที่วํา “no vestige of abeginning, and no prospect of an end” ท่ีนํามาประยุกต์ใช๎ในวัฏจักรหินรํวมกับกระบวนการทางธรณีวิทยา เมื่อมี

แบบทดสอบรายวชิ าสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 หน๎าท่ี : 10ทฤษฎีธรณีแปรสัณฐาน ในชํวงศตวรรษที่ 1960 จึงมีการพัฒนาเป็น Wilson cycle โดย J. Tuzo Wilson ท่ีนําเอาทฤษฎีแปรสัณฐานมาใชร๎ ํวมดว๎ ยการเปล่ียนแปลงเป็นหนิ อคั นี เมื่อหินได๎จมตัวลงสํูใต๎ผิวโลกจะเกิดการหลอมละลายกลายเป็นหินหนืด เมื่อปัจจัยสภาพแวดล๎อมเปลี่ยนไปเกิดการเย็นตวั ของระบบ หนิ หนืดจะเกิดการเยน็ ตวั อยาํ งช๎า ๆ กลายเป็นหินอัคนีบาดาล ได๎เนือ้ หินเป็นผลึกหยาบ หรือถ๎าหากหินหนืดมีการแทรกดันออกมานอกผิวโลก (หินหนืดที่ปะทุออกมานอกผิวโลกวํา ลาวา) จะเกิดการเย็นตัวอยํางรวดเร็วเกิดเป็นหนิ อคั นพี ุ เน้ือหนิ ท่ีได๎จะมผี ลกึ ทีล่ ะเอียด หรือในบางครัง้ หากมีการเย็นตวั อยํางรวดเรว็ มากจะได๎เนื้อหินเป็นเน้ือแก๎ว เชํน หินออบซเิ ดียน หนิ ทกุ ชนิดท้งั หนิ อัคนี หินตะกอน และหินแปรสามารถหลอมละลายกลายเป็นหินหนืดและกลายเป็นหินอัคนีได๎ท้ังสิ้น ประโยชน์ของหินคือเป็นแหลงํ ศึกษาใหเ๎ ยาวชนรนุํ หลงั .การเปลยี่ นแปลงเป็นหนิ ตะกอน เน่ืองจากหินที่มีการโผลํขึ้นมาบนผิวโลกจะมีความเสถียรลดลง จึงเกิดการผุพังและกัดกรํอนของหินได๎งํายด๎วยกระบวนการจากลมฟา้ อากาศ สารละลาย การกระทําของต๎นไม๎ รวมไปถึงแบคทีเรีย กระบวนการผุพังและกัดกรํอนจะทําให๎หินด้ังเดิมแตกหักจนกลายเป็นตะกอนและสามารถพัดพาไปยังที่ตําง ๆ โดยลม นํ้า หรือธารนํ้าแข็ง เม่ือเกิดการสะสมเป็นจํานวนมากในบริเวณหนึ่ง ๆ และเกิดการทับถมกลายเป็นหินตะกอนเนื้อเม็ด แตํถ๎าเกิดจากการระเหยของแรํจะเรียกวําหินตะกอนเคมี เชํน หินปูน หินเชิร์ต ถ๎าตะกอนเหลําน้ันเกิดจากการทับถมของส่ิงมีชีวิตจะเรียกวําหินตะกอนอินทรีย์

แบบทดสอบรายวิชาสังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 หนา๎ ที่ : 1127. ใหน๎ กั เรียนบอกโครงการตามพระราชดาํ ริ 1 โครงการของรชั กาลที่ 9 ตามหวั ขอ๎ ดังตอํ ไปน้ี (ส 5.1 ม.4-6/3 : เขา๎ ใจ)คาตอบ 1. ชือ่ โครงการ .......................................................................................................................................................... 2. จุดประสงคข์ องโครงการ ...................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................ ....................................... 3. วิธีการท่รี ัชกาลท่ี 9 ทรงนํามาใช๎กบั โครงการ และผลลัพธท์ ี่ได๎ ........................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... 4. นักเรยี นสามารถนํามาปรบั ใช๎กับการดาํ เนินชีวิตของตนเองไดอ๎ ยํางไร ................................................................ ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................. .................................. ...................................................................................................................................................................................

แบบทดสอบรายวิชาสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 หนา๎ ที่ : 12จํานวนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาํ ริ ปจั จุบนั มโี ครงการอนั เน่อื งมาจากพระราชดาํ ริ จํานวน 4,741 โครงการประเภท ภาค รวมโครงการ เหนอื กลาง ตะวันออกเฉียงเหนอื ใต้ ไมร่ ะบุด้านแหลง่ น้า 1,255 511 851 631 0 3,248 ด้าน 47 51 44 28 0 170การเกษตร ด้าน 63 41 41 34 3 182ส่งิ แวดล้อมด้านส่งเสริม 89 35 121 94 0 339 อาชีพ ดา้ นการ 15 16 9 7 11 58สาธารณสุขด้านคมนาคม/ 23 22 20 22 0 87 ส่อื สารดา้ นสวสั ดิการ สงั คม/ 203 75 53 63 4 398 การศึกษาด้านบรู ณาการ 105 62 52 33 7 259รวม 1,800 813 1,191 912 25 4,741โครงการพระราชดาํ รเิ กี่ยวกับปา่  โครงการศนู ยศ์ ึกษาการพัฒนาเขาหนิ ซอ๎ น จ.ฉะเชงิ เทรา  โครงการศูนย์ศึกษาการพฒั นาพิกุลทอง จ.นราธวิ าส  โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน จ.สกลนคร  โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาห๎วยทราย จ.เพชรบุรี เน๎นเร่อื งป่าเปียก, ป่าชายเลน  โครงการศนู ยศ์ ึกษาการพัฒนาอําวคง๎ุ กระเบน จ.จนั ทบรุ ี เนน๎ เรื่องสภาพแวดล๎อม การฟื้นฟูปา่ ชายเลนและโครงการ อนรุ ักษ์หญ๎าทะเล  โครงการศูนยศ์ ึกษาการพฒั นาห๎วยฮอํ งไคร๎ จ.เชยี งใหมํ เนน๎ เร่ืองทฤษฏกี ารปลูกปา่ 3 อยําง  โครงการพัฒนาพ้นื ท่ีลุํมนํ้าแมํอาว จ.ลําพูน เนน๎ เรือ่ งการพัฒนาและฟน้ื ฟู  โครงการหว๎ ยองคต จ.กาญจนบุรี เนน๎ เร่อื งการฟนื้ ฟสู ภาพสงิ่ แวดลอ๎ ม (rehabilitation)  โครงการศึกษาวิจัยและพฒั นาสิง่ แวดลอ๎ มแหลมผักเบย้ี จ.เพชรบุรี เนน๎ การรกั ษาสภาพป่าชายเลนโดยวิธที าง ธรรมชาติ  โครงการพฒั นาปากน้าํ ปราณบุรี จ.ประจวบครี ขี นั ธ์  โครงการพฒั นาเบ็ดเสรจ็ ลมํุ น้ําสาขาแมปํ ิง จ.เชยี งใหมแํ ละลาํ พนู เนน๎ การปลกู ป่า การทําแนวกนั ไฟ  โครงการพัฒนาพ้นื ท่ปี ่าขุนแมํกวง จ.เชยี งใหมํ ซงึ่ เปน็ แหลํงตน๎ นา้ํ ลาํ ธาร  โครงการศูนยศ์ ึกษาวิจยั ธรรมชาตแิ ละปา่ พรสุ ิรนิ ทร จ.นราธิวาส

แบบทดสอบรายวชิ าสังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 หนา๎ ที่ : 13โครงการพระราชดํารเิ กย่ี วกับดนิ  โครงการศนู ย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ๎อนอนั เนื่องมาจากพระราชดําริ จ.ฉะเชิงเทรา  โครงการศูนยศ์ ึกษาการพัฒนาพิกลุ ทองอันเนอื่ งมาจากพระราชดําริ จ.นราธวิ าส  โครงการศูนย์ ศึกษาการพฒั นาหว๎ ยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดาํ ริ จ.เพชรบุรี  โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาหว๎ ยฮํองไคร๎อันเน่อื งมาจากพระราชดําริจ.เชียงใหมํ  โครงการพฒั นาพืน้ ที่ลํุมแมํอาว จ.ลาํ พนู  โครงการศึกษาวิธกี ารฟ้นื ฟูทีด่ ินเสือ่ มโทรมเขาชะงุม๎ จ.ราชบุรี  โครงการทดลองแกป๎ ญั หาดนิ เปร้ยี ว จ.นครนายก  แนวพระราชดาํ ริ \"แกลง๎ ดนิ \"  แนวพระราชดาํ รเิ กยี่ วกับการนํา \"หญ๎าแฝก\" มาใช๎ป้องกันการพังทลายของดิน  แนวพระราชดาํ ริ \"หํมดนิ \" เพอ่ื การฟ้ืนฟูดนิ ที่เสื่อมสภาพโครงการพระราชดาํ ริเกย่ี วกับน้าํ  โครงการหว๎ ยโสมงอนั เน่ืองมาจากพระราชดําริ จ.ปราจนี บุรี  โครงการพัฒนาลุํมนาํ้ ป่าสกั จ.ลพบุรี,จ.สระบรุ ี  โครงการพฒั นาพนื้ ที่ลมํุ น้ําแมํอาว จ.ลาํ พูน  โครงการหว๎ ยองคต จ.กาญจนบุรี  โครงการเข่ือนขนุ ดาํ นปราการชล จ.นครนายก  โครงการพัฒนาเบด็ เสรจ็ ลํุมนํ้าสาขาแมํปงิ จ.เชียงใหมํ,จ.ลาํ พูน  โครงการศึกษาวจิ ยั และพฒั นาสง่ิ แวดล๎อมแหลมผักเบ้ีย จ.เพชรบรุ ี  โครงการนํา้ ดีไลํนา้ํ เสยี ตามคลองตํางๆ ในกรงุ เทพมหานคร  โครงการบําบัดนํา้ เสยี โดยใชพ๎ ืช บึงมักกะสนั กรงุ เทพมหานครร  แนวพระราชดาํ ริ \"แก๎มลงิ \"  โครงการพระราชดาํ ริฝนหลวง\"  โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสงิ่ แวดลอ๎ มแหลมผักเบ้ยี จ.เพชรบุรี เนน๎ การบําบัดน้าํ เสยี ภชมุ ชน โดยวธิ ีทางธรรมชาติ  โครงการผนั นํ้าเขา๎ ที่สํวนพระองค์ บริเวณพระราชานสุ าวรีย์สมเดจ็ พระสรุ ิโยทัย ทงํุ มะขามหยํอง จ.พระนครศรีอยุธยา  โครงการปอ้ งกันนา้ํ ทวํ มดว๎ ยการเบย่ี งนํ้า คลองลดั โพธ์ิ กรงุ เทพมหานคร  โครงการพัฒนาลุํมนํ้าหว๎ ยทอน จังหวดั หนองคาย  ศูนยศ์ ึกษาการพฒั นาอําวคง๎ุ กระเบน จังหวัดจนั ทบรุ ี  กงั หันนําชยั พฒั นาโครงการทางด๎านวศิ วกรรม  โครงการทางคํขู นานลอยฟ้าบรมราชชนนี  โครงการสะพานพระราม 8  โครงการดา๎ นการจราจร เกย่ี วกบั การขยายถนนคอขวดจดุ ตํางๆ  ไบโอดีเซลและแก๏สโซฮอล์จากพืชของไทย  กังหนั ชยั พัฒนา  ฝายแม๎ว หรือการจัดทําฝายชะลอน้ํา เพ่อื ฟื้นฟูปา่ เสื่อมโทรมแนวพระราชดําริอืน่ ๆ  แนวพระราชดาํ ริทฤษฎใี หมํ  แนวพระราชดาํ ริเศรษฐกจิ พอเพียง  โรงเรยี นกาสรกสิวทิ ย์

แบบทดสอบรายวชิ าสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 หนา๎ ที่ : 14เกณฑ์การใหค้ ะแนน ข้อสอบอัตนัย คะแนน 2.5 2 1.5 1 0.5 0ข้อ เกณฑ์การให้คะแนน26 ตอบตรงประเดน็ ท่ีถาม มกี ารยกตวั อยาํ งตามคําสัง่ สะกดคาํ สาํ คญั ทางประวตั ิศาสตรถ์ ูกตอ๎ ง รวมคะแนน ................ (หารด๎วย 3)27 ตอบตรงประเดน็ ทถี่ าม มกี ารยกตัวอยาํ งตามคําสงั่ สะกดคาํ สาํ คญั ทางประวตั ศิ าสตรถ์ กู ตอ๎ ง รวมคะแนน ................ (หารด๎วย 3)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook