Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore brunei607

brunei607

Published by กวิสรา กวิสรา, 2022-06-13 06:48:52

Description: brunei607

Search

Read the Text Version

‫الدائمون المحسنون بالهدى‬ SATRIWATRAKHANG BRUNEI Negara Brunei Darussalam 6072022

ที่ตั้ง บรู ไน เนการาบรู ไนดารุ สซาลาม (Brunei Darussalam) เป็ นประเทศที่ตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียง ใต้ ชายฝั่ งทางด้านเหนือจรดทะเลจีนใต้ พรมแดนทางบก ที่เหลือจากนั้นถูกล้อมรอบด้วยรัฐซาราวัก มาเลเซียตะวันออก

ภูมิประเทศ บรูไนประกอบด้วย 2 ส่วนที่ไม่ติดกันคือด้านตะวันตกและ ตะวันออกโดยที่ประชากรร้อยละ 97 อาศัยอยู่ในส่วนด้าน ตะวันตก และมีประชากรเพียงประมาณ 10,000 คนที่อาศัย อยู่ในด้านตะวันออก ซึ่งมีภูเขาเป็นจำนวนมาก และเป็นที่ตั้ง ของเขตเตมบูรง เมืองหลัก ๆ ของบรูไนคือเมืองหลวงบัน ดาร์เสรีเบกาวัน เมืองท่ามูอารา และเซรีอา

ประวัติศาสตร์ บรูไนเป็นที่รู้จักและมีอำนาจมากในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14 ถึงคริสต์ ศตวรรษที่ 16 โดยมีอาณาเขตครอบครองส่วนใหญ่ของเกาะ บอร์เนียวและส่วนหนึ่งของหมู่เกาะซูลู มีชื่อเสียงทางการค้า สินค้า ส่งออกที่สำคัญในสมัยนั้น ได้แก่ การบูร พริกไทย และทองคำ หลังจากนั้นบรูไนเสียดินแดนและเสื่อมอำนาจลงเนื่องจากสเปน และเนเธอร์แลนด์ได้แผ่อำนาจเข้ามา

ประวัติศาสตร์ จนถึงสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 19 ในปี พ.ศ. 2431 (ค.ศ. 1888) ด้วย ความวิตกว่าจะต้องเสียดินแดนต่อไปอีก บรูไนจึงได้ยินยอมเข้าอยู่ภาย ใต้อารักขาของอังกฤษ และต่อมาในปี พ.ศ. 2449 (ค.ศ. 1906) บรูไนได้ลงนามในสนธิสัญญายินยอมอยู่เป็นรัฐในอารักขาของอังกฤษ อย่างเต็มรูปแบบ

ในปี พ.ศ. 2472 (ค.ศ. 1929) บรูไนสำรวจพบน้ำมันและแก๊สธรรมชาติที่เมือง เซรีอา ทำให้บรูไนมีฐานะมั่งคั่งในเวลาต่อมา ในปี พ.ศ. 2505 (ค.ศ. 1962) ได้มีการเลือกตั้ง ซึ่งพรรคประชาชนบอร์เนียว (BORNEO PEOPLE’S PARTY) ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น แต่ถูกกีดกันไม่ให้ จัดตั้งรัฐบาล ต่อมาจึงได้ยึดอำนาจจากสุลต่าน แต่สุลต่านทรงได้รับความช่วย เหลือจากกองทหารกูรข่าที่กองทัพบกอังกฤษส่งมาจากสิงคโปร์ หลังจากนั้นได้ มีการประกาศภาวะฉุกเฉิน และต่ออายุทุก ๆ 2 ปี เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน หลังจากที่อยู่ภายใต้อารักขาของอังกฤษมาถึง 95 ปี บรูไนก็ได้รับเอกราชเมื่อ วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2527 (ค.ศ. 1984)

ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ โดยสมเด็จพระราชาธิบดีทรง ดำรงตำแหน่ง SULTAN (ประมุข) AND YANG DI-PERTUAN OF BRUNEI (ผู้บริหารประเทศ) ทรงดำรงตำแหน่งนายก รัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหาร สูงสุดของกองทัพบรูไน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและการค้า จึงเป็นศูนย์ รวมอำนาจการปกครองและบริหารประเทศ การเมืองการปกครอง

การเมืองการปกครอง สภานิติบัญญัติ (Legislative Council) จัดตั้งขึ้นในปี คศ.1959 เพื่อร่างรัฐธรรมนูญ และดูแลเรื่องการออกกฎหมาย โดยจะมีวาระการประชุมอย่างต่อเนื่องทุกปี และเป็น สถานที่ที่สมเด็จพระราชาธิบดีจะมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับนโยบายสำคัญต่างๆ ในปี คศ. 1992 มีพระราชดำรัสในเรื่องปรัชญาแห่งชาติคือราชาธิปไตยอิสลามมลายู ( Malay Islamic Monarchy : MIB) ซึ่งใจความสำคัญเป็นเรื่องสุลต่านกับประชาชน และศรัทธาต่อพระอัลละห์และผู้ปกครองแผ่นดิน หลังจากนั้นในปี คศ. 2014 ได้มีพระ ราชดำรัสเกี่ยวกับกฎหมายอาญาอิสลาม ซึ่งบรูไนเป็นประเทศแรกในภูมิภาคที่บังคับ ใช้กฎหมายดังกล่าว

รัฐบาลจัดตั้งขึ้นครั้งแรกในปี คศ. 1984 โดยรัฐมนตรีจะมีวาระการทำงาน 5 ปี เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในกระทรวงต่างๆ โดยสมเด็จพระราชาธิบดีจะทำหน้าที่แต่งตั้ง รัฐมนตรีโดยคัดเลือกจากความไว้วางพระราชหฤทัยและคุณสมบัติ อย่างไรก็ดี รัฐบาลบรูไนทุกสมัยมีการปรับเปลี่ยนรายชื่อคณะรัฐมนตรีก่อนครบวาระบ้างขึ้น อยู่กับผลงาน และความไว้วางใจของสมเด็จพระราชาธิบดี อาทิ ในกรณีเมื่อ เดือนกุมภาพันธ์ 2018 ได้มีการปรับรัฐมนตรีออกหลายตำแหน่งเนื่องด้วยมีผู้ร้อง เรียนเกี่ยวกับการใช้อำนาจส่วนตัวของรัฐมนตรีบางคนที่เอื้อประโยชน์ส่วนตัว และพวกพ้อง การเมืองการปกครอง

เศรษฐกิจ ประเทศบรูไนเป็นประเทศที่ร่ำรวยไปด้วยน้ำมันและก๊าซ ธรรมชาติซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำรายได้มาสู่ประเทศเป็น อันดับหนึ่ง สุลต่านบรูไนได้ทรงตั้งกระทรวงขึ้นมาใหม่คือ กระทรวงอุตสาหกรรมและทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อทำหน้าที่ ดูแลวางแผนและดำเนินงานด้านอุตสาหกรรมและการลงทุน โดยเฉพาะ

กเาสพรืา่ดอมรกสำกาาาเวยอารรนัสริไยถศนด่ึสดราปกิ่้ัก้งฐงจกษออไาาาอนรรอากุรตกอกชผกร็่สยัตฐใวลา่าาางใรนผหงมแขหลดรก้ิบราีเะตเยกรลลรยู่ใรินนาไศะัม้หเ้นยนรำ้แสีกมยเากัำัปบรว่นน็คปัฐนผับเจูญบรพ้บปรนะีูาขไยรรชลถินะโอึงามภงเงุชอเท่รงปปคยน็ะศส่นรใาดนทะังอีนปบั่เเมบาทดีทรชทัีค้ส้ิะศยอ่นเนาไวงทุคคมมถนืัิไศ่รอธ่ตนดโอ้ทย้ีอรนพ่กงมม้งง่ัช่ำองยเีงศมสพานึคาัีกันยนย่สเงษูปภแาดง็ส้มานมลาว่วษทยะนาอนีี่ัอกเทจนุองพตแิะรกืนดัพสชพหัจบไ่ัาเงฒยาดกหแหก้าสษนกรกน่นวึกีรต่า้รนงยรแปรัขมแงบลทรุี้อมตขะ่วคสี่งเสจบนำคทโึวงคลราลศัูสัขไดกญใดนยคเิ่แหลกากไา็้ย็กตพราดไึ่ั้รก่ใไรแมงแัปฐ่ษนพกไกบ่สดาภู่าขขู้่พากหต้้มลาาัาิยววรวภไรัเงาาดผอกาพบช้ึคใงลล่กิางไ้หตทวลีพดา้่ย้รฟาขรอี

อุตสาหกรรม บรูไนมีอุตสาหกรรมอื่น นอกเหนือจากอุตสาหกรรมน้ำมันอยู่บ้าง อาทิ การ ผลิตอาหาร และเครื่องมือเครื่องใช้ การผลิตเสื้อผ้า เพื่อส่งออก รัฐบาล บรูไน มุ่งที่จะพัฒนาอุตสาหกรรม ด้านการแปรรูปอาหารและผลิตเครื่องดื่ม เสื้อผ้า และสิ่งทอ เครื่องเรือนจากไม้ วัสดุก่อสร้างที่ไม่ใช่โลหะ การผลิต แก้วเพื่อใช้ทำกระจกรถยนต์ อย่างไรก็ดี บรูไนยังคงประสบกับอุปสรรค ต่าง ๆ ในการพัฒนาอุตสาหกรรม อาทิ การขาดแคลนช่างฝีมือ และตลาด ภายในประเทศที่มีขนาดเล็ก ประกอบกับบรูไนไม่มีแรงงานในประเทศ เพียงพอ และต้องอาศัยแรงงานจากต่างประเทศเป็นหลัก

แนวโน้มการพัฒนา ทางเศรษฐกิจ ปัจจุบัน บรูไนกำลังพยายามเปลี่ยนแปลง จากเศรษฐกิจที่พึ่งพาน้ำมัน เป็นหลัก ไปสู่โครงสร้างเศรษฐกิจ ที่มีความหลากหลายมากขึ้น เนื่องจาก มีการคาดการณ์ว่าปริมาณน้ำมันสำรองที่ยืนยันแล้ว ของบรูไนจะหมดลง ในราวปี พ.ศ. 2558 ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในเอเชีย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 ทำให้บรูไนเร่งปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจ และใช้ มาตรการต่าง ๆ เพื่อสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจ ได้แก่

- จัดตั้งสภาที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ นำโดยเจ้าชายโมฮาเหม็ด โบลเกียห์ -ปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ จากเดิมที่เน้นนโยบายให้สวัสดิการ มา เป็นการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ และแปรรูปรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ -ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนในต่างประเทศของ BIA โดยหันมาลงทุนใน ธุรกิจด้านใหม่ ๆ ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำ เช่น การซื้อหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี สารสนเทศและโทคมนาคม

- แผนพัฒนาแห่งชาติฉบับที่ 8 (The Eighth National Development Plan: 8th NDP) มีสาระสำคัญ ได้แก่ ตั้งเป้าอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์ มวลรวมภายในประเทศ ซึ่งคาดว่ากลยุทธ์ทางการพัฒนาใหม่นี้ จะช่วยให้ รัฐบาลสร้างสมดุลของงบประมาณได้ดีขึ้น สามารถกำหนดมาตรการในการ พัฒนา และฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

- ส่งเสริมการลงทุนกับต่างประเทศ และมีมาตรการเปิดเสรีด้านการค้า • พัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์บริการการค้าและการท่องเที่ยว และเป็นตลาดการ ขนถ่ายสินค้าที่สำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ • สร้างความ แข็งแกร่งทางการเงิน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและเอื้ออำนวยต่อโครงการพัฒนา เศรษฐกิจและสาธารณูปโภคพื้นฐาน

สังคมเเละวัฒนธรรม วัฒนธรรมประเทศบรูไนนั้นมีความสำพันธ์สนิทใกล้ชิดกับประเทศ มาเลเซียและอินโดนีเซียมาก เพราะเป็นประเทศที่ใกล้กัน และยังมี ประเพณี การแต่งกาย ภาษา และวัฒนธรรมที่คล้ายกันอย่างมาก ลักษณะด้านความเป็นอยู่และด้านสังคมด้านครอบครัวประชาชนสงบ เรียบง่าย และศาสนาอิสลามมีบทบาทอย่างมากในประเทศบรูไน

ในด้านพฤติกรรมทางสังคม การปกครองเป็นแบบระบอบ สมบูรณาญาสิทธิราชย์ และชาวศาสนาอิสลามทุกคนต้องเคร่งครัดใน ศาสนา ต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบของสังคมตามข้อบัญญัติของศาสนา มุสลิมในด้านทางกฏหมายเมื่อผู้ใดทำผิดทางด้านศาสนาระเบียบ หรือ ผู้ ใดที่ปฏิเสธขนบธรรมเนียมหรือไม่ทำตามฝ่าฝืนวัฒนธรรม รวมถึง ประเพณีก็จะถูกประณามจากสังคม

การแต่งกาย ผู้ชายจะแต่งกายด้วยเสื้อแขนยาว เสื้อจะยาวถึงเข่า นุ่งกางเกงขายาว แล้วนุ่งโสร่ง ซึ่งเรียกว่า บาจู มลายู (Baju Melayu) การแต่งกายผู้หญิงเป็นเสื้อผ้าที่คลุมร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า เป็นการ สะท้อนวัฒนธรรมและสังคมแบบอนุรักษ์นิยม ซึ่งเรียกว่าบาจูกุรุง

อาหารประจำชาติ อัมบูยัต (เป็ นอาหารยอดนิยมของบรูไนมีลักษณะเด่น อยู่ที่ตัวแป้ งจะเหนียวข้นคล้ายข้าวต้ม หรือโจ๊กโดยมีแป้ ง สาคูเป็ นส่วนผสมหลัก

สถานที่ท่องเที่ยว 1.มัสยิดทองคำ Jame Ar’Hassanil Bolkiah Mosque

2.อนุสาวรีย์น้ำมันหนึ่งล้านบาร์เรล

3.พิพิธภัณฑ์รอยัลเรกกาเลีย

4.พระราชวัง Istana Nurul Iman

5.อุทยานแห่งชาติ Temburong (Temburong National Park)

6.พิพิธภัณฑ์บรูไน กรุงบันดาร์ เสรี เบกาวัน

7.หาดตูตง

8. Yayasan Sultan Haji Hassanal Bolkiah Complex

9.การแสดงน้ำพุดนตรี ณ โรงแรมดิเอมไพร์ แอนด์ คันทรี่คลับ

10.หมู่บ้านกลางน้ำกัมปง อายเย่อร์ ประเทศบรูไน

จัดทำโดย 1.นางสาวบุญยรักษ์ศิริ ชมภู่ 24 2.นางสาวชวิศา เปรมมนัสไพศาล 29 3.นางสาวพิมพ์มาตา บุญนา 33 4.นางสาวมนัสนันท์ นันตะคำมา 34 5.นางสาวกวิสรา ศรีทนารักษ์ 36 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/7


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook