การยางแห่งประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกจิ ยาง
บทสรปุ ผู้บรหิ าร ประเภท คือ ตลาดในประเทศ และตลาด ตา่ งประเทศ ดังน้ี ฝ่ายเศรษฐกิจยางได้จัดทาบทวิเคราะห์ สถานการณ์ยางและสารสนเทศทางการตลาด 1. ตลาดในประเทศ ยางพาราของการยางแห่งประเทศไทย โดยใช้ พ้ืนที่ปลูกยางของประเทศไทยส่วน เคร่ืองมือทางการตลาดในการวิเคราะห์ เพื่อใช้ เป็นแนวทางในการกาหนดนโยบายพัฒนา ใหญ่เป็นสวนยางขนาดเล็ก และอยู่อยา่ งกระจัด ตลาดยางพาราของการยางแห่งประเทศไทย กระจายโดยเกษตรกรชาวสวนยางถือครอง พื้นท่ปี ระมาณ 14.40 ไร่ต่อครัวเรอื น ทาใหเ้ กิด ประเทศไทยเป็นประเทศผู้ผลิตและ พอ่ ค้ายางหรือผรู้ บั ซ้ือยางจานวนมากและหลาย ส่งออกยางธรรมชาติเป็นอันดับหน่ึงของโลก ร ะ ดั บ ใ น ร ะ บ บ ต ล า ด ย า ง ข อ ง ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย โดยปี 2563 มีพื้นท่ีกรีดได้ประมาณ 21.06 ซึ่งสามารถแบ่งตลาดยางในประเทศไทยได้เป็น ล้านไร่ ให้ผลผลิต 4.57 ล้านตัน หรือคิดเป็น 4 ประเภท ดังน้ี ยางแห้ง ประมาณ 4.49 ล้านตัน หรือร้อยละ 35.28 ของปริมาณการผลติ รวมของโลก และสร้าง (1) ตลาดยางพาราทอ้ งถิน่ รายได้ให้ประเทศไทย มูลค่า 484,212 ล้านบาท (2) ตลาดยางพาราเอกชน โ ด ย ร า ย ไ ด้ ส่ ว น ใ ห ญ่ ม า จ า ก ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ย า ง (3) ตลาดยางพาราของการยาง ร้อยละ 60 ยางธรรมชาติ ร้อยละ 38 และยาง สังเคราะห์ เพยี งร้อยละ 2 แตถ่ ึงแม้ประเทศไทย แห่งประเทศไทย จะมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากที่สุดในตลาดโลก (4) ตลาดสินคา้ เกษตรล่วงหน้า แต่ยังไม่สามารถเป็นผู้กาหนดราคายางได้ 2. ตลาดต่างประเทศ ประกอบดว้ ย เนื่องจากโครงสร้างของตลาดยางพาราโลกมี (1) ตลาดเปิดหรือตลาดทางการ ลักษณะเป็นแบบผู้ซอื้ น้อยราย ยางพาราไทยยัง ( Open or Official market) ปั จ จุ บั น ต ล า ด ต้องพ่ึงพาตลาดต่างประเทศ โดยผลผลิตยาง ต่างประเทศที่มีลักษณะเป็นตลาดเปิดหรือตลาด กว่าร้อยละ 80 ถูกส่งออกในรูปวัตถุดิบ และใช้ ทางการแล ะเ ป็ นการซ้ื อขาย สั ญญาล่ ว งหน้ า ในประเทศในอุตสาหกรรมเก่ียวเน่ือง (ยาง ได้แก่ ตลาดโอซากา (Osaka Exchange) หรือ ยานพาหนะ ถุงมือยาง ยางยืด ฯลฯ) เพียงร้อยละ ตลาดโตเกียว (Tokyo Commodity Exchange 12 และส่วนท่ีเหลือประมาณร้อยละ 8 เป็น : TOCOM) ตลาดสิงคโปร์ Singapore Exchange สต็อกยางของผู้ประกอบการเพื่อความคล่องตัว : SGX) และตลาดเช่ียงไฮ้ (Shanghai Futures ในกระบวนการผลิต และจากลักษณะตลาดท่ี Exchange : SHFE) เป็นตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งส่วนใหญ่มีการซื้อ (2) ต ล า ด ท่ี มี ก า ร ซื้ อ ข า ย ต ร ง ขายเพื่อเก็งกาไรกันท่ัวโลกผ่านตลาด จึงทาให้ (Direct trade) เป็นการซอื้ ขายโดยตรงระหว่าง ราคายางพาราของไทยถูกกาหนดมาจาก ผูผ้ ลิตและผ้ใู ช้ยาง ตลาดโลก และสง่ ผลตอ่ ราคาของห่วงโซ่อุปทาน ยางของไทย ผ่านตลาดแต่ละระดับ โดยตลาด ยางพาราในปัจจุบันสามารถแบ่งออกเป็น 2
ผลการวเิ คราะห์ สรปุ ได้ดังนี้ แ น ว โ น้ ม ต ล า ด ย า ง พ า ร า ข อ ง ไ ท ย 1. แนวโน้มตลาดยางพารา (Rubber ค า ด ว่ า ก า ร ผ ลิ ต จ ะ มี แ น ว โ น้ ม ก า ร ข ย า ย ตั ว Market Trends) จาก 4.47 ล้านตัน ในปี 2558 เป็น 4.68 ในปี แนวโน้มการผลิตยางธรรมชาติของโลก 2565 และ 4.70 ล้านตัน ในปี 2566 และ คาดว่าจะมแี นวโนม้ เพิม่ ขน้ึ จาก 12.27 ล้านตัน ปริมาณการใช้ในประเทศจะขยายตัวจาก 0.60 ในปี 2558 เป็น 14.65 ในปี 2565 และ 15.53 ล้านตัน ในปี 2558 เป็น 0.65 ในปี 2565 และ ล้านตัน ในปี 2566 เน่ืองจากการขยายตัวของ 0.69 ล้านตัน ในปี 2566 และการส่งออกยาง พืน้ ท่ีกรีดและพนื้ ท่ีปลูกใหม่ในอดตี ของประเทศ ธรรมชาติจะขยายตัวจาก 3.75 ล้านตัน ในปี ผู้ผลิตยาง และผลผลิตต่อไร่มีแนวโน้มเพ่ิมข้ึน 2558 เป็น 4.14 ล้านตันในปี 2565 และ 4.26 เนื่องจากมีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี มาก ล้านตัน ในปี 2566 ดังนั้น จึงคาดว่าราคายาง ข้ึน สาหรับการใช้ยางมีแนวโน้มเพิ่มข้ึนเช่นกัน ปรับตัวสูงข้ึน โดยราคายางแผ่นดิบคุณภาพดี จาก 12.24 ล้านตัน ในปี 2558 เป็น 15.53 เคล่ือนไหวอยู่ที่ 50 - 69 บาท/กก. และยางแผ่น ในปี 2565 และ 15.79 ล้านตัน ในปี 2566 รมควันชัน้ 3 อยู่ท่ี 51 – 77 บาท/กก. ซ่ึงสอดคล้องกับการคาดการณ์ของประเทศ ผู้บริโภคที่มองว่าในอนาคตหากเศรษฐกิจโลก 2. ก า ร แ บ่ ง ส่ ว น ต ล า ด ( Market ฟื้นตัว ความต้องการใช้ยางจะเพิ่มขึ้นและ Segment) ผู้ซื้อยางที่เข้ามาใช้บริการตลาด อาจจะขาดแคลนวัตถุดิบในบางช่วง และใน ยางพาราของการยางแห่งประเทศไทย จาแนก อนาคตผู้บริโภคจะให้ความสาคัญกับมาตรฐาน ออกเปน็ 2 ประเภท คอื บคุ คลธรรมดา ร้อยละ แ ล ะ น วั ต ก ร ร ม สี เ ขี ย ว เ พ่ื อ ล ด ผ ล ก ร ะ ท บ ต่ อ 20.4 และ นิติบุคคล ร้อยละ 79.6 และผู้ขาย สขุ ภาพและภาวะส่งิ แวดล้อมมากขึ้น จาแนกออกเปน็ 3 ประเภท คอื เกษตรกรชาวสวน การนาเข้าและการส่งออกยางของโลก ยาง ร้อยละ 52.60 สถาบันเกษตรชาวสวนยาง ตลา ดยา งแ ท่ ง ไทยครองส่ว นแบ่งทาง ร้อยละ 16.80 และผู้ประกอบกิจการยาง ร้อยละ การตลาดในตลาดยางจีน ในขณะที่อินโดนีเซีย 31.60 ครองส่วนแบ่งทางการตลาดในสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ตลาดยางแผ่นรมควัน ไทยครอง 3. ขนาดของตลาด (Market Size) ส่ว นแบ่งทางการตลาดในตลาดย างจีน ปริมาณ ปริมาณการซ้ือขายยางผ่านตลาด สหรัฐอเมริกา และญีป่ ุ่น ในขณะที่กมั พูชาครอง ยางพาราของ กยท. ในปี 2563 อยู่ที่ 561,715 ส่วนแบ่งทางการตลาดในตลาดยางเวียดนาม ตัน มูลค่า 17,934 ล้านบาท เพ่ิมข้ึนจากปี และตลาดน้ายางข้น ไทยครองส่วนแบ่งทาง 2562 ร้อยละ 101.26 และ ร้อยละ 95.25 การตลาดในตลาดยางจีน สหรัฐอเมริกา ตามลาดับ และเมื่อเทียบปริมาณการซื้อขาย มาเลเซีย และ เวียดนาม ในขณะท่ีมาเลเซีย ยางผ่านตลาดยางพาราของ กยท. กับ ผลผลิต ครองสว่ นแบง่ ทางการตลาดในญป่ี ่นุ ยางท้ังประเทศ พบว่า ปริมาณยางเข้าตลาด ยางพาราของ กยท. เพียงรอ้ ยละ 12.51 เท่านน้ั ดงั น้นั ตลาดยางพาราของ กยท. จะต้องทาแผน เพ่ือเพิ่มปริมาณยางเข้าสู่ตลาดโดยต้ังเปา้ หมาย
อยู่ที่ ร้อยละ 25 ต่อปี หรือ มีปริมาณ 1 ล้านตัน 1. การเพ่ิมขนาดของตลาด (Market ภายในปี 2570 Size) 4. การเติบโตของตลาด ( Market สมาชิกผู้ขายยาง เร่งทาแผนขยาย Growth) แ ล ะ ส่ ว น แ บ่ ง ต ล า ด ( Market ตลาดเครือข่าย ประชาสัมพันธ์ตลาด และการ Share) ตลาดยางพาราของ กยท. มีส่วนแบ่ง ส่ ง เ ส ริ ม ก า ร ผ ลิ ต ย า ง ท่ี มี คุ ณ ภ า พ ผ่ า น ก ลุ่ ม ทางการตลาดอยู่ที่ ร้อยละ 4.38 ซ่ึงมีแนวโน้ม เกษตรกรอยา่ งต่อเน่ือง เพ่ิมข้ึน เน่ืองจากปริมาณการซ้ือขายในตลาด เพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาการซ้ือขายมีแนวโน้ม สมาชิกผู้ซื้อยาง ตลาดยางพาราของ เพ่ิมขน้ึ เชน่ กัน และเม่อื พิจารณาการเติบโตของ กยท. ติดต่อซ้ือขายยางโดยตรงกับผู้ผลิตและ มูลค่าการซื้อขายตลาดกลางยางพารา พบว่า ส่งออกยางและผลิตภัณฑ์ยาง ท่ีมีปริมาณการ มีอัตราการเติบโตเฉล่ียร้อยละ 2.61 ต่อปี ส่งออกอนั ดบั ต้นๆ ของประเทศ (CAGR ปี 2558 – 2563) และตลาดกลาง ยางพาราท่ีมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีมาก 2. การเติบโตของตลาด ( Market ที่สุด คือ สตก.จ.หนองคาย (ร้อยละ 51.57) Growth) และ ส่วน แ บ่งตลาด ( Market รองลงมา คือ สตก.จ.ยะลา (ร้อยละ 34.23) Share) โดยการขยายการดาเนินงานของตลาด และ สตก.จ.สุราษฎร์ธานี (ร้อยละ 15.15) ยางพาราของ กยท. ดังน้ี ในขณะที่ สตก.จ.นครศรีธรรมราชหดตัวรอ้ ยละ 18.60 เนื่องจากปริมาณยางเข้าสู่ตลาดมี (1) เพิ่มปริมาณยางเข้าสู่ตลาด ปีละ แนวโนม้ ลดลง 25% เพื่อเพ่ิมบทบทบาทในการซื้อขายใน ตลาดท้ังในและต่างประเทศได้มากข้ึน พร้อม 5. ต้ า แ ห น่ ง ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ( Market ท้ังยกระดับมาตรฐานการบริการของตลาด position) ผลิตภัณฑ์ยางที่มีการซื้อขายใน ยางพาราของ กยท. ให้เป็นสากลทุกตลาดกลาง ตลาดยางพาราของ กยท. ไม่มียางชนิดใดที่มี ยางพาราจังหวัด โดยเริ่มดาเนินการในปี อัตราการเติบโตของตลาดและส่วนแบ่งทาง งบประมาณ 2566 การตลาดสูง หรืออยู่ในสถานะ STAR แต่อย่างไร ก็ตาม ยังมผี ลิตภัณฑ์ทสี่ ามารถสร้างกลยุทธท์ าง (2) เพ่ิมจานวนตลาดเครือข่ายของ การตลาดเพื่อพัฒนาตลาดให้ก้าวสู่สถานะ ตลาดกลางยางพาราจังหวัด STAR ได้ คือ ยางแผ่นรมควัน ยางก้อนถ้วย และยางเครพ (3) ยกระดับการให้บริการของตลาด ยางพารา กยท.จังหวดั /สาขา จากการวิเคราะห์ข้อมูลสารสนเทศทาง การตลาดของตลาดยางพาราของ กยท. จึงมี (4) กระจายจดุ ประมูลยางทมี่ ีศักยภาพ ข้อเสนอแนะในการบริหารจัดการและสร้าง ตามปรมิ าณและความต้องการของผู้ซือ้ กลยุทธ์ทางการตลาดของตลาดยางพาราของ กยท. ดงั น้ี (5) ยกระดับตลาดจากตลาดท่ีมีการซ้ือ ขายแบบวันต่อวนั ไปสูต่ ลาดล่วงหน้าสง่ มอบจรงิ (๖) เพิ่มการประเภทของการให้บริการ เชน่ การให้บริการโกดงั
3 . ต้ า แ ห น่ ง ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ( Market position) ยางแผ่นรมควัน และยางก้อนถ้วย เปน็ ผลติ ภัณฑ์ทมี่ คี วามนิยมซ้ือขายของตลาดใน ประเทศ แต่หากต้องการให้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว กลายเป็นผลิตภัณฑก์ ลุ่มดาวรงุ่ (STAR) จะตอ้ งทา แผนการตลาดเพอ่ื นายางเขา้ สตู่ ลาดใหม้ ากขึ้น ยางเครพ เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เพ่ิง เข้ามาสู่ตลาดยางพาราของ กยท. กลยุทธ์ทีต่ ้อง นามาใช้กับผลิตภัณฑ์ คือ การประชาสัมพันธ์ และส่งเสริมการผลติ ยางก้อนถ้วยของเกษตรกร ให้ได้ยางดิบที่มมี าตรฐาน และหาตลาดผู้ซ้ือท่ีมี ความต้องการยางเครพ ซ่ึงสามารถทาให้ ผลติ ภัณฑ์ดงั กล่าวกลายเป็นผลิตภัณฑ์กลมุ่ ดาวรุ่ง (STAR) ได้ ยางแผ่นดิบ ส่งเสริมให้เกษตรกร พัฒนาการผลิตยางให้ได้มาตรฐาน และการหา นวัตกรรมใหม่เพ่ือพัฒนาผลิตภัณฑ์และสร้าง มลู ค่าเพิ่ม น้ายางสด ควรส่งเสริมให้สถาบัน เกษตรกรผลิตยางน้ายางข้น และเปิดการ ใหบ้ ริการซอื้ ขายน้ายางสดและน้ายางขน้ เพ่ิมใน ตลาดยางพาราของ กยท.
สถานการณย์ างและสารสนเทศทางการตลาดยางพารา ของการยางแห่งประเทศไทย ประเทศไทยเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกยางธรรมชาติเป็นอันดับหน่ึงของโลก ในปี 2563 มีพื้นท่ีกรีดได้ประมาณ 21.06 ล้านไร่ ให้ผลผลิต 4.57 ล้านตัน หรือคิดเป็นยางแห้ง ประมาณ 4.49 ล้านตัน หรือรอ้ ยละ 35.28 ของปรมิ าณการผลิตรวมของโลก และสรา้ งรายไดใ้ ห้ประเทศไทย มลู ค่า 484,212 ลา้ นบาท โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากผลิตภัณฑ์ยาง ร้อยละ 60 ยางธรรมชาติ ร้อยละ 38 และยางสังเคราะห์ เพียง ร้อยละ 2 แต่ถึงแม้ประเทศไทยจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากท่ีสุดในตลาดโลก แต่ยังไม่สามารถเป็นผู้ กาหนดราคายางได้ เนื่องจากโครงสร้างของตลาดยางพาราโลกมีลักษณะเป็นแบบผู้ซื้อน้อยราย ยางพารา ไทยยังต้องพึ่งพาตลาดต่างประเทศ โดยผลผลิตยางกว่าร้อยละ 80 ถูกส่งออกในรูปวัตถุดิบ และใช้ใน ประเทศในอุตสาหกรรมเกี่ยวเน่ือง (ยางยานพาหนะ ถุงมือยาง ยางยืด ฯลฯ) เพียงร้อยละ 12 และส่วนท่ี เหลือประมาณร้อยละ 8 เป็นสต็อกยางของผู้ประกอบการเพ่ือความคล่องตัวในกระบวนการผลิตของ และ จากลักษณะตลาดท่ีเป็นตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ซ่ึงส่วนใหญ่มีการซื้อขายเพ่ือเก็งกาไรกันทั่วโลกผ่านตลาด จึงทาให้ราคายางพาราของไทยถูกกาหนดมาจากตลาดโลก และส่งผลต่อราคาของห่วงโซ่อุปทานยางของ ไทย ผ่านตลาดแตล่ ะระดับ โดยตลาดยางพาราในปัจจุบันสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ตลาดใน ประเทศ และตลาดตา่ งประเทศ ดังน้ี 1. ตลาดในประเทศ พนื้ ที่ปลกู ยางของประเทศไทยสว่ นใหญ่เป็นสวนยางขนาดเล็ก เกษตรกรชาวสวนยางถือ ครองพ้ืนที่ประมาณ 14.40 ไรต่ ่อครัวเรือน ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ในภาคใต้ถึงรอ้ ยละ 59 ทาให้ผลิตยาง ส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 60 อยู่ในภาคใต้ และเกษตรกรส่วนใหญ่นิยมผลิตน้ายางสดถึง ร้อยละ 55 รองลงมา ยางก้อนถ้วย รอ้ ยละ 32 และยางแผน่ ดบิ รอ้ ยละ 13 ภาคกลางและภาคตะวันออก มีผลผลิต ยางเพียงร้อยละ 10 โดยเกษตรกรนิยมผลิตยางก้อนถ้วยถึงร้อยละ 69 ยางแผ่นดิบ ร้อยละ 17 และ น้ายางสด ร้อยละ 14 และ ภาคตะวันอออกเฉียงเหนือมีผลผลิตยางร้อยละ 24 ภาคเหนือ มีผลผลิต เพียงร้อยละ 6 เท่านั้น โดยเกษตรกรในภาคตะวันนออกเฉียงเหนือและภาคเหนือนิยมผลิตยางก้อนถ้วยถึง รอ้ ยละ 94 ยางแผ่นดบิ รอ้ ยละ 3 และนา้ ยางสด ร้อยละ 3 เหมอื นกัน (ตารางที่ 1) การยางแห่งประเทศไทย ฝ่ายเศรษฐกจิ ยาง RAOT 1
ตารางท่ี 1 พนื้ ทก่ี รีด และผลผลติ ยาง แยกตาม กยท. เขต ปี 2563 สดั สว่ นผลผลติ 2 กยท.เขต พนื กรีดได้ 1 ปริมาณผลผลติ * กอ้ น น้า ยางแผน่ ยางแผน่ (ตัน) ถว้ ย ยาง ดิบ รมควัน สด ภาคเหนือ 1,228,455 216,806 94.68 2.56 2.73 0.03 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3,545,683 771,687 98.99 0.57 0.44 0.00 ตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1,720,317 328,704 89.12 5.04 5.30 0.54 ตอนล่าง ภาคกลางและภาคตะวนั ออก 2,048,694 390,088 68.63 14.17 16.76 0.44 ภาคใต้ตอนบน 3,011,964 661,858 33.93 38.67 27.17 0.23 ภาคใต้ตอนกลาง 5,141,929 1,150,524 25.84 65.71 8.33 0.12 ภาคใต้ตอนล่าง 4,366,197 973,958 35.86 59.37 4.67 0.10 รวม 21,063,239 4,493,625 หมายเหตุ *เป็นผลผลิตยางแหง้ ทม่ี า : 1 สานักงานเศรษฐกจิ การเกษตร 2 การยางแหง่ ประเทศไทย นอกจากนี้ จากลักษณะการถือครองของเกษตรกรชาวสวนยางเป็นสวนขนาดเลก็ และอยู่ อย่างกระจัดกระจายน้ันจึงก่อให้เกิดพ่อค้ายางหรือผู้รับซื้อยางจานวนมากและหลายร ะดับในระบบ ตลาดยางของประเทศไทย จากข้อมูลในปี 2563 พบว่า จานวนผู้ค้ายางและผู้แปรรูปต้นเพื่อเป็นวัตถุดิบที่ ได้รับอนญุ าตถูกต้องตามกฎหมายตามตามพระราชบัญญตั ิควบคมุ ยาง พ.ศ. 2542 มีจานวน 2,310 ราย และ ผ้สู ่งออกยาง 478 ราย (สถิตยิ างประเทศไทย กรมวิชาการยาง, 2564) โรงงานแปรรูปยางท่ียงั ดาเนินการ อยู่ จานวน 652 แห่ง (นิติบุคคล ร้อยละ 52 กลุ่มและสหกรณ์ ร้อยละ 25 และบุคคลธรรมดา ร้อยละ 23) (กรมโรงงานอุตสาหกรรม, 2563) ซงึ่ สามารถแบง่ ตลาดยางในประเทศไทยไดเ้ ปน็ 4 ประเภท ดังน้ี (1) ตลาดยางพาราท้องถ่ิน เป็นตลาดท่ีอยู่ใกล้แหล่งผลิตของเกษตรกร การซ้ือ ขายมีลักษณะส่งมอบยางจริง เป็นการตกลงระหว่างผู้ซ้ือกับผู้ขายแต่ละราย ไม่มีกฎระเบียบท่ีแน่นอน ไม่มีมาตรฐานคุณภาพยางที่ชัดเจน ผู้ซื้อจะเป็นผู้ประเมินคุณภาพยาง และเป็นผู้กาหนดราคา การจ่ายเงินจะจ่ายเป็นเงินสดหรือผ่านบัญชี โดยเกษตรกรชาวสวนยางส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 99.8 ขายนา้ ยางสด ยางก้อนถว้ ย และยางแผ่นดิบ โดยตลาดทอ้ งถ่นิ ประกอบดว้ ย 2 ลักษณะ คอื การยางแห่งประเทศไทย ฝ่ายเศรษฐกิจยาง RAOT 2
- การซื้อขายยางในหมู่บ้าน/ตาบล ซ่ึงเป็นผู้ซื้อที่เข้าไปซ้ือขายในสวนยางของ เกษตรกร หรือเปิดจุดรับซื้อใกล้สวนยางของเกษตร แล้วรวบรวมส่งร้านรับซื้อที่ตลาดในอาเภอหรือจังหวัด ตอ่ ไป ได้แก่ ผ้ซู อ้ื รถเร่ ผเู้ ปดิ จุดรับซื้อโดยถังนา้ ยาง ลานยางรับซอ้ื ยางท้องถิน่ - การซ้ือขายยางในตลาดอาเภอ ส่วนใหญ่จะนายางท่ีรับซ้ือไปส่งขายให้แก่ ร้านรับซื้อในระดับจังหวัด แต่ถ้าเป็นร้านรับซื้อในอาเภอที่ใกล้ชุมทางใกล้แหล่งปลูกยางหนาแน่นที่ซื้อ ยางได้มากจะนาไปส่งให้แก่ตลาดเอกชนหรือโรงงานแปรรูปโดยตรง ได้แก่ บ่อน้ายาง ลานรับซื้อ ยางพารา รา้ นรับซ้ือยางในท้องถน่ิ (2) ตลาดยางพาราเอกชน เป็นการซื้อขายโดยโรงงาน ผู้ประกอบการซื้อขายยาง ผูป้ ระกอบการขนส่ง ประกอบดว้ ย 4 ลักษณะ คอื - การซื้อขายหน้าโรงงาน เป็นการซื้อขายยางจากราคาเปิดรับซ้ือตามเง่ือนไข ของโรงงาน - การซ้ือขายล่วงหน้า เป็นการซ้ือขายโดยผู้ขายรับปริมาณยาง ราคา และ ระยะเวลาการสง่ มอบจากผู้ซอ้ื หรือโรงงาน - การซื้อขายฝากยางพารา เป็นการซื้อขายโดยผู้ขายนายางมาฝากผู้ซ้ือหรือ โรงงาน การตกลงราคาซื้อขายตามวันที่ผู้ขายขอแจ้งการขาย ภายในระยะเวลาท่ีผู้ซื้อกาหนด และผู้ซ้ือ จ่ายเงินบางสว่ นใหผ้ ู้ขายตามเงื่อนไขของสัญญา - การประมูลยางพาราเอกชน เป็นการซื้ อขายโดยการแข่งขันราคา ผปู้ ระกอบการซื้อขายยางหรือผ้ปู ระกอบการขนสง่ แจ้งปริมาณยางใหผ้ ู้ซ้อื แข่งขนั ราคา (3) ตลาดยางพาราของการยางแห่งประเทศไทย ทาหน้าที่เป็นสื่อกลางในการ ให้บริการซ้ือขายยางในราคาที่เป็นธรรม ระหว่างเกษตรกรชาวสวนยาง สถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง และผู้ประกอบกิจการยาง โดยให้บริการซ้ือขายยาง 5 ชนิด คือ น้ายางสด ยางก้อนถ้วย ยางเครพ ยางแผน่ ดิบ และยางแผน่ รมควนั ตลาดยางพาราของการยางแห่งประเทศไทย ประกอบดว้ ย - ตลาดกลางยางพาราจังหวัด หมายความวา่ ตลาดทีม่ กี ารซ้อื ขายท่ีดาเนินการ โดยสานกั งานตลาดกลางยางพาราจังหวัด จานวน 8 แหง่ ไดแ้ ก่ สตก.จ.สงขลา สตก.จ. นครศรธี รรมราช สตก.จ.สุราษฏร์ธานี สตก.จ.ยะลา สตก.จ.หนองคาย สตก.จ.บุรีรัมย์ สตก.จ.ระยอง และ สตก.จ. เชียงราย โดยมีการซื้อขายวันต่อวัน (Physical Spot Market) ท้ัง 8 ตลาด และตลาดข้อตกลงส่งมอบ จริง (Physical Forward Market) ใน สตก.จ.นครศรีธรรมราช และ สตก.จ. สงขลา โดยมีเจ้าหน้าท่ี ปฏิบัตงิ านประจาเพอื่ ใหบ้ รกิ ารซือ้ ขายยางแบบเบด็ เสรจ็ ทุกขน้ั ตอน - ตลาดยางการยางแห่งประเทศไทยจังหวัด/สาขา คือ ตลาดท่ีมีการซ้ือขาย ยางพาราที่ดาเนินการโดยการยางแห่งประเทศไทยจังหวัด/สาขา มีการซื้อขายแบบส่งมอบจริงและมี เจ้าหน้าท่ีประจาจุดซื้อขายปฏิบัติงานเพื่อให้บริการซ้ือขายยางหรือเป็นต ลาดท่ีดาเนินการโดยสถาบัน เกษตรกร/กลมุ่ พฒั นาชาวสวนยาง ร่วมกบั ตลาดยางการยางแห่งประเทศไทยจังหวดั /สาขา การยางแห่งประเทศไทย ฝ่ายเศรษฐกจิ ยาง RAOT 3
- ตลาดเครอื ขา่ ย หมายความวา่ ตลาดท่ดี าเนนิ การโดยสถาบันเกษตรกร/กลุ่ม พัฒนาชาวสวนยาง ร่วมกับ สานักงานตลาดกลางยางพาราหรือตลาดยางการยางแห่งประเทศไทยจังหวัด/ สาขา ที่สมัครเปน็ ตลาดเครือขา่ ย วิธีการซ้อื ขายยางตลาดยางพาราของการยางแห่งประเทศไทย มดี ังน้ี - การประมูล กาหนดให้มีการประกาศราคากลางเปิดประจาวันในการซ้ือ ขายน้ายางสด ยางกอ้ นถ้วย ยางแผ่นดิบ และยางแผน่ รมควัน และประมูลยางผ่านระบบอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ - การตกลงราคา เปน็ การตกลงราคาระหว่างผู้ซอื้ และผูข้ ายพงึ พอใจ - การจบั คคู่ าส่งั ซอื้ ขายลว่ งหนา้ ผ่านระบบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ - วิธกี าร อนื่ ๆ เช่น ชะลอการยางขายพารา (4) ตลาดสินคา้ เกษตรล่วงหนา้ ลกู ค้าของตลาดสนิ ค้าเกษตรล่วงหนา้ แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ นักเก็งกาไร (Speculator) ซึ่งเป็นผู้เข้ามาซื้อขายตั๋วสัญญาเพื่อต้องการกาไรจากส่วนต่าง ของราคาซื้อและราคาขายเท่านั้น และผู้ประกันความเส่ียง จะเข้ามาดาเนินกิจกรรมในตลาดซื้อขาย สินค้าเกษตรล่วงหน้า เนื่องจากมีความต้องการยางจริงในอนาคต และต้องการลดความเสี่ยงของความ ผันผวนของราคายางในอนาคต ปัจจุบันดาเนินการโดยบริษัทตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศ ไทย) จากัด (มหาชน) (Thailand Futures Exchange :TFEX) มีรูปแบบการซื้อขายล่วงหน้าระยะ 6 เดือน ซ่ึงส่วนใหญ่เป็นลักษณะการซื้อขายสัญญามากกว่าการส่งมอบจริง โดยสินทรัพย์อ้างอิงยังมีเพียง ชนิดเดยี วคือ ยางแผ่นรมควันชน้ั 3 (RSS 3) โดยขนาดตอ่ สัญญา 1 สัญญา เท่ากับ 5,000 กิโลกรัม และ มีเดือนท่ีสญั ญาสน้ิ สุดอายุทุกเดือนต่อเน่ืองเรยี งลาดับ 7 เดือนใกลท้ ่ีสุด โดยเน้นสญั ญาซือ้ ขายท่ีมีการส่ง มอบจริง (RSS3D) และในปี 2563 มีการซ้ือขายยางแผ่นรมควันช้ัน 3 อยู่ท่ี 17,253 สัญญา หรือ ประมาณ 71 สัญญา/วัน แต่การส่งคาส่ังซื้อส่วนใหญ่เป็นการส่งคาสั่งซ้ือของสมาชิกบริษัทที่ทาหน้าที่ เป็นตัวสร้างสภาพคล่องการซื้อขาย ทาให้การซื้อขายดังกล่าวไม่ได้มีการส่งมอบจริงเป็นส่วนใหญ่ และ บริษัทผู้ส่งออกยางของไทยส่วนใหญ่จะมีการซ้ือขายล่วงหน้าในตลาดต่างประเทศ เนื่องจากมีสภาพ คล่องการซ้ือขายดีกว่า และผู้ส่งออกยางของไทยมีสถานะเป็นผู้ขายล่วงหน้า และผู้ที่จะมีสถานะซ้ือ ยางพาราล่วงหน้าคือผู้ผลิตยางรถยนต์รายใหญ่ของโลกซ่ึงต้องการซ้อื ขายในสกุลเงนิ ดอลลาร์สหรฐั เพ่ือ ไม่ให้มีความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปล่ียน แต่ตลาด TFEX มีการซื้อขายในสกุลเงินบาท สาหรับผู้ใช้ ยางพาราเป็นวัตถุดิบในประเทศก็ไม่มีความจาเป็นซื้อขายยางพาราล่วงหน้าในตลาด TFEX เน่ืองจาก สามารถตกลงทาสัญญาขายล่วงหน้ากับผู้จาหน่ายได้โดยตรงไม่ต้องมีการวางเงินหลักประกัน (สันติ ถิรพัฒน์ และคณะ, 2561) 1.2 ตลาดต่างประเทศ ประกอบดว้ ย (1) ตลาดเปิดหรือตลาดทางการ (Open or Official market) ปัจจุบันตลาดต่างประเทศ ที่มีลักษณะเป็นตลาดเปิดหรือตลาดทางการและเป็นการซื้อขายสัญญาล่วงหน้า จะอาศัยการใช้ข้อมูล ข่าวสารที่เกิดขึ้นในปัจจุบันคาดคะเนการเปลี่ยนแปลงราคาในอนาคต ได้แก่ ตลาดโอซากา (Osaka Exchange) หรอื ตลาดโตเกยี ว (Tokyo Commodity Exchange : TOCOM) ตลาดสิงคโปร์ Singapore การยางแห่งประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกจิ ยาง RAOT 4
Exchange : SGX) และตลาดเชย่ี งไฮ้ (Shanghai Futures Exchange : SHFE) โดยตลาดตลาดโอซากา (Osaka Exchange) และตลาดเช่ียงไฮ้ (SHFE) ให้บริการซ้ือขายยางแผ่นรมควันชั้น 3 (Ribbed Smoked Sheet : RSS 3) ส่วนตลาดสิงคโปร์ (SGX) ให้บริการซ้ือขายยาง 2 ชนิด คือ ยางแผ่นรมควัน ชั้น 3 และยางแท่งชน้ั 20 (Technically Specified Rubber : TSR 20) ซ่ึงแต่ละตลาดมีบทบาทสาคัญ ในการเป็นราคาชี้นาแนวโน้มการเคลื่อนไหวราคายางพาราในตลาดโลก เนื่องจากเป็นตลาดซ้ือขาย ล่วงหน้าที่มีระบบตลาดเป็นมาตรฐานสากลและมีจานวนผู้เล่นจานวนมาก ซ่ึงเป็นการเพ่ิมโอกาสให้นัก ลงทุนทตี่ ้องการลงทนุ หรือปอ้ งกนั ความเส่ียงในสภาวะทร่ี าคายางพารามีความผนั ผวน และแสวงหากาไร จากการเปล่ยี นแปลงราคาอย่างรวดเร็ว (2) ตลาดท่ีมีการซือขายตรง (Direct trade) เป็นการซ้ือขายโดยตรงระหว่างผู้ผลิต และผู้ใช้ยาง เช่น ผู้ผลิตยางล้อและผลิตภัณฑ์ยางอื่นๆ วิธีนี้เป็นที่นิยมเน่ืองจากมีความคล่องตัว โดยเปน็ การตกลงราคาและคุณภาพตามต้องการของผูซ้ ้ือและผู้ขายแต่ละราย ไมม่ กี ารเปดิ เผยราคาซ้อื ขายจริง และการซื้อขายโดยตรงจะทาสัญญาซื้อขายซึ่งเป็นสัญญามาตรฐานระหว่างประเทศ โดยมีหลักการที่ ผูซ้ อ้ื และผขู้ ายตอ้ งปฏิบตั ติ ามสัญญาอย่างเครง่ ครัด เชน่ การสง่ มอบ คณุ ภาพสินค้า รวมทัง้ การชาระเงิน ดังน้ัน เพ่ือพัฒนาตลาดยางพาราของการยางแห่งประเทศไทยหรือขยายการบริการซ้ือขายให้ ตอบสนองตอ่ ความต้องการของตลาด จงึ จาเป็นตอ้ งมกี ารวเิ คราะห์ตลาด (Market Analysis) ประกอบดว้ ย 1) แนวโนม้ ตลาดยาง (Rubber Market Trends) 2) การแบ่งส่วนตลาด (Market Segment) 3) ขนาด ของตลาด (Market Size) 4) การเติบโตของตลาด (Market Growth) 5) ส่วนแบ่งตลาด (Market Share) และ 6) ตาแหน่งผลิตภัณฑ์ (Market position) เพ่ือทาให้องค์กรทราบแนวโน้มของตลาด ยางพารา ขนาดความต้องการของตลาด ตาแหน่งของสินค้ายางท่ีมีการซ้ือขายในตลาดยางพาราของ กยท. เพ่ือพัฒนาสินค้าและตลาดยางให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดท้ังปัจจุบันและอนาคต โดยมี รายละเอยี ด ดงั นี้ 1. แนวโน้มตลาดยางพารา (Rubber Market Trends) 1.1) การผลิตและการใช้ของโลก ปัจจุบัน ยางท่ีนามาใช้ทาผลิตภัณฑ์ต่างๆ มี 2 ประเภท คือ ยางธรรมชาติ และยาง สังเคราะห์ โดยแต่ละประเภทมีความแตกต่างกันท้ังในเรื่องราคาและคุณสมบัติต่าง ๆ การนามาใช้ สามารถนาใช้เดี่ยว ๆ หรือนามาผสมกันเพ่ือให้ได้ผลิตภัณฑ์ท่ีมีคุณภาพและตรงความต้องการ รวมทั้ง คานึงถึงต้นทนุ การผลติ ยางธรรมชาติ เป็นผลผลิตที่ได้จากต้นยางพารา การผลิตยางธรรมชาติที่เป็นมิตรกับ สิ่งแวดล้อม ซ่ึงการผลิตยางธรรมชาติจะเป็นการผลิตเชิงเกษตรกรรม สามารถปลูกทดแทนได้อย่าง ตอ่ เนอ่ื ง มีข้อดีคือยางธรรมชาตใิ ช้พลังงานน้อยในการผลิตเมือ่ เทียบกับยางสังเคราะห์ และต้นยางพารา สามารถดูดซับก๊าซคาบอนไดออกไซด์อันเป็นสาเหตุของปรากฏการณ์เรือนกระจก ตลอดจนช่วยสร้าง การยางแหง่ ประเทศไทย ฝ่ายเศรษฐกจิ ยาง RAOT 5
ความชุ่มชื่น โดยทาให้ฝนตกในพ้ืนที่ปลูกยางเพิ่มมากข้ึนแต่มีข้อเสียเมื่อเทียบกับยางสังเคราะห์คือ ผลผลิตไมแ่ น่นอน ซึง่ ผลผลิตขึ้นอย่กู ับสภาพดนิ ฟา้ อากาศในพ้นื ทป่ี ลูกยางเปน็ สาคญั ยางสังเคราะห์ เป็นยางที่ผลิตจากผลิตภัณฑ์จากปิโตรเคมี โดยผลิตในโรงงาน อตุ สาหกรรมที่ใช้เงินลงทุนสูง สามารถควบคมุ คุณภาพ และปริมาณได้ตามความต้องการ แต่มีขอ้ เสยี คือ ในกระบวนการผลิตตอ้ งใช้พลังงานสงู และมีการปลดปล่อยมลพษิ ออกสูส่ ิ่งแวดล้อม อันเป็นสาเหตทุ าให้ สภาพอากาศเปล่ียนแปลง และเป็นต้นเหตุของปรากฏการณ์เรือนกระจก ตลอดจนผลิตภัณฑ์จากยาง สงั เคราะห์ย่อยสลายตัวได้ชา้ กวา่ ผลติ ภัณฑจ์ ากยางธรรมชาติ อีกทั้งการนากลบั มาใช้ใหม่ของผลติ ภัณฑ์ ยางสังเคราะห์ส่วนใหญ่ยังน้อยกว่ายางธรรมชาติ โดยทั่วไปการผลิตยางธรรมชาติจะผลิตได้เฉพาะ ประเทศที่เป็นประเทศเกษตรกรรมและมีสภาพดินฟ้าอากาศที่เหมาะสมในการผลิต ไม่สามารถท่ีจะทา การผลิตได้ในทุกประเทศ ประเทศท่ีเหมาะสมในการผลิตยางธรรมชาติ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย จีน มาเลเซีย เวียดนาม อินเดีย พม่า ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา กัมพูชา เป็นต้น ทาให้ผลผลิตยางธรรมชาติ ไม่แน่นอน ผันแปรไปตามสภาพอากาศและภูมิประเทศในแตล่ ะแห่ง ทาให้เกดิ ส่วนเกินของผลผลิตและ ขาดแคลนในบางคร้ัง และส่งผลกระทบต่อราคายางธรรมชาติในตลาดโลก ส่วนยางสังเคราะห์น้ัน โดยทั่วไปปริมาณการใช้ในแต่ละปีมปี รมิ าณใกล้เคยี งกับปริมาณการผลิต ซง่ึ สามารถวางแผนการผลิตได้ แน่นอน และสว่ นใหญ่เปน็ การใชใ้ นประเทศผู้ผลิตเพ่ือใช้ป้อนโรงงานอตุ สาหกรรมและสร้างความม่ันคง ให้กับอุตสาหกรรม โดยประเทศผู้ผลิตยางสังเคราะห์รายใหญ่ของโลก ได้แก่ จีน สหรัฐอเมริกา รัสเซีย และเกาหลีใต้ เปน็ ตน้ สว่ นผลผลติ ส่วนเกินจะส่งออกไปจาหนา่ ยยังประเทศตา่ งๆ ต่อไป ปริมาณการผลิตยางของโลก มีอตั ราการเติบโตเฉลี่ยเพม่ิ ข้ึนร้อยละ 0.76 ต่อปี (CAGR ปี 2558 - 2563) โดยผลิตยางธรรมชาติมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.53 ต่อปี และยาง สังเคราะห์มีอตั ราการเติบโตเฉล่ียเพิ่มข้ึน 1.69 ต่อปี (CAGR ปี 2558 - 2563) สาหรับปี 2563 ปรมิ าณ การผลิตยางของโลก มีจานวนท้ังส้ิน 26.35 ล้านตัน เป็นยางธรรมชาติ 12.73 ล้านตัน และ ยางสังเคราะห์ 13.62 ล้านตัน (ภาพที่ 1) และแม้ว่าราคายางจะผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจโลก แต่ปริมาณการใช้ยางของโลก ยังมีอัตราการเติบโตเฉล่ียร้อยละ 0.94 ต่อปี (CAGR ปี 2558 - 2563) ในขณะที่สัดส่วนการใช้ยางระหวา่ งยางสังเคราะห์และยางธรรมชาติเปลี่ยนแปลงไมม่ ากนัก โดยมีการใช้ ยางสังเคราะห์มากกว่ายางธรรมชาติ ในสัดส่วนเฉล่ียร้อยละ 52 : 48 แต่อัตราการขยายตวั ของปริมาณ การใช้ยางธรรมชาติเพิ่มขึ้นมากกว่ายางสังเคราะห์ เฉล่ียร้อยละ 1.69 ต่อปี ในขณะท่ีอตั ราการขยายตัว ของปริมาณการใช้ยางสังเคราะห์เพิ่มข้ึนเพียงร้อยละ 0.26 ต่อปี และในปี 2563 ปริมาณการใช้ยางมี จานวนท้ังส้ิน 26.64 ล้านตัน เป็นยางธรรมชาติ 12.97 ล้านตัน และยางสังเคราะห์ 13.67 ล้านตัน (ภาพที่ 2) การยางแห่งประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกิจยาง RAOT 6
ภาพที่ 1 ปริมาณการผลติ ยางของโลก ภาพที่ 2 ปริมาณการใช้ยางของโลก หน่วย : ล้านตนั หนว่ ย : ลา้ นตนั 27.95 28.82 28.95 26.64 30.00 26.23 26.82 28.09 28.77 28.84 26.35 30.00 26.20 26.96 25.00 25.00 20.00 13.98 14.33 14.71 14.93 15.00 13.62 20.00 13.93 14.24 14.62 14.92 15.04 13.67 15.00 15.00 10.00 10.00 5.00 12.25 12.50 13.38 13.84 13.84 12.73 5.00 12.27 12.73 13.33 13.90 13.91 12.97 - - 2558 2559 2560 2561 2562 2563 2558 2559 2560 2561 2562 2563 ยางธรรมชาติ ยางสังเคราะห์ รวม ยางธรรมชาติ ยางสงั เคราะห์ รวม ทม่ี า: Natural Rubber Trends and Statistics 2021, Published by ANRPC และ LMC Tyre & Rubber Ltd, 2021. ผลผลิตยางธรรมชาตขิ องโลกเฉล่ยี อยู่ที่ 13.15 ลา้ นตนั ต่อปี ซึ่งมีอตั ราการเติบโตเฉล่ีย ร้อยละ 1.53 ต่อปี (CAGR ปี 2558 - 2563) และประเทศผู้ผลิตยางส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ภาพท่ี 3) สาหรับประเทศที่มีอัตราการเติบโตของปริมาณการผลิตมากที่สุด คอื โกตดวิ ัวร์ ร้อยละ 18.39 ต่อปี และไทยยงั คงเป็นผู้นาอันดับหนึ่งในการผลิตยางธรรมชาติ รองลงมา คือ อินโดนีเซีย เวียดนาม และโกตดิวัวร์ (ภาพที่ 4) ในขณะที่ความต้องการใช้ยางธรรมชาติของโลก เฉลี่ยอยู่ท่ี 13.18 ล้านตันต่อปี มีอัตราการเตบิ โตเฉล่ียร้อยละ 1.55 ตอ่ ปี (CAGR ปี 2558 - 2563) และ ประเทศท่ีมีอัตราการเติบโตของปริมาณการใช้ยางมากท่ีสุด คือ ไทย ร้อยละ 4.08 ต่อปี และในปี 2563 ประเทศท่ีมีการใช้ยางมากที่สุดยังคงเป็นประเทศจีน 5.6 ล้านตัน รองลงมา คือ อินเดีย สหภาพยุโรป และ สหรฐั อเมริกา (ภาพท่ี 5) การยางแห่งประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกจิ ยาง RAOT 7
ภาพที่ 3 ประเทศผู้ผลติ ยางในภูมภิ าคเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต้ ทม่ี า: Natural Rubber Trends and Statistics 2021, Published by ANRPC ภาพท่ี 4 ปริมาณการผลติ ยางธรรมชาตขิ องโลก ภาพท่ี 5 ปรมิ าณการใช้ยางธรรมชาติของโลก ลา้ นตนั ลา้ นตัน 1 1 0.8 0.8 0.6 0.6 0.4 0.4 0.2 4.47 4.35 4.43 4.97 4.85 4.49 0.2 4.78 5.01 5.39 5.69 5.67 5.65 0 0 2558 2558 2559 2560 2561 2562 2563 2559 2560 2561 2562 2563 จนี ไทย อนิ โดนีเซีย เวยี ดนาม จีน ไทย สหภาพยโุ รป อนิ เดยี สหรัฐอเมรกิ า มาเลเซยี อินเดีย โกตดิวัวร์ ศรีลงั กา บราซิล ญปี่ นุ่ อนิ โดนเี ซยี มาเลเซีย พม่า อนื่ ๆ เกาหลีใต้ อน่ื ๆ ทมี่ า: Natural Rubber Trends and Statistics 2021, Published by ANRPC การยางแหง่ ประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกิจยาง RAOT 8
สาหรับแนวโน้มการผลิตยางธรรมชาติของโลกคาดวา่ จะมีแนวโน้มเพม่ิ ข้ึน จาก 12.27 ล้านตัน ในปี 2558 เป็น 14.65 ล้านตัน ในปี 2565 และ 15.53 ล้านตัน ในปี 2566 จากการขยายตัว ของพ้ืนท่ีกรีดและพื้นท่ีปลูกใหม่ในอดีตของประเทศผู้ผลิตยาง และผลผลิตต่อไร่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนือ่ งจากมกี ารวจิ ยั และพฒั นาเทคโนโลยีมากขึ้น สาหรับการใชย้ างมีแนวโนม้ เพิ่มขึน้ เชน่ กัน จาก 12.24 ล้านตัน ในปี 2558 เป็น 15.53 ในปี 2565 และ 15.79 ล้านตัน ในปี 2566 (ภาพที่ 6) ซึ่งสอดคล้องกับ การคาดการณ์ของประเทศผู้บริโภคท่ีมองว่าในอนาคตหากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ความต้องการใช้ยางจะ เพิ่มขึ้นและอาจจะขาดแคลนวัตถุดบิ ในบางช่วง และในอนาคตผู้บริโภคจะให้ความสาคัญกับมาตรฐานและ นวัตกรรมสีเขยี วเพ่ือลดผลกระทบต่อสุขภาพและภาวะสิ่งแวดลอ้ มมากขน้ึ ภาพท่ี 6 แนวโน้มการผลติ และการใชย้ างธรรมชาติของโลก ล้านตัน ผลติ ใช้ 14.65 15.53 15.79 20.00 15.00 12.27 12.24 10.00 5.00 14.81 - 2558 2559 2560 2561 2562 2563 2564F 2565F 2566F ทมี่ า : Natural Rubber Trends and Statistics 2021, Published by ANRPC ประมวลผลโดย การยางแหง่ ประเทศไทย ฝ่ายเศรษฐกิจยาง 1.2) การน้าเข้าและส่งออกของโลก การน้าเข้าของโลก เม่ือประเทศผู้ใช้ยางมีปรมิ าณผลผลิตยางไม่เพียงพอต่อการผลิตจึงทาให้ต้องมีการนาเข้า เพ่อื ผลติ ผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยบางประเทศนาเขา้ ยางแปรรูปวัตถดุ บิ (ยางแผ่นรมควัน ยางแทง่ น้ายางข้น ฯลฯ) เพ่ือส่งขายต่อไปยงั ประเทศคู่ค้า ในขณะท่ีบางประเทศนาไปผลติ เป็นผลิตภณั ฑ์ข้ันปลายเพ่ือใช้ใน ประเทศและส่งออกให้กับประเทศคู่ค้า และหากผลิตภัณฑ์ขั้นปลายไม่เพียงพอต่อความต้องการจึงต้อง นาเข้าจากประเทศคู่ค้า และในช่วงปี 2558 - 2563 การนาเข้ายางและผลติ ภณั ฑ์ยาง (HS 40) ของโลก มอี ตั ราการเตบิ โตเฉล่ีย ร้อยละ 1.63 ต่อปี และประเทศท่ีมอี ัตราการเตบิ โตเฉลย่ี ต่อปี (CAGR ปี 2558 - 2563) มากท่ีสุด คือ เนเธอร์แลนด์ (ร้อยละ 2.61) รองลงมา คือ จีน (ร้อยละ 2.49) สหราชอาณาจักร (ร้อยละ 1.85) และ สหรัฐอเมริกา (ร้อยละ 1.71) ในขณะที่ประเทศเม็กซิโก แคนาดา และเยอรมนี มูลค่าการนาเข้าหดตัวเฉล่ียร้อยละ 1.16, 0.42 และ 0.06 ตามลาดับ และในปี 2563 มูลค่าการนาเข้า ของโลก อยู่ที่ 179,471 ลดลงจากปี 2562 ร้อยละ 6.75 สาหรับประเทศท่ีมีการนาเข้ามากที่สุดยังคง การยางแหง่ ประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกจิ ยาง RAOT 9
เป็นประเทศสหรัฐอเมริกา มูลค่า 28,498 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมา คือ จีน เยอรมนี และฝรั่งเศส ซ่ึ ง จ ะ เ ห็ น ไ ด้ ว่ า ป ร ะ เ ท ศ เ ห ล่ า น้ี เ ป็ น ป ร ะ เ ท ศ ท่ี มี ค ว า ม เ จ ริ ญ ท า ง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ อั น ดั บ ต้ น ข อ ง โ ล ก เป็นประเทศทีม่ อี ุตสาหกรรมเกีย่ วเนือ่ งกับยางและผลิตภัณฑ์ยางขนาดใหญ่ (ตารางที่ 2) ตารางที่ 2 มลู คา่ การนาเขา้ ยางและผลิตภณั ฑ์ยาง (HS 40) ของโลก หน่วย :ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประเทศผนู้ า้ เขา้ 2558 2559 2560 2561 2562 2563 CAGR (%) 1. สหรฐั อเมริกา 27,907 26,164 27,903 29,954 30,084 28,498 1.71 2. จนี 14,158 13,823 18,888 16,909 15,371 16,131 2.49 3. เยอรมนี 14,514 14,846 16,027 16,898 15,261 14,065 -0.06 4. ฝรงั่ เศส 6,666 6,409 7,112 7,639 7,071 6,226 0.07 5. แคนาดา 6,187 5,795 6,245 6,468 6,296 5,674 -0.42 6. สหราชอาณาจักร 5,246 4,899 5,444 5,743 5,281 5,639 1.85 7. เม็กซิโก 6,564 6,109 6,862 7,020 6,850 5,621 -1.16 8. อิตาลี 4,550 4,543 5,011 5,293 4,997 4,514 0.86 9. เนเธอรแ์ ลนด์ 4,043 4,060 4,478 4,795 4,657 4,400 2.61 10. ญ่ปี ุ่น 4,246 4,000 4,668 4,632 4,657 4,234 1.25 11. อื่นๆ 80,490 78,189 89,600 93,581 91,939 84,470 2.23 รวม 174,570 168,837 192,239 198,933 192,464 179,471 1.63 ท่มี า : Tradmap (2021) ในชว่ งปี 2558 – 2563 การนาเข้ายางธรรมชาติ (HS 4001) ของโลก หดตวั เฉล่ียร้อยละ 1.66 ต่อปี และประเทศที่มอี ัตราการเติบโตเฉล่ียต่อปี (CAGR ปี 2558 - 2563) มากทีส่ ุด คือ เวียดนาม (ร้อยละ 29.49) รองลงมา คือ ตรุ กี (ร้อยละ 5.29) มาเลเชีย (รอ้ ยละ 1.68) และ สเปน (ร้อยละ 0.33) ในขณะท่ีประเทศเยอรมนี เกาหลีใต้ จีน และญ่ีปุ่น มีมูลค่าการนาเข้าหดตัวเฉล่ียร้อยละ 9.72, 5.63, 4.20 และ 2.55 ตามลาดับ ซ่ึงจะเห็นได้ว่าคคู่ ้าทสี่ าคัญของไทยหลายประเทศมีแนวโนม้ การนาเขา้ ลดลง และในปี 2563 มูลค่าการนาเข้ายางธรรมชาติ (HS 4001) ของโลก อยู่ท่ี 12,460 ลดลงจากปี 2562 ร้อยละ 10.84 สาหรับประเทศท่ีมีการนาเข้ามากท่ีสุดยังคงเป็นประเทศจีน มูลค่า 3,076 ล้านดอลลาร์ สหรฐั รองลงมา คอื มาเลเซีย สหรฐั อเมรกิ า และ ญี่ป่นุ (ตารางที่ 3) การยางแหง่ ประเทศไทย ฝ่ายเศรษฐกิจยาง RAOT 10
ตารางที่ 3 มลู คา่ การนาเขา้ ยางธรรมชาติ (HS 4001) ของโลก หน่วย :ลา้ นดอลลารส์ หรัฐ ประเทศผูน้ า้ เข้า 2558 2559 2560 2561 2562 2563 CAGR (%) 1. จนี มลู คา่ 3,917 3,352 4,917 3,607 3,369 3,076 -4.20 สัดส่วน 27.38 26.47 27.88 24.78 24.11 24.69 การเตบิ โต (%) -3.33 5.32 -11.13 -2.70 2.41 2. มาเลเซยี มลู ค่า 1,310 1,167 1,782 1,313 1,320 1,453 1.68 สัดสว่ น 9.16 9.21 10.10 9.02 9.44 11.66 การเติบโต (%) 0.60 9.67 -10.70 4.68 23.49 3. สหรัฐอเมริกา มูลคา่ 1,657 1,472 1,968 1,729 1,735 1,356 -1.80 สัดส่วน 11.58 11.62 11.16 11.87 12.42 10.89 การเตบิ โต (%) 0.33 -3.95 6.39 4.57 -12.32 4. ญปี่ นุ่ มูลค่า 1,088 929 1,339 1,109 1,125 841 -2.55 สดั สว่ น 7.61 7.33 7.59 7.62 8.05 6.75 การเติบโต (%) -3.59 3.49 0.40 5.67 -16.21 5. เวียดนาม มลู คา่ 158 184 333 317 366 644 29.49 สดั ส่วน 1.10 1.45 1.89 2.18 2.62 5.17 การเติบโต (%) 31.88 29.75 15.46 20.22 97.31 6. อนิ เดยี มลู ค่า 722 656 754 923 736 545 -2.45 สัดสว่ น 5.05 5.18 4.28 6.34 5.26 4.37 การเติบโต (%) 2.58 -17.42 48.17 -16.94 -16.96 7. เกาหลใี ต้ มูลค่า 612 537 716 564 531 431 -5.63 สดั สว่ น 4.28 4.24 4.06 3.87 3.80 3.46 การเตบิ โต (%) -0.91 -4.23 -4.61 -1.88 -9.06 8. เยอรมนี มูลค่า 595 481 596 477 403 350 -9.27 สัดส่วน 4.16 3.80 3.38 3.28 2.89 2.81 การเติบโต (%) -8.77 -10.93 -3.12 -11.89 -2.69 การยางแหง่ ประเทศไทย ฝ่ายเศรษฐกิจยาง RAOT 11
ตารางที่ 3 (ตอ่ ) หนว่ ย :ลา้ นดอลลารส์ หรฐั ประเทศผนู้ า้ เข้า 2558 2559 2560 2561 2562 2563 CAGR 9. ตุรกี มลู ค่า (%) 257 228 345 สัดส่วน 1.79 1.80 1.96 324 314 308 5.29 การเติบโต (%) 8.68 10. สเปน มลู คา่ 0.41 373 2.23 2.25 2.47 สัดสว่ น 283 242 2.12 การเติบโต (%) 1.98 1.91 10.89 13.77 0.85 9.98 รวม มลู คา่ 17,636 การเตบิ โต (%) -3.43 39.25 294 297 268 0.33 14,305 12,665 ทีม่ า : Tradmap (2021) 2.02 2.12 2.15 -11.46 -4.69 5.33 1.34 14,558 13,974 12,460 -1.66 -17.45 -4.01 -10.84 แต่อย่างไรกต็ ามประเทศผู้นาเขา้ หลายประเทศทงั้ จีน มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา ญ่ีปุ่น และ เวียดนาม เน่ืองจากประเทศเหล่านี้มีการผลิตในประเทศไม่เพียงพอทาให้ต้องพ่ึงพาการนาเข้าเป็นหลัก โดยประเทศผู้นาเข้าหลัก 5 ประเทศ มีการนาเข้ายางธรรมชาติในปี 2563 ดังนี้ จีนนาเข้ายางธรรมชาติ (ยางแท่ง ยางแผ่นรมควัน และน้ายางข้น) รวมมูลค่า 2,720.03 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ยางแท่ง 1,530.14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 23.17 ของมูลค่าการนาเข้ายางแท่งทั่วโลก เป็นยางแผ่นรมควัน 258.53 ลา้ นดอลลารส์ หรัฐ คดิ เป็นร้อยละ 22.14 ของมลู ค่าการนาเขา้ ยางแผน่ รมควันทั่วโลก และน้ายางข้น 633.56 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 34.48 ของมูลค่าการนาเขา้ น้ายางข้นทว่ั โลก มาเลเซียนาเข้า ยางธรรมชาติรวมมูลค่า 908.48 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นยางแท่ง 224.03 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 2.84 ของมูลค่าการนาเข้ายางแท่งท่ัวโลก ยางแผ่นรมควัน 46.62 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 3.99 ของมูลค่าการนาเข้ายางแผ่นรมควันทั่วโลก และน้ายางข้น 637.83 ล้านดอลลาร์ สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 34.71 ของมูลค่าการนาเข้าน้ายางข้นทั่วโลก สหรัฐอเมริกานาเข้ายางธรรมชาติ รวมมูลค่า 1,350.22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นยางแท่ง 1,145.53 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 14.52 ของมูลค่าการนาเข้ายางแท่งทั่วโลก ยางแผ่นรมควัน 152.93 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 13.09 ของมูลค่าการนาเข้ายางแผ่นรมควันทั่วโลก และน้ายางข้น 51.77 ล้านดอลลาร์ สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 2.82 ของมูลค่าการนาเข้าน้ายางข้นทั่วโลก เวียดนามนาเข้ายางธรรมชาติ รวมมูลค่า 392.32 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นยางแท่ง 325.02 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 4.12 ของมูลค่าการนาเข้ายางแท่งทั่วโลก ยางแผ่นรมควัน 32.85 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 2.81 การยางแห่งประเทศไทย ฝ่ายเศรษฐกิจยาง RAOT 12
ของมูลค่าการนาเข้ายางแผ่นรมควันทั่วโลก และน้ายางข้น 34.44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 1.87 ของมูลคา่ การนาเข้าน้ายางข้นท่วั โลก (ตารางท่ี 4) เมื่อพิจารณาการนาเข้าของประเทศผู้นาเข้าท้ัง 4 ประเทศ คือ จีน มาเลเซีย สหรัฐฯ ญปี่ นุ่ และเวียดนาม จะพบว่าทั้ง 5 ประเทศมกี ารแบ่งตลาดยางพารากนั ค่อนข้างชัดเจน คือ จีน ส่วนใหญ่นาเข้ายางแท่งและยางแผ่นรมควันเป็นหลัก เพื่อใช้ในการผลิตยางล้อ และจีนคาดวา่ ยอดขายรถยนตป์ ี 2564 จะเพ่มิ ขนึ้ จากปที ี่ผ่านมาประมาณ ร้อยละ 4 หรือ 26.3 ลา้ นคัน และมีอัตราการเจริญเติบโตของรถยนต์พลังงานใหม่เพ่ือลดการใช้คาร์บอนซึ่งจะเพิ่มสูงขึ้น ร้อยละ 40 ในขณะท่ีตลาดยางรถยนต์ส่วนบุคคลและรถบรรทุกขนาดเล็กคาดว่าจะขยายตัว ร้อยละ 6 – 10 และ ยางล้อรถบรรทุกร้อยละ 4 - 8 โดยแหล่งผลิตยางล้อท่ีสาคัญของจีน คือ มณฑลซางตง เจียงชู และ เจ้อเจียง แต่อย่างไรก็ตาม ปัญหาการใช้มาตรการ Anti-dumping ของสหรัฐฯ ส่งผลต่อความต้องการ วัตถดุ ิบเพ่ือผลิตยางล้อลดลง ซ่ึงอาจส่งผลกระทบต่อการนาเข้ายางผสมและยางคอมปาวด์ลดลงเช่นกัน สาหรับตลาดหลกั ท่ีจีนนาเข้ายางแท่งและยางแผ่นรมควัน คือ ไทย แต่อย่างไรก็ตามพมา่ ถือเปน็ คู่แข่งที่ สาคัญของไทย เนอ่ื งจากจีนนาเขา้ ยางแผน่ รมควันในสดั ส่วนทใ่ี กล้เคยี งกับไทย มาเลเซีย ส่วนใหญ่นาเข้าน้ายางข้นจากไทย เน่ืองจากผลผลิตน้ายางธรรมชาติของ มาเลเซียไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้จึงต้องพึ่งพาการนาเข้า และอุตสาหกรรมในมาเลเซียส่วนใหญ่ เป็นอุสาหกรรมผลิตถุงมือยาง ถุงยางอนามยั และอุตสาหกรรมผลิตยาง สหรัฐฯ ส่วนใหญ่นาเข้ายางแท่ง สาหรับความต้องการยางธรรมชาติของสหรัฐ มแี นวโน้มลดลง เนอ่ื งจากความต้องการยางสังเคราะห์เพม่ิ ข้นึ และความไม่แนน่ อนของความต้องการใช้ยาง รถยนต์ของอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ ตลาดนาเข้าหลัก คือ อินโดนีเซีย ซึง่ เป็นคู่แข่งทีส่ าคัญของไทย ญ่ีปุ่น ส่วนใหญ่นาเข้ายางแผ่นรมควันและยางแท่ง สาหรับญ่ีผลิตภัณฑ์ท่ีมีปริมาณผลิต เพ่ิมขึ้น ได้แก่ สายพานยาง สายยาง อุปกรณ์ทางการแพทย์ และอุปกรณ์กีฬา ในขณะท่ีการผลิตยางล้อ รถยนต์ลดลง เน่ืองจากความต้องการยางล้อรถยนต์ลดลงและการขาดแคลน Semiconductor และทาให้ ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่น Toyota Motor Corp ปรับลดการผลิตท่ัวโลกลงร้อยละ 40 สาหรับยาง ท่ีนาเข้ามาในประเทศญ่ีปุ่น ร้อยละ 90 นาเข้าโดยบริษัท Sumitomo , Yokohama และ Bridge stone ตลาดนาเข้าหลัก คอื ไทย และอินโดนเี ซยี เวียดนาม ส่วนใหญ่นาเข้ายางแท่ง และอุตสาหกรรมยางในเวียดนามส่วนใหญ่เป็น อตุ สาหกรรมผลิตยางล้อ อุตสาหกรรมผลิตพ้ืนรองเท้า ท่อยาง และอื่นๆ เช่น ถุงมือยาง ท่ีนอนยาง เป็นต้น ตลาดนาเข้าหลัก คือ กัมพูชา ดังน้ันจึงสรุปได้ว่า ตลาดยางแท่ง ไทยครองส่วนแบ่งทางการตลาดในตลาดยางจีน ในขณะที่อินโดนีเซียครองส่วนแบ่งทางการตลาดในสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ตลาดยางแผ่นรมควัน ไทย ครองส่วนแบ่งทางการตลาดในตลาดยางจีน สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ในขณะท่ีกัมพูชาครองส่วนแบ่งทาง การตลาดในตลาดยางเวียดนาม และตลาดน้ายางข้น ไทยครองส่วนแบ่งทางการตลาดในตลาดยางจีน การยางแห่งประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกิจยาง RAOT 13
สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย และ เวียดนาม ในขณะท่ีมาเลเซียครองส่วนแบ่งทางการตลาดในและญ่ีปุ่น (ตารางท่ี 4) ตารางท่ี 4 มูลค่าการนาเข้ายางธรรมชาติ (ยางแท่ง ยางแผ่นรมควัน และน้ายางขน้ ) ของประเทศผูน้ าเข้าท่ีสาคัญ หนว่ ย :ลา้ นดอลลาร์สหรฐั ชนิดยาง จีน มาเลเซีย สหรัฐฯ ญีป่ นุ่ เวยี ดนาม โลก ยางแท่ง มูลค่า 1,827.94 224.03 1,145.53 647.18 325.02 7,888.96 สัดสว่ น 23.17 2.84 14.52 8.20 4.12 1,167.90 ตลาดนาเข้า ไทย โกตดวิ ัวร์ อนิ โดนเี ซีย อินโดนีเซยี กมั พูชา (39.64%) (35.87%) (65.89%) (81.28%) (63.17%) ยางแผ่น มลู ค่า อนิ โดนเี ซยี ไทย ไทย ไทย ลาว รมควนั สัดสว่ น (20.58%) (17.16%) (16.73%) (15.36%) (25.84%) ตลาดนาเข้า และ และ และ โกตดิ และ และ มาเลเซยี อนิ โดนเี ซีย วัวร์ เวียดนาม อินโดนเี ซีย (20.52%) (10.71%) (5.55%) (1.92%) (4.53%) 258.53 46.62 152.93 166.73 32.85 22.14 3.99 13.09 14.28 2.81 ไทย พมา่ ไทย ไทย กัมพูชา (44.84%) (73.96%) (67.00%) (91.05%) (61.62%) พม่า โกตดิวัวร์ โกตดิวัวร์ อินโดนเี ซยี พมา่ (31.26%) (11.34%) (13.49%) (8.29%) และ (20.63%) และ และ ไทย และ พม่า (0.27%) และ ไทย อินโดนเี ซยี (8.39%) อนิ โดนเี ซยี (10.04%) (11.75%) (10.88%) 7.96 น้ายางข้น มูลคา่ 633.56 637.83 51.77 0.43 34.44 1,837.37 สัดสว่ น 34.48 34.71 2.82 มาเลเซยี 1.87 ตลาดนาเข้า ไทย ไทย ไทย (57.56%) ไทย (66.21%) (99.35%) (37.75%) ไทย (96.81%) เวยี ดนาม ศรีลังกา กัวเตมาลา (41.19%) มาเลเซีย (20.21%) (0.26%) (19.70%) และ (3.10%) และลาว และ และ เวยี ดนาม และ จนี (6.83%) เวยี ดนาม แคเมอรนู (1.23%) (0.03%) (0.13%) (16.51%) 821.87 รวมมลู คา่ การน้าเข้า 2,720.03 908.48 1,350.22 392.32 10,894.23 ที่มา : Tradmap (2021) การยางแหง่ ประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกจิ ยาง RAOT 14
การส่งออกของโลก ในช่วงปี 2558 - 2563 การนาเข้ายางและผลิตภัณฑ์ยาง (HS 40) ของโลกหดตัวเฉล่ีย ร้อยละ 1.69 ต่อปี และประเทศท่ีมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR ปี 2558 - 2563) มากที่สุด คือ ญ่ีปุ่น (ร้อยละ 42.24) รองลงมา คือ เยอรมนี (ร้อยละ 19.89) อินโดนีเซีย ี(ร้อยละ 11.26) เกาหลีใต้ (ร้อยละ 10.31) และ ฝรั่งเศส (ร้อยละ 1.93) ในขณะที่ประเทศจีน สหรัฐอเมริกา ไทย และมาเลเซีย การสง่ ออกหดตัวเฉล่ยี ร้อยละ 6.27, 4.05, 3.24 และ 3.15 ตามลาดบั และในปี 2563 มลู คา่ การสง่ ออก ของโลก อยู่ท่ี 11,606 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากปี 2562 ร้อยละ 7.41 สาหรับประเทศที่มีการ ส่งออกมากที่สุดยังคงเป็นประเทศจีน มูลค่า 3,482 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมา คือ ไทย เยอรมนี มาเลเซีย และ สหรฐั อเมรกิ า (ตารางที่ 5) ตารางท่ี 5 มูลคา่ การส่งออกยางและผลติ ภณั ฑ์ยาง (HS 40) ของโลก หนว่ ย :ล้านดอลลารส์ หรฐั ประเทศผู้ 2558 2559 2560 2561 2562 2563 CAGR ส่งออก (%) 1. จีน 4,984 4,414 6,040 4,561 4,140 3,482 -6.27 2. ไทย 3,701 3,372 5,105 3,951 3,527 3,012 -3.24 3. เยอรมนี 501 551 841 754 906 1,353 19.89 4. มาเลเซีย 1,066 881 943 954 1,005 786 -3.15 5. สหรัฐอเมรกิ า 1,038 873 1,100 936 911 782 -4.05 6. ญปี่ ุ่น 61 75 153 168 217 370 42.24 7. เกาหลีใต้ 161 161 251 218 220 274 10.31 8. อนิ โดนีเซยี 117 143 213 184 182 220 11.26 9. ฝรง่ั เศส 138 120 176 148 145 146 1.93 10. โปแลนด์ 0 0 72 126 145 115 - 11. อ่ืนๆ 1,293 1,111 1,430 1,185 1,136 1,066 -3.05 รวม 13,060 11,702 16,324 13,185 12,535 11,606 -1.69 ที่มา : Tradmap (2021) ในช่วงปี 2558 – 2563 การส่งออกยางธรรมชาติ (HS 4001) ของโลก หดตัวเฉล่ีย ร้อยละ 1.69 ต่อปี และประเทศท่ีมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR ปี 2558 - 2563) มากที่สุด คือ ลาว (ร้อยละ 42.24) รองลงมา คือ โกตดิวัวร์ (ร้อยละ 29.49) พม่า (ร้อยละ 11.26) กัมพูชา (ร้อยละ 10.31) และ กัวเตมาลา (ร้อยละ 1.93) ในขณะท่ีประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม มูลค่าการส่งออกหดตัวเฉลี่ยร้อยละ 6.27, 4.05, 3.24 และ 23.15 ตามลาดับ ซึ่งจะเห็นได้ประเทศ ส่วนแบ่งทางการตลาดของประเทศลาว พม่า และกัมพูชา มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในขณะท่ีส่วนแบ่งทาง การยางแห่งประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกจิ ยาง RAOT 15
การตลาดของประเทศไทยและอินโดนีเซีย และมาเลเซีย มีแนวโน้มลดลง และในปี 2563 มูลค่าการ ส่งออกยางธรรมชาติ (HS 4001) ของโลก อยู่ท่ี 11,606 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากปี 2562 ร้อยละ 7.41 สาหรับประเทศท่ีมีการส่งออกมากที่สุดยังคงเป็นประเทศไทย มูลค่า 3,482 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมา คือ อินโดนีเซีย โกตดิวัวร์ เวียดนาม และ มาเลเซีย รวม 5 ประเทศมีสัดส่วนของมูลค่าการ สง่ ออกถงึ ร้อยละ 81.12 ของมูลค่าการส่งออกยางทั้งหมด โดยมีประเทศผสู้ ่งออกที่สาคัญอ่ืน ๆ คือ ลาว กัมพูชา พม่า กัวเตมาลา และไลบีเรีย และแม้ว่าประเทศดังกล่าวมีการขยายตัวของการส่งออกแต่มี บทบาทในตลาดโลกน้อยมาก (ตารางท่ี 6) ตารางท่ี 6 มลู ค่าการส่งออกยางธรรมชาติ (HS 4001) ของโลก หน่วย :ล้านดอลลารส์ หรัฐ ประเทศผูส้ ง่ ออก 2558 2559 2560 2561 2562 2563 CAGR (%) 1. ไทย มูลค่า 4,984 4,414 6,040 4,561 4,140 3,482 -6.27 สดั ส่วน 38.16 37.72 37.00 34.59 33.03 30.00 การเตบิ โต (%) -1.15 -1.90 -6.52 -4.51 -9.17 2. อนิ โดนเี ซยี มูลค่า 3,701 3,372 5,105 3,951 3,527 3,012 -3.24 สดั ส่วน 28.34 28.82 31.27 29.97 28.14 25.95 การเติบโต (%) 1.68 8.52 -4.17 -6.11 -7.78 3. โกตดิววั ร์ มูลคา่ 501 551 841 754 906 1,353 19.89 สดั สว่ น 3.84 4.71 5.15 5.72 7.23 11.66 การเติบโต (%) 22.63 9.39 10.99 26.52 61.27 4. เวยี ดนาม มูลคา่ 1,066 881 943 954 1,005 786 -3.15 สดั ส่วน 8.16 7.53 5.78 7.23 8.02 6.77 การเตบิ โต (%) -7.73 -23.29 25.21 10.83 -15.55 5. มาเลเซยี มลู ค่า 1,038 873 1,100 936 911 782 -4.05 สดั สว่ น 7.94 7.46 6.74 7.10 7.27 6.74 การเตบิ โต (%) -6.08 -9.69 5.34 2.37 -7.25 6. ลาว มลู คา่ 61 75 153 168 217 370 42.24 สดั ส่วน 0.46 0.64 0.93 1.28 1.73 3.19 การเตบิ โต (%) 37.96 45.71 36.50 36.04 83.91 7. กมั พชู า มลู ค่า 161 161 251 218 220 274 10.31 สัดส่วน 1.24 1.37 1.54 1.65 1.75 2.36 การเตบิ โต (%) 10.96 12.13 7.46 6.01 34.49 การยางแห่งประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกจิ ยาง RAOT 16
ตารางท่ี 6 (ตอ่ ) หนว่ ย :ลา้ นดอลลาร์สหรัฐ ประเทศผสู้ ่งออก 2558 2559 2560 2561 2562 2563 CAGR (%) 8. พมา่ มูลค่า 117 143 213 184 182 220 11.26 สัดส่วน 0.89 1.23 1.30 1.39 1.45 1.89 การเติบโต (%) 37.23 6.36 6.87 4.39 30.10 9. กวั เตมาลา มูลคา่ 138 120 176 148 145 146 1.93 สดั ส่วน 1.06 1.03 1.08 1.13 1.16 1.26 การเตบิ โต (%) -2.71 4.80 4.41 2.60 9.10 10. ไลบีเรีย ปริมาณ 0 0 72 126 145 115 - สัดส่วน 0.00 0.00 0.44 0.96 1.15 0.99 การเติบโต (%) 117.46 20.23 -14.09 รวม ปริมาณ 13,060 11,702 16,324 13,185 12,535 11,606 -1.69 การเติบโต (%) -10.40 39.50 -19.23 -4.93 -7.41 ท่ีมา : Tradmap (2021) แต่อย่างไรก็ตามประเทศผผู้ ลิตหลายประเทศทัง้ ไทย อนิ โดนเี ซีย เวียดนาม และมาเลเซีย ได้ใช้ยางธรรมชาติที่ผลิตได้เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ยางในประเทศมากข้ึน โดยประเทศผู้ส่งออกหลัก 4 ประเทศ มีการส่งออกยางธรรมชาติในปี 2563 ดังนี้ ไทยส่งออกยางธรรมชาติ (ยางแท่ง ยางแผ่นรมควัน และน้ายางข้น) รวมมูลค่า 3,437.91 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ยางแท่ง 1,530.14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น รอ้ ยละ 20.29 ของมูลค่าส่งออกยางแท่งท่ัวโลก เป็นยางแผ่นรมควนั 645.37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น ร้อยละ 56.02 ของมูลค่าส่งออกยางแผ่นรมควันทั่วโลก และน้ายางข้น 1,262.39 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คดิ เป็นร้อยละ 72.85 ของมูลค่าส่งออกน้ายางข้นทั่วโลก ไทยจึงเป็นผู้ส่งออกน้ายางข้นและยางแผ่นรมควัน มากที่สุดในโลก อินโดนีเซียส่งออกยางธรรมชาติรวมมูลค่า 3,010.19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นยางแท่ง 102.71 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 8.91 ของมูลค่าส่งออกยางแท่งทั่วโลก ยางแผ่นรมควัน 2,900.92 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 56.02 ของมูลค่าส่งออกยางแผ่นรมควันทั่วโลก และน้ายางข้น 6.56 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 0.38 ของมูลค่าส่งออกน้ายางข้นทั่วโลก เวียดนามส่งออกยางธรรมชาติรวมมูลค่า 783.56 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นยางแท่ง 474.69 ล้านดอลลาร์ สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 6.29 ของมูลค่าส่งออกยางแท่งทั่วโลก ยางแผ่นรมควัน 104.718 ล้านดอลลาร์ สหรัฐ คิดเปน็ ร้อยละ 9.09 ของมลู ค่าส่งออกยางแผ่นรมควันทั่วโลก และน้ายางข้น 204.158 ล้านดอลลาร์ สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 011.78 ของมูลค่าส่งออกน้ายางข้นทั่วโลก ส่วนมาเลเซียส่งออกยางแท่งเป็น ส่วนใหญ่ โดยมีการส่งออกยางแท่ง 737.02 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คดิ เป็นร้อยละ 9.77 ของมูลค่าส่งออกยาง การยางแหง่ ประเทศไทย ฝ่ายเศรษฐกิจยาง RAOT 17
แท่งทั่วโลก และน้ายางข้น 43.16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 2.49 ของมูลค่าส่งออกน้ายางข้น ท่ัวโลก (ตารางท่ี 7) เม่ือพิจารณาการแข่งขันของประเทศผู้ส่งออกยางพาราท้ัง 4 ประเทศ คือ ไทย อินโดนเี ซีย เวยี ดนาม และมาเลเซีย จะพบวา่ ทัง้ สปี่ ระเทศมีการแบ่งตลาดยางพารากันค่อนข้างชัดเจน คอื ไทยส่วนใหญ่ส่งออกยางแท่งและน้ายางข้น ซึ่งตลาดหลักคือ จีน และ มาเลเซีย ส่วนตลาดญ่ีปุ่นยังนิยมใช้ยางแผ่นรมควันของไทยที่เป็นท่ียอมรับว่ามีความยืดหยุ่นสูง คุณภาพดี และ ราคาเหมาะสม อินโดนีเซียส่วนใหญ่ผลิตยางแท่งเช่นเดียวกับมาเลเซียและเวียดนาม แต่ตลาดหลักอยู่ท่ี สหรัฐอเมริกา เนื่องจากบริษัทยางล้อกู๊ดเยียร์ใช้อินโดนีเซียเป็นแหล่งวัตถุดิบสาคัญ ส่วนตลาดยางแผ่น รมควนั ของอนิ โดนีเซีย คือ จีน แตส่ ัดสว่ นการนาเขา้ ยังนอ้ ยกว่าไทย เวียดนามผลิตยางแทง่ และนา้ ยางข้น ท่ีมคี ณุ ภาพดีเหมาะกับการผลิตสนิ ค้าทตี่ ้องการยาง คุณภาพดี เช่นท่อยาง หรือยางท่ีเป็นส่วนประกอบในรถยนต์ การส่งออกส่วนใหญ่ไปยังจีนและ สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย ส่วนใหญ่ส่งออกยางแท่ง ไปยังจีน เยอรมนี และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซ่ึงนิยมใช้ยางแท่งในการผลิตยางรถยนต์ แต่ในช่วงหลังเร่ิมเปลี่ยนมาเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ยางแทนการ ส่งออกวัตถุดิบ และส่งออกน้ายางข้นไปยังตลาดยางญ่ปี นุ่ ตารางที่ 7 มลู ค่าการส่งออกยางธรรมชาติ (ยางแท่ง ยางแผ่นรมควัน และน้ายางขน้ ) ของประเทศผู้ส่งออกทส่ี าคัญ หน่วย :ล้านดอลลารส์ หรัฐ ชนิดยาง ไทย อินโดนเี ซีย เวยี ดนาม มาเลเซยี โลก ยางแทง่ มูลค่า 1,530.14 2,900.92 474.69 737.02 7,542.41 สัดส่วน 20.29 38.46 6.29 9.77 ตลาด จนี (46.54%) สหรัฐฯ จนี จนี (51.29%) สง่ ออก สหรฐั ฯ (20.32%) (20.07%) เยอรมนี (10.84%) อนิ เดยี และสหรฐั อาหรับ (8.99%) ญ่ปี ุ่น (14.05%) เอมเิ รตส์ (4.93%) และ ญ่ปี ุ่น (17.72%) และ เกาหลี (6.75%) และจนี ใต้ (9.62%) (13.06%) การยางแหง่ ประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกจิ ยาง RAOT 18
ตารางท่ี 7 ต่อ) หนว่ ย :ล้านดอลลารส์ หรฐั ชนดิ ยาง ไทย อินโดนเี ซีย เวียดนาม มาเลเซยี โลก ยางแผ่นรมควัน มลู คา่ 645.37 102.71 104.72 - 1,152.13 สัดส่วน 56.02 8.91 9.09 - ตลาด ญ่ปี ุ่น จนี (26.99%) จนี บราซิล ส่งออก (23.99%) สหรฐั ฯ (28.53%) (38.66%) อนิ เดีย อิหร่าน จนี (16.37%) (16.51%) (19.07%) (34.45%) และ และ สหรฐั ฯ และ อนิ เดีย และ ตรุ กี สหรฐั อาหรับเอ (16.01%) (15.67%) (10.97%) มิเรตส์ (13.03%) น้ายางข้น มูลค่า 1,262.39 6.56 204.16 43.16 1,732.86 สัดส่วน 72.85 0.38 11.78 2.49 ตลาด มาเลเซีย เวยี ดนาม สหรัฐฯ สหรัฐฯ ส่งออก (47.67%) (35.50%) (20.32%) (20.32%) บราซิล ญีป่ ุ่น (17.72%) จีน (34.82%) (22.37%) ญป่ี นุ่ และจนี และ เกาหลี และ อินเดีย (17.72%) (13.06%) ใต้ (1.89%) (15.67%) และจนี 3,010.19 (13.06%) รวมมลู ค่าการสง่ ออก 3,437.91 783.56 780.18 10,427.39 ทมี่ า : Tradmap (2021) 1.3) สถานการณ์ยางของประเทศไทย ประเทศไทยมีผลผลิตยางพารามากเป็นอันดับ 1 ของโลก ในปี 2563 อยู่ที่ 4.69 ล้านตนั หรือรอ้ ยละ 35.28 ของผลผลิตยางโลก และมอี ัตราการเติบโตเฉลี่ย 1.34 ต่อปี (CAGR ปี 2558 - 2563) โดยปริมาณผลผลิตดังกล่าวแบ่งออกเป็นส่งออกยางแปรรูปขนั้ กลาง (ยางแท่ง ยางแผ่นรมควัน น้ายางข้น น้ายางสด ฯลฯ) จานวน 3.79 ล้านตัน (ร้อยละ 78) การใช้ยางในประเทศรวมถึงการผลิต ผลิตภัณฑ์ยาง จานวน 0.69 ล้านตัน (ร้อยละ 14) และส่วนท่ีเหลือร้อยละ 8 เป็นสต็อกยางท่ผี ู้ผลิตเก็บ สารองไว้เพ่อื ความตอ่ เนื่องและสภาพคล่องในกระบวนการผลติ (ภาพท่ี 7) การยางแห่งประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกจิ ยาง RAOT 19
ภาพท่ี 7 การผลิต การใช้ และสง่ ออกยางธรรมชาติของไทย ลา้ นตนั 0.65 0.65 0.72 0.77 0.69 6 3.82 4.40 4.46 3.98 3.79 5 0.60 4.35 4.43 4.97 4.85 4.49 4 3 3.75 2 4.47 1 0 2558 2559 2560 2561 2562 2563 การใช้ การผลติ การสง่ ออก ที่มา : การยางแห่งประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกิจยาง (2564) การส่งออกยางธรรมชาติของไทยไปประเทศผู้ซ้ือปลายทาง 5 อันดับแรก พบว่า การส่งออกยางไปประเทศจีนมีแนวโน้มลดลง ซึ่งเห็นได้จากอัตราการเติบโตเฉล่ียหดตัวร้อยละ 2.11 ต่อปี (CAGR ปี 2558 – 2563) อนั เน่ืองมาจากการเพมิ่ สดั ส่วนการนาเขา้ จากประเทศคู่แข่งใน CLMV ทาให้มี การนาเข้ายางแผ่นจากประเทศไทยลดลง ประกอบกับผลจากสงครามการค้าระหว่างจีนและ สหรัฐอเมริกาที่ทาให้อุปสงค์การนาเข้าจากจีนชะลอตัวลงด้วย ในขณะท่ีการส่งออกไปยังประเทศอ่ืนๆ คอ่ นข้างคงท่ี (ตารางท่ี 8) ตารางท่ี 8 ตลาดสง่ ออกยางธรรมชาติทส่ี าคัญของไทย ปี พ.ศ. 2558 - 2563 หนว่ ย : ลา้ นบาท ประเทศ 2558 2559 2560 2561 2562 2563 CAGR (%) 1. จีน 112,869 113,974 176,984 135,190 106,411 106,926 -2.11 0.00 2. มาเลเซีย 22,431 20,664 26,405 21,132 18,346 20,548 0.00 0.01 3. ญีป่ ุน่ 13,018 10,986 15,343 11,162 11,787 9,587 0.01 0.00 4. สหรัฐอเมรกิ า 9,057 10,498 13,171 10,920 10,228 8,290 0.00 5. เกาหลใี ต้ 9,169 6,828 7,393 5,566 4,851 4,089 6. อน่ื ๆ 36,378 37,149 48,449 41,190 39,027 32,494 รวม 202,922 200,098 287,744 225,160 190,650 181,933 ท่ีมา: กรมศลุ กากร ประมวลผลโดย ฝ่ายวิจัยและพฒั นาเศรษฐกจิ ยาง กองวจิ ัยเศรษฐกจิ ยาง การยางแหง่ ประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกิจยาง RAOT 20
มูลค่าการส่งออกยางและผลิตภัณฑ์ยาง (HS 40) ของไทยมีอัตราการเติบโตเฉล่ีย 2.71 ต่อปี (CAGR ปี 2558 – 2563) สร้างรายได้ให้กับประเทศ จาก 419,483 ล้านบาท ในปี 2558 สู่ 484,212 ล้านบาท ในปี 2563 โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากผลิตภัณฑ์ยาง ร้อยละ 60 ยางธรรมชาติ ร้อยละ 38 และยางสังเคราะห์ เพียงร้อยละ 2 สาหรับยางธรรมชาติท่ีมีอัตราการเติบโตเฉล่ียต่อปี มากที่สุด คือ ยางผสม (Mixture) (CAGR ร้อยละ 38.88) น้ายางสด (CAGR ร้อยละ 12.43) และยาง ก้อนถ้วย (CAGR ร้อยละ 4.08) ในขณะที่ยางชนิดอ่ืนๆ หดตัว และหากเปรียบเทียบมูลค่าส่งออกปี 2562 – 2563 พบว่า ปี 2563 ชนิดยางที่มีมูลค่าการส่งออกขยายตัวมากที่สุด คือ ยางเครพ ร้อยละ 42.57 (YOY) รองลงมา คือ ยางผสม (Mixture) ร้อยละ 20.53 (YOY) และ น้ายางข้น ร้อยละ 11.17 (YOY) (ตารางท่ี 9) ตารางที่ 9 มูลคา่ การส่งออกยางและผลิตภณั ฑย์ าง (HS 40) ของไทย ปี 2558 - 2563 (หน่วย: ลา้ นบาท) รายการ 2558 2559 2560 2561 2562 2563 YOY CAGR (%) (%) ยางธรรมชาติ 202,931 200,098 287,745 225,160 190,650 181,934 -4.57 -2.64 ยางผสม 8,993 32,916 71,911 66,313 54,373 65,538 20.53 38.33 ยางแท่ง 91,464 82,693 98,117 71,144 67,196 47,856 -28.78 -11.26 นา้ ยางขน้ 39,356 39,560 51,247 43,000 35,149 39,076 11.17 -1.60 ยางแผ่นรมควนั 35,619 31,181 48,524 28,774 23,660 20,184 -14.69 -11.28 ยางคอมปาวด์ 23,519 11,416 11,277 11,503 7,786 7,485 -3.87 -17.78 ยางสกิม 1,373 950 1,252 1,051 554 473 -14.62 -18.41 น้ายางสด 190 350 514 353 439 406 -7.52 12.43 ยางกอ้ นถว้ ย 640 294 1,515 1,625 1,059 387 -63.46 4.08 ยางเครพ 612 289 3,066 1,173 249 355 42.57 -11.13 ยางแผ่นผง่ึ แหง้ 283 202 219 126 106 98 -7.55 -19.95 ยางอื่น ๆ 882 247 103 98 79 76 -3.80 -31.46 ยางสงั เคราะห์ 9,946 9,496 12,464 12,579 12,571 10,012 -20.36 2.56 ผลิตภณั ฑย์ าง 206,606 218,996 251,094 262,933 272,818 292,266 7.13 7.22 รวมมูลค่าการ ส่งออกยางและ 419,483 428,590 551,303 500,672 476,039 484,212 1.72 2.71 ผลติ ภณั ฑย์ าง การยางแหง่ ประเทศไทย ฝ่ายเศรษฐกจิ ยาง RAOT 21
สาหรับราคายางของไทยในเดือนสิงหาคม 2564 เม่ือเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีท่ีผ่านมา ราคายางแผ่รมควันช้ัน 3 F.O.B. กรุงเทพฯ ราคาปรับตัวเพิ่มข้ึน 7.98 บาท/กก. (ร้อยละ 14.67) ตลาด ล่วงหน้าไซคอม ปรับตัวเพ่ิมข้ึน 8.31 บาท/กก. (ร้อยละ 15.14) ตลาดเซ่ียงไฮ้ ปรับตัวเพ่ิมขึ้น 22.81 บาท/กก. (ร้อยละ 45.30) และตลาดโตคอม ปรับตัวเพ่มิ ขนึ้ 25.45 บาท/กก. (ร้อยละ 68.32) และจาก กราฟจะเห็นได้ว่าการเคลื่อนไหวราคายางของไทยกับตลาดล่วงหน้าเปน็ ไปในทิศทางเดียวกันโดยเฉพาะ ตลาดไซคอม (ภาพท่ี 8) สาหรับราคายางในประเทศเดอื นสิงหาคม 2564 ราคายางแผน่ ดบิ คุณภาพดี ราคา ปรับตัวเพ่มิ ขน้ึ 13.24 บาท/กก. (ร้อยละ 34.19) และราคายางแผน่ รมควันชั้น 3 ราคาปรบั ตัวเพ่ิมขึ้น 5.36 บาท/กก. (ร้อยละ 40.69) ซ่ึงราคาซ้ือขายผ่านตลาดกลางยางพาราเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับราคายาง แผร่ มควนั ช้นั 3 F.O.B. กรุงเทพฯ (ภาพท่ี 9) ภาพที่ 8 เปรียบเทยี บราคายางตลาดล่วงหน้า ภาพที่ 9 เปรียบเทียบราคายางในประเทศ ตา่ งประเทศ และ ราคา RSS3 FOB. กรงุ เทพฯ มกราคม 2561 - พฤษภาคม 2564 ที่มา : การยางแห่งประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกจิ ยาง (2564) หมายเหตุ ราคายางแผน่ ดบิ คุณภาพดี และราคายางแผน่ รมควนั ชนั้ 3 เปน็ ราคาเฉล่ยี 3 ตลาด สาหรับแนวโน้มสถานการณ์ยางของไทย คาดว่าการผลิตจะมีแนวโน้มการขยายตัว จาก 4.47 ล้านตัน ในปี 2558 เป็น 4.68 ในปี 2565 และ 4.70 ล้านตัน ในปี 2566 และปริมาณการใช้ใน ประเทศจะขยายตัวจาก 0.60 ล้านตนั ในปี 2558 เป็น 0.65 ในปี 2565 และ 0.69 ล้านตนั ในปี 2566 โดย ได้รับปัจจัยสนับสนุนจาก 1) ภาวะเศรษฐกิจและความต้องการของอุตสาหกรรมเกี่ยวเน่ืองโดยเฉพาะการ ผลิตรถยนต์ ยางล้อ ชิ้นส่วนยานยนต์ ถุงมือยาง และยางยืด 2) ความคืบหน้าของการลงทุนโครงสร้าง พ้นื ฐานท่ีหนุนความต้องการใช้ยางพาราในภาคก่อสร้าง และ 3) มาตรการของภาครฐั ในการสนับสนุนความ ต้องการใช้ยางพารา อาทิ การนายางพารามาใช้ในการทาถนนพาราซอยล์ซีเมนต์ และอุปกรณ์จราจรและ อานวยความปลอดภัย สาหรับการส่งออกยางธรรมชาติจะขยายตัวจาก 3.75 ล้านตัน ในปี 2558 เป็น 4.14 ล้านตันในปี 2565 และ 4.26 ล้านตัน ในปี 2566 (ภาพท่ี 10) เนอื่ งจากภาวะเศรษฐกจิ โลกท่ีจะเติบโตดีข้ึน หลังสถานการณ์ระบาดของ COVID-19 คลี่คลายลงเมื่อมีการใช้วัคซีนแพร่หลายมากขึ้น ส่งผลให้การผลิต ในภาคอุตสาหกรรมท่ีเก่ียวเนื่องท่ัวโลกฟื้นตัวโดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ และการเติบโตต่อเน่ือง การยางแหง่ ประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกิจยาง RAOT 22
ของอุปกรณ์ทางการแพทย์โดยเฉพาะถุงมือยาง และเคร่ืองมือยางทางการแพทย์ซ่ึงยังมีความจาเป็นต้องใช้ ต่อเนื่อง รวมทั้งผลผลิตของประเทศผู้ผลิตยางมีแนวโน้มลดลงโดยอินโดนีเซียและมาเลเซียมีแนวโน้ม ประสบปัญหาโรคใบร่วงยางพารา ประกอบกับมาตรการลดพ้ืนท่ีปลูกยางของ 3 ประเทศ คือ ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ดังน้ัน จึงคาดว่าปัจจัยดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนให้ราคายางปรับตัวสูงข้ึน โดยราคายางแผ่นดิบคุณภาพดี เคล่ือนไหวอยู่ที่ 50 - 69 บาท/กก. และยางแผ่นรมควันชั้น 3 อยู่ท่ี 51 – 77 บาท/กก. (ภาพที่ 11 - 12) ภาพท่ี 10 แนวโน้มการผลิต การใช้ และส่งออกยางธรรมชาติของไทย ที่มา : การยางแหง่ ประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกิจยาง (2564) การยางแหง่ ประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกจิ ยาง RAOT 23
ภาพที่ 11 การพยากรณ์ราคายางแผ่นดบิ คณุ ภาพดี ปี 2546 - 2566 ภาพที่ 12 การพยากรณร์ าคายางแผน่ รมควันช้ัน 3 ปี 2546 - 2566 ทมี่ า : การยางแห่งประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกิจยาง (2564) หมายเหตุ เปอร์เซน็ ต์ความคลาดเคลื่อนสัมบรู ณ์เฉล่ยี (Mean Absolute Percentage Error : MAPE) = 0.18% การยางแห่งประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกจิ ยาง RAOT 24
2) การแบง่ สว่ นตลาด (Market Segment) การแบ่งสว่ นตลาด (Market Segment) ของตลาดยางพาราของการยางแห่งประเทศไทย สามารถแบง่ กลมุ่ ตามของผู้ซ้ือและผู้ขาย ได้ดังน้ี ผ้ซู อื ยาง ผู้ซื้อยางท่ีเข้ามาใช้บริการตลาดยางพาราของการยางแห่งประเทศไทย เพิ่มขึ้นจาก 57 ราย ในปี 2558 เป็น 142 ราย ในปี 2563 หรือมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี ร้อยละ 0.658 (ตารางที่ 10) โดยผู้ซ้ือยางของตลาดกลางยางพาราของ กยท. เพ่ิมขึ้นจาก 57 ราย ในปี 2558 เป็น 142 ราย ในปี 2563 หรือมีอัตราการเติบโตเฉล่ียต่อปี ร้อยละ 0.658 และสามารถจาแนกผู้ซื้อยาง ออกเป็น 2 ประเภท คือ บุคคลธรรมดา ร้อยละ 20.4 และ นิติบุคคล ร้อยละ 79.6 โดยในปี 2563 มีผู้ ซื้อยางประเภทบุคคลธรรมดา จานวน 32 ราย เพิ่มข้ึนจากปี 2562 ร้อยละ 3.23 และ มีผู้ซื้อยาง ประเภทนิติบุคคล จานวน 110 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ร้อยละ 83.33 เม่ือพิจารณาข้อมูลผู้ซื้อยางราย ตลาดกลาง จะเห็นได้ว่าผู้ซื้อยางส่วนใหญ่เป็นประเภทนิติบุคคล (ผู้ค้ายาง ผู้ผลิตและส่งออกยาง) (ภาพที่ 13 - 14) โดยในปี 2563 ผู้ซ้ือยางที่มีปริมาณการซื้อยางมากท่ีสุด คือ บริษัท ศรีตรังแอโกร อินดัสทรี จากัด (มหาชน) ร้อยละ 13.45 รองลงมา ได้แก่ บริษัท ท่าฉางรับเบอร์ จากัด ร้อยละ 9.43 บริษัท นอร์ทอีสรับเบอร์ จากดั (มหาชน) ร้อยละ7.81 และ ห้างหนุ้ สว่ นจากัด จ. เจริญรับเบอร์ รอ้ ยละ 7.29 (ตารางที่ 10) ภาพที่ 13 จานวนผู้ซ้อื ยางตลาดกลางยางพารา ปี 2558 – 2563 จ้านวน (ราย) 300 250 200 142 150 59 77 58 91 32 100 57 12 15 7 50 8 47 62 51 31 110 60 0 49 2558 2559 2560 2561 2562 2563 นติ บิ คุ คล บุคคลธรรมดา รวมผู้ซอื การยางแหง่ ประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกิจยาง RAOT 25
ภาพที่ 14 จานวนผซู้ อื้ ยางแยกรายตลาดกลางยางพารา ปี 2558 - 2563 ทม่ี า : การยางแห่งประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกิจยาง (2564) ตารางที่ 10 รายชื่อผซู้ ือ้ ยางผา่ นตลาดกลางยางพาราของ กยท. มากทีส่ ุด 10 อันดับแรก ปี 2563 ลา้ ดบั ที่ ผ้ซู อื ยาง ร้อยละ 1 บริษัท ศรตี รงั แอโกรอนิ ดัสทรี จากดั (มหาชน) 13.45 2 บริษัท ทา่ ฉางรับเบอร์ จากัด 9.43 3 บรษิ ทั นอร์ทอสี รบั เบอร์ จากัด (มหาชน) 7.81 4 หา้ งหุน้ สว่ นจากัด จ. เจริญรบั เบอร์ 7.29 5 บรษิ ทั ไทยฮั้วยางพารา จากดั (มหาชน) 4.70 6 บรษิ ัท เพยี รประดษิ ฐร์ บั เบอร์ จากัด 4.51 7 บริษัท บี เทค อนิ ดสั ตรี จากัด 4.42 8 บริษัท แอล ที การยาง จากัด 3.41 9 บรษิ ทั นยิ มรับเบอร์ จากดั 2.94 10 การยางแห่งประเทศไทย 2.78 11 อ่ืนๆ 39.26 รวม 100.00 ทมี่ า : การยางแหง่ ประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกิจยาง (2564) การยางแหง่ ประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกิจยาง RAOT 26
ผ้ขู าย ผู้ขายยางที่เข้ามาใช้บริการตลาดกลางยางพาราของการยางแห่งประเทศไทย ลดลงจาก 2,236 ราย ในปี 2558 เป็น 893 ราย ในปี 2563 หรือลดลงเฉลี่ยต่อปี ร้อยละ 13.96 ซ่ึงสามารถ จาแนกผู้ขายยางออกเป็นมี 3 ประเภท คือ เกษตรกรชาวสวนยาง สถาบันเกษตรชาวสวนยาง และ ผู้ประกอบกิจการยาง โดยมีสัดส่วนร้อยละ 52.60, 16.80 และ 31.60 ตามลาดับ โดยในปี 2563 มีผู้ขายยางประเภทเกษตรกรชาวสวนยาง จานวน 381 ราย ลดลงจากปี 2562 รอ้ ยละ 4.51 ผู้ขายยาง ประเภทสถาบันเกษตรชาวสวนยาง จานวน 210 ราย เพ่ิมข้นึ จากปี 2562 ร้อยละ 26.51 เน่ืองจากการเปิด ตลาดเครือข่ายในรปู แบบกลุ่มและสหกรณ์ ในพ้ืนที่ห่างไกลจากตลาดกลางเพ่ือให้เกษตรกรสามารถขายยาง ผ่านตลาดเครือข่ายมากข้ึน และ ผู้ขายยางประเภทผู้ประกอบกิจการยาง จานวน 302 ราย ลดลงจาก ปี 2562 ร้อยละ 2.89 เนื่องจากปี 2563 เกิดการระบาดของโควิด-19 ทาให้ผู้ประกอบกิจการยาง บางรายต้องหยุดกจิ การ และเมือ่ พิจารณาขอ้ มลู ผ้ขู ายของแต่ละตลาดกลาง จะเห็นได้ว่าทกุ ตลาดกลางมี แนวโนม้ ของผขู้ ายลดลงทกุ ตลาด (ภาพท่ี 15 - 16) สาหรบั ผู้ขายยางของตลาดยางพาราของการยางแห่งประเทศไทยจังหวัด/สาขา มีสถานะ เป็นสถาบันเกษตรกร ร้อยละ 100 โดยในปี 2563 มีตลาดยางพารา กยท.จังหวัด จานวน 44 แห่ง เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ร้อยละ 37.50 และมีสมาชิกสถาบันเกษตรกร จานวน 806 แห่ง เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ร้อยละ 248.92 นอกจากน้ี ยงั สามารถจาแนกจานวนสถาบันเกษตรกรเปน็ กยท.เขต ได้ดังภาพท่ี 17 จะเห็นได้ว่าสมาชิกผู้ขายยางของตลาดกลางยางพารามีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ตลาดกลางยางพาราต้องเร่งทาแผนการติดตามลูกค้ารายเดิม แสวงหาลูกค้ารายใหม่ ทาแผนขยายตลาด เครือข่าย โดยสมาชิกของตลาดกลางยางพาราจะต้องเพ่ิมขึ้น ร้อยละ 25 ต่อปี สู่เป้าหมาย 1 ล้านตัน ในปี 2570 ภาพที่ 15 จานวนผู้ขายยางตลาดกลางยางพาราปี 2558 – 2563 จ้านวน (ราย) 5,000 4,000 3,000 2,236 2,000 526756 1,097 933 936 876 893 1,000 1,395 313265 241876689 314156466 313196961 332018102 0 2560 2561 2562 2563 2558 636 ผูป้ ระกอบกจิ การยาง สถาบนั เกษตรกร รวมผขู้ าย 2559 เกษตรกรชาวสวนยาง การยางแหง่ ประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกิจยาง RAOT 27
ภาพที่ 16 จานวนผู้ขายยางแยกรายตลาดลางยางพารา ปี 2558 - 2563 ท่ีมา : การยางแห่งประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกจิ ยาง (2564) ภาพที่ 17 จานวนผูข้ ายยางตลาดยาง กยท.จังหวดั แยกตามเขต กยท. ปี 2562 – 2563 ทม่ี า : การยางแห่งประเทศไทย ฝ่ายเศรษฐกจิ ยาง (2564) การยางแห่งประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกิจยาง RAOT 28
3. ขนาดของตลาด (Market Size) สาหรับผลผลิตยางธรรมชาติของโลกตั้งแต่ปี 2558 - 2563 เฉล่ียอยู่ท่ี 13.09 ล้านตัน โดยในปี 2563 ไทยยังคงเป็นผู้นาอันดับ 1 ในการผลิตยางธรรมชาติ อยู่ที่ 4.49 ล้านตัน หรือคิดเป็นร้อยละ 35.28 ของผลผลิตยางโลก ในขณะที่ความต้องการใช้ยางของโลกต้ังแต่ปี 2558 - 2563 เฉล่ียอยู่ท่ี 13.15 ล้านตัน และในปี 2563 ประเทศไทยมีปริมาณการใช้ยาง อยู่ที่ 0.69 ล้านตัน หรือคิดเป็นร้อยละ 5.33 ของปริมาณการใช้ยางโลก และการส่งออกยางของโลกต้ังแต่ปี 2558 - 2563 เฉล่ียอยู่ท่ี 11.67 ลา้ นตัน และในปี 2563 ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศผู้ส่งออกอันดับ 1 ของโลก อยู่ที่ 3.79 ล้านตัน หรือ คิดเป็นรอ้ ยละ 38.65 ของปรมิ าณการส่งออกยางโลก (ตารางท่ี 11) ตารางที่ 11 เปรียบเทียบปรมิ าณการผลติ การใช้ และการสง่ ออกของโลกกบั ไทย ปี ผลิต ใช้ ส่งออก โลก ไทย สดั ส่วน โลก ไทย สัดสว่ น โลก ไทย สัดส่วน 2558 12.25 4.47 36.51 12.27 0.60 4.89 11.27 3.75 33.32 2559 12.50 4.35 34.79 12.73 0.65 5.11 11.37 3.82 33.58 2560 13.38 4.43 33.10 13.33 0.65 4.89 12.91 4.40 34.09 2561 13.84 4.97 35.93 13.90 0.72 5.18 12.66 4.46 35.20 2562 13.84 4.85 35.06 13.69 0.77 5.66 12.01 3.98 33.14 2563 12.73 4.49 35.28 12.97 0.69 5.33 9.79 3.79 38.65 สาหรับปริมาณการส่งออกยางแปรรูปข้ันกลาง พบว่า ไทยส่งออกยางผสม (Mixture) มาก ท่สี ุด รองลงมา คอื ยางแท่ง น้ายางข้น ยางแผ่นรมควัน และ ยางคอมปาวด์ เป็นต้น (ตารางท่ี 3) และเม่ือ พจิ ารณาบริษัทท่ีมีปริมาณการส่งออกยางในปี 2563 มากท่ีสุด คอื บริษัทในเครือเซาท์แลนด์รซี อรซ์ จากัด (ร้อยละ 18.57) รองลงมา คือ บริษัทในเครือกว๋างเข่ิน รับเบอร์ (ร้อยละ 18.53) บริษัทในเครือศรีตรังแอ โกรอินดัสทรี จากัด (มหาชน) (ร้อยละ 15.99) และ บริษ1ทถาวรอุตสาหกรรมยางพารา (1982) จากัด (ร้อยละ 4.14) (ตารางท่ี 12) น้ายางข้น บริษัทผู้ส่งออกทม่ี ีการส่งออกยางมากที่สุด คือ บริษัทถาวรอุตสาหกรรมยางพารา (1982) จากัด (ร้อยละ 17.90) รองลงมา คือ บริษัทในเครือกว๋างเขิ่น รับเบอร์ จากัด (ร้อยละ 10.29) บริษัทในเซาท์แลนด์รีซอร์ซ จากัด (ร้อยละ 9.74) และ บริษัท ทัทวิน จากัด (ร้อยละ 7.04) นอกจากน้ี น้า ยางข้น ยังเป็นวัตถุดิบสาคัญในการผลิตผลิตภัณฑ์ยาง เช่น ถุงมือยาง และ ของท่ีใช้เพื่อการอนามัยหรือใช้ ในทางเภสัชกรรม (ถุงยางอนามัย จุกนม) เป็นต้น ซ่ึงในปี 2563 ปริมาณการส่งออก ถุงมือยาง อยู่ท่ี 24,897 ล้านคู่ และของที่ใช้เพื่อการอนามัยหรือใช้ในทางเภสัชกรรม (ถุงยางอนามัย จุกนม) อยู่ที่ 13.79 ล้านตนั การยางแหง่ ประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกจิ ยาง RAOT 29
ยางแผ่นรมควัน บริษัทผู้ส่งออกที่มีการส่งออกยางมากท่ีสุด คือ บริษัทในเครือเซาท์แลนด์รี ซอร์ซ จากดั (ร้อยละ 23.14) รองลงมา คือ บริษทั ในเครือกว๋างเขน่ิ รับเบอร์ จากัด (รอ้ ยละ 19.14) บริษัท ในศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จากัด (มหาชน) (ร้อยละ 13.68) และ บริษัทในเครือเซาท์แลนด์รีซอร์ซ จากัด (ร้อยละ 23.14) ยางแท่ง บริษัทผู้ส่งออกท่ีมีการส่งออกยางมากท่ีสุด คือ บริษัทในเครือกว๋างเข่ิน รับเบอร์ จากดั (ร้อยละ13.90) บริษทั ในเครอื เซาท์แลนด์รีซอร์ซ จากดั (ร้อยละ 13.55) บรษิ ัทในเครือศรีตรังแอโกร อินดัสทรี จากัด (มหาชน) (ร้อยละ 12.67) และ บริษัท ไทยเทครับเบอร์ คอร์ปอเรช่ัน จากัด (ร้อยละ 10.46) ยางผสมและคอมปาวด์ บริษัทผู้ส่งออกที่มีการส่งออกยางมากท่ีสุด คือ บริษัทในเครือ กว๋างเขิ่น รับเบอร์ จากัด (ร้อยละ 25.64) บริษัทในเครือเซาท์แลนด์รีซอร์ซ จากัด (ร้อยละ 25.26) บริษัท ในเครือศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จากัด (มหาชน) (ร้อยละ 24.64) และ บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จากัด (มหาชน) จากัด (ร้อยละ 5.42) ตารางที่ 12 ปริมาณและมูลค่าการส่งออกยางธรรมชาตขิ องประเทศไทย ปี 2563 ชนิดยาง ปรมิ าณ (ตนั ) มูลคา่ (ลา้ นบาท) ยางผสม (mixture) 1,536,766 65,538 ยางแทง่ 1,092,650 47,856 นา้ ยางข้น 673,614 39,076 ยางแผ่นรมควนั 379,330 20,184 ยางคอมปาวด์ 50,519 7,485 นา้ ยางสด 9,054 406 ยางอน่ื ๆ 43,199 1,389 รวม 3,785,131 181,935 ทม่ี า: กรมศุลกากร (2564) ประมวลผลโดย การยางแหง่ ประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกิจยาง ดังนั้น เมื่อพิจารณาปริมาณการซื้อขายยางผ่านตลาดยางพาราของ กยท. ในปี 2563 อยู่ที่ 561,715 ตัน มูลค่า 17,934 ล้านบาท เพิ่มข้ึนจากปี 2562 ร้อยละ 101.26 และ ร้อยละ 95.25 ตามลาดับ โดยแบ่งเป็นซ้ือขายผ่านตลาดกลางยางพารา 207,178 ตัน มูลค่า 8,441.46 ล้านบาท และ ผา่ นตลาดยางพารา กยท.จังหวดั อยู่ที่ 354,536 ตัน มลู ค่า 9,493 ล้านบาท (ภาพท่ี 18 - 19) และเมื่อเทียบ ปริมาณการซ้ือขายยางผ่านตลาดยางพาราของ กยท. กับ ผลผลิตยางท้ังประเทศ พบว่า ปริมาณยางเข้า ตลาดยางพาราของ กยท. เพียงร้อยละ 12.51 เท่าน้ัน ดังนั้น ตลาดยางพาราของ กยท. จะต้องทาแผนเพื่อ เพิ่มปริมาณยางเข้าสู่ตลาดโดยต้ังเป้าหมายอยู่ท่ี ร้อยละ 25 ต่อปี หรือ มีปริมาร 1 ล้านตัน ภายใน ปี 2570 เพื่อเพิ่มบทบาทในการเป็นแหล่งอ้างอิงราคาท่ีสาคัญท้ังในและต่างประเทศ เพ่ือรักษา การยางแหง่ ประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกจิ ยาง RAOT 30
เสถียรภาพราคาไม่ให้เกิดความผันผวนมากเกินไป และเพ่ือให้เกษตรกรได้รับราคาขายท่ีเป็นธรรม สาหรบั แนวทางการเพ่ิมขนาดตลาด มดี งั นี้ 2.1) ผู้ขายยาง สาหรับประเทศไทยมีเกษตรกรชาวสวนยางท่ีข้ึนทะเบียนเกษตรกรกับ การยางแห่งประเทศไทย ประเภทเจ้าของสวน จานวน 1,125,121 ราย คิดเป็นพ้ืนท่ี 14,795,076 ไร่ และกลุ่มเกษตรกร จานวน 1,112 กลุ่ม จานวนสมาชิก 348,092 ราย ดังน้ัน หากต้องการเพิ่มขนาด ตลาดของผู้ขาย จะต้องเร่งทาแผนขยายตลาดเครือข่าย การประชาสัมพันธ์ตลาดและการส่งเสริมการ ผลิตยางที่มีคุณภาพผ่านกลุ่มเกษตรกรอย่างต่อเน่ือง รวมถึงการยกระดับมาตรฐานการให้บริการตลาด เพอื่ เพมิ่ ความน่าเชื่อถอื และความม่ันใจในด้านคุณภาพของสินค้าให้กับผ้ซู ้ือยาง 2.2) ผู้ซ้ือยาง ปัจจุบันมีผู้แปรรูปยางขั้นกลางท่ีเปิดดาเนินการซึ่งข้ึนทะเบียนกับ กรมโรงงานอุตสาหกรรมและผู้ส่งออกยางที่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. 2542 รวมทั้งสิ้น 652 แห่ง ในขณะท่ีผู้ซื้อของตลาดกลางยางพารา มีเพียง 142 ราย ซ่ึงส่วนใหญ่เป็นพ่อค้า คนกลางท่ีทาหน้าท่ีในการประมูลยางเพื่อนาไปขายต่อให้บริษัทผู้ผลิและส่งออกยางและผลิตภัณฑ์ยาง ดังนั้น ตลาดยางพาราของ กยท. สามารถเพิ่มตลาดโดยการติดต่อซื้อขายยางโดยตรงกับผู้ผลิตและส่งออก ยางและผลติ ภณั ฑย์ าง ที่มีปริมาณการส่งออกอนั ดับตน้ ๆ ของประเทศ ภาพที่ 18 ปรมิ าณการซื้อขายยางผ่านตลาดยาง ภาพที่ 19 มลู ค่าการซอ้ื ขายยางผา่ นตลาดยาง ของ กยท. ของ กยท. ทีม่ า : การยางแหง่ ประเทศไทย ฝ่ายเศรษฐกิจยาง (2564) การยางแห่งประเทศไทย ฝ่ายเศรษฐกจิ ยาง RAOT 31
4. การเตบิ โตของตลาด (Market Growth) และสว่ นแบ่งตลาด (Market Share) ในช่วง 6 ปีท่ีผ่านมา มูลค่าการส่งออกยางและผลิตภัณฑ์ยาง (HS 40) ของโลกมีอัตรา การเติบโตเฉลี่ย 2.01 ต่อปี (CAGR ปี 2558 – 2563) จาก 165,546 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2558 สู่ 174,626 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ตารางที่ 13) ในปี 2563 โดยประเทศที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดและ ผลิตภัณฑ์ยาง (HS 40) มากท่ีสุด คือ จีน ร้อยละ 11.98 รองลงมา คือ เยอรมนี ร้อยละ 9.20 ไทย ร้อยละ 8.18 และมาเลเซีย ร้อยละ 4.25 ตามลาดับ (ภาพที่ 20) สาหรับประเทศท่ีมีอัตราการเติบโตเฉล่ียต่อปี มากท่ีสุด คือ มาเลเซีย ร้อยละ 10.72 ต่อปี รองลงมา คือ ไทย ร้อยละ 5.32 ต่อปี และโปแลนด์ ร้อยละ 3.52 ต่อปี (ตารางท่ี 4) ในขณะที่ยางธรรมชาติ (HS 4001) ไทยมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากท่ีสุดเฉลี่ย รอ้ ยละ 35.09 รองลงมา คือ อินโดนีเซีย ร้อยละ 28.75 เวียดนาม 7.25 และมาเลเซีย 7.21 แต่ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา พบว่าประเทศท่ีครองส่วนแบ่งทางการตลาด 5 อันดับ ดังกล่าวนั้น มีอัตราการเติบโตของ มลู ค่าการสง่ ออกลดลง ในขณะที่ประเทศลาว โกตดวิ วั ร์ พมา่ กัมพชู า และกวั เตมาลา มอี ตั ราการเติบโต ร้อยละ 42.24, 19.89, 11.26, 10.23 และ 1.93 ตามลาดับ เน่ืองจากประเทศเหล่านี้มีการปลูกยาง เพม่ิ ขน้ึ และผลผลิตเร่ิมทยอยออกสู่ตลาด (ภาพท่ี 21) ภาพท่ี 20 สว่ นแบ่งทางการตลาด HS 40 ของโลก ภาพที 21 ส่วนแบ่งทางการตลาด HS 4001 ของโลก ปี 2558 - 2563 ปี 2558 - 2563 100% 100% 50% 50% 7.41 7.53 8.82 8.16 8.32 8.87 38.16 37.72 37.00 34.59 33.03 30.00 0% 0% 2558 2559 2560 2561 2562 2563 2558 2559 2560 2561 2562 2563 จีน ไทย เยอรมนี ไทย อินโดนีเซยี โกตดิวัวร์ มาเลเซยี สหรัฐฯ ญ่ปี นุ่ เวยี ดนาม มาเลเซยี ลาว เกาหลีใต้ อินโดนีเซยี ฝรง่ั เศส กมั พชู า พม่า กัวเตมาลา โปแลนด์ อน่ื ๆ ไลบเี รีย อื่นๆ ท่ีมา : Tradmap (2021) การยางแหง่ ประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกิจยาง RAOT 32
ตารางท่ี 13 มลู ค่าการส่งออกยางและผลติ ภณั ฑย์ าง (HS 40) ของโลก ปี 2558 - 2563 (หนว่ ย: ลา้ นดอลลารส์ หรฐั ) ประเทศ 2558 2559 2560 2561 2562 2563 CAGR (%) 1. จนี 20,359 18,875 20,686 22,276 22,161 22,539 3.09 2. ไทย 12,275 12,150 16,265 15,501 15,345 15,482 5.32 3. เยอรมนี 15,279 15,466 17,124 17,931 16,599 15,177 0.64 4. มาเลเซยี 6,258 5,774 7,232 7,493 7,107 11,189 10.72 5. สหรัฐฯ 13,619 12,596 13,438 13,978 13,207 11,165 -2.29 6. ญีป่ ุน่ 10,287 9,812 10,297 10,630 10,346 8,510 -2.14 7. เกาหลใี ต้ 6,843 6,881 7,770 7,933 7,286 6,473 -0.24 8. อนิ โดนีเซีย 5,914 5,663 7,743 6,381 6,026 5,619 -0.75 9. ฝรง่ั เศส 6,479 6,029 6,494 6,741 6,363 5,474 -1.82 10. โปแลนด์ 4,467 4,560 5,229 5,827 5,255 5,116 3.52 11. อื่นๆ 63,765 63,519 72,239 75,313 74,701 67,883 2.43 รวม 165,546 161,325 184,516 190,004 184,394 174,626 2.01 ทม่ี า : Tradmap (2021) สาหรับมูลคา่ การส่งออกยางและผลิตภณั ฑ์ยาง (HS 40) ของไทยมีอตั ราการเติบโตเฉลี่ย 2.71 ต่อปี (CAGR ปี 2558 – 2563) สร้างรายได้ให้กับประเทศ จาก 419,483 ล้านบาท ในปี 2558 สู่ 484,212 ล้านบาท ในปี 2563 โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากผลิตภัณฑ์ยาง ร้อยละ 60 ยางธรรมชาติ ร้อยละ 38 และยางสังเคราะห์ เพียงร้อยละ 2 สาหรับยางธรรมชาติท่ีมีอัตราการเติบโตเฉล่ียต่อปีมาก ที่สุด คือ ยางผสม (Mixture) (CAGR ร้อยละ 38.88) น้ายางสด (CAGR ร้อยละ 12.43) และยางก้อน ถว้ ย (CAGR ร้อยละ 4.08) ในขณะทีย่ างชนิดอื่นๆ หดตัว และหากเปรียบเทยี บมูลคา่ ส่งออกปี 2562 – 2563 พบว่า ปี 2563 ชนิดยางท่ีมีมูลค่าการส่งออกขยายตัวมากที่สุด คือ ยางเครพ ร้อยละ 42.57 (YOY) รองลงมา คือ ยางผสม (Mixture) ร้อยละ 20.53 (YOY) และ น้ายางข้น ร้อยละ 11.17 (YOY) (ตารางท่ี 14) การยางแห่งประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกิจยาง RAOT 33
ปี 2563 ไทยส่งออกยางแผ่นรมควันมูลค่า 20,184 ล้านบาท และไทยมีส่วนแบ่งทาง การตลาดของยางแผ่นรมควันเป็นอนั ดับหนึ่งของโลกสงู ถึงร้อยละ 56.02 รองลงมา คอื พม่า เวียดนาม อินโดนีเซีย กัมพูชา และโกตดิวัวร์ (ภาพท่ี 22) โดยตลาดส่งออกหลักของไทย ได้แก่ ญ่ีปุ่น จีน สหรัฐฯ ไต้หวัน และบราซลิ ภาพที่ 22 ส่วนแบง่ ทางการตลาดยางแผ่นรมควันของโลก ปี 2558 - 2563 100% 50% 65.10 70.14 63.09 62.02 56.02 69.57 2559 2560 2561 2562 2563 0% พม่า เวียดนาม อินโดนีเซยี กัมพูชา โกตดวิ ัวร์ 2558 เบลเยียม ศรีลังกา บังกลาเทศ อื่นๆ ไทย ผรง่ั เศส ทมี่ า : Tradmap (2021) ไทยส่งออกน้ายางข้น มูลค่า 39,076 ล้านบาท และไทยมีส่วนแบ่งทางการตลาดของ นา้ ยางข้นเปน็ อนั ดับหนง่ึ ของโลกสงู ถึงร้อยละ 72.85 รองลงมา คือ เวียดนาม กวั เตมาลา ลาว มาเลเซีย และเนเธอร์แลนด์ (ภาพที่ 23) โดยตลาดส่งออกหลักของไทย ได้แก่ มาเลเซีย จีน เกาหลีใต้ เวียดนาม และอนิ โดนีเซยี ภาพที่ 23 สว่ นแบ่งทางการตลาดน้ายางข้นของโลก ปี 2558 - 2563 100% 50% 78.06 76.94 75.34 72.98 67.96 72.85 0% 2559 2560 2561 2562 2563 2558 เวยี ดนาม กวั เตมาลา ลาว มาเลเซีย เนเธิรแ์ ลนด์ ไทย พมา่ สหรฐั ฯ แคเมอรูน เยอรมนี อื่นๆ ทมี่ า : Tradmap (2021) ไทยส่งออกยางแท่ง มูลค่า 39,076 ล้านบาท และไทยมีส่วนแบ่งทางการตลาดของ ยางแท่งเป็นอันดับสองรองจากอินโดนีเซีย โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพียงร้อยละ 20.29 รองลงมา คือ โกตดิวัวร์ มาเลเซีย และเวียดนาม (ภาพท่ี 24) โดยตลาดส่งออกหลักของไทย ได้แก่ จีน สหรัฐฯ ญ่ปี นุ่ เกาหลใี ต้ และตรุ กี การยางแหง่ ประเทศไทย ฝ่ายเศรษฐกจิ ยาง RAOT 34
ภาพที่ 24 ส่วนแบง่ ทางการตลาดยางแท่งของโลก ปี 2558 - 2563 100% 80% 60% 27.76 25.14 23.33 23.73 20.29 27.92 2560 2561 2562 2563 40% โกตดิวัวร์ มาเลเซีย เวยี ดนาม ไลบีเรยี ลาว กวั เตมาลา อื่น 20% 0% 2558 2559 อนิ โดนีเซีย ไทย เบลเยียม สงิ คโปร์ ท่มี า : Tradmap (2021) ตารางที่ 14 มูลคา่ การส่งออกยางและผลติ ภัณฑ์ยาง (HS 40) ของไทย ปี 2558 - 2563 (หนว่ ย: ล้านบาท) รายการ 2558 2559 2560 2561 2562 2563 YOY CAGR (%) (%) ยางธรรมชาติ ยางผสม 8,993 32,916 71,911 66,313 54,373 65,538 20.53 38.33 ยางแทง่ 91,464 82,693 98,117 71,144 67,196 47,856 -28.78 -11.26 น้ายางขน้ 39,356 39,560 51,247 43,000 35,149 39,076 11.17 -1.60 ยางแผ่นรมควนั 35,619 31,181 48,524 28,774 23,660 20,184 -14.69 -11.28 ยางคอมปาวด์ 23,519 11,416 11,277 11,503 7,786 7,485 -3.87 -17.78 ยางสกิม 1,373 950 1,252 1,051 554 473 -14.62 -18.41 น้ายางสด 190 350 514 353 439 406 -7.52 12.43 ยางกอ้ นถว้ ย 640 294 1,515 1,625 1,059 387 -63.46 4.08 ยางเครพ 612 289 3,066 1,173 249 355 42.57 -11.13 ยางแผ่นผ่งึ แหง้ 283 202 219 126 106 98 -7.55 -19.95 ยางอน่ื ๆ 882 247 103 98 79 76 -3.80 -31.46 รวมยางธรรมชาติ 202,931 200,098 287,745 225,160 190,650 181,934 -4.57 -2.64 ยางสงั เคราะห์ BR 2,153 2,294 2,702 2,365 1,993 1,642 -17.61 -5.31 CR 104 138 130 82 46 73 58.70 -14.61 EPDM 454 348 319 374 368 374 1.63 -1.82 IIR 20 25 13 15 45 57 26.67 22.64 IR 655 405 96 298 433 375 -13.39 -4.07 NBR 1,589 772 1,595 1,921 2,190 2,288 4.47 15.81 การยางแห่งประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกจิ ยาง RAOT 35
ตารางที่ 14 (ตอ่ ) (หนว่ ย: ล้านบาท) รายการ 2558 2559 2560 2561 2562 2563 YOY CAGR (%) (%) SBR 132 29 18 41 52 22 -57.69 -16.67 XSBR 4,839 5,485 7,591 7,483 7,444 5,181 -30.40 3.62 รวมยางสงั เคราะห์ 9,946 9,496 12,464 12,579 12,571 10,012 -20.36 2.56 ผลติ ภณั ฑย์ าง ยางยานพาหนะ 116,412 125,295 148,753 158,524 173,190 163,993 -5.31 8.17 ถุงมือยางทุกชนดิ 32,758 33,445 35,719 38,130 37,257 72,679 95.07 13.31 ของอื่น ๆ ทาดว้ ย 21,397 22,776 24,822 25,090 22,003 18,600 -15.47 -2.24 ยางวัลแคไนซ์ นอกจากยางแขง็ หลอด ท่อและทอ่ 9,078 9,283 10,202 10,677 10,078 9,825 -2.51 1.98 ออ่ น ดา้ ยและด้ายชนดิ 8,290 8,218 9,977 9,216 9,102 9,354 2.77 2.40 คอร์ด ทาดว้ ย ยางวัลแคไนซ์ ถงุ ยางอนามัย 5,007 4,895 5,419 5,746 6,740 6,779 0.58 7.51 สายพานลาเลยี ง 5,151 6,355 7,000 6,893 5,602 3,747 -33.11 -5.51 ยางใน 3,185 3,027 2,964 2,779 2,654 2,370 -10.70 -5.38 ยางหล่อดอก 2,662 2,730 3,000 2,351 2,637 1,651 -37.39 -7.52 ผลิตภณั ฑอ์ ่นื ๆ 2,666 2,972 3,238 3,527 3,555 3,268 -8.07 -6.52 รวมผลติ ภัณฑ์ 206,606 218,996 251,094 262,933 272,818 292,266 7.13 7.22 ยาง รวมมลู คา่ การ สง่ ออกยางและ 419,483 428,590 551,303 500,672 476,039 484,212 1.72 2.71 ผลติ ภณั ฑ์ยาง ที่มา : กรมศลุ กากร (2564) ประมวลผลโดย การยางแห่งประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกิจยาง สาหรับส่วนแบ่งทางการตลาดของตลาดยางพาราของ กยท. เมื่อเทียบกับมูลค่าการ ส่งออกของไทย พบว่า ตลาดยางพาราของ กยท. มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ ร้อยละ 4.38 และจะ เห็นได้ว่าส่วนแบ่งทางการตลาดของตลาดยางพาราของ กยท. มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เน่ืองจากปริมาณการ ซื้อขายในตลาดเพิ่มข้ึน ประกอบกับราคาการซ้ือขายมีแนวโน้มเพ่ิมข้ึนเช่นกัน (ตารางท่ี 15) และเมื่อ พิจารณาการเติบโตของมูลค่าการซื้อขายตลาดกลางยางพารา พบว่า มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย ร้อยละ 2.61 ต่อปี (CAGR ปี 2558 – 2563) และตลาดกลางยางพาราท่ีมีอัตราการเติบโตเฉล่ียต่อปีมากท่ีสุด คือ การยางแหง่ ประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกจิ ยาง RAOT 36
ตลาดกลางยางพาราจังหวัดหนองคาย (ร้อยละ 51.57) รองลงมา คือ ตลาดกลางยางพาราจังหวัดยะลา (ร้อยละ 34.23) และตลาดกลางยางพาราจังหวัดสุราษฎร์ธานี (ร้อยละ 15.15) ในขณะท่ีตลาดกลาง ยางพาราจังหวัดนครศรีธรรมราชหดตัวร้อยละ 18.60 เนื่องจากปริมาณยางเข้าสู่ตลาดมีแนวโน้มลดลง (ตารางท่ี 16) ตารางที่ 15 สว่ นแบง่ ทางการตลาดของตลาดยางพาราของ กยท. ปี 2558 - 2563 หน่วย : ลา้ นบาท รายการ 2558 2559 2560 2561 2562 2563 มลู คา่ การส่งออกยางธรรมชาตขิ องไทย 202,931 200,098 287,745 225,160 190,650 181,934 มูลคา่ การซอื ขายของตลาดยางพาราของ กยท. 8,919 3,874 7,893 5,675 9,258 17,934 - ตลาดกลางยางพารา 8,919 3,874 7,893 5,675 6,405 8,441 - ตลาดยางพารา กยท.จังหวดั 2,853 9,493 ส่วนแบ่งทางการตลาด (%) 4.40 1.94 2.74 2.52 4.86 9.86 ที่มา : การยางแห่งประเทศไทย ฝ่ายเศรษฐกจิ ยาง (2564) ตารางท่ี 16 มลู คา่ การซือ้ ขายผ่านตลาดกลางยางพาราจังหวัด ปี 2558 - 2563 หน่วย : ลา้ นบาท ตลาดกลางยางพาราจงั หวัด 2558 2559 2560 2561 2562 2563 CAGR (%) สงขลา 1,714 1,959 3,903 2,628 2,707 2,340 6.28 สุราษฎร์ธานี 1,957 430 1,007 1,398 1,838 2,057 15.15 หนองคาย 196 28 39 19 176 1,388 51.57 นครศรธี รรมราช 4,155 1,359 2,811 1,538 1,124 1,244 -18.60 บุรรี ัมย์ 791 76 43 24 396 579 8.42 ระยอง 0 0 0 0 0 413 - ยะลา 107 22 91 68 163 264 34.23 เชยี งราย 0 0000 157 - รวม 8,919 3,874 7,893 5,675 6,405 8,441 2.61 ท่ีมา : การยางแหง่ ประเทศไทย ฝ่ายเศรษฐกจิ ยาง (2564) หากพิจารณาส่วนแบ่งทางการตลาดผลิตภัณฑ์ยางที่มีการซื้อขายในตลาดยางพาราของ กยท. พบว่า ในปี 2563 ส่วนแบ่งทางการตลาดยางแผ่นรมควันลดลงเหลือ ร้อยละ 25.86 จาก ร้อยละ 48.74 ในปี 2562 เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศลดลงจากผลกระทบจากโควิด-19 โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ ในขณะที่ส่วนแบ่งทางการตลาดยางก้อนถ้วยเพิ่มข้ึนสู่ร้อยละ 40.23 จาก ร้อยละ 24.48 ในปี 2562 เน่ืองจากการสนับสนุนเงินหมุนเวียนสารองจ่ายค่ายางจาก กยท. การยางแห่งประเทศไทย ฝ่ายเศรษฐกิจยาง RAOT 37
เพ่ือให้บริการซ้ือขายในตลาดยางของ กยท. ทาให้ผู้ขายประเภทผู้ประกอบกิจการยางมีความสนใจในการ นายางมาขายในตลาดยางของ กยท. มากขึน้ (ภาพที่ 25) ภาพที่ 25 สว่ นแบ่งทางการตลาดผลิตภัณฑย์ างของตลาดกลางยางพาราของ กยท. ปี 2563 100% 24.48 50% 40.23 0% 48.74 25.86 2562 2563 ยางแผน่ รมควัน นา้ ยางสด ยางแผ่นดิบ ยางก้อนถ้วย ยางเครป นา้ ยางข้น ทม่ี า : การยางแห่งประเทศไทย ฝ่ายเศรษฐกิจยาง (2564) 5. ต้าแหน่งผลิตภัณฑ์ (Market position) ประเทศไทยเป็นประเทศท่ีมีผลผลิตและ ส่งออกยางธรรมชาติเป็นอันดับหนึ่งของโลก และจากการประเมินสถานะทางการตลาดของยาง ธรรมชาติ โดยการวิเคราะห์ BCG Matrix ซ่ึงเป็นการวิเคราะห์เปรียบเทียบข้อมูลระหว่างส่วนแบ่งทาง การตลาด (Relative market share) และอัตราการเติบโต (Growth rate) โดยใช้ข้อมูลมูลค่า การส่งออกยาง ปี 2562 – 2563 พบว่า ยางธรรมชาติท่ีมีศักยภาพมากท่ีสุด คือ ยางผสม (mixture) และน้ายางข้น เน่ืองจากส่วนแบ่งทางการตลาดและอัตราการเติบโตของมูลค่าการส่งออกอยู่ในระดับท่ี สูงกว่าค่าเฉลี่ย ในขณะที่น้ายางสด ยางก้อนถ้วย ยางแผ่นผ่ึงแห้ง และ ยางสกมิ มีมลู ค่าการส่งออกน้อย ขึ้นอยู่กับความต้องการจากตลาดต่างประเทศ แต่สาหรับในประเทศยางท้ัง 4 ชนิด ถูกนาไปเป็นวัตถุดิบ ในการผลิตผลิตภัณฑ์ยางเพอ่ื ส่งออกในรูปแบบผลติ ภัณฑ์ยางต่างๆ (ภาพที่ 16) สาหรับสถานะทางการตลาดของตลาดยางพาราของ กยท. กาหนดตาแหน่งผลิตภัณฑ์ ยางตามมูลค่าการซ้ือขายยาง 5 ชนิด เพ่ือใช้เป็นแนวทางในวางแผนกลยุทธ์และพัฒนาตลาดยางพารา ของ กยท. พบว่า ผลิตภัณฑย์ างที่มีการซอ้ื ขายในตลาดยางพาราของ กยท. ไม่มียางชนิดใดทีม่ ีอตั ราการ เตบิ โตของตลาดและสว่ นแบ่งทางการตลาดสูง หรืออยู่ในสถานะ STAR แต่อย่างไรกต็ าม ยังมีผลิตภัณฑ์ ที่สามารถสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดเพ่ือพัฒนาตลาดให้ก้าวสู่สถานะ STAR ได้ คือ ยางแผ่นรมควัน ยางก้อนถ้วย และยางเครพ (ภาพที่ 17) ผลจาการประเมินสถานะของผลิตภัณฑ์ยางของตลาดยางพารา ของ กยท. มีดงั น้ี 1) ผลิตภัณฑ์ยางท่มี ีอัตราการเติบโตของตลาดต่้า แตส่ ่วนแบ่งของตลาดสงู ผลิตภณั ฑ์ ประเภทน้ีเป็นผลิตภัณฑ์หลักท่ีมีมูลค่าการซ้ือขายสูง ได้แก่ ยางแผ่นรมควัน และยางก้อนถ้วย เนื่องจาก การยางแหง่ ประเทศไทย ฝ่ายเศรษฐกจิ ยาง RAOT 38
เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการซื้อขายผ่านตลาดมากที่สุด และความต้องการของตลาดในประเทศ ดังน้ัน ผลิตภัณฑ์ท่ีเป็น Cash Cows ถึงแม้ไม่มีการใช้กลยุทธ์ทางการตลาดแต่สามารถอยู่ได้เนื่องจากเป็น ผลิตภัณฑ์ท่ีมีความนิยมซื้อขายในตลาด แต่หากต้องการให้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวกลายเป็นผลิตภัณฑ์กลุ่ม ดาวรุ่ง (STAR) จะต้องทาแผนการตลาดเพื่อนายางเข้าสตู่ ลาดใหม้ ากขน้ึ 2) ผลิตภัณฑ์ยางที่มีอัตราการเติบโตของตลาดสูง แต่มีส่วนแบ่งของตลาดต่้า ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ คือ ยางเครพ ซ่ึงเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เพ่ิงเข้ามาสู่ตลาดยางพาราของ กยท. โดยมี การซื้อขายอยู่ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้เล็กน้อย นอกจากนี้การผลิตยางเครพยังเป็น การเพ่ิมมูลค่าให้กับยางก้อนถ้วย และสามารถนาไปเป็นวัตถุดิบต้ังต้นในการผลิตยางเครพขาว เครพสี น้าตาล ยางแท่ง และผลิตภัณฑ์ยางทางการแพทย์ ข้ึนอยู่กับคุณภาพยาง ซ่ึงผู้ใช้สามารถเลือกใช้งาน ตามความเหมาะสม กลยุทธ์ที่ต้องนามาใช้กับผลิตภัณฑ์ที่เป็น Question คือ การประชาสัมพันธ์ และ สง่ เสริมการผลิตยางก้อนถว้ ยของเกษตรกรให้ไดย้ างดบิ ท่ีมีมาตรฐาน และหาตลาดผซู้ ้ือทม่ี คี วามต้องการ ยางเครพ ซ่ึงสามารถทาให้ผลติ ภณั ฑด์ งั กลา่ วกลายเป็นผลติ ภณั ฑ์กลมุ่ ดาวร่งุ (STAR) ได้ ผลิตภัณฑ์ยางที่มีอัตราการเติบโตและมีส่วนแบ่งของตลาดต่้า อนาคต ผลิตภัณฑ์ประเภทน้ีมีความเสี่ยง ได้แก่ ยางแผ่นดิบ ซึ่งปริมาณการซื้อขายของตลาดยางพาราของ กยท. น้อย เน่ืองจากเกษตรกรเปลี่ยนพฤติกรรมไปผลิตยางชนิดอ่ืนมากขึ้น ส่วนน้ายางสด ตลาดยางพาราของ กยท. เพิ่งเริ่มเปิดตลาดซ้ือขายในปี 2563 ทาให้อัตราการเติบโตและมีส่วนแบ่งของตลาดต่ากว่ามูลค่า เฉล่ีย ดังน้ัน กลยุทธ์ที่ต้องนามาใช้กับผลิตภัณฑ์ที่เป็น Dogs คือ ควรรักษามาตรฐาน และการปรับ กระบวนการดาเนินงาน เช่น การส่งเสริมให้สถาบันเกษตรกรผลิตยางน้ายางข้น และเปิดการให้บริการ ซ้ือขายน้ายางสดและน้ายางข้นเพิ่มในตลาดยางพาราของ กยท. ควบคู่กับการพัฒนาการผลิตยางของ เกษตรกรให้ไดม้ าตรฐาน และการหานวตั กรรมใหมเ่ พ่ือพัฒนาผลิตภัณฑ์และสรา้ งมลู คา่ เพิม่ ภาพที่ 26 สถานะทางการตลาดของยางธรรมชาติของไทย การยางแห่งประเทศไทย ฝ่ายเศรษฐกจิ ยาง RAOT 39
ภาพท่ี 27 สถานะทางการตลาดของผลติ ภัณฑย์ างท่ีมกี ารซ้ือขายในตลาดยางพาราของ กยท. ท่มี า : การยางแหง่ ประเทศไทย ฝา่ ยเศรษฐกจิ ยาง (2564) การยางแห่งประเทศไทย ฝ่ายเศรษฐกจิ ยาง RAOT 40
เอกสารอ้างองิ กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง. 2564. ขอ้ มูลปรมิ าณและมูลค่าการส่งออกยางของไทย. กองการยาง กรมวิชาการเกษตร. 2563. สถิติยางประเทศไทย. ปที ่ี 50 (2564) ฉบับท่ี 1. การยางแห่งประเทศไทย ฝ่ายวจิ ัยพัฒนาเศรษฐกิจยาง. 2564. ข้อมลู การผลิตยางของไทย. การยางแหง่ ประเทศไทย ฝ่ายวจิ ัยพฒั นาเศรษฐกจิ ยาง. 2564. ราคายาง. Association of Natural Rubber Producing Countries. 2021. Natural Rubber Statistics. July 2021. International Trade Centre.2021. การนาเขา้ และสง่ ออกยางและผลิตภัณฑ์ยางของโลก สบื ค้นเดอื น พฤษภาคม 2564. https://www.trademap.org. LMC Tyre & Rubber Ltd. 2021. Rubber Bulletin. July 2021.
12
Search
Read the Text Version
- 1 - 47
Pages: