Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ข้อสอบ ติวเข้ม

ข้อสอบ ติวเข้ม

Published by Warapong Senapak, 2019-08-12 23:53:50

Description: ข้อสอบ ติวเข้ม

Search

Read the Text Version

ตะลยุ ขอ้ สอบ ตวิ เข้มเตรียมความพรอ้ มสู่โอลิมปกิ วิชาการ

เอกสารประกอบการสอน กจิ กรรมตวิ เข้มเตรยี มความพร้อมสู่โอลิมปกิ วิชาการ 1H 6C 2He 8O e- e- 10Ne e- e- วชิ าเคมี7N 13Al e- + + + e- e + + + e- ++ e- e- Ve- 23 26Fe 29Cu e- 30Zn 21Sc 24Cr 27Co e อาจารยว์ ราพงษ์ เสนาภกั ด์ิ โครงการ วมว. คศู่ ูนย์ โรงเรียนสาธติ “พิบูลบาเพญ็ ” มหาวทิ ยาลัยบูรพา

อะตอมและตารางธาตุ หวั ข้อสาคญั 2. สเปกตรมั 3. สญั ลักษณ์นวิ เคลยี ร์ 1. โครงสร้างอะตอม 5. ขนาดอะตอม/ไอออน 6. IE, EN, EA 4. การจดั เรยี งอิเล็กตรอน ตวั อยา่ งขอ้ สอบ 1. พจิ ารณาข้อความตอ่ ไปน้ี 1) นกั วทิ ยาศาสตร์ทราบวา่ มโี ปรตอนอยู่ในนวิ เคลียสจากการทดลองของทอมสนั 2) ในระดับพลงั งานชน้ั ที่ 5 สามารถบรรจอุ ิเลก็ ตรอนได้ทัง้ หมด 50 ตัว 3) ธาตใุ ดๆ เมือ่ เป็นกลางทางไฟฟ้าจะมจี านวนโปรตอนเท่ากับอเิ ลก็ ตรอน ขอ้ ความใดกล่าวถกู ต้อง ก. 1) และ 2) ข. 1) และ 3) ค. 2) และ 3) ง. 2) เทา่ นนั้ 2. ข้อใดกลา่ วถึงการเปลี่ยนแปลงพลงั งานเกี่ยวกบั การเกิดสเปกตรัมสตี ่างๆ ไดถ้ กู ต้อง ก. ปล่อยพลงั งานเนอ่ื งจากเกิดการสรา้ งพนั ธะใหม่ ข. ได้รับพลงั งานเพื่อยา้ ยอเิ ลก็ ตรอนไปสรู่ ะดบั พลังงานที่สงู กว่า ค. ไดร้ ับพลงั งานเพื่อทาใหอ้ เิ ลก็ ตรอนตวั แรกหลดุ ออกจากอะตอม ง. ปลอ่ ยพลงั งานเนอื่ งจากอเิ ลก็ ตรอนเคลอ่ื นท่ีจากระดบั พลงั งานสงู ลงสรู่ ะดบั พลงั งานต่า 3. พิจารณาสญั ลกั ษณ์นิวเคลียร์ตอ่ ไปนี้ ขอ้ ใดไมถ่ ูกตอ้ ง A A B B C C D D18 19 19 20 20 21 21 23 9 9 10 10 11 11 12 12 ก. และ18A 19B เปน็ ไอโซโทน แตไ่ ม่เปน็ ไอโซบาร์ 9 10 ข. 19A และ 23D ไมเ่ ปน็ ไอโซโทน และไม่เปน็ ไอโซบาร์ 9 12 ค. 20C และ 21C ไม่เป็นไอโซโทน แต่เป็นไอโซบาร์ 11 11 ง. 20B และ 21C เปน็ ไอโซบาร์ แตไ่ มเ่ ปน็ ไอโซโทน 10 11 4. ขอ้ ใดมจี านวนอเิ ลก็ ตรอนมากกวา่ นิวตรอน ก. 25 X2+ ข. 26 X ค. 75 X3- ง. 33 X2- 12 16 13 33 5. อะตอมหรือไอออนของธาตคุ ู่ใดเป็นไอโซอเิ ล็กทรอนกิ ส์ ก. O2 และ N2 ข. O+ และ Ar ค. S2- และ Ne ง. S2- และ Ar ติวเขม้ เตรียมพรอ้ มสโู่ อลมิ ปิกวชิ าการ (เคมี) โดย อ.วราพงษ์ เสนาภกั ด์ิ | 2

6. ข้อใดกล่าวถงึ จานวนอเิ ล็กตรอนเดย่ี วในออรบ์ ิทลั ของ 24Cr+ ได้ถกู ตอ้ ง ก. มี 1 ตวั ข. มี 4 ตวั ค. มี 6 ตัว ง. ไม่มี 7. อะตอมทส่ี ถานะพื้นในข้อใดมสี มบตั เิ ปน็ พาราแมกเนตกิ ก. 12Mg ข. 18Ar ค. 48Cd ง. 83Bi 8. ธาตุ A, B, C, D และ E มีเลขอะตอม 3, 8, 9, 15 และ 17 ตามลาดับ ธาตหุ รือไอออนคใู่ ดมขี นาด ต่างกนั มากท่ีสุด ก. A+ และ E- ข. A+ และ C- ค. D และ E ง. B2- และ B- 9. ธาตุ A และ B เป็นไอโซบารก์ ัน ธาตุ A เม่อื เปน็ ไอออน A2+ มี 5 อิเล็กตรอน และ B เม่ือเป็นไอออน B2- มี 8 อิเล็กตรอน ขอ้ สรปุ เกย่ี วกบั ธาตุ A และ B ข้อใดถกู ต้อง ก. ธาตุ A ใหญก่ ว่าธาตุ B ข. ธาตุ A อยใู่ นหม่ทู ี่ 3 ค. ธาตุ A และ B อาจจะเปน็ ธาตุชนิดเดยี วกนั ได้ แต่ตอ้ งมเี ลขมวลเทา่ กัน ง. พลงั งานไอออไนเซชนั ลาดบั ท่ี 1 ของธาตุ A มากกวา่ ธาตุ B 10. ถ้า X, Y, Z เปน็ ธาตทุ ี่มเี ลขอะตอม 11, 12, 13 ตามลาดบั กระบวนการใดต่อไปนเ้ี กดิ ยากทส่ี ุด ก. X -----------> X+ + e- ข. X+ -----------> X2+ + e- ค. Y2+ -----------> Y3+ + e- ง. Z3+ -----------> Z4+ + e- 11. กราฟความสัมพนั ธร์ ะหว่างธาตุในคาบทส่ี อง แกน Y นา่ จะแสดงถึงคา่ ใด 1. EN 2. EA 3. IE1 4. IE2 12. ธาตุ 40X มีค่า IE1 < IE2 <<< IE3 < IE4 < IE5 X มจี านวนอเิ ลก็ ตรอนเทา่ กบั จานวนโปรตอน การจดั เรียงอิเล็กตรอนของ X เป็นไปตามข้อใด ก. 2 8 8 2 ข. 2 8 18 2 ค. 2 8 2 ง. 2 8 18 10 2 ตวิ เข้มเตรียมพร้อมสโู่ อลมิ ปกิ วชิ าการ (เคมี) โดย อ.วราพงษ์ เสนาภักด์ิ | 3

13. ธาตุ X มีประจใุ นนวิ เคลยี สเปน็ 2 เทา่ ของแมกนเี ซียมและมจี านวนนิวตรอนเท่ากับจานวนอิเล็กตรอน ของธาตทุ ่ีมกี ารจัดเรียงเปน็ [Ar] 4s2 3d8 ถ้า X เป็นไอโซอิเลก็ ทรอนิกสก์ บั Fe2+ สัญลกั ษณ์นวิ เคลียรข์ อง X คอื .............................................. 14. จงแสดงการจดั เรยี งอเิ ล็กตรอนแบบยอ่ ของคอปเปอร์ในสารประกอบ CuBr……………………………….…… 15. กาหนดคา่ IE1 – IE5 (eV) ของธาตุสมมตุ ิ A, D, M, Q, X และ X ดงั ตาราง ธาตุ IE1 IE2 IE3 IE4 IE5 A 8.2 16.3 33.5 45.1 166 D 4.3 31.8 45.8 61.0 82.7 M 5.1 47.3 71.7 98.9 138.4 Q 11.3 24.4 47.9 64.5 391 X 6.0 18.8 28.4 120 154 Z 8.3 25.2 37.9 259 339 ถ้าธาตุข้างตน้ มเี ลขอะตอม 5, 6, 11, 13, 14 และ 19 จงระบุธาตุตามเลขอะตอมให้ถูกต้อง เลขอะตอม 5 6 11 13 14 19 16. พจิ ารณากราฟค่าพลังงานไอออไนเซชัน (kJ/mol) ของธาตเุ รพรเี ซนเททพี ในคาบที่ 3 ตอ่ ไปน้ี ธาตุ IE1 IE2 IE3 IE4 IE5 IE6 IE7 IE8 A 1063 1890 2905 4950 6270 21200 25431 29875 B 498 4560 6910 9540 13400 16600 20113 25666 C 1000 2260 3375 4565 6950 8490 27107 31719 D 736 1445 7730 10600 13600 18000 21700 25662 E 1519 2665 3945 5770 7320 8780 12000 13842 16.1) ธาตุใดทชี่ อบเกิดประจุ +2 คือ………………………. 16.2) ธาตุใดมคี า่ EN สงู สุดคือ..................................... 16.3) C ในสารประกอบ CO2 มกี ารจดั เรยี งอเิ ลก็ ตรอนอย่างไร……………………….....................… 16.4) จงเปรยี บเทยี บขนาดอะตอมของ A3-, B+, D2+, E ……………………………………………………… 16.5) จงอธิบายวา่ เพราะเหตใุ ดค่า IE1 ของ E > A > C > D > B ตามลาดบั …………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………… ติวเขม้ เตรยี มพรอ้ มสโู่ อลมิ ปกิ วชิ าการ (เคมี) โดย อ.วราพงษ์ เสนาภักด์ิ | 4

พนั ธะเคมี หวั ข้อสำคญั 2. การเขียนสูตรและการเรยี กช่อื 3. สูตรลวิ อสิ 5. รปู ร่าง/สภาพขวั้ โมเลกุล 1. การเกิดพนั ธะ/พลงั งานทเี่ กย่ี วข้อง 4. ความยาว/พลงั งานพนั ธะ 6. แรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งโมเลกุล ตวั อย่ำงขอ้ สอบ 1. ขอ้ ความใดกล่าวถงึ การเกดิ พนั ธะเคมีไม่ถูกต้อง ก. พันธะโคเวเลนตเ์ กิดจากการใช้อเิ ลก็ ตรอนรว่ มกัน ข. อะตอมทมี่ ีค่า EN ใกลเ้ คียงกันมกั จะเกิดเป็นสารประกอบไอออนิก ค. การเกดิ พนั ธะเคมีท่าใหไ้ ดโ้ มเลกลุ ท่ีมีพลังงานต่ากว่าอะตอมเด่ยี ว ง. พนั ธะไอออนกิ เกิดระหว่างไอออนทมี่ ปี ระจตุ า่ งกนั 2. พิจารณาปฏกิ ริ ยิ า พลงั งานในขอ้ ใดไมเ่ กยี่ วขอ้ งกับปฏิกริ ยิ าน้ี ก. พลังงานแลกทิซ ข. พลังงานการระเหิดของ Ca ค. พลังงานไอออไนเซชนั ของธาตอุ อกซิเจน ง. พลงั งานการสลายพันธะของธาตอุ อกซิเจน 3. พิจารณาการอ่านชอื่ สารประกอบตอ่ ไปนี้ 1) N2O5 อ่านว่า ไดไนโตรเจนเพนตะออกไซด์ 2) MgCl2 อ่านว่า แมกนเี ซียมไดคลอไรด์ 3) FeBr3 อ่านวา่ ไอรอน (III) โบรไมด์ 4) Cu(NO3)2 อ่านวา่ คอปเปอร์ไนเตรต ข้อใดถูกตอ้ ง ก. 1) และ 2) ข. 1) และ 3) ค. 3) และ 4) ง. 2) และ 4) 4. โมเลกลุ ในขอ้ ใดทส่ี ามารถเขยี นสูตรแบบจดุ เป็นไปตามกฎออกเตตทุกตัว ก. BeCl2, NH3, CO ข. PCl5, SO2, H2O ค. SF4, CCl4, CO2 ง. CO2, SiF4, O3 ติวเข้มเตรียมพร้อมสโู่ อลมิ ปิกวชิ าการ (เคม)ี โดย อ.วราพงษ์ เสนาภักดิ์ | 5

5. พจิ ารณาพนั ธะเคมที เ่ี กดิ จากการรวมกนั ระหว่างอะตอมคตู่ ่อไปน้ี 1) ฟอสฟอรัสกบั ฟลอู อรนี 2) ไฮโดรเจนกบั กา่ มะถนั 3) คารบ์ อนกบั คลอรีน 4) เบรลิ เลียมกบั คลอรีน ขอ้ ใดท่ีท่าปฏิกิริยากันแล้วได้โมเลกุลของสารทจี่ ่านวนอเิ ล็กตรอนคู่โดดเด่ียวรอบอะตอมกลางมากที่สุด ก. 1) ข. 2) ค. 3) ง. 4) 6. สาร A ประกอบดว้ ยธาตุ 3 ชนิดคอื X, Y และ Z สาร A เป็นสารทเ่ี สถยี รและมีโครงสรา้ งดงั แสดง ธาตุ X, Y และ Z ควรเปน็ ธาตใุ ดตามลา่ ดบั ก. O, S, Cl ข. P, C, F ค. N, C, H ง. N, P, Cl 7. ขอ้ ใดต่อไปน้กี ลา่ วถกู ต้อง ก. NCl3 เป็นโมเลกุลมีข้วั รปู รา่ งโมเลกุลเป็นสามเหล่ยี มแบนราบ ข. PBr3 และ BCl3 มรี ูปร่างโมเลกลุ เหมอื นกันและเปน็ โมเลกลุ มขี ว้ั ค. CS2 เป็นโมเลกลุ ไมม่ ีขัว้ รูปรา่ งโมเลกลุ เปน็ เสน้ ตรง ง. XeF2 เปน็ โมเลกลุ มขี ัว้ รูปรา่ งโมเลกลุ เปน็ เสน้ ตรง 8. สารประกอบในขอ้ ใดเป็นโมเลกลุ มีขัว้ ทง้ั หมด ข. CCl3Br, H2S และ H2O ก. CH4, NH3 และ CCl4 ง. COCl2, H2O และ XeF2 ค. NH3, BF3 และ XeF2 9. สารในขอ้ ใดทม่ี แี รงยึดเหน่ยี วระหว่างโมเลกลุ แบบเดียวกนั ทุกตวั ก. NH3, H2O, H2S, H2CO3 ข. H2NNH2, CH3F, H2S, CH4 ค. CHCl3, CH3COOH, SiH4, HCl ง. CH3NH2, HCOOH, HF, H2O 10. ข้อใดเรียงล่าดบั มมุ พันธะของโมเลกลุ ได้ถูกตอ้ ง ข. H2O < BeCl2 < BF3 ก. CCl4 < H2O < BCl3 ง. SiH4 < H2O < NH3 ค. O3 < AlCl3 < CO2 11. สารชนดิ หนึง่ มีสูตร AH3 มรี ูปร่างโมเลกลุ เป็นสามเหล่ียมแบนราบ ขอ้ ใดน่าจะเป็นสมบัติของสารนี้ ก. โมเลกลุ มีขวั้ ละลายน่า้ จดุ เดอื ดต่า ข. เกิดพันธะไฮโดรเจน จุดเดือดสงู ละลายน้่าได้ ค. โมเลกลุ ไมม่ ขี วั้ แรงยึดเหน่ยี วระหว่างโมเลกลุ เป็นแรงลอนดอน ง. โมเลกลุ ไม่มขี ั้วแต่เกดิ พันธะไฮโดรเจนได้ ตวิ เข้มเตรียมพรอ้ มสโู่ อลมิ ปกิ วิชาการ (เคม)ี โดย อ.วราพงษ์ เสนาภกั ด์ิ | 6

ใช้ตารางค่าพลังงานพนั ธะ (kJ/mol) ตอ่ ไปนี้ตอบค่าถามข้อ 12-13 12. พลังงานที่ตอ้ งใชใ้ นการสลายโมเลกลุ ของเอทานอลใหเ้ ปน็ อะตอมเดี่ยวเท่ากบั เท่าใด ................................................................................................................................................................ 13. พลงั งานของปฏิกิริยาการเผาไหมอ้ ย่างสมบูรณ์ของแกส๊ โพรเพนเท่ากบั เทา่ ใด ................................................................................................................................................................ 14. จงเปรียบเทียบมมุ พันธะระหวา่ งสารต่อไปน้ี H2S, CO2, OF2, SO2 …………………. > …………………. > ……………………. > …………………… 15. พจิ ารณาโมเลกลุ ของสารตอ่ ไปนี้ 15.1) เพราะเหตุใด pentanoic acid จงึ มจี ดุ เดอื ดสงู วา่ methyl butanoate 15.2) เพราะเหตุ Glecerol จึงมจี ุดเดือดสงู วา่ สารอีก 2 ชนิด 16. นาย ก ทา่ น้่ามนั พชื หกใสโ่ ต๊ะจงึ เอาผ้าชบุ น้่าแล้วมาเช็ด พบว่ายงั คงมคี ราบไขมนั ติดที่โตะ๊ จงึ ลองใช้ สบโู่ ดยหยดน่า้ ใสส่ บเู่ ลก็ นอ้ ยแลว้ นา่ ไปฟอกไวบ้ รเิ วณท่ีมคี ราบไขมันจากนั้นจงึ น่าผา้ ชบุ น้่าเช็ดอกี ครงั้ พบวา่ คราบไขมันหายไป นกั เรยี นคิดวา่ สบู่ชว่ ยทา่ ความสะอาดคราบไขมนั ไดอ้ ยา่ งไรอธบิ าย ก่าหนดโครงสร้างของสบ่ดู ังรปู ติวเข้มเตรียมพรอ้ มสโู่ อลมิ ปิกวชิ าการ (เคมี) โดย อ.วราพงษ์ เสนาภกั ดิ์ | 7

17. เมื่อผสมสารละลาย KI กบั Pb(NO3)2 17.1) จงเขียนสมการไอออนกิ ............................................................................................................................. .......................... 17.2) จงเขยี นสมการไอออนิกสุทธิ ....................................................................................................................................................... 18. จับคู่รูปร่างโมเลกลุ กบั สารประกอบตอ่ ไปนใ้ี ห้ถกู ต้อง (เลอื กซ้่าได)้ ……………… 1. CS2 A. เสน้ ตรง (linear) ……………… 2. XeF2 B. มมุ งอ (bent or V-shaped) ……………… 3. NH3 C. สามเหลย่ี มแบนราบ (trigonal planar) ……………… 4. SO42- D. พีระมดิ ฐานสามเหล่ียม (trigonal pyramidal) ……………… 5. IF5 E. รูปตัวที (T-shaped) ……………… 6. SF6 F. ทรงสหี่ น้า (tetrahedral) ……………… 7. CH3Cl G. ทรงสห่ี น้าบดิ เบย้ี ว (see-saw) ……………… 8. I3- H. สีเ่ หลยี่ มแบนราบ (square planar) ……………… 9. NH4+ I. พรี ะมดิ คู่ฐานสามเหลย่ี ม (trigonal bipyramidal) ……………… 10. ICl2- J. พรี ะมดิ ฐานสเี่ หล่ียม (square pyramidal) ……………… 11. COCl2 K. ทรงแปดหนา้ (octahedral) ……………… 12. HCN 19. จงระบุสภาพขว้ั ของโมเลกลุ โดยใส่เครอื่ งหมาย ✓ หนา้ โมเลกลุ ทม่ี ขี ั้ว และ  หนา้ โมเลกลุ ทไี่ มม่ ีข้วั ……………… 1. CS2 ……………… 8. I3- ……………… 15. AsF5 ……………… 2. ……………… 3. XeF2 ……………… 9. IO3- ……………… 16. H2O ……………… 4. ……………… 5. NH3 ……………… 10. NH4+ ……………… 17. COCl2 ……………… 6. ……………… 7. SO42- ……………… 11. SiH4 ……………… 18. XeF4 IF5 ……………… 12. TeCl4 ……………… 19. PH3 SF6 ……………… 13. XeO2 ……………… 20. HCN CH3Cl ……………… 14. ICl2- ตวิ เข้มเตรยี มพร้อมสโู่ อลมิ ปกิ วิชาการ (เคม)ี โดย อ.วราพงษ์ เสนาภักด์ิ | 8

สมบัติของธาตแุ ละสารประกอบ หัวข้อสาคัญ 1. สารประกอบออกไซด์/คลอไรด์ของธาตุคาบที่ 2, 3 2. ปฏกิ ริ ิยาของธาตุ/สารประกอบหมู่ 1A, 2A, 7A 3. ธาตทุ รานซิชนั 5. การหาเลขออกซเิ ดชนั ของโลหะในสารประกอบเชิงซ้อน 6. ธาตกุ ัมมันตรงั สี คา่ ครง่ึ ชีวิต ปฏกิ ิรยิ านวิ เคลยี ร์ ตัวอยา่ งข้อสอบ 1. ออกไซด์ของธาตสุ มมุติ A, B, C, D, E และ F มีสมบัตดิ ังตาราง สาร จดุ หลอมเหลว (oC) จุดเดอื ด (oC) การละลายนา ความเป็นกรด-เบส ละลาย เบส A2O 1730 1200 ไมล่ ะลาย เบส-กรด ละลายเลก็ นอ้ ย กรด BO 2530 3900 ละลาย กรด ละลาย กรด C2O3 460 1860 ละลายเลก็ นอ้ ย กรด DO2 -57 -78.5 (ระเหิด) E2O5 30 47 (แยกสลาย) F2O -224 -144.8 ขอ้ ใดถูกตอ้ ง ก. สารประกอบคลอไรดข์ อง A, B และ C จะมีสูตร ACl2, BCl และ CCl3 ตามลาดบั ข. สารประกอบระหว่าง A กบั E มสี ูตร A5E ค. จานวนเวเลนตอ์ เิ ล็กตรอนของ D > E > F ง. ไม่เกดิ สารประกอบโคเวเลนตร์ ะหว่าง A และ B 2. พจิ ารณากระบวนการเผา A (A ------> B + C) A เปน็ แรช่ นิดหนงึ่ B เป็นผงสขี าว มสี ูตร MO เมอื่ ละลายนามีสมบัตเิ ป็นเบส C เปน็ แก๊สไมม่ ีกลิ่น เมอ่ื ละลายนามสี มบัตเิ ป็นกรด จากข้อมลู ขา้ งต้น สาร C และ M น่าจะเป็นสารใด ก. Ca และ SO2 ข. Ba และ CO2 ค. Al และ CO2 ง. Be และ CO2 ติวเข้มเตรียมพร้อมสโู่ อลมิ ปกิ วิชาการ (เคม)ี โดย อ.วราพงษ์ เสนาภักด์ิ | 9

3. สารประกอบคลอไรด์ของธาตุ A มีสตู ร ACl3 เปน็ ของเหลวทไ่ี มล่ ะลายนา สมบตั ิของธาตุ A ขอ้ ใดผิด ก. สารประกอบออกไซด์ของธาตุ A มสี ตู ร A2O5 ข. สารประกอบออกไซดข์ องธาตุ A ละลายนาไดส้ ารละลายท่ีเปน็ เบส ค. พนั ธะระหวา่ งอะตอมของสารประกอบคลอไรดข์ องธาตุ A เป็นพันธะโคเวเลนต์ ง. ผลต่างระหวา่ ง IE5 และ IE6 ของธาตุ A มีคา่ มากกว่าผลตา่ งระหว่าง IE อน่ื สองระดบั ท่อี ยู่ตดิ กัน 4. พจิ ารณาสมการของปฏิกริ ิยาเคมแี ละผลทส่ี งั เกตไดต้ ่อไปนี ผลทสี่ ังเกตได้ ขอ้ สมการเคมี เกิดฟองแกส๊ ไมม่ ีสอี ย่างรวดเรว็ 1) 2Cs (s) + 2H2O (l) ------> 2CsOH (aq) + H2 (g) เปล่ียนจากสสี ม้ เปน็ สเี หลือง 2) Br2 (aq) + 2KCl (aq) ------> 2KBr (aq) + Cl2 (aq) เกิดตะกอนสีขาว 3) Mg(NO3)2 (aq) + CuSO4 (aq) ------> MgSO4 (s) + Cu(NO3)2 (aq) เปลยี่ นสีกระดาษลิตมสั จาก นาเงนิ เป็นสีแดง 4) SO3 (g) + H2O (l) ------> H2SO4 (aq) จากข้อมลู ข้างตน้ มสี มการเคมแี ละผลทส่ี ังเกตทขี่ อ้ ทีไ่ มถ่ ูกตอ้ ง ก. 1 ขอ้ ข. 2 ข้อ ค. 3 ขอ้ ง. 4 ขอ้ 5. เลขออกซิเดชันของธาตทุ รานซชิ ันในสารประกอบเชงิ ซ้อน [Co(SCN)(NH3)5]SO4 เทา่ กบั เทา่ ใด ก. +1 ข. +2 ค. +3 ง. -1 6. เลขออกซิเดชันของโลหะในขอ้ ใดมคี า่ สงู สดุ ก. Cr2O72- ข. TiO2 ค. MnO4- ง. Fe3O4 7. พิจารณาปฏกิ ริ ยิ านวิ เคลียร์ตอ่ ไปนี การเปรยี บเทียบมวลของ a, b, c, d ข้อใดถกู ตอ้ ง ก. a < b < c ข. B < c < d ค. c < d < a ง. a < c < d 8. ในการสลายตัวของ ประกอบด้วยขนั ตอนต่างๆ 14 ขันตอน แตล่ ะขนั ตอนให้อนภุ าคตา่ งๆ ตามลาดับ ดังนี α, β, β, α, α, α, α, α, β, α, β, β, β, และ α ผลผลิตในขนั ตอนที่ 14 คือข้อใด ก. ข. ค. ง. ติวเขม้ เตรยี มพร้อมสโู่ อลมิ ปกิ วิชาการ (เคมี) โดย อ.วราพงษ์ เสนาภักด์ิ | 10

9. เม่อื ยงิ อนุภาคนิวตรอนเข้าส่นู ิวเคลยี สของ 27Al จะได้ 24Na กับอนภุ าคใด ก. แอลฟา ข. บตี า ค. โพซติ รอน ง. โปรตอน 10. ข้อใดต่อไปนีจัดเป็นปฏิกิรยิ าฟิวชัน ข. ก. ค. ง. 11. ปญั หาทนี่ ่ากงั วลจากเหตุการณอ์ ุบัตภิ ยั โรงไฟฟา้ นวิ เคลยี ร์ท่ฟี ูกูชิมะ ประเทศญป่ี ุน่ คอื การรั่วไหลของ ไอโซโทปกัมมนั ตรังสี Cs-137 ถา้ เริ่มต้นจาก Cs-137 mg ตอ้ งใชเ้ วลานานก่ีปจี ึงจะมปี รมิ าณ Cs-137 เหลอื อยู่ 1 mg (กาหนดให้ Cs-137 มีครงึ่ ชีวิต 30 ป)ี ก. 60 ข. 150 ค. 180 ง. 210 12. สารกมั มนั ตรังสี A 20 กรมั สลายตัวไป 10 กรัม ในเวลา 30 วัน ในการทดลองนาสาร A สลายตัว เหลือ 300 กรัมโดยใชเ้ วลา 150 วัน มวลเร่ิมตน้ ของสาร A ในการทดลองนเี ท่ากบั ก่ีกรมั ก. 9,600 ข. 4,800 ค. 2,400 ง. 1,200 13. สารกัมมันตรงั สี 40 กรัม เมอ่ื ทงิ ไว้ 60 วัน จะมสี ารเหลอื อยู่ 1.25 กรัม สารนมี คี รง่ึ ชวี ติ เท่ากับเท่าใด ............................................................................................................................................................ 14. ในการวิเคราะห์ตน้ ไม้ชนิดหนง่ึ พบว่า มี 14C อยู่ 10 กรมั ต้นไมช้ นิดนีเม่อื มีชีวติ อยพู่ บวา่ มี 14C อยู่ 50 กรมั ถ้าครงึ่ ชีวิตของ 14C เท่ากบั 1200 ปี อยากทราบวา่ ตน้ ไมช้ นิดนมี อี ายุกี่ปี ............................................................................................................................................................ ตวิ เขม้ เตรียมพรอ้ มสโู่ อลมิ ปิกวชิ าการ (เคมี) โดย อ.วราพงษ์ เสนาภักดิ์ | 11

ของแข็ง ของเหลว แก๊ส หัวข้อสำคัญ 1. สมบตั ขิ องแขง็ 2. สมบัตขิ องเหลว (ความตงึ ผวิ การระเหย ความดนั ไอกบั จุดเดือด) 3. สมบตั ิของแกส๊ และการคานวณท่เี กยี่ วขอ้ ง ตวั อยำ่ งขอ้ สอบ 1. ใส่เครือ่ งหมาย ✓ หนา้ ขอ้ ความท่กี ลา่ วถูกตอ้ ง และเครอื่ งหมาย  หน้าข้อความทก่ี ล่าวไมถ่ ูกต้อง ............... 1.1 อารก์ อนมจี ดุ เดือด -186 oC และ จดุ หลอมเหลว -189 oC แปลว่าที่ 50 oC และ -220 oC อาร์กอนจะมสี ถานะเปน็ แกส๊ และของเหลวตามลาดบั ............... 1.2 ของแขง็ มรี ปู ร่างคงท่ขี น้ึ อย่กู บั ภาชนะท่บี รรจุ ............... 1.3 กามะถนั มี 2 อญั รูปคือรอมบกิ และมอนอคลินิกโดยรอมบกิ จะมีลกั ษณะผลกึ เป็นรปู เหลีย่ ม ............... 1.4 ฟอสฟอรัสมี 3 อัญรปู ไดแ้ ก่ ฟอสฟอรสั ดา แดง เหลือง ............... 1.5 โซเดียมคลอไรดจ์ ัดเป็นผลกึ โมเลกุล ............... 1.6 ควอตซ์จดั เปน็ ผลกึ โคเวเลนต์แบบร่างตาข่าย ............... 1.7 ควันสขี าวท่ีเราเหน็ บนเวทีคอนเสริ ต์ คือการระเหิดของนา้ แขง็ แหง้ ............... 1.8 เฮกเซน (C6H12) และ ไอเอทลิ อเี ทอร์ (C2H5OC2H5) มีแรงยึดเหนยี่ วระหวา่ งโมเลกลุ ชนิดเดยี วกัน ............... 1.9 ถา้ อณุ หภมู สิ งู ขึ้นความดันไอของของเหลวจะมากขน้ึ ตามไปดว้ ย ............... 1.10 การเดือดจะเกดิ ขึ้นกต็ ่อเม่ือความดนั ไอของของเหลวมคี ่าเทา่ กับความดนั บรรยากาศ 2. พิจารณาการจัดเรียงอะตอมของธาตุต่อไปนี้ AB C D 2.1 ภาพใดบา้ งคือการจัดเรียงโครงสร้างอะตอมของธาตคุ ารบ์ อน.......................... 2.2 ภาพใดคอื การจัดเรียงโครงสร้างอะตอมของแกรไฟต์........................... 2.3 ภาพใดคือการจดั เรยี งโครงสรา้ งอะตอมของกามะถัน................................ 2.4 ภาพใดคือการจัดเรียงโครงสร้างอะตอมของธาตทุ ่มี ขี นาดในระดับนาโนเมตร...................... ติวเข้มเตรยี มพรอ้ มสโู่ อลมิ ปกิ วิชาการ (เคม)ี โดย อ.วราพงษ์ เสนาภักดิ์ | 12

3. การระเหยกบั การเดอื ดตา่ งกนั อยา่ งไร ........................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................................... 4. เพชรกบั แกรไฟตม์ สี มบตั ิการนาไฟฟา้ เหมอื นหรือต่างกนั หรอื ไม่ เพราะอะไร ............................................................................................................................. ........................................... ............................................................................................................................. ........................................... 5. พจิ ารณากราฟต่อไปน้ี AB CD 1.5 Pressure (atm) 1.0 0.5 Temperature (oC) จากกราฟถา้ มสี าร 4 ชนดิ คอื C7H16, C4H9OH, C7H15Cl, C8H17OH สารใดน่าจะเปน็ A, B, C และ D สาร A คอื ............................สาร B คอื .........................สาร C คอื .....................สาร D คอื ........................ 6. พจิ ารณาตารางแสดงค่าความหนืดของของเหลวบางชนิดต่อไปน้ี ของเหลว ควำมหนดื (N s/m2)* Carbon tetrachloride (CCl4) 3.16×10-4 Acetone (C3H6O) 9.69×10-4 Water (H2O) 1.01×10-3 Ethanol (C2H5OH) 1.20×10-3 Glycerol (C3H8O3) 1.49 * หน่วย SI ของความหนดื คือ นิวตัน วนิ าที ต่อ ตารางเมตร จงให้เหตผุ ลท่สี นบั สนนุ คา่ ความหนืดของของเหลวชนิดต่างๆ ท่ีแสดงในตาราง ............................................................................................................................. ........................................... ........................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................................... ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ตวิ เข้มเตรียมพร้อมสโู่ อลมิ ปกิ วิชาการ (เคมี) โดย อ.วราพงษ์ เสนาภักด์ิ | 13

7. พจิ ารณสารต่อไปน้ี 1) diethyl ether; CH2CH3OCH2CH3 2) propane; CH3CH2CH3 3) ethanol; CH3CH2OH ขอ้ ใดเรียงลาดบั ความดันไอของของเหลวต่อไปนจี้ ากนอ้ ยไปมากไดถ้ ูกต้อง ก. 3) < 2) < 1) ข. 3) < 1) < 2) ค. 2) < 1) < 3 ง. 1) < 3) < 2) 8. สมบตั ิของน้าขอ้ ใดทีท่ าให้ใบมดี โกนสามารถลอยอยบู่ นผวิ นา้ ได้โดยไม่จม ก. ความหนืด ข. แรงตึงผวิ ค. ความหนาแนน่ ง. จดุ เดือด 9. สมบตั ิของแกส๊ ข้อใดไมถ่ ูกตอ้ ง ก. เมอ่ื เพม่ิ อณุ หภูมิและความดัน ปริมาตรของแกส๊ จะเพม่ิ ขน้ึ ข. เมื่อความดนั คงที่ ปรมิ าตรของแก๊สจะเพ่ิมขึ้นถ้าอุณหภมู สิ งู ข้นึ ค. เม่อื อณุ หภมู คิ งท่ี ปรมิ าตรของแกส๊ จะเป็นสดั สว่ นผกผันกบั ความดนั ง. เมือ่ ความดันลดลงโดยปรมิ าตรคงท่ี อณุ หภมู ิของแก๊สจะลดลง 10. เติมค่าต่างๆ ในชอ่ งวา่ งใหถ้ กู ตอ้ ง สภาวะเริม่ ต้น สภาวะทเี่ ปลย่ี นแปลง ความดนั ปรมิ าตร อุณหภูมิ 10.1) 760 mmHg 1.0 dm3 25 oC ความดัน ปรมิ าตร อณุ หภูมิ 766 mmHg ......................dm3 200 oC 10.2) 1 atm 500 cm3 127 oC ............... 200 cm3 127 oC atm 10.3) 1.23 atm 700 cm3 250 K 650 mmHg .................... dm3 200 oC 1.0 dm3 300 K 10.4) ............. 7.5 dm3 300 K 700 torr 3,000 cm3 400 K atm 2.25 dm3 350 K ................ 10.5) 800 torr torr 11. เรียงลาดับอตั ราการแพรข่ องแกส๊ ตอ่ ไปน้ี CH4, C2H2, NH3, CO, Cl2 (กาหนดมวลอะตอม C = 12, H = 1, N = 14, O = 16, Cl = 35.5) ............................................................................................................................. ........................................... ติวเขม้ เตรียมพรอ้ มสโู่ อลมิ ปิกวิชาการ (เคมี) โดย อ.วราพงษ์ เสนาภกั ดิ์ | 14

12. แก๊ส X แพรไ่ ด้ 30 cm3 ในเวลา 2 วนิ าที ในขณะทีแ่ กส๊ Y มวลโมเลกลุ 25 แพรไ่ ด้ 108 cm3 ในเวลา 4 วินาที มวลโมเลกลุ ของแกส๊ X เท่ากับ.................................................... 13. โรงงานแหง่ หนง่ึ ผลิตแกส๊ ออกมาได้หนัก 10.32 kg มีความหนาแนน่ 0.0086 g/cm3 ภายใตค้ วามดนั 1 atm โดยใชอ้ ณุ หภมู ิ 87 oC จงคานวณหาวา่ แกส๊ ที่ไดน้ ม้ี ีจานวนกีโ่ มลท่ี STP………………………………… 14. ในขวดใบหนึ่งมแี กส๊ H2 และ O2 ผสมกนั ความดันรวม 1.5 atm ท่อี ณุ หภูมิ 27 oC ถ้าสูบเอา O2 ออก พบวา่ ความดันในขวดจะลดเหลอื 0.5 atm และปรากฏวา่ มวลหายไป 16 กรัม จงหา 14.1) ปรมิ าตรของภาชนะ เทา่ กบั ................................ 14.2) นา้ หนกั ของ H2 เทา่ กับ...................................... 15. บรรจแุ กส๊ ชนิดหน่ึงทคี่ วามดนั 60 atm และอณุ หภมู ิ 27 oC ลงในถงั จุ 10 L ทที่ นความดันไดส้ งู สุด 70 atm 15.1) อุณหภมู สิ งู สุด (หนว่ ย oC) ทีถ่ งั ทนไดโ้ ดยยงั ไมร่ ะเบิด เทา่ กับ.................................. 15.2) เม่อื นาถังแกส๊ นีไ้ ปตั้งท้ิงไวใ้ นหอ้ งเกบ็ ของทมี่ ีอณุ หภมู ิ 37 oC ถังจะระเบดิ หรอื ไม.่ ................. 16. พิจารณาแก๊สตอ่ ไปนี้ 2) อารก์ อน 3) คาร์บอนไดออกไซด์ 1) ฮเี ลยี ม 5) เตตระฟลูออโรเอทลิ นี 4) ซลั เฟอรไ์ ตรออกไซด์ แกส๊ ท่มี อี ตั ราการแพ่ผา่ นรพู รุนเปน็ ครึง่ หน่งึ ของแกส๊ นีออนคอื ................................................................. 16. นกั เรยี นโรงเรยี นชลกันยานุกลู กลมุ่ หนง่ึ กาลงั ชว่ ยกนั ทาการทดลองเพอ่ื วเิ คราะหแ์ กส๊ ชนิดหนง่ึ โดยแบง่ การทดลองเปน็ 3 กลมุ่ และไดผ้ ลดงั ตาราง กลมุ่ ท่ี กำรทดลองและผลท่ีได้ 1 ท่ีอุณหภูมิ 27 oC ปรมิ าตร 4,320 cm3 ความดนั 720 mmHg แกส๊ ชนิดหนงึ่ หนกั 4.656 กรัม 2 เผาแกส๊ นี้ 1.4 กรัม พบวา่ เกดิ CO2 4.4 กรัม และนา้ 1.8 กรมั 3 แก๊สชนิดน้ีไม่ละลายน้าแต่ละลายไดด้ ใี นตวั ทาละลายอนิ ทรยี เ์ ชน่ เฮกเซน (C6H12) หลงั จากนกั เรียนช่วยกันวิเคราะหจ์ นทราบสตู รโมเลกลุ ของแก๊สน้ี (กาหนดใหเ้ ปน็ แกส๊ A) จากนัน้ มี นกั เรยี นคนหน่งึ เสนอวา่ ถา้ เป็นแกส๊ นจี้ รงิ จะตอ้ งสามารถเกดิ ปฏิกริ ยิ าการเตมิ (Addition reaction) กบั แกส๊ X (X2) ได้ท้งั ในท่มี ดื และทสี่ ว่างโดยไมต่ อ้ งมีตวั เร่งปฏิกริ ิยา จงึ ทาการทดลองเพิ่มอกี 1 การ ทดลอง โดยนาแก๊ส A 4.515x1023 โมเลกลุ ทาปฏิกริ ยิ ากับแก๊ส X2 พบว่าเกิดผลติ ภณั ฑ์เพยี งตัวเดียว คือ AX2 ปรมิ าณ 112.8 กรัม (80% yield) นกั เรียนคดิ วา่ แก๊ส X คือแกส๊ อะไร...................................... ติวเข้มเตรยี มพรอ้ มสโู่ อลมิ ปิกวชิ าการ (เคม)ี โดย อ.วราพงษ์ เสนาภักดิ์ | 15

ปริมาณสารสัมพันธ์ หวั ข้อสาคญั 1. ปริมาณสัมพันธ์ของอะตอม โมเลกลุ โมล 2. การคานวณเป็นรอ้ ยละจากสูตร การหาสูตรอยา่ งงา่ ยและสตู รโมเลกลุ 3. สารละลายและสมบตั คิ อลเิ กทีฟของสารละลาย 4. การคานวณความสมั พันธข์ องสารในปฏกิ ริ ยิ าทงั้ ขน้ั ตอนเดียวและหลายข้นั ตอน 5. สารกาหนดปรมิ าณและผลไดร้ ้อยละ (%yield) กาหนดมวลอะตอมตามตารางธาตุ กาหนดค่า Kb และ Kf ของตวั ทาละลายบางชนิดดังตาราง ตัวทาละลาย จุดเดอื ด Kb จดุ เยอื กแข็ง Kf (oC) (oC/m) (oC) (oC/m) คลอโรฟอรม์ (CHCl3) 61.3 3.36 -63.5 4.68 คารบ์ อนเตตระคลอไรด์ (CCl4) 76.8 5.02 -22.3 29.8 เอทานอล (C2H5OH) เบนซนี (C6H6) 78.4 1.22 -114.6 1.99 นา้ (H2O) 80.1 2.53 5.50 5.12 100 0.51 0.00 1.86 ติวเขม้ เตรียมพร้อมสโู่ อลมิ ปิกวิชาการ (เคม)ี โดย อ.วราพงษ์ เสนาภักด์ิ | 16

ตัวอย่างข้อสอบ 1. พิจารณาข้อความตอ่ ไปนี้ 1) นา้ 1 โมล กบั คารบ์ อนไดออกไซด์ 1 โมล มจี านวนโมเลกลุ เทา่ กัน 2) แอมโมเนยี 1.7 กรมั มีจานวนโมเลกลุ เทา่ กบั เลขอโวกาโด 3) แก๊สมเี ทน 1 โมล มจี านวนอนภุ าคเทา่ กบั จานวนอนภุ าคของฟอสเฟตไอออน 1 โมล 4) น้า 2 โมลโมเลกลุ มนี ้าหนกั เทา่ กบั โซเดียม 2 โมลอะตอม 5) มวลอะตอมของโซเดยี มและโซเดียมไอออนมีค่าเทา่ กัน ขอ้ ความใดกลา่ วถูกต้อง ก. 1), 2) และ 3) ข. 1) และ 3) ค. 1), 3) และ 5) ง. 2) และ 4) 2. พิจารณาขอ้ ความตอ่ ไปน้ี 1) อะลูมเิ นยี มไฮดรอกไซด์ 1 โมลโมเลกลุ เท่ากบั 2 โมลไอออน 2) มเี ทน 1 โมล มปี รมิ าตรเทา่ กับคารบ์ อนไดออกไซด์ 1 โมล ที่ STP 3) คาร์บอนไดออกไซด์ 1 โมลมปี รมิ าตรเทา่ กับอะซตี ิก 1 โมล ที่ STP ขอ้ ความใดกล่าวไมถ่ กู ต้อง ก. 1) และ 2) ข. 1) และ 3) ค. 2) และ 3) ง. 2) เทา่ นัน้ 3. สารประกอบ CaCO3·3Ca3(PO4)2 จานวน 5 กรมั จะมฟี อสฟอรสั อยูก่ ี่กรัม ง. 1.5 ก. 0.9 ข. 1.1 ค. 1.3 4. ขวดเปล่าใบหนง่ึ หนกั 108.16 กรมั เม่ือนาไปบรรจุแกส๊ ออกซิเจนท่ี STP ชงั่ ได้ 109.76 กรมั แตห่ ากนาไปบรรจุกา๊ ซ X ที่ STP ปรากฏว่าชั่งได้ 111.36 กรมั กา๊ ซ X อาจเปน็ กา๊ ซในขอ้ ใด ก. H2S ข. CO2 ค. SiH4 ง. SO2 5. ก๊าซชนดิ หนงึ่ ปริมาตร 250 cm3 ที่ STP มนี า้ หนักเทา่ กบั 0.291 กรมั ถา้ องค์ประกอบของก๊าซเป็น คาร์บอน 92.24% และ ไฮโดรเจน 7.76% สูตรโมเลกุลของกา๊ ซชนดิ น้คี อื ขอ้ ใด ก. C1H1 ข. C2H2 ค. CH4 ง. C2H4 6. ถ้าตรวจพบตะก่ัวในเลอื ดของเดก็ คนหนงึ่ 0.525 ส่วนในลา้ นส่วน (ppm) โดยมวล และร่างกายของเด็ก มีเลอื ดอยู่ 16 ลติ ร จงหาวา่ เดก็ คนนมี้ ตี ะก่ัวอยูใ่ นเลอื ดกอ่ี ะตอม (ความหนาแน่นของเลือด 1.25 kg/dm3) ก. 1.36×1018 ข. 2.9×1019 ค. 1.45×1021 ง. 6.02×1023 ตวิ เข้มเตรียมพร้อมสโู่ อลมิ ปกิ วิชาการ (เคมี) โดย อ.วราพงษ์ เสนาภักด์ิ | 17

7. สารละลาย NaOH 5.6 g/dm3 ถ้านามา 200 cm3 เพอื่ ทาให้เป็นสารละลายเข้มขน้ 0.050 mol/dm3 จะต้องเตมิ น้าปริมาตรกี่ cm3 ก. 260 ข. 360 ค. 460 ง. 560 8. มสี ารละลาย NaCl เข้มข้น 30%w/v อยู่ 50 cm3 ถา้ ตอ้ งการทาให้สารละลายนม้ี ีความเขม้ ข้นเพม่ิ ข้นึ เป็น 40%w/v ปรมิ าตร 100 cm3 จะต้องเตมิ NaCl ลงไปกีก่ รมั ก. 25 ข. 30 ค. 40 ง. 50 9. สารละลายกรด HCl เขม้ ข้น 36.5%w/w มคี วามหนาแนน่ 0.15 g/cm3 ถา้ ต้องการเตรียมสารละลาย กรด HCl เข้มขน้ 0.2 mol/dm3 จานวน 1,250 cm3 ตอ้ งใช้กรด HCl เข้มขน้ 36.5% ก่ลี ูกบาศก์ เดซเิ มตร ก. 0.02 ข. 0.17 ค. 1.70 ง. 2.0 10. สารละลายประกอบดว้ ยน้า 36.0 g และสาร X 46.0 g เศษสว่ นโมลของ X เท่ากบั 0.2 มวลโมเลกขุ อง สาร X เปน็ เทา่ ใดและเศษสว่ นโมลของน้าเท่ากบั เท่าใด ตามลาดับ ก. 72, 0.8 ข. 72, 1.0 ค. 92, 0.8 ง. 92, 1.0 11. สารละลายมีตัวถูกละลาย 240 กรมั ในนา้ 20 กิโลกรัม พบวา่ มจี ดุ เยอื กแข็ง -3.72 oC ตัวถกู ละลายนี้ คอื สารใด ก. C2H4O2 ข. C3H6O2 ค. C2H2O4 ง. ไมม่ ขี ้อใดถูก 12. สารละลาย X ประกอบดว้ ยตัวถูกละลาย 29.5 กรัม ละลายในนา้ 120 กรัม มีจุดเดอื ด 102.35 oC ถา้ สูตรอยา่ งงา่ ยคือ (CH2O)n n ควรมีคา่ เทา่ กับขอ้ ใด ก. 1 ข. 2 ค. 3 ง. 4 13. จากสมการทก่ี าหนดให้ (M คอื โลหะทมี่ ีมวลอะตอม = 30) 2MCln + nH2SO4 M2(SO4)n + 2nHCl พบวา่ ถ้าสารประกอบคลอไรด์ (MCln) หนกั 3.44 กรมั ทาปฏกิ ริ ยิ าจะได้ HCl หนัก 2.92 กรมั จงหาคา่ n ก. 2 ข. 3 ค. 4 ง. 5 14. ปุ๋ยแอมโมเนียมไนเตรต (NH4NO3) มธี าตุไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบรอ้ ยละเท่าใด ก. 35 ข. 40 ค. 45 ง. 50 ตวิ เขม้ เตรยี มพรอ้ มสโู่ อลมิ ปิกวชิ าการ (เคมี) โดย อ.วราพงษ์ เสนาภกั ด์ิ | 18

15. เอธลิ ีนไกลคอล C2H6O2 เขม้ ข้น 0.10 M ความหนาแนน่ 0.90 g/ml คดิ เป็นก่ี molal ก. 0.05 ข. 0.11 ค. 0.20 ง. 0.50 16. ถ้าต้องการเตรียมสารละลาย NaIO3 เขม้ ขน้ 0.5 M จานวน 500 ml จะต้องช่งั NaIO3 กก่ี รมั ก. 39.5 ข. 49.5 ค. 59.5 ง. 69.5 17. ละลายสารประกอบเกลอื ของโพแทสเซยี ม (KX) จานวน 8.00 กรัม ในนา้ 100 กรมั สารละลายนี้ แข็งตัวที่ –1.997 oC จงหาวา่ X คือธาตุใดของหมู่ 7A กาหนด Kf = 1.86 oC/m............................... 18. นาสารละลายไอรอ์ อน (III) คลอไรด์ 100 ลูกบาศกเ์ ซนตเิ มตร มาทาปฏิกิริยากับโซเดียมไฮดรอกไซด์ มากเกินพอ ดังสมการ FeCl3 (aq) + 3NaOH (aq) Fe(OH)3 (s) + 3NaCl (aq) นาตะกอนทีไ่ ดม้ าล้างแล้วใหค้ วามรอ้ นจนได้ Fe2O3 1.6 กรมั ดงั สมการ 2Fe(OH)2 (s) Fe2O3 (s) + 3H2O (g) ความเขม้ ข้นของสารละลายไอรอ์ อน (III) คลอไรด์ เริ่มตน้ เท่ากับกกี่ รมั ตอ่ ลิตร………………………………… 19. การเตรียม KClO4 สามารถทาไดด้ ังปฏกิ ริ ยิ าต่อไปน้ี Cl2 + KOH KCl + KClO + H2O KClO KCl + KClO3 KClO3 KClO4 + KCl จะต้องใช้ Cl2 จานวนกีก่ รมั เพื่อเตรียม KClO4 จานวน 200 กรมั ติวเขม้ เตรยี มพรอ้ มสโู่ อลมิ ปิกวชิ าการ (เคมี) โดย อ.วราพงษ์ เสนาภักดิ์ | 19

20. กระบวนการผลิต HNO3 ในอตุ สาหกรรมประกอบดว้ ย 3 ขั้นตอน ดงั น้ี 4NH3 + 5O2 4NO + 6H2O .................(1) 2NO + O2 2NO2 .................(2) 3NO2 + H2O 2HNO3 + NO .................(3) รอ้ ยละผลได้ในข้นั ตอนท่ี (1), (2) และ (3) เท่ากบั 85, 83 และ 87 ตามลาดับ จงหาวา่ ถา้ เรม่ิ ตน้ ใช้ กา๊ ซ NH3 52.125 กรัม จะเกิด HNO3 กีก่ รมั 21. ธาตุ A มี 3 ไอโซโทป มีมวลอะตอม 16, 18 และ 20 ตามลาดบั จากการศกึ ษาพบวา่ ในธรรมชาติมี รอ้ ยละของไอโซโทปที่ 1 เป็น 5 เท่าของไอโซโทปที่ 2 ถ้ามวลอะตอมเฉลยี่ ของธาตุ A = 19.5 รอ้ ยละของไอโซโทปท่ี 3 เท่ากับ............................................................................................................ 22. แกส๊ หุงตม้ ชนิดหนึง่ ประกอบด้วยโพรเพน (C3H8) และบวิ เทน (C4H10) เทา่ นนั้ ถ้านาแก๊สหุงตม้ ที่ ประกอบดว้ ยโพรเพน 0.05 โมล มาเผาไหมอ้ ย่างสมบรู ณ์ แล้วผ่านแก๊สท่ีได้ลงในน้าปนู ใสท่ีมากเกินพอ เกิดตะกอนหนกั 95 กรัม จงหาวา่ ในแกส๊ หงุ ตม้ น้มี บี วิ เทนอยกู่ โ่ี มล......................................................... 23. สารอินทรีย์ชนดิ หนงึ่ ประกอบด้วย C และ H รอ้ ยละ 48 และ 6 โดยมวลตามลาดับ เมือ่ นาสารน้ี หนกั 0.4 กรัม ไปหาปรมิ าณ N พบว่าเกิดก๊าซไนโตรเจน 44.8 cm3 ที่ STP และเมอื่ นาสารนห้ี นัก 4.0 กรมั ละลายในเอทานอล หนัก 10.0 กรมั พบว่าได้สารละลายท่มี ีจุดเดือด 80.94 oC สูตรโมเลกลุ ของสารน้ี คือ.................................................. 24. สาร A เป็น β-amino acid ชนดิ หนงึ่ ประกอบดว้ ยธาตุ C, H, O และ N เป็นองค์ประกอบ โดยพบว่ามี ปริมาณ C = 58.7% และ H = 6.8% และ N 10.5% โดยมวลตามลาดบั เม่ือนาสาร A มาทาปฏกิ ริ ยิ า พอดกี ับ alcohol ชนดิ หนึ่งในอตั ราส่วน 1:1 เกดิ ผลิตภณั ฑเ์ ป็นสารประกอบเอสเทอร์ทมี่ สี ตู รโมเลกุล C19H22N2O4 5.02 กรมั (78% yield) สูตรโมเลกลุ ของสาร A คือ................................................. ติวเข้มเตรยี มพร้อมสโู่ อลมิ ปกิ วชิ าการ (เคมี) โดย อ.วราพงษ์ เสนาภักดิ์ | 20


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook