Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงงานคุณธรรม ขยะในใจ

โครงงานคุณธรรม ขยะในใจ

Description: โครงงานคุณธรรม ขยะในใจ
โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่
สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ
กระทรวงศึกษาธิการ
ปีการศึกษา 2560

Search

Read the Text Version

โครงงานคณุ ธรรม (Moral Project) เรอื่ ง ขยะในใจ (Garbage in mind) โดย กลมุ่ เตอ-คี-เซอะ (One-Two-Three) โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 (Rajaprajanugroh 31) อาเภอแม่แจ่ม จงั หวัดเชยี งใหม่ สานกั งานเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษามัธยม 34 (เชยี งใหม่-แมฮ่ ่องสอน)

โครงงานคณุ ธรรม (Moral Project) เรอ่ื ง ขยะในใจ (Garbage in mind) โดย กลุ่ม เตอ-คี-เซอะ (One-Two-Three) 1. เด็กหญิงเบ็ญญญาภา นนั ทวเิ ชียรชม ประธาน ระดับชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 1 2. เดก็ หญิงศรานุช ตระกูลไมตรี รองประธาน ระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 3. เด็กหญงิ กนั ชพร สริ ิวรรณภา เลขานุการ ระดับชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 4. เดก็ หญงิ บญุ ญิสา อมรกจิ พง่ึ ประชาสัมพนั ธ์ ระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 1 5. เด็กหญิงวารุณี ชวสทิ ธ์มิ งคล เหรัญญกิ ระดับช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 พระสงฆ์ที่ปรึกษา พระครูประพัฒน์ ปภสสฺ โร วดั แม่ปาน ทีต่ ง้ั 54 หมู่ 10 ตาบลช่างเคิง่ อาเภอแม่แจม่ จงั หวดั เชยี งใหม่ 50270 โทรศัพท์ - นางวลิ าวัลย์ ปาลี ผู้อานวยการโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 นางสาวศิรมิ า เมฆปัจฉาพชิ ติ ครูทป่ี รึกษาโครงงาน นางสาวอาภาภรณ์ สอนประเสรฐิ ครูทป่ี รึกษาโครงงาน โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 ท่ตี ั้ง 99 หมู่ 10 ตาบลช่างเคงิ่ อาเภอแมแ่ จ่ม จังหวัดเชยี งใหม่ 50270 โทรศพั ท์ 053-268642, โทรสาร 053-268643, เว็บไซต์ www.rpk31school.ac.th

กติ ตกิ รรมประกาศ โครงงาน เร่ือง ขยะในใจ เป็นโครงงานท่ีมีขึ้นเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องขยะในโรงเรียนราชประชานุ เคราะห์ 31 ด้วยพลังเล็กๆ ท่ีช่วยแก้ไขอย่างตรงจุด โดยใช้หลักธรรม “สัปปุริสธรรม 7” เข้ามาใช้ในกระบวนการ แกไ้ ขปญั หา สามารถสาเร็จลลุ ่วงได้ด้วยความกรณุ าจากบุคคลดังต่อไปนี้ พระอาจารย์พระประพัฒน์ ปภสฺสโร พระอาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานที่ได้ให้คาแนะนาเร่ืองหลักธรรมและ การนามาปรบั ใช้ นางวลิ าวัลย์ ปาลี ผู้อานวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 ผู้อานวยความสะดวก สนับสนุน และให้ คาปรกึ ษา ครูศิริมา เมฆปัจฉาพิชิต, ครูอาภาภรณ์ สอนประเสริฐ ครูที่ปรึกษาโครงงานที่ได้ให้คาแนะนา วิธีคิด ตลอดจนแก้ไขข้อมูลข้อบกพร่องต่าง ๆ มาโดยตลอด จนโครงงานเล่มนี้เสร็จสมบูรณ์ คณะผู้จัดทาโครงงานขอ กราบขอบพระคุณเปน็ อย่างสงู ขอขอบคุณคณะครู (ครูลักษณา ไชยบุตร, ครูศุภกร ทาอวน, ครูยศวริศ เพ่ิมบุญ, ครูเพชรสุพรรณ วิทยาประดับ, ครภู มู พิ ัฒน์ รัตน์เรงิ วทิ ย์กุล) ทชี่ ่วยสละเวลาในการให้คาปรึกษาและออกแบบรูปแบบสอบถามของ โครงงานชิน้ นี้ สุดท้ายขอบคุณเพ่ือน ๆ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1/4 ที่ได้ให้ความร่วมมือในการทากิจกรรมและตอบ แบบสอบถาม เรือ่ ง ขยะในใจ กระท่ังโครงงานน้ีสาเร็จลุล่วง คณะผจู้ ัดทา เดก็ หญิงเบ็ญญญาภา นันทวเิ ชียรชม เดก็ หญงิ ศรานชุ ตระกลู ไมตรี เดก็ หญิงกนั ชพร สิรวิ รรณภา เด็กหญิงบุญญิสา อมรกิจพึง่ เดก็ หญงิ วารณุ ี ชวสิทธม์ิ งคล

โครงงาน เรื่อง ขยะในใจ คณะผจู้ ดั ทา : กลุม่ เตอ-คี-เซอะ ครูที่ปรกึ ษาโครงงาน : นางสาวศิริมา เมฆปจั ฉาพชิ ติ , นางสาวอาภาภรณ์ สอนประเสริฐ สถานท่ีศกึ ษา : โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 อาเภอแม่แจ่ม จังหวดั เชียงใหม่ ปีการศกึ ษา : 2560 บทคดั ย่อ โครงงานคุณธรรม เร่ือง ขยะในใจ เป็นโครงงานที่มีจุดประสงค์ในการศึกษา คือ การแก้ไขปัญหา พฤติกรรมการท้ิงขยะของนักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 ท่ีมีพฤติกรรมในการท้ิงขยะที่ไม่ถูกต้อง เหมาะสม ทาให้โรงเรียนเกิดทัศนียภาพทีไ่ ม่สวยงาม และเป็นบ่อเกิดของการจัดการขยะท่ีไม่ถูกวิธี ซึ่งจะส่งผล กระทบต่อโลกไดใ้ นระยะยาว คอื ภาวะเรือนกระจก คณะผู้จดั ทาโครงงาน เร่ือง ขยะในใจ จงึ ได้นาหลกั ธรรม “สปั ปรุ ิสธรรม 7” เข้ามาปรับใช้ในการแก้ไข ปัญหาพฤติกรรมการทิ้งขยะของนักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 โดยเร่ิมจากจุดเล็กๆ คือ นักเรียน ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1/4 จานวน 15 คน โดยการอบรมและให้ความรู้เรื่องขยะแก่กลุ่มตัวอย่าง พัฒนาขยะให้ เกดิ ความแตกตา่ งและมมี ลู ค่าเพ่มิ ข้นึ วิเคราะห์และประเมินผลจากการสังเกตพฤติกรรมของกลุ่มตัวอย่าง และ การตอบแบบสอบถามในดา้ นพฤตกิ รรมของกลุ่มตัวอยา่ ง หลกั ธรรม “สัปปุริสธรรม 7” ท่ีนามาใช้นั้น จะเริ่มจากการสอนให้รู้จักเหตุและผลของการกระทาน้ัน การปฏิบัติตนอย่างไรให้เหมาะสม ความสามารถและขีดจากัดของตนเอง ความแตกต่างระหว่างบุคคล และ การปฏิบัติตนให้เข้ากับสภาพแวดล้อม โดยการยกตัวอย่างพฤติกรรมการทิ้งขยะที่สามารถเห็นได้จริง และ ผลกระทบท่จี ะเกดิ ข้ึนจากการทิ้งขยะไมเ่ หมาะสม การคัดแยกขยะและการเพิ่มมูลค่าขยะจากขยะที่พบภายใน โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 โดยการนามาประดิษฐ์เป็นส่ิงของเคร่ืองใช้ต่างๆ ซึ่งแต่ละคนสามารถเพิ่ม มูลค่าขยะประเภทเดยี วกันไดอ้ ย่างแตกต่างและมีเอกลักษณ์ จะเห็นได้ว่าการดาเนินโครงงานคุณธรรม เรื่อง ขยะในใจ เป็นการส่งเสริมให้นักเรียนได้รับความรู้ ความเข้าใจในเร่ืองของขยะ และคิดวิเคราะห์เพ่ือหาทางเพิ่มมูลค่าให้กับขยะ โดยใช้เหตุและผลของความ จาเป็น โดยอาศัยหลักธรรม “สัปปุริสธรรม 7” ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้เข้าร่วมกิจกรรมและยังช่วยแก้ไข ปัญหาพฤติกรรมการทงิ้ ขยะไม่เหมาะสมของนักเรยี นโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 อีกด้วย

ปัญหาพฤตกิ รรมการทงิ้ ผงั มโน ขยะไม่เหมาะสม ขยะใ การทงิ้ ขยะไม่ลงถงั ทงิ้ เร่ียราดตามพนื้ ถนน และการ ทงิ้ ขยะลงในเสวยี น กล่มุ ตวั อย่างในการศึกษา คอื นักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 1/4 จานวน 15 คน การประเมนิ ผลการศึกษา

นทศั น์ วธิ ีการแก้ไข โดยใช้ หลกั ธรรม สัปปุริสธรรม 7 ในใจ การเพม่ิ มูลค่าให้ขยะโดยใช้ ความคดิ สร้างสรรค์ การนาความรู้เรื่องขยะมาใช้ ในชีวติ ประจาวนั คดั แยก และสร้างสรรค์ แบบสอบถามพฤตกิ รรม เรื่อง ขยะ

บทท่ี 1 บทนา ทีม่ าและความสาคญั ขยะ คือ สิ่งปฏิกูลก่อให้เกิดมลพิษและภาวะโลกร้อน พื้นที่ต่าง ๆ ที่มีขยะจานวนมากนั้น ทาให้พ้ืนท่ี นนั้ ดไู ม่สะอาดและงามตา มาจากการใช้วสั ดทุ ีผ่ ลิตจากพลาสติกท่ีย่อยสลายยาก และมีสารเคมีตกค้างจากการ ทาเกษตร การทง้ิ ขยะอนั ตรายจากการใชเ้ คมีภัณฑ์ ซึ่งขยะเหล่านี้ก่อให้เกิดปัญหาภาวะเรือนกระจก คือ ภาวะ ท่ชี น้ั บรรยากาศของโลกทาตวั เสมือนกระจก ท่ียอมใหค้ ลื่นรังสสี ้นั ผา่ นลงมายังผิวโลกได้ แต่จะดูดกลืนรังสีคลื่น ยาวช่วงอินฟราเรดท่ีแผ่ออกจากพื้นผิวโลกไว้ จากนั้นก็จะคายพลังงานความร้อนให้กระจายอยู่ภายในช้ัน บรรยากาศและพน้ื ผวิ โลก จึงเปรียบเสมอื นกระจกท่ีปกคลมุ ผิวโลกให้มีภาวะสมดุลทางอุณหภูมิ และเหมาะแก่ การดารงชีวิต แต่ในปัจจุบันมีก๊าซบางชนิดสะสมอยู่ในช้ันบรรยากาศมากเกินสมดุล ซ่ึงก๊าซเหล่านี้สามารถ ดูดกลืนรังสีคล่ืนยาวและคายพลังงานความร้อนได้ดี ทาให้บนพื้นผิวโลกและชั้นบรรยากาศมีอุณหภูมิสูงข้ึน ส่งผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศและส่ิงมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนพ้ืนผิวโลกเป็นอย่างมาก ก๊าซบางชนิดที่มากเกิน สมดลุ ส่วนใหญเ่ กิดจากฝมี ือมนษุ ย์ อาทิ ก๊าซคารบ์ อนไดออกไซด์ (CO2) ก๊าซมีเทน (CH4) ก๊าซคลอโรฟลูออโร คาร์บอน (CFC8) และกา๊ ซไนตรสั (N2O) ซึง่ เราเรยี กก๊าซทที่ าใหเ้ กิดภาวะแบบนีว้ ่า ก๊าซเรอื นกระจก โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 ท่ีเป็นโรงเรียนท่ีจัดการเรียนการสอนสาหรับผู้ด้อยโอกาส ให้มี โอกาสในการศึกษาเล่าเรียนจากหลากหลายชนเผ่า ซ่ึงแต่ละชนเผ่านั้นมีความเป็นอยู่และการเล้ียงดูท่ีแตกต่าง กันทั้งในเร่ืองของกิริยามารยาทและท้ังในเร่ืองของการท้ิงขยะและการรักษาความสะอาดทาให้นักเรียนมี อุปนิสัยและมีความประพฤติต่างกันไปเช่นการทิ้งขยะเร่ียราดทาให้เกิดปัญหาทาให้เขตพ้ืนท่ีภายในโรงเรียนดู ไมส่ ะอาด พระพุทธศาสนาให้ความสาคัญในเรื่องการพัฒนาคนซึ่งเป็นปัจเจกชนแล้ว ยังรวมไปถึงชุมชนและ สังคมอีกด้วย การที่ชุมชนจะได้รับการพัฒนาไปในทิศทางที่เหมาะสม สิ่งที่สาคัญก็คือคนในชุมชนน้ันๆจะต้อง ประกอบดว้ ยคณุ ธรรมและจริยธรรม อาทิ การพึ่งพาตนเองได้ (นาถกรณธรรม 10) การอยู่ร่วมกันด้วยดีในหมู่ คณะ (สาราณียธรรม 6) คุณสมบตั ขิ องผดู้ ี (สปั ปุรสิ ธรรม 7) เปน็ ต้น จากการสังเกตพฤติกรรมของนักเรียน โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 พบว่าตรงบริเวณ สนามหญ้า หน้า อาคารเรยี น ถนนภายในโรงเรยี น เสวียนใส่ใบไม้เพื่อย่อยสลายเป็นปุ๋ย บริเวณโรงอาหาร มีขยะทิ้งเร่ียราดเป็น จานวนมาก ดูแล้วไม่สะอาดตา เกิดเป็นปัญหาเร่ืองความสะอาดภายในโรงเรียน โดยคณะผู้จัดทาได้ศึกษา หลักธรรมที่สามารถนามาปรับใช้ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว คือ สัปปุริสธรรม 7 อันเป็นธรรมของผู้ดี เป็น ธรรมที่ทาใหผ้ ปู้ ฏิบัตพิ บความสขุ ความเจริญ และเป็นคนดี เกิดเปน็ โครงงานเพื่อแก้ไขปัญหา เรื่อง ขยะในใจ วัตถปุ ระสงค์ 1. เพื่อศกึ ษาพฤติกรรมการท้ิงขยะก่อนและหลังการเขา้ ร่วมโครงงานเรอื่ ง ขยะในใจ ของนักเรยี นช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 1/4 จานวน 15 คน

ขอบเขตการศกึ ษาเรยี นรู้ 1. ดา้ นกลุ่มเปา้ หมาย กลุ่มเป้าหมายครั้งน้ี คือ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1/4 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 ท่ีกาลัง ศกึ ษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จานวน 15 คน โดยเลือกแบบเจาะจง เนื่องจากนักเรียนไม่มีความรู้ ในเรอื่ งขยะ และความรับผดิ ชอบในตนเอง 2. ดา้ นระยะเวลาและสถานที่ ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2560 โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 อาเภอแม่แจม่ จังหวดั เชียงใหม่

บทท่ี 2 การดาเนนิ โครงงาน วธิ ีการดาเนนิ โครงงาน การดาเนนิ งานระยะที่ 1 1. ประชุมวางแผนการดาเนินงาน แบง่ หนา้ ที่รบั ผิดชอบ 2. ขอคาปรึกษาจากครแู ละพระสงฆ์ 3. รวบรวมข้อมลู เกยี่ วกับเร่อื งดังต่อไปน้ี  ขยะและการคดั แยก  ประโยชน์และโทษของขยะ  แนวคดิ และหลักธรรมท่ีเก่ยี วกับพฤติกรรมของมนษุ ย์ในเรื่องการท้ิงขยะ 4. ประชาสัมพันธ์กิจกรรมและเตรยี มความพร้อม การดาเนินงานระยะที่ 2 1. ดาเนินกจิ กรรม ดังตอ่ ไปน้ี  สารวจพฤตกิ รรมของนกั เรียนกลุ่มตวั อย่าง จานวน 15 คน ก่อนเขา้ รว่ มกิจกรรม  อบรมเชิงปฏบิ ัติการโดยใชห้ ลักธรรมทางพระพุทธศาสนา หมวด สัปปุรสิ ธรรม 7 อันได้แก่  ธัมมญั ญตุ า หมายถงึ รูจ้ กั เหตุ  อัตถญั ญตุ า หมายถึง รจู้ กั ผล  อัตตญั ญตุ า หมายถึง ประมาณตน  มัตตัญญุตา หมายถึง ความพอดี  กาลัญญตุ า หมายถงึ รจู้ ักเวลา  ปริสญั ญุตา หมายถึง ร้จู ักชมุ ชน  ปุคคลัญญตุ า หมายถงึ รูจ้ ักบุคคล 2. วิเคราะหป์ ระโยชนแ์ ละหาจุดบกพร่องของกจิ กรรม 3. สรุปผลการจดั กิจกรรม “ขยะในใจ” พร้อมจดั ส่ือเสนอผลงาน งบประมาณ จานวน 1,000 บาท แหลง่ ท่ีมาของงบประมาณ ได้รับทุนสนับสนุนจากกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม โรงเรียนราชประชานุ เคราะห์ 31 อาเภอแมแ่ จม่ จังหวัดเชียงใหม่

อปุ สรรค ความผิดพลาด และการแกป้ ญั หา อุปสรรคและความผิดพลาด : ในระหว่างการดาเนินงานมีอุปสรรค คือ ระยะเวลาในการจัดกิจกรรมท่ี กาหนดไว้ไมเ่ พยี งพอ และระหว่างการจัดโครงงานยังมีความสับสนและขาดความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในเร่ือง คณุ ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา หมวดสปั ปุริสธรรม 7 การแก้ไขปญั หา : กระชับระยะเวลาในการจดั กจิ กรรมให้มากข้นึ อีกนิด และยกตัวอย่างพร้อมลงมือปฏิบัติ ด้วยตนเองให้มากข้ึนไปพร้อมๆกับการอธิบายความรู้เรื่องหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา หมวดสัปปุริสธรรม 7 ท่ี ได้ศึกษาเพิ่มเติมให้แกผ่ ้เู ขา้ ร่วมกิจกรรม

บทที่ 3 ผลการดาเนนิ งาน จากการสารวจโดยการจัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง ขยะในใจ พบว่า พฤติกรรมของนักเรียน ในระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 1/4 จานวน 15 คน มีผลปรากฏ ดังน้ี 1. จากการตอบแบบสอบถาม เร่ือง ขยะ ของนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง ก่อนเข้าร่วมกิจกรรม โดยการ คานวณเปน็ ค่าเฉล่ียคาตอบทตี่ อบมากทส่ี ุด ท่ี พฤตกิ รรม บ่อย บาง ไม่ ผล คร้ัง คร้งั เคย ปรากฏ 1 นักเรียนทง้ิ ขยะไม่ลงถัง 0 14 1 บางครง้ั 2 นกั เรียนทิ้งขยะไมถ่ ูกประเภท 0 12 3 บางครง้ั 3 นักเรียนนาขยะมาแปรรปู 36 6 บางครง้ั 4 นักเรยี นหลกี เล่ียงการซ้อื สนิ ค้าทใี่ ชก้ ารหอ่ หุ้มดว้ ยพลาสติก 3 10 2 บางครั้ง 5 นกั เรยี นกาจดั ขยะโดยวิธีการเผา 39 3 บางครง้ั 6 นักเรยี นทิง้ ขยะตามสถานท่ตี ่างๆ 39 3 บางครั้ง 7 นกั เรยี นกาจัดขยะมูลฝอยโดยการฝังกลบในดิน 08 7 บางครั้ง 8 นกั เรียนสามารถใชป้ ระโยชนจ์ ากขยะ 2 12 1 บางครั้ง 9 นักเรียนไมเ่ คยนาขยะมาเพม่ิ มูลค่า 18 6 บางครั้ง 10 นักเรียนมกั จะใชถ้ งุ พลาสตกิ เปน็ ส่วนใหญ่ในการบรรจผุ ลติ ภัณฑ์ 2 13 0 บางคร้ัง 11 นกั เรยี นใชถ้ งุ พลาสตกิ หลายคร้งั เพราะสะดวกต่อการใชง้ าน 87 0 บ่อยครง้ั 12 นกั เรียนเกบ็ ขยะจากแม่น้าลาคลองจานวนหลายครั้ง 0 12 3 บางครั้ง 13 นักเรียนรณรงคเ์ กย่ี วกบั เรื่องขยะ 1 13 1 บางครั้ง 14 นกั เรยี นใช้กระดาษไมค่ ุ้มคา่ เป็นจานวนมากในแตล่ ะครั้ง 29 4 บางครั้ง 15 นักเรียนใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสตกิ 0 10 5 บางครั้ง คาอธิบายตาราง บอ่ ยคร้งั หมายถึง การกระทาอยา่ งสม่าเสมอ หรอื มากกวา่ 5 ครัง้ ต่อ เดอื น บางครงั้ หมายถงึ การกระทาเปน็ ครง้ั คราว หรือประมาณ 1-4 คร้ัง ตอ่ เดือน ไมเ่ คย หมายถึง ไมเ่ คยกระทาการใดใดแม้แต่คร้ังเดยี ว ภาพการตอบ แบบสอบถามก่อน เขา้ ร่วมกจิ กรรม

กราฟแสดงผลการตอบแบบสอบถามกอ่ นเข้ารับความรู้ เร่ือง ขยะ ประกอบโครงงานคุณธรรม 15 14 12 13 12 13 12 10 10 10 1 3 66 32 9 9 87 2 1 8 2 87 3 1 1 9 5 5 3 33 33 0 6 0 4 1 2 0 0 0 0 0 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 บ่อยครัง้ บางคร้ัง ไม่เคย 2. จากการตอบแบบสอบถาม เร่ือง ขยะ ของนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง หลังการเข้าร่วมกิจกรรม โดยกา ร คานวณเป็นคา่ เฉลยี่ คาตอบทตี่ อบมากที่สุด ที่ พฤติกรรม ปฏบิ ตั ิ ปฏิบตั ิ ไม่ ผล อย่เู สมอ บางคร้ัง ปฏิบตั ิ ปรากฏ 1 นักเรยี นทิ้งขยะไม่ลงถัง แล้ว 2 นกั เรียนทง้ิ ขยะไมถ่ ูกประเภท 3 นักเรยี นนาขยะมาแปรรูป 0 12 3 ปฏิบตั ิ บางครั้ง 0 9 6 ปฏบิ ตั ิ บางครั้ง 3 12 0 ปฏบิ ัติ บางครง้ั 4 นักเรียนหลีกเลี่ยงการซื้อสินค้าที่ใช้การห่อหุ้มด้วย 5 9 1 ปฏิบตั ิ พลาสติก บางครั้ง 5 นกั เรยี นกาจัดขยะโดยวธิ กี ารเผา 0 11 4 ปฏิบัติ 6 นักเรียนทง้ิ ขยะตามสถานที่ต่างๆ บางครงั้ 7 นกั เรียนกาจัดขยะมูลฝอยโดยการฝังกลบในดนิ 8 นกั เรยี นสามารถใช้ประโยชนจ์ ากขยะ 0 11 4 ปฏิบตั ิ 9 นักเรียนไมเ่ คยนาขยะมาเพม่ิ มลู ค่า บางครั้ง 4 11 0 ปฏบิ ัติ บางครั้ง 10 5 0 ปฏบิ ตั ิ อยู่เสมอ 0 10 5 ปฏิบตั ิ บางครง้ั

ท่ี พฤติกรรม ปฏบิ ัติ ปฏบิ ตั ิ ไม่ ผล อยู่เสมอ บางครัง้ ปฏบิ ัติ ปรากฏ แล้ว ปฏบิ ัติ 10 นักเรียนมักจะใช้ถุงพลาสติกเป็นส่วนใหญ่ในการบรรจุ 1 10 4 บางครง้ั ผลติ ภัณฑ์ ปฏบิ ัติ บางครง้ั 11 นกั เรยี นใชถ้ งุ พลาสตกิ หลายครง้ั เพราะสะดวกต่อการใช้ 4 8 3 ปฏิบตั ิ งาน บางครง้ั ปฏบิ ตั ิ 12 นักเรียนเกบ็ ขยะจากแมน่ ้าลาคลองจานวนหลายครงั้ 1 13 1 บางครง้ั 13 นกั เรียนรณรงคเ์ กยี่ วกับเรื่องขยะ 5 10 0 ไม่ ปฏิบัติ 14 นกั เรยี นใช้กระดาษไม่คุ้มคา่ เป็นจานวนมากในแตล่ ะครัง้ 0 7 8 แลว้ ปฏบิ ตั ิ 15 นกั เรียนใชถ้ งุ ผา้ แทนถุงพลาสติก 960 อยเู่ สมอ คาอธบิ ายตาราง ปฏิบัติอยู่เสมอ หมายถงึ ปฏิบตั ิอยา่ งสมา่ เสมอ หรือมากกวา่ 5 ครั้ง ต่อ เดอื น ปฏบิ ตั ิบางครั้ง หมายถงึ ปฏบิ ตั ิเปน็ ครัง้ คราว หรอื ประมาณ 1-4 ครั้ง ตอ่ เดือน ไมป่ ฏบิ ตั ิแล้ว หมายถงึ ไมป่ ฏบิ ัติแลว้ กราฟแสดงผลการตอบแบบสอบถามหลังเขา้ รบั ความรู้ เรื่อง ขยะ ประกอบโครงงานคณุ ธรรม 15 13 13 12 12 11 11 11 ปฏบิ ตั ิ อยูเ่ สมอ 11 99 10 10 10 10 9 ปฏบิ ตั ิ 9 88 นอ้ ยลง 7 76 6 ไม่ปฏิบัติ 5 55 5 แลว้ 5 4 44 44 33 3 3 1 1 11 1 0 0 0 0 0 0 00 00 0 -1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15

ภาพการทากจิ กรรม

บทที่ 4 การศกึ ษาและวิเคราะห์ข้อมลู ปญั หาและสาเหตุ จากการสงั เกตสภาพแวดล้อมภายในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 ในปัจจุบันเม่ือเปรียบเทียบกับ สภาพแวดล้อมช่วงเปิดภาคเรียน มีความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจน คือ ความสะอาดภายในบริเวณโรงเรียนท่ีมี นอ้ ยลงในแตล่ ะวัน จนทาใหเ้ กดิ ความสงสัย และการสงั เกตพฤติกรรมของบคุ คลในโรงเรียน ไดข้ ้อสรปุ ดงั นี้ 1. ในแต่ละวันมีการปฏิบัติหน้าท่ีในการรักษาความสะอาด 2 ช่วงเวลา คือ 06.00 น. – 06.30 น. และ 18.00 น. – 18.30 น. โดยชว่ งเวลาท่ีปฏบิ ัตหิ น้าทโี่ รงเรียนมคี วามสะอาดเรยี บร้อยดี 2. ในเวลาพักรับประทานอาหารกลางวัน มีการปฏิบัติหน้าที่รักษาความสะอาด คือ 12.00 น. – 13.00 น. โดยช่วงเวลาทีป่ ฏบิ ตั ิหน้าท่ีโรงเรียนมีความสะอาดเรียบร้อยเป็นส่วนใหญ่ มีส่วนน้อยท่ี ไม่รว่ มปฏิบตั หิ นา้ ท่ี 3. ในเวลาหลังรับประทานอาหารเย็น 17.45 น. เป็นต้นไป โรงเรียนมีขยะท่ีถูกท้ิงเกลื่อนกลาด โดย ส่วนใหญ่คือถุงขนมและขวดน้าหวาน และแม้จะมีการทาความสะอาดในช่วงเย็นก็ไม่สามารถ จดั เกบ็ ไดท้ ัง้ หมด ถุงขนมและขวดน้าหวานท่ีได้พบจากการสังเกตมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการท้ิงขยะของนักเรียน โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 การจะแก้ไขปัญหาเหล่าน้ีจึงต้องเร่ิมแก้ไขจากจุดเริ่มต้นของพฤติกรรม นั่น คือความรูค้ วามเขา้ ใจในเรอื่ งขยะของนักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 เป้าหมายและวิธีแกไ้ ข ทาอย่างไรให้นักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 มีจิตสานึกและรู้คุณค่าของขยะ ทางคณะ ผู้จัดทาได้ศึกษาวิธีการพัฒนาพฤติกรรมการทิ้งขยะผ่านการเรียนรู้ท่ีประยุกต์ใช้หลักธรรมสัปปุริสธรรม 7 ใน การออกแบบและจัดทากิจกรรมประกอบโครงงาน ขยะในใจ หลกั การและหลักธรรมทน่ี ามาใช้ สปั ปรุ ิสธรรม 7 หมายถึง ธรรมของสัตบุรุษ ธรรมที่ทาให้เป็นสัตบุรุษ คุณสมบัติของคนดี ธรรมของผู้ดี ได้แก่ ธรรมที่ ทาให้ผู้ปฏิบัติพบความสุข ความเจริญ และเป็นคนดี ธรรมหมวดนี้ถือเป็นคุณสมบัติของบุคคลที่จะประสบ ความสาเร็จในเป้าหมายท่ีตนเองได้ตั้งไว้ เพราะคนที่จะประสบความสาเร็จได้น้ันนอกเหนือจากจะมีความรู้ ความสามารถแล้ว คุณสมบัติส่วนตัวก็ถือว่ามีความสาคัญเช่นกัน พระพุทธศาสนาสอนถึงองค์ประกอบไว้ 7 ประการ คือ

1. ธมั มัญญุตา หมายถึง ความรจู้ กั ธรรม รู้จักหลัก หรอื รู้จักเหตุ ไดแ้ ก่ การเป็นคนรู้จักเหตุและผล นั่น คือผู้ท่มี เี หตุผลในการทางาน การคดิ หรอื แมแ้ ตก่ ารปฏิสัมพันธ์ และการตัดสินผู้อื่น โดยไม่เอาอารมณ์ความไม่ ชอบใจมาเป็นตวั ตดั สนิ ดังน้ัน ผู้ทีท่ าอะไรดว้ ยเหตุผลมโี อกาสท่ีจะผดิ พลาดน้อยกว่าผู้ท่ที าอะไรดว้ ยอารมณ์ 2. อัตถัญญุตา หมายถึง ความรู้จักอรรถ รู้ความมุ่งหมาย หรือรู้จักผล ได้แก่ ผู้ที่มีเป้าหมายในการ ดาเนินชีวิตและการทางาน รู้ว่าอะไรควรทา อะไรไม่ควรทา อะไรควรทาก่อน-หลัง และทาอย่างไรให้บรรลุ เป้าหมายที่ตั้งไว้ ดังน้ัน ผู้ที่รู้จักพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบเสียก่อนจะลงมือปฏิบัติ ย่อมเข้าใจถึงผล ท้ังหลายที่มีมาแต่เหตุ การกระทาท่ีรู้จักความหมาย และความมุ่งหมายของหลักการในการปฏิบัติงาน รู้จัก และเข้าใจวัตถุประสงค์ของเป้าหมายในกิจการนั้น ย่อมสามารถวิเคราะห์ผลท่ีจะได้รับการดาเนินงานต่างๆ อย่างถูกต้อง 3. อัตตัญญุตา หมายถึง ความรู้จักประมาณตนในเร่ืองต่างๆ ท้ังฐานะทางการเงิน และความเป็นอยู่ ฐานะหรือตาแหน่งในหน้าท่ีการงาน รวมไปถึงรู้จักสภาพความคิด และจิตใจของตน เมื่อรู้ว่าตนมีกาลัง มี ความคิดอย่างไร มีอุปนิสัยอย่างไร เมื่อน้ัน ย่อมท่ีจะสามารถวางตัวหรือปฏิบัติตัวได้อย่างถูกต้อง และ เหมาะสมในสังคม เช่น ขณะน้ีอยู่ในวัยเรียน เราเป็นนักเรียน รู้ว่าหน้าที่ของนักเรียนคืออะไร เป้าหมายของ การเรียนรู้ของเราคืออะไร คนท่ีรู้จักตนเองจะสามารถประเมินตนเองได้ โอกาสในการประสบความสาเร็จใน หน้าท่ีการงานมีสูง ดังนั้น ผู้ท่ีรู้จักตนเองจะสามารถวิเคราะห์ตนเองได้อย่างถูกต้องตรงกับความเป็นจริงแล้ว ประพฤติปฏบิ ตั ใิ หเ้ หมาะสม ร้จู ักแกไ้ ขปรับปรุงให้สอดคลอ้ งกับวัตถปุ ระสงคอ์ ันจะเกดิ ผลดีต่องานในหนา้ ที่ 4. มัตตัญญุตา หมายถึง ความรู้จักประมาณ คือ ความพอดี ได้แก่ การรู้จักประมาณตนเอง รู้จัก ประมาณ คือ ความพอดีใน 3 เร่ือง ดงั นี้ 4.1 พอดีในการทา รู้ว่าตนเองมีความสามารถและวุฒิภาวะของตนเองสามารถกระทาได้แค่ไหน ทา อะไรได้และทาอะไรไม่ได้ เพอ่ื ไมใ่ ห้เกินกาลังของตนเองจนทาให้เกิดความท้อแท้และอาจเลิกทา 4.2 พอดีในการพูด รู้ว่าตนเองอยู่ในฐานะอะไร สภาวะของเรามีแค่ไหน คนที่เราจะพูดด้วยเป็นใคร ฐานะวุฒิภาวะอย่างไร การรู้ประมาณตนเองจะทาให้รู้ว่าจะต้องใช้น้าเสียงและคาพูดอย่างไรให้ถูกต้อง เหมาะสมและพอดี หากว่าไม่เหมาะสมเกินพอดีจะทาให้ถูกตาหนิได้ว่าเป็นผู้ไม่มีมารยาท ก้าวร้าว หรือไม่มี สมั มาคารวะ 4.3 พอดีในการคิด คือ คิดถึงหน้าท่ีการงานของตนเองว่า ต้องทาอะไร ทาอย่างไร อะไรที่เสร็จแล้ว และอะไรทย่ี ังไมไ่ ดท้ า 5. กาลัญญุตา หมายถึง ความรู้จักกาล คือ รู้เวลาอันเหมาะสม และระยะเวลาที่ใช้ประกอบกิจการ งาน ได้แก่ การรู้จักเวลา รู้จักกาลเทศะ ความเหมาะสมในการกระทาและคาพูด หรือรู้เวลาในการปกครอง หนา้ ทกี่ ารงาน เชน่ ให้ตรงเวลา ใหเ้ ปน็ เวลา ใหท้ นั เวลา ใหเ้ หมาะสมกับหน้าทที่ ี่ต้องทาที่เก่ยี วขอ้ งกับเวลา รู้ว่า เวลาใดทา และเวลาใดควรหยุด รู้ว่าเวลานี้ควรทาอะไร ไม่ควรทาอะไร พร้อมกับรู้จักประมาณเวลาท่ีใช้ขณะ ทางานให้มีอย่างเหมาะสม ผู้ท่ีรู้จักกาลเวลานี้ ย่อมเป็นคนตรงเวลา และเป็นคนที่รู้คุณค่าของเวลา สามารถ บริหารกจิ การงานให้รุ่งเรืองต่อไปได้ด้วยดี ดังนั้น ผู้ที่เป็นคนรู้คุณค่าของเวลา รู้จักลาดับเวลาความสาคัญของ

งานท่ีสัมพันธ์กับเวลา ว่าควรทาหรือควรจะพักผ่อน ว่าควรทาอันใดก่อนหลัง เม่ือถึงเวลาทางานควรทางาน ทางานอยา่ งเต็มกาลังความสามารถ 6. ปริสัญญุตา หมายถึง ความรู้จักบริษัท คือ รู้จักชุมชน และรู้จักท่ีประชุม รู้กริยาที่ต้องปฏิบัติต่อท่ี ประชุมน้ัน รวมถึงรู้จักว่าชุมชนเหล่าน้ันมีความต้องการอะไร มีความเห็นหรือข้อตกลงอย่างไร เม่ือทราบ เช่นนนั้ แลว้ ยอ่ มทาใหส้ ามารถอย่รู ่วมกับชมุ ชนได้อยา่ งมีความสขุ และเกิดความร่วมมือจากชุมชนอย่างแท้จริง ดังน้ัน ผู้ที่รู้จักปรับตัวให้เข้ากับชุมชน และเข้าใจในสภาพของชุมชนในด้านระเบียบวินัย ขนบธรรมเนียม ประเพณโี ดยการปรับปรงุ ตนเองใหเ้ หมาะสมกับชนุ ชนนน้ั ๆ 7. ปุคคลัญญุตา หมายถึง ความรู้จักบุคคล คือ รู้จักความแตกต่างระหว่างบุคคลในด้านต่างๆ ได้แก่ การร้สู ภาพหรือธรรมชาติของบคุ คล การเป็นผรู้ จู้ ักเลือกคบคน ใครควรคบหรือไม่ควรคบ และรู้จักว่าคนแต่ละ คนมีอุปนิสัยใจคอที่แตกต่างกัน มีคุณธรรมต่างกัน มีความประพฤติต่างกัน มีหน้าท่ีการงานต่างกัน ดังน้ัน จึง ควรรจู้ ักเลือกคบหาคนที่ควรคบ ทาให้ได้คนดี คนทางานเก่ง และเหมาะสมกับงาน ดังนั้น ผู้ที่รู้จักบุคคล และ เข้าใจความแตกต่างระหว่างบุคคล โดยรู้จักเลือกบุคคลให้เหมาะสมกับงานเพ่ือให้เกิดประโยชน์ในการ ปฏบิ ัตงิ านในสถานศึกษา ประเมนิ ผลการดาเนินงาน จากการดาเนินกิจกรรม ขยะในใจ นักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 จานวน 15 คน มี พฤติกรรมและทัศนคติเก่ียวกับขยะดีขึ้น มีความรู้ความเข้าใจเพิ่มมากขึ้น คัดแยกขยะเป็น และสร้างมูลค่า ให้แกข่ ยะได้ อาทิ การนาขวดนา้ หวานมาตดั แต่งเป็นกังหันลม รองเท้ายางท่ีขาดแล้วมาประดิษฐ์เป็นล้อรถเด็ก เลน่ การประดิษฐท์ ี่ใสด่ ินสอและปากกาจากขวดพลาสติก การนาถุงขยะมาประดิษฐ์เป็นของตกแต่งบอร์ด การประเมนิ ตนเอง ในระหว่างการดาเนินโครงงานได้พบเจออุปสรรคที่หลากหลาย แต่โครงงานยังคงดาเนินต่อไปได้ด้วย ความตั้งใจและสามัคคีกันภายในสมาชิกกลุ่ม และส่ิงสาคัญสาหรับคณะผู้จัดทา คือ หลังจากให้ความรู้ คาแนะนาเก่ยี วกบั ขยะและรว่ มทากจิ กรรมกับเพ่อื นๆ นกั เรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 1/4 คณะผู้จัดทารู้สึกภูมิใจท่ี ได้มีส่วนร่วมในการรณรงค์เร่ือง ลดจานวนขยะและเพ่ิมมูลค่าของขยะ ความประทับใจต่อสิ่งท่ีได้เรียนรู้ ระหว่างการดาเนินการของโครงงาน คือ การจัดกิจกรรมและการให้ความรู้กับเพื่อนๆได้รับความร่วมมือเป็น อยา่ งดี ภมู ใิ จที่เพอื่ นๆสามารถนาความรู้จากโครงงานของเราไปเผยแพร่ต่อให้กับบุคคลอื่น และได้ทาให้บุคคล เหล่าน้นั มีความเข้าใจในเร่อื งขยะมากขึน้ มาและนาไปปฏิบัติตาม ผลท่ไี ด้คอื ขยะที่เกล่ือนกลาดในพื้นที่โรงเรียน ราชประชานุเคราะห์ 31 เร่ิมลดลง ซงึ่ สามารถแสดงให้เห็นวา่ โครงงานน้สี ามารถช่วยแกไ้ ขปญั หาได้

การประเมินและวจิ ารณ์โดยผู้อ่นื ขอ้ เสนอแนะของ……………………………………………………………………………………….. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................... ............................................... .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ................................................. (…………………………….) …………………………………………. ข้อเสนอแนะของ……………………………………………………………………………………….. ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ................................................. (…………………………….) …………………………………………. ข้อเสนอแนะของ……………………………………………………………………………………….. ............................................................................................................................. ................................................. ......................................................................................................................................... ..................................... ............................................................................................. ................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ................................................. (…………………………….) ………………………………………….

บทท่ี 5 บทสรุปและขอ้ เสนอแนะ สรุปผลการดาเนนิ โครงงาน จากการดาเนนิ งานโครงงาน ขยะในใจ กบั กล่มุ ตวั อย่าง คือ นักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1/4 จานวน 15 คน ผลของการจัดกิจกรรมเม่ือเปรียบเทียบพฤติกรรมของกลุ่ม ตัวอย่างก่อนและหลังเข้าร่วมกิจกรรม กลุ่มตัวอย่างมีผลการประพฤติปฏิบัติในเรื่องขยะดีข้ึน อาทิ การแยก ประเภทขยะก่อนทิ้งทกุ คร้งั มีจานวนเพ่ิมสูงขึ้น การใช้ถุงพลาสติกมีปริมาณลดลง การใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก มีเพ่ิมมากข้ึน การนาขยะมาแปรรูปเพิ่มมูลค่าให้กับขยะมีการใช้ความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น รู้จักหลีกเล่ียงการ ใช้ถุงพลาสติกหรือเคมีภัณฑ์ เป็นต้น ถือได้ว่าโครงงาน ขยะในใจ ประสบผลสาเร็จตามวัตถุประสงค์ของ โครงงานทไี่ ด้ต้งั ไว้ แผนการดาเนนิ งานในอนาคตและข้อเสนอแนะ ในอนาคตอันใกล้จะเรม่ิ มีการขยายกลมุ่ เป้าหมายในการให้ความรู้และจัดกิจกรรมแก่เพื่อนๆ พ่ีๆ และ น้องๆ ทุกคนให้มากยิ่งข้ึน เพ่ือปรับพฤติกรรมการทิ้งขยะของนักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 ให้ เหมาะสมและถูกสุขลักษณะ โดยจะขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มอ่ืนในห้องเรียนถัดไป โดยจะใช้วิธีในการ ปฏิบัติสมาธกิ ่อนเรมิ่ กจิ กรรมเพอ่ื เติม เพือ่ ใหผ้ เู้ ขา้ ร่วมกิจกรรมได้ทาสมาธิก่อนเร่ิมกิจกรรมจะช่วยให้มีสมาธิใน การทากิจกรรมและรบั ความรูไ้ ด้อยา่ งเตม็ ท่ี

ขยะรีไซเคลิ ขยะรไี ซเคิล หมายถึง ขยะ ของเสีย หรอื วัสดุเหลือใช้ ซึง่ สามารถนากลบั มาใช้ประโยชนใ์ หมไ่ ด้ โดยนา มาแปรรปู เปน็ วตั ถุดิบในกระบวนการผลิต เช่น แก้ว กระดาษ กระปอ๋ งเครื่องดื่ม เศษพลาสตกิ เศษโลหะ เป็น ตน้ ขยะรีไซเคลิ มปี รมิ าณ 42% ของขยะทัง้ หมดทุกประเภท ขยะพวกนมี้ ีประโยชนห์ ลายซ้าหลายซอ้ นเพระ สามารถนาไปผลิตใช้ใหมไ่ ดไ้ ม่รู้จบ ตวั อย่างขยะรีไซเคลิ และแนวทางการจดั การขยะรไี ซเคลิ ซึ่งขยะพวกนีจ้ ะมกี ารจัดการท่แี ตกตา่ งกัน โดยสามารถแยกเปน็ ประเภทได้ ดงั นี้ 1. ประเภทของพลาสตกิ ขยะประเภทพลาสติกมีจานวนเพิ่มข้นึ อย่างรวดเรว็ เพราะสนิ คา้ และบรรจุ ภัณฑส์ ่วนมากทามาจากพลาสติก เช่น ขวดนม กระป๋องยา ขวดนา้ ด่ืม ซึง่ คุณสมบตั ทิ เี่ หมาะสมของพลาสตกิ ซงึ่ มนี ้าหนกั เบา สีสนั สวยงามไมเ่ ปน็ สนมิ ทนทานและมหี ลายประเภททาใหพ้ ลาสติกเป็นที่นิยมมากในปจั จบุ นั ซง่ึ ขยะพวกน้เี มื่อนามาเผาก็จะทาให้เกิดมลพิษสิ่งแวดลอ้ ม หรือหากนาไปฝังกลบ ก็จะทาใหส้ นิ้ เปลอื งเนอ้ื ทใี่ น การฝงั กลบ วิธีการทด่ี ีและเหมาะสมสาหรับการกาจัดขยะพลาสตกิ ก็คอื การนากลับมารีไซเคิล

พลาสติกสามารถนากลบั มารีไซเคลิ ได้เกือบทกุ ประเภท สว่ นพลาสตกิ ท่ีไม่สามารถกลบั มารีไซเคิลได้ ได้แก่ พลาสติกชนิดยเู รีย เมลามนี และอีพอกซ่ี ถงึ แม้ว่าพลาสติกสามารถนากลบั มารไี ซเคลิ ไดแ้ ต่ในประเทศยงั ไมไ่ ดม้ กี ารนาเอาพลาสตกิ กลบั มา รไี ซเคลิ ทุกประเภทเพราะปญั หาในเร่อื งการคุ้มทุนในการลงทุน เนอ่ื งจากพลาสตกิ มีน้าหนกั เบาและเก็บ รวบรวมไดอ้ ยาก เช่น ถงุ พลาสตกิ และ โฟม สามารถนากลับมารีไซเคิลได้แต่ต้นทนุ สูงเนอ่ื งมาจากมปี ริมาณ มากเปลืองพ้นื ทใี่ นการขนสง่ ทาใหต้ ้นทนุ สูง พลาสตกิ ท่สี ามารถนากลบั มารีไซเคิลได้ มีดังน้ี - โพลีโพรพิลนี นยิ มนามาใช้เป็นถว้ ยนมเปร้ียว กระปอ๋ งมนั ฝรัง่ ทอด และกล่องเนยเทียม - โพลีสไตรนี นิยมนามาเป็นพาชนะแทนโฟม ถาดสลดั กลอ่ งบรรจวุ ีดโี อ และซีดี - โพลเี อททิลนี พลาสติกชนิดนน้ี ามาทาขวดเคร่อื งดมื่ หรอื ขวดน้ามนั พืช - โพลไิ วนิลคลอไรด์ ใชเ้ ปน็ ภาชนะบรรจอุ าหาร หรือขวดน้ามนั พืชบางชนิด - พลาสติกอื่นๆ เชน่ พลาสตกิ ผสม นิยมนามาทาบรรจภุ ัณฑท์ ีม่ สี ีดา เชน่ กะละมัง การคัดแยกพลาสตกิ เพอ่ื นามารไี ซเคิล ควรมีการจดั การ ดังน้ี - ลา้ งส่ิงปนเป้ือนออก ดึงฉลากและสิง่ ตา่ งๆ ทีต่ ิกกบั พลาสติกออกให้หมด - ทาใหแ้ บนเพอ่ื ประหยดั เน้อื ที่ - คัดแยกพลาสติกตามประเภท สามารถแยกประเภทของพลาสตกิ ไดจ้ ากเครอ่ื งหมายบนบรรจุภัณฑ์ ในกรณที ผี่ ้ผู ลติ ทาเครอ่ื งหมายรีไซเคลิ พรอ้ มทั้งตัวเลขระบุประเภทของพลาสตกิ ไว้ หรอื ทดสอบโดย การช้าหรอื เผาไฟ 2. ประเภทกระดาษ ขยะจากบ้านเรือนและสานักงานจะมกี ระดาษเปน็ องค์ประกอบทสี่ าคัญเนือ่ งจาก ในชวี ติ ประจาวนั ของเรา จะต้องเกี่ยวพันกบั การใช้กระดาษ ไมว่ า่ จะเปน็ หนงั สือพิมพ์ กระดาษคอมพวิ เตอร์ ถงุ กระดาษ ลังกระดาษ เปน็ ต้น กระดาษเหลา่ น้ีสว่ นใหญ่สามารถนากลบั มารไี ซเคลิ ได้ ยกเว้นกระดาษบาง ประเภท เชน่ กระดาษฟอยล์หอ่ ของขวัญ กระดาษเคลือบพลาสตกิ เนือ่ งจากกระดาษประเภทนี้ มเี ซลลโู ลส นอ้ ยมากไมเ่ หมาะแกก่ ารนามารีไซเคิลอกี ในประเทศไทยสามารถนากล่องนมกลับมารไี ซเคลิ ไดแ้ ล้ว โดย กรุงเทพมหานครไดม้ ีการสรา้ งโรงงานรีไซเคิลกล่องนมโดยเปิดดาเนนิ การเดอื นธนั วาคม 2543

การจัดการกระดาษ เพื่อนามารไี ซเคลิ ก่อนท่จี ะนากระดาษมารไี ซเคลิ ควรมีการแยกประเภทของ กระดาษก่อน ดงั น้ี - ประเภทกล่องนมยูเอชที - ประเภทกระดาษถุงปูน - ประเภทกระดาษยอ่ ยสลาย - ประเภทกระดาษสี กระดาษกล่องรองเทา้ - ประเภทกระดาษหนงั สอื พมิ พ์ - ประเภทกระดาษแข็งกลอ่ งนา้ ตาล - ประเภทกระดาษขาวดา - ประเภทกระดาษสมุด - ประเภทกระดาษปอนด์ขาว การรไี ซเคลิ กระดาษ กระดาษทีร่ บั ซ้ือมาจากบา้ นเรือนหรือแหลง่ ต่างๆ จะถกู สง่ ไปยังโรงงานกระดาษ เพอ่ื ใช้เปน็ วตั ถดุ บิ ผสมในการผลิตกระดาษประเภทต่างๆ กระดาษมีหลายชนิดและหลายคณุ ภาพ โดยกระดาษ ขาวสาหรบั เขียนหรือกระดาษคอมพิวเตอร์ จะเปน็ กระดาษท่ีมคี ุณภาพสูงถูกนามาแปรรูปเป็นกระดาษสมุด และหนงั สอื ส่วนกระดาษหนงั สอื พิมพ์และกระดาษกลอ่ งจะมีคณุ ภาพต่า และถูกนามาแปรรูปเปน็ กระดาษ บรรจเุ ครื่องดืม่ กระดาษห่อของขวญั กลอ่ งกระดาษแขง็ เปน็ ต้น 3. ประเภทแก้ว แก้วเปน็ ผลติ ภณั ฑ์ที่ทามาจากทราย โดยมหี นิ และโซดาไฟเปน็ ส่วนผสม โดยนามา หลอมให้ขึ้นรปู เปน็ ภาชนะตา่ งๆ เช่นแกว้ นา้ ขวดอาหารและเครอ่ื งดม่ื แกว้ เป็นวัสดุทไ่ี ม่สามารถย่อยสลายได้ แต่สามารถหลอมทาใหมไ่ ด้ ขวดแกว้ ทุกประเภทสามารถนามารไี ซเคลิ ได้ แต่ขวดแกว้ ตา่ งประเภทตา่ งสจี ะมี ราคาต่างกัน ดงั นนั้ ขวดแก้วสีขาวจะมรี าคาดที ่สี ดุ รองลงมา คือ สีชา และสีเขยี ว ถ้าเปน็ ลักษณะท่ขี วดไมแ่ ตก จะไดร้ าคาสูงกว่าขวดแตกหรอื เศษแกว้ ดงั นั้นจึงมกี ารคัดแยกออกตามสีและคณุ ภาพของแก้ว ดังนี้ - ขวดแก้วดี คดั แยกตามประเภทของบรรจุภณั ฑท์ ีบ่ รษิ ัทผ้ผู ลิตสนิ ค้ารบั ซื้อคนื เมือ่ นาไปทาความ สะอาด แล้วนามาบรรจุสนิ ค้าใหม่อกี คร้งั เช่น ขวดเบยี ร์ช้าง ขวดแบล็คแคท ขวดไฮเนเกน้ เปน็ ต้น สว่ นขวดแก้วที่ไม่ได้รบั ซอ้ื ตามประเภทของบรรจภุ ัณฑ์จะคัดแยกตามประเภทของสแี กว้ คือ สีขาวใส สชี า และสเี ขียว - ขวดแกว้ แตก ขวดแก้วท่ีแตกหกั ชารุดเสยี หาย จะถกู นามาคัดแยกสี คือ ขวดแก้ว ขวดแกว้ สชี า ขวดแก้วสีเขยี ว เมือ่ แยกสแี ล้วจะถูกส่งไปเข้าโรงงานหลอมแก้ว เมือ่ ทุบใหแ้ ตกละเอยี ดแลว้ ลา้ งด้วย สารเคมี และหลอมละลายเพ่ือเปา่ ใหเ้ ปน็ ขวดใหม่

4. ประเภทโลหะ โลหะหลากหลายชนิดเราสามารถนากลับมารีไซเคิลโดยการนามาหลอมและแปรรปู เป็นผลติ ภัณฑ์อ่ืนๆ สามารถแบ่งโลหะ ออกเปน็ 3 กลมุ่ คือ - โลหะประเภทเหล็ก เหลก็ สามารถนามารไี ซเคลิ ไดแ้ ทบทกุ ชนดิ สามารถแบง่ ได้เป็น 3 ประเภท คอื 4.1เหล็กหล่อ 4.2เหลก็ หนา 4.3เหล็กบาง เศษเหล็กท่ีรวบรวมได้พ่อคา้ รบั ซือ้ ของเก่าจะทาการตัดเหลก็ ตามขนาดตา่ งๆตามทีโ่ รงงานกาหนดเพอื่ สะดวกในการเขา้ เตาหลอมและการขนสง่ - โลหะประเภททองเหลือง ทองแดง และสแตนเลส โดยทองเหลอื งสามารถนากลับมาหลอมใหมโ่ ดย ทาเปน็ พระพทุ ธรูป ระฆัง อุปกรณส์ ขุ ภณั ฑ์ สว่ นทองแดงสามารถนากลับมาหลอมเปน็ สายไฟได้ 5. ประเภทขยะอลมู เิ นยี ม สามารถแบง่ ออกไดเ้ ปน็ 2 ประเภท คือ - อะลูมเิ นยี มหนา เช่น อะไหลเ่ ครอื่ งยนต์ ลูกสูบอะลูมิเนียมอัลลอยด์ - อะลูมิเนียมบาง เชน่ หม้อ กะละมัง ขันน้า กระปอ๋ งเคร่ืองด่มื ขยะอลูมเิ นียมประเภทกระป๋องน้าอดั ลมเป็นขยะท่มี ีปริมาณมากก่อนที่จะนาไปขาย ควรอัดกระปอ๋ ง ให้มีปริมาณเล็กลง เพื่อประหยัดเน้อื ทใ่ี นการขนส่ง สาหรบั การรไี ซเคิลกระปอ๋ งอลูมิเนยี มน้ันพอ่ ค้ารับซอ้ื ของ เกา่ จะทาการอัดกระป๋องให้มขี นาดตามทโ่ี รงงานกาหนด กระปอ๋ งอลมู เิ นียมสามารถนากลับมารไี ซเคิลได้ หลายๆครงั้ ไม่จากดั จานวนคร้งั ของการผลิต เม่ือกระปอ๋ งอลมู ิเนยี มถูกส่งเขา้ โรงงานแล้วจะถูกบดเปน็ ชนิ้ เลก็ ๆ แล้วหลอมให้เป็นแทง่ แข็ง จากนั้นนาไปรดี ให้เป็นแผ่นบาง เพือ่ ส่งตอ่ ไปยงั โรงงานผลิตกระป๋อง เพ่ือผลิต กระป๋องใหม่ ปัจจยั สาคญั ในการรไี ซเคิลวสั ดุประเภทตา่ งๆ ไมว่ า่ จะเปน็ โลหะ พลาสตกิ กระดาษ แกว้ ตอ้ งมกี าร แยกประเภทของขยะรีไซเคิลแต่ละชนดิ ออกจากกันไมใ่ ห้ปนกัน และมีการทาความสะอาดกอ่ นนาไปขาย ถา้ เป็นกระป๋องก็ควรทีจ่ ะอดั เพอื่ ลดปรมิ าตรก่อน แนวทางการจัดการขยะรีไซเคลิ • ธนาคารวัสดุรีไซเคิล • ศูนย์วัสดรุ ีไซเคลิ / ตลาดนัดรีไซเคลิ • ผ้าปา่ รไี ซเคลิ / ขยะแลกไข่ • บริจาค

เรียบเรียงโดย นางสาวศภุ รัตน์ ฐิตริ ัตนอศั ว์ นางสาวสริ ภทั ร เทยี นสนั เทย๊ี ะ นกั ศกึ ษาฝึกงาน มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ท่มี า : http://www.tipmse.or.th/webdatas/publisher/p_18.pdf http://www.environnet.in.th/2014/?p=3514 https://sites.google.com/site/khyarisikheil/khya-khux/kar-cadkar-prapheth-khxng-khya

แบบสอบถำม เรื่อง ขยะ ประกอบโครงงำนคุณธรรม แบบสอบถามน้ีมีวตั ถุประสงค์ 1. เพื่อสรา้ งจิตสานึกให้กับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1 เร่ือง ขยะ 2. เพื่อศึกษาความรู้เกีย่ วกับขยะในด้านคุณประโยชน์และโทษของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 แบบสอบถามนี้แบ่งออกเป็น 2 ตอน ได้แก่ ตอนที่ 1 แบบสอบถามพฤติกรรมของนักเรียนในด้านปริมาณ และตอน ที่ 2 แบบสอบถามพฤติกรรมของนักเรียนตามเหตุการณ์ที่กาหนดให้ คำช้แี จง ตอนที่ 1 แบบสอบถำมพฤติกรรมของนกั เรียนในด้ำนปริมำณ ให้นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ทาเครอ่ื งหมาย √ (ถูกต้อง) ลงในช่องที่นักเรยี น ประพฤติหรอื ปฏิบัติเป็นจรงิ ที่สุด ที่ พฤติกรรม บ่อยคร้ัง บำงครั้ง ไมเ่ คย ตวั อย่ำง นักเรียนเคยนากระดาษ A4 มาฉีก แปรรูปเป็นกระดาษสา √ 1 นักเรยี นเคยทิ้งขยะไม่ลงถัง 2 นักเรยี นเคยทิ้งขยะไม่ถูกปะเภท 3 นักเรียนเคยแปรรปู ขยะรีไซเคิล 4 นักเรยี นหลีกเลี่ยงการซ้อื สินค้าท่ีใช้การห่อหุ้มด้วยพลาสติก 5 นักเรียนเคยกาจัดขยะโดยวิธีการเผา 6 นักเรียนเคยทิ้งขยะลงในสถานท่ีต่างๆ 7 นักเรียนกาจัดขยะมูลฝอยโดยการฝังกลบในดิน 8 นักเรียนเคยใช้ประโยชน์จากขยะ 9 นักเรียนไม่เคยนาขยะมารไี ซเคิล 10 นักเรียนมักจะใช้ถุงพลาสติกเป็นส่วนใหญ่ในการบรรจุผลิตภณั ฑ์ 11 นักเรยี นใช้ถุงพลาสติกหลายครง้ั เพราะสะดวกต่อการใช้งาน 12 นักเรียนเคยเก็บขยะจากแม่นา้ ลาคลองจานวนหลายครงั้ 13 นักเรยี นเคยรงณรงค์เก่ยี วกับเรอื่ งขยะ 14 นักเรยี นใช้กระดาษไม่ค้มุ ค่าเป็นจานวนมากในแต่ละครง้ั 15 นักเรยี นใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก คำชีแ้ จง ตอนที่ 2 แบบสอบถำมพฤติกรรมของนกั เรียนตำมเหตุกำรณ์ท่ีกำหนดให้ ให้นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 1 อธิบายประพฤติหรอื การปฏิบตั ิตนของนักเรยี นในเหตุการณ์ดังต่อไปน้ีท่ีเป็นจริงท่ีสุด หากนักเรียนพบขยะ นักเรยี นจะนาขยะไปท้ิงลงในถังขยะเสมอ ใช่หรือไม่ เพราะเหตุใด 16.................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................. ......................................................................................................................................................................................... หากนักเรียนใช้กระดาษไปแล้ว 1 หน้า นักเรยี นจะนากระดาษแผ่นนั้นไปทาอะไรได้อีกบา้ ง 17.................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................. .........................................................................................................................................................................................

กราฟแสดงผลการตอบแบบสอบถามกอ่ นเข้ารบั ความรู้ เร่อื ง ขยะ ประกอบโครงงานคณุ ธรรม 15 14 12 13 12 13 12 10 10 9 9 87 8 87 3 9 10 5 33 33 6 0 00 1 66 2 45 10 33 3 2 0 11 2 12 0 0 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 ปฏิบัตอิ ยเู่ สมอ ปฏิบัตนิ ้อยลง ไมป่ ฏิบัตแิ ล้ว กราฟแสดงผลการตอบแบบสอบถามหลังเข้ารบั ความรู้ เร่อื ง ขยะ ประกอบโครงงานคุณธรรม 15 13 13 12 12 11 11 11 ปฏบิ ัตอิ ยู่ เสมอ 11 99 10 10 10 10 9 ปฏบิ ตั ิ 9 88 น้อยลง 7 76 6 ไม่ปฏิบัติแลว้ 5 55 5 5 4 44 44 33 3 3 1 1 11 1 0 0 0 0 0 0 00 00 0 -1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15
















Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook