สรปุ สาระสำ�คญั ความตกลงห้นุ ส่วนทางเศรษฐกิจระดบั ภมู ิภาค (RCEP)
-2- 2.1 การคา้ สินค้า ไทยไดผ้ ูกพันเปดิ ตลาดสินค้าใหก้ บั ภาคี RCEP แตกต่างกนั เพ่ือรักษาความสมดุลการ เปิดตลาดสนิ คา้ กบั แต่ละภาคี ดงั น้ี หน่วย: รอ้ ยละของจานวนรายการสินค้าท้งั หมด สินค้าทนี่ ามายกเลกิ ภาษี สนิ คา้ ทีน่ ามาลดภาษี ภาคี RCEP ทนั ที ภายใน ภายใน ภายใน รวม อ่อนไหว๑ อ่อนไหวสงู ๒ รวม สินค้าท่ีไม่ ๑๐ ปี ๑๕ ปี ๒๐ ปี ผูกพันภาษี อาเซี ยน/ออสเตรเลี ย/ 66.3 13.4 8.9 2.6 91.3 1.5 2.6 ๔.๑ ๔.๖ นิวซีแลนด์ เกาหลี 66.3 13.3 8.6 2.1 90.3 1.5 2.6 ๔.๑ ๕.๖ ญปี่ ่นุ 66.3 11.3 8.4 2.6 ๔.๑ ๗.๔ จีน 66.3 11.4 6.2 2.4 88.5 1.5 2.6 ๔.๑ ๑๐.๗ ๑.3 85.2 1.5 หมายเหตุ ๑) ไทยนามาลดภาษีลงร้อยละ ๑๐ หรอื ๑๕ ภายใน ๒๐ ปีแตไ่ ม่ลดต่ากว่าร้อยละ ๕ ๒) ไทยคงอตั ราภาษฐี านการเจรจาไวเ้ ทา่ เดมิ ประเทศคู่เจรจาอาเซียน ไดแ้ ก่ ออสเตรเลยี นิวซีแลนด์ เกาหลี ญ่ีปุ่น และจีน ได้ผูกพันเปิดตลาด สินคา้ ใหอ้ าเซยี นเหมือนกันสาหรับสมาชิกอาเซยี นทกุ ประเทศ สรปุ ดงั น้ี หน่วย: รอ้ ยละของจานวนรายการสินค้าทง้ั หมด ประเทศคูเ่ จรจา สินค้าทน่ี ามายกเลิกภาษี สินค้าทน่ี ามาลดภาษี อาเซียน ภายใน ภายใน ภายใน สินค้าทไ่ี ม่ ทนั ที ๑๐ ปี* ๑๕ ปี* ๒๐ ป*ี รวม อ่อนไหว* ออ่ นไหวสงู * รวม ผกู พนั ภาษี ออสเตรเลยี 75.3 14.7 1.9 - 92.0 6.3 1.1 7.3 0.7 นวิ ซแี ลนด์ 65.4 15.9 10.5 - 91.8 4.9 3.2 8.2 - เกาหลี 64.1 16.1 9.9 0.6 90.7 1.4 4.3 5.7 3.6 จีน 67.9 12.7 3.0 6.9 90.5 3.9 1.5 5.4 4.1 ญป่ี ุน่ 75.6 5.2 9.5 0.02 90.4 0.6 3.7 4.4 5.3 2.2 กฎถิ่นกาเนิดสินค้า ภาคี RCEP ตกลงใช้เกณฑ์การได้ถิ่นกาเนิดสินค้า ได้แก่ (1) เกณฑ์การผลิต หรือได้มาทง้ั หมดภายในประเทศภาคี (Wholly Obtained: WO) ซึ่งใช้กับสินค้าที่ผลิตข้ึนหรือได้มาจากภาคีใดภาคี หน่ึงเพียงประเทศเดียว โดยไม่มีการใช้วัตถุดิบจากภาคีอื่นหรือนอกภาคี (2) เกณฑ์กระบวนการผลิตทั้งหมด ภายในประเทศภาคจี ากวัตถดุ บิ ทไี่ ด้ถ่ินกาเนิด (Produce Exclusively: PE) ซ่ึงให้สิทธิถิ่นกาเนิดกับสินค้าท่ีผลิตขึ้น โดยใช้วัตถุดิบที่ได้ถ่ินกาเนิดจากภาคีหลาย ๆ ประเทศมารวมกัน และ (3) กฎเฉพาะรายสินค้า (Product Specific Rules: PSRs) ซ่ึงกาหนดเกณฑ์ถิ่นกาเนิดสินค้าสาหรับสินค้าท่ีผลิตข้ึนโดยใช้วัตถุดิบจากนอกภาคี สาหรับสินค้าทุกรายการ (5,205 รายการท่ีพิกัดศุลกากรระดับ 6 หลัก ในระบบ HS 2012) ทั้งนี้ จะมีการ ทบทวนเรื่องการขยายการสะสมถิ่นกาเนิดท่ีให้นับรวมกระบวนการผลิตและการเพ่ิมมูลค่าสินค้าทุกรูปแบบท่ี เกิดข้ึนภายในภาคี (full cumulation) เม่ือภาคีทุกประเทศได้ใช้บังคับความตกลงแล้ว โดยให้พิจารณาเสร็จสิ้น ภายใน 5 ปี 2.3 การค้าบริการ ภาคี RCEP มีข้อผูกพันเปิดตลาดบริการแยกเป็นรายประเทศ ซ่ึงในภาพรวมไทย เสนอผูกพันในระดับที่สูงกว่าความตกลงระหว่างอาเซียนกับคู่เจรจา (อาเซียน+1) ที่ผ่านมา ทั้งในจานวนสาขาท่ี ผูกพันและสัดส่วนการถือหุ้น แต่ยังอยู่ในระดับเทียบเท่ากับข้อผูกพันเปิดตลาดบริการชุดที่ 9 ของไทยภายใต้ กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน (AFAS) โดยคงเงื่อนไขอ่ืน ๆ ตามข้อผูกพันเปิดตลาดบริการภายใต้ ความตกลงอน่ื ๆ เช่น กาหนดประเภทนิติบุคคลทีอ่ นุญาตใหเ้ ข้ามาจัดต้งั ในไทย โดยให้เฉพาะบริษัทจากัดที่เข้ามา ดาเนินธุรกิจภายใต้การร่วมทุน (Joint venture) และไม่อนุญาตให้ต่างชาติถือครองท่ีดิน พร้อมทั้งยังต้องปฏิบัติ ตามมาตรา 5 ของพระราชบญั ญตั ิการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 คือ การอนุญาตให้คนต่างด้าว ประกอบธรุ กจิ ใหพ้ ิจารณาโดยคานึงถึงผลดีและผลเสียต่อความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศ การพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ท้ังน้ี ข้อผูกพันของไทย อนุญาตให้ผู้ให้บริการของภาคีเข้ามาให้บริการในไทย
-3- โดยผูกพัน (1) การให้บริการข้ามพรมแดน (Mode 1) จานวน 56 สาขาย่อย (2) การบริโภคในต่างประเทศ (Mode 2) จานวน 97 สาขาย่อย (3) การจัดตั้งธุรกิจ (Mode 3) จานวน 117 สาขาย่อย โดยผู้ให้บริการของ ภาคีสามารถถือหุ้นในกิจการได้ร้อยละ 25 ใน 2 สาขาย่อย คือ บริการประกันชีวิต และบริการประกันวินาศภัย รอ้ ยละ 49 ใน 57 สาขาย่อย เช่น บริการด้านกฎหมาย บริการด้านบัญชี บริการด้านวิศวกรรม ร้อยละ 51 ใน 10 สาขาย่อย เช่น บริการติดตั้งสัญญาณเตือนภัยสาหรับโรงงานอุตสาหกรรม บริการให้คาปรึกษาทาง วทิ ยาศาสตร์โดยนกั คณติ ศาสตร์และนักสถิติ รอ้ ยละ 70 ใน 46 สาขาย่อย เช่น บริการด้านพยากรณ์อากาศและ อุตุนิยมวิทยา บริการให้คาปรึกษาเก่ียวกับการติดต้ังอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ บริการด้านการวิจัยและพัฒนา และ ร้อยละ 100 ใน 2 สาขาย่อย คือ บริการระดับอุดมศึกษาเฉพาะคณะวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมใน หลักสูตรภาษาอังกฤษ และบริการด้านบริษัทหลักทรัพย์ และ (4) การให้บริการโดยบุคคลธรรมดา (Mode 4) จานวน 67 สาขายอ่ ย อกี ท้ังได้ผูกพันหลักการให้สิทธิประโยชน์กับนักลงทุนของภาคีโดยอัตโนมัติ คือ Ratchet1 จานวน 10 สาขาย่อย เช่น บริการออกแบบอุตสาหกรรม บริการเกี่ยวกับการผลิตเคร่ืองจักรและอุปกรณ์ และ MFN2 จานวน 5 สาขาย่อย เช่น บริการให้คาปรึกษาเก่ียวกับการติดต้ังอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ บริการสนับสนุน การใชง้ านซอฟทแ์ วร์ ในขณะท่ีประเทศคู่เจรจาอาเซียนมีการผูกพันเปิดตลาดสาขาบริการเพ่ิมเติมจากความตกลงท่ี อาเซียนและไทยเป็นภาคีอยู่ ดังนี้ จีน (เช่น บริการซ่อมและบารุงอุปกรณ์ บริการด้านสังคมสาหรับผู้สูงอายุ) เกาหลี (เช่น บริการด้านการรักษาความปลอดภัย บริการเกมส์ออนไลน์) ญี่ปุ่น (บริการขนส่งทางอากาศ การ ให้บริการอุตสาหกรรมทางอวกาศ) ออสเตรเลีย (เช่น บริการด้านการวิจัยและพัฒนา บริการมัคคุเทศก์) นิวซีแลนด์ (เช่น บรกิ ารซ่อมและบารุงรักษาอากาศยาน บริการคลังสินค้า) 2.4 การลงทนุ ภาคี RCEP มขี อ้ ผกู พันเปิดเสรีการลงทุนแยกเป็นรายประเทศ ซึ่ง RCEP เป็นความตกลง ฉบบั แรกที่มีการเปิดเสรีการลงทุนระหว่างอาเซียนกับคู่เจรจา (อาเซียน+1) ในภาพรวมไทยผูกพันเปิดเสรีในระดับ ท่ีน้อยกว่าที่ไทยเปิดเสรีให้อาเซียนภายใต้ความตกลงว่าด้วยการลงทุนอาเซียน (ACIA) ท้ังในจานวนสาขาที่ผูกพัน และสัดสว่ นการถือหุ้น โดยไทยเปิดเสรีให้แก่นักลงทุนของภาคีเข้ามาประกอบธุรกิจโดยถือหุ้นได้ไม่เกินร้อยละ 49 ในสาขาการเกษตร 2 สาขาย่อย คือ การเพาะพันธุ์เมล็ดหัวหอมใหญ่ และการเลี้ยงโค กระบือ ม้า แพะ แกะ สาขา เหมืองแร่ 2 สาขาย่อย คือ การทาเหมืองหินอ่อน และการผลิตน้ามันและก๊าซ โดยต้องได้รับสัมปทานจากรัฐบาล ไม่เกินร้อยละ 51 ในสาขาประมง 2 สาขาย่อย คือ การเพาะเลี้ยงปลาทูน่าในกระชังน้าลึก และกุ้งมังกร 6 สาย พันธุ์ และร้อยละ 100 ในสาขาการผลิต 23 สาขาย่อย เช่น การผลิตรถยนต์ สิ่งทอ (ยกเว้น ผ้าไหม) ผลิตภัณฑ์ พลาสติก อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยสาขาที่ไทยเปิดเสรีการลงทุนใน RCEP ไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการใน ประเทศ เนื่องจากระดับการผูกพันเปิดเสรีของไทยใน RCEP ไม่เกินกว่ากรอบกฎหมายในปัจจุบันท่ีอนุญาตให้ นักลงทุนตา่ งชาติสามารถเข้ามาประกอบกิจการได้ นอกจากน้ี ไทยได้ผูกพันหลักการให้สิทธิประโยชน์กับนักลงทุน ของภาคโี ดยอัตโนมตั ิ คือ Ratchet โดยจะมีผูกพันในอีก 5 ปี หลงั จากความตกลงมีผลใช้บังคับ ใน 11 สาขาย่อย เช่น การผลิตไพ่ การผลิตบุหรี่ การเพาะพันธ์ุเมล็ดหัวหอมใหญ่ และ MFN ใน 3 สาขา คือ การเกษตร (เฉพาะ ปศุสัตว์) การผลิต และเหมืองแร่ ทั้งนี้ ไทยได้สงวนสิทธิในการใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อให้ไทยยังสามารถใช้ มาตรการเหล่านั้นได้ หรืออาจมีการปรับมาตรการเหล่าน้ันในอนาคต เช่น มาตรการท่ีเป็นไปเพื่อความมั่นคงและ ปลอดภัยของประเทศตามรัฐธรรมนูญ มาตรการในเรื่องการถือครองและการใช้ที่ดิน มาตรการภายใต้ พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ในเร่ืองความมั่นคงและปลอดภัยและการขอรับ ใบอนุญาตหรือหนังสือรับรองและการกาหนดเงินทุนขั้นต่าในการประกอบธุรกิจ การกาหนดให้มีการถ่ายทอด เทคโนโลยี 1 Ratchet คือ การใหส้ ิทธิประโยชน์กับนักลงทุนของภาคีโดยอัตโนมัติ หากมีการปรับปรุงกฎหมายให้เสรีมากย่ิงขึ้นจากปัจจุบัน แต่ไม่สามารถแก้ไข กฎหมายใหเ้ ขม้ งวดกว่าเดิมได้ (ดงั นัน้ หากไม่มีการแกไ้ ขกฎหมายภายในในอนาคต กจ็ ะไม่มกี ารเปดิ เสรีเพ่มิ ขึ้นแตอ่ ยา่ งใด) 2 MFN คอื การใหส้ ทิ ธิประโยชนก์ ับนักลงทุนของภาคโี ดยอัตโนมัติ หากมีการขยายสทิ ธปิ ระโยชน์ทีด่ ีกว่าใหก้ ับประเทศนอกภาคีในอนาคต และไม่รวม การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในอาเซยี น
-4- ในขณะท่ปี ระเทศคู่เจรจาอาเซียนมีการเปิดเสรีการลงทุนเพ่ิมเติมจากที่ไทยมีความตกลงอยู่แล้ว ดังน้ี จีน (เช่น เกษตร ป่าไม้) เกาหลี (เช่น เกษตร (ยกเว้นการปลูกข้าว และฟาร์มปศุสัตว์) ป่าไม้ เหมืองแร่) ญี่ปุ่น (เช่น เกษตร การผลิต (ยกเว้นธนบัตร เหรียญกษาปณ์ ยาสูบ)) ออสเตรเลีย (เช่น เกษตร ประมง ป่าไม้) นิวซีแลนด์ (เช่น เหมืองแร่ ป่าไม)้ 2.5 การเคลอ่ื นยา้ ยชัว่ คราวของบุคคลธรรมดา ไทยอนญุ าตการเข้าเมืองเป็นการชั่วคราวให้แก่บุคคล ธรรมดาของภาคีอ่ืน สาหรับบุคคลธรรมดา 2 ประเภท คือ ผู้เย่ียมเยือนทางธุรกิจ (Business Visitor) โดย อนุญาตให้เข้ามาพานักในไทยได้ไม่เกิน 90 วัน และผู้โอนย้ายภายในบริษัท (Intra-Corporate Transferee) ใน ระดับผู้จัดการ ผู้บริหาร และผู้เช่ียวชาญ โดยอนุญาตให้เข้ามาพานักในไทย ครั้งแรกไม่เกิน 1 ปี และอาจขยาย เวลาไดไ้ ม่เกนิ 3 คร้งั คร้งั ละ 1 ปี 2.6 ทรพั ยส์ นิ ทางปัญญา มวี ตั ถุประสงค์หลักเพ่ือเพิ่มประสิทธิภาพการคุ้มครองและการบังคับใช้สิทธิ ในทรัพย์สินทางปญั ญา และอานวยความสะดวกการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาระหว่างภาคี โดยครอบคลุม ทรัพย์สินทางปัญญาทุกประเภทภายใต้ความตกลงทริปส์ขององค์การการค้าโลก รวมท้ังประกอบด้วยข้อบทเพ่ือ การส่งเสริมความร่วมมือและความโปร่งใสด้านทรัพย์สินทางปัญญาระหว่างสมาชิก และการกาหนดให้ประเทศ สมาชกิ เข้าเป็นภาคคี วามตกลงระหวา่ งประเทศดา้ นทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญาขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกที่จะ สรา้ งมาตรฐานการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาในภูมิภาค และตอบรับการพัฒนาของเทคโนโลยีในปัจจุบัน โดย ไม่ส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงยาของประชาชน และไทยไม่ต้องเข้าเป็นภาคีความตกลงระหว่างประเทศเพ่ือการ คุ้มครองพันธ์ุพืชใหม่ (UPOV 1991) ซ่ึงเป็นประเด็นท่ีภาคประชาสังคมให้ความสาคัญ อย่างไรก็ดี ไทยจะต้อง พิจารณาเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองลิขสิทธ์ิขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WCT) และ สนธิสัญญาว่าด้วยการแสดงและสิ่งบันทึกเสียงขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WPPT) รวมท้ังปรับปรุง กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาท่ีเกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับความตกลงท้ังสองฉบับดังกล่าว พร้อมท้ังปรับปรุง กระบวนการบริหารจัดการ คาขอรับสิทธิบัตร และการดาเนินการกับสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในคดีแพ่ง ให้สอดคล้องกับข้อบทของความตกลง RCEP ซ่ึงเป็นไปตามนโยบายการพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญาของ ประเทศไทยในปจั จบุ นั 2.7 พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ กาหนดให้มีกฎเกณฑ์เพื่อส่งเสริมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และสร้าง สภาพแวดล้อมทีเ่ อื้อตอ่ การใช้พาณชิ ยอ์ ิเลก็ ทรอนกิ สร์ ะหว่างกัน โดยใหภ้ าคี (1) พยายามยอมรับผลทางกฎหมาย ของเอกสารการดาเนนิ การทางการคา้ ท่ีส่งทางอิเลก็ ทรอนกิ ส์ให้เท่าเทียมกับเอกสารฯ ในรูปแบบกระดาษ (2) ให้มี กฎหมายและกฎระเบียบในเร่ืองการคุ้มครองผู้บริโภคออนไลน์จากการกระทาท่ีฉ้อฉลและหลอกลวง การคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคลออนไลน์ การจัดการกับข้อความอิเล็กทรอนิกส์เชิงพาณิชย์ท่ีไม่พึงประสงค์ และการกากับดูแล ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์โดยคานึงถึงกฎหมายแม่แบบท่ีเก่ียวข้อง (3) ให้ภาคียกเว้นภาษีศุลกากรสาหรับการ ส่งผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ตามท่ีกาหนดไว้ภายใต้องค์การการค้าโลก และ (4) ให้มีการส่งเสริมพาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดน โดยไม่กาหนดตาแหน่งอุปกรณ์สารสนเทศไว้ในประเทศ และไม่ขัดขวางการโอน ข้อมลู ขา้ มพรมแดนด้วยวิธีทางอิเลก็ ทรอนิกส์ โดยไม่รวมถึงสาขาบริการทางการเงินและมีข้อยกเว้นเพ่ือการบรรลุ วตั ถปุ ระสงค์ในการดาเนินนโยบายสาธารณะที่สมเหตุผล 2.8 การแข่งขันทางการค้า ใหม้ กี ารตระหนกั ถึงอานาจอธิปไตยและระดับการพัฒนาของนโยบายและ กฎหมายด้านการแข่งขันทางการค้าของแต่ละประเทศ กาหนดให้มีหน่วยงานท่ีกากับและบังคับใช้กฎหมายและ กฎระเบียบเก่ยี วกบั การแข่งขนั ทางการค้าทีม่ ปี ระสทิ ธภิ าพ ไมม่ กี ารตดั สนิ ท่เี ป็นการกีดกันเน่ืองจากสัญชาติ มีการ แจง้ เหตุผลของการตดั สนิ และเปิดโอกาสให้มีการชี้แจง สามารถอุทธรณ์ได้ และเปิดโอกาสให้มีกระบวนการหารือ หากมกี รณที ี่ส่งผลกระทบตอ่ การค้าและการลงทุนของภาคี 2.9 บทอ่ืน ๆ เช่น ให้มีการเผยแพร่กฎหมายและกฎระเบียบการจัดซ้ือจัดจ้างโดยรัฐ โดยพยายาม จัดทาข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษและในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้มีการแบ่งปันข้อมูลที่ภาคีเห็นว่ามีประโยชน์ต่อ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและจัดต้ังช่องทางการสื่อสารท่ีเข้าถึงโดยสาธารณะ ให้มีการดาเนินกิจกรรม ความรว่ มมอื ตามแผนงาน เพ่ือลดช่องว่างการพฒั นาระหว่างภาคี
-5- 3. ผลกระทบ 3.1 ข้อผูกพนั ของไทยภายใต้ความตกลง RCEP ไม่มีผลให้ไทยต้องแก้ไขกฎหมายภายในประเทศเพิ่มเติม จากท่ีอยู่ระหว่างดาเนินการหรือมีนโยบายท่ีจะดาเนินการ และไม่มีข้อบทที่ส่งผลกระทบต่อไทยในประเด็นท่ีเป็น ข้อห่วงกังวลของภาคประชาสังคม ท้ังเร่ืองการขยายระยะเวลาการคุ้มครองสิทธิบัตรเพื่อชดเชยความล่าช้าในการ จดทะเบียน การผูกขาดข้อมูลการทดสอบยาที่อาจส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงยา และการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา ระหว่างประเทศเพื่อการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ ค.ศ. 1991 (UPOV 1991) ท่ีอาจส่งผลกระทบต่อราคาเมล็ดพันธุ์ สาหรับเกษตรกร นอกจากน้ี ยังยืนยันสิทธิของไทยในการใช้มาตรการบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยา (CL) ทีส่ อดคล้องกับกฎหมายทเ่ี กี่ยวข้องของไทยในปจั จุบัน 3.2 ไทยจะได้รบั ประโยชน์จากความตกลง RCEP ดงั น้ี 3.2.1 ตลาดขนาดใหญ่ ประเทศสมาชิก RCEP จะเป็นตลาดการค้าการลงทนุ ท่ีมีขนาดใหญ่ท่ีสุดใน โลก ประกอบด้วย 15 ประเทศ มีประชากรรวมกันเกือบ 2,252 ล้านคน (คิดเป็นร้อยละ 30.2 ของประชากร โลก) มี GDP กว่า 26.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณร้อยละ 30 ของ GDP โลก) มีมูลค่าการค้ารวมกว่า 10.4 ล้านลา้ นเหรียญสหรฐั ฯ (คดิ เปน็ ร้อยละ 27.4 ของมูลค่าการค้าโลก) สาหรับการค้าและการลงทุนของไทย กว่าคร่ึงพึ่งพาตลาดขนาดใหญ่ของสมาชิก RCEP ท้ัง 15 ประเทศ โดยมีมูลค่าการค้าระหว่างไทย-RCEP ในปี 2562 จานวน 2.75 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นร้อยละ 57 ของการค้ารวมของไทย) โดยไทยส่งออกไปยัง สมาชิก RCEP จานวน 1.33 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นร้อยละ 54 ของการส่งออกไทยไปโลก) และนาเข้า จากสมาชกิ RCEP 1.41 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเปน็ รอ้ ยละ 60 ของการนาเข้าไทยจากโลก) 3.2.2 โอกาสสินคา้ ของไทย ประเทศคเู่ จรจาอาเซียนได้เปิดตลาดสินค้าเพ่ิมเติมจากความตกลงที่มี อยกู่ ับอาเซียน ทาให้สินคา้ ของไทยมีโอกาสเขา้ สู่ตลาดและสามารถแข่งขันในตลาดของประเทศคู่เจรจาอาเซียนได้ มากขน้ึ ไดแ้ ก่ (๑) เกาหลี ๔๑๓ รายการ เช่น ผักผลไม้แปรรูปและไม่แปรรูป น้ามันที่ได้จากพืช ของปรุงแต่งจาก ธัญพืช แป้งมันสาปะหลัง สินค้าประมง พลาสติก เครื่องแก้ว ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า เคมีภัณฑ์ ด้ายทาด้วยยางวัล แคไนซ์ รถจกั รยาน เครือ่ งยนตแ์ ละสว่ นประกอบ กระเบอื้ ง ซีเมนต์ โดยเกาหลีกาหนดยกเลิกภาษีส่วนใหญ่ภายใน ๑๕ ปี (๒) ญ่ีปุ่น ๒๐๗ รายการ เช่น สินค้าประมง ผลไม้และลูกนัตปรุงแต่ง แป้งสาคู น้ามันถั่วเหลือง กาแฟค่ัว นา้ ผลไม้ ผกั ปรงุ แต่ง โดยญี่ป่นุ กาหนดยกเลิกภาษีส่วนใหญ่ภายใน ๑๖ ปี และ (๓) จีน ๓๓ รายการ เช่น พริกไทย สับปะรดแปรรูป น้ามะพร้าว ตัวรบั สัญญาณโทรทัศน์ สไตรนี เครอ่ื งเสยี ง อุปกรณ์ให้แสงสว่าง เครื่องยนต์ กระดาษ โดยจนี กาหนดยกเลกิ ภาษีส่วนใหญภ่ ายใน ๒๐ ปี 3.2.3 ขยายห่วงโซ่อุปทานจากการสะสมถ่ินกาเนิดในภูมิภาค เพ่ิมช่องทางเลือกในการส่งออก และเลือกใช้วัตถุดิบทาให้ได้ถ่ินกาเนิดง่ายขึ้น ความตกลง RCEP กาหนดเกณฑ์ถ่ินกาเนิดสินค้าท่ีเปิดโอกาสให้ ผู้ประกอบการสามารถเลือกใช้แหล่งวัตถุดิบท่ีหลากหลายมากข้ึนจากท้ังในและนอกภาคี โดยอนุญาตให้ภาคี สามารถนาวัตถุดิบที่ได้ถ่ินกาเนิดภายใต้ความตกลง RCEP มาสะสมถ่ินกาเนิดสินค้าต่อได้ ถือเป็นข้อได้เปรียบท่ี สาคัญของความตกลง RCEP เม่ือเปรียบเทียบกับความตกลงการค้าเสรีอาเซียนและอาเซียน+1 ท่ีภาคีสามารถ สะสมถน่ิ กาเนดิ สินค้ารว่ มกนั ไดเ้ พียง 10-12 ประเทศเทา่ น้นั จะชว่ ยเพ่ิมโอกาสในการผ่านเกณฑ์ถิ่นกาเนิดสินค้า ซึ่งจะส่งผลให้การค้าและการลงทุนในภูมิภาคขยายตัวเพิ่มข้ึน ในขณะเดียวกัน สินค้าจากภาคีอื่นก็มีโอกาสได้ ถ่ินกาเนิดง่ายขึ้นเช่นกัน นอกจากน้ี RCEP จะเป็นความตกลงการค้าเสรีฉบับแรกของอาเซียนที่มีการจัดทา กฎเฉพาะรายสินค้า (PSRs) สาหรับสินค้าทุกรายการ โดยไม่มีการใช้กฎท่ัวไป (General Rules: GR)3 ส่งผลให้ เกณฑ์ถ่นิ กาเนดิ สินค้าภายใต้ความตกลง RCEP มีความสอดคล้องกับความต้องการวัตถุดิบและกระบวนการผลิตท่ี แทจ้ ริงของสนิ คา้ มากกว่าความตกลง FTA อื่น ๆ ของไทยและของอาเซียนท่ีใช้กฎทั่วไปร่วมกับกฎเฉพาะรายสินค้า 3 กฎทัว่ ไป (General Rules: GR) เป็นการจัดทาเกณฑ์ถ่ินกาเนิดสินค้า เป็นเกณฑ์กลางเพ่ือใช้กับสินค้าจานวนมาก (1 เกณฑ์ ต่อสินค้าหลายรายการหรือทั้งหมด) ขณะท่ีกฎเฉพาะรายสินค้า (Product Specific Rules: PSRs) เป็นการจัดทาเกณฑ์ ถิน่ กาเนดิ สนิ คา้ เป็นการเฉพาะสาหรบั สนิ คา้ แต่ละรายการ (1 เกณฑ์ ต่อ 1 รายการสินค้า)
-6- โดยสินค้าที่คาดว่าไทยจะได้ประโยชน์เพ่ิมข้ึนจากกฎว่าด้วยถิ่นกาเนิดสินค้าภายใต้ความตกลง RCEP อาทิ อาหารปรุง แต่ง อาหารสัตว์เลย้ี ง รองเทา้ และเหลก็ และผลติ ภณั ฑ์จากเหล็ก 3.2.4 โอกาสบริการและการลงทุนของไทย ความตกลง RCEP มีการลดหรือยกเลิกกฎระเบียบ และมาตรการที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนของภาคบริการหรือการลงทุนท่ีไม่ใช่ภาคบริการ จะช่วยส่งเสริมให้การ ออกกฎระเบียบและมาตรการด้านการลงทุนมีความโปร่งใสมากยิ่งข้ึนและไม่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนจนเกิน จาเป็น ทาให้นักลงทุนสามารถจัดตั้งกิจการในประเทศของสมาชิกได้รวดเร็วย่ิงขึ้น อีกท้ังการเปิดตลาดของภาคี RCEP จะชว่ ยสรา้ งโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยเข้าไปลงทุนในภาคี RCEP ในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ อาทิ ก่อสร้าง ธุรกิจเกี่ยวเนื่องด้านสุขภาพ ธุรกิจเก่ียวเนื่องกับภาพยนตร์และบันเทิง ประเภทเทคนิคตัดต่อภาพและเสียง การ ผลิตแอนิเมชั่น ค้าปลีก ในขณะเดียวกัน ไทยมีการเปิดตลาดโดยมีจุดประสงค์เพ่ือเปิดรับการลงทุนคุณภาพที่ไทย ยังมีความต้องการในสาขาท่ีใช้เทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ต้องการได้รับการพัฒนา know how และการ บริหารจัดการที่มีมาตรฐาน เพื่อเป็นพื้นฐานในการพัฒนาอุตสาหกรรมอื่นในประเทศ และต่อยอดเป้าหมายการ ส่งเสรมิ อตุ สาหกรรม S-curve ตามนโยบายรฐั บาล เช่น การวิจัยและพัฒนา สิ่งแวดล้อม ICT การศึกษา การซ่อม บารุงรักษาชิ้นส่วนอากาศยาน เพ่ือท่ีไทยจะได้เป็นศูนย์กลางรับการลงทุน และส่งออกต่อไปยังประเทศอื่นใน ภูมิภาค ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการไทยและต่างชาติมากข้ึน อย่างไรก็ดี ไทยมีการระบุ เงื่อนไขที่เปิดกว้างให้รฐั ออกมาตรการเพ่อื ปกปอ้ งดูแลผลประโยชนช์ าตแิ ละผ้ปู ระกอบการในประเทศ 3.2.5 อานวยความสะดวกทางการค้าการลงทุน ความตกลง RCEP จะช่วยลดความซ้าซ้อนเร่ือง กฎถิ่นกาเนิดสินค้า มีการปรับพิธีการศุลกากรให้มีความชัดเจน รวดเร็ว โปร่งใส ปรับประสานกฎระเบียบและ มาตรการทางการค้า ซึ่งจะทาให้มีการยอมรับกฎเกณฑ์ด้านมาตรฐานต่าง ๆ ระหว่างกันมากขึ้น การสร้าง มาตรฐานด้านทรัพย์สินทางปัญญาของภูมิภาคจะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยได้รับความคุ้มครองทรัพย์สินทาง ปัญญาอย่างเหมาะสม และมีการอานวยความสะดวกการจดทะเบียนต่าง ๆ ในภาคี RCEP ให้ง่ายขึ้น ซึ่งจะช่วย กระตุ้นการสร้างสรรค์และใช้นวัตกรรมในการประกอบธุรกิจ อีกท้ังช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เอ้ืออานวยต่อการ พัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ทาให้เกิดความคล่องตัวในการทาธุรกิจ รวมถึงเพ่ิมช่องทางให้กับ SMEs ในการ ได้รับข้อมูล ประสบการณ์และความรู้ท่ีจาเป็นต่อการเข้าถึงตลาดของภาคี RCEP ได้มากขึ้น ซ่ึงจะนาไปสู่การ ขยายตัวทางการค้าและการลงทุนของไทยตลอดจนภายในภูมิภาคด้วย อย่างไรก็ดี การปรับกฎระเบียบมาตรฐาน ดังกล่าวทาให้หน่วยงานต้องมีการปรับตัวในกระบวนการทางานตามพันธกรณี รวมถึงการดาเนินงานให้มีความ โปร่งใส มีการเผยแพร่ข้อมูลกฎหมายและกฎระเบียบที่เก่ียวข้อง และมีการตอบข้อซักถามการร้องขอข้อมูล เพม่ิ เติมจากภาคซี ึง่ ต้องดาเนนิ การภายในระยะเวลาทกี่ าหนดไว้ในความตกลง 3.2.6 พัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสมาชิก มีการพัฒนาและยกระดับมาตรฐาน กฎระเบียบทางการค้าให้มีความสากล สร้างเสริมศักยภาพในการใช้ประโยชน์จากความตกลง โดยเฉพาะส่งเสริม ความร่วมมือให้ SMEs สามารถเชื่อมโยงเข้าเครือข่ายการผลิตในภูมิภาค เปิดให้มีการเผยแพร่กฎหมายและ กฎระเบียบดา้ นการแขง่ ขันทางการค้า การคมุ้ ครองผู้บริโภค การจัดซ้ือจัดจ้างโดยรัฐ ทรัพย์สินทางปัญญา เพ่ือให้ มคี วามโปรง่ ใส งา่ ยตอ่ การเขา้ ถงึ ของผู้ประกอบการ รวมถึงความร่วมมือในการแลกเปล่ียนข้อมูล การเปลี่ยนแปลง กฎหมาย และการพัฒนาขีดความสามารถทเ่ี กี่ยวขอ้ ง 3.3 ผลกระทบ สินค้าของประเทศคู่เจรจาอาเซียนมีโอกาสเข้ามาแข่งขันเช่นกัน เน่ืองจากไทยได้เปิด ตลาดสินค้าเพ่ิมเติมจากความตกลงการค้าเสรีท่ีมีอยู่ เพื่อตอบสนองการเปิดตลาดของประเทศคู่เจรจาอาเซียน ยกตัวอย่างเช่น (๑) เกาหลี 456 รายการ เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ ปลาสด/แช่เย็น/แช่แข็ง ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ที่ทาด้วยเหล็ก รถบรรทุก สิ่งทอและเครื่องแต่งกาย (๒) ญ่ีปุ่น 10 รายการ โดยเป็นสินค้าชิ้นส่วน ยานยนต์เพ่ือนามาเข้ามาใช้ในการผลิตของอุตสาหกรรมยานยนต์ เช่น เพลาส่งกาลัง ส่วนประกอบเคร่ืองยนต์ และ (๓) จีน 59 รายการ เช่น เมล็ดพืช หินทรายและหินอื่น ๆ ใช้ในการก่อสร้าง กระดาษหนังสือพิมพ์ ท่อนเหล็ก ท่อนทองแดง ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ไฟฟ้า ทั้งนี้ สินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าวัตถุดิบหรือช้ินส่วนท่ีไทย ต้องการนามาใช้ในการผลิตสินค้าภายในประเทศ รวมทั้งมีระยะเวลายกเลิกภาษีภายใน ๑๕ ปี ซึ่งกระทรวง
-7- พาณิชย์ได้มีการหารือกับภาคส่วนที่เก่ียวข้องท้ังภาครัฐและภาคเอกชนอย่างต่อเน่ือง โดยภาคเอกชนมี ขอ้ เสนอแนะสาหรับหน่วยงานท่เี กยี่ วข้องนาไปพจิ ารณาดาเนนิ การ เชน่ (1) ปรับปรุงโครงสร้างอากรศุลกากรของไทยให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับโครงสร้างการ ผลิต เพื่อให้ผู้ประกอบการในประเทศสามารถแข่งขันได้ เน่ืองจากในปัจจุบันไทยยังมีการกาหนดภาษีศุลกากรใน สินค้าวตั ถดุ บิ บางชนิดทส่ี ูงกว่าสินค้าสาเรจ็ รูป (2) ให้ความรู้แก่ภาคเอกชนในเร่ืองการใช้มาตรการปกป้อง และมาตรการตอบโต้การ ทุ่มตลาดและการอุดหนุน รวมท้ังภาครัฐควรสนับสนุนกลไกท่ีจะอานวยความสะดวกภาคเอกชนในการติดตาม รวบรวม ข้อมูลและสถิติการค้า ที่จะใช้ประกอบการยื่นขอใช้มาตรการ ตลอดจนตรวจสอบความผิดปกติและ ปอ้ งกันประเทศค่คู ้าบดิ เบือนหรือหลกี เลยี่ งมาตรการดังกลา่ ว (3) พัฒนาการเพาะเลี้ยงปลาในประเทศไทยอย่างยั่งยืน ตามแนวทางข้อเสนอของสมาคม ผู้เพาะเล้ียงปลาไทยโดยปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างความเข้มแข็งและพัฒนาศักยภาพของ ภาคการผลติ ของไทยภายในระยะเวลา 10-15 ปที จี่ ะตอ้ งยกเลกิ ภาษนี าเข้า นอกจากน้ี ปัจจุบันรัฐยังมีมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า ได้แก่ (1) กองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรเพ่ือเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ ภายใต้ ความรับผดิ ชอบของสานักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ (2) โครงการช่วยเหลือเพ่ือ การปรับตัวของภาคการผลิตและภาคบริการท่ีได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้าภายใต้ความรับผิดชอบของ กรมการคา้ ตา่ งประเทศ กระทรวงพาณิชย์ รวมท้ังกระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางการจัดต้ัง “กองทุน ช่วยเหลอื เพอื่ การปรบั ตวั ของภาคการผลิตและภาคบริการท่ีได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า” เพื่อเป็น กลไกถาวรในการให้ความช่วยเหลือเยียวยา ตลอดจนเตรียมความพร้อมผู้ท่ีได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรี ทางการคา้ ใหส้ ามารถปรับตวั และมีศกั ยภาพในการแขง่ ขัน 4. การดาเนินการรบั ฟงั ความคิดเหน็ ตามมาตรา 178 วรรคสี่ ของรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ได้ดาเนินการเผยแพร่ข้อมูลความเป็นมาและ สาระสาคัญของร่างความตกลง RCEP และเปิดโอกาสให้ประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีส่วนร่วมในการแสดง ความคดิ เหน็ โดยดาเนินการต้ังแต่ปี 2561 ในรูปแบบของงานสัมมนาท้ังในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด และ การจดั สมั มนาออนไลน์รวมทงั้ ส้นิ 14 ครัง้ รวมถงึ การนาเสนอขอ้ มลู ตอ่ คณะกรรมาธิการท่เี กีย่ วข้อง ดงั นี้ o จัดการสมั มนาเร่ือง \"รู้รอบ ASEAN รอบรู้ RCEP\" เม่ือวันท่ี 13 ธันวาคม 2561 ณ โรงแรมโซฟิเทล กรุงเทพฯ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมสัมมนาประกอบด้วยผู้แทนจากภาครัฐ (อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวง อุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) และภาคเอกชน (อาทิ สมาชิกของสภา อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ธนาคาร พาณชิ ย์ ภาคอตุ สาหกรรมของไทยและญี่ปุ่นที่ลงทนุ ในประเทศไทย) โดยจากการรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วน ต่าง ๆ เห็นว่า ความตกลง RCEP จะเป็นโอกาสทางการตลาดให้กับภาคเอกชนและผู้ประกอบการของไทย ซึ่ง ภาคเอกชนได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ความตกลง RCEP ดังน้ี (1) เสนอข้อมูลแก่ภาครัฐ เพื่อให้ภาครัฐ ใช้ประกอบการเจรจา RCEP และ (2) การจัดทา workshop กับประเทศสมาชิก RCEP เพ่ือระดมสมองในการ ขบั เคล่อื นการเจรจาบนพน้ื ฐานการเอือ้ ประโยชนก์ ับประเทศสมาชกิ RCEP o จัดการสัมมนารับฟังความคิดเห็นเรื่อง “ก้าวต่อไปของไทยหลังปิดดีล RCEP” ในส่วนกลางและ ส่วนภูมิภาค ตลอดจนถ่ายทอดสดการสัมมนาฯ ผ่านช่องทาง Facebook Live ของกรมเจรจาการค้าระหว่าง ประเทศ ได้แก่ ครั้งที่ 1 ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ วันท่ี 16 ธนั วาคม 2562 คร้งั ท่ี 2 ณ โรงแรมวินทรี ซิตี้ รีสอร์ท จังหวดั เชยี งใหม่ วันที่ 20 มกราคม 2563 คร้ังที่ 3 ณ โรงแรมบางแสน เฮอริเทจ จังหวัดชลบุรี วันท่ี 28 กุมภาพันธ์ 2563 ครั้งท่ี 4 ณ โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนสป์ ารค์ กรงุ เทพฯ วันที่ 13 สิงหาคม 2563 (Facebook Live) ครั้งท่ี 5 ณ โรงแรมอวานี ขอนแก่น แอนด์ คอนเวนช่ัน เซ็นเตอร์ จังหวัดขอนแก่น วันที่ 11 กันยายน 2563 (Facebook Live) ครั้งที่ 6 ณ โรงแรม
-8- ที อาร์ ร็อคฮิล จังหวัดสงขลา วันท่ี 17 กันยายน 2563 (Facebook Live) ท้ังนี้ ในการสัมมนาแต่ละครั้ง ประกอบด้วยภาคธุรกิจ กลุ่มเกษตรกร หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคประชาสังคม สถาบันการศึกษา และ ประชาชนทั่วไปในแต่ละพื้นที่ โดยจากการรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่าง ๆ เห็นว่า ความตกลง RCEP มี ความสาคัญอย่างมากท่ามกลางบริบทการค้าโลกที่เปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว และเม่ือความตกลง RCEP มีผลใช้ บังคับ จะทาให้เกิดการค้าระหว่างไทยกับสมาชิก RCEP มากขึ้น ตลอดจนเห็นว่าความตกลง RCEP จะสร้าง โอกาสให้กับสินค้าไทยในการส่งออกไปยังตลาด RCEP โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นสินค้าที่ประเทศไทยมี ศักยภาพ ในขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการและเกษตรกรต้องการให้ภาครัฐมีมาตรการสนับสนุนเพื่อเป็นการ เยยี วยา/รองรับผลกระทบท่ีอาจเกิดขึ้นจากความตกลง RCEP อาทิ การให้สินเช่ือ กองทุน การส่งเสริมการลงทุน การอบรมและพัฒนาทักษะแรงงาน o จัดสัมมนาออนไลน์ (Webinar) เรื่อง “RCEP the Series: ครบเครื่อง เร่ือง RCEP” โดย ถ่ายทอดสดการสัมมนาฯ ผ่านช่องทาง Facebook Live ของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และช่องทาง Youtube “DTNChannel” จานวน 6 ตอน ไดแ้ ก่ EP.1 ตอน รู้รอบข้อตกลง RCEP วันท่ี 21 กรกฎาคม 2563 EP.2 ตอน รู้ลึกการค้าสินค้าใน RCEP วันที่ 21 กรกฎาคม 2563 EP.3 ตอน ติดอาวุธ เสริมเกราะเจาะตลาด RCEP วันที่ 21 กรกฎาคม 2563 EP.4 ตอน RCEP เช่ือมไทยสู่โลก สู้โควิด วันที่ 30 กรกฎาคม 2563 EP.5 ตอนโอกาสบริการลงทุนใน RCEP: ทาอย่างไรให้ปัง! วันท่ี 30 กรกฎาคม 2563 EP.6 ตอน ถอดรหัส! ทรพั ย์สินทางปัญญา ใน RCEP วนั ที่ 6 สิงหาคม 2563 o จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ให้ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับความตกลงลง RCEP แก่กลุ่มเป้าหมาย ต่าง ๆ อาทิ พาณิชย์จังหวัด (วันที่ 23 ธันวาคม 2563) เครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club ประเทศไทย (วันที่ 22 ธันวาคม 2563) สภาอุตสากรรมแห่งประเทศไทย (วันที่ 15 ธันวาคม และวันที่ 24 ธันวาคม 2563) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย (วันท่ี 18 ธันวาคม 2563) ตลอดจนส่งข้อมูลเก่ียวกับความตกลงลง RCEP ใหก้ บั สานักงานสง่ เสรมิ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม และสมาพันธเ์ อสเอม็ อีไทย เพ่ือเผยแพร่ให้แก่เครือข่าย ผู้ประกอบการ SMEs o ชี้แจงต่อรัฐสภาผ่านการนาเสนอข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ คณะกรรมาธิการการ ต่างประเทศ (วันท่ี 3 กันยายน 2563) คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา (วันท่ี 8 กันยายน 2563) คณะกรรมาธกิ ารการพาณชิ ย์และการอุตสาหกรรม วฒุ ิสภา (วันท่ี 20 ตุลาคม 2563) คณะกรรมาธิการ การพัฒนาเศรษฐกิจ (วันที่ 21 ตุลาคม 2563) คณะกรรมาธิการการพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา (วันที่ 28 ตุลาคม 2563) คณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม (วันที่ 25 พฤศจิกายน 2563) คณะกรรมาธิการความ มน่ั คงแหง่ รฐั กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตรช์ าติและการปฏริ ปู ประเทศ (วันท่ี 23 ธนั วาคม 2563) o เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ความตกลง RCEP พร้อมคาแปลอย่างไม่เป็นทางการ และสรุปสาระสาคัญ ของความตกลง RCEP ผ่านเว็บไซต์ของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ (www.dtn.go.th) ทันทีที่มีการ ลงนามความตกลงฯ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2563 รวมถึงจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นต่อความตกลง RCEP ผ่านทางเว็บไซต์ของกรมฯ ตั้งแต่วันท่ี 23 พฤศจิกายน 2563 o จัดการสัมมนาประชาพิจารณ์ เร่ือง “เจาะลึกความตกลง RCEP และการเตรียมใช้ประโยชน์- ปรับตัว” เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2563 ณ โรงแรมนิกโก้ กรุงเทพฯ โดยมีผู้เข้าร่วมการสัมมนาฯ ท้ังจากภาค ธรุ กจิ กลมุ่ เกษตรกร ภาครฐั รัฐวิสาหกิจ ภาคประชาสังคม สถาบันการศึกษา และประชาชนทั่วไป รวม 152 คน โดยจากการตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการเข้าเป็นภาคีความตกลง RCEP ของไทย และเห็นว่า ความตกลง RCEP มีประโยชน์ในการขยายโอกาสและสร้างแต้มต่อทางการค้า ทาให้การค้ามีความสะดวกมาก ย่ิงขึ้น เน่ืองจากมีการประสานกฎเกณฑ์ที่เป็นมาตรฐานร่วมกัน เพ่ิมมูลค่าการส่งออกสินค้าของไทย โดยเฉพาะ สินค้าเกษตร และเพ่ิมตัวเลือกในการนาเข้าวัตถุดิบเพื่อนามาผลิตภายในประเทศ เกิดการจ้างงาน ตลอดจน ส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในตลาดการค้าโลก ทาให้เศรษฐกิจในภาพรวมของ ประเทศดีขึ้น ในขณะเดียวกัน ความตกลง RCEP จะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค เนื่องจากมีสินค้าและบริการให้ เลอื กบริโภคมากข้ึน
-9- 5. ความเหน็ หนว่ ยงานท่ีเกีย่ วขอ้ ง 5.1 กระทรวงพาณิชย์ได้จัดประชุมเพ่ือจัดทาท่าทีของไทยและร่วมเจรจากับหน่วยงานที่เก่ียวข้อง ได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ (กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และกรมอาเซียน) กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร สานักงานเศรษฐกิจการคลัง กรมบัญชีกลาง และกรมสรรพากร) กระทรวง อตุ สาหกรรม (สานกั งานเศรษฐกจิ อตุ สาหกรรม และสานกั งานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อตุ สาหกรรม) กระทรวงเกษตร และสหกรณ์ (สานักงานเศรษฐกิจการเกษตร และสานักงานมาตรฐานสินคา้ เกษตรและอาหารแห่งชาติ) กระทรวง ดิจิทัลเพอื่ เศรษฐกจิ และสงั คม กระทรวงแรงงาน (กรมการจัดหางาน) สานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สานักงานคณะกรรมการกากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ธนาคารแห่งประเทศไทย สานักงาน คณะกรรมการกากับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย สานักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องคก์ ารมหาชน) สานักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กจิ การโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ สานักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า สานักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ สานักงาน คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สานักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สานักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกา โดยได้มีการหารือร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคม ธนาคารไทย และภาคประชาสงั คม ทง้ั กอ่ นและหลังการเจรจามาโดยตลอด 5.2 กระทรวงพาณิชย์ได้สอบถามหน่วยงานที่เก่ียวข้องถึงกระบวนการภายในประเทศท่ีต้องดาเนินการ เพอ่ื ปฏบิ ตั ติ ามพันธกรณขี องความตกลง มี 4 หน่วยงานท่แี จง้ ว่าจะดาเนนิ การในส่วนท่รี ับผิดชอบตอ่ ไป ดังนี้ 5.2.1 กรมศุลกากร ไดแ้ ก่ (1) การปรับพิกัดอัตราศุลกากรจาก HS 2012 เป็น HS 2017 และออก ประกาศกระทรวงการคลังเพ่ือยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรสาหรับสินค้าท่ีผูกพันการลดภาษีภายใต้ ความตกลง RCEP และ (2) การออกประกาศกรมศุลกากร และคาส่ังทั่วไปกรมศุลกากร เพื่อกาหนดหลักเกณฑ์ และพิธีการศลุ กากรสาหรบั การยกเวน้ อากรและลดอัตราอากรศุลกากรภายใต้ความตกลง RCEP 5.2.2 สานักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม การดาเนินการออกประกาศกระทรวงเพ่ือปฏิบัติตาม พันธกรณีในตารางข้อผูกพันทางภาษี (ภาคผนวก 1) เรื่องเง่ือนไขการนาเข้าสินค้าช้ินส่วนยานยนต์ (Original Equipment Manufacturing: OEM) ท่จี ะนาเขา้ ภายใตค้ วามตกลง RCEP จานวน 125 รายการ 5.2.3 กรมการค้าต่างประเทศ ได้แก่ (1) การออกหนังสือรับรองถ่ินกาเนิดสินค้า หลังจากที่ภาคี RCEP เจรจาแนวทางการปฏิบัติในการออกหนังสือรับรองถ่ินกาเนิดสินค้าและรูปแบบหนังสือรับรองถ่ินกาเนิด สินค้าภายใต้ความตกลง RCEP แล้วเสร็จ (2) การนาข้อมูลกฎถ่ินกาเนิดสินค้าเข้าในฐานข้อมูลระบบตรวจ คณุ สมบตั ขิ องสินค้าทางด้านถ่ินกาเนิด และ (3) การออกกฎระเบียบท่ีเกี่ยวข้องกับหลักเกณฑ์ คุณสมบัติ การข้ึน ทะเบียน และจัดทาระบบอิเล็กทรอนิกส์สาหรับการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ส่งออกที่ได้รับอนุญาตในการออกใบรับรอง ถน่ิ กาเนิดสินคา้ ด้วยตนเอง 5.2.4 กรมทรัพย์สินทางปัญญาอยู่ระหว่างดาเนินการเพื่อแก้ไขกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาท่ี เกีย่ วข้องเพ่ือปฏิบัตติ ามพันธกรณี (1) การเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาว่าด้วยลิขสิทธ์ิและสนธิสัญญาว่าด้วยการแสดง และสิง่ บนั ทึกเสยี งขององคก์ ารทรพั ย์สินทางปญั ญาโลก (2) สิทธแิ ต่เพยี งผเู้ ดยี วของนักแสดง (3) สิทธิในการได้รับ ค่าตอบแทนสาหรับการแพร่เสียงแพร่ภาพในส่วนท่ีเกี่ยวกับนักแสดง (4) การประกาศโฆษณาคาขอรับสิทธิบัตร เมื่อพ้นระยะเวลา ๑๘ เดือนนับจากวันยื่นคาขอ และ (5) การทาลายของกลางละเมิดลิขสิทธิ์และเครื่องหมาย การค้าในคดแี พ่ง ซงึ่ สอดคลอ้ งกบั นโยบายในการพฒั นาระบบทรพั ย์สินทางปญั ญาของไทย 5.3 กระทรวงการต่างประเทศ และสานกั งานกฤษฎกี าพิจารณาแลว้ เหน็ วา่ 5.3.1 ความตกลง RCEP มีการใช้ถ้อยคาที่แสดงถึงความมุ่งหมายที่จะก่อให้เกิดผลผูกพันทาง กฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ จึงเข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 178 ของ รัฐธรรมนูญฯ และโดยท่ีเนอ้ื หาของรา่ งความตกลงเป็นเร่ืองท่ีเกี่ยวกับการค้าเสรีอันเข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาท่ี อาจมีผลกระทบตอ่ ความมนั่ คงทางเศรษฐกิจ สังคม หรือการค้า หรือการลงทุนของประเทศอย่างกว้างขวางตามท่ีมี การกาหนดขอบเขตและความหมายไว้ในมาตรา 178 วรรคสองและวรรคสาม ของรัฐธรรมนูญฯ จึงต้องได้รับความ เห็นชอบของรัฐสภา ดังนนั้ กระทรวงพาณิชย์จึงต้องเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อขอความเห็นชอบและขออนุมัติ
- 10 - การลงนามในร่างความตกลงฯ พร้อมท้ังขอให้คณะรัฐมนตรีเสนอขอความเห็นชอบต่อรัฐสภาในคราวเดียวกัน โดย เมอื่ คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามท่เี สนอและให้ขอความเห็นชอบต่อรัฐสภาแล้ว กระทรวงพาณิชย์สามารถดาเนินการ ให้มีการลงนามได้ เมื่อลงนามแล้วจึงเสนอเรื่องต่อรัฐสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ และเม่ือรัฐสภาให้ความ เห็นชอบแล้ว จึงจะดาเนินการแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันตามข้อ 20.6 ของร่างความตกลงฯ ได้ ท้ังนี้ เป็นไปตาม มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันท่ี 5 กุมภาพันธ์ 2562 เร่ือง แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการเสนอหนังสือสัญญาตาม บทบัญญัตมิ าตรา 178 ของรัฐธรรมนญู ฯ 5.3.2 ตามมาตรา 178 วรรคส่ีของของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กาหนดให้มีกฎหมาย กาหนดวิธีการที่ประชาชนจะเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและได้รับการเยียวยาท่ีจาเป็นอันเกิดจาก ผลกระทบของการทาหนังสือสัญญาตามมาตรา 178 วรรคสามของรัฐธรรมนูญฯ อย่างไรก็ดี ในขณะท่ีการจัดทา กฎหมายดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จ จึงเห็นสมควรให้กระทรวงพาณิชย์ดาเนินการให้ประชาชนเข้ามาส่วนร่วมในการ แสดงความคิดเห็นและไดร้ ับการเยียวยาตามแนวทางท่ปี ฏบิ ตั ิอยหู่ รือตามท่เี หน็ สมควร 5.3.3 กระทรวงพาณิชย์ต้องขอความเห็นชอบบุคคลที่จะเป็นผู้ลงนาม ซึ่งหากไม่ใช่นายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีวา่ การกระทรวงการต่างประเทศ ต้องให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทาหนังสือมอบอานาจเต็ม (Full Powers) เว้นแต่จะเป็นท่ียอมรับระหว่างคู่ภาคีว่าไม่จาเป็นต้องแสดงหนังสือมอบอานาจเต็มก็ให้ส่วนราชการ เจา้ ของเรือ่ งแจ้งคณะรฐั มนตรีทราบด้วย ทั้งน้ี ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันท่ี 2 กรกฎาคม 2556 เรื่องหลักเกณฑ์ และแนวทางปฏบิ ตั ิเก่ยี วกับการออกหนงั สอื มอบอานาจเตม็ 5.3.4 กระทรวงการต่างประเทศจะดาเนินการจดั ทาหนังสือแจ้งการมีผลใช้บังคับของร่างความตกลง RCEP เม่ือ (1) รัฐสภาให้ความเห็นชอบร่างความตกลง RCEP และ (2) กระทรวงพาณิชย์ได้มีหนังสือแจ้งยืนยันว่า ฝา่ ยไทยไดด้ าเนนิ กระบวนการตา่ ง ๆ ที่จาเปน็ สาหรบั การมผี ลใชบ้ ังคับของรา่ งความตกลง RCEP เสร็จสนิ้ แลว้ 6. สรุปสาระสาคญั ของความตกลง RCEP รายบท โครงสร้างความตกลง RCEP ประกอบด้วย 20 บท (17 ภาคผนวกแนบท้ายบท) คือ อารัมภบท (1) บทบญั ญัตเิ บอ้ื งต้นและคานยิ ามทวั่ ไป (2) การค้าสินค้า (3) กฎถ่ินกาเนิดสินค้า (4) พิธีการศุลกากรและการ อานวยความสะดวกทางการค้า (5) มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (6) มาตรฐาน กฎระเบียบทางเทคนิค และกระบวนการตรวจสอบและรับรอง (7) การเยียวยาทางการคา้ (8) การคา้ บริการ (9) การเคลื่อนย้ายช่ัวคราว ของบุคคลธรรมดา (10) การลงทุน (11) ทรัพย์สินทางปัญญา (12) พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (13) การแข่งขัน ทางการค้า (14) ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการ (15) วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (16) การ จัดซ้ือจัดจ้างโดยรัฐ (17) บทบัญญัติท่ัวไปและข้อยกเว้น (18) บทบัญญัติเก่ียวกับสถาบัน (19) การระงับข้อ พิพาท (20) บทบัญญัติสุดท้าย และ 4 ภาคผนวกแนบท้ายความตกลง คือ ภาคผนวก 1 ตารางข้อผูกพันทาง ภาษี ภาคผนวก 2 ตารางข้อผูกพันเฉพาะสาหรับบริการ ภาคผนวก 3 ตารางข้อสงวนและมาตรการท่ีไม่ สอดคล้องกับพันธกรณีสาหรับบริการและการลงทุน และภาคผนวก 4 ตารางข้อผูกพันเฉพาะในการเคลื่อนย้าย ช่วั คราวของบุคคลธรรมดา อารมั ภบท ความตกลง RCEP ซึ่งได้มีการประกาศเริ่มเจรจาเมื่อวันท่ี 20 พฤศจิกายน 2555 เป็นความตกลงที่มุ่ง ให้เกิดการรวมตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคที่กว้างและลึกยิ่งขึ้น เสริมสร้างการเจริญเติบโตและการพัฒนาทาง เศรษฐกจิ อยา่ งเทา่ เทียม และพฒั นาความร่วมมอื บนความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจท่ีมีอยู่ระหว่างภาคี โดยจะมีการ กาหนดกฎระเบียบท่ีชัดเจนเพื่ออานวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน ซ่ึงคานึงถึงระดับของการพัฒนาที่ แตกตา่ งกนั ระหว่างภาคี การไดร้ บั การปฏิบัตทิ ่พี ิเศษและแตกต่าง โดยเฉพาะกับกัมพูชา สปป. ลาว เมียนมา และ เวียดนาม ในระดับที่เหมาะสม รวมถึงความยืดหยุ่นเพ่ิมเติมสาหรับภาคีท่ีเป็นประเทศพัฒนาน้อยท่ีสุด โดยให้ ความสาคัญกับการมีธรรมาภิบาลที่ดีและการสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจท่ีโปร่งใสและมั่นคง รวมถึงสิทธิของ ภาคีทจี่ ะออกกฎระเบยี บเพือ่ วัตถุประสงคส์ าธารณะ
- 11 - บทที่ 1 บทบญั ญัติเบือ้ งต้นและคานิยามท่วั ไป บทบญั ญัติเบ้อื งตน้ และคานิยามท่ัวไป ประกอบดว้ ย 3 ขอ้ บท 1.1 ภาคจี ัดตงั้ ความตกลง RCEP ใหเ้ ปน็ เขตการค้าเสรี โดยสอดคล้องกับข้อ 24 ของความตกลงทั่วไปว่า ด้วยภาษีศุลกากรและการค้า (General Agreement on Tariff and Trade: GATT 1994) และความตกลงท่ัวไป วา่ ด้วยการค้าบริการ (General Agreement on Trade in Services: GATS) ขององค์การการคา้ โลก (WTO) 1.2 กาหนดคานิยามทวั่ ไปทใี่ ชใ้ นความตกลง 1.3 ระบวุ ัตถุประสงค์ของการจัดทาความตกลง RCEP คือ ให้เป็นกรอบหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจท่ีทันสมัย ครอบคลมุ คุณภาพสูง และเป็นผลประโยชน์ร่วมกัน เพื่อรองรับการขยายตัวของการค้าและการลงทุนในภูมิภาค และการพัฒนาของเศรษฐกิจโลก โดยคานึงถงึ ระดับการพัฒนาและความตอ้ งการของภาคี โดยเฉพาะภาคีประเทศ พฒั นานอ้ ยที่สดุ อีกทั้งให้มกี ารเปิดเสรีการคา้ สินค้า การคา้ บริการ และการลงทนุ ระหว่างกนั บทท่ี 2 การค้าสนิ ค้า บทการค้าสินค้า ประกอบด้วย 21 ข้อบท (แบ่งเป็น 2 ส่วนสาคัญ คือ บทบัญญัติท่ัวไปและการเข้า สู่ตลาดของสนิ ค้า และมาตรการท่ไี มใ่ ชภ่ าษี) 2.1 ภาคจี ะต้องลดหรอื ยกเลกิ ภาษสี นิ คา้ ตามตารางขอ้ ผกู พันทางภาษี (ภาคผนวก 1) และหากอัตราภาษี ทวั่ ไปทเ่ี รยี กเก็บจริง (MFN applied rate) ต่ากว่าอัตราภาษีท่ีระบุไว้ตารางข้อผูกพันทางภาษี ผู้นาเข้ามีสิทธิ์ขอใช้ อตั ราภาษี MFN ท่ีมอี ตั ราต่ากว่าได้ รวมทง้ั ใหผ้ ู้นาเข้าอาจสามารถขอคืนภาษสี ่วนที่จ่ายเกินได้ หากผู้นาเข้าไม่ได้ขอ ใช้ภาษี MFN ที่มีอัตราต่ากว่าตอนนาเขา้ สนิ ค้า โดยขึ้นอยกู่ ับกฎหมายและระเบียบขอ้ บังคับของแต่ละภาคี 2.2 ภาคีมีการกาหนดอัตราภาษีท่ีแตกต่างกันให้กับบางภาคี โดยภาคีผู้นาเข้าจะให้สิทธิประโยชน์ทาง ภาษีท่ีกาหนดไว้ให้กับภาคีผู้ส่งออกสาหรับสินค้าท่ีมีการกาหนดอัตราภาษีแตกต่างกัน ก็ต่อเม่ือภาคีผู้ส่งออกเป็น ประเทศถิ่นกาเนิดตามเงื่อนไขถิ่นกาเนิดสินค้าเพ่ิมเติมจากที่กาหนดไว้ในบทท่ี 3 (กฎถิ่นกาเนิดสินค้า) ดังนี้ (1) สินค้าท่ีผลิตจากวัตถุดิบที่มีถ่ินกาเนิดสินค้าภายในประเทศภาคีทั้งหมด (produced exclusively: PE) จะตอ้ งมกี ระบวนการผลิตในภาคผี สู้ ่งออกเกนิ กว่ากระบวนการอยา่ งง่าย (2) สนิ คา้ ทถ่ี ูกระบไุ ว้ในเอกสารแนบท้าย ของตารางข้อผูกพันทางภาษีจะต้องมีสัดส่วนมูลค่าเพิ่มภายในประเทศของภาคีผู้ส่งออกไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของมูลค่าสินค้า ทั้งน้ี กรณีที่ภาคีผู้ส่งออกไม่สามารถทาตามเง่ือนไขดังข้างต้น ภาคีผู้นาเข้าจะใช้อัตราภาษีที่ กาหนดไว้ให้กับภาคีท่ีมีสัดส่วนมูลค่าวัตถุดิบที่ได้ถ่ินกาเนิดสินค้าสูงที่สุดที่ใช้ในการผลิตแทน นอกจากน้ี ผู้นาเข้า อาจขอเลือกใช้ระหวา่ ง (1) อตั ราภาษีสูงสุดท่ีภาคีผู้นาเข้าเรียกเก็บกับภาคีที่มีส่วนในวัตถุดิบท่ีได้ถ่ินกาเนิดสินค้า ที่ใช้ในการผลิตของสินค้านาเข้า หรือ (2) อัตราภาษีสูงสุดที่ภาคีผู้นาเข้าเรียกเก็บกับภาคีใด ๆ ใน RCEP ไม่ว่า ภาคีผู้ส่งออกจะเป็นประเทศถน่ิ กาเนิดหรอื ไมก่ ต็ าม 2.3 หากภาคีปรับปรุงหรือเร่งระยะเวลาการปฏิบัติตามข้อผูกพันทางภาษี สิทธิประโยชน์จากการ ปรับปรงุ ดังกล่าวจะตอ้ งให้กับทุกภาคี 2.4 ภาคีสามารถแก้ไขหรือถอนข้อผูกพันออกจากตารางข้อผูกพันทางภาษีของตนได้ โดยต้องได้รับ ความเห็นชอบจากภาคีอื่นที่มีส่วนได้ส่วนเสียและเป็นไปตามมติของคณะกรรมการร่วม RCEP และต้องมีการ เจรจาชดเชยให้กับภาคที ่ีเกย่ี วข้อง 2.5 ภาคียกเว้นภาษีนาเข้าสาหรับสินค้านาเข้าช่ัวคราวเพื่อท่ีจะส่งออกกลับไปภายในระยะเวลาท่ี กาหนด รวมท้งั ระบเุ งือ่ นไขท่ีภาคีสามารถกาหนดได้สาหรับสินค้านาเข้าช่ัวคราวที่ได้รับการยกเว้นภาษี ซึ่งรวมถึง การจัดเกบ็ คา่ ประกันทม่ี จี านวนไม่เกินกว่าภาษีและค่าธรรมเนียมท่ีเรียกเก็บในกรณีนาเข้าสินค้า นอกจากน้ี ภาคี ยกเว้นภาษีให้กับคอนเทนเนอร์และพาเลทที่นาเข้ามาชั่วคราวและตัวอย่างสินค้าที่ ไม่มีมูลค่าทางการค้าตามท่ี กฎหมายและระเบยี บขอ้ บังคับของแตล่ ะภาคกี าหนดไว้ 2.6 ห้ามภาคีใช้มาตรการห้ามหรือจากัดการนาเข้าหรือส่งออกสินค้า นอกเหนือจากมาตรการทางภาษี และคา่ ธรรมเนียม โดยภาคที ่ใี ช้มาตรการฯ จะตอ้ งแจง้ ภาคีอืน่ หากมีการรอ้ งขอ และเปิดโอกาสในการหารือให้กับ ภาคที ี่อาจได้รับผลกระทบรนุ แรงจากมาตรการดังกล่าว
- 12 - 2.7 ภาคีสามารถร้องขอให้มีการหารือทางเทคนิคกับภาคีอ่ืน หากเห็นว่า มาตรการของภาคีน้ันส่งผล กระทบเชงิ ลบต่อการคา้ ของตน เพือ่ หาข้อสรปุ อันเป็นที่พงึ พอใจรว่ มกัน 2.8 ภาคจี ะต้องแจง้ กระบวนการใหใ้ บอนญุ าตนาเข้าของตนใหภ้ าคีอนื่ ทราบ โดยสาหรับกระบวนการให้ ใบอนุญาตใหม่หรือท่ีปรับแก้ไขภายหลังความตกลงมีผลใช้บังคับ ภาคีจะต้องแจ้งว่า มีเงื่อนไขตามรายการที่ กาหนดไว้หรือไม่ในการพิจารณาให้ใบอนุญาตนาเข้า เช่น การเป็นสมาชิกของสมาคม ความเห็นชอบจากสมาคม อุตสาหกรรมในการขอใบอนุญาตนาเข้า ประวัติการนาเข้าสินค้า กาลังการผลิตข้ันต่า ทุนจดทะเบียนขั้นต่า นอกจากน้ี ภาคีจะต้องแจ้งภาคีอ่ืนเกี่ยวกับกระบวนการให้ใบอนุญาตใหม่หรือท่ีจะมีการปรับแก้ไขให้เร็วท่ีสุด เท่าทีจ่ ะเปน็ ไปได้ภายใน 30 วนั ก่อนที่กระบวนการใหม่จะมีผลใช้บังคับ แต่ไม่เกิน 60 วันหลังจากวันที่ประกาศ เผยแพร่กระบวนการดังกล่าว รวมทั้งให้มีการเผยแพร่กระบวนการใหม่หรือท่ีปรับแก้ไขบนเว็บไซต์ทางการของ รัฐบาลอย่างนอ้ ย 21 วนั กอ่ นท่ีกระบวนการใหมจ่ ะมผี ลใช้บงั คบั 2.9 ภาคีสามารถริเร่ิมจัดทาแผนงานเก่ียวกับมาตรการที่มิใช่ภาษีในสาขาเฉพาะ โดยจะอยู่ภายใต้การ กากับดูแลของคณะกรรมการด้านสินค้า ทั้งน้ี ภาคีจะต้องพยายามจัดทาแผนงานดังกล่าวให้เสร็จส้ินไม่ช้าไปกว่า 2 ปภี ายหลงั ทีไ่ ด้ริเร่ิมแผนงาน บทที่ 3 กฎถิน่ กาเนิดสินค้า บทกฎถิ่นกาเนิดสินค้า ประกอบด้วย 35 ข้อบท (แบ่งเป็น 2 ส่วนสาคัญ คือ กฎถิ่นกาเนิดสินค้า และระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับหนังสือรับรองถ่ินกาเนิดสินค้า) ภาคผนวก 3 เอ (กฎเฉพาะรายสินค้า) และ ภาคผนวก 3 บี (ข้อกาหนดเร่อื งขอ้ มูลขั้นตา่ ) 3.1 อนุญาตให้มีการสะสมถ่ินกาเนิดสินค้า โดยภาคีสามารถนาสินค้าท่ีได้ถิ่นกาเนิดในภูมิภาค RCEP แล้ว มาสะสมถน่ิ กาเนดิ สินคา้ ต่อได้ โดยถือเสมือนว่าสนิ คา้ ดงั กล่าวมีถน่ิ กาเนิดในประเทศภาคนี นั้ ๆ 3.2 กาหนดเกณฑ์การได้ถ่ินกาเนิดสินค้า ได้แก่ (1) เกณฑ์การผลิตหรือได้มาท้ังหมดภายในประเทศ ภาคี (Wholly Obtained: WO) ซ่ึงใช้กับสินค้าทีผ่ ลติ ขน้ึ หรือได้มาจากภาคีใดภาคีหนึ่งเพียงประเทศเดียว โดยไม่ มกี ารใช้วตั ถดุ บิ จากภาคีอ่นื หรือนอกภาคี (2) เกณฑ์กระบวนการผลิตท้ังหมดภายในประเทศภาคีจากวัตถุดิบที่ได้ ถ่ินกาเนิด (Produce Exclusively: PE) ซ่ึงให้สิทธิถ่ินกาเนิดกับสินค้าที่ผลิตขึ้น โดยใช้วัตถุดิบท่ีได้ถิ่นกาเนิดจาก ภาคีหลาย ๆ ประเทศมารวมกัน และ (3) กฎเฉพาะรายสินค้า (Product Specific Rules: PSRs) ซึ่งกาหนด เกณฑ์ถิ่นกาเนิดสินค้าสาหรับสินค้าที่ผลิตขึ้นโดยใช้วัตถุดิบจากนอกภาคี สาหรับสินค้าทุกรายการ (5,205 รายการท่ีพิกัดศุลกากรระดับ 6 หลัก ในระบบ HS 2012) ตามตารางที่ระบุไว้ในภาคผนวก 3 เอ (กฎเฉพาะราย สนิ ค้า) และจะตอ้ งมกี ารแปลงพิกัดศลุ กากรสาหรบั ตาราง PSRs ใหท้ นั สมยั ตามทมี่ ีการเปลยี่ นแปลงในแตล่ ะรอบ 3.3 อนุญาตให้มีการรับรองถิน่ กาเนดิ สนิ ค้าได้ 3 รปู แบบ คือ (1) หนังสือรับรองถ่ินกาเนิดสินค้าที่ออก โดยหนว่ ยงานออกหนังสอื รบั รองถน่ิ กาเนดิ สินค้า (Issuing Authority) (2) คารับรองถ่ินกาเนิดสินค้าโดยผู้ส่งของ ออกรบั อนุญาต (Declaration of Origin by Approved Exporters) หรือ (3) คารับรองถ่นิ กาเนิดสินค้าโดยผู้ส่ง ของออกหรือผู้ผลิต (Declaration of Origin by Exporter or Producer) โดยภาคีต้องเริ่มใช้การรับรองถ่ิน กาเนิดสนิ คา้ ในรูปแบบท่ี (3) ภายใน 10 - 30 ปี หลังจากที่ความตกลงมผี ลใช้บงั คับ 3.4 จะมีการทบทวนเร่อื งการขยายการสะสมถิน่ กาเนิดทใี่ ห้นับรวมกระบวนการผลติ และการเพิ่มมูลค่า สนิ คา้ ทุกรปู แบบที่เกดิ ข้ึนภายในภาคี (full cumulation) เมื่อรัฐผู้ลงนามท้ังหมดได้ใช้บังคับความตกลงแล้ว โดย ให้พจิ ารณาเสร็จสิน้ ภายใน 5 ปี 3.5 กาหนดระเบียบปฏิบัติในการรับรองถ่ินกาเนิดสินค้า (Operational Certification Procedures) ท่ีระบุเงื่อนไขเพื่อขอรับสิทธิประโยชน์ โดยจะมีการหารือในรายละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบของเอกสารรับรองถิ่น กาเนิดสินค้าหลังจากท่ีมีการลงนามแล้ว อีกทั้งมีการระบุรายการของข้อมูลท่ีจาเป็นสาหรับหนังสือรับรองถ่ิน กาเนิดสินค้า (Certificate of Origin) หรือการรับรองถิ่นกาเนิดสินค้าด้วยตนเองโดยผู้ส่งออก/ผู้ผลิต (Declaration of Origin) เช่น ช่ือและท่ีอยู่ของผู้ส่งออก ชื่อและที่อยู่ของผู้นาเข้า พิกัดศุลกากรและรายละเอียด
- 13 - ของสินค้า เกณฑ์ถิ่นกาเนิดสินค้าท่ีใช้เพื่อให้ได้รับสิทธิถ่ินกาเนิด ประเทศถ่ินกาเนิดสินค้า มูลค่า FOB ของสินค้า ปรมิ าณของสนิ ค้า ตามที่ระบไุ ว้ในภาคผนวก 3 บี (ข้อกาหนดเรอ่ื งขอ้ มูลขนั้ ตา่ ) 3.6 จะตอ้ งมกี ารทบทวนเกย่ี วกับหลกั ฐานการรับรองถ่ินกาเนิดสินค้าหลังจากความตกลงมีผลใช้บังคับ กับรัฐผลู้ งนามทงั้ หมด และจะตอ้ งสรุปผลการทบทวนภายใน 5 ปี เว้นแต่ภาคีตกลงเป็นอย่างอื่น 3.7 จะต้องมีการทบทวนเกี่ยวกับข้อมูลท่ีต้องการสาหรับตัวอย่างลายมือชื่อของหน่วยงานผู้ออก หนังสอื รับรองถิ่นกาเนดิ สินค้าภายใน 3 ปีหลังจากความตกลงมีผลใชบ้ ังคับกบั รฐั ผ้ลู งนามทั้งหมด 3.8 อนญุ าตให้ยืน่ ขอใช้สทิ ธปิ ระโยชน์ทางอากรศุลกากรสาหรบั สนิ ค้าทีไ่ ดถ้ ิ่นกาเนดิ ภายหลังการนาเข้า เพอื่ ขอรับคืนภาษีสว่ นเกนิ หรอื เงนิ ประกนั ภายในระยะเวลาทีก่ าหนดในกฎหมายของตน 3.9 กาหนดข้ันตอนกระบวนการตรวจสอบและระยะเวลาในการตอบกลับภายใน 30-90 วัน และ พยายามทจ่ี ะมคี าตัดสินผลการตรวจสอบภายใน 90-180 วนั นับต้ังแตว่ ันที่ได้ขอ้ มลู ทจ่ี าเปน็ ครบถ้วนสาหรับการ ตัดสิน ในกรณที ม่ี กี ารร้องขอจากภาคีผ้นู าเขา้ 3.10 ให้มีการกาหนดจุดติดต่อ (contact point) เพื่อประสานงาน จานวน 1 จุด หรือมากกว่า และ แจ้งให้ภาคีอื่นทราบ ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ความตกลงมีผลใช้บังคับ ท้ังน้ี จะต้องแจ้งทันทีหากมีการ เปล่ียนแปลง บทที่ 4 พิธกี ารศุลกากรและการอานวยความสะดวกทางการคา้ บทพธิ ีการศลุ กากรและการอานวยความสะดวกทางการค้า ประกอบด้วย 21 ข้อบท และภาคผนวก 4 เอ (ระยะเวลาในการปฏิบตั ติ ามพนั ธกรณี) 4.1 หน่วยงานศุลกากรของภาคีจะต้องปฏิบัติและใช้กฎหมายและระเบียบข้อบังคับทางศุลกากรให้ สอดคลอ้ งกัน 4.2 ภาคีจะต้องทาให้มั่นใจถึงการคาดการณ์ได้ ความสอดคล้อง และความโปร่งใสในการใช้กฎหมาย และระเบียบขอ้ บังคบั ทางศลุ กากรของภาคีแตล่ ะฝา่ ย 4.3 จะต้องมีการเผยแพร่ข้อมูล (เช่น กระบวนการในการนาเข้า ส่งออก การผ่านแดนซ่ึงจะต้องระบุ ขนั้ ตอนและเอกสารท่ีตอ้ งใช้ของแตล่ ะทา่ เรอื ท่าอากาศยาน หรอื จดุ ผา่ นแดนของสนิ ค้า กระบวนการอุทธรณ์และ ทบทวนสาหรับการนาเข้า ส่งออก และผ่านแดนของสินค้า) โดยทันทีในลักษณะที่สามารถเข้าถึงได้โดยง่าย และ จะตอ้ งเผยแพรท่ างอนิ เทอรเ์ นต็ หากมีการเปล่ียนแปลงข้อมลู กฎหมายและกฎระเบยี บท่เี กี่ยวขอ้ ง 4.4 ภาคสี ามารถยนื่ เอกสารและข้อมลู การนาเขา้ สนิ ค้ากอ่ นทีส่ ินคา้ มาถงึ ในรูปแบบอเิ ล็กทรอนกิ สไ์ ด้ 4.5 ภาคีแต่ละฝ่ายต้องจัดทาคาวินิจฉัยล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรให้กับผู้นาเข้า ผู้ส่งออก หรือ บุคคลใด ๆ ที่มีเหตุอันควร หรือผู้แทน ท่ีได้ยื่นคาร้องขอเป็นลายลักษณ์อักษรซึ่งประกอบด้วยข้อมูลที่จาเป็น ท้ังหมด และภาคีผู้ออกคาวินิจฉัยล่วงหน้าจะต้องดาเนินการออกคาวินิจฉัยล่วงหน้าภายใน 90 วันหากผู้ร้องขอ ย่นื เอกสารทีค่ รบถว้ นสมบูรณ์ และคาวินจิ ฉยั ล่วงหนา้ มีผลในการใชบ้ งั คบั หรือมอี ายุอย่างน้อย 3 ปี 4.6 กรณีเป็นไปได้ หน่วยงานของภาคีจะต้องทาการตรวจปล่อยสินค้าภายในระยะเวลาที่กฎหมาย กาหนด หรือภายใน 48 ช่ัวโมงนบั แต่สินค้าน้ันมาถึง และกาหนดให้มีการตรวจปล่อยสินค้าเร่งด่วนภายใน 6 ช่ัวโมง นับแตส่ นิ ค้านัน้ มาถงึ 4.7 ให้แสดงรายละเอียดที่เป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจนเก่ียวกับการอุทธรณ์หรือการทบทวน เช่น เหตุผลที่ใชใ้ นการตดั สนิ ระยะเวลาในการตัดสิน การปฏิบัติตามคาตัดสิน 4.8 ภาคีอาจร้องขอคาปรึกษาจากอีกภาคีหน่ึงได้ โดยจะต้องดาเนินการผ่านจุดติดต่อ (Contact point) ของภาคีภายในเวลา 30 วันนับแต่วันท่ีได้รับการร้องขอ หากการหารือไม่เป็นผล ภาคีผู้ร้องขออาจยื่น เรอื่ งไปยงั คณะกรรมการด้านสินค้า 4.9 กาหนดให้มีจดุ ตดิ ต่อ (contact point) เพื่อประสานงาน จานวน 1 จุด หรือมากกว่า และแจ้งให้ ภาคีอื่นทราบ ภายใน 30 วันนบั ตง้ั แตว่ ันทคี่ วามตกลงมผี ลใช้บงั คบั ทัง้ นี้ จะตอ้ งแจ้งทันทีหากมกี ารเปล่ยี นแปลง
- 14 - 4.10 กาหนดให้มีจุดตอบข้อซักถาม (enquiry point) จานวน 1 จุด หรือมากกว่า เพื่อตอบคาถามผู้ท่ี สนใจและอานวยความสะดวกในการเขา้ ถงึ เอกสารท่เี ก่ยี วขอ้ ง 4.11 ให้มีระยะเวลาปรับตัวในการปฏิบัติตามบางพันธกรณี สาหรับบรูไนดารุสซาลาม กัมพูชา จีน อนิ โดนเี ซีย สปป.ลาว มาเลเซีย เมียนมา และเวยี ดนาม ตามท่ีระบุไว้ในภาคผนวก 4 เอ (ระยะเวลาในการปฏิบัติ ตามพนั ธกรณ)ี บทท่ี 5 มาตรการสุขอนามยั และสขุ อนามยั พชื บทมาตรการสขุ อนามยั และสขุ อนามยั พชื ประกอบดว้ ย 17 ขอ้ บท 5.1 ยนื ยนั ถึงสิทธแิ ละพันธกรณีภายใต้ความตกลงว่าด้วยการใช้บังคับมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัย พชื (Agreement on the Application of Sanitary and Phytosanitary Measures: SPS) ภายใต้ WTO 5.2 ส่งเสริมใหม้ ีความร่วมมอื ในการยอมรับมาตรการทเ่ี ทา่ เทยี มกัน 5.3 ส่งเสริมใหม้ คี วามรว่ มมือในด้านต่าง ๆ อาทิ หลักการการปรับให้เข้ากับสภาพของภูมิภาค รวมทั้ง พื้นที่ปลอดศัตรูพืชหรือโรค และพื้นท่ีที่มีความแพร่หลายของศัตรูพืชหรือโรคต่า การวิเคราะห์ความเสี่ยงต้อง สอดคล้องกับความตกลง SPS โดยมิให้กระทบต่อมาตรการฉุกเฉิน ภาคีทุกประเทศต้องไม่ระงับการนาเข้าสินค้า ของภาคีอีกฝ่าย ด้วยเหตุผลเพียงว่าภาคีผู้นาเข้ากาลังทบทวนมาตรการ SPS ของตนอยู่ หากภาคีผู้นาเข้าได้ อนุญาตให้มีการนาเข้าสนิ คา้ ดงั กล่าวแลว้ จากภาคอี ื่นเมือ่ ขณะท่เี ริ่มการทบทวนมาตรการดังกล่าว 5.4 การตรวจสอบต้องดาเนินการเป็นระบบ และดาเนินการเพื่อประเมินประสิทธิภาพในการควบคุม กากับดูแลของหน่วยงานผู้มีอานาจ และต้องให้โอกาสภาคีผู้ส่งออกในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลการ ตรวจสอบ และนาข้อคิดเหน็ ดังกล่าวมาพิจารณากอ่ นทาการสรปุ และดาเนนิ การใด ๆ 5.5 กาหนดการออกใบรบั รองทแี่ สดงให้เห็นถึงข้อกาหนดด้านสุขอนามัยของภาคีผู้นาเข้าและออกโดย หน่วยงานผู้มอี านาจของภาคผี ู้ส่งออกเป็นภาษาอังกฤษ 5.6 การตรวจสอบการนาเข้าต้องอยู่บนพ้ืนฐานความเส่ียงด้าน SPS ที่เก่ียวกับการนาเข้า โดยเป็นไป ตามระเบยี บขอ้ บังคบั และกฎหมายของภาคีผู้นาเข้า ผลการตัดสินหรือการดาเนินการสุดท้ายที่เก่ียวกับการนาเข้า ของสนิ ค้าทไี่ มเ่ ป็นไปตามขอ้ กาหนดของภาคผี ้นู าเขา้ ต้องมีความเหมาะสมตอ่ ความเสีย่ งด้าน SPS 5.7 กาหนดให้มีการทบทวนมาตรการฉุกเฉินภายในช่วงระยะเวลาที่สมเหตุสมผล รวมถึงการ แลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อช่วยในการทบทวนมาตรการฉุกเฉินดังกล่าว โดยอยู่บนพื้นฐานข้อมูลล่าสุดที่สามารถหาได้ และต้องสามารถอธิบายเหตผุ ลของการยังคงใช้มาตรการฉุกเฉินน้ันต่อไป หากมีการรอ้ งขอ 5.8 ในการแจ้งมาตรการ SPS ต้องเปิดโอกาสให้ภาคีได้ให้ข้อคิดเห็นเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างน้อย 60 วัน หลังจากดาเนินการแจ้งมาตรการ หากมีการร้องขอ ต้องให้เอกสารหรือสรุปเอกสารที่อธิบายข้อกาหนดของ รา่ งมาตรการ SPS ท่ีแจง้ ตอ่ องค์การการคา้ โลกเปน็ ภาษาองั กฤษแก่ภาคีที่ร้องขอ ภายใน 30 วนั 5.9 สนับสนุนความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของภาคีในการแบ่งปันแลกเปล่ียนข้อมูลและประสบการณ์ ความร่วมมอื ในสาขาท่มี คี วามสนใจร่วมกัน การยกระดับความรว่ มมอื ในการพัฒนาและปรับปรุงมาตรการ SPS ระหวา่ งกนั 5.10 ให้มีการกาหนดจุดติดต่อ (contact point) เพื่ออานวยความสะดวกในการติดต่อส่ือสาร จานวน 1 จุด หรือมากกว่า และแจ้งภาคีอื่นทราบ ภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันท่ีความตกลงมีผลใช้บังคับ อีกทั้งจะต้องแจ้ง รายละเอียดของหน่วยงานผู้มีอานาจ ผ่านจุดติดต่อดังกล่าว ท้ังน้ี จะต้องแจ้งหากมีการเปลี่ยนแปลงจุดติดต่อและ หน่วยงานผู้มีอานาจ รวมถึงปรับปรงุ ขอ้ มูลให้ทันสมยั อยเู่ สมอ 5.11 จะไม่มีการนาบทการระงับข้อพิพาทมาใช้กับบทนี้ จะมีการทบทวนหลังความตกลงมีผลใช้บังคับ แลว้ 2 ปี โดยในระหว่างการทบทวนจะมกี ารพิจารณานาบทการระงับข้อพิพาทมาใช้กับทั้งหมดหรือบางส่วนของ บทน้ี การทบทวนจะต้องแลว้ เสร็จภายใน 3 ปีนับจากวันท่ีความตกลงมีผลใช้บังคับ โดยจะมีการบังคับใช้กับภาคี ทมี่ ีความพร้อม สาหรับภาคีท่ียังไม่มีความพร้อม จะหารือกับภาคีอ่ืนและอาจมีการนามาบังคับใช้เมื่อเข้าร่วมเป็น ภาคอี ืน่ ท่ีมพี นั ธกรณีทีค่ ลา้ ยคลึงกนั
- 15 - บทท่ี 6 มาตรฐาน กฎระเบียบทางเทคนคิ และกระบวนการตรวจสอบและรับรอง บทมาตรฐาน กฎระเบียบทางเทคนิค และกระบวนการตรวจสอบและรับรอง ประกอบดว้ ย 14 ข้อบท 6.1 ให้ความสาคัญกับมาตรฐาน แนวทาง และข้อแนะนาระหว่างประเทศท่ีมีต่อการปรับประสาน กฎระเบียบทางเทคนคิ กระบวนการตรวจสอบและรับรอง มาตรฐานแห่งชาติและการลดอปุ สรรคต่อการค้าท่ไี ม่จาเป็น 6.2 การจัดทา การนามาใช้ และการใช้มาตรฐานต้องเป็นไปตามภาคผนวก 3 ของความตกลงว่าด้วย อุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า (Technical Barriers to Trade Agreement: TBT) ภายใต้ WTO และสนับสนุน ใหห้ นว่ ยงานใหค้ วามร่วมมือและแบง่ ปนั ข้อมลู เกยี่ วกับการกาหนดมาตรฐานให้ภาคีรบั ทราบ 6.3 ภาคตี อ้ งใช้มาตรฐานระหวา่ งประเทศหรอื ส่วนทเ่ี กีย่ วข้องเป็นพื้นฐานในการกาหนดกฎระเบียบทาง เทคนิคตามขอบเขตท่ีกาหนดไว้ในวรรค 4 ของข้อ 2 ของความตกลง TBT โดยไม่เป็นการจากัดทางการค้าเกิน กวา่ ความจาเป็น รวมทั้งต้องพิจารณาเพ่ือเป็นผลในการยอมรบั ความเทียบเท่าของกฎระเบียบทางเทคนิคของภาคี อ่ืน แม้ว่ากฎระเบียบเหล่าน้ันจะมีความแตกต่างจากกฎระเบียบของประเทศตน ระยะเวลาระหว่างการประกาศ กฎระเบยี บทางเทคนคิ และการบังคับใชต้ ้องสมเหตผุ ลหรือไมน่ อ้ ยกว่า 6 เดือน ยกเว้นในกรณีท่ีเกิดปัญหาเร่งด่วน เก่ียวกับความปลอดภัย สุขภาพ การคุ้มครองสิ่งแวดล้อม หรือความมั่นคงของประเทศหรือถูกคุกคามว่าจะเกิด ปัญหา และการจัดทาและการประกาศใช้กฎระเบียบทางเทคนิคต้องใช้รูปแบบเดียวกันอย่างสม่าเสมอทั่วท้ัง อาณาเขตของตน 6.4 ภาคีต้องใช้มาตรฐานระหว่างประเทศหรือส่วนที่เก่ียวข้องเป็นพ้ืนฐานในการกาหนดกระบวนการ ตรวจสอบและรบั รอง รวมท้ังใหค้ วามสาคญั ในการยอมรับผลของกระบวนการตรวจสอบและรับรอง และส่งเสริม ความร่วมมือระหว่างหน่วยตรวจสอบและรับรองของตน รวมถึงต้องอนุญาตให้ภาคีอีกฝ่ายมีส่วนร่วมใน กระบวนการตรวจสอบและรบั รองของตน โดยภาคีต้องให้คาอธิบายในกรณีไม่ยอมรับผลการตรวจสอบและรับรอง และต้องให้คาอธิบายเมื่อปฏเิ สธการเข้ารว่ มดาเนนิ การของหนว่ ยตรวจสอบรบั รองของภาคีอน่ื เม่อื ไดร้ บั การร้องขอ 6.5 สนบั สนนุ ความรว่ มมือระหว่างหน่วยงานของภาคใี นการแบ่งปนั แลกเปลย่ี นข้อมลู และประสบการณ์ ความร่วมมือในสาขาท่ีมีความสนใจร่วมกัน การยกระดับความร่วมมือในการพัฒนาและปรับปรุงมาตรฐาน กฎระเบยี บทางเทคนิค และกระบวนการตรวจสอบรับรอง 6.6 ภาคีสามารถร้องขอให้มีการหารือทางเทคนิคเพ่ือแก้ไขปัญหาท่ีเก่ียวข้องกับการค้าและบทบัญญัติ ภายใต้บทน้ี โดยให้เร่มิ ดาเนินการภายใน 60 วันเม่อื ได้รับการรอ้ งขอเปน็ ลายลกั ษณ์อักษร 6.7 ภาคีต้องให้เอกสารฉบับเต็มหรือสรุปกฎระเบียบทางเทคนิคและกระบวนการตรวจสอบและรับรอง หากมีเอกสารเป็นภาษาอังกฤษอยู่แล้ว หากไม่มี ต้องสรุปข้อกาหนดกฎระเบียบและกระบวนการตรวจสอบและ รับรองที่มีการแจ้งเป็นภาษาอังกฤษให้แก่ภาคีท่ีร้องขอ เม่ือได้รับการร้องขอภายใน 30 วัน และมีการกาหนด ระยะเวลา 60 วัน ในการเปดิ รับข้อคิดเห็นจากภาคีต่อกฎระเบียบทางเทคนิคใหม่นับจากวันท่ีแจ้ง WTO และหาก สินค้าโดนกักที่จุดนาเข้าเนื่องจากไม่เป็นไปตามกฎระเบียบหรือกระบวนการตรวจสอบรับรองให้ภาคีผู้นาเข้าแจ้ง เหตุผลกบั ผูป้ ระกอบการหรอื ผแู้ ทน และมีกาหนดเวลา 60 วันในการใหข้ ้อมูลหรอื คาอธบิ ายใหก้ ับภาคที ี่รอ้ งขอ 6.8 ให้มีการกาหนดจุดติดต่อ (contact point) เพื่ออานวยความสะดวกในการแลกเปล่ียนข้อมูล จานวน 1 จุด หรือมากกว่า และแจง้ ให้ภาคอี ื่นทราบ ภายใน 30 วัน นบั ต้งั แตว่ ันที่ความตกลงมีผลใช้บังคับ ท้ังน้ี จะต้องแจ้งทันทีหากมกี ารเปล่ยี นแปลง 6.9 ภาคีต้องไม่นาบทการระงับข้อพิพาทมาใช้กับบทน้ี โดยภาคีต้องทบทวนการไม่ใช้บทการระงับข้อ พิพาทหลังความตกลงมีผลใช้บังคับแล้ว 2 ปี โดยในระหว่างการทบทวนจะมีการพิจารณานาบทการระงับข้อ พิพาทมาใช้กับทั้งหมดหรือบางส่วนของบทน้ี การทบทวนจะต้องแล้วเสร็จภายใน 3 ปีนับจากวันท่ีความตกลงมี ผลใช้บังคับ
- 16 - บทท่ี 7 การเยียวยาทางการค้า บทการเยียวยาทางการค้า ประกอบด้วย 16 ข้อบท (แบ่งเป็น 2 ส่วนสาคัญ คือ มาตรการปกป้อง ภายใต้กรอบ RCEP และมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน) และภาคผนวก 7 เอ (วิธีปฏิบัติ เกี่ยวกบั กระบวนการตอบโตก้ ารทุ่มตลาดและการตอบโต้การอดุ หนนุ ) 7.1 อุตสาหกรรมภายในของภาคีสมาชิกยังคงสามารถย่ืนคาขอใช้มาตรการปกป้อง รวมถึงมาตรการ ตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนภายใต้องค์การการค้าโลก หากอุตสาหกรรมภายในของภาคีประสบความ เสียหายอย่างร้ายแรงจากการนาเขา้ ทเ่ี พ่ิมข้ึน หรือความเสียหายอย่างสาคัญจากการทมุ่ ตลาดหรอื การอดุ หนุน 7.2 หากอุตสาหกรรมภายในของภาคีได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงจากการทะลักเข้ามาของสินค้า จากการเปิดตลาดการค้าสินค้าภายใต้ความตกลง RCEP สามารถย่ืนคาขอใช้มาตรการปกป้องในระยะเวลาการ ปรับตวั ภายใตก้ รอบ RCEP เพอื่ กาหนดอัตราอากรปกปอ้ งเทียบเทา่ ระดบั MFN เป็นระยะเวลาคร้ังละไม่เกิน 3 ปี เว้นแต่กรณีพิเศษท่ีอาจขยายเวลาออกไปอีก 1 ปี อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาการใช้มาตรการปกป้องในระยะเวลา การปรับตัวภายใต้กรอบ RCEP ทั้งหมดรวมแล้วจะต้องไม่เกิน 4 ปี ทั้งน้ี การกาหนดมาตรการปกป้องใน ระยะเวลาปรับตวั ภายใต้กรอบ RCEP จะต้องอยู่ภายในกรอบเวลาที่กาหนด และจะต้องมีการเจรจาชดเชยให้กับ ภาคผี ู้ส่งออกทไ่ี ดร้ บั ผลกระทบจากการบังคบั ใชม้ าตรการดงั กล่าว 7.3 กรณีที่มีความจาเป็นเร่งด่วนซึ่งหากดาเนินการล่าช้าอาจเกิดความเสียหายท่ีไม่สามารถเยียวยาได้ ภาคีผู้นาเข้าสามารถกาหนดมาตรการชั่วคราวระหว่างการดาเนินการไต่สวนได้ โดยการบังคับใช้มาตรการ ชวั่ คราวจะตอ้ งไม่เกิน 200 วนั 7.4 เพื่อยกระดับความความโปร่งใส ได้มีการกาหนดแนวทางการแจ้งข้อมูลของภาคีผู้ไต่สวนมาตรการ ตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน โดยหน่วยงานไต่สวนจะต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรเมื่อได้รับคาขอให้ พิจารณากาหนดมาตรการแก่ภาคีทถ่ี ูกร้องว่ามีการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุนก่อนการเปิดไต่สวนตามกรอบเวลาท่ี กาหนดไว้ รวมถึงการเปดิ โอกาสใหม้ ีการปรกึ ษาหารอื ระหวา่ งกนั กรณีการไตส่ วนการอุดหนนุ 7.5 จะไมม่ ีการนาบทการระงบั ข้อพิพาทมาใชก้ ับบทนี้ โดยจะนามาพิจารณาในช่วงการทบทวนท่ัวไป บทท่ี 8 การค้าบริการ บทการค้าบริการ ประกอบด้วย 25 ข้อบท ภาคผนวก 8 เอ (บริการด้านการเงิน) ภาคผนวก 8 บี (บริการโทรคมนาคม) และภาคผนวก 8 ซี (บรกิ ารวิชาชพี ) 8.1 กาหนดพันธกรณีท่ีภาคีต้องปฏิบัติในการใช้บังคับมาตรการสาหรับการค้าบริการในรูปแบบต่างๆ ได้แก่ การให้บริการข้ามพรมแดน (Mode 1) การบริโภคในต่างประเทศ (Mode 2) การจัดตั้งธุรกิจ (Mode 3) การให้บริการโดยบุคคลธรรมดา (Mode 4) ท้ังน้ี ไม่รวมถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ การอุดหนุนและเงินอุดหนุน การขนส่งทางทะเลในน่านน้าภายในประเทศ บริการท่ีให้จากการใช้อานาจหน้าท่ีของรัฐบาล และสิทธิใน การจราจรทางอากาศ 8.2 พันธกรณคี รอบคลมุ ประเดน็ เชน่ การไม่เลอื กปฏบิ ตั ิตอ่ ผูใ้ หบ้ ริการหรือการบริการของภาคีอ่ืน การ ใหก้ ารปฏิบัติตอ่ ผใู้ หบ้ รกิ ารหรอื การบริการของภาคอี น่ื ไมด่ อ้ ยไปกว่าผู้ใหบ้ ริการหรอื การบริการของภาคีอื่นๆ หรือ ประเทศท่ไี มใ่ ชภ่ าคี 8.3 การผูกพนั เปิดตลาดบรกิ ารให้ผใู้ ห้บริการของประเทศสมาชิกเข้ามาให้บริการ/ลงทุน เพิ่มเติมจากท่ี ภาคีผูกพันภายใต้ความตกลงว่าด้วยการค้าบริการ (GATS) ขององค์การการค้าโลก และความตกลงการค้าเสรี อาเซียน-คู่เจรจา (อาเซียน+1) โดยจัดทาข้อผูกพันในรูปแบบ Positive List Approach4 หรือ Negative List 4 การจดั ทาตารางข้อผูกพนั ซงึ่ ระบสุ าขาบริการท่ผี ูกพนั เปิดตลาดและระบขุ ้อจากัดดา้ นการเขา้ สู่ตลาด และการประติบัติเยี่ยงคน ชาติ (หากมี)
- 17 - Approach5 ณ วันที่ได้มีการลงนามความตกลง RCEP ท้ังน้ี สาหรับภาคีที่จัดทาข้อผูกพันแบบ Positive List Approach จะตอ้ งเปลี่ยนรูปแบบเป็น Negative List Approach ภายใน 6 ปี ภายหลังจากท่ีความตกลง RCEP มผี ลใชบ้ งั คบั (ภายใน 15 ปี สาหรบั กมั พูชา สปป.ลาว เมยี นมา) 8.4 การมีกฎระเบียบภายในประเทศที่เกี่ยวข้องกับการค้าบริการ ที่เป็นไปด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ และสง่ เสรมิ ความโปรง่ ใสดา้ นกฎระเบยี บ โดยให้มีการเผยแพรม่ าตรการทีเ่ กีย่ วข้องแกส่ าธารณะ 8.5 การมีมาตรการปกป้อง โดยเปิดโอกาสให้ภาคีขอปรึกษาหารือกับภาคีอื่นได้ เม่ือเกิดความ ยากลาบาก ในการดาเนนิ การตามข้อผูกพันของบทการคา้ บรกิ ารภายหลังจากความตกลงมีผลใช้บังคับ นอกจากนี้ สาหรับกรณีที่ภาคีเห็นว่าถูกผลกระทบจากการใช้มาตรการอุดหนุนท่ีเกี่ยวข้องกับการค้าบริการของภาคีอื่น สามารถร้องขอให้มีการปรึกษาหารือในเรื่องดังกล่าวได้ รวมถึงยังมีการส่งเสริมให้มีความร่วมมือระหว่างภาคีใน สาขาบรกิ ารต่างๆ เพอ่ื นาไปสู่การเสรมิ สรา้ งประสิทธิภาพและการแข่งขันภายในประเทศตอ่ ไป 8.6 ผูกพนั หลักการให้สิทธิประโยชน์กับนักลงทุนของภาคีโดยอัตโนมัติ คือ (1) Ratchet หมายถึง การ ให้สิทธิประโยชน์กับนักลงทุนของภาคีโดยอัตโนมัติ หากมีการปรับปรุงกฎหมายภายในให้เสรีมากยิ่งข้ึนจาก ปัจจุบัน แต่ไม่สามารถแก้ไขกฎหมายให้เข้มงวดกว่าเดิมได้ (ดังน้ัน หากไม่มีการแก้ไขกฎหมายภายในในอนาคต จะไม่มีการเปิดเสรีเพ่ิมขึ้นแต่อย่างใด) และ (2) MFN (Most-Favoured Nation Treatment) หมายถึง การให้ สิทธิประโยชนก์ ับนักลงทุนของภาคีโดยอัตโนมัติ หากมีการขยายสิทธิประโยชน์ท่ีดีกว่าให้กับประเทศนอกภาคีใน อนาคตและไม่รวมการรวมกลมุ่ ทางเศรษฐกจิ ในอาเซยี น 8.7 ให้มกี ารกาหนดจดุ ติดตอ่ เพือ่ อานวยความสะดวกในการติดตอ่ สือ่ สารระหว่างกลุ่มภาคีเก่ียวกับเร่ือง ท่คี รอบคลมุ ภายใต้บทน้ี หากมกี ารร้องขอ 8.8 ภาคผนวก 8 เอ บริการดา้ นการเงนิ ประกอบด้วย 14 ขอ้ บท 8.8.1 ภาคมี สี ิทธิใช้มาตรการกากบั ดูแลเสถียรภาพและความม่ันคงของระบบการเงิน โดยมาตรการ ดงั กล่าวจะตอ้ งไม่นามาใช้เพอื่ เป็นเครื่องมือในการหลีกเลีย่ งการปฏบิ ตั ติ ามพนั ธกรณภี ายใตค้ วามตกลงฉบบั น้ี 8.8.2 ภาคีจะพยายามอนุญาตให้สถาบันการเงินของภาคีอ่ืนที่เข้ามาจัดตั้งหน่วยธุรกิจในประเทศ ของตน สามารถให้บริการด้านการเงินรูปแบบใหม่ในประเทศของตนเช่นเดียวกับท่ีอนุญาตให้สถาบันการเงินใน ประเทศของตนใหบ้ รกิ ารได้ โดยไม่ต้องมีการออกกฎหมายใหมห่ รือแกไ้ ขกฎหมายทีม่ ีอยู่ 8.8.3 ภาคีตระหนักว่ามาตรการกากับดูแลการบริการด้านการเงินท่ีโปร่งใสมีความสาคัญต่อการ เขา้ สู่ตลาดของภาคีอืน่ 8.8.4 ภาคีจะต้องไม่ใช้มาตรการใด ๆ ท่ีกีดกันการถ่ายทอดข้อมูลและการประมวลผลข้อมูลของ ผู้ให้บริการทางการเงินในอาณาเขตของตน อย่างไรก็ดี ภาคีมีสิทธิกาหนดให้ผู้ให้บริการทางการเงินในอาณาเขต ของตนต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบภายในประเทศท่ีเกี่ยวข้องกับการจัดการข้อมูล การเก็บ และการรักษาระบบ ข้อมูล รวมถึงการกาหนดใหเ้ ก็บสาเนาของขอ้ มูลภายในอาณาเขตของภาคี นอกจากนี้ ภาคีมีสิทธิสงวนข้อมูลด้าน การเงินเปน็ ขอ้ มูลส่วนบุคคล 8.8.5 มีการระบุหน่วยงานด้านการเงินที่เป็นจุดติดต่อ (Contact point) ของแต่ละภาคี ทั้งน้ี จะต้องแจง้ ทันทีหากมกี ารเปล่ยี นแปลง 8.8.6 สาหรับการระงบั ขอ้ พพิ าท คณะผู้พิจารณาจะต้องมีความเชี่ยวชาญท่ีจาเป็นเก่ียวกับบริการ ดา้ นการเงนิ เปน็ การเฉพาะ 8.9 ภาคผนวกบรกิ ารโทรคมนาคม ประกอบดว้ ย 23 ข้อบท 8.9.1 ใช้บังคับกับมาตรการของภาคีที่มีผลต่อการค้าบริการโทรคมนาคมสาธารณะ รวมถึงการ เขา้ ถึงและการใชโ้ ครงขา่ ยโทรคมนาคมสาธารณะหรอื บรกิ ารโทรคมนาคมสาธารณะ แต่ไม่ใช้บังคับกับมาตรการที่ 5 การจัดทาตารางรายการมาตรการท่ีไม่สอดคล้องกับพันธกรณี (Non-Conforming Measures: NCMs) ท่ีระบุสาขาหรือ มาตรการท่ปี ระเทศยังคงต้องการบังคบั ใช้มาตรการนัน้ ๆ อยู่ หรือสงวนสทิ ธใิ นการออกมาตรการใหมๆ่ ในอนาคต
- 18 - มีผลต่อบริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ ยกเว้นเพ่ือประกันว่าผู้ให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์สามารถ เขา้ ถงึ และใช้โครงขา่ ยโทรคมนาคมสาธารณะและบรกิ ารโทรคมนาคมสาธารณะได้ 8.9.2 ภาคีต้องทาให้มั่นใจว่าผู้ให้บริการของภาคีอื่นสามารถเข้าถึงและใช้บริการโครงข่าย โทรคมนาคมสาธารณะหรือบริการโทรคมนาคมสาธารณะ รวมถึงวงจรเช่าและการให้เช่าพ้ืนที่เพ่ือติดตั้งอุปกรณ์ บนขอ้ กาหนดและเงื่อนไข รวมท้ังอัตราค่าตอบแทนทีส่ มเหตุสมผล ไมเ่ ลอื กปฏิบตั ิ และโปร่งใส 8.9.3 ภาคแี ต่ละฝ่ายต้องนามาใช้หรือคงไว้ซึ่งมาตรการท่ีเหมาะสม เพ่ือป้องกันมิให้ผู้ให้บริการซึ่ง เปน็ ผู้ใหบ้ ริการรายใหญ่ โดยลาพงั หรือรว่ มกนั เข้าร่วมหรือกระทาการอยา่ งต่อเนื่องในพฤติกรรมกีดกนั การแขง่ ขนั 8.9.4 ภาคีแต่ละฝ่ายต้องประกันว่าผู้ให้บริการรายใหญ่ในอาณาเขตของตน จัดให้มีการเช่ือมต่อ โครงขา่ ยโทรคมนาคมสาหรับสิ่งอานวยความสะดวกและอุปกรณ์ของผู้ให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคมสาธารณะ และผู้ให้บริการโทรคมนาคมสาธารณะของภาคีอีกฝ่ายหน่ึง ณ จุดเช่ือมต่อใด ๆ ท่ีมีความเป็นไปได้ทางเทคนิคใน โครงขา่ ยของผู้ให้บริการรายใหญ่ ซงึ่ การให้เชื่อมต่อโครงขา่ ยโทรคมนาคมดงั กล่าวจะตอ้ งดาเนินการโดยอยู่ภายใต้ ข้อกาหนด เงอ่ื นไข (รวมถงึ มาตรฐานและข้อกาหนดทางเทคนคิ ) และอตั ราคา่ ตอบแทนท่ไี มเ่ ลอื กปฏิบตั ิ 8.9.5 ภาคีตอ้ งจัดสรรการใช้ทรัพยากรด้านโทรคมนาคมท่ีมีอยู่จากัด ซึ่งรวมถึงคลื่นความถี่ และ เลขหมายโทรคมนาคม อยา่ งมีหลักเกณฑ์ ภายในเวลาอนั สมควร โปรง่ ใส และไม่เลอื กปฏบิ ตั ิ 8.9.6 ภาคีแต่ละฝ่ายประกันว่าผู้ให้บริการโทรคมนาคมสาธารณะในอาณาเขตของตนจัดให้มี บริการคงสิทธเิ ลขหมายโทรศัพทเ์ คล่ือนที่ ในขอบเขตที่มคี วามเป็นไปได้ทางเทคนิคและทางเศรษฐศาสตร์ ภายใน เวลาอนั สมควร และบนข้อกาหนดและเง่ือนไขท่สี มเหตุสมผลและไม่เลือกปฏบิ ตั ิ 8.9.7 หากภาคีอนุญาตให้ผู้ให้บริการภายในประเทศประกอบกิจการระบบเคเบิลใต้น้าระหว่าง ประเทศ (Submarine cable system) ในลักษณะที่เป็นโครงข่ายโทรคมนาคมสาธารณะหรือบริการโทรคมนาคม สาธารณะ ภาคีน้นั จะตอ้ งประกันว่าผใู้ หบ้ ริการดังกล่าวปฏบิ ตั ิต่อผู้ให้บริการของภาคีอีกฝ่ายอย่างสมเหตุสมผลและ ไม่เลอื กปฏบิ ัติ อยา่ งไรก็ตาม ภาคอี าจกาหนดจดุ ที่จดั ไว้ใหม้ ีการเขา้ ถึงระบบเคเบิ้ลใต้น้าระหวา่ งประเทศได้ 8.9.8 ภาคีต้องพยายามทาให้ม่ันใจว่าผู้ให้บริการรายใหญ่ภายในประเทศจัดให้มีการเข้าถึงเสา สาย ท่อ หรือโครงสร้างอ่ืนใดตามท่ีภาคีกาหนด ซ่ึงเป็นกรรมสิทธ์ิหรือครอบครองโดยผู้ให้บริการรายใหญ่ให้แก่ ผู้ให้บริการของภาคีอีกฝ่ายในเวลาอันสมควร และบนข้อกาหนดและเง่ือนไข และอัตราค่าตอบแทนที่ สมเหตสุ มผล ไม่เลือกปฏบิ ตั แิ ละโปร่งใส โดยขึ้นอยู่กับความเปน็ ไปได้ทางเทคนิค 8.9.9 ภาคีต้องไม่กีดกันผู้ให้บริการจากการเลือกใช้เทคโนโลยีสาหรับการให้บริการของตน (Flexibility in the choice of technology) 8.9.10 ภาคีต้องทาให้ม่ันใจว่าหน่วยงานกากับดูแลกิจการโทรคมนาคมของตนเป็นอิสระจาก ผ้ใู ห้บรกิ ารโทรคมนาคมสาธารณะและต้องไม่รับผดิ ชอบต่อผูใ้ ห้บริการโทรคมนาคมสาธารณะใด ๆ 8.9.11 ภาคีมีสิทธิที่จะกาหนดประเภทของการให้บริการโทรคมนาคมพ้ืนฐานโดยท่ัวถึงที่จะ ดาเนินการ โดยต้องไม่ถือเป็นการกีดกันการแข่งขัน บนเงื่อนไขที่มีการบริหารจัดการที่โปร่งใส ไม่เลือกปฏิบัติ เป็นกลาง และไม่เป็นภาระเกนิ ความจาเปน็ ตอ่ การใหบ้ ริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทว่ั ถึงตามทก่ี าหนดโดยภาคี 8.9.12 ภาคีต้องเผยแพร่เกี่ยวกับรายละเอียดของการขอใบอนุญาต (หลักเกณฑ์และวิธีการ ระยะเวลาที่ใช้ในการพิจารณาคาขอ ข้อกาหนดและเงื่อนไขท่ัวไป) และแจ้งให้ผู้ขอรับใบอนุญาตทราบถึงผลของ การพิจารณาคาขอรับใบอนุญาตทันทีหลังจากสิ้นสุดการพิจารณา เมื่อมีการร้องขอ จะต้องแจ้งการปฏิเสธการ ออกใบอนญุ าต การปฏเิ สธการต่ออายุใบอนุญาต หรือการเพิกถอนใบอนญุ าต 8.9.13 ภาคีต้องพยายามที่จะส่งเสริมความโปร่งใสและอัตราค่าบริการท่ีสมเหตุสมผลในการ ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ข้ามแดนระหว่างประเทศ (International Mobile Roaming) อย่างไรก็ตาม ไม่มี ความใดในข้อน้ีกาหนดให้ภาคีต้องกากับดูแลอัตราค่าบริการหรือเงื่อนไขในบริการโทรศัพท์เคลื่อนท่ีข้ามแดน ระหว่างประเทศ
- 19 - 8.10 ภาคผนวกบริการวชิ าชีพ 8.10.1 กาหนดให้ประเทศภาคีหารือกับหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง เพ่ือท่ีจะหาสาขาบริการวิชาชีพ ท่ี ภาคีอย่างน้อย 2 ประเทศมีความสนใจร่วมกัน จัดต้ังเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ส่งเสริมให้มีการเจรจาในการ ยอมรบั ด้านคุณสมบัติวิชาชีพ การออกใบอนญุ าต หรือการจดทะเบยี น 8.10.2 ในการพัฒนาข้อตกลงยอมรับร่วมด้านบุคลากรวิชาชีพ ภาคีต้องพยายามส่งเสริมให้ หน่วยงานทเ่ี ก่ียวขอ้ งจัดทาเกณฑ์และมาตรฐานด้านวิชาชพี ท่อี า้ งองิ มาจากกรอบปฏบิ ัติท่เี ปน็ สากล 8.10.3 ภาคีอาจพิจารณายอมรับใบอนุญาตของประเทศของผู้ให้บริการต่างชาติ หรือการเป็น สมาชิกขององคก์ รวชิ าชีพทีไ่ ดร้ ับการยอมรบั โดยไม่จาเปน็ ต้องมกี ารสอบข้อเขยี นเพิ่มเติม 8.10.4 ภาคจี ะตอ้ งให้ข้อมูลเก่ยี วกบั มาตรฐานและหลักเกณฑ์สาหรับการออกใบอนุญาตและการ รับรองผู้ใหบ้ ริการวิชาชพี หรอื ใหข้ อ้ มลู เกยี่ วกับหนว่ ยงานที่กากบั ดแู ล หากมกี ารรอ้ งขอจากภาคีอีกฝา่ ย บทที่ 9 การเคล่ือนย้ายช่ัวคราวของบุคคลธรรมดา บทการเคลื่อนย้ายชว่ั คราวของบคุ คลธรรมดา ประกอบดว้ ย 9 ขอ้ บท 9.1 จะใช้บังคับกับมาตรการที่มีผลต่อการเข้าเมืองชั่วคราวของบุคคลธรรมดาในประเภทนักธุรกิจ (Business Visitors: BV) และผู้โอนย้ายภายในบริษัท (Intra-Corporate Transferees: ICT) ท้ังน้ี ข้ึนอยู่กับ เงื่อนไขภายใตต้ ารางข้อผกู พนั เฉพาะในการเคลอ่ื นยา้ ยช่ัวคราวของบุคคลธรรมดา (ภาคผนวก 4) ของแต่ละภาคี 9.2 มีพันธกรณีท่ีสาคัญ ได้แก่ (1) การอนุญาตเข้าเมืองรวมถึงการขยายระยะเวลาพานักอยู่เป็นการ ชั่วคราว แก่บุคคลธรรมดาของภาคีอ่ืน หากได้ดาเนินการตามข้ันตอนและมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กาหนด โดย สามารถเก็บคา่ ธรรมเนยี มอย่างสมเหตุสมผล (2) การดาเนินการตามคาขอพิธีการเข้าเมือง (application for an immigration formality) ตามข้ันตอนและโปร่งใส โดยอาจยอมรับคาขอในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ และยอมรับ สาเนาทีผ่ า่ นการรับรองแล้วแทนเอกสารฉบับจริง หากกฎหมายภายในประเทศกาหนดใหส้ ามารถทาได้ บทที่ 10 การลงทุน บทการลงทุน ประกอบดว้ ย 18 ข้อบท ภาคผนวก 10 เอ (กฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศ) และภาคผนวก 10 บี (การเวนคนื ) 10.1 กาหนดพันธกรณีท่ีภาคีต้องปฏิบัติในการใช้มาตรการสาหรับการลงทุน ท้ังน้ี ไม่รวมการจัดซ้ือจัด จ้างภาครัฐ การอุดหนุน การให้บริการของรัฐท่ีไม่ได้เป็นไปเพ่ือการพาณิชย์ หรือไม่อยู่ในการแข่งขันกับผู้ให้บริการ รายอื่น โดยบทการลงทุนครอบคลุม 4 องค์ประกอบ คือ การคุ้มครอง การเปิดเสรี การส่งเสริม และการอานวย ความสะดวก 10.2 การคุ้มครองการลงทุน ครอบคลุมพันธกรณีสาคัญ อาทิ (1) การปฏิบัติต่อการลงทุนท่ีได้รับความ คุม้ ครองและนักลงทุนของภาคีอนื่ ไมด่ อ้ ยไปกวา่ ท่ีให้ต่อการลงทุนหรอื นักลงทุนชาติตน หรือท่ีให้ต่อการลงทุนหรือ นักลงทุนนอกภาคี (2) การปฏิบัติต่อการลงทุนที่ได้รับความคุ้มครองอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมโดยสอดคล้อง กับหลกั กฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศ ซ่ึงรวมถึงการไม่ปฏิเสธการให้ความยุติธรรมในกระบวนการทาง กฎหมายหรือทางปกครองใด พร้อมท้ังสามารถใช้มาตรการตามที่จาเป็นด้วยความสมเหตุสมผล ตามที่ระบุใน ภาคผนวก 10 เอ (3) การหา้ มกาหนดเง่อื นไขสาหรับการลงทุน เชน่ ตอ้ งสง่ ออกสนิ ค้าในระดับหรือสัดส่วนตามท่ี กาหนด ให้ใช้วัตถุดิบภายในประเทศ หรือกาหนดอัตราหรือมูลค่าของค่าสิทธิ์ภายใต้สัญญาของบริษัทเอกชน (4) การห้ามกาหนดสัญชาติสาหรับตาแหน่งผู้บริหารอาวุโสในนิติบุคคลนั้น (5) การให้มีการโอนท่ีเก่ียวข้องกับ การลงทุนได้อย่างเสรีและไม่ล่าช้า (6) การชดเชยค่าเสียหายจากความขัดแย้งด้วยอาวุธ การจลาจล หรือ สถานการณ์ฉุกเฉนิ โดยต้องชดเชยไม่นอ้ ยไปกวา่ ท่ใี ห้กบั นักลงทุนและการลงทนุ ของนักลงทุนชาติตนหรือของภาคี อ่ืน (7) การห้ามเวนคืนยกเว้นจะเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะโดยที่ไม่เลือกปฏิบัติ โดยจะต้องชดเชยโดยไม่ ชักช้า และเทียบเท่ามูลค่าตลาดท่ีเป็นธรรมให้แก่การเวนคืนโดยตรงและโดยอ้อมตามที่ระบุในภาคผนวก 10 บี
- 20 - (8) ข้อยกเว้นด้านความมั่นคงให้ภาคีสามารถดาเนินการในส่วนท่ีเก่ียวข้องกับการเข้าถึงข้อมูลที่ตนเห็นว่าจะขัด ต่อผลประโยชน์ดา้ นความม่ันคงที่สาคญั และการบารงุ รกั ษาหรอื ฟื้นฟูสนั ตภิ าพหรอื ความมน่ั คงระหว่างประเทศได้ 10.3 การเปิดเสรีการลงทุน ให้นักลงทุนของภาคีเข้ามาลงทุนในสาขาท่ีไม่ใช่บริการ (non-service sectors) ภายใต้สาขาการเกษตร ประมง เหมืองแร่ ป่าไม้ และการผลิต โดยจัดทารายการข้อสงวนในรูปแบบ Negative List Approach ซ่ึงสามารถระบุในส่วนของการสงวนสิทธิของภาคีในการใช้มาตรการของรัฐบาลท่ีไม่ สอดคลอ้ งกบั พนั ธกรณไี วใ้ นรายการ เอ (List A) และการสงวนสิทธขิ องภาคใี นการปรบั เปลย่ี นมาตรการต่าง ๆ ใน อนาคตไว้ในรายการ บี (List B) และกาหนดให้ผูกพัน (1) กลไก Ratchet หมายถึง การให้สิทธิประโยชน์กับนัก ลงทุนของภาคีโดยอัตโนมัติ หากกฎหมายภายในได้รับการปรับปรุงแก้ไขให้เสรีมากยิ่งขึ้น ซึ่งไม่สามารถแก้ไข กฎหมายให้เข้มงวดกว่าท่ีระบุไว้ได้ โดยกลไกดังกล่าวจะมีผลผูกพันในอีก 5 ปี หลังจากความตกลงฉบับนี้มีผลใช้ บังคับ สาหรับออสเตรเลีย จีน ญ่ีปุ่น เกาหลี นิวซีแลนด์ บรูไนดารุสซาลาม สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม ทั้งนี้ กมั พูชา อนิ โดนเี ซีย ลาว เมียนมา และฟลิ ิปปินส์ ไมผ่ กู พนั กลไก Ratchet ซ่งึ จะไมไ่ ดร้ ับสทิ ธปิ ระโยชน์จากกลไกนี้ จากภาคีอ่ืน และ (2) หลักการการปฏิบัติเย่ียงชาติท่ีได้รับความอนุเคราะห์ย่ิง (Most-Favoured Nation Treatment: MFN) หมายถึง การให้สิทธิประโยชน์กับนักลงทุนและการลงทุนของภาคีโดยอัตโนมัติ หากรัฐได้ ขยายสิทธิประโยชน์ท่ีดีกว่าที่ให้ในความตกลงฉบับนี้แก่การลงทุนและนักลงทุนจากประเทศนอกภาคี โดยภาคีท่ี ผูกพันหลักการนี้ ได้แก่ ออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น เกาหลี นิวซีแลนด์ บรูไนดารุสซาลาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลปิ ปนิ ส์ สิงคโปร์ และไทย ทง้ั นี้ สาหรับ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ไม่ผูกพันหลักการนี้และจะไม่ได้รับ การขยายสิทธปิ ระโยชน์ท่ภี าคีอ่ืนใหก้ ับประเทศนอกภาคี 10.4 การสง่ เสรมิ การลงทุน ภาคจี ะต้องพยายามส่งเสริมและร่วมมือกันเพื่อทาให้ภูมิภาคเป็นท่ีรู้จักมาก ขึ้นในฐานะเขตการลงทนุ โดยการสง่ เสริมการลงทุนระหว่างกลุ่มภาคี การจัดกิจกรรมการส่งเสริมการลงทุนร่วมกัน การส่งเสริมงานการจับคู่ธุรกิจ การจัดงานรายงานสรุปและการสัมมนาเกี่ยวกับโอกาสการลงทุน และเก่ียวกับ กฎหมาย ระเบยี บขอ้ บังคับ และนโยบายการลงทุน และการแลกเปล่ียนข้อมูลเก่ียวกับประเด็นอื่นท่ีมีความสนใจ รว่ มกนั 10.5 การอานวยความสะดวกการลงทุน ภาคีจะต้องพยายามอานวยความสะดวกการลงทุนระหว่างกัน โดยการสรา้ งสภาวะแวดล้อมท่ีจาเป็นสาหรับการลงทุนในทุกรูปแบบ การทาให้กระบวนการสาหรับการยื่นคาขอ และการอนุมัติการลงทุนของตนง่ายขึ้น การส่งเสริมการเผยแพร่ข้อมูลด้านการลงทุน รวมถึงกฎเกณฑ์ กฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ นโยบาย และกระบวนการด้านการลงทุน และการจัดต้ังจุดติดต่อ (contact points) ศูนย์การ ลงทุนแบบเบ็ดเสร็จ (one-stop investment centres) ผู้ประสานงานหลัก (focal point) เพื่อให้ความ ช่วยเหลือและให้คาปรึกษาแก่นักลงทุน รวมถึงการอานวยความสะดวกเกี่ยวกับใบอนุญาตดาเนินงาน และ ใบอนุญาตต่าง ๆ นอกจากน้ี ภาคีอาจให้การช่วยเหลือเพ่ือหาทางออกเกี่ยวกับข้อร้องเรียนหรือปัญหาต่าง ๆ ที่ อาจเกดิ ขนึ้ หลงั จากท่ีนกั ลงทนุ ได้เข้าไปลงทุนแล้ว 10.6 ภาคจี ะต้องเขา้ ร่วมหารอื เรอ่ื งการระงับขอ้ พพิ าทระหวา่ งนกั ลงทุนกับรัฐ และมาตรการด้านภาษีซึ่ง ถือเป็นการเวนคืน ภายใน 2 ปีหลังจากวันที่ความตกลงมีผลใช้บังคับ และจะต้องสรุปการหารือภายใน 3 ปี นับ จากวนั ที่เร่มิ การหารอื บทท่ี 11 ทรพั ย์สินทางปัญญา บททรัพย์สนิ ทางปัญญา ประกอบด้วย 83 ข้อบท (แบ่งเป็น 12 ส่วนสาคัญ ได้แก่ บทบัญญัติท่ัวไป และหลักการพ้ืนฐาน ลิขสิทธ์ิและสิทธิข้างเคียง เคร่ืองหมายการค้า ส่ิงบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ สิทธิบัตร การ ออกแบบอุตสาหกรรม ทรัพยากรพันธุกรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และการแสดงออกทางวัฒนธรรมด้ังเดิม การ แข่งขันท่ีไม่เป็นธรรม ช่ือประเทศ การบังคับใช้สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา ระยะเวลาปรับตัวและความ ช่วยเหลอื ทางเทคนิค ประเด็นเก่ียวกับกระบวนการ) ภาคผนวก 11 เอ (ระยะเวลาปรับตัวเฉพาะภาคี) และ ภาคผนวก 11 บี (รายการขอ้ เรียกรอ้ งความชว่ ยเหลอื ทางเทคนิค)
- 21 - 11.1 บทบัญญัติท่ัวไปและหลักการพ้ืนฐาน ระบุวัตถุประสงค์ของบททรัพย์สินทางปัญญา ความสัมพันธ์กับความตกลงทริปส์ รวมทั้งหลักการต่าง ๆ อาทิ การส้ินไปซึ่งสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา การประติบัติเยี่ยงคนชาติ การยืนยันสิทธิการใช้ความยืดหยุ่นตามปฏิญญาโดฮาว่าด้วยความตกลงทริปส์และการ สาธารณสุข นอกจากน้ี ยังกาหนด (1) ความตกลงระหว่างประเทศด้านทรัพย์สินทางปัญญาที่ภาคีจะต้องเข้าเป็น ภาคี ซ่ึงได้แก่ อนุสัญญากรุงปารีสว่าด้วยการคุ้มครองทรัพย์สินอุตสาหกรรม (Paris Convention) อนุสัญญา กรงุ เบริ ์นว่าด้วยการคุ้มครองงานวรรณกรรมและศิลปกรรม (Berne Convention) สนธิสัญญาความร่วมมือด้าน สิทธิบัตร (Patent Cooperation Treaty) พิธีสารความตกลงกรุงมาดริดว่าด้วยการจดทะเบียนเคร่ืองหมาย ระหว่างประเทศ (Madrid Protocol) สนธิสัญญาว่าด้วยลิขสิทธิ์ขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO Copyright Treaty) สนธิสัญญาว่าด้วยการแสดงและส่ิงบันทึกเสียงขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO Performances and Phonograms Treaty) และสนธิสัญญามาร์ราเคชเพ่ืออานวยความสะดวกในการเข้าถึง งานท่ีมีการโฆษณาแล้ว สาหรับคนตาบอด คนพิการทางการเห็น และคนพิการทางสื่อสิ่งพิมพ์ (Marrakesh Treaty) (2) ความตกลงที่ภาคีจะต้องพยายามเข้าเป็นภาคี ซึ่งได้แก่ สนธิสัญญากรุงบูดาเปสต์ว่าด้วยการยอมรับ ระหว่างประเทศซ่ึงการฝากเก็บจุลชีพสาหรับข้ันตอนการจดทะเบียนสิทธิบัตร (Budapest Treaty) และ (3) ความตกลงที่ภาคีสามารถขอความร่วมมือจากภาคีอื่นหากประสงค์เข้าเป็นภาคี ซ่ึงได้แก่ อนุสัญญาระหว่าง ประเทศว่าด้วยการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ ปี 1991 (UPOV 1991) กรรมสารกรุงเจนีวาของความตกลงกรุงเฮกว่า ด้วยการจดทะเบียนการออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมระหว่างประเทศ (Hague Agreement) อนุสัญญา ระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองนักแสดง ผู้ผลิตส่ิงบันทึกเสียง และองค์กรแพร่เสีย งแพร่ภาพ (Rome Convention) และสนธสิ ัญญาสงิ คโปร์ว่าดว้ ยกฎหมายเครอื่ งหมายการค้า (Singapore Treaty) 11.2 ลิขสิทธิ์และสิทธิข้างเคียง เช่น ให้ภาคีให้สิทธิแต่เพียงผู้เดียวแก่ผู้สร้างสรรค์ นักแสดง ผู้ผลิต สิง่ บนั ทึกเสียงและองคก์ รแพรเ่ สยี งแพร่ภาพ ให้สิทธิแก่นักแสดงและผู้ผลิตสิ่งบันทึกเสียงในการได้รับค่าตอบแทน สาหรับการแพร่เสียงแพร่ภาพ ให้มีการป้องกันการหลบเลี่ยงมาตรการทางเทคโนโลยีและการคุ้มครองข้อมูล บริหารสิทธิ ให้ภาคีมีกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ หรือนโยบายที่เหมาะสมในการให้รัฐบาลกลางของตนใช้เพียง เฉพาะซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ท่ีไม่ละเมิด ให้ภาคีพยายามส่งเสริมการจัดตั้งองค์กรจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์และส่งเสริม ให้มีการดาเนินงานท่ีเป็นธรรมและโปร่งใส และให้ภาคีพยายามมีมาตรการเพ่ือคุ้มครองสัญญาณดาวเทียม ถา่ ยทอดรายการท่ถี กู เข้ารหัสไว้ 11.3 เคร่ืองหมายการค้า เช่น ให้ภาคีให้เครื่องหมายหรือกลุ่มของเครื่องหมายท่ีสามารถแสดงได้ว่า สินค้าและบริการของบุคคลหนึ่งน้ันแตกต่างจากสินค้าและบริการของบุคคลอื่น สามารถเป็นเครื่องหมายการค้าได้ และห้ามภาคีกาหนดเง่ือนไขให้เครื่องหมายการค้าท่ีจะได้รับการจดทะเบียนต้องเป็นเคร่ืองหมายท่ีปรากฏแก่ สายตา หรือปฏิเสธการรับจดทะเบียนเครื่องหมายท่ีประกอบด้วยเสียงเพียงอย่างเดียว ให้ภาคีมีระบบย่ืนคาขอ อิเล็กทรอนิกส์และฐานขอ้ มลู เคร่ืองหมายการค้าออนไลน์ และให้มีกระบวนการจดทะเบียนท่ีรวมถึงโอกาสในการ ยื่นคัดค้านหรือเพิกถอน และโอกาสในการย่ืนอุทธรณ์ ให้ภาคีให้การคุ้มครองเคร่ืองหมายการค้าที่มีชื่อเสียง แพร่หลายท่ัวไป การให้อานาจเจ้าหน้าที่พิจารณาปฏิเสธคาขอหรือเพิกถอนการจดทะเบียนเคร่ืองหมายการค้าที่ ถกู ยนื่ โดยมีเจตนาไม่สุจริตได้ 11.4 สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ครอบคลุมหลักการเร่ืองกระบวนการและความโปร่งใสของการให้ ความคุ้มครอง GI ท้ังผ่านกระบวนการภายในประเทศปกติ อาทิ ให้ภาคีรับคาขอจดทะเบียน GI โดยไม่ต้อง ให้รัฐบาลของภาคีอ่ืนเป็นผู้ย่ืนในนามประชาชนของตน เปิดโอกาสให้มีการคัดค้านคาขออย่างน้อยด้วยเหตุว่า GI นั้นเป็นชื่อสามัญของสินค้า และให้มีกระบวนการเพิกถอนการคุ้มครอง นอกจากน้ี ยังกาหนดเกี่ยวกับความ โปร่งใสของกระบวนการคมุ้ ครอง GI ผา่ นความตกลงระหวา่ งประเทศ 11.5 สิทธิบัตร ครอบคลุมพันธกรณีเกี่ยวกับสิ่งท่ีสามารถจดสิทธิบัตรได้ ข้อยกเว้นการจดสิทธิบัตร สิทธิของผู้ทรงสิทธิบัตรและข้อยกเว้น การให้ภาคีตระหนักถึงความสาคัญของการพัฒนาคุณภาพและ ประสิทธิภาพของกระบวนการและข้ันตอนการจดสิทธิบัตร รวมท้ังให้มีระบบสิทธิบัตรที่รวมถึงโอกาสในการยื่น คัดค้านและเพิกถอนสิทธิบัตร การส่งเสริมให้ภาคีใช้ระบบรับคาขอแบบอิเล็กทรอนิกส์ การให้ภาคีประกาศ
- 22 - โฆษณาคาขอรับสิทธิบัตรโดยเร็วเมื่อพ้น 18 เดือนนับจากวันย่ืนคาขอ และการให้ภาคีคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่โดย กฎหมายเฉพาะที่มีประสิทธิภาพ 11.6 การออกแบบอุตสาหกรรม เช่น ให้ภาคีคุ้มครองการออกแบบอุตสาหกรรมซึ่งถูกสร้างสรรค์ข้ึน อย่างอิสระท่ีเป็นแบบใหม่หรือต้นฉบับ และยืนยันการให้ความคุ้มครองการออกแบบบางส่วนหรือให้ผู้ตรวจสอบ พิจารณาส่วนที่สาคัญของการออกแบบในการรับจดทะเบียน และให้ภาคีตระหนักว่าข้อมูลท่ีปรากฏต่อ สาธารณชนทางอินเทอรเ์ นต็ อาจเป็นส่วนหน่ึงของการออกแบบท่ีปรากฏอย่แู ล้วได้ 11.7 ทรัพยากรพันธุกรรม ภูมิปัญญาท้องถ่ิน และการแสดงออกทางวัฒนธรรมด้ังเดิม (GRTKF) ระบุว่า ภาคีอาจมีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อปกป้อง GRTKF ให้ภาคีเผยแพร่กฎหมายหรือระเบียบข้อบังคับท่ีเกี่ยวข้อง รวมท้ังส่งเสริมให้มีการพิจารณาเอกสารและใช้ฐานข้อมูลเก่ียวกับภูมิปัญญาท้องถ่ินท่ีเก่ียวข้องกับทรัพยากร พนั ธุกรรม ตลอดจนเปดิ โอกาสให้บุคคลภายนอกแจ้งข้อมูลที่เก่ียวข้อง เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบสิทธิบัตรเป็นไป อย่างมีคณุ ภาพ 11.8 การแข่งขนั ที่ไมเ่ ป็นธรรม ใหภ้ าคีมีการป้องกันการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมตามอนุสัญญากรุงปารีส ให้ภาคีมีกระบวนการระงับข้อพิพาทเก่ียวกับชื่อโดเมนและการเยียวยากรณีชื่อโดเมนเหมือน หรือคล้ายกับ เคร่ืองหมายการค้าโดยมชิ อบ การคุ้มครองข้อมลู ท่ไี ม่เปดิ เผยตามความตกลงทรปิ ส์ 11.9 ชื่อประเทศ ให้ภาคีมีวิธีการทางกฎหมายสาหรับผู้มีส่วนได้เสียในการป้องกันการใช้ชื่อประเทศ ของภาคีกับสินค้าในเชงิ พาณิชยใ์ นลกั ษณะทีจ่ ะทาใหผ้ ู้บรโิ ภคหลงผิดในแหล่งกาเนิดของสินคา้ น้นั 11.10 การบังคับใช้สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา ให้ภาคีมีกระบวนการบังคับใช้สิทธิท้ังทางแพ่งและ อาญา ตลอดจนมาตรการ ณ จุดผ่านแดน รวมท้ังยืนยันว่ามีกระบวนการบังคับใช้สิทธิท้ังทางแพ่งและอาญา สาหรับการละเมิดลิขสิทธ์ิหรือสิทธิข้างเคียงและการละเมิดเครื่องหมายการค้าบนสภาพแวดล้อมดิจิทัล เพ่ือให้มี การดาเนนิ การกบั การละเมดิ อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ โดยมกี ระบวนการท่ีเป็นธรรม ไมย่ งุ่ ยากหรือมีค่าใช้จ่ายเกินควร และให้ภาคีคานึงถึงความได้สัดส่วนระหว่างความร้ายแรงของการละเมิดกับการเยียวยาและโทษ รวมทั้ง ผลประโยชนข์ องบุคคลภายนอก 11.11 ความร่วมมือและการปรึกษาหารือ ให้ภาคีมีความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญา รวมทั้ง มีการหารือและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันเพ่ือการปฏิบัติตามข้อบทอย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้มีความร่วมมือ ด้านมาตรการ ณ จุดผ่านแดน เพ่ือกาจัดการซ้ือขายสินค้าระหว่างประเทศท่ีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา รวมท้ัง ให้พยายามมีความร่วมมือด้านการสร้างเสริมการรับรู้เร่ืองทรัพย์สินทางปัญญา ความร่วมมือระหว่างสานักงาน สิทธิบัตรของภาคีเพื่ออานวยความสะดวกการแลกเปลี่ยนผลการค้นหาและการตรวจสอบ ความร่วมมือด้านการ แลกเปลยี่ นขอ้ มลู แนวทางการป้องกนั การละเมิดลิขสิทธิ์ออนไลน์และด้านข้อยกเว้นการสูญเสียความใหม่จากการ เปิดเผยสาระสาคัญหรือรายละเอียดของการประดิษฐ์ที่ขอรับสิทธิบัตร นอกจากนี้ ภาคีอาจมีความร่วมมือด้าน ระบบการคุ้มครองพันธ์ุพืชใหม่ กระบวนการและขั้นตอนการขอรับสิทธิบัตร สิ่งบ่งช้ีทางภูมิศาสตร์ และการ ฝึกอบรมผู้ตรวจสอบสิทธิบัตรในการตรวจสอบคาขอที่เก่ียวกับภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากร พันธกุ รรม 11.12 ความโปร่งใส ให้คาพิพากษาสุดท้ายและคาสั่งทางปกครองท่ีมีผลเป็นการทั่วไปเกี่ยวกับสิทธิใน ทรัพย์สินทางปัญญาได้รับการเผยแพร่หรือจัดให้มีไว้แก่สาธารณะ อย่างน้อยในภาษาทางการของภาคี และให้ พยายามเผยแพร่หรือทาให้ปรากฏทางอินเทอร์เน็ตหากกระทาได้ นอกจากนี้ ยังให้ภาคีเผยแพร่ข้อมูลเก่ียวกับคาขอ การข้ึนทะเบียนและสถานะของการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาเท่าท่ีจะกระทาได้ภายใต้กฎหมายและระเบียบ ข้อบงั คบั ของตน 11.13 ระยะเวลาปรบั ตัวและความชว่ ยเหลือทางเทคนคิ 11.13.1 ยนื ยนั ระยะเวลาปรับตัวของภาคีประเทศพฒั นาน้อยท่ีสุด (กัมพูชา สปป. ลาว เมียนมา) ในการปฏิบตั ติ ามความตกลงทริปส์ตามที่ได้รับภายใต้ WTO และให้ระยะเวลาปรับตัวสาหรับ กัมพูชา สปป. ลาว มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม ในการชะลอการปฏิบัติตามบทบัญญัติบางประการ ซ่ึงระบุ ระยะเวลาต้ังแต่ 3 ถึง 15 ปี โดยในส่วนของไทยมีระยะเวลาปรับตัว 3 ปี นับแต่วันที่ความตกลงมีผลใช้บังคับ
- 23 - สาหรับไทย ในการปฏิบัติตามพันธกรณีเรื่องการเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาว่าด้วยลิขสิทธิ์ขององค์การทรัพย์สินทาง ปัญญาโลก และ 5 ปี นับแต่วันที่ความตกลงมีผลใช้บังคับสาหรับไทย ในการปฏิบัติตามพันธกรณีเร่ือง (1) การ เขา้ เป็นภาคีสนธสิ ญั ญาว่าดว้ ยการแสดงและสิ่งบนั ทึกเสียงขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (2) สิทธิแต่เพียง ผู้เดียวของนักแสดง (3) สิทธิในการได้รับค่าตอบแทนสาหรับการแพร่เสียงแพร่ภาพ ในส่วนท่ีเก่ียวกับนักแสดง (4) การประกาศโฆษณาคาขอรับสิทธิบัตร 18 เดือนนับจากวันยื่นคาขอ และ (5) การทาลายของกลางละเมิด ลิขสิทธิ์และเคร่ืองหมายการค้าในคดีแพ่ง ตามที่ระบุในภาคผนวก 11 เอ (ระยะเวลาปรับตัวเฉพาะภาคี) และให้ ภาคีทขี่ อระยะเวลาปรบั ตัวแจ้งความคืบหนา้ การดาเนนิ การตามพันธกรณกี ่อนระยะเวลาปรบั ตวั สิน้ สุดลง 11.13.2 ให้ภาคีให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคท่ีจาเป็นสาหรับการปฏิบัติตามบทบัญญัติบาง ประการในบทนี้แก่ภาคีที่แจ้งความประสงค์ไว้ ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม ตามที่ระบุใน ภาคผนวก 11 บี (รายการรอ้ งขอความชว่ ยเหลือทางเทคนคิ ) 11.14 ประเด็นเกี่ยวกับกระบวนการ ให้ภาคีตระหนักถึงความสาคัญของการปรับปรุงและพัฒนา กระบวนการด้านทรัพย์สินทางปัญญาและพยายามปรับปรุงกระบวนการสาหรับการบริหารจัดการสิทธิใน ทรัพย์สินทางปัญญา และพยายามปรับปรุงข้อกาหนดเร่ืองการรับรองคาแปลสาหรับคาขอรับสิทธิบัตรและการ ยืนยันลายมอื ช่ือสาหรับคาขอรับสิทธิบัตร สิทธบิ ัตรออกแบบ และเครื่องหมายการค้า บทที่ 12 พาณิชยอ์ เิ ล็กทรอนิกส์ บทพาณิชยอ์ เิ ลก็ ทรอนิกส์ ประกอบด้วย 17 ข้อบท (แบ่งเป็น 5 ส่วนสาคัญ ได้แก่ บทบัญญัติทั่วไป การอานวยความสะดวกทางการค้า การพัฒนาสภาพแวดล้อมที่เอื้ออานวยต่อพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การ สง่ เสรมิ พาณิชยอ์ เิ ล็กทรอนกิ สข์ ้ามพรมแดน และบทบญั ญตั อิ ื่นๆ) 12.1 มวี ัตถุประสงค์เพือ่ สง่ เสรมิ พาณิชยอ์ เิ ล็กทรอนิกสแ์ ละการใชพ้ าณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดน ระหว่างภาคี สร้างสภาพแวดล้อมแห่งความม่ันใจและความเชื่อมั่นในการใช้พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และส่งเสริม ความรว่ มมือระหว่างภาคเี กยี่ วกบั การพฒั นาพาณชิ ยอ์ ิเล็กทรอนกิ ส์ 12.2 ให้มีการส่งเสริมการค้าไร้กระดาษ โดยภาคีจะพยายามยอมรับผลทางกฎหมายของเอกสารการ ดาเนินการทางการค้าท่ีส่งทางอิเล็กทรอนิกส์ให้เท่าเทียมกับเอกสารฯ ในรูปแบบกระดาษ และต้องไม่ปฏิเสธผล ทางกฎหมายของลายมอื ชือ่ อเิ ล็กทรอนกิ ส์ และอนญุ าตให้เลือกใช้การระบุตัวบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ท่ีเหมาะสม โดยคานงึ ถงึ บรรทดั ฐานระหว่างประเทศ 12.3 ภาคีตอ้ งมีกฎหมายและกฎระเบยี บในเรือ่ งการคุ้มครองผู้บริโภคออนไลน์จากการกระทาที่ฉ้อฉล และหลอกลวง การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลออนไลน์โดยคานึงถึงแนวทางระหว่างประเทศ การจัดการกับ ข้อความอิเล็กทรอนิกส์เชิงพาณิชย์ที่ไม่พึงประสงค์ และการกากับดูแลธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์โดยคานึงถึง กฎหมายแม่แบบที่เกีย่ วข้อง 12.4 ให้ภาคียกเว้นภาษีศุลกากรสาหรับการส่งผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ตามที่กาหนดไว้ภายใต้ WTO ทั้งนี้ ไมไ่ ดห้ า้ มภาคีจดั เก็บภาษีหรือค่าธรรมเนียมอ่นื ๆ สาหรบั การสง่ ผ่านทางอเิ ล็กทรอนิกส์ 12.5 ใหม้ ีการเผยแพร่กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเพ่ือความโปร่งใส โดยทันทีเท่าท่ีจะเป็นไปได้ รวมถึงบน อินเทอร์เนต็ หากเป็นไปได้ 12.6 ให้ร่วมกันเสริมสร้างความสามารถของหน่วยงานด้านความม่ันคงปลอดภัยไซเบอร์ รวมถึงผ่าน การแลกเปลย่ี นแนวปฏิบตั ิทีด่ เี ลิศ โดยใช้กลไกความร่วมมือที่มอี ย่แู ล้ว 12.7 ใหม้ กี ารส่งเสรมิ พาณิชย์อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ขา้ มพรมแดน โดยภาคีจะต้องไม่กาหนดตาแหน่งอุปกรณ์ สารสนเทศไว้ในประเทศ และไม่ขัดขวางการโอนข้อมูลข้ามพรมแดนด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ มีข้อยกเว้น เพอ่ื การบรรลุวตั ถปุ ระสงคใ์ นการดาเนนิ นโยบายสาธารณะทสี่ มเหตผุ ลและไมร่ วมถงึ สาขาบริการทางการเงนิ 12.8 ใหม้ คี วามร่วมมือเพอ่ื ช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้เอาชนะอุปสรรคต่อการใช้ พาณิชย์อิเล็กทรอนกิ ส์ และแลกเปลี่ยนขอ้ มลู ประสบการณ์ และแนวปฏิบัติทเี่ ปน็ เลศิ
- 24 - 12.9 ให้มีการหารือกับผู้ท่ีเก่ียวข้องในเรื่องความร่วมมือ ประเด็นใหม่ ๆ (เช่น การปฏิบัติต่อสินค้า ดจิ ิทัล โคด้ ต้นกาเนดิ ) และเรอื่ งอื่น ๆ ทเ่ี ก่ยี วข้องกบั การพฒั นาและการใชพ้ าณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (เช่น การปฏิบัติ ท่ไี ม่สง่ เสรมิ การแข่งขนั การระงับขอ้ พิพาทออนไลน์ และการส่งเสรมิ ทกั ษะท่ีเก่ียวข้อง) 12.10 ให้มีระยะเวลาปรับตัวในการปฏิบัติตามบางพันธกรณี สาหรับบรูไนดารุสซาลาม กัมพูชา สปป.ลาว มาเลเซีย และเมยี นมา 12.11 จะยังไม่มีการนาบทการระงับข้อพิพาทมาใช้กับบทพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ แต่จะมีการทบทวน การนาบทการระงับข้อพิพาทมาใช้กับบทน้ี หลังจากที่มีการทบทวนจนเสร็จส้ินแล้ว บทการระงับข้อพิพาทอาจ นามาใชก้ ับบทน้ี ระหว่างกลมุ่ ภาคีทีต่ กลงจะนามาใช้ บทท่ี 13 การแขง่ ขนั ทางการคา้ บทการแข่งขันทางการค้า ประกอบด้วย 9 ข้อบท ภาคผนวก 13 เอ (การใช้บังคับข้อ 13.3 (มาตรการที่เหมาะสมต่อกิจกรรมท่ีจากัดการแข่งขัน) และข้อ 13.4 (ความร่วมมือ) กับบรูไนดารุสซาลาม) ภาคผนวก 13 บี (การใช้บังคับข้อ 13.3 (มาตรการท่ีเหมาะสมต่อกิจกรรมท่ีจากัดการแข่งขัน) และ ข้อ 13.4 (ความร่วมมือ) กับกัมพูชา) ภาคผนวก 13 ซี (การใช้บังคับข้อ 13.3 (มาตรการที่เหมาะสมต่อ กิจกรรมที่จากัดการแข่งขัน) และข้อ 13.4 (ความร่วมมือ) กับสปป. ลาว) และภาคผนวก 13 ดี (การใช้ บังคับข้อ 13.3 (มาตรการที่เหมาะสมต่อกิจกรรมท่ีจากัดการแข่งขัน) และข้อ 13.4 (ความร่วมมือ) กับ เมียนมา) 13.1 ต้องตระหนักถึงอานาจอธิปไตยและระดับการพัฒนานโยบายและกฎหมายด้านการแข่งขันทาง การค้าของแต่ละประเทศ โดยกาหนดให้มีหน่วยงานที่กากับและบังคับใช้กฎหมายและกฎระเบียบเกี่ยวกับการ แข่งขันทางการค้าท่ีมีประสิทธิภาพ ไม่มีการตัดสินที่เป็นการกีดกันเน่ืองจากสัญชาติ มีการแจ้งเหตุผลของการ ตัดสนิ และเปิดโอกาสใหม้ กี ารชี้แจง สามารถอทุ ธรณไ์ ด้ 13.2 มีความร่วมมือในการแลกเปล่ียนข้อมูล การเปล่ียนแปลงกฎหมาย การพัฒนาขีดความสามารถ ทางดา้ นเทคนคิ สาหรับการพฒั นานโยบายการแข่งขันทางการคา้ การคุ้มครองผบู้ ริโภค และการบังคับใช้กฎหมาย ที่เก่ียวข้อง และข้อมูลท่ีเก่ียวข้องกับการแข่งขันทางการค้าอ่ืน ๆ รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายหากมีกรณีท่ีคล้าย หรอื เก่ยี วเนอื่ งกนั โดยการแลกเปล่ยี นข้อมลู ลับตอ้ งเป็นไปตามเงื่อนไขทีต่ กลงร่วมกนั 13.3 เปดิ โอกาสให้มกี ระบวนการหารือหากมกี รณีทสี่ ง่ ผลกระทบตอ่ การคา้ และการลงทุนของภาคี 13.4 ไมส่ ามารถใช้กลไกระงบั ขอ้ พิพาทของความตกลงกับบทการแขง่ ขันทางการค้า 13.5 ระบุระยะเวลาปรับตัวในการปฏิบัติตามบางพันธกรณี สาหรับบรูไนดารุสซาลาม (3 ปี) กัมพูชา (5 ป)ี สปป. ลาว (3 ป)ี และเมยี นมา (3 ป)ี ตามท่รี ะบุในภาคผนวก 13 เอ-ภาคผนวก 13 ดี บทที่ 14 วสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม บทวิสาหกจิ ขนาดกลางและขนาดยอ่ ม ประกอบด้วย 5 ข้อบท 14.1 ให้มีการแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับความตกลง และจัดต้ังช่องทางการสื่อสารที่เข้าถึงโดยสาธารณะ รวมถึงแลกเปล่ียนข้อมูลเพ่ือแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ และแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ โดยข้อมูลท่ีแลกเปลี่ยนกัน ไดแ้ ก่ ความตกลงฉบับสมบูรณ์ กฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวกับการค้าและการลงทุน และข้อมูลธุรกิจที่ ภาคเี หน็ ว่ามีประโยชน์ต่อ SMEs 14.2 เสริมสร้างความร่วมมือให้มีความเข้มแข็งในเรื่องการส่งเสริมการปฏิบัติตามกฎและระเบียบ ข้อบังคับทางการค้าท่ีสะดวกและโปร่งใส การปรับปรุงการเข้าถึงตลาดและการเข้าสู่ระบบห่วงโซ่มูลค่าโลกของ SMEs การสง่ เสริมการใชพ้ าณชิ ยอ์ เิ ลก็ ทรอนกิ ส์ นวตั กรรมและการใช้เทคโนโลยี การใชร้ ะบบทรัพย์สนิ ทางปัญญา การปฏบิ ตั ิด้านกฎระเบยี บท่ีดี
- 25 - 14.3 ให้มีการกาหนดจุดติดต่อ (contact point) เพื่ออานวยความสะดวกด้านความร่วมมือและการ แบ่งปันข้อมูล จานวน 1 จุด หรือมากกว่า และแจ้งให้ภาคีอ่ืนทราบ ภายใน 30 วัน นับต้ังแต่วันที่ความตกลงมี ผลใช้บังคับ ทั้งน้ี จะตอ้ งแจ้งทนั ทหี ากมกี ารเปลย่ี นแปลง 14.4 ไม่สามารถใช้กลไกระงบั ข้อพิพาทของความตกลงกบั บทวสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม บทที่ 15 ความร่วมมอื ทางเศรษฐกิจและวิชาการ บทความร่วมมือทางเศรษฐกจิ และวชิ าการ ประกอบด้วย 7 ข้อบท 15.1 ให้มีการดาเนินกิจกรรมความร่วมมือตามแผนงาน เพ่ือลดช่องว่างการพัฒนาระหว่างภาคี โดย มงุ่ เนน้ เรื่องท่เี กี่ยวข้องกบั การค้าสินค้า การคา้ บรกิ าร การลงทุน ทรัพย์สินทางปัญญา พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การ แขง่ ขนั ทางการค้า วสิ าหกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม และอื่น ๆ ที่ตกลงรว่ มกัน 15.2 ให้มีการจัดสรรทรัพยากรด้วยความสมัครใจและตามที่ภาคีตกลงร่วมกัน และพิจารณาการให้ ความร่วมมอื และการสนับสนุนจากประเทศที่ไม่ใช่ภาคีท่ีสนใจจะพัฒนาความร่วมมือร่วมกัน โดยยึดผลประโยชน์ ร่วมกนั เป็นหลกั 15.3 ให้มีการพัฒนาแผนงานความร่วมมือ โดยให้ความสาคัญกับกิจกรรมการช่วยเหลือด้านเทคนิค และการเสรมิ สร้างศักยภาพสาหรบั ภาคปี ระเทศกาลังพัฒนาและภาคีประเทศพัฒนาน้อยที่สุด กิจกรรมเพ่ิมความ ตระหนกั รูแ้ ก่สาธารณะ กิจกรรมเพมิ่ การเขา้ ถงึ ข้อมลู ทางธรุ กิจ และกจิ กรรมอนื่ ๆ ตามที่ตกลงรว่ มกนั 15.4 ไมส่ ามารถใชก้ ลไกระงบั ขอ้ พพิ าทของความตกลงกับบทความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการ บทที่ 16 การจดั ซอื้ จัดจ้างโดยรัฐ บทการจัดซ้ือจัดจ้างโดยรัฐ ประกอบด้วย 8 ข้อบท และภาคผนวก 16 เอ (เอกสารหรือวิธี อิเลก็ ทรอนิกส์ทใ่ี ชโ้ ดยกลุ่มภาคีในการเผยแพรข่ ้อมูลความโปรง่ ใส) 16.1 ส่งเสริมความโปร่งใสของการใช้กฎหมาย กฎระเบียบ และกระบวนการเก่ียวกับการจัดซ้ือจัดจ้าง โดยรัฐ โดยให้มีการเผยแพร่กฎหมายและกฎระเบียบ โดยพยายามจัดทาข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษและในรูปแบบ อเิ ล็กทรอนกิ ส์ 16.2 ให้มีความพยายามท่ีจะร่วมมือในการสร้างความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับระบบการจัดซ้ือจัดจ้างโดย รัฐในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ การแลกเปล่ียนข้อมูลกฎหมาย กฎระเบียบ และกระบวนการ การฝึกอบรม การ ช่วยเหลอื ทางเทคนิค หรือการเสรมิ สรา้ งขีดความสามารถ การแบ่งปันข้อมูลแนวปฏิบัติที่ดีเลิศ รวมถึงที่เกี่ยวข้อง กับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม รวมทั้งวิสาหกิจรายย่อย การแบ่งปันข้อมูลระบบการจัดซ้ือจัดจ้างทาง อิเลก็ ทรอนกิ ส์ 16.3 อาจมีการทบทวนภายในระยะเวลาที่กาหนดในข้อ 20.8 (การทบทวนทั่วไป) เพ่ือปรับปรุงใน อนาคต 16.4 ให้มีการกาหนดจุดติดต่อ (contact point) เพื่ออานวยความสะดวกด้านความร่วมมือและการ แบ่งปันข้อมูล จานวน 1 จุด หรือมากกว่า และแจ้งให้ภาคีอื่นทราบ ภายใน 30 วัน นับต้ังแต่วันที่ความตกลงมี ผลใช้บงั คับ ท้ังนี้ จะตอ้ งแจ้งทันทีหากมีการเปลย่ี นแปลง 16.5 ไมส่ ามารถใชก้ ลไกระงบั ข้อพพิ าทของความตกลงกบั บทการจดั ซ้ือจัดจา้ งโดยรฐั บทท่ี 17 บทบญั ญัติท่วั ไปและข้อยกเว้น บทบญั ญตั ทิ ั่วไปและขอ้ ยกเว้น ประกอบด้วย 16 ขอ้ บท 17.1 ความตกลงฉบับน้ีจะใช้บังคับในขอบเขตทางภูมิศาสตร์ (geographical scope of application) ซ่ึงภาคมี ีพนั ธกรณีตอ่ อกี ภาคหี นงึ่ ภายใตค้ วามตกลง WTO
- 26 - 17.2 ให้มีการเผยแพร่กฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ กระบวนการ และคาวินิจฉัยทางปกครองท่ีใช้ โดยท่ัวไปท่ีเกีย่ วขอ้ งกบั ความตกลงโดยเรว็ รวมถึงทางอินเทอร์เน็ตหากทาได้ และให้มีการเผยแพร่ล่วงหน้ากรณีท่ี มีการเสนอทจี่ ะนามาใช้ รวมถงึ ใหโ้ อกาสในการแสดงความเหน็ 17.3 เมอื่ มกี ารร้องขอและเห็นว่าอาจกระทบต่อการดาเนินการของความตกลง จะต้องมีการให้ข้อมูล และตอบคาถามโดยเร็วเกี่ยวกับกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ กระบวนการ และคาวินิจฉัยทางปกครองที่ใช้ โดยทั่วไปท่ีมีอยใู่ นปจั จบุ นั หรอื กาลังเสนออยู่ 17.4 ไม่กาหนดให้ภาคีต้องให้ข้อมูลความลับหากเป็นการขัดต่อกฎหมาย ประโยชน์สาธารณะ หรือ กระทบผลประโยชนเ์ ชงิ พาณชิ ย์ของหนว่ ยงานภาครฐั หรอื เอกชน 17.5 ในกรณีที่บุคคลของภาคีได้รับผลกระทบจากกระบวนการทางการปกครองที่เกี่ยวข้องกับ ประเด็นในความตกลงฉบับนี้ จะต้องได้รับการแจ้งข้อมูลประเด็น กฎหมาย และกระบวนการท่ีเกี่ยวข้องตาม สมควรตามกระบวนการภายใน และบุคคลทเ่ี กี่ยวข้องมีโอกาสท่ีสมเหตุสมผลในการเสนอข้อเท็จจริงและเหตุผลท่ี เก่ียวขอ้ งกอ่ นทจ่ี ะมีการตดั สนิ 17.6 ภาคีจะต้องมีกระบวนการยุติธรรม หรือกระบวนการเพ่ือการทบทวนและการอุทธรณ์ผลคา ตัดสินของกระบวนการปกครองประเด็นท่ีเกี่ยวข้องกับความตกลงฉบับนี้ โดยจะต้องเป็นหน่วยงานท่ีมีความเป็น กลางไม่มีส่วนได้ส่วนเสียต่อผลการตัดสินอย่างมีนัยสาคัญ และให้แต่ละฝ่ายสามารถเสนอเหตุผลชี้แจงสนับสนุน ตามสมควร และตอ้ งทาให้มนั่ ใจว่าผลคาตัดสินดังกลา่ วจะไดร้ บั การปฏบิ ัติตาม 17.7 เม่ือมีการให้ข้อมูลท่ีกาหนดว่าเป็นความลับ จะต้องมีการรักษาความลับของข้อมูลภายใต้ กฎหมายและระเบยี บขอ้ บังคับของตน 17.8 ภาคีจะต้องมีมาตรการที่เหมาะสมในการป้องกันและต่อต้านการทุจริต โดยเป็นไปตามกฎหมาย และระเบยี บขอ้ บังคับของตน ซึ่งเรือ่ งน้จี ะไมอ่ ยภู่ ายใต้บทบัญญตั ิการระงบั ขอ้ พพิ าท 17.9 ยืนยันสิทธิและพันธกรณีตามอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (Convention on Biological Diversity) 17.10 การตดั สนิ โดยหน่วยงานผู้มีอานาจ รวมถึงหน่วยงานด้านการลงทุนของต่างชาติ ในการอนุญาต หรือยอมรับข้อเสนอของการลงทุนตา่ งชาติ ไมอ่ ย่ภู ายใตบ้ ทบญั ญัติการระงับข้อพพิ าท 17.11 ภาคีมสี ิทธิที่จะกาหนดนโยบายสาคัญและดาเนินมาตรการท่ีเป็นประโยชน์สาธารณะ โดยอาศัย ข้อยกเว้นทั่วไปตามข้อ 20 ของความตกลง GATT 1994 และข้อ 14 ของความตกลง GATS ซ่ึงนามาบรรจุใน ความตกลง โดยรวมถึงมาตรการสิ่งแวดล้อมที่จาเป็นต่อการปกป้องชีวิตหรือสุขภาพมนุษย์ สัตว์และพืช และ มาตรการทเี่ กีย่ วข้องกบั การอนรุ กั ษท์ รัพยากรธรรมชาติทหี่ มดไปได้ทง้ั ที่มีชวี ิตและไมม่ ชี ีวติ 17.12 ภาคีสามารถดาเนินมาตรการท่ีเห็นว่าจาเป็นสาหรับการปกป้องผลประโยชน์ด้านความมั่นคงท่ี จาเป็น (essential security interests) ของตน ได้แก่ เก่ียวกับวัสดุที่สามารถแตกตัวทางอะตอมหรือวัสดุท่ี เกิดขนึ้ จากวสั ดุนั้น เกีย่ วกบั การค้าอาวุธ ยุทธภัณฑ์ และเครือ่ งมือเก่ียวกับการสงคราม และการค้าสินค้าและวัสดุ อื่น หรือเก่ียวกับการให้บริการ ซ่ึงกระทาโดยทางตรงหรือทางอ้อมเพ่ือความมุ่งประสงค์ในการจัดหาให้แก่หน่วย จัดต้ังทางทหาร ดาเนินการเพ่ือปกป้องโครงสร้างพ้ืนฐานสาธารณะไม่ว่าจะเป็นของรัฐหรือของเอกชน ซึ่งรวมถึง โครงสร้างพื้นฐานด้านการติดต่อส่ือสาร พลังงาน และประปา ดาเนินการในยามฉุกเฉินภายใน หรือในยาม สงคราม หรือในยามฉุกเฉินอื่น ๆ เก่ียวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือ การปฏิบัติตามพันธกรณีของตน ภายใต้กฎบัตรสหประชาชาติเพือ่ การดารงไว้ซง่ึ สันติภาพและความม่นั คงระหว่างประเทศ 17.13 ความตกลงฉบับนี้ไม่ใช้บังคับกับมาตรการทางภาษี เว้นแต่ในกรณีท่ีความตกลง WTO ได้ กาหนดพันธกรณเี ก่ียวกับมาตรการทางภาษี และสาหรับพนั ธกรณีเร่อื งการโอนภายใต้บทการลงทนุ 17.14 อนญุ าตให้ภาคีออกมาตรการปกปอ้ งชวั่ คราวในกรณีทดี่ ุลการชาระเงนิ เกิดวิกฤติและการเงินการ คลังอยู่ในสถานการณ์ยากลาบากหรือมีภัยคุกคาม โดยจะต้องสอดคล้องกับข้อตกลงว่าด้วยกองทุนการเงิน ระหว่างประเทศ (IMF) และหลีกเล่ียงความเสียหายอันไม่จาเป็นต่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการเงินของ ภาคอี ่ืน อกี ทงั้ จะตอ้ งแจง้ โดยเรว็ หากมกี ารเปลี่ยนแปลง
- 27 - 17.15 อนุญาตให้นิวซีแลนด์สามารถออกมาตรการท่ีให้การประติบัติที่ดีกว่ากับประชาชนเมารี รวมถึง ภายใต้สนธิสัญญาไวแทงกิของนิวซีแลนด์ หากมาตรการดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดการเลือกปฏิบัติตามอาเภอใจหรือ ขอ้ จากดั ทางการคา้ สินคา้ การค้าบรกิ าร และการลงทุน บทท่ี 18 บทบัญญัตเิ กี่ยวกับสถาบนั บทบัญญัติเก่ียวกับสถาบัน ประกอบด้วย 8 ข้อบท และภาคผนวก 18 เอ (หน้าที่ขององค์กรย่อย ของคณะกรรมการร่วมอาร์เซป็ ) 18.1 ให้มกี ารประชมุ ของรฐั มนตรี ภายใน 1 ปี นบั ต้งั แต่วันท่ีความตกลงมีผลใช้บังคับ และในทุก ๆ ปี หลังจากน้นั 18.2 ให้มีการจัดต้ังคณะกรรมการร่วม (Joint Committee) ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าท่ีระดับอาวุโส ของแต่ละภาคี โดยจะต้องมีการประชุมภายใน 1 ปี นับต้ังแต่วันที่ความตกลงมีผลบังคับใช้ ก่อนการประชุมคร้ัง แรกของรัฐมนตรี และในทุก ๆ ปีหลังจากน้ัน โดยมีอานาจหน้าที่ อาทิ การพิจารณาประเด็นใด ๆ เกี่ยวกับการ ดาเนินการตามความตกลง การพิจารณาข้อเสนอการแก้ไขความตกลง การหารือความแตกต่างท่ีเกิดจากการ ตีความบทบัญญัติของความตกลง การจัดตั้ง กากับดูแลและประสานการทางานขององค์กรย่อย การปรับ โครงสร้างและการมอบหมายงานองค์กรย่อย การจัดต้ังและกากับดูแลเลขานุการ RCEP ตามเงื่อนไขท่ีภาคี กาหนดร่วมกัน และการจัดเวทีหารือกับภาคธุรกิจ นักวิชาการ และผู้เช่ียวชาญ ทั้งนี้ คณะกรรมการร่วมจะต้อง ตดั สนิ ใจโดยฉนั ทามติและกาหนดข้อบังคับการประชุมในการประชุมคร้งั แรก 18.3 ให้มีการจัดต้ังคณะกรรมการ 4 คณะ ได้แก่ (1) คณะกรรมการด้านสินค้า รับผิดชอบประเด็น เก่ียวกับการค้าสินค้า กฎว่าด้วยถ่ินกาเนิดสินค้า พิธีการศุลกากรและการอานวยความสะดวกทางการค้า มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช มาตรฐาน กฎระเบียบทางเทคนิค และกระบวนการตรวจสอบและรับรอง และการเยียวยาทางการค้า (2) คณะกรรมการด้านบริการและการลงทุน รับผิดชอบประเด็นเก่ียวกับการค้า บริการ บริการด้านการเงิน บริการโทรคมนาคม บริการวิชาชีพ การเคล่ือนย้ายชั่วคราวของบุคคลธรรมดา และ การลงทุน (3) คณะกรรมการด้านการเติบโตอย่างยั่งยืน รับผิดชอบประเด็นเกี่ยวกับวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อม ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการ และประเด็นใหม่ ๆ (4) คณะกรรมการด้านสภาพแวดล้อม ทางธุรกิจ รับผิดชอบประเด็นเก่ียวกับทรัพย์สินทางปัญญา พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การแข่งขันทางการค้า และ การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ โดยคณะกรรมการจะต้องมีการประชุมภายใน 1 ปี นับต้ังแต่วันที่ความตกลงมีผลใช้ บังคบั และในทุก ๆ ปีหลังจากนั้น 18.4 ให้มีการกาหนดจุดติดต่อในภาพรวม (overall contact point) เพื่ออานวยความสะดวกด้านการ สอ่ื สารระหว่างภาคี จานวน 1 จดุ และแจ้งให้ภาคีอื่นทราบ ภายใน 30 วัน นับตัง้ แตว่ นั ทีค่ วามตกลงมีผลใช้บงั คบั บทที่ 19 การระงบั ขอ้ พิพาท บทการระงับขอ้ พิพาท ประกอบดว้ ย 21 ขอ้ บท 19.1 กาหนดกระบวนการสาหรับการหารือและระงับข้อพิพาทท่ีมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และ โปร่งใส เพื่อระงบั ขอ้ พิพาทที่เกดิ ขน้ึ ภายใตค้ วามตกลง 19.2 ภาคีผู้ถกู ฟอ้ งตอ้ งเข้าส่กู ารปรกึ ษาหารือ หากภาคผี ู้ฟ้องรอ้ งขอ 19.3 อนุญาตให้ภาคีผู้ฟ้องสามารถขอให้จัดต้ังคณะผู้พิจารณาเพื่อระงับข้อพิพาท ในกรณีที่ภาคีผู้ถูก ฟ้องไม่ตอบรบั การหารือ หรือการหารือไม่สามารถแกไ้ ขขอ้ พิพาทได้ตามกรอบเวลา 19.4 อนุญาตให้ภาคีอ่ืนท่ีไม่ได้ถูกฟ้องแต่สนใจประเด็นที่เป็นเรื่องพิพาทสามารถติดตามการระงับข้อ พิพาทได้ โดยเปดิ โอกาสใหป้ ระเทศเหล่านแ้ี สดงความเหน็ ในข้ันตอนการพจิ ารณาดว้ ย 19.5 กาหนดรายละเอียดของอานาจหน้าที่ของคณะผู้พิจารณา กระบวนการพิจารณา การปฏิบัติตาม คาตดั สนิ การติดตามการปฏิบตั ติ ามคาตดั สินรวมถึงการจัดตงั้ คณะผู้พจิ ารณาเพ่ือทบทวนการปฏิบัติตามคาตัดสิน
- 28 - และการชดเชยความเสียหายหรือการถูกระงับสิทธิประโยชน์ในกรณีท่ีไม่มีการปฎิบัติตามคาตัดสิน ทั้งนี้ ยังมี การให้สทิ ธพิ เิ ศษและแตกต่างกบั ภาคีประเทศพัฒนาน้อยทส่ี ุดอกี ด้วย 19.6 ให้มีการกาหนดจุดติดต่อ (contact point) และแจ้งให้ภาคีอื่นทราบ ภายใน 30 วัน นับต้ังแต่ วันทค่ี วามตกลงมีผลใชบ้ งั คบั ทง้ั นี้ จะตอ้ งแจง้ ทนั ทีหากมีการเปลยี่ นแปลง บทท่ี 20 บทบญั ญตั ิสดุ ทา้ ย บทบญั ญตั ิสุดท้าย ประกอบดว้ ย 9 ข้อบท 20.1 กลุม่ ภาคอี าจตกลงเปน็ ลายลักษณอ์ กั ษรใหแ้ กไ้ ขความตกลงฉบับนี้ 20.2 ให้ความตกลงมีผลบังคับใช้ 60 วันหลังจากท่ีสมาชิกอาเซียน 6 ประเทศและคู่เจรจาอาเซียน 3 ประเทศให้สตั ยาบัน 20.3 ภาคีใดอาจถอนตวั จากความตกลงฉบับนี้โดยการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังผู้เก็บรักษาความ ตกลง โดยการถอนตวั จะมีผล 6 เดอื นหลังจากวนั ทไ่ี ด้แจ้ง 20.4 กลุ่มภาคีจะต้องทบทวนความตกลงฉบับนี้ เพื่อเสริมสร้างความตกลงและปรับให้ทันสมัย 5 ปี หลงั จากวนั ท่ีความตกลงมีผลใชบ้ งั คบั และทกุ ๆ 5 ปตี ่อจากน้ัน 20.5 ความตกลงฉบับนี้จะเปิดรับการภาคยานุวัติโดยสมาชิกใหม่ 18 เดือนหลังจากวันท่ีความตกลงมี ผลใช้บังคบั โดยการภาคยานุวตั ดิ ังกลา่ วจะขึ้นอยู่กบั ความยินยอมของกล่มุ ภาคีและข้อกาหนดหรือเง่ือนไขใด ๆ ท่ี กล่มุ ภาคีอาจตกลงกับสมาชกิ ใหม่ ภาคผนวก 1 ตารางข้อผูกพนั ทางภาษี ภาพรวม ภาคีตกลงร่วมกันที่จะใช้พิกัดศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์ท่ีได้มีการปรับแก้ไขในวันท่ี ๑ มกราคม ๒๕๕๕ และใช้อัตราภาษีท่ีเรียกเก็บจริงท่ีมีผลใช้บังคับ ณ วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๗ เป็นอัตราฐาน สาหรบั การลดหรือยกเลิกภาษี 1.1 ข้อผูกพันการเปดิ ตลาดสินค้าของไทย ไทยได้ผูกพันการเปิดตลาดสินค้าให้แต่ละภาคีแตกต่างกัน โดยไทยเปิดตลาดท่ีดีท่ีสุดให้กับ อาเซียน ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ มีสัดส่วนการยกเลิกภาษีอยู่ที่ร้อยละ ๙๑.๓ ของจานวนรายการสินค้า ท้ังหมด (9,558 รายการ) และร้อยละ ๘๙.๑ ของมูลค่าการนาเข้าจาก RCEP ในขณะท่ีไทยยื่นข้อเสนอการเปิด ตลาดให้เกาหลี ญ่ีปุ่นและจีน ในสัดส่วนที่น้อยกว่าและแตกต่างกัน โดยไทยมีสินค้าท่ีนามายกเลิกภาษีให้กับ (๑) เกาหลี คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๙๐.๓ ของจานวนรายการสินค้าทั้งหมด และร้อยละ ๘๖.๔ ของมูลค่าการนาเข้า จาก RCEP (๒) ญี่ปุ่น ร้อยละ ๘๘.๕ ของจานวนรายการสินค้าท้ังหมด และร้อยละ ๘๗.๓ ของมูลค่าการนาเข้าจาก RCEP และ (๓) จีน ร้อยละ ๘๕.๒ ของจานวนรายการสินค้าท้ังหมด และร้อยละ ๘๑.๓ ของมูลค่าการนาเข้าจาก RCEP เพอื่ รักษาสมดลุ ของการเปดิ ตลาดกบั ภาคีเหลา่ น้ี ข้อผูกพันทางภาษขี องไทยภายใตค้ วามตกลง RCEP สามารถแบง่ ออกเป็น ๓ กลมุ่ ดังน้ี (๑) สินค้าท่ีนามายกเลิกภาษี ประกอบด้วยสินค้าที่ไทยผูกพันที่จะลดภาษีเป็นศูนย์ทันทีที่ความ ตกลงมผี ลใช้บังคับ ภายใน ๑๐ ปี ภายใน ๑๕ ปี และภายใน ๒๐ ปี นอกจากน้ี มีรายการสินค้าชิ้นส่วนยานยนต์ บางส่วนท่ีไทยได้กาหนดเงื่อนไขการนาเข้า Original Equipment Manufacturing (OEM) ว่า จะต้องนาเข้าโดย ผู้ผลิตยานยนต์หรือช้ินส่วนยานยนต์เพ่ือนามาใช้ในการผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์เท่าน้ัน ถึงจะสามารถ ได้รบั สิทธปิ ระโยชน์ทางภาษีท่ีระบุไว้ในตารางขอ้ ผูกพนั ทางภาษี (๒) สินค้าอ่อนไหว ไทยจะลดภาษีลงร้อยละ ๑๐ และ ๑๕ ภายใน ๒๐ ปี โดยเร่ิมทยอยลดภาษี ในปที ี่ ๑๑ และอตั ราภาษีสดุ ทา้ ยจะไม่ตา่ กวา่ ร้อยละ ๕ (เหลือร้อยละ ๕ – ๒๗) (๓) สนิ ค้าอ่อนไหวสูง ไทยจะคงอตั ราภาษไี ว้เทา่ กับอัตราภาษฐี านการเจรจา
- 29 - ตารางท่ี ๑ : สดั สว่ นการเปดิ ตลาดของไทยให้แต่ละภาคี RCEP หนว่ ยมลู ค่า: ล้านเหรยี ญสหรฐั สนิ คา้ ท่นี ามายกเลิกภาษี สนิ คา้ ที่นามาลดภาษี สินค้าที่ไมผ่ กู พนั ภาษี ภาคี ร้อยละของ มลู ค่าการ ร้อยละของ ร้อยละของ มลู คา่ การ ร้อยละของ รอ้ ยละของ มูลคา่ การ ร้อยละของ RCEP จานวน นาเข้าจาก มูลค่าการ จานวน นาเขา้ จาก มูลค่าการ จานวน นาเข้าจาก มูลค่าการ สนิ ค้า นาเข้าจาก สินคา้ นาเขา้ จาก สินคา้ นาเขา้ จาก ทั้งหมด RCEP ทั้งหมด RCEP ท้ังหมด RCEP RCEP RCEP RCEP อาเซียน/ 127,266 ๔.๑ 2,469 ออสเตรเลีย/ 91.3 123,495 ๘๙.๑ ๔.๑ 13,134 ๙.๒ ๔.๖ 6,240 ๑.๗ นวิ ซแี ลนด์ 124,667 ๘๖.๔ ๔.๑ 5,068 ๔.๔ เกาหลี 90.3 116,160 ๘๗.๓ ๔.๑ 13,134 ๙.๒ ๕.๖ 13,575 ๓.๕ ญี่ป่นุ 88.5 ๘๑.๓ 13,134 ๙.๒ ๗.๔ ๙.๕ จีน 85.2 13,134 ๙.๒ ๑๐.๗ ตารางท่ี ๒ : รปู แบบข้อผกู พันทางภาษขี องไทย หน่วย : รอ้ ยละของรายการสินคา้ ท้ังหมด ภาคี RCEP ทนั ที สนิ ค้าทนี่ ามายกเลิกภาษี สนิ คา้ ทีน่ ามาลดภาษี สนิ คา้ ที่ไม่ ภายใน ภายใน ภายใน ๑๐ ปี ๑๕ ปี ๒๐ ปี รวม ออ่ นไหว ออ่ นไหวสงู รวม ผกู พันภาษี อาเซยี น/ ออสเตรเลีย/ ๖๖.๓ 13.4 8.9 2.6 91.3 ๑.๕ ๒.๖ ๔.๑ ๔.๖ นวิ ซแี ลนด์ เกาหลี ๖๖.๓ 13.3 8.6 2.1 90.3 ๑.๕ ๒.๖ ๔.๑ ๕.๖ ญป่ี ่นุ ๖๖.๓ 11.3 8.4 2.4 88.5 ๑.๕ ๒.๖ ๔.๑ ๗.๔ จีน ๖๖.๓ 11.4 6.2 1.3 85.2 ๑.๕ ๒.๖ ๔.๑ ๑๐.๗ หมายเหตุ ไทยเปดิ ตลาดสนิ ค้าชนิ้ สว่ นยานยนตภ์ ายใตเ้ งื่อนไขการนาเข้ามาเพ่ือผลติ ยานยนต์หรอื ชิ้นสว่ นยานยนต์ (OEM) โดยลดภาษีเป็นศูนย์ภายใน ๑๐ หรอื ๑๕ ปี จานวน ๑๒๕ รายการให้กบั อาเซียน ออสเตรเลยี นิวซีแลนด์ และเกาหลี จานวน ๑๘ รายการใหก้ ับจนี และ ๑ รายการใหก้ ับญ่ปี ุ่น ไทยได้นาสินค้ามายกเลิกภาษีซ่ึงเป็นการเปิดตลาดเพิ่มเติมจากความตกลงการค้าเสรี (FTA) ท่ีอาเซียนและไทยมีกับภาคี RCEP บางประเทศ ได้แก่ เกาหลี (ร้อยละ ๔.๘ ของจานวนรายการสินค้าทั้งหมด และร้อยละ ๓.๘ ของมูลคา่ การนาเขา้ จาก RCEP) จนี (ร้อยละ ๐.๖ ของจานวนรายการสินค้าทั้งหมด และร้อยละ ๑.๘ ของมูลคา่ การนาเขา้ จาก RCEP) และญปี่ นุ่ (ร้อยละ ๐.๑ ของจานวนรายการสินค้าทั้งหมด และร้อยละ ๐.๘ ของมูลค่าการนาเข้าจาก RCEP) ในขณะท่ีไทยยกเลิกภาษีภายใต้ RCEP ให้กับอาเซียน ออสเตรเลียและ นิวซแี ลนด์ น้อยกว่าท่ไี ทยยกเลิกภาษีให้กบั ภาคเี หลา่ นภ้ี ายใต้ความตกลงการคา้ เสรีท่ีมอี ยู่ เพื่อตอบสนองการเปิดตลาดของประเทศคู่เจรจาอาเซียน ไทยได้เปิดตลาดสินค้าเพิ่มเติมจากความ ตกลงการค้าเสรีที่มีอยู่ ยกตัวอย่างเช่น (๑) เกาหลี 456 รายการ เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ ปลาสด/แช่เย็น/แช่แข็ง ชนิ้ สว่ นอุปกรณไ์ ฟฟ้า ผลติ ภัณฑท์ ีท่ าดว้ ยเหล็ก รถบรรทกุ ส่ิงทอและเคร่ืองแต่งกาย (๒) ญ่ีปุ่น 10 รายการ ซ่ึงเป็น สินค้าชิ้นส่วนยานยนต์เพ่ือนามาใช้ในการผลิตของอุตสาหกรรมยานยนต์ เช่น เพลาส่งกาลัง ส่วนประกอบ เครอื่ งยนต์ และ (๓) จีน 59 รายการ เช่น เมลด็ พืช หนิ ทรายและหินอ่ืน ๆ ใช้ในการก่อสร้าง กระดาษหนังสือพิมพ์ ท่อนเหล็ก ท่อนทองแดง ช้ินส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า ท้ังนี้ สินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าวัตถุดิบหรือช้ินส่วนท่ีไทยต้องการ นามาใช้ในการผลิตสินคา้ ภายในประเทศ รวมทัง้ มรี ะยะเวลายกเลิกภาษภี ายใน ๑๐ ปี และภายใน ๑๕ ปี
- 30 - ตารางที่ ๓ : สัดสว่ นการเปดิ ตลาดเพิม่ เตมิ จากความตกลงการคา้ เสรที ่ีไทยมีอย่กู ับภาคี RCEP หนว่ ยมูลค่า: ลา้ นเหรยี ญสหรัฐ การเปิดตลาดเพ่มิ เตมิ จากความตกลงการค้าเสรที ม่ี ีอยู่ ภาคี จานวน ร้อยละของ มลู คา่ การ รอ้ ยละของมลู ค่า ตัวอยา่ งสนิ คา้ ที่ไทยเปิดตลาดเพิ่มเตมิ จากความตกลงการคา้ RCEP รายการ จานวนสินค้า นาเขา้ จาก การนาเขา้ จาก เสรีท่ีไทยมีอยกู่ บั ภาคี RCEP อาเซยี น/ สนิ คา้ ทงั้ หมด RCEP RCEP ออสเตรเลีย ไมม่ ีการเปิดตลาดเพิม่ เติม /นิวซีแลนด์ เครอื่ งยนตแ์ ละส่วนประกอบ สินค้าประมง ชน้ิ ส่วนอปุ กรณไ์ ฟฟ้า เคร่อื งเพชรพลอยเทยี ม ยางนอกชนิดอัดลมทห่ี ลอ่ ดอกใหม่หรือที่ เกาหลี ๔๕๖ 4.8 ๕,461 ๓.๘ ใช้แลว้ รถบรรทกุ ผลิตภัณฑ์ที่ทาด้วยเหล็ก เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้า (เช่น ตูแ้ ช่เย็น พดั ลมอ่ืนๆ) สง่ิ ทอและเครอื่ งแต่งกาย เมล็ดพืช หินทรายและหินอ่ืน ๆ ที่ใช้ในการก่อสร้าง กระดาษ จีน ๕๙ 0.6 ๒,๕๖๖ ๑.๘ หนังสอื พิมพ์ หนงั สือ เครื่องเพชรพลอยเทียม ท่อนเหล็ก แคโทด ท่อนทองแดง เครือ่ งสบู นา้ ช้ินส่วนอปุ กรณ์ไฟฟ้า ญีป่ ุ่น ๑๐ 0.1 ๑,๐๙๘ ๐.๘ เพลาส่งกาลัง สว่ นประกอบเคร่อื งยนต์ (หัวฉดี ) 1.2 ข้อผกู พนั การเปิดตลาดสินคา้ ของประเทศคู่เจรจาอาเซยี นทใี่ หก้ ับอาเซียน ประเทศคู่เจรจาอาเซียนไดผ้ กู พนั การเปิดตลาดให้ประเทศสมาชิกอาเซียนเหมือนกันทุกประเทศ โดยมีสัดส่วนสินค้าท่ีนามายกเลิกภาษีอยู่ระหว่างร้อยละ ๙๐.๔ – ๙๒ ของจานวนรายการสินค้าทั้งหมด และ ร้อยละ ๙๐.๙ – ๙๕.๒ ของมลู ค่าการนาเข้าจาก RCEP แต่ละประเทศคเู่ จรจาอาเซยี นมกี ารกาหนดรูปแบบข้อผูกพนั ทางภาษีของตนสรุปดงั นี้ (๑) ออสเตรเลีย จะยกเลิกภาษีโดยลดเป็นศูนย์ทันทีท่ีความตกลงมีผลใช้บังคับ ภายใน ๑๐ ปี (ระหว่าง ๓, ๗ และ ๑๐ ปี) และภายใน ๑๕ ปี ในขณะท่ีจะลดภาษีเป็นศูนย์ภายใน ๒๐ ปีโดยเริ่มลดภาษีในปีที่ ๑๑ สาหรบั สนิ คา้ ออ่ นไหว และจะลดภาษเี หลือรอ้ ยละ ๕ ในปีที่ ๑๐ สาหรับสนิ ค้าออ่ นไหวสูง (๒) นิวซแี ลนด์ จะยกเลกิ ภาษโี ดยลดภาษีเป็นศนู ยท์ นั ทีท่ีความตกลงมีผลใชบ้ งั คับ ภายใน ๑๐ ปี และภายใน ๑๕ ปี ในขณะทีจ่ ะลดภาษลี งร้อยละ ๕๐ ในปีท่ี ๑๑ (เหลอื ร้อยละ ๒.๕ และร้อยละ ๕) สาหรับสินค้า อ่อนไหว และจะลดภาษีลงร้อยละ ๕๐ แต่อัตราภาษีสุดท้ายจะไม่ต่ากว่าร้อยละ ๕ ในปีท่ี ๑๖ (เหลือร้อยละ ๕) สาหรบั สินคา้ อ่อนไหวสูง (๓) เกาหลี จะยกเลิกภาษีโดยลดภาษีเป็นศูนย์ทันทีท่ีความตกลงมีผลใช้บังคับ ภายใน ๑๐ ปี ภายใน ๑๕ ปีและภายใน ๒๐ ปี ในขณะท่ีจะลดภาษีลงร้อยละ ๕๐ ภายใน ๒๐ ปี (เหลือร้อยละ ๑ – ๑๕ ) สาหรบั สินคา้ อ่อนไหว และสาหรับสินคา้ อ่อนไหวสงู จะลดภาษลี งร้อยละ ๒๕ ภายใน ๒๐ ปี (เหลือร้อยละ 2.3 – 33.8) หรือคงอัตราภาษฐี านการเจรจาไว้ (๔) ญ่ีปุ่น จะยกเลิกภาษีโดยลดภาษีเป็นศูนย์ทันทีท่ีความตกลงมีผลใช้บังคับ ภายใน ๑๑ ปี ภายใน ๑๖ ปีและภายใน ๒๑ ปี ในขณะท่ีจะลดภาษีตามอัตราภาษีท่ีกาหนดในตารางเหลือร้อยละ ๓.๘ – ๑๐ ทันทีท่ีความตกลงมีผลใช้บังคับหรือภายใน ๑๑ ปีสาหรับสินค้าอ่อนไหว และจะคงอัตราภาษีฐานการเจรจา สาหรับสนิ ค้าออ่ นไหวสูง (๕) จีน จะยกเลิกภาษีโดยลดภาษีเป็นศูนย์ทันทีท่ีความตกลงมีผลใช้บังคับ ภายใน ๑๐ ปี ภายใน ๑๕ ปีและภายใน ๒๐ ปี ในขณะท่ีจะลดภาษีเหลือร้อยละ ๑.๕ – ๕ สาหรับสินค้าอ่อนไหว และจะลด ภาษีเหลือร้อยละ ๕.๖ – ๔๘.๘ สาหรับสินค้าอ่อนไหวสูง โดยมีรูปแบบการลดภาษีสาหรับสินค้าอ่อนไหวและ สินค้าอ่อนไหวสูงแบ่งเป็น (๑) ลดภาษีลงเหลือร้อยละ ๕ ตั้งแต่ความตกลงมีผลใช้บังคับ (๒) ลดภาษีตามอัตรา ภาษีทกี่ าหนดไวใ้ นตารางต้งั แตค่ วามตกลงมีผลใช้บังคับ (๓) ลดภาษีลงร้อยละ ๒๕ ภายใน ๑๐ ปี (๔) ลดภาษีลง รอ้ ยละ ๔๐ ตงั้ แต่ความตกลงมีผลใชบ้ งั คบั และ (๕) ลดภาษีลงร้อยละ ๕๐ ตงั้ แต่ความตกลงมีผลใชบ้ ังคบั
- 31 - ตารางท่ี 4 : สดั ส่วนการเปิดตลาดของประเทศคู่เจรจาอาเซียนให้กบั อาเซียน (รวมถึงไทย) หน่วยมูลค่า : ลา้ นเหรียญสหรัฐ สนิ คา้ ทน่ี ามายกเลิกภาษี สินคา้ ท่นี ามาลดภาษี สนิ คา้ ทไี่ ม่ผกู พนั ภาษี ประเทศ คเู่ จรจา รอ้ ยละของ มลู คา่ การ ร้อยละของ ร้อยละของ มูลคา่ การ รอ้ ยละของ รอ้ ยละของ มูลค่าการ ร้อยละของ อาเซยี น จานวน นาเขา้ จาก มูลค่าการ จานวน นาเขา้ จาก มลู คา่ การ จานวน นาเข้าจาก มลู ค่าการ ออสเตรเลยี สินค้า นาเข้าจาก สนิ คา้ นาเข้าจาก สนิ ค้า นาเข้าจาก นิวซีแลนด์ ท้ังหมด RCEP ทั้งหมด RCEP ท้งั หมด RCEP เกาหลี RCEP RCEP RCEP จีน 92.0 116,969 7.3 9,512 0.7 444 ญีป่ นุ่ 91.8 19,822 ๙2.2 8.2 1,609 7.5 - - 0.3 90.7 208,434 ๙2.5 5.7 12,644 7.5 3.6 - 90.5 592,825 92.0 5.4 27,181 5.6 4.1 5,497 2.4 90.4 386,380 90.9 4.4 9,659 4.2 5.3 32,274 4.9 95.2 2.4 9,917 2.4 ตารางที่ ๕ : รปู แบบข้อผูกพันทางภาษขี องประเทศคู่เจรจาอาเซยี น หน่วย : รอ้ ยละของรายการสนิ คา้ ทง้ั หมด ประเทศ สนิ ค้าท่ีนามายกเลกิ ภาษี สนิ ค้าท่ีนามาลดภาษี สินคา้ ที่ คเู่ จรจาอาเซยี น ทนั ที ภายใน ๑๐ ปี ภายใน ๑๕ ปี ภายใน ๒๐ ปี รวม อ่อนไหว อ่อนไหวสูง รวม ไมผ่ ูกพันภาษี ออสเตรเลีย 75.3 14.7 1.9 - 92.0 6.3 1.1 7.3 0.7 นิวซีแลนด์ 65.4 15.9 10.5 - 91.8 4.9 3.2 8.2 - เกาหลี 64.1 16.1 9.9 0.6 90.7 1.4 4.3 5.7 3.6 จีน 67.9 12.7 3.0 6.9 90.5 3.9 1.5 5.4 4.1 ญปี่ นุ่ 75.6 5.2 9.5 0.02 90.4 0.6 3.7 4.4 5.3 หมายเหตุ ญปี่ ุ่นลดภาษีเป็นศูนย์ภายใน ๑๑ ปี ๑๖ ปี และ ๒๑ ปี สินค้าท่ีไทยได้รับประโยชน์จากการท่ีประเทศคู่เจรจาอาเซียน (AFPs) นาสินค้ามายกเลิกภาษี เพ่ิมเตมิ จากความตกลงการค้าเสรีท่ปี ระเทศ AFPs มีกับอาเซียนและไทย ได้แก่ เกาหลี (ร้อยละ ๓.๔ ของจานวน รายการสินค้าท้ังหมด และร้อยละ ๓.๒ ของมูลค่าการนาเข้าจาก RCEP) จีน (ร้อยละ ๐.๔ ของจานวนรายการ สินค้าท้ังหมด และร้อยละ ๐.๗ ของมูลค่าการนาเข้าจาก RCEP) และญี่ปุ่น (ร้อยละ ๒.๓ ของจานวนรายการ สินค้าทั้งหมด และร้อยละ ๐.๐๙ ของมูลค่าการนาเข้าจาก RCEP) ในขณะที่ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์มีสัดส่วน สินค้าท่นี ามายกเลกิ ภาษีใหก้ ับอาเซยี น้อยกวา่ ทไี่ ดเ้ ปิดตลาดใหก้ ับไทยแล้วภายใต้ FTA ที่มอี ยกู่ ับอาเซยี นและไทย สินค้าที่ไทยได้รับประโยชน์จากการเปิดตลาดเพ่ิมเติมของประเทศคู่เจรจาอาเซียนยกตัวอย่าง เช่น (๑) เกาหลี ๔๑๓ รายการ เช่น ผักผลไม้แปรรูปและไม่แปรรูป น้ามันท่ีได้จากพืช ของปรุงแต่งจากธัญพืช แป้งมันสาปะหลัง สินค้าประมง พลาสติก เคร่ืองแก้ว ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า เคมีภัณฑ์ ด้ายทาด้วยยางวัลแคไนซ์ รถจกั รยาน เคร่ืองยนตแ์ ละสว่ นประกอบ กระเบื้อง ซีเมนต์ โดยเกาหลีกาหนดยกเลิกภาษีส่วนใหญ่ภายใน ๑๕ ปี และภายใน ๑๐ ปี ทันทีท่ีความตกลงมีผลใช้บังคับและภายใน ๒๐ ปีบางส่วน (๒) ญี่ปุ่น ๒๐๗ รายการ เช่น สินค้าประมง ผลไมแ้ ละลูกนตั ปรุงแตง่ แป้งสาคู น้ามนั ถั่วเหลอื ง กาแฟค่ัว น้าผลไม้ ผักปรุงแต่ง โดยญี่ปุ่นกาหนด ยกเลกิ ภาษีส่วนใหญ่ภายใน ๑๖ ปีและภายใน ๑๑ ปีบางส่วน และ (๓) จีน ๓๓ รายการ เช่น พริกไทย สับปะรด แปรรูป น้ามะพร้าว ตัวรับสัญญาณโทรทัศน์ สไตรีน เครื่องเสียง อุปกรณ์ให้แสงสว่าง เคร่ืองยนต์ กระดาษ โดย จีนกาหนดยกเลิกภาษีส่วนใหญ่ภายใน ๒๐ ปีและ ๑๐ ปี และลดภาษีเป็นศูนย์ทันทีที่ความตกลงมีผลใช้บังคับ บางสว่ น
- 32 - ตารางที่ ๖ : สัดส่วนการเปดิ ตลาดเพ่มิ เติมจากความตกลงการค้าเสรีทป่ี ระเทศคเู่ จรจาอาเซยี นมีอยู่กับไทย หนว่ ยมลู คา่ : ลา้ นเหรียญสหรฐั ประเทศคู่ การเปดิ ตลาดเพม่ิ เตมิ จากความตกลงการคา้ เสรที ่ีมีอยู่ เจรจา จานวน รอ้ ยละของ มูลคา่ การ ร้อยละของ ตวั อยา่ งสินค้าทีป่ ระเทศคู่เจรจาอาเซียนเปดิ ตลาดเพิ่มเติมจาก อาเซียน รายการ จานวนสินค้า นาเข้าจาก มูลค่าการนาเข้า ความตกลงการคา้ เสรที ม่ี ีอย่กู ับไทย อาเซยี น/ ออสเตรเลยี สินคา้ ทัง้ หมด RCEP จาก RCEP /นวิ ซีแลนด์ เกาหลี ไมม่ ีการเปิดตลาดเพ่มิ เติม ญ่ปี นุ่ เช้ือเพลิงที่ได้จากแร่ ผักผลไม้สด/แห้ง (อาทิ มังคุด ทุเรียน) ผัก จีน ผลไม้แปรรูป (อาทิ ข้าวโพดหวาน สัปปะรด) เนยแข็ง แชมพู น้ามันท่ีได้จากพืช ของปรุงแต่งจากธัญพืชและแป้ง แป้งมัน ๔๑๓ 3.4 ๗,๒๐๑ 3.2 สาปะหลัง แป้งท้าวยายม่อม พลาสติก เคร่ืองแต่งกาย เคร่ืองแก้ว 207 2.3 ไม้ เครื่องดื่มท่ีมีและไม่มีแอลกอฮอล์ อาหารแปรรูป ช้ินส่วน 33 0.4 อุปกรณ์ไฟฟ้า สบู่ เคมีภัณฑ์ ด้ายทาด้วยยางวัลแคไนซ์ สินค้า ประมง รถจักรยาน เคร่อื งยนต์และสว่ นประกอบ กระเบอื้ ง ซีเมนต์ ผลไม้และลูกนัตปรุงแต่ง (อาทิ เชอร์รี่ ส้ม สัปปะรด เกาลัด) สินค้า ประมง แป้งจากมันฝร่ัง แป้งสาคู น้ามันถั่วเหลือง น้ามันจากเมล็ด ๓๖๒ 0.09 ดอกทานตะวนั ผักปรงุ แตง่ (อาทิ มะเขือเทศ ถั่วบีน หน่อไม้ฝรั่ง ผง กระเทียม) ผงโกโก้ กาแฟค่ัว ขนมปังกรอบ น้าส้ม น้าเกรปฟรุต น้า ผลไม้ผสม เคร่อื งดม่ื แอลกอฮอล์ พริกไทย สับปะรดแปรรูป น้ามะพร้าว แผ่นฟิล์ม แผ่นไวแสง ตัวรับ สญั ญาณโทรทศั น์ น้ามันเบาและสิ่งปรุงแต่ง สไตรีน โพลิเอทิลีน สาร ๔,๕๖๗ 0.7 ทาละลาย ฟลิ มเ์ อก็ ซเรย์ เครอ่ื งเสยี ง อปุ กรณ์ให้แสงสว่าง สายไฟที่ ใชใ้ นรถยนต์ เครือ่ งยนต์ ทป่ี รบั กระจกในรถยนต์ กระดาษ ๑.๓ ข้อผูกพนั การเปดิ ตลาดสนิ ค้าระหวา่ งประเทศอาเซียนด้วยกนั หากไม่รวมสิงคโปร์และบรไู นดารุสซาลามซ่งึ เปน็ ประเทศท่ีมกี ารคา้ เสรสี ูง รวมทั้งกมั พชู า สปป. ลาว และเมียนมาท่ีเป็นประเทศพัฒนาน้อยท่ีสุด (Least-Developed Countries: LDCs) และได้รับสิทธิการปฏิบัติ เป็นพิเศษและแตกต่าง (Special and Differential Treatment: S&D) ในการกาหนดข้อผูกพันทางภาษีของตน ประเทศอาเซียนที่เป็นคู่แข่งสาคัญของไทย ได้แก่ เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ได้ผูกพันการ เปิดตลาดให้กับอาเซียนด้วยกัน (รวมถึงไทย) โดยมีสัดส่วนการยกเลิกภาษีอยู่ท่ีร้อยละ 90 – 92 ของจานวน รายการสินคา้ ทง้ั หมด และร้อยละ 85.4 – 89.1 ของมูลคา่ การนาเขา้ จาก RCEP ประเทศสมาชิกอาเซียนมรี ปู แบบข้อผูกพันทางภาษีสรปุ ดงั นี้ (๑) สิงคโปร์ จะยกเลิกภาษีสาหรับสินคา้ ทั้งหมด โดยลดภาษที นั ทีท่ีความตกลงมีผลใชบ้ งั คบั (๒) บรไู นดารุสซาลาม จะยกเลิกภาษีโดยลดภาษีทนั ทที ่ีความตกลงมีผลใช้บังคับ ภายใน ๑๐ ปีและ ภายใน ๑๕ ปี ในขณะทีจ่ ะลดภาษีลงเหลอื ร้อยละ 0 - ๕ ภายใน ๒๐ ปีโดยเริ่มลดภาษีจากปีที่ ๑๐ สาหรับสินค้า อ่อนไหว และจะลดภาษเี หลือรอ้ ยละ ๕ ภายใน ๒๕ ปโี ดยเร่ิมลดภาษีจากปที ี่ ๑๕ สาหรบั สนิ ค้าออ่ นไหวสูง (๓) อินโดนีเซีย จะยกเลิกภาษีโดยลดภาษีทันทีที่ความตกลงมีผลใช้บังคับ ภายใน ๑๐ ปี ภายใน ๑๕ ปีและภายใน ๒๐ ปี ในขณะที่จะลดภาษีเหลือร้อยละ 2.5 – 15 ภายใน ๒๓ ปีโดยเร่ิมลดภาษีจากปีที่ ๑๐ หรอื ปีที่ ๑๑ สาหรบั สินค้าอ่อนไหว และจะคงอตั ราภาษฐี านการเจรจาสาหรับสนิ คา้ อ่อนไหวสูง (๔) ฟิลปิ ปนิ ส์ จะยกเลิกภาษีโดยลดภาษีทันทีท่ีความตกลงมีผลใช้บังคับ ภายใน ๑๕ ปี และภายใน ๒๐ ปี ในขณะที่จะลดภาษีเหลือร้อยละ 3 – 35 ภายใน ๑๕ ปี สาหรับสินค้าอ่อนไหว และจะลดภาษีเหลือร้อย ละ 15 – 30 ภายใน ๒๐ ปีสาหรบั สนิ คา้ ออ่ นไหวสงู
- 33 - (๕) เวียดนาม จะยกเลิกภาษีโดยลดภาษีทันทีท่ีความตกลงมีผลใช้บังคับ ภายใน ๑๐ ปี ภายใน ๑๕ ปแี ละภายใน ๒๐ ปี ในขณะที่จะลดภาษีลงร้อยละ ๕๐ ในปีท่ี ๒๐ ปี (เหลือร้อยละ ๗.๕ – ๒๒.๕) สาหรับสินค้า อ่อนไหว และจะลดภาษีลงร้อยละ ๒๕ ในปีที่ ๒๕ (เหลือร้อยละ ๓.๘ – ๓๓.๘) หรือคงอัตราภาษีฐานการเจรจา สาหรบั สนิ ค้าอ่อนไหวสูง รวมท้งั มีสนิ ค้าท่อี ยู่ภายใตโ้ ควตาอตั ราภาษี (Tariff Rate Quota: TRQ) (๖) มาเลเซีย จะยกเลิกภาษีโดยลดภาษีทันทีท่ีความตกลงมีผลใช้บังคับ ภายใน ๑๐ ปี ภายใน ๑๕ ปีและภายใน ๒๐ ปี ในขณะท่ีจะลดภาษีลงเหลอื รอ้ ยละ ๓ – ๑๕ ภายใน ๒๓ ปีโดยเริ่มลดภาษีในปที ่ี ๑๑ สาหรับ สินค้าอ่อนไหว และคงอัตราภาษีฐานการเจรจาสาหรับสินค้าอ่อนไหวสูง รวมทั้งมีสินค้าที่อยู่ภายใต้โควตาอัตรา ภาษี (Tariff Rate Quota: TRQ) (๗) กัมพูชา เมียนมา และ สปป. ลาว จะยกเลิกภาษีโดยลดภาษีเป็นศูนย์ทันทีท่ีความตกลงมีผลใช้ บังคับ ภายใน ๑๓ ปี ภายใน ๑๕ ปีและ ๒๐ ปี (ลาวเริ่มลดภาษีในปีที่ ๑๖) ในขณะท่ีจะคงอัตราภาษีฐานการ เจรจาสาหรบั สินค้าอ่อนไหวและสินคา้ อ่อนไหวสงู ตารางที่ ๗ : สดั ส่วนการเปดิ ตลาดของประเทศอาเซียนใหก้ ับอาเซียนดว้ ยกนั หนว่ ยมูลค่า : ล้านเหรียญสหรฐั สนิ ค้าที่นามายกเลิกภาษี สินคา้ ทน่ี ามาลดภาษี สินคา้ ท่ีไมผ่ ูกพนั ภาษี ประเทศอาเซียน ร้อยละของ มูลคา่ การ รอ้ ยละของ รอ้ ยละของ มลู คา่ การ รอ้ ยละของ ร้อยละของ มูลค่าการ ร้อยละของ จานวน นาเข้าจาก มลู คา่ การ จานวน นาเข้าจาก มลู ค่าการ จานวน นาเข้าจาก มูลคา่ การ สนิ ค้า นาเขา้ จาก สนิ ค้า นาเข้าจาก สินคา้ นาเขา้ จาก ทัง้ หมด RCEP ทัง้ หมด RCEP ทงั้ หมด RCEP RCEP RCEP RCEP สิงคโปร์ ๑๐๐ 183,461 ๑๐๐ - - - - - บรไู นดารสุ ซาลาม 92.5 2,๑๖๖ 91.0 6.5 7 0.3 1.0 207 - อินโดนเี ซยี ๙๒.๐ 108,524 ๘๗.๒ 4.6 9,792 7.9 ๓.๕ 6,156 8.7 ฟลิ ิปปนิ ส์ ๙๑.๓ 30,879 ๘๕.๖ ๖.๘ 4,337 12.0 ๑.๙ 861 ๔.๙ เวียดนาม ๙๐.๓ 75,097 ๘๕.๔ ๗.๔ 6,386 ๗.๓ 2.3 6,458 ๒.๔ มาเลเซยี ๙๐.๐ ๖๒,๙๙๘ ๘๗.๒ ๘.๘ ๘,๘๕๒ ๑๒.๓ ๑.๒ ๓๘๘ ๗.๓ กมั พชู า ๘๗.๑ ๖,๓๐๕ ๕๗.๙ ๙.๑ 591 ๕.๔ ๓.๘ 3,990 ๐.๕ เมยี นมา ๘๖.๐ ๔,๖๗๔ ๘๔.๖ ๑๒.๐ ๕๔๘ ๙.๙ ๒.๐ ๓๐๒ 36.7 สปป. ลาว ๘๖.๐ ๑,๙๖๖ ๖๒.๗ ๑๑.๙ ๑,๑๒๐ ๓๕.๗ ๒.๑ ๕๑.6 ๕.๕ หมายเหตุ มลู คา่ การนาเขา้ จาก RCEP ของมาเลเซยี เป็นมลู ค่านาเขา้ จากประเทศคู่เจรจาอาเซยี นเทา่ นน้ั ๑.๖ ตารางท่ี ๘ : รปู แบบข้อผูกพันทางภาษขี องประเทศสมาชิกอาเซียน หน่วย : รอ้ ยละของจานวนรายการสนิ คา้ ทงั้ หมด ประเทศสมาชกิ สินคา้ ที่นามายกเลกิ ภาษี สนิ ค้าอ่อนไหว/ออ่ นไหวสูง สินค้าทีไ่ ม่ผกู พัน อาเซียน ภายใน ภายใน ภายใน ทนั ที ๑๐ ปี ๑๕ ปี ๒๐ ปี รวม อ่อนไหว อ่อนไหวสงู รวม ภาษี สงิ คโปร์ ๑๐๐ บรไู นดารสุ ซาลาม 76.5 --- ๑๐๐ - -- - อินโดนเี ซีย 65.1 7.9 8.1 - 92.5 5.8 0.7 6.5 1.0 ฟลิ ปิ ปนิ ส์ 81.6 15.8 9.7 1.3 ๙๒.๐ 3.7 0.9 4.6 ๓.๕ เวยี ดนาม 65.2 - 9.3 0.5 ๙๑.๓ 3.4 3.4 ๖.๘ ๑.๙ มาเลเซยี 69.9 17.4 6.9 0.7 ๙๐.๓ 1.5 6.0 ๗.๔ 2.3 กมั พูชา 29.9 13.3 6.1 0.7 ๙๐.๐ 2.7 6.1 ๘.๘ ๑.๒ เมยี นมา 30.0 30.0 20.6 6.6 ๘๗.๑ 5.2 3.9 ๙.๑ ๓.๘ สปป. ลาว 29.9 30.0 20.0 6.0 ๘๖.๐ 8.0 4.0 ๑๒.๐ ๒.๐ 30.0 19.8 6.2 ๘๖.๐ 8.5 3.5 ๑๑.๙ ๒.๑ หมายเหตุ กัมพูชา เมียนมาและ สปป. ลาว เป็นประเทศพัฒนาน้อยที่สุดที่ได้รับความยืดหยุ่นโดยสามารถกาหนดยกเลิกภาษีภายใน ๑๓ ปใี นกลุ่มสินคา้ ทน่ี ามายกเลิกภาษี ๑๐ ปี
- 34 - ๑.๔ รายการสนิ ค้าภายใต้ข้อ ๒.๖ (อตั ราอากรแตกตา่ งกนั ) เน่ืองจากมีภาคีบางประเทศได้ผูกพันการเปิดตลาดสินค้าให้กับแต่ละภาคีแตกต่างกัน และ เพื่อป้องกันการสวมสิทธิจากการใช้ภาคีอ่ืนเป็นช่องทางในการส่งออกสินค้าท่ีภาคีผู้นาเข้ามีการเปิดตลาดให้ แตกต่างกัน จึงได้จัดทารายการสินค้า (ไม่เกิน ๑๐๐ รายการ) ท่ีภาคีผู้ส่งออกจะต้องพิสูจน์เง่ือนไขกฎเกณฑ์ถ่ิน กาเนิดสินค้าเพิ่มเติมจากท่ีกาหนดไว้ในบทกฎถ่ินกาเนิดสินค้าว่า มีสัดส่วนมูลค่าเพิ่มภายในประเทศไม่น้อยกว่า ร้อยละ ๒๐ ของมูลค่าสินค้า เพ่ือจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ภาคีผู้นาเข้ากาหนดไว้ให้กับภาคีผู้ส่งออกนั้น ทงั้ นี้ ภาคที ไี่ ด้ระบุรายการสินค้าดังกลา่ วไวใ้ นเอกสารแนบท้ายของภาคผนวก ๑ (ตารางข้อผูกพันทางภาษี) ได้แก่ ไทย เวียดนาม ฟลิ ิปปินส์ อินโดนีเซยี จีน ญ่ปี ุ่น และเกาหลี ภาคผนวก 2 ตารางขอ้ ผกู พนั เฉพาะสาหรบั บริการ 2.1 ข้อผูกพนั การเปดิ ตลาดบรกิ ารของไทย 2.1.1 ไทยไม่ได้ผูกพันเปิดตลาดบริการเกินกว่าท่ีกฎหมายของไทยกาหนด และไม่ได้ส่งผลให้ไทย ตอ้ งแก้ไขกฎหมายท่ีเกย่ี วข้อง 2.1.2 ไทยได้เสนอผูกพันในระดับท่ีสูงกว่าความตกลงระหว่างอาเซียนกับคู่เจรจา (อาเซียน+1) ท่ี ผา่ นมา ทัง้ ในจานวนสาขาที่ผูกพันและสัดส่วนการถือหุ้น โดยคงเงื่อนไขอื่นตามข้อผูกพันเปิดตลาดบริการภายใต้ กรอบความตกลงตา่ งๆ เชน่ กาหนดประเภทนิติบุคคลท่ีอนุญาตให้เข้ามาจัดต้ังในไทย เฉพาะบริษัทจากัดท่ีเข้ามา ดาเนินธุรกิจภายใต้การร่วมทุน (Joint venture) และไม่อนุญาตให้ต่างชาติถือครองท่ีดิน พร้อมทั้งระบุให้ปฏิบัติ ตามมาตรา 5 ของพระราชบญั ญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 คือ การอนุญาตให้คนต่างด้าว ประกอบธุรกิจ ให้พิจารณาโดยคานงึ ถึงผลดีและผลเสียต่อความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศ การพัฒนา เศรษฐกจิ และสงั คมของประเทศ 2.1.3 ไทยเสนอผูกพนั ตามรปู แบบการให้บรกิ าร ดังน้ี 1) การให้บรกิ ารข้ามพรมแดน (Mode 1) จานวน 56 สาขายอ่ ย 2) การบริโภคในตา่ งประเทศ (Mode 2) จานวน 97 สาขาย่อย 3) การจัดตง้ั ธรุ กจิ (Mode 3) จานวน 117 สาขาย่อย 3.1) ผู้ให้บริการของภาคีสามารถถือหุ้นในกิจการได้ร้อยละ 25 ใน 2 สาขาย่อย คือ บริการประกันชีวิต และบรกิ ารประกันวินาศภัย 3.2) ผูใ้ ห้บริการของภาคสี ามารถถือหุ้นในกิจการได้ร้อยละ 49 ใน 57 สาขาย่อย อาทิ บริการดา้ นกฎหมาย บริการด้านบัญชี การตรวจสอบบัญชีและการจัดทาบัญชี บริการด้านวิศวกรรม บริการด้าน สถาปัตยกรรม บริการท่ีเกี่ยวเนื่องกับการเกษตร บริการตัวแทนผู้เป็นนายหน้า บริการด้านการศึกษาระดับ ประถมศึกษา บริการด้านการศึกษาระดับมัธยมศึกษา บริการให้คาปรึกษาด้านประกันภัย บริการให้คาปรึกษา ทางการเงิน บริการโรงแรมและภัตตาคาร (รวมจัดเล้ียง) บริการตัวแทนท่องเท่ียวและจัดการท่องเท่ียว บริการ ดา้ นการนาเสนอศลิ ปะการแสดงและการแสดงสดอ่นื ๆ และบรกิ ารขนส่งสินคา้ ทางบก 3.3) ผู้ให้บริการของภาคีสามารถถือหุ้นในกิจการได้ร้อยละ 51 ใน 10 สาขาย่อย (1) บริการจัดเตรียมและวางแผนภาษีบุคคลให้กับพนักงานของบริษัทในกลุ่มในเครือ (2) บริการด้านสถาปัตยกรรม ผังเมืองเฉพาะบริการพัฒนาโปรแกรมเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ท่ีดิน การเลือกทาเลที่ต้ัง การควบคุมและใช้ ประโยชน์ ระบบถนนเพ่ือให้เกิดการพัฒนาเมืองอย่างเป็นระบบและสอดคล้องกัน (3) บริการสืบสวนและรักษา ความปลอดภัย:บริการติดตั้งสัญญาณเตือนภัยสาหรับโรงงานอุตสาหกรรม (4) บริการให้คาปรึกษาที่เก่ียวกับ เทคนิคและวิทยาศาสตร์: บริการให้คาปรึกษาทางวิทยาศาสตร์โดยนักคณิตศาสตร์และนักสถิติ (5) บริการ โทรศัพท์พื้นฐาน (6) บริการฉายวีดิทัศน์ในห้องฉายส่วนบุคคล (ไม่รวมการออกอากาศและโสตทัศน์) (7) บริการ รื้อถอนอาคารเฉพาะการลดระดับความสูงในบริเวณปิด (8) บริการการศึกษาระดับอุดมศึกษาอ่ืนๆ เฉพาะ หลักสูตรภาษาองั กฤษ (9) บริการกาจัดขยะ (รวมถึงการจัดการและกาจัดของเสียอันตรายและเตาเผาขยะ) และ (10) บรกิ ารด้านสุขาภบิ าล และบริการดา้ นสงิ่ แวดล้อมอ่ืน ๆ
- 35 - 3.4) ผ้ใู ห้บรกิ ารของภาคสี ามารถถือหุ้นในกิจการได้ร้อยละ 70 ใน 46 สาขาย่อย อาทิ บริการให้คาปรึกษาในการร่างเอกสารเก่ียวกับกฎหมายการค้าระหว่างประเทศ (ไม่รวมกฎหมายในประเทศ) บริการด้านพยากรณ์อากาศและอุตุนิยมวิทยา บริการให้คาปรึกษาเกี่ยวกับการติดต้ังอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ บริการประมวลผลข้อมูล (ไม่รวมการให้บริการบนเครือข่ายโทรคมนาคมสาธารณะ บริการด้านการวิจัยและ พัฒนา เฉพาะวทิ ยาศาสตรก์ ายภาพทีเ่ ป็นการให้บรกิ ารพืน้ ฐานในดา้ นวิศวกรรมและเทคโนโลยี บริการบารุงซ่อม และบารุงรกั ษาอปุ กรณ์ (ไม่รวมเรอื เครื่องบิน หรืออุปกรณ์ขนส่งอ่ืนๆ): บริการบารุงซ่อมและบารุงรักษาอุปกรณ์ โดยได้รบั คา่ ตอบแทนหรอื สัญญาจ้าง บรกิ ารให้เช่าวงจรที่เป็นเครอื ขา่ ยเฉพาะ บรกิ ารจดั การของเสียอันตรายและ กาจัดขยะ บริการด้านการแพทย์เฉพาะทางในโรงพยาบาลเอกชนบริการด้านการบันเทิง: สวนสนุก บริการ บารุงรักษาและซ่อมบารุงเรือขนาดมากกว่า 100,000 DWT บริการบารุงรักษาและซ่อมแซมอุปกรณ์การขนส่ง ทางราง และบรกิ ารเก็บสินคา้ และคลังสนิ คา้ สาหรบั สินค้าแชเ่ ยน็ และแช่แข็ง 3.5) ผู้ให้บริการของภาคีสามารถถือหุ้นในกิจการได้ร้อยละ 100 ใน 2 สาขาย่อย ได้แก่ บริการระดับอุดมศึกษา: คณะวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม (หลักสูตรภาษาอังกฤษ) และบริการ ดา้ นบรษิ ทั หลกั ทรพั ย์ 4) การใหบ้ รกิ ารโดยบคุ คลธรรมดา (Mode 4) จานวน 67 สาขายอ่ ย 5) ไทยผูกพัน Ratchet6 จานวน 10 สาขาย่อย ได้แก่ (1) บริการออกแบบอุตสาหกรรม (2) บริการด้านการวิจัยและพัฒนา เฉพาะวิทยาศาสตร์กายภาพท่ีเป็นการให้บริการพ้ืนฐานด้านวิศวกรรมและ เทคโนโลยี (3) บริการให้คาปรึกษาด้านบริหารจัดการด้าน Operation Management/ Supply Chain Management (4) บริการด้านการทดสอบและวิเคราะห์องค์ประกอบ และการทดสอบผลิตภัณฑ์ (5) บริการ เก่ียวกับการผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์ (6) บริการให้คาปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์และทางเทคนิคในส่วนที่ เกย่ี วข้องกับมาตรฐาน ISO (7) บริการซ่อมบารุงเครื่องจักรอุตสาหกรรม (ไม่รวมเครื่องจักรอุตสาหกรรมเกษตร และป่าไม้ เหมืองแร่ ประมงและการก่อสร้าง ยาสูบ การผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์) (8) บริการค้าส่งท่ีได้รับ ค่าธรรมเนียมหรือตามสัญญา เฉพาะเคมีภัณฑ์ท่ีใช้ในอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร (9) บริการตัวแทนท่องเที่ยว และจดั การทอ่ งเที่ยว และ (10) บริการซ่อมบารุงอากาศยานและส่วนประกอบสาคัญของอากาศยาน และผูกพัน MFN7 จานวน 5 สาขาย่อย ได้แก่ (1) บริการด้านการวิจัยและพัฒนาเฉพาะวิทยาศาสตร์กายภาพท่ีเป็นการ ใหบ้ รกิ ารพนื้ ฐานในด้านวศิ วกรรมและเทคโนโลยี (2) บริการให้คาปรึกษาเก่ียวกับการติดต้ังอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ (3) บริการสนับสนุนการใช้งานซอฟท์แวร์ (4) บริการประมวลผลข้อมูล (ไม่รวมการให้บริการบนเครือข่าย โทรคมนาคมสาธารณะ) และ (5) บรกิ ารระดับอุดมศึกษา: คณะวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม (หลักสูตร ภาษาอังกฤษ) 6) ในภาพรวม ข้อเสนอเปิดตลาดบริการของไทยมีระดับเทียบเท่ากับข้อผูกพันเปิดตลาด บริการชุดที่ 9 ของไทยภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน (AFAS) อย่างไรก็ตาม มีบางสาขาท่ี ไทยผกู พนั เกินกวา่ AFAS ชุดท่ี 9 โดยหน่วยงานท่เี ก่ียวข้องไดใ้ หค้ วามเหน็ รว่ มกนั แล้ว สรปุ ได้ดังน้ี 6 Ratchet คือ การให้สิทธิประโยชน์กับนักลงทุนของภาคีโดยอัตโนมัติ หากมีการปรับปรุงกฎหมายภายในให้เสรีมากย่ิงข้ึนจาก ปัจจบุ นั แต่ไม่สามารถแก้ไขกฎหมายให้เข้มงวดกว่าเดิมได้ (ดังน้ัน หากไม่มีการแก้ไขกฎหมายภายในในอนาคต จะไม่มีการเปิด เสรีเพิ่มข้ึนแต่อย่างใด) 7 MFN (Most-Favoured Nation Treatment) คือการให้สิทธิประโยชน์กับนักลงทุนของภาคีโดยอัตโนมัติ หากมีการขยายสิทธิ ประโยชนท์ ด่ี กี ว่าใหก้ ับประเทศนอกภาคใี นอนาคตและไมร่ วมการรวมกล่มุ ทางเศรษฐกิจในอาเซียน
ระดบั การเปิดตลาด - 36 - สาขาท่ีไทยผูกพันเกินกว่า สาขาบริการ (สดั ส่วนถือหุน้ ต่างชาติ) AFAS ชุดที่ 9 สาขาท่ีไทยขยายสัดส่วนผู้ถือ (1) บริการด้านการบริหารจัดการฟาร์มและบริการให้คาปรึกษา (โค/ หุ้นเกินกว่า AFAS ชุดท่ี 9 กระบอื ) (ร้อยละ 49) จากร้อยละ 49 เป็นร้อยละ 51 (2) บรกิ ารเกมสอ์ อนไลน์โดยมจี ุดประสงค์เพอ่ื การศกึ ษา (รอ้ ยละ 49) (3) บริการร้ือถอนอาคารเฉพาะการลดระดับความสูง ภายในบริเวณปิด โดยใช้หลังคาเดิมและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Demolition services) (ร้อยละ 51) (4) บริการดา้ นบันเทิง (Live Performance) (ร้อยละ 49) (5) บรกิ ารออกแบบอตุ สาหกรรม (รอ้ ยละ 49) (6) บริการด้านการวิจัยและพฒั นา เฉพาะวิทยาศาสตร์กายภาพที่เป็นการ ให้บริการพื้นฐานในด้านวศิ วกรรมและเทคโนโลยี (ร้อยละ 70) (7) การบริหารจัดการการดาเนินการและการบรหิ ารจัดการห่วงโซ่อุปทาน ยกเว้นบรกิ ารใหค้ าปรึกษา ด้านการบริหารจัดการอืน่ ๆ (ร้อยละ 49) (8) บริการตรวจวิเคราะห์องค์ประกอบและความบริสุทธิ์รวมถึงการ ทดสอบผลิตภัณฑ์เพื่อรบั ใบรับรอง (รอ้ ยละ 49) (9) บริการท่ีเกี่ยวเน่ืองกับการผลิต: ผลิตภัณฑ์โลหะพื้นฐาน เครื่องจักร และอุปกรณ์การผลติ (รอ้ ยละ 49) (10) บริการให้คาปรึกษาที่เกี่ยวกับเทคนิคและวิทยาศาสตร์: บริการให้ คาปรึกษาทางเทคนิคที่เกี่ยวกับมาตรฐานรับรองไอเอสโอ (ร้อยละ 49) (11) บริการซ่อมบารุงรักษาและซ่อมแซมเคร่ืองจักรเชิงพาณิชย์และ อุตสาหกรรม (ไมร่ วมเคร่อื งจักรอุตสาหกรรมทางการเกษตรและป่าไม้ เคร่ืองจักรสาหรับการทาเหมืองแร่ การประมงและการก่อสร้าง เคร่ืองจักรสาหรับการผลิตยาสูบ การผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ รถแทรกเตอร์ สาหรบั การทาสวนและเครื่องตัดหญ้า) (รอ้ ยละ 49) (12) บริการค้าส่งที่ได้รับค่าธรรมเนียมหรือตามสัญญา เฉพาะสารเคมีและ ยาท่ีใชใ้ นอุตสาหกรรมการผลติ อาหาร (ร้อยละ 49) (1) บริการโทรศัพท์พื้นฐาน (2) บริการด้านการศึกษาระดับอุดมศึกษาอ่ืนๆ เฉพาะหลักสูตร ภาษาองั กฤษ (3) บริการระบบบาบัดนา้ เสยี (4) การบริการให้คาปรึกษาด้านสง่ิ แวดล้อม (5) การลดมลภาวะทางเสียง (6) บริการปกปอ้ งธรรมชาตแิ ละภมู ิทัศน์ (7) การปกป้องส่งิ แวดล้อม (8) บริการบารุงรักษาและซ่อมแซมอากาศยานในสาขาบริการซ่อมบารุง หน่วยซ่อมประเภทท่ี 2 สาหรับบารุงรักษาส่วนประกอบสาคัญ และ หน่วยซ่อมประเภทท่ี 3 สาหรับการบารุงรักษาบริภัณฑ์และช้ินส่วน ของอากาศยาน
ระดบั การเปิดตลาด - 37 - สาขาท่ีไทยขยายสัดส่วนผู้ถือ สาขาบริการ (สดั สว่ นถอื หนุ้ ต่างชาติ) หุ้นเกินกว่า AFAS ชุดที่ 9 จากร้อยละ 49 เป็นร้อยละ (1) บริการใหค้ าปรึกษาเก่ยี วกบั การตดิ ต้ังอปุ กรณ์คอมพิวเตอร์ 70 (2) บริการสนับสนนุ การใชง้ านซอฟท์แวร์ สาขาทีไ่ ทยขยายสัดส่วนผู้ถือ (3) บริการประมวลผลข้อมูล (ไม่รวมการให้บริการบนเครือข่าย หุ้นเกินกว่า AFAS ชุดท่ี 9 จากร้อยละ 70 เป็นร้อยละ โทรคมนาคมสาธารณะ) 1008 บริการระดับอุดมศึกษา: คณะวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม (หลกั สูตรภาษาอังกฤษ) 2.2 การเปดิ ตลาดบริการของประเทศคู่เจรจาอาเซียน ประเทศคเู่ จรจาอาเซียนผูกพันเปดิ ตลาดสาขาบริการเพ่มิ เติมจากความตกลงทีอ่ าเซยี นและไทย เป็นภาคอี ยู่ ดงั นี้ ประเทศ ตัวอยา่ งสาขาบริการ จนี - บรกิ ารซอ่ มและบารงุ อปุ กรณส์ านักงานรวมถึงคอมพวิ เตอร์ - บริการเช่า/เช่าซ้ือโดยไม่มีผู้ดาเนินงาน ท่ีเกี่ยวกับเรือ อากาศยาน อุปกรณ์ขนส่งอื่นๆ เครือ่ งใชแ้ ละอปุ กรณ์อนื่ ๆ - บริการซอ่ มและบารงุ รักษาของใช้ส่วนตัว/ของใช้ภายในบา้ น/มอเตอร์ไซค/์ สโนว์โมบิล - บรกิ ารดา้ นสังคมสาหรับผูส้ ูงอายุ - บริการตรวจสอบสินค้าท่ขี นสง่ เกาหลี - บริการเชา่ /เช่าซือ้ โดยไม่มผี ู้ดาเนนิ การ - บรกิ ารด้านการรกั ษาความปลอดภยั - บรกิ ารพสั ดุ - บรกิ ารดา้ นการศกึ ษาผูใ้ หญ่ - บรกิ ารเกมส์ออนไลน์ - บริการใหเชาเรอื พรอมคนประจาเรือภายในประเทศ บรกิ ารเรอื ลากจงู ภายในประเทศ - บรกิ ารซ่อมและบารงุ รกั ษาอากาศยาน - บริการซอ่ มและบารุงรักษาราง บริการทีเ่ กย่ี วเน่อื งกับการขนส่งทางราง ญีป่ ุ่น - บริการขนสง่ ทางอากาศ อาทิ งานบรกิ ารภาคพนื้ ดนิ - การให้บริการอุตสาหรรมทางอวกาศ (ยกเว้น บริการขนส่งทางอวกาศ บริการซ่อมแซม และบารุง) ออสเตรเลีย - บริการดา้ นการวิจยั และพัฒนา - บรกิ ารทดสอบและวเิ คระหท์ างเทคนิค บรกิ ารซอ่ มและบารงุ รักษาอุปกรณ์ บริการบรรจภุ ณั ฑ์ - บริการไปรษณยี ์ - บริการดา้ นการศึกษาผู้ใหญ่ - บริการโรงพยาบาล - บรกิ ารมคั คุเทศก์ - บริการด้านบันเทงิ 8 ภายใต้ AFAS ชดุ ที่ 9 ไทยผูกพนั บริการศกึ ษาระดบั อดุ มศึกษา: คณะวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ประเทศ - 38 - นวิ ซแี ลนด์ ตัวอยา่ งสาขาบริการ - บรหิ ารจัดหาและสรรหาบคุ ลากร - บรกิ ารเสรมิ ของการขนส่งทางอากาศ อาทิ บริการซ่อมและบารุงรักษาอากาศยาน บริการ คลังสินค้า บริการสัมภาระ บริการบริหารจัดการสนามบิน บริการตัวแทนจัดเก็บสินค้า บริการลานจอดในอากาศยาน และบริการสนับสนุนอืน่ ๆ เพ่ือการขนสง่ ทางอากาศ (ยกเว้นที่ เก่ียวกับการป้องกันและการดบั เพลิง) ภาคผนวก 3 ตารางข้อสงวนและมาตรการทีไ่ มส่ อดคล้องกับพันธกรณีสาหรบั บรกิ ารและการลงทุน 3.1 การเปดิ เสรีการลงทนุ ของไทย 3.1.1 ไทยเปิดเสรใี หแ้ ก่นักลงทุนของภาคีในการประกอบธุรกิจในสาขาย่อยต่าง ๆ ภายใต้ ๔ สาขาที่ ไม่ใช่บริการ (non-service sectors) ได้แก่ การเกษตร ประมง เหมืองแร่ และการผลิต โดยไม่เปิดเสรีป่าไม้ใน ความตกลงฉบบั นี้ โดยไทยไดร้ ะบใุ ห้นกั ลงทนุ ของภาคสี ามารถเข้ามาลงทนุ และถือห้นุ ได้ ดังนี้ 1) ไม่เกินร้อยละ 49 – สาขาการเกษตร 2 สาขาย่อย (การเพาะพันธุ์เมล็ดหัวหอมใหญ่ และ การเล้ียงโค กระบือ ม้า แพะ แกะ) สาขาเหมืองแร่ 2 สาขาย่อย (การทาเหมืองหินอ่อนและการผลิตน้ามันและ กา๊ ซ โดยตอ้ งได้รับสัมปทานจากรัฐบาล) 2) ไม่เกินร้อยละ 51 - สาขาประมง 2 สาขาย่อย (การเพาะเลี้ยงปลาทูน่าในกระชังน้าลึก และกุ้งมังกร 6 สายพันธ์ุ) 3) ร้อยละ 100 – สาขาการผลิต 23 สาขาย่อย ได้แก่ การผลิตรถยนต์ สิ่งทอ (ยกเว้นผ้า ไหม) ผลติ ภณั ฑพ์ ลาสตกิ อปุ กรณอ์ เิ ล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์สานักงาน โทรทัศน์ วิทยุและเครื่องรับ การผลิตหุ่นยนต์ สาหรับอุตสาหกรรม การผลิตอุปกรณ์เคเบ้ิลและลวดที่หุ้มฉนวน การผลิตอุปกรณ์สาหรับต่อเคร่ืองคอมพิวเตอร์ และการผลิตผลติ ภัณฑจ์ ากนม แป้งและผลิตภณั ฑ์จากแปง้ มกั กะโรนี และอาหารแปรรปู 3.1.2 ไทยได้สงวนมาตรการต่าง ๆ เพ่ือให้ไทยยังคงใช้มาตรการเหล่าน้ันได้ หรืออาจมีการปรับใน อนาคต เช่น 1) มาตรการทเ่ี ปน็ ไปเพื่อความมน่ั คงและปลอดภยั ของประเทศตามรัฐธรรมนูญ 2) มาตรการในเร่ือง การถือครองและการใช้ที่ดิน 3) มาตรการระดับท้องถ่ิน 4) มาตรการที่เก่ียวข้องกับการลงทุนในรูปแบบ หลกั ทรัพย์ (Portfolio Investment) 5) มาตรการเพื่อป้องกันความผันผวนของค่าเงิน 6) มาตรการเก่ียวข้องกับ ชนกลุ่มน้อย 7) สาขาการลงทุนใหม่ ๆ 8) มาตรการภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ในเร่ือง (1) ความมั่นคงและปลอดภัย และ (2) การขอรับใบอนุญาตหรือหนังสือรับรองและการ กาหนดเงนิ ทุนขั้นต่าในการประกอบธุรกิจ 9) การกาหนดให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีและ 10) การลงทุนในภาค บริการ นอกจากน้ี ไทยสงวนสิทธิในการปรับเพิ่ม แก้ไข มาตรการในรายการข้อสงวนด้านการลงทุนของไทยได้ใน ระยะเวลา 2 ปี นับจากวันที่ความตกลงมีผลใช้บังคับกับรายการข้อสงวนของไทย โดยมาตรการดังกล่าวเป็น มาตรการท่มี ีอย่ใู นวนั ทคี่ วามตกลงฉบบั นี้มีผลใช้บงั คบั 3.1.3 (๑) ไทยผูกพัน Ratchet โดยจะมีผลผูกพันในอีก 5 ปี หลังจากความตกลงมีผลใช้บังคับ ใน 11 สาขาย่อย อาทิ การผลิตไพ่ การผลิตบุหรี่ การเพาะพันธ์ุเมล็ดหัวหอมใหญ่ การเลี้ยงโค กระบือ ม้า แพะ แกะ ท้ังนี้ หากไม่มีการแก้ไขมาตรการดังกล่าวในอนาคต เท่ากับว่า ไทยได้ผูกพันเท่ากับมาตรการหรือกฎหมาย ปัจจุบันโดยไม่ได้มีการผูกพันเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด และ (๒) ไทยผูกพัน MFN สาหรับความตกลงท่ีไทยจัดทา ในอนาคต ใน 3 สาขา คือ การเกษตร (เฉพาะปศุสัตว์) การผลิต และเหมืองแร่ ท้ังน้ี ไทยไม่ขยายสิทธิ MFN สาหรับความตกลงทีไ่ ทยมอี ยใู่ นปัจจุบัน และความตกลงท่ีไทยจะจัดทาในอนาคตในสาขาการเกษตร (ยกเว้นสาขา ปศุสัตว์) ประมง และป่าไม้ โดยไม่รวมการให้สิทธิประโยชน์ท่ีดีกว่าทั้งในความตกลงระหว่างประเทศสมาชิก อาเซียนด้วยกัน และความตกลงในกรอบอาเซยี นท้ังที่มีอยใู่ นปัจจุบันและความตกลงในอนาคต
- 39 - 3.2 การเปดิ เสรีการลงทุนของประเทศคู่เจรจาอาเซยี นท่ีระบุในรายการข้อสงวนด้านการลงทุน ประเทศคเู่ จรจาอาเซียนมีการเปดิ เสรีการลงทุนเพิม่ เติมจากความตกลงท่ีไทยเป็นภาคีด้วยอยแู่ ลว้ ดงั นี้ ประเทศ ตัวอยา่ งข้อผูกพันด้านการลงทุน จนี - สาขาเกษตร ปา่ ไม้ และการผลติ (ยกเวน้ รถยนต์ และยา) เกาหลี - สาขาเกษตร (ยกเวน้ การปลูกขา้ ว และฟารม์ ปศุสตั ว์) ปา่ ไม้ เหมืองแร่ และการผลติ (ยกเว้น อาวธุ หนังสอื พมิ พ์ เคร่ืองดมื่ แอลกอฮอล์) ญี่ปนุ่ - สาขาเกษตร การผลติ (ยกเว้นธนบตั ร เหรยี ญกษาปณ์ ยาสบู ) ออสเตรเลยี - สาขาเกษตร ประมง ปา่ ไม้ นวิ ซแี ลนด์ - สาขาเหมอื งแร่ ปา่ ไม้ ภาคผนวก 4 ตารางข้อผูกพนั เฉพาะในการเคลอื่ นย้ายชวั่ คราวของบคุ คลธรรมดา ในการผูกพันการเคล่ือนย้ายช่ัวคราวของบุคคลธรรมดา ไทยอนุญาตเฉพาะบุคคลธรรมดา 2 ประเภท ไดแ้ ก่ 1) ผเู้ ย่ยี มเยือนทางธุรกจิ (Business Visitor) โดยอนุญาตใหเ้ ข้ามาพานักในไทยได้ไม่เกิน 90 วัน และ 2) ผู้โอนย้ายภายในบริษัท (Intra-Corporate Transferee) ในระดับผู้จัดการ ผู้บริหาร และผู้เช่ียวชาญ โดยอนญุ าตให้เข้ามาพานักในไทย คร้ังแรกไม่เกิน 1 ปี และอาจขยายเวลาได้ไม่เกิน 3 ครั้ง ครั้งละ 1 ปี สาหรับ สาขาบริการที่อนุญาตดังกล่าว อาทิ บริการให้คาปรึกษาเกี่ยวกับการติดต้ังอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ บริการข้อมูล ออนไลน์และการสืบค้นฐานข้อมูล บริการงานก่อสร้างด้านอาคาร บริการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและลดปัญหา สิ่งแวดล้อม บริการประกันชีวิต การให้เช่าทรัพย์สินแบบลิสซ่ิงทางการเงิน บริการโรงแรมท่ีพัก บริการขนส่ง ผโู้ ดยสาร บริการเก็บสนิ คา้ และคลงั สนิ ค้าสาหรับการขนส่งทางทะเล ***************************
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณชิ ย์ 563 ถนนนนทบรุ ี ตำบลบางกระสอ อำเภอเมืองนนทบุรี จงั หวดั นนทบรุ ี 11000 โทร: 02 507 7555, 02 507 7444 โทรสาร: 02 547 5612 www.dtn.go.th
Search
Read the Text Version
- 1 - 43
Pages: