Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เทศน์แหล่อีสานนิทานธรรมบท เรื่องดินสีอรุณ

เทศน์แหล่อีสานนิทานธรรมบท เรื่องดินสีอรุณ

Description: เทศน์แหล่อีสานนิทานธรรมบท เรื่องดินสีอรุณ
ศรีเวฬุคามมุนี (อาจารย์มหาพร) ประพันธ์
พระภานุวัฒน์ อภิชฺชโว (ศรีสุระ) เรียบเรียง
กลอนเทศน์แหล่อีสาน เรื่องดินสีอรุณนี้ เป็นนิทานธรรมบทซึ่งแปลจากธรรมบทภาษาบาลี แล้วนำมาประพันธ์เป็น กลอนเทศน์แหล่อีสาน เนื้อหาของเรื่องมีความสนุกสนานเปี่ยมไปด้วยคติธรรมและข้อคิด
บรรพชิตเหมาะสำหรับการนำไปแสดงธรรมแก่ญาติโยม คฤหัสถ์เหมาะสำหรับนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี

Search

Read the Text Version

มรดกอันลำ้ คา่ ภมู ปิ ญั ญาชาวอีสาน เทศนแ์ หลอ่ สี านนทิ านธรรมบท......เรอ่ื ง หลวงพ่อมหาพร (ศรเี วฬคุ ามมุนี) ประพันธ์ พระภานวุ ฒั น์ อภิชชฺ โว (ศรสี รุ ะ) เรียบเรยี ง

ด้วยอานสิ งส์แหง่ ธรรมทานน้ี น้อมถวายเปน็ พระราชกศุ ล เน่อื งในโอกาสวันพระเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสนิ ทรมหาวชิราลงกรณ มหศิ รภมู ิพลราชวรางกูร กิตสิ ริ ิสมบูรณอดลุ ยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพติ ร พระวชริ เกล้าเจ้าอยู่หัว รชั กาลท่ี ๑๐ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕

อุทิสสนาธิษฐาน ด้วยอานิสงส์แห่งธรรมทานนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลให้แด่ครูอาจารย์ และญาตทิ ง้ั หลายท่ลี ่วงลบั ไปโดยมีรายนาม ดังตอ่ ไปน้ี ๑. บรู พาจารย์วัดเวียงเกษมทกุ ๆ ทา่ น ๒. พระครสู เุ ขตถาวรคุณ (สุนาย ถาวโร) อดีตเจา้ อาวาสวัดนาสีนวน ๓. หลวงปแู่ สวง จนฺทปญโฺ ญ ๔. พระอาจารยเ์ สียงสี อตฺตทนฺโต ๕. พระศรีสรุ ะ เจา้ เมืองเดชอุดมท่านแรก ๖. พอ่ ใหญท่ องดำ วงศห์ าเทพ ๗. แม่ใหญส่ ดี า วงศห์ าเทพ ๘. คุณปู่เตรียม ศรีสรุ ะ ๙. คุณย่ายอด ศรสี รุ ะ ๑๐. พ่อใหญ่สวสั ดิ์ วงศห์ าเทพ ๑๑. พ่อใหญส่ วาง วงศ์หาเทพ ๑๒. พอ่ ใหญเ่ สวย วงศ์หาเทพ ๑๓. แมใ่ หญ่สมหวงั สายเนตร ๑๔. นายวีระชัย วงศ์หาเทพ พร้อมด้วยอุปัชฌาย์ อาจารย์ เทวาอารักษ์ประจำวัดเวียงเกษม เทวดา ประจำตัว ญาติ มิตรสหาย เจ้ากรรมนายเวร และผู้มีอุปการคุณ ตลอดถึงสรรพ สัตว์ท้งั หลายในทกุ ๆ ภพ ขอจงมีส่วนแหง่ บญุ น้ีทว่ั กันทุก ๆ ท่านเทอญ ฯ

ก คำปรารภ กลอนเทศน์แหล่อีสาน เรื่องดินสีอรุณน้ี เป็นกลอนเทศน์ที่มีความไพเราะในด้าน ของการใช้คำประพนั ธท์ ่เี ปน็ ภาษาอสี าน มีแทรกคำศพั ทภ์ าษาบาลใี นบางตอน บ่งบอก ถงึ ภมู คิ วามรู้ด้านภาษาบาลีของผปู้ ระพันธ์ และการใชค้ ำอสี านแท้ ๆ ทำให้ผู้อ่านหรือฟัง เข้าใจง่าย มีการใช้โวหารในการประพันธ์อย่างคมคาย สละสลวย ทราบว่าเค้าเรื่องมา จากนิทานธรรมบท เรื่องนี้จึงเปี่ยมด้วยข้อคิด คติธรรม คติเตือนใจ ผู้ประพันธ์ใช้ นามปากกาว่า “ศรีเวฬุคามมุนี” ต่อมาเมื่อได้อ่านบทกลอนเนื้อเรื่องทั้งหมด จึงได้ทราบ นามผู้แต่งตามทีป่ รากฏในเน้อื เรือ่ งคอื “หลวงพอ่ มหาพร” ท่านมภี มู ิลำเนาที่อำเภอบ้าน ไผ่ จังหวัดขอนแก่น ซึ่งท่านได้เดนิ ทางไปศกึ ษาทีก่ รุงเทพมหานคร และกลอนเทศนเ์ ร่ือง ดังกล่าวนี้ท่านก็แต่งที่กรุงเทพฯนี่เอง ข้าพเจ้าได้ค้นพบกลอนเทศน์แหล่อีสานเรื่องนี้ใน เว็บไซต์บ้านมหา ดอทคอม ชื่อบัญชีผู้ใช้ของเจ้าของกระทู้ที่เผยแพร่ข้อมูลคือ “ศรีเวฬุ คามมุนี” โดยเผยแพร่ตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๕๑ เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๕๕ ข้าพเจ้าใน ขณะนั้นยังเป็นสามเณรน้อยบวชใหม่ ๆ กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ด้วยข้าพเจ้ามีความชื่นชอบในการเทศน์แหล่อีสานเป็นทุนเดิมตั้งแต่ ครั้งยังเป็นฆราวาส อยแู่ ลว้ และขณะนั้นส่ือโซเชยี ล (Social Media) กลอนเทศน์แหล่ตา่ ง ๆ ยงั ไมแ่ พร่หลาย เหมือนในปัจจุบัน ข้าพเจ้าจึงได้ลองสืบค้นกลอนเทศน์แหล่ในระบบอินเทอร์เน็ต (Internet) และก็ได้พบกลอนเทศน์แหล่อีสานเรื่องดินสีอรุณนี้ จึงได้คัดเอากลอนบาง ตอนของเรื่องที่ตนอ่านแล้วมีความชื่นชอบเป็นพิเศษ มาหัดเทศน์ตามประสาของ สามเณรนอ้ ย ผูก้ ำลังเรยี นเทศนใ์ หม่ ๆ ยงั ไมม่ คี รอู าจารย์สอนในขณะนั้น ซ่ึงกลอนเทศน์ แหลอ่ สี านเรื่องดนิ สอี รุณนี้ มีทง้ั หมด ๒๖ ตอน ช่อื ของแต่ละตอนผปู้ ระพนั ธ์ได้คัดสรรคำ ให้มีความคล้องจองกัน ทำให้ง่ายต่อการจดจำ และได้ทราบว่ากลอนเทศน์แหล่เรื่องน้ี ผู้ประพันธ์มีความตั้งใจว่าจะจัดพิมพ์เป็นรูปเล่มหนังสือ แต่ไม่ทราบวา่ ได้จัดพมิ พ์หรือไม่ อย่างไร ซึ่งข้าพเจ้าก็พยายามหาช่องทางในการติดต่อกับท่านมาหลายปี แต่ก็ไม่เป็น ผลสำเร็จ เพื่อเป็นการรักษากลอนเทศน์แหล่อีสาน เรื่องดินสีอรุณไว้ ข้าพเจ้าจึงได้ ดำเนินการรวบรวมและเรียบเรียงขึ้นมา และการดำเนินการดังกล่าวข้าพเจ้าไม่ได้มี เจตนาที่จะล่วงละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาของท่าน แต่ทำเพื่อยกย่องเชิดชู เทศน์แหลอ่ สี านนทิ านธรรมบท เร่ืองดินสอี รุณ หลวงพอ่ มหาพร (ศรีเวฬคุ ามมุนี) ประพนั ธ์

ข บูชาท่าน ในฐานะที่ท่านเป็นเสมือนหนึ่งครูอาจารย์ของข้าพเจ้า และเผยแพร่กิตติศัพท์ ของท่านในนามหนึ่งนักกวีของชาวอีสานให้ชนรุ่นหลังได้ทราบ ตามเจตนารมย์ของท่าน ดังปรากฏในคำประพนั ธ์ของเรอ่ื งตอนที่ ๒๖ (จากใจ \"ศรเี วฬุคามมุน\"ี จากดนิ สีอรุณ) ว่า “ในม้อื นน้ี ิทานธรรมสรปุ ท้อน บทเทศน์แถลงไข กายจากไปใจยังคดิ ห่วงนำศรทั ธาเจา้ มี เวลาสแิ วะเวยี นมาเข้า สนทนานำพวกหมู่ ฝากแน่เดอ้ ฝากซ่อยดผู ลงานดว้ ย ขอเชญิ ช่วย เบง่ิ แยง ฟา้ เอ้ยนอ ฟา้ หนา้ แล้ง หางแก่งใสภ่ ผู า เดือนธนั วาปลายปี บทกวีจง่ั ยอมว้ น ควร บ่ควรขอยอไว้ สำนึกลึกมโนใน คะนึงบ้านเกิดถ่ิน ฝากผลงานไว้แผ่นดนิ บัดคราวจากไป แลว้ พอได้เว้าส่กู ันฯ” หากการเรียบเรียงหนังสือเทศน์แหล่อีสานเล่มนี้มีส่วนที่บกพร่องประการใด ข้าพเจา้ ขอนอ้ มรับไว้แตเ่ พียงผูเ้ ดียว และกข็ ออภยั จากทกุ ๆ ทา่ น ถา้ หากหนังสือเล่มน้ีมี ประโยชน์ต่อท่านทั้งหลาย ขอผลานิสงส์ในครั้งนี้จงดลบันดาลให้ “ท่านเวฬุคามมุนี” หรือ “หลวงพ่อมหาพร” ผู้ประพันธ์เรื่องนี้ จงประสบซึ่งความสุข ความเจริญในธรรม มี อายุยืนยาว สุขภาพพลานามัยแขง็ แรง ประสบส่ิงที่ปรารถนาทุกประการ หากว่าทา่ นถึง แก่มรณกาล ละสังขารจากโลกนี้ไปแล้ว ด้วยผลานิสงส์นี้จงเป็นตบะ เดชะ พลวปัจจัย อำนวยผลสง่ กศุ ลให้ทา่ นสขุ เกษมศานต์สำราญจติ ในสัมปรายภพเปน็ นติ ย์ เทอญ ฯ พระภานุวฒั น์ อภิชฺชโว (ศรสี ุระ) ผเู้ รยี บเรยี ง ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๕ พระภานุวฒั น์ อภิชชฺ โว (ศรสี ุระ) เรียบเรยี ง

ค สารบัญ หน้า คำปรารภ.............................................................................................. ก สารบญั ................................................................................................. ค ลำดับตอน/ช่อื ตอน ตอนท่ี ๑ นมัสการพระรตั นตรยั ...................................................... ๑ ตอนที่ ๒ ต้ังคายออ้ ยอคณุ พอ่ แม่.................................................. ๒ ตอนที่ ๓ ฟังกระแสสาธก ยกอานสิ งสก์ ารฟงั เทศน์........................ ๓ ตอนที่ ๔ ณ กรุงสาวัตถีประเทศใหญ่, ทรงประทักษิณเย่ยี มไพร่ฟ้า, กัลยาผเู้ ลอโฉม................................................................ ๔ ตอนที่ ๕ เชยชมนารี, ฤทธีความรัก................................................ ๕ ตอนท่ี ๖ จำจาก............................................................................. ๖ ตอนท่ี ๗ จำจร............................................................................... ๘ ตอนท่ี ๘ เข้านครรบั บญั ชา............................................................. ๘ ตอนท่ี ๙ นาโคผู้ย่งิ ใหญ่.................................................................. ๑๐ ตอนท่ี ๑๐ เทยี่ วไพรสณฑ์................................................................. ๑๑ ตอนที่ ๑๑ คนจน คนจร................................................................... ๑๒ ตอนที่ ๑๒ ร้อนถงึ ภพนาค................................................................ ๑๓ ตอนท่ี ๑๓ ฝากกลอนเขิน เตินคำขาน............................................... ๑๕ ตอนท่ี ๑๔ สั่งทหารลงกลอน............................................................. ๑๗ ตอนท่ี ๑๕ ก่อนสิ้นแสงตะวัน............................................................ ๑๘ ตอนที่ ๑๖ รำพงึ รำพัน..................................................................... ๒๑ ตอนท่ี ๑๗ คำให้การจากโลกนั ต์....................................................... ๒๒ ตอนที่ ๑๘ ราชนั บบ่ รรทม................................................................. ๒๓ ตอนที่ ๑๙ คารมย์โหราจารย์............................................................ ๒๔ ตอนท่ี ๒๐ โวหารเทวี........................................................................ ๒๖ เทศน์แหลอ่ สี านนิทานธรรมบท เรอ่ื งดนิ สอี รุณ หลวงพอ่ มหาพร (ศรีเวฬุคามมนุ ี) ประพันธ์

ง สารบัญ (ตอ่ ) ลำดับตอน/ช่ือตอน หน้า ตอนท่ี ๒๑ มุนีโลกนาถ...................................................................... ๒๗ ตอนที่ ๒๒ พุทโธวาทภาษิต............................................................... ๒๘ ตอนท่ี ๒๓ รอดชีวิตเพราะธรรม........................................................ ๒๘ ตอนที่ ๒๔ คกู่ รรม คูข่ วญั ................................................................. ๓๐ ตอนท่ี ๒๕ บรบวนเทศนานยั ............................................................ ๓๑ ตอนที่ ๒๖ จากใจ \"ศรีเวฬุคามมุนี\" จากดินสีอรณุ ............................ ๓๒ แหล่งอ้างอิง......................................................................................... ๓๔ พระภานวุ ฒั น์ อภิชชฺ โว (ศรีสุระ) เรียบเรียง

๑ เทศน์แหล่อสี านนิทานธรรมบท เรื่อง ดินสีอรณุ ศรีเวฬุคามมุนี ประพนั ธ์ พระภานวุ ัฒน์ อภชิ ฺชโว (ศรีสุระ) เรียบเรียง ตอนท่ี ๑ นมสั การพระรตั นตรัย บรรยายเปน็ สำนวนอีสาน วันทาน้อม โคดมพระพ่อ ยอย่ืนไหว้ องค์ไท้ ใสเ่ ศยี ร ฯ เฮยี มนี้ เขียนแตง่ แต้ม สารส่งบชู า โภยภัยสัง อย่าบังกวมก้ัง ฯ กลอนเทศน์ บัดนี้ ข้าขอยกนอบนิ้ว อภิวันทน์ทูลเกศ ไหว้สมเด็จพุทธเจ้า องคเ์ หง้าพ่อพระครู พระโคดมผู้รู้ ผู้ต่ืน เบกิ บานใส สอนเวไนย์สัตว์สา หมปู่ ระชา ให้หนีม้ม ฉุดจากโสมมฮ้าย อบายภูมิฮ้อนเฮ่ง เล็งให้หลุดบ่อนบั้น แล้วหันเข้าสู่ นพิ พาน คณุ พระองคค์ า่ ล้าน ยากท่ีพรรณนา มีพระปัญญาคณุ เลศิ พระญาณดวง กล้า พระกูณาต่อสัตว์เช้ือ ซ่อยประชาให้หายโศก พระวิสุทธิ์เลิศล้ำ บ่มีข้องขุ่น มัว ไหว้ไปเบิ้ดตลอดทั่ว ทุกที่ภูมิสถาน ฝูงหมู่มารอย่ามาเวียน บัดเขียนกลอนไข อ้าง เฮียมผู้เขียนหวังสรรค์สร้าง บารมีครั้งใหญ่ ทางสมองให้แจ่มใส ว่าบ่อนได๋ ใหม้ ว่ นแม้ง ฟังแล้วหมอ่ นหู แนถ่ ่อน ฯ จบจากไหว้พระเจ้าแล้ว กะก้มกราบต่อพระธรรม คำสั่งสอนพระสัมมา ศาสดาไขแจ้ง แสดงความจริงแท้ ความงามความชอบ ธรรมะควรนอบน้อม เข้า มาไว้ใส่โต โอปนยิโก เพิ่นว่าไว้ ปจฺจตฺตํ เติมต่อ ขอให้คุณค่าล้ำ มากวมกั้งแก่ เฮยี ม แน่เดอ้ ฯ นอกจากนี้ ขา้ ขอวันทาน้อม สังโฆ ทลู กระหมอ่ ม หมู่พระสงฆ์ชาตเิ ชื้อหน่อ เนื้อศาสดา ผู้เพ่ินสังคายนาไว้ ฮักษาธรรมสืบต่อ บ่ให้ผิดจากเค้า พระสงฆ์เจ้า เพิ่นสืบสาน ปฏิบัติตรงทุกท่าน ปฏิบัติชอบเป็นอาจิณ สุปฏิปนฺโน ข้าขอยอมือ น้อม ขอสังฮอมแต่เพียงน้ี มวลศัตรูไพรี ให้หนีเว้นหลีกห่าง อุปสรรคทุกสิ่งอย่าง เทศนแ์ หล่อสี านนิทานธรรมบท เร่อื งดนิ สีอรณุ หลวงพ่อมหาพร (ศรเี วฬุคามมุน)ี ประพันธ์

๒ อย่าได้มากางกั้น บัดฉันนี้ว่ากลอน จตุพรชัยแก้ว อายุ วรรณโณแวว พลังมั่น สุข ยงิ่ สมองไหลปานตมู กลง้ิ อยา่ ติดค้างหว่างคำ นั้นล่ะนา.....พระคุณเอย้ .....นอ ฯ ตอนท่ี ๒ ตั้งคายออ้ ยอคุณพอ่ แม่ บัดนี้ แนวที่ขาดบ่ได้ คือไหว้พ่อยอครู ผู้เพิ่นเคยสิทธิ์สอน ศาสตร์ศิลป์ให้ เรียนรู้ คุณครูบาอาจารยอ์ ้อ คายมงคลคาถาป่อง อปุ ชั ฌาย์กะผ่องน้ัน ข้าขอน้อม ยื่นถวาย ว่าวันทามิข้าไหว้ ยอยื่นมาลา ก่อนแหล้ว ใจแทนมาลัยงาม ต่อตาม เทียนไต้ สิบนิ้วยอมือไหว้ ครูบาสอนสั่ง เฮียมมาน้อมนำจิตต่อตั้ง ขมาก้มกราบ กราน ท่านเอ้ย อันว่าผิดใหญ่น้อย ศิษย์ลื่นขืนทำ.....ไปแล้ว ขอคืนกรรมอโหสิ อย่ามีเวรม้าง สาธุเด้อ.....ในมื้อน้ี ว่าบ่อนได๋อย่าติดค้าง ในระหว่างคำกลอน เทศน์สั่งสอนประชาชน ให้ม่วนยินดีด้วย บุญที่ถวยวอนไหว้ คุณอาจารย์ให้ยู้ส่ง .....แนเ่ ด้อ ลงสระลึกลำ้ อกั ษรถ้วนใหร้ ับกัน อีกจงั หวะหมนู่ ัน้ โทเอกฉันทลักษณ์ วรรคเว้นตอนบอ่ นสำคัญ อย่าสมิ ผี ิดเพย้ี น เขียนปากกาไหลลน่ื วนั คืนผญาคล่อง ออ้ มงคลลินทอง ท้งั ออ้ ปอ่ งเทพฟา้ อาจารยข์ ้าให้ซ่อยชู.....แนเ่ ดอ้ ฯ ฟังสาก่อนผู้ฮู้ นักปราชญ์บัณฑิต อย่าสิคิดว่าตัวฉัน บ่เร่งกลอนทอนเรื่อง ก่อนสิย่าวทางเสียง หรือสิลงวาทแหล่ กระแสธรรมอันลึกซึ้ง ขอตั้งจิตระลึกถึง คุณพ่อแม่ผู้เพิ่นเลี้ยง ทั้งให้เกิดมา คุณพ่อแม่หนักกว่าฟ้า กว้างท่อธรณี ลูกขอ อัญชลีลง กราบพระคุณผู้บุญล้น ทั้งสองคนพ่อแม่เจ้า ขอเชิญมานั่งเนา สถิตม่ัน เป็นม่านแผ่น มวลหมู่มารในดวงแดน อย่าได้ลุล่วงล้ำ ยามข้านี้ว่ากลอน ว่ามา เด้อ.....คุณมารดรขอเชิญมาเป็นฉัตรกั้ง คุณบิดรเชิญมาเป็นเวียงวัง กวมกั้งฉัตร อีกช้ันหนึ่ง ส่วนลูกน้อยผู้กำลังระลึกถึง สิขอเซาอยู่ซ้น ฉัตรกั้งอันอุ่นคิง สาธุ เด้อ.....คณุ พ่อแมอ่ ย่าอยู่นิง่ ให้ฟ้าวอ่วยคืนกลับ มาสนับสนุนเฮยี ม บัดฮ่ายามหิว ล้า มาเป็นนาวากว้าง บัดลูกออกทะเลหลวง ล่วงเข้าประเทศต่าง มาเป็นนกบิน นำทาง ยามลูกหลงป่องท้าง มาเป็นช้างให้เพิ่นแยง ในมื้อนี้เขียนบ่อนได๋อย่าได้ แล้ง อดอยากวาทะ อักขระให้ค่องกัน เปรียบดังเพลงสวรรค์ฟ้า ขอบุญญาลูก พระภานุวัฒน์ อภิชฺชโว (ศรีสรุ ะ) เรียบเรยี ง

๓ วอนเว้า คุณพ่อแม่จงเนา สถิตมั่นวิมานมิ่ง ชาติหน้ามีจริง ๆ ลูกกับพ่อแม่พร้อม ได้เห็นหนา้ กล่อมกนั นนั้ ละ่ นา.....พอ่ แมเ่ อ้ย.....นอ ฯ ตอนท่ี ๓ ฟงั กระแสสาธก ยกอานิสงสก์ ารฟังเทศน์ เสร็จจากคารวะไหว้ สามหน่วยพระจอมไตร หันมาจากับคุณยาย ผู้สดับ ในวันน้ี สุขสวัสดีพร้อม เจริญพรก่อนสิกล่าว ทั้งแม่ออกเฒ่าแม่ออกสาว พ่อกระ โยมกะผ่องนั้น ฟังฉันเว้าเล่าคดี มาพบกันมื้อนี้ มงคลฤกษ์มหาชัย ไผกะโมทนา บุญ ฮ่วมงานบานแม้ง เจ้าหัวหลานผู้รับบทมาแสดง นำนิทานมาไขข้อ ขอยอมือ ชูเกียรติท่าน สมแล้วน้อ สมแต่งบุญกุศลทาน จัดงานกันล่วงหน้า เพรียงพร้อมคู่ สู่คน เร่มิ แรกต้น กะสร้างก่อทำทาน จัดอาหารนมเนย ยกถวายพระคุณเจ้า แล้ว กะเอาใจตง้ั สมาทานเว้นบาป ศีลหา้ โตบห่ ล่ืนข้อ คำเวา้ เพน่ิ สัง่ สอน เสร็จจากน้ัน รวบท้อน สรปุ บุญหนุนเข้าใส่ มีจติ ใจเล่อื มใส นมิ นตพ์ ระมาเทศน์เร่อื ง เผดยี งเว้า เล่าความ สาธเุ ด้อ.....เดชบุญน้ี ขอใหไ้ ปเกดิ ร่วม สมยั ทา่ นพระศรีอาริย์ เนาวิมาน แดนสรวงเทพสวรรค์เมอื งฟ้า บุญผลาที่เคยสรา้ ง เป็นเสบียงนำทาง บัดยามย้าย จากถิ่น ทง้ั ผลทานผลศีล ใหพ้ ากนั สร้างไว้ พอไดใ้ ช้บัดฮ่าซวย ฯ แล้วบัดนี้ เว้าไปหลายมันสิส่วย ควายเขาเลแสนสิเอ้กะบ่ค่อง เตินหมู่พวก พ่นี ้อง ศรทั ธาเจา้ ให้แต่งบุญ ทางจิตใจอยา่ ว้าวุน่ ให้ตงั้ ตอ่ ธรรมรส จดจำเอาให้ ดีประโยชน์มีผลได้ พระโคดมแสดงให้ ศรัทธาไทยที่ฟังเทศน์ ได้รับเหตุห้าข้อ สมแท้แก่การ ข้อหนึ่งนั้นแนวใด๋ ๆ บ่เคยฮู้ บ่เคยฟังตั้งแต่ก่อน กะได้ฟังคำ สอนความรู้ใหม่ประกอบเพิ่ม เติมไว้ใส่สมอง ข้อที่สอง แนวที่เคยฟังแล้ว แต่ หลงหล่ายมึนงง ยอ่ มสิปลงใจชัด แจม่ ประเด็นเหน็ แจง้ ข้อท่ีสาม แสงพระธรรมสิ ไขข้อ ความสงสัยให้กระจ่าง ข้อที่สี่ ธรรมสิเป็นแนวทาง ปรับความเห็นให้ ถูกต้อง บ่ผิดหม่องหว่างแสดง ข้อที่ห้า จิตสิใสฮุ่งแจ้ง ขาวผ่องสีฮอง ๆ เฮืองๆ ปานประภัสสร แจ่มเทียมประกายฟ้า พระสัมมาตรัสไว้ ขอให้ศรัทธาไทย โยม ญาติได้สร้างก่อ ตั้งใจฟังเด้อโยมพ่อ ทั้งโยมแม่พี่น้อง ผลสิได้ห้าประการ เจ้าหัว เทศน์แหลอ่ สี านนิทานธรรมบท เร่อื งดินสอี รุณ หลวงพอ่ มหาพร (ศรีเวฬคุ ามมนุ )ี ประพันธ์

๔ หลานผู้ไขข้อ ยอคดีชี้อ่าน ขอเชิญชวนทุกท่าน เอาใจตั้งต่อนิทาน นั้นล่ะนา..... ศรทั ธาโยม.....นอ ฯ ตอนที่ ๔ ณ กรุงสาวัตถีประเทศใหญ่, ทรงประทักษิณเยีย่ มไพรฟ่ ้า, กลั ยาผเู้ ลอโฉม (ความย่อ พระเจ้าปเสนทิโกศล กษัตริย์กรุงสาวัตถี ประทับบนช้างบุณฑ- รีก์ทำประทักษณิ พระนคร ทอดพระเนตรเห็นสตรผี เู้ ลอโฉม) บัดน้ี กลา่ วถึงภธู รท้าว กษัตรยิ ์ใหญส่ าวตั ถี ปเสนทโิ กศลราชา คือพระนาม ตนเจา้ พระมเหสเี หง้า มัลลกิ าชนิ านาถ เทียมพระบาทองค์เอกฟ้า ประชาเชอ้ื ชื่น ชม มีสนมกราบก้ม เสนามาตย์มนตรี ชาวบุรีเกรงขาม กระเดื่องนามปานเสียง ฟ้า ยามว่าราชาเจ้า ทรงพลายสารประพาสป่า หมู่เสนากะห่อหุ้ม ฮักษาเจ้าด่ัง นัยน์ พงศก์ ษตั รยิ ์นีก้ ะคล้าย กับหมเู่ ทวา มบี ญุ ญาซ่อยหนนุ สว่ นบญุ ชูค้ำ ถ้าทรง ธรรมกะยอย้อง โมทนาประชาราษฎร์ ถ้าขาดธรรมกะมอดเม้ียน แผ่นดินไหม้ ดั่งอเวจ์ิ ตกยามค่ำมีนักฟ้อนย้อนเอ้ ขับกลอมเสนาะหู บ่อดสูแนวใด๋ มากมาย กองล้าน กระยาหารเสวยพร้อม ภาช์คำเดียรดาษ ทั้งข้าทาสรับใช้ คณาล้นหมื่น ประมาณ เป็นเพราะทานเคยสร้าง กุศลกรรมเคยก่อ จึงเกิดมาพบพ้อ โภคะถ้วน สู่อัน แต่ว่าชาตินี้นั้น เพิ่นสิก่อความดี สรรพ์ได๋น้อ หรือสิมีแต่ทางเสีย ให้ต่อ ติดตามเรื่อง ฟังสำเนียงสำนวนข้อ ยอคดีชี้อ่าน ขอเชิญชวนทุกทา่ นติดตามเรือ่ ง ตอ่ ไป ฯ มื้อหนึ่งพระบาทไท้ เจ้าใหญ่โกศล รับสั่งพลสารถี ให้จัดเตรียมพลายสาร ช้าง ลงจากปรางค์วังกว้าง ทรงพลายสารตัวประเสริฐ บุณฑรีก์ช้างแก้ว งาม เหลื่อมทั่วนคร แล้วกะจรไปผ้าย ประทักษิณนคเรศ ทรงสังเกตไพร่ฟ้า ประชา เชื้อเผ่านิกร คนกะออนซอนฮ้าย เฮฮนฟ้าวไปเบิ่ง ลางคนนั่งทางเทิง ลางคนเบิ่ง อยู่ใตบ้ า้ น ประนมน้ิวกราบถวาย ฯ เซาพักไว้พญาหลวงช้างใหญ่ กับทั้งพวกไพร่ฟ้า ทรงช้างห่างวัง ติดต่อตั้ง มาเวา้ เรอื่ งนางคราญ งามค่องทัง้ จบปาน เทพแถนลงมาปน้ั ในตอนนน้ั ยังมนี าง พระภานุวฒั น์ อภิชชฺ โว (ศรสี ุระ) เรียบเรียง

๕ คราญหล่า โฉมเฉลางามค่อง งามคืออินทร์แปลงไว้ ใสเกลี้ยงฮ่างคีง คิ้วคาดโค้ง ดังโด่งผมยาว พราว ๆ ใส ประกายตาบัดแลจ้อง สองแขนเบื้อง นวย นายท้ายหล่าม งาม ๆ ถัญอ่อนเนื้อ พวงแก้มแจ่มสี หญิงใด๋ ๆ ในโลกน้ี ยากที่สิ เทยี มเหมอื น คอื ดั่งเดือนเพ็ญพราว แสงดาวบ่เทยี มได้ ไผกะยนิ ดดี ว้ ย อยากดอม ดมเยาวเรศ เหตุว่าจบลื่นล้น คนย้องทั่วแดน แต่ว่านางนี้ยากแค้น แสนอด อยากแลงงาย ได้สามีผู้ดีดอม กะว่าพอไคบ้าง สองเขือพากันสร้าง โฮงฮังต้น ฮักใหม่ แม่นสิทุกข์ยากไฮ้ แต่ใจสู้บ่ละวาง นี่ละพ่อแม่เอ้ย เพิ่นว่าบุญกรรม สร้าง แต่ปางหลังครั้งก่อนเก่า ลางคนดำคือแมงเงา แต่ว่ารวยล้นฟ้า เงินใช้อั่ง นอง ลางคนคล่องคีงเกี้ยง แสนงามสุดขนาด แต่บ่มีบาทเบี้ย หาได้จ่ายกิน ในตอนนี้ โฉมถวิลนางหล่า คนงามนุชนาถ ฟังประกาศบอกเรื่อง เจ้าเมืองไท้สิ ผ่านมา จอมกษัตริย์เจ้าฟ้า เสด็จล่วงแดนดิน หูได้ยินเสียงขาน ทหารวังป่าวดัง ก้อง นางจึงยองไปผ่อเอี้ยม ผ่องย้านผิดธรรมเนียม อาญาฟ้าสิฟาดหง่อน สิบน้ิว ยอประณมกร ถวายบังคมพระบาทเจ้า มายุมั่นฮอดหมื่นปี ปรากฏตัวเพียงท่อน้ี กะฟ้าวอ่วยเข้าเคหา แนวเพิ่นเป็นพระราชา หมู่หงส์ทองคำเอ้ โตมันทองเคก้อน อยูไ่ ปกะอายเพ่ิน เกนิ กันกับดินฟา้ ชาตานี้ช่างต่างกัน นนั้ ล่ะนา.....กรรมเวรมี..... นอ ฯ ตอนที่ ๕ เชยชมนารี, ฤทธีความรัก ในตอนนั้น สายพระเนตรก่ายเกี่ยว กษัตริย์ใหญ่ได้แลเห็น เป็นที่พอ พระทัยหลาย บัดล่วงกรายมาแล้ว นางนั้นเป็นไผแหล้ว พงษ์พันธ์ผู้ได๋นอ มี คู่ครองแล้วบ่ มีผู้จองยอดหญ้า สามีซ้อนฮ่วมเขนย อยากสิเผยจาต้าน นำนง คราญสาวบ้านป่า พระทัยองค์พระราชา คือสิเภท์แตกม้าง บัดยามช้างห่างหนี โอ้ว่าจี้เอยจี้ ทูนหัวพี่จอมขวัญ อยากสิชวนนางกลับ ไปอยู่ปรางค์ดอมอ้าย ว่า แลว้ ทรงสารผ้าย ฮบี เสดจ็ เรว็ ไว นิวตั เขตสถานถน่ิ เทศนน์ ทิ านเรื่องดินสีอรุณม้ือ น้ี สิเป็นแท้จั่งได๋ บัดนี้เซาพักไว้ สาก่อนบ่อนพ้อกัน โปรดติดตามตอนสำคัญ ต่อ เทศนแ์ หลอ่ สี านนิทานธรรมบท เรอื่ งดนิ สอี รุณ หลวงพอ่ มหาพร (ศรเี วฬคุ ามมนุ ี) ประพันธ์

๖ กันเป็นเร่ือง หยดุ สำเนียงสำนวนแหล่ สิแวลงโค้งตา่ ว กล่าวไว้เพยี งยอ่ ๆ พอแลว้ สพิ ักเซา น้ันล่ะนา.....ศรัทธาโยม.....นอ ฯ บัดนี้ กล่าวถึงองค์เอกฟ้า พระยาใหญ่โกศล เสด็จถึงเวียงวัง โลดอั่งใน พระทัยกลุ้ม มรสุมรุมเร้า ความฮ้อนเฮ่งมาเผา ทวีเอ้าเข้าหลายด่าน นับมื้อทุกข์ ทรมาน แนวเห็นสาวบไ่ ดเ้ ว้า คอื กนิ ข้าวขาดปลา วา่ แลว้ บ่อยู่ช้า เอ้ินใส่ไทยขุน สู จงไปถามหา แลว้ เรง่ มาจงได้ ไผคอื กกกอเหงา้ วงศว์ านบ้านอยู่ นางมีแฟนและชู้ สูจงฮู้วา่ สอู่ ัน ไทขุนเอย้ นีล่ ะพอ่ แม่เอย้ เพ่ินวา่ ความฮักกันนี้ กะสุขดีแสนสิกล่าว บ่าวและสาวหนุ่มน้อย แพงกันไว้ดั่งตา ฮักกว่าดินกว่าฟ้า สุดสิว่าบัดสมหวัง บัด ฮักพังกะเลยเภท์ ดั่งทะเลลมคลื่น แสนสิกลืนกินได้ พ้อคนฮักยามใด๋ ใจกะช่ืน บานแบ่ง ฮักกันมาแฮง ๆ เลยคิดเห็นตั้งแต่หน้า ย้านเป็นบ้าป่วยตาย อันความ ฮักนี้กะคล้าย บุบผชาตทิ ่หี อมหวน ชวนใหเ้ ด็ดดมดอม ดอกดวงพวงพ้วั บางทีมัว คือฟ้า บัดยามฝนสิสิ้นสั่ง ยามฮักพังซังกันซ้ำ กรรมเอ้ยกะซ่างเป็น แท้น้อ ในตอนน้ี พระราชากะบเ่ ว้น ไดต้ กหวา่ งทางฮกั หลงมวั มักเมียเขา เมยี เก่าโตกะมี ซ้อน สั่งให้ขุนจรผ้าย ไปสืบสวนหลิงลาย หมายชมเจ้าผู้งามยิ่ง ขุนกะทูลความ จริง ว่านงนางมีผัวแล้ว เป็นเมียแก้วคู่ขวัญ ชายผู้เป็นผัวนั้น หากแม่นหนุ่มทุกข์ จน ทั้งสองคนฮักกนั หลาย แม่นตายแทนกะยอมได้ ไผอย่าหาญมาม้าง ความฮัก ของหนมุ่ นาง เมียแก้วผวั ม่ิง พระราชาทราบความจริง พระทยั เคอื งขุ่นไหม้ พโิ รธ ฮ้ายใส่ทัณฑ์ แล้วกะปุนแปลงปั้น สารสั่งบัญชา สูจงนำบ่าวบา มาสู่โฮงวันนี้ เฮา นี้มีวิธีให้ สิส่งมันไปตาย อยู่วังน้ำเขตด่าน จบคำสั่งบัญชาการ ทั้งทหารกะ เตรยี มพร้อม สจิ บั ท้าวบา่ วบา นั่นละนา.....ศรัทธาเอ้ย.....นอ ฯ ตอนท่ี ๖ จำจาก บดั น้ี มองเห็นฟา้ ตัง้ กอ้ น ทอ้ นหม่เู ปน็ ภผู า สกณุ าแนวนก โบกบินถลาว่อน กุดจี่ซอนไซพื้น พระภายภูมิดั้นดินออก ผักอีลอกเกิดแล้ว ผักแพวดั้วป่งใบ งาม ๆ หลายหน่อไม้ เพิ่นแกงใส่ย่านาง ขางข้าวเบือใส่จักคำ หมากพริกตำลง พระภานวุ ฒั น์ อภิชฺชโว (ศรีสุระ) เรียบเรยี ง

๗ พร้อม ดอกกะยอมบานแบ้ง สะแบงใบเขียวหม่น งามทั้งดอกและตน้ กระโดนเอ้ เด่ใบ ทุกเขตค่าย กะน่าอยู่ดูงาม เป็นลำ ๆ ต้นตาล เสียดสูงเพียงฟ้า มองแล้ว อุราชื่น กลมกลืนธรรมชาติ ฝนตกหยาดหล่นพื้น ภูมิเบื้องชุ่มเย็น อันนี้เปรียบ ดังเช่น ใจหมู่มวลมนุษย์ สุดสดใสชื่นบาน บัดเมื่อธรรมชโลมล้าง ละโมโหโทโส บา้ ง พอสิเปน็ แนวทาง สรา้ งโลกใหน้ า่ อยู่ บอกกะโยมได้รบั รู้ สาแลว้ สแิ ส่วลง ฯ ในตอนนี้ขออ่วยโค้ง มาเว้าบ่อนมูลคดี ก่อนเด้อ ตอนสามีและภรรยา สิ จากกันไปคนก้ำ จักแม่นกรรมหยังแหล้ว หัวมันแกวสิไลป่า ปลาสิลาจากน้ำ หมากขามข้อสิสั่งใบ กล่าวถึงคนผู้ทุกข์ไฮ้ ปากก่ำกินมันหมก ตกคราวเวรคราว กรรม แล้วล่ะนอตอนน้ี ผู้สามีแนมดูหน้า ทางจอมศรีภรรยา กะเฮฮ้องไห้ฮ่ำ ทหารวังเพิ่นนำ ราชโองการมาอา่ นแล้ว กะใจแป้วหม่นศรี ว่าขอให้ชายชื่อนี้ ละ จากถิ่นเคหา ฮีบเข้าเฝ้าพระราชา ก่อนสิลงทัณฑ์ท้าว ทางเมียสาว ขอให้เตรียม ตัวไว้ สวัสดีมีชัย สิมาเอิ้นอีกเท่ือ ฟังแล้วเจ็บใจเหลือ ทำผิดหยังเทือ่ น้ี จึงจำต้อง หว่างทัณฑ์ หรือว่าข้านี้นั้น มีแฟนจบเกินผู้อื่น ได้เมียงามล้นลื่น มีความผิดอยู่ ดอกว้า อาชญาเจา้ จงึ ส่งมา จากก่อนเด้อน้องหล่า ทูนหัวพีจ่ อมขวัญ หากบ่ตาย สิหวนคืน มาอยู่ดอมตนเจ้า พี่นี้เหงาพ่ีนี้เศร้า โอ้ว่าสองคนเฮา สังเภท์ม้างแตก มุ่นอยู่ดีเด้อแม่คุณ ซ่อยทำบุญบัดอ้ายม้าง กุศลสร้างแต่งตาม ให้ตักบาตร หยาดน้ำ ถวยส่งกุศลหา หากว่าพระเพิ่นกูณา สิอ่วยโงคืนบ้าน พริกสองงานพ่ี ปลูกไว้ กับทั้งหัวสิงไค อยู่โพนน้อยฮดน้ำแน่ เก็บไว้เด้อผักแค พอได้ขายแลก ข้าวเหม่า พ่อตาเบ้าบ้านป่าตอง ยามปวดหัว ให้เอิ้นใส่พี่น้อง คุ้มค่วงซ่อยหา ยา.....เด้อนางเด้อ ลุงมหาอาจันทร์ ผู้เพิ่นพออาศัยได้ พี่จำใจจำจากเจ้า บ่อยาก ไปนำเขา ขุนข้าผัดมาไล่ ทั้งสองแขนกะถืกใส่ กุญแจขันมัดแน่น แสนสิดิ้นกะบ่ วาง ทั้งหัวใจสิแตกม้าง น้ำตาหลั่งโรยริน ว่าโอ้นอ.....ผู้ครองดินบ่ทรงธรรม โลด ใส่กรรมแต่ชาวบ้าน นายทหารเพิ่นกะจับดึงท้ืน หัวคะมำทั้งยืน สะอื้นไห้ใจส่ัน โอ้ว่าแถนลงทัณฑ์ ราชภัยต้องเข้าแล้ว บ่มีแหล่วสิส่วงหาย นั้นละนา.....ศรัทธา เอ้ย.....นอ ฯ เทศนแ์ หลอ่ สี านนิทานธรรมบท เรื่องดินสีอรุณ หลวงพอ่ มหาพร (ศรเี วฬุคามมุน)ี ประพันธ์

๘ เว้าต่อ ผู้ฟังเอ้ยแต่นั้นราชาไท้ จับเอาบาบ่าว หวังฆ่าท้าว ตายเมี้ยนมิ่ง มรณ์ สาแหล้ว ฯ ตอนที่ ๗ จำจร บัดนี้ กล่าวถึงตอนนางแก้ว ฟังคำบาเอิ้นสั่ง น้ำตาพังอาบแก้ม บัดแนม หน้าเผ่าผัว โอ้ว่าพั้วเอยพั้ว ผู้พวงพุ่มหมากตูมกา สังสิหนีจากนา ไปอยู่ดอมบัว แบ้ แหพ่ีเคยสานไว้ พรอ้ มกับไซหลงั ใหม่ ๆ ไผสจิ บั มดุ น้ำ บดั ยามเจา้ ละหนี จาก กันไปในมื้อนี้ ให้ฟ้าวต่าวคืนกลับ.....เด้อพี่เด้อ เจ้าอย่าไปลาลับ ให้ข่าวคืนทาง บ้าน ยามทหารเขาจับดึงทื้นหน้า ให้ขอความกูณา อย่าถือกล้าว่าโตเด่น ฮอด หว่างทุกข์หว่างเข็ญ ให้เจ้าอดกลั้นไว้ ทั้งใจกล้าฝ่าฟัน ในตอนนี้ฉันได้จัดข้าวปั้น ขอดใส่หอ่ ใหถ้ ือไป หวิ ยามใด๋ให้เจ้ากนิ สเิ มื่อยวนิ เซลม้ ตม้ ผักหมกับปลาจ่อมนั้น น้า ฮอดบ่มีเวลา ไปจัดให้ดอกคุณพ่ี เอิ้นสั่งคำสามี ก่อนสิลาจากเจ้า ทั้งปั้นข้าว เอาใส่ถุง คิดฮอดกันให้เจ้าแนมเบิ่งรุ้ง อันใสส่องฮองสี.....เด้อพี่เด้อ ค่ำมามอง ดาวหมี หมู่ดาวพรานกล้า สองสายตาเฮาพานเกี้ยว กลมเกลียวกันอยู่ดาวไก่ ยามเจ้าย่างทางไกล อย่าได้เฮฮ่ำฮ้อง เขาสิฆ่าใส่ทัณฑ์ จบคำกลอนบ่อนบั้น ฉัน สิอ่วยลาลง ปลงคำกลอนเซาพัก ไว้แต่พอเพียงน้ี ดินสิสีหยังแหล่ว ใกล้ถึงปล่อง ถงึ แปว ติดตามบ้นั บอ่ นสกิ ล่าว เวา้ เปน็ เร่ืองเป็นราว ให้โยมฟงั อย่างแจ้ง ๆ แสดง แหลเ่ ทศนา นั้นละนา.....ศรัทธาเอย้ .....นอ ฯ ตอนท่ี ๘ เข้านครรบั บัญชา ออนซอนเด้ ออนซอนดินออนซอนหญ้า ออนซอนนาขี้กระต่าย ฝนตกลง ยามใด๋ น้ำพัดหนีจากจ้อย นาน้อยแห่งไหง่ผง ออนซอนฟ้าฮ้องโป้ง ก้ำฝ่ายทาง อุดร ยโสธร สารคาม คือสิเทลงพื้น ไผผู้บืนก้มหน้าสู้ แสนอดสูได้เพียรพ่ำ ฝน บ่ฮำดำนาหล่า ทั้งตากล้าหล่าเหลือง มองไปเห็นภาคเบื้อง นภากาศผั่นหงอย พระภานวุ ัฒน์ อภิชฺชโว (ศรีสุระ) เรียบเรยี ง

๙ เหงา ใจบ่เบาพอนิด คิดหลายสิเป็นบ้า เข้าพรรษาผ่านแล้ว ยังบ่ทันมีแวว สิตก สาดใหก้ ลา้ ปง่ มีแตฮ่ ้องโปง้ ๆ ปานใดแ๋ หล่วสิหล่ังไหล ฯ กลา่ วถึงราชาไท้ ผู้ยิ่งใหญใ่ นโลกา ทรงบัญชาให้จับเอา บ่าวบาเข้าวังกว้าง หวังสิลวงไปตายสิ้น พระภูมินทร์เพิ่นคิดอ่าน คิดอยากฮ่วมเยาวมาลย์ ภรรยา บ่าวบานั้น กระสันสู้สั่งการ คิดเอาเถิดพวกท่าน ผู้ฟังเรื่องกลอนแถลง เมียฮักไผ เขากะแพง ยาดแย่งกันสรรพ์ใด๋เด้ มันสิเภท์พังล้ม หลุบจมอย่าสร้างก่อ ย้อนว่า เปน็ เวรนอ ผดิ ทัง้ ศลี ห้าพร้อม ให้หนีเว้นหลีกไกล ตอนนั้นชายผู้ทกุ ข์ไฮ้ ไดเ้ ข้าพบ พระราชา แล้ววันทายอนบ กราบทลู บงั คมเบือ้ ง พระจอมเมืองมีประสงคห์ ยงั ข้า ตรัสสั่งจับบ่าวบา เข้ามาพี้ให้บอกแน่ ผิดอีหยังแท้ ๆ พระองค์เจ้าให้กล่าวขาน ว่าแล้วภูเบศท่าน บ่ช้าอยู่ให้เสียการ ทรงบรรหารวิธีโกง สิส่งบาไปตายเมี้ยน ว่า มึงจงเพียร ย่างไปหนองน้ำบุ้น ไปนำดินสีอรุณ อยู่วังน้ำมาส่ง กับทั้งบัวดอกโป้ง ถวายให้ส่งใส่พาน แนวสุดท้ายว่านั้น คือโกมุทอุบลเขียว ให้มึงเทียวทางเดิน ข้วมดงมาจงได้ ตะเว็นใสขอให้เดินทางดั้น กลับมาก่อนแสงตะวัน ค่ำคล้อย ต้องถึงถิ่น ถ้าตะเว็นตกดิน สิปาดคอขาดสิ้น ชีวินเจ้าต้องพ่ายพัง เฮาสิคอย อย่ยู ง้ั ภายในปรางค์เอ้ินถามข่าว สว่ นวา่ มิ่งเมียสาว มงึ อย่าหว่ งเถดิ น้า ตนข้าสิ ซ่อยแยง บาได้ฟังแล้วฮูแ้ จง้ ประสงค์สิ่งสรรพ์ใด๋ พระองค์หมายชีวติ หากบ่ทำกะ จำแล้ว เพิ่นมันแนวเทพฟ้า ทรงเปน็ องคร์ าชา เฮาเป็นข้าบ่อาจหลืน่ แสนสคิ ดิ ขดั ขืน แต่บ่มีฮอดปากเว้า ได้เหงาเศร้าเก่าศรี โอ้ว่ามี้เอยมี้ ผู้มีตุ่มแหนงหนาม ยุติธรรมอยู่ใสน้อ สิเอ่ยขออุทธรณ์เรื่อง เวียงกับวังวนน้ำ แสนไกลกันหลายล้ี เพิ่นอยากได้ดินสี กับปทุมบานแบ่ง สิหามาให้ดั่งแม้ง ประสงค์ท่านได้จั่งใด๋ ตอนนีห้ ยุดพักไว้ สากอ่ นค่อยคยุ กัน ผูป้ ระพันธ์กำลังฮอน ตดั ตอนทอนเรอ่ื ง ทาง สำเนียงสำนวนแหล่ สิแวลงโค้งต่าว กล่าวไว้เพียงท่อนี้ สิลงแหล่ก่อนละโยม..... นอ ฯ เทศน์แหล่อสี านนิทานธรรมบท เรอ่ื งดนิ สอี รุณ หลวงพ่อมหาพร (ศรีเวฬคุ ามมนุ ี) ประพันธ์

๑๐ ตอนท่ี ๙ นาโคผู้ยงิ่ ใหญ่ บัดนี้ ขอส่งเสียงประกาศก้อง ไปถึงคนทั้งผอง อย่าลืมบ้านเกิดถิ่น จาก อสี านแดนดิน หากินอยู่กรุงกว้าง เมอื งฟ้าฟากสวรรค์ คนั ไดก้ นิ พิซซ่านั้น อยา่ ลืม อ่อมแก่งผกั หวาน กินทอดมันปลากราย อย่าหน่ายหมกปลาซิวอ้าว หนาว ๆ ลม ใหค้ ิดเหน็ กองเฟอื งฮ้าง บอ่ นท่ีอ้ายกบั นาง ซ่อยกนั สร้างซุ้มอยู่ นอนคอนโดหรู ๆ อย่าลืมตูบต่อเล้า ยามกินข้าวให้คิดนำ ยามฝนตกเคยได้ลอยเล่นน้ำ ม่วน ๆ แต่ ปางหลัง ภาพเลือนลางทรงจำ อย่าลบหายให้กลับฟื้น ยามกลางคืน ไปจับกบ เขียดน้อย เหลียวเบิ่งโคมไฟลอย เลยไดล้ ้มจนเจ็บเข่า พากันก่นแมงเงา เป่าหนัง ยางเส้นนอ้ ย ตวั ขอ่ ยโพดมว่ นหลาย นัน้ ละนา.....ศรัทธาโยม.....นอ ฯ ตอนนี้ ขอเปิดตัวละครโก้ นาโคผู้งูใหญ่ ก่อนแหล้ว อาศัยอยู่ใต้พื้น วังน้ำ แม่นที ปกครองหอยจูบจี้ กุ้งเต่าปูปลาตอง ฝูงสัตว์สาในหนอง อยู่เย็นทุกวันมื้อ ไผผู้ถือหาญกล้า มากวนปลาให้น้ำขุ่น เป็นต้องสูนไล่ฆ่า ป๊าดโธ่ว้าหมู่คน จนเขา ลือจ้น ๆ ว่านาคใหญ่ฤทธีหลาย ไผผู้กรายมาหนอง ได้ขนพองหัวตั้ง ฮักษาวัง เวียงน้ำ ทั้งบัวบานก้านก่อง บัวเขียวอุ่มปทุมทอง โกมุทมวลบัวโป้ง บัวแบ้ดอก เบ่งบาน พวงพั้วเป็นช้ัน ๆ ก่ายกันแม่นบัวขาว พราว ๆ พัด โอ่นเอนบัดลมต้อง หนองน้ใี ส ๆ นำ้ งาม ๆ กำ้ ตาฝั่ง สดี นิ แดงระยบั ฟา้ อรณุ แจง้ ทศิ อุทยั มวลหม่ภู ูม เรศไล้ โลมลูบเอาเกสร ออนซอนเสยี งเส็งกนั ดั่งเพลงสวรรค์ฟ้า น่ลี ่ะหนาโบราณ เว้า ว่าเป่าแคนลายดมดอก ลายแมงภู่ตอมไม้ ฟังแล้วกะม่วนหู บอกผู้ฟังให้รู้ นาคอยู่ในวังหนอง สัตว์ทั้งผองอาศัย ปลอดภัยจากเวรฮ้าย เว้าบ่หลายสิปล่อย ปลงบทข้อ ขอเซาทีไว้นี้ก่อน หยุดพักผ่อนไว้แต่เพียงท่อน้ี ตนข้าสิอ่วยลง นั้นล่ะ นา.....ศรทั ธาโยม.....นอ ฯ เวา้ ตอ่ อนั วา่ ไผล่วงเข้า นาคใหญจ่ ับเอา เนานอนวัง ปา่ บังบัวกัง้ สางหลาง ก้าน โกมลโอนอ่อน ปานทอ่ นไท้ เสกไวห้ วา่ งใน พ้นุ แหล้ว ฯ พระภานวุ ัฒน์ อภิชชฺ โว (ศรีสรุ ะ) เรียบเรยี ง

๑๑ ตอนที่ ๑๐ เท่ียวไพรสณฑ์ บัดนี้ ทำเป็นส่าว สาวบทกลอนจ้อนเข้าข่าย เว้าบ่อนชายทุกข์ไฮ้ ได้ไกล บ้านดุ่งเดิน ลาวสิเข้าโคกเยิ้น ห้วยฮ่อมและภูผา เทียววนาไพรสณฑ์ หม่องสัตว์ สาเนายั้ง เลง็ ใส่วังเวนิ น้ำ ตามพระยาเพิ่นสง่ั หวังดอกบัวอยูห่ ั้น ตะวันจ้าแลว้ ย่าง เดิน ยินทหารเขาเอิ้น ชี้บอกหนทางไกล ทั้งหัวใจโทรมทรุด ได้อิดโรยหิวลา้ ชาว ประชาลือจ้น เคยเห็นนาคกินคน อยู่วังน้ำบัวใหญ่ ไผผู้ตกล่วงเข้า หากกินเจ้าบ่ เหลือ ตายกูตายแล้วบัดนี้ เมียยังหนุ่มสิตายป๋า.....แลหนอ พระราชาเพิ่นบังคับ ทรงจับคอคันขืนดื้อ ถือไปตายดาบหน้า มอบชีวาให้ฟ้าเบิ่ง เถิงบ่อนน้ำบุ้นแล้ว เฮาคงฮู้เรื่องกัน บาได้ลงจากชั้น คุ้มข่วงเข้าไพรสัณฑ์ เห็นภูพันก่ายเกย สอด สลับดงกว้าง ฮอดเขาหลวง เห็นหมูกวางฟานเก้ง กระเล็นหมีชะนีบ่าง ฝูงลิงค่าง โหนหอ้ ย กระแตนอ้ ยผ่อโกน ฟังเสยี งแตกจน้ ๆ หมาจอกไล่กดั กัน หางหูชัน เห่า หอนก้องดอนดงไม้ โตใด๋ใหญ่ผัดไล่คุมกัดถื้น โตน้อยล้มทั้งยืน ครึกครื้นบัด เหลียวส่อง บาเบิกตาเมียงมอง มาคือคนแท้ว้า หมาเอ้ยกะช่างเป็น คิดไปมาดั่ง เช่น ใจหมู่มวลมนุษย์ ถืกโลโภโทโสฉุด เลยแย่งกันขันท้า มีกำลังเลยเข่นฆ่า ผู้ที่ ด้อยวาสนา กะเลยแย่ไปทุกด่าน อภัยเด้อทุกท่าน บัดหลานน้อยเว้าเปรียบเปรย พ้นจากดง แล้วพ้อดอนหินเก้ย กองก่ายเป็นภูผา งาม ๆ ตาศิลาขาว ระยิบพราว แสงต้อง เสียงหอง ๆ อยู่ปลายไม้ แม่นรีดริ่งเรไร ทั้งแมงง่วงฮ้องส่ง พ้นจากดง หินช้ัน แล้วหันเข้าป่าไทร พร้อมกับดงหมากไม้ ม้ีม่วงพวงผลา สกุณาแนวนก จอแจกันเปน็ คู่ จูจ้ กุ กรนู กเขาฮ้อง นกขนุ ทองเว้าออดแอ่ว ไปใสนอนกแกว้ ได้จา เอิ้นข่าวถาม วา่ สไิ ปหนองน้ำ อย่กู ำ้ ฝ่ายทางดง พุ้นแหล้ว จุดประสงคค์ อื บัว บ่าว บาได้ขานต้าน คิดรำพันเห็นดวงหน้า เจ้าผู้ศรีภรรยา สิคอยถ่าอยู่บ้านเก่า..... เด้น้อ คำทเ่ี คยปากเวา้ สองเฮาตา้ นอา่ นดู เหลยี วเห็นนกอจี ู้ จิบจาบขาบไซหงอน น่าออนซอนสาริกา ซ่อยกันหาผลาไม้ สวยพองาย บายังไปบ่ถึงหม่อง เหลียวบ่ เห็นฝั่งหนอง อยากโฮฮ้องคอบว่าเหมื่อย ย่างกะย่างเรื่อย ๆ บ่มีได้พักเซา ท้อง ฮ้องโหยหิวข้าว บาบ่าวลมสิจับ.....ยายเอ้ย ย้านแต่กลับถึงเมือง ค่ำคืนสิเวรต้อง เทศน์แหลอ่ สี านนทิ านธรรมบท เรือ่ งดนิ สีอรุณ หลวงพอ่ มหาพร (ศรเี วฬคุ ามมนุ ี) ประพันธ์

๑๒ ขาทั้งสองฟ้าวยกบืนไปหน้า ย้อนเวลาบ่ถ่าอยู่ จั่งว่านกเอ้ยนอ เจ้าผู้เขาขันคู น่าอิดูตนข้า กายาล้าอยากพักเซา บาซอกหาปั้นข้าว เมียสาวลาวจัดส่ง.....โยม เอ้ย ซอกเบิง่ ถงเป้ฮ้าง หวังกินขา้ วพักแฮง ฟ้าเอ้ยน้อฟา้ ฮอ้ งแลง้ โลดแหง้ ไหงเ่ ป็น ผง บัดเห็นถงข้าวเหนียว ทางน้ำตาผัดไหลย้อย จั่งว่าเขียวเอ้ยนอ เจ้าผู้เขียวใบ อ้อย ข้าได้พลอยพลัดถิ่น ว่าสิกินข้าวปั้น โลดตันอื้อหว่างคอ จักแม่นกรรม หยังน้อ บ่อยากก่อหากจำสาน....เด้น้อ บ่อยากจากนงคราญ พระยามารผัดมา ม้าง หรือบ่เคยแปลงสร้าง กุศลทานตั้งแต่ก่อน จึงเกิดมาเดือดฮ้อน ฮนไฮ้อยู่บ่ เซา ตอนน้ีบาสหิ ยดุ กินข้าว เซาเมอ่ื ยเบ่ิงจกั หน ก่อนสิทนกดั กลืน บืนไปให้ถึงน้ำ กินจักคำ พอบ่ให้ท้องแห้ง กินให้พอมีแฮง บัดเที่ยวดั้นเดินด่ง ขอสรุปเรื่องลง ตอนบ่าวบาเซาพักฮ้อน ศรทั ธาเจา้ ให้จ่อื จำ นน้ั ละนา....ศรัทธาโยม.....นอ ฯ ตอนท่ี ๑๑ คนจน คนจร บัดนี้ ขอสาธกยกเรือ่ ง เผดยี งกลอนอีสานพากย์ หากวา่ ผิดพลาดพลง้ั อภยั ให้ผู้แสดง ลางตอนว่าบ่แจ้ง แปลงใส่ให้ลงเสียง ทั้งสำเนียงขาดเขิน หากบ่เพลิน อภัยบ้าง บัดนี้ หันมาฟังชายผู้เดินดงดั้น ได้เดินเดียวด้ันดุ่ง มุ่งหน้าไปหนองน้ำ ได้กินข้าวพักเซา ออกย่างตั้งแต่เช้า ตอนนี้เที่ยงเลยเพล แสนลำเค็ญทนทุกข์ ได้ เหมือยวินอิดล้า ในตอนนั้น บาเลยเปิดห่อข้าว หยิบเอามาปั้นป่อน พลันพ้อคน พเนจร คอื ลำบากยากฮ้าย แพรผ้าบซ่ ักถู บอกผฟู้ งั ให้ฮู้ วา่ คนทกุ ข์พ้อคนจน อย่า สับสนเด้อยาย บัดจ่ายกลอนทอนบั้น ฟ้าเอ้ยหนอฟ้าฮ้องจั้น สองคนทุกข์เลยคุย กนั แบ่งปนั้ ขา้ วให้มติ รใหม่ บาบา่ วแสนสุขใจ ไดท้ ำบญุ ข้าวป้นั แกงกับน้ันหากบ่ มี เดชผลทานครั้งนี้ ขอให้เกิดอานิสงส์ แน่เด้อ.....มโนตรงสรรพ์ใด๋ ได้ดั่งใจ ประสงค์ไว้ คันเว้าไปไดค้ ดิ เห็นหวั ข้อ น้ลี ่ะนอผ้ฟู ังท่าน ยามเฮาทุกขท์ รมาน ยังมี คนทุกข์กว่านั้นหลายช้ันหากต่างกัน คือด่ังเทศน์มื้อนี้นั้น บาบ่าวได้ทนทุกข์ ผัด มาเจอคนอกุ อั่งกวา่ โตอกี คนแล้ว อาศยั แถวป่าหวา้ หากนิ หมากผลผลา บ่สู้หน้า คนเพิ่น น่าสงสารเหลือเกิน บาเลยแบ่งข้าวให้ ใจน้อมประพฤติทาน แล้วเล่า พระภานุวฒั น์ อภิชชฺ โว (ศรสี รุ ะ) เรียบเรียง

๑๓ เจรจาต้าน ถามบ่อนทางสิไป อยู่ใสน้อวังหนอง หม่องที่มีบัวโป้ง หลุดจากดงคง พ้อหนองน้ำ บากะเลยสั่งคำ ย่างหน้ารีบด่วน เว้ากันพอสมควร จำต้องลาจาก จ้อย เวลาหน่อยต้องฮีบไป นี้แม่นคนทุกข์ไฮ้ มีไมตรีต่อกัน สองบาสร้างสัมพันธ์ แบ่งปันขา้ วเหนยี วก้อน ใจคนจรกบั คนจนโฮมกันไว้ มติ รภาพภายใน ข้าวเหนียว ปั้นผูกจ่อง ต่างฮักกันปรองดอง ดั่งข้าวเหนียวปั้นจ้ำ บ่คือน้ำผ่าข้าวเหนียว บา บ่าวเลยเลาะเลี้ยว เล็งใส่หนองน้ำใส ย่างไว ๆ สองขา ชื่นอุราบัดฟังแล้ว เสียง แซว ๆ พวกนกเป็ดเล่นน้ำ บาแยกคอเหลียวนำ เห็นนกน้อยบินเป็นคู่ ยินเสียง แวว่ เขา้ หู คือนำ้ โตนโสกกอ้ ง มองแลว้ หากบไ่ กล ตอนนั้นชายผู้ทุกข์ไฮ้ ได้ข้วมป่า ถึงวังหนอง สมใจปองมโนนกึ แล้วละนอตอนน้ี ในนทีวังนำ้ เขาซ่ากันมีนาคใหญ่ ไผล่วงเกินหล่ืนเข้า นาโคเจา้ ไล่กิน ข้าวเหนียวป้ันยงั บส่ น้ิ บาบ่าวสทิ ำบญุ .....ก่อน แหล้ว แลว้ จึงทลู ใส่หวั ยกถวายภูมเิ บื้อง ประกาศเสยี งดังกอ้ ง ยนิ กันไปทั่วหนอง วังน้ำเขตด่าน ว่าข้าน้อยขอทำทาน ยอข้าวเหนียวเป็นปั้น แล้วหันหน้าขึ้นว่า กลอน สาธุเด้อ.....ข้าวปั้นกอ้ น ผู้ติดต่อนโตงเตง ข้าถืกคนข่มเหง ให้ย่างมาถึงน้ำ บ่มีคำมีบ่แก้ว บ่มีหยังจักแนว สิทานได้ถวายท่าน มีแต่ข้าวเหนียวปั้น เมียปันให้ ส่งใส่มือ ข้านี้บ่คิดด้ือ สิถือล่วงเกินครอง สัตว์ในหนองทุกตน ให้อยู่สุขสบายบา้ ง ว่าแล้ววางปั้นข้าว ทั้งใจเบาปานปุ่ยนุ่น ย้านนาคสูนไล่ฆ่า ชีวาม้วยมุดมรณ์ สาธุ เด้อ.....ข้าวปั้นก้อน ข้าขอยกเป็นทาน เป็นอาหารเต่าปลา หมู่มัจฉาในวันน้ี ผลา มีจงส่งยู้ ไปถึงนกถึงหนู งูเงี้ยวปลาใหญ่ ไปถึงไทเทพฟ้า เทวาไท้ให้รับบุญ แผ่ไป ถึงสาวัตถีเมืองพุ้น ให้คนอยู่สุขี.....แน่เด้อ อย่าได้เผลอฮักเมียเขา สิเก่าศรีราคี ม่วั ผ้เู ป็นผัวขอให้ฮกั เมียเค้า ผูเ้ ปน็ เมียให้นอนเนา เทียมขา้ งผวั มิง่ มวลสัตว์สา นาคาสิงห์ ขอใหโ้ มทนานอ้ ม ยามข้าแต่งถวาย นั้นละน่า.....พอ่ คณุ เอ้ย.....นอ ฯ ตอนที่ ๑๒ ร้อนถึงภพนาค สุโข ปุญญสฺส อุจฺจโย การสั่งสมบุญไว้ เป็นเหตุแห่งความสุข สั่งสมบาป หากเป็นทุกข์ พระโคดมตรัสอ้าง ชี้แนวทางให้พงศ์เชื้อ เครือกอพุทธศาสน์ อย่า เทศนแ์ หล่อสี านนิทานธรรมบท เรอ่ื งดินสอี รุณ หลวงพอ่ มหาพร (ศรีเวฬคุ ามมุน)ี ประพนั ธ์

๑๔ ประมาทฮีบสร้าง กุศลไว้ใส่ตน บุญข้อต้น ให้ค่อยหมั่นบำเพ็ญทาน ภาช์จังหัน เพลงาย แต่งถวายพระคุณเจา้ ญาตขิ องเฮา ผู้เพิ่นเนาเมืองพนุ้ สิคอยบญุ หนุนส่ง ใจประสงค์หยาดนำ้ อทุ ิศให้ผู้มดุ มรณ์ ใหซ้ อ่ ยเหลือผู้เดือดฮอ้ น คนจรวณิพก คน ตกอับอนาถา ให้กูณาต่อสัตว์เชื้อ ต่างเป็นเฮือบัดฝายล้น ให้คนจนได้ขึ้นล่อง เป็นหนองบัดน้ำแล้ง เป็นแหล่งบัดหาบโซน ทานไว้เถิดแม่โซ้น สิเป็นบ่วงดึงกัน ถักทอสายสัมพันธ์ แบ่งปันกันไว้ โลกสิสดใสเหลื่อม สังคมสิน่าอยู่ ต่างคนต่างฮู้ จักให้ ไทยบ้านสิฮ่มเย็น บุญที่สองขอให้เว้น ความชั่วกายวาจา ศีลปาณาฯ ถึง สุราฯ บ่ล่วงเกินเภท์ม้าง บ่ไลวางลืมถิ่ม เบญจศีลให้เพียรพร่ำ เบญจธรรมนำ พร้อม รักษาไว้อยู่เสมอ มีศีลแล้วบ่เก้อ บัดเข้าฮ่วมสมาคม คนนิยมสรรเสริญ เดชศีลสิชูค้ำ ผู้ใด๋ทำผู้นั้นได้ ศีลมัยให้สร้างก่อ จั่งว่าหอมเอ้ยน้อ สะเลเตดวง ดอกไม้ หอมได้บ่ท่อศีล บานแล้วกลับหล่นสิ้น แห้งเหี่ยวตายไป ศีลนั้นหอมฮุ่ง ไกล ฮอดเมืองสวรรค์พุ้น สร้างสมบุญฮักษาศีลเอาไว้ ขอเชิญศรัทธาไทย โยม ญาติทุกเขตถิ่น สมาทานรับศีล กายวาจาให้เรียบร้อย ผญาน้อยกล่าวแถลง บุญ ทสี่ ามเว้าใหฟ้ ังอยา่ งแจง้ ๆ ไดแ้ ก่ภาวนา หาเวลาบำเพญ็ ธรรม กจิ ประจำใหค้ งยงั้ หวังวา่ สาธุชนเจา้ สใิ จเอาต้ังตอ่ สรุปความกอ่ นโยมพ่อ การสิก่อบญุ สร้าง เพิ่นจา อ้างแบง่ เปน็ สาม ขอ้ ท่หี นึง่ บรจิ าคหยาดน้ำ เอิน้ วา่ ทานมัย ขอ้ สองใจศรทั ธาธรรม พร่ำเพียรศีลพร้อม ยอมรักษาไว้ได้ เอิ้นว่าศีลมัย บุญนี้ให้แลหล่ำ ข้อสาม ภาวนามัยนำ บำเพ็ญธรรมให้ฮุ่งแจ้ง แสดงเวา้ เลา่ คดี การฟังเทศนม์ ้ือนี้ ให้ถือว่า ภาวนา เสริมปัญญาให้สมบูรณ์ เพิ่มพูนแนวความรู้ บรมครูเพิ่นสอนไว้ ขอให้ ศรัทธาไทย ระลึกบ้างแล้วสร้างก่อ ทำบุญเถิดโยมพ่อ ทั้งโยมแม่พี่น้อง ศรัทธา เจา้ คสู่ ู่คน ฯ บัดนี้จับซอกค้น ด้นเร่ืองนิทานธรรม เว้าบ่อนบุญกรรมบา สิเบ่งบาน ตระการฟา้ ตอนนนั้ นาคาเจ้า ผ้เู นานอนในนำ้ ใหญ่ ยินเสียงไผกกู ฮอ้ ง คอื ฮนฮ้อน ผ่อนเสียง นาคได้ฟังแล้วฮู้เกลี้ยง ว่าบาบ่าวลาวทำบุญ ยกมือทูลใส่เศียร แล้วจึง เพียรวอนต้าน บำเพ็ญทานข้าวปั้นก้อน มาเป็นตาออนซอน ปูปลาป้อนตอดกิน เหย่ือ บาน้มี าซอ่ ยเหลอื เลี้ยงหม่หู อยปลากุ้ง ประสงคแ์ ท้ส่งิ ใด๋ หรอื ว่าลาวนี้ทุกข์ พระภานวุ ัฒน์ อภิชฺชโว (ศรสี รุ ะ) เรียบเรยี ง

๑๕ ไฮ้ ไดเ้ ดินป่าดงจร เกดิ สงั หรณ์ในใจ คิดอยากไปไขตา้ น บญุ สมภารลาวกะพอมีไว้ ไปแสดงน้ำใจ กับลาวบ้างจักเทือ นาคเจ้าดีใจเหลือ สิได้โมทนาน้อม กุศลพร้อม รับเอา นาคกะเลยล่วงเข้า ได้จัดแจ่งแปลงกาย เป็นผู้ชายโทรมทรุด แก่ชราอิด ล้า จากนาคา ผู้คนลือว่าเป็นฮ้าย กินทั้งหญิงทั้งชาย ผู้กรายย่างเข้าเขตท่ี พอได้ เห็นบารมี ของบา่ วบาผู้ทกุ ข์ไฮ้ นาโคฮ้ายกะบส่ ูน บ่พอคราวนาคผุดข้ึนน้ำบุ้น ได้ ต้านต่อพาที อยู่บุรีแดนใด๋ จึงเที่ยวไพรมาพี้ มีประสงค์หยังแหล่ว อยู่แถวหนอง คุ้มข่วง เจ้าของหวงแท้ ๆ บัวแบ้ดอกเบ่งบาน บาได้ฟังแล้วจาต้าน เว้าต่อชาย ชรา บ่ฮู้นาคาแปลง จงึ ชแ้ี จงขานเรื่อง พระยาเมอื งเพ่นิ ใชข้ า้ ให้ล่วงถงึ ชลธาร์ มา วังน้ำเขตถิ่น เพิ่นอยากได้ปั้นดิน สีอรุณแจ่มแจ้ง ทั้งบัวแบ้เบ่งบาน เพื่อสนอง พระคุณท่าน จึงได้เที่ยวทางมา แล้วคุณตาเป็นไผนอ จึงอยู่หนองวังน้ำ กินจัก คำแล้วบ้อข้าว อยู่คนเดียวบ่เหงา คิดฮอดลูกแน่บ่พอ่ บ่มีหยังจักแนวนอ ผมมี แต่ข้าวปั้น สิปั้นให้สู่กิน นาคได้ฟังแล้วฮู้สิ้น ว่าบาบ่าวทรงธรรม โมทนานำ เด้อหลาน ที่คิดทานข้าวเหนียวก้อน นาคออนซอน จิตใจงามของท้าว บอกให้ แจ้งให้ขาว ว่าเฮานี้เป็นนาคใหญ่ อาศัยอยู่ใต้พื้น วังน้ำแม่นที มาพ้อกันมื้อนี้ ประสงค์สิ่งสรรพ์ใด๋ ให้เจ้าไขความจริง เรื่องราวมาจงแจ้ง ให้เจ้าแปลงคำเว้า งาม ๆ ฟังมว่ น ๆ หากข้าเหน็ สมควร ของทง้ั มวลสิมอบให้ ตนเจา้ ใหว้ ่ามา น่ันละ นา่ .....พ่อคณุ เอ้ย.....นอ ฯ ตอนที่ ๑๓ ฝากกลอนเขิน เตนิ คำขาน ตอนนั้น บาบา่ วเตรยี มตัวตั้ง ได้เริ่มจา่ ยพาที ผญาดีเปิดเขย เอย่ วจีจาเว้า โอ้ว่าเงาเอ้ยเงา เจ้าผู้งองอดเงี้ยว งูเขียวคาบกระต่าย ตายกูตายบัดน้ี คำเว้าสิฆ่า ตน ขา้ นีเ้ ซาะซอกค้น หาหมปู่ ทมุ ทอง มาถงึ หนองบัวบาน ให้สงสารความเว้า มา ขอเอาบัวแบ้ บัวบานก้านก่อง ข้าแต่ผู้เฝ้าหนอง โปรดกูณาข้าบ้าง ซ่อยลูกช้าง พ้นหว่างภัย ตอนนั้นชายผู้ทุกข์ไฮ้ (ได้เอื้อนเอ่ยกลอนเขิน) ได้เอื้อนเอ่ยกลอน ขาน เป็นโคลงสารเสนอขอ คักละน้อตอนน้ี ลูกกวีบ่ขายหน้า บ่ให้เสียเวลา บา เทศน์แหลอ่ สี านนิทานธรรมบท เร่ืองดินสีอรุณ หลวงพอ่ มหาพร (ศรเี วฬุคามมนุ ี) ประพันธ์

๑๖ เลยตั้งกลอนก่าย เว้าให้ถืกลิงลาย บายคัมภีร์หนังสือก้อม ขึ้นมาน้อมอ่านแถลง ว่า บาบ่าวท้าว บาบ่าวบาคาน บาบาคาน บ่าวบาคานท้าว บาคานท้าว ไขคำ ขานส่ง ตรงต่อน้ำ วังกว้างป่าบัว บาบ่าวท้าว ขานเอ่ยพาที ตีกลอนขอ ยื่นยอ แถมยอ้ ง สองแขนเบอื้ ง วนั ทาตรงตอ่ ขอแบ่งบ้าง บัวแบเ้ บ่งบาน ขอแนถ่ ่อน ขอ หมู่บัวหลวง พวงบัวขาว ดั่งจาวหมากพร้าว ยาวก่องก้าน โอนอ่วยนวยนาย สาย โกมล หมู่มวลบัวโป้ง อันว่าพงษ์พ่อเจ้า นาคใหญ่ในโขง จงกูณา บ่าวบาดวงหน้า บาคานท้าว บาคานบาบ่าว บาบ่าวท้าว บาท้าวบ่าวบา ข้าแต่นาคาเจ้า ผู้ทรง ฤทธิ์เหลือหลาย ให้โผดผายคนจร ผู้อ่อนแฮงหิวล้า คันบ่สงสารหน้า ให้สงสาร ภรรยา ผู้คอยท่าอยู่บ้านเก่า บ่สงสารแมงเงา ให้สงสารแมงง้วง ผู้เฮฮ้องกล่อม ไพร เหตุวา่ ราชาไท้ ประสงค์หมูด่ นิ แดง ข้าจงึ แยงมาหา บา่ วบาจึงมาพอ้ มาวอน ขอวอนเว้า เผยสำเนาต่อเจ้าถิ่น ว่าอยากขอก้อนดิน สีอรุณอยู่ฝั่งน้ำ ตนเจ้าสิว่า ได๋ ตอนนั้นชายผู้ทุกข์ไฮ้ ได้ออกเอ่ยขานขอ ฮ้องจนคอโพงวับ เหมื่อยวินเซล้ม น้ำลายขมเพราะกลอนแหล่ เว้าจนเสียงไหลแหล พอปานแบ้ตกหล่ม นาคลาว เลยชื่นชม มอบดอกบัวให้เบ้ิดสิ้น มอบดินให้ดั่งขอ เว้าให้ฟังอย่างย่อ ๆ เติมต่อ พอมันเต็ม เว้าไปหลายมันเค็ม ขื่นคอหมากขามป้อม นาคได้ยอมมอบให้ บาเลย กลับเร็วไป คืนบ้านสถานถิ่น นิทานธรรมเรื่องดินสีอรุณ เว้ากันมาได้จวนจ้อ พอแล้วสแิ สว่ ลง นนั้ ล่ะนา.....ศรทั ธาโยม.....นอ ฯ เวา้ ตอ่ คณุ โยมเอ้ย บาเว้าแลว้ นาคาถวยสง่ หักบัวโป้ง ปลงให้ใสม่ ือ ถอื ไว้ แล้ว ดินด่อนพอคำ กำโกมล หมมู่ วลบัวแบ้ งาม ๆ แท้ อินทรเ์ ทียมก้ำเก่ิง บาเบ่ิง แล้ว ปานแก้วหน่วยใส ฮีบไวฟ้าว ก้มกราบนาคา วันทานบ ขอบคุณทูลเกล้า ลา เด้อเจ้า คืนเมือบ้านเก่า กลับถิ่นเค้า ตนท้าวดุ่งเดิน ข้วมโคกเยิ้น ดงป่าไพรหนา ป๋านาคา ไว้วังเวินนำ้ นทิ านกลอนยงั ไกลล้ำ ตอนนข้ี อหยุดคำ จาเว้าไวส้ าก่อน ที หน้าจัง่ สิซอกซ้อน เป็นกลอนใหส้ ู่ฟงั นั้นแหลว้ ฯ พระภานุวัฒน์ อภิชฺชโว (ศรสี รุ ะ) เรียบเรียง

๑๗ ตอนท่ี ๑๔ ส่ังทหารลงกลอน บัดนี้ แดนอีสานยังบ่สิ้น วาทศิลป์ยังเฮืองฮุง หลายคนซอยบำรุง พยุง เอกลักษณ์ไว้ บ่ไลถิ่มละหนี หลวงพ่อทองเพชร พ.กวี ตั้งแต่กี้ อาจารย์ใหญ่ได้ แข็งขัน ประพันธ์กลอนเป็นแบบแผน แฟน ๆ ได้ฟังเรื่อง บัดนี้ พ.กวี ตายเสี่ยง แต่เทศน์เสยี งยงั คงอยู่ เพราะวา่ ท่านผูร้ ้ไู ด้เรียนไว้สืบมา ตกสมัยสมู่ อ้ื นี้ พิมพา ป. กวีกล้า เพิ่นหลวงพ่อมหาพิมพา ได้เพียรไว้ให้หลานท่อง นพดล เพชรพิณทอง เซียงคำภาผญาก้อม ได้ทอมไว้สืบแนว เสียงอิสานยังดังอยู่แจ้ว ๆ หมอลำม่วน แกมตลก โยมแม่นกยังแข็งขัน ประพันธ์ลำเวียงไว้ อาจารย์สดใสยังเทศน์เรื่อง ฟ้าสีครามยังส่งเสียง ทำนองโอ้แล้วโอ่ ป.ฉลาด ยังลำโชว์ ฟ้าเอ้ยฟ้าฮ้องโป้ง จรรโลงไว้เป็นอย่างดี ตกมาฮอดพรรษาน้ี เฮยี มไดค้ น้ คมั ภีร์ ในตมู้ าเปิดอา่ น แปล ไปฮอดหว่างนิทาน ธรรมบทเพิ่นขีดแต้ม แถมท้ายต่อธรรม แปลแล้วอ่านอีกซ้ำ กะยังม่วนชวนสนุก พอได้ลืมความทุกข์ ส่วงสบายหายฮ้อน จึงเขียนกลอนวาท แหล่ แปลนิทานให้มันคล่อง วา่ ให้เป็นทำนอง ไทอสี านภาคพ้ืน พอไดฟ้ ้นื บอ่ นคดี คิดเห็นเด้.....คิดเห็นคราวแต่ก่อนกี้ เพิ่นหลวงพ่อได้สอนเขียน เพิ่นพาเรียนเดิน หนังสือ เทศน์มาลัยแสนไว้ ว่าไว ๆ เป็นทำนองกาเตน้ ก้อน ผุสดีขอพร เณรน้อย ไดเ้ ทศน์แอ่ว เดินหนังสอื ผกู แล้ว ผัดลงแหล่ฝา่ ยยาว คิดข้ึนมาใจปวดจา้ ว บ่อยาก กล่าวไปหลาย ขอฝากกลอนบรรยาย ส่งเสริมอีสานไว้ ขออภัยผู้เพิ่นรู้ คุณครูบา คุณครู นักปราชญ์ผญาคล่อง หากมันผิดฝ่ายทำนอง ลงเอกโทบ่สุดบั้น บัดมัน พร่องอย่หู วา่ งคำ นน้ั ละน่า.....ศรทั ธาโยม.....นอ ฯ บัดนี้ หันมาฟังบ่อนบั้น ราชันพระเจ้าใหญ่ บังคับชายทุกข์ไฮ้ ไปวังน้ำป่า บัว มีประสงค์อยากกล้ัว เชยชิดกับนงนาง จึงหาทางส่งบา สู่ชลธาร์พุ้น ครั้นแสง สูรย์มิดจ้อย ป๋าให้ราชาคอย บ่าวดั้นบ่ถึงถิ่น จำต้องเสียชีวิน ตามสัญญาที่ว่าไว้ พระยาไท้ใคร่ครวญ หากบ่าวบานำถวายครบถ้วน มวลหมู่ปทุมทอง ประสงค์ ปองเชยชิด ส่วนสิพังเภท์ม้าง พระราชาเลยแปลงสร้าง วางแผนการชิงนาง ให้ มันซ้อนสลับเงื่อน รับสั่งไทขุนเขียน เสมียนวังให้ตั้งด้าม ปากกาจ้ำฝ่ายสาร เทศน์แหล่อสี านนทิ านธรรมบท เร่อื งดนิ สอี รณุ หลวงพ่อมหาพร (ศรีเวฬุคามมนุ )ี ประพันธ์

๑๘ ประตูเมืองทุก ๆ ด้าน ให้ปิดก่อนตะเว็นแดง ไผอย่าแผลงล่วงเกิน ลื่นคำดำรัส ท่าน ทวารบาลขอให้ลงกลอนแนน่ แม่นมีไทต่างแดน มาขอเฝ้าอย่าไดป้ ล่อย ทั้ง ผู้ใหญ่ผู้น้อย อย่าล่วงเข้าป่ายประตู เตินหมู่คนให้ฮู้ ว่าราชูผู้ครองราษฎร์ ประกาศปิดประตูก้ำ วังแก้วบ่เปิดเขย จั่งว่ายิ้มเอ้ยหนอ ผู้เบิดเจอะเบิดเจ้ย เจ้า ใหญ่ผู้วางแผน อยากได้แฟนผู้อื่นเขา บ่ซ่วงเซาพอน้อย ตอนนั้นไทขุนข่อย ได้ จัดการตามสั่ง ฮีบฟ้าวปิดเวียงวัง หวังตันทางบ่าวท้าว ผู้เดินด้าวเที่ยวไพร นี่ละ นอวาสนาคนไฮ้ บ่ใสสอ่ งคือวงศห์ งส์ พงษ์กระสาขาเกนิ บห่ ่อนเหนิ เทยี มฟา้ คอยฟังไปกลอนหน้า ว่าถึงตอนบ่าวบา ได้คืนบา้ นกลับต่าว เว้าเป็นเรื่องเป็นราว เทศนาวาทแหล่ อีสานเบ้ืองบ้านหมู่เฮา.....นัน่ ล่ะนา.....ศรัทธาโยม.....นอ ฯ ตอนท่ี ๑๕ กอ่ นสน้ิ แสงตะวนั บัดนี้ ทินกรสั่งฟ้า เมฆาย้อมสีแก่ แลเห็นก้อนแหล่ ๆ คือแพรตุ้มหน่วยไฟ หน่อยหนึ่งลงลับไม้ กุฏโฏไก่ขึ้นนอนฮัง สกุณังจอแจ จอกจิบจับไม้ เสียงใส ๆ กาเหว่าฮ้อง ว่าตูเว้ยเอิ้นหาคู่ ทั้งญาครูเพิ่นลั่นฆ้อง กลองแลงตึ้งโม่งดัง ทารกัง น้อย สอยวอยได้ฮ้องฮ่ำ ย้อนแม่คุมอาบน้ำ ลูกคำเว้าว่าแต่หนาว ลมเอ้ยนอ..... ลมพัดใบหมากพร้าว น้าวใส่ใบตองตึง สายันห์ถึงสมัยเย็น หน่วยตะเว็นลาแล้ว จากเคยแจ๋วใสเหล่ือม กะมามุงมัวมืด มิดมอดเม้ียน แสงต้องบ่ส่องสี คิดไป ๆ มา ๆ มวลมนุษย์ในโลกน้ี เปรียบดังสุริโย ปุพพันโหหากสดใส เลิศวิไลเริงร่า อปุ มาคือวยั ตน้ ยงั ตมู ตังเต่งตึง่ เถงิ วัยปลายคล้ายคล้อย จวนม้อยเข้าทุกปี อันว่า ชีวิตนี้ หากปิ้นเปลี่ยนเวียนวน บ่คงทนตายเสีย ผัวเมียเลยตายซ้ำ ขอเชิญทำบญุ สรา้ ง บัดยามออกเดินทาง บุญทอ่ น้ันสิไดเ้ พงิ่ ใจใหใ้ สเรงิ ๆ ตง้ั ต่อธรรมพระบาท เจา้ ผเู้ พ่นิ เขา้ พระนิพพาน นน้ั ละหนา.....โยมเอ้ย.....นอ ฯ ในตอนน้ี กล่าวถึงบาคานท้าว ได้กลับต่าวคืนเมือ ดีใจเหลือน้ำตาไหล ชื่น หทัยเริงร่า ฟ้าวกราบลานาคาเจ้า ผู้เนานอนในน้ำใหญ่ ลาหมู่ต้นดอกไม้ อยู่ใกล้ ห้วยฮุ่งหอม ลาจากกล้วยหน่วยก้อม ติณชาติเครือวัลย์ ทั้งหมู่มันมวลมี หมี่ไหม พระภานุวฒั น์ อภิชชฺ โว (ศรสี ุระ) เรียบเรยี ง

๑๙ ตำนินเกี้ยว ลาจากเขียวใบหว้า อินถวาหอมอ่อน ลาจอนฟอนหมีเม่น กระเลน เตน้ ไตโ่ ตน ลาผหู้ อ้ ยโอ้นโต้น เหนบ่างนางชะนี ทงั้ จำปีจำปาขาว หมู่ตาวแคมต้น ลาทั้งสนใบส่อย ใบยอยหางกระต่าย ลาทั้งผือแลไหล ทั้งหมู่ไก่ขันจ้า กระทาท้า กระโดกนา กัททลีน้ำว้า ตีนเต่าเล็บมือนาง อย่าได้วางไลเครือ ไปชื่นชมหมาก เขือน้อย อย่ดู เี ย้อ.....เจา้ ผู้กลอยกกลำ้ ฝนฮำให้เจ้าปง่ ลาทัง้ ดงไมเ้ น้ิง เปิงเป้าเต่า ดอย ตะเว็นลงบ่ายคล้อย บาบ่าวต่าวคืนเวียง ได้ยินเสียงดนตรี อยู่บุรีวังกว้าง พระยาหลวงคือสิทรงสำราญแท้ บัดโตแหม๋ได้ดิ้นดั่น ซินของคนช่างต่างกัน ไกล เกินกับดินฟ้า ชาตาข้าหากบ่สูง ชาติต่อไปมาดมุ่ง ขอเกิดเป็นพระราชา.....แหน่ เด้อ อย่าได้มาทนทุกข์ เที่ยวไพรในด้าว จั่งว่าเขียวเอ้ยนอ เจ้าผู้เขียวใบพร้าว บ่ พอคราวกะขูหล่น เขียวเอ้ย เจ้าผู้เขียนใบสน ชีวิตคนนี้ยากแท้ พอปานแบ้.. พ่อ ใหญ่เรงิ นนั่ ละนา.....ศรัทธาเอย้ .....นอ ฯ บ่พอคราวกะพ้นดอนหินเก้ย ข้วมป่าเข้าเมืองคน ข้าผู้ทนโทมทุกข์เทียว ทางสิเภท์ม้าง เหลียวเห็นปรางค์สูงเหลื่อม สูงเทียมฟ้าหย่อน ๆ ย่างจนขาอิด อ่อน ก่อนพระสูรย์ลบั ฟ้า ตนขา้ ต้องอยู่ปรางค์ ทางใจชื่นขึน้ บ้าง ขายา่ งยงั พอทน ได้โกมลมวลมี ดินสีอรุณพร้อม ถ้าเพิ่นยอมให้เข้าเฝ้า ตนเฮาสิฟ้าวต่าว บอก เรื่องราวให้น้องฮู้ อิดูหน้าบัดห่างกัน เหลียวเห็นโขงเขตช้ัน กำแพงลั่นตันฝา นั่น แม่นวังพระราชา หากใกล้ตาเข้ามาแล้ว จักแม่นกรรมหยังแหล่ว หากมีแนวบ่ เข้าท่า ทวาราหากปิดแล้ว ประตูแก้วบ่เปิดเขย คือสวรรค์แกล้งเย้ย แถนเหยียด ดวงชาตา วาสนาพาเซ บญุ ปพุ เพพาลม้ หรอื ว่าพรหมเพ่ินล้อเลน่ เห็นว่าเฮาน้ีทุก เข็ญ เลยล้อเล่นบ่เว้นหว่าง ต้มให้ออกเดินทาง ลาจากปรางค์หอกว้าง เลยล่วง เข้าป่าไพร สาธุเด้อ.....เทพไท้ ให้ไขป่องเล็งญาณ จากวิมานเมืองแมน มิ่งตาว ติงสฟ์ า้ ท้ังนาคานาโคแข้ ใหม้ าแลหลิงหล่ำ ธรณนี าคน้ำ คนธรรพ์เจ้าใหซ้ อ่ ยแยง สาธุเด้อผู้ฮู้แจ้ง ขอจงโปรดเป็นสักขี ข้านี้มีความสัตย์ ซื่อตรงบ่ลวงลิ้น ได้นำดิน กับบัวโป้ง ตามประสงค์พระยาท่าน แต่อ่วยโงต่าวบ้าน ประตูนั้นบ่เปิดไข แม่น ข้าขออยู่ไจ้ ๆ กะใจจืดนอทหาร ทวารบาลบ่ยอมเขย ตายละเว้ยคราวน้ี ตาย อหี ลตี ายม้วย ครัน้ บถ่ วยยอสง่ คร้นั บ่ทลู บัวโป้ง พระองคเ์ จา้ สิฆ่าตาย ในตอนน้ัน เทศน์แหลอ่ สี านนทิ านธรรมบท เรอื่ งดนิ สอี รณุ หลวงพอ่ มหาพร (ศรีเวฬคุ ามมนุ )ี ประพนั ธ์

๒๐ บากะหยับย่างย้าย ออกมาม่ายอยู่เคียมวัง ทั้งหาทางสิทูลบัว ทูลหัวพระยาเจ้า บาเลยเอาบัวโป้ง ออกจากถงกับดินด่อน โยนไปทางพระบัญชร เล็งบ่อนนอน บรรทมเนิ้ง เปิงกว้างข่วงหลวง อภัยเด้อ ข้านี้บ่ได้คิดล่วง องค์ท่านประธานเมอื ง โปรดอย่าเคืองพระทัยขัด ฝ่ายดำรัสให้ทรงไว้ ครั้นบ่ไขข่อยบ่หาญขืนเข้า ขอ พระองค์อย่าเหมา ว่าเฮียมนี้สิหนีท่าน ขอกันอยู่เหิงนาน นายทวารบ่เปิดให้ จึง จำได้ห่างหนี เว้าแต่เพียงท่อนี้ บาบ่าวกะลาลง แผ่นทะรงภูมี ให้อยู่ดีเด้อจ้า จั่ง ว่าบุญเอ้ยน้อ บุญปุพเพภายหน้า ว่าสิคืนเคหา พระยาเจ้าผัดปิดป่อง นอนใสน้อ เจ้าของ ทั้งห่วงน้องนาถหล่า ภรรยาเค้าได้เก่าหมอง เอาละเด้อพี่น้อง ต้องขอ เพิ่งเพิ่นยาครู สินอนดูเดือนดาว กลางหาวพราวฟ้า เพิ่นคงหลูโตนหน้า คงกูณา ใหซ้ น้ เพิ่ง ขออาศยั อยเู่ พงิ ใตก้ ฎุ ีมนุ เี จ้า ฮอดยามเช้าจง่ั สิไป นีล้ ะน้อเพ่นิ ว่าไว้ ชุม พ่อใหญ่โบราณ เป็นภาษิตสอนหลาน กล่าวการให้เห็นฮู้ เพิ่นหากว่า คันหนูกัด เครือฮูก จั่งคึดเห็นคุณแมว ลูกแขวนข้างแขวนแอว จั่งเห็นคุณพ่อแม่ คันบ่ทุกข์ แท้ ๆ บแ่ วเขา้ วัดไป ตอนน้นั ชายผทู้ ุกข์ไฮ้ อาศยั หมู่ชุมสงฆ์ นอนบอ่ นองค์เซาพัก วดั เชตวันพนุ้ จงั่ แมน่ บุญบาท้าว นอนชมดาวหมู่ใหญ่ นอนชมดวงดาวไก่ ท้ังดาว ไถดาวแข้ ดาวแบ้หมู่กวาง เกาะกันอยู่ฟ้ากว้าง จักดวงดอกดาวได๋ ช่างคือไทย เมืองแมน กล่อมแฟนเฮียงชู้ เหลียวเห็นคูดาวขั้น เป็นถี่ถันซ้อนหลั่น ช่างคือนาง มาลีจันทร์ ถืกกุมภันฑ์แล่นต้อง ผยองเต้นเผ่นหนี คิดเห็นเด้ คิดเห็นคราวก่อนกี้ ได้จาต่อเมียแพง ฮอดยามแลงเคยแยงดาว กระพริบพราวขาวจ้า บัดนี้นอ บัดนี้ ตนโตข้า เลยได้ไกลภรรยา มานอนกลุ้มอยู่ตูบต่อ ขออาศัยเพิ่นหลวงพ่อ พอได้ หายอิดล้า อิดูหน้าฝ่ายโต ฟังสาก่อนอย่าฟ้าวโอ้ เผยโผ่ว่ามันยาน ฝ่ายนิทาน กำลังฮอน ผู้แต่งกลอนกำลังเร่ง ผู้ตะเบ็งเส็งแหล่ กะเสียงแหลไหลล่อง เชิญ ศรัทธาพี่นอ้ ง ตดิ ตามบั้นต่อนทิ าน น้ันละหนา.....ศรทั ธาโยม.....นอ ฯ เว้าต่อ คุณโยมเอ้ย บาบ่าวกลับต่าวบ้าน ทวารบาลปิดก่อน เลยซ่อนลี้ หนีม้มหว่างภัย บัวใบต้น โกมลงามยิ่ง บาก็จิ่งขว้างเข้า วังเจ้าพระยอดเมือง เฮือง ๆ ฟ้า ดาดินสีด่อน บาท่อนท้าว โยนเข้าใส่ปรางค์ ทั้งแล่นลี้ หนีขุนพลไพร่ พระภานวุ ฒั น์ อภิชฺชโว (ศรสี รุ ะ) เรียบเรยี ง

๒๑ เล็งใส่ก้ำ อาฮามกวา้ งข่วงจัว ดีท่ัวพร้อม ลงนอนนิทเน่ง เพง็ หนว่ ยแก้ว วอนแล้ว ก็เล่านอน สาแหลว้ ฯ ตอนที่ ๑๖ รำพึง รำพัน บัดนี้ กล่าวถึงกัลยาน้อย ผู้คองคอยบาบ่าว จิตกระสันปวดร้าว บัดบาท้าว ห่างหนี หรือว่าหลบหลีกลี้ ลวงหลอกให้ลืมหลง ไปชมนงนวลนุช สุทธิ์ทาริกา นอ้ ย ลืมคำกลอยแถลงต้าน คำหวานทฮี่ ้องส่ัง ไปชมวังหมน่ื หอ้ ง เลยลืมน้องผู้ผ่อ คอย พี่เอ้ยพี่ เจ้าสังไปมิดจ้อย ป๋าปล่อยอีนางแพง ผู้แกงแลงแต่งกับ ไว้รับขวัญ อวนเจ้า ทั้งอ่ำเทาหมกหม่ำ ทั้งปลาตำต้มป่น ผักกระโดนโดกดั้ว หมากถั่วค้าง ห่างใบ เริ่มจัดแจงแต่งไว้ ตั้งแต่ไก่บ่ทันนอน อ้ายบ่จรคืนเมือ ซุบหมากเขือสิบูด แลว้ เฮอื นอาแถวอาวถว่ น เสียงเพิ่นซวนดงั สนนั่ นัง่ นำกนั แวดลอ้ ม ผวั เมียพร้อม สูก่ ิน กอ่ นตะวนั สลิ ับส้ิน จึ่งฮู้ขา่ วความมี อ้ายเซียงสลี าวมาขาน อา่ นคำใหฟ้ งั แจ้ง ว่าบาแยงไปวังน้ำ ตามคำดำรัสท่าน กลับบ่ทันประตูบ้าน ทหารจ้อนลัดกลอน แม่นว่าลาวสิเอิ้นอ้อน ออยออดโอยทาน นายทหารบ่ยอมเขย ได้ละเลยลมล้ิน โฉมยุพินได้ฟังเรื่อง ทั้งสำเนียงเซียงสีกล่าว ว่าโอนอท่อนท้าว สามีเจ้าไปอยู่ใส ไปเน่งนอนอยู่ป่าไม้ งูใหญ่สิขบขา แลหนอ ไปเน่งนอนอยู่ศาลา ฝ่ายบาสิหนาว เนื้อ ทั้งย้านเสือสิงห์ฮ้าย อันตรายสิมาผ่า เทพเทวาท่อนไท้ จงลงใต้ม่ายดิน สัพพะโภยพยาธิสิ้น ให้ไกลจากสามิกา แน่เด้อ พระอินทาจงลงฮักษ์ ปิ่นปัก ปกป้อง คันสีทองส่องเบื้อง จั่งค่อยกลับคืนเมือง ต่าวบ้านสถานถ่ิน โฉมถวิลนาถ น้อง ยังครองถ่าอ้ายอ่วยมา อยู่ดีเด้อพี่จ้า ให้เจ้าอยู่สุขี ในราตรีให้นอนฝัน ฮอด วิมานเมืองฟ้า ยามหลับไป ให้เจ้าฝันเห็นหน้า ผู้จอมศรีภรรยา ผู้คอยถ่าอยู่บ้าน เก่า น้องนี้ทุกข์ระทมเหงา ปานนกเจ่าจ่อมกุ้ง พยุงไว้ฝ่ายน้ำตา อันว่าดาวเอ้ย หนอ จั่งว่าดาวบนฟ้า เจ้าโศกาคือฉันบ่ ทุกข์ขึ้นมาพอ ๆ น้ำตาคลออั่งเบ้า มัน แสนเศรา้ เก่ามโน นั้นล่ะนา.....ศรัทธาโยม....นอ ฯ เทศนแ์ หลอ่ สี านนิทานธรรมบท เรือ่ งดนิ สีอรุณ หลวงพ่อมหาพร (ศรเี วฬคุ ามมนุ ี) ประพันธ์

๒๒ เว้าต่อ แต่น้ันนางคราญหล้า โศกาไห้ฮ่ำ เลอ่ื น ๆ น้ำ ตาย้อยหยา่ วไหล คิด นำผัวขวญั ไท้ ได้ไกลจากลาหนี เกรงวา่ ผีภยั มาร สิแลน่ นำทำฮา้ ย ฯ ตอนที่ ๑๗ คำใหก้ ารจากโลกันต์ บรรยายเป็นสำนวนอีสาน คุณโยมเอ้ย โจะไว้เพียงท่อนี้ หน้าที่พระราชา กับทั้งบาคานสุทธิ์ นุชนงนางแก้ว สิขอแจวเรือย้าย เว้าบ่อนเปรตทั้งหลาย ใน ด้านนรกลุ่ม กล่าวถึงโลกันต์ภูมิ หม่องเขาสุ่มบาปฮ้าย เมืองใต้ฝ่ายอเวจิ์ พุ้น แหลว้ ฯ กลอนเทศน์ บัดนี้ กล่าวถึงเปรตมารฮ้าย อยู่ก้ำฝ่ายไฟอเวจิ์ บุญบุพเพบ่ เคยทำ สร้างแต่กรรมมึนมัว่ เลยเอาตัวตกใต้ ลงในกระทะใหญ่ เสวยกรรมทีก่ ่อไว้ อัคคีไหม้ไล่ทัน เปรตทั้งหลายหมู่นั้น หากฮ้อนเฮ่งลนลาน นิรยบาลเร็วรุด อูดไฟ ได้โฮฮ้อง กาสบทองทื้นหน้า หลาวหลาเสียบกะง่อน ทั้งแขนขาถืกฆ้อน ขอนไม้ ผั่นหนีบแอว ลางตัวกลืนหน่วยแก้ว ก้อนใหญ่อันไฟลน ลางตนผ่องกินหนาม หากบ่ทำผู้คุมถื้น ลางโตบืนกกไม้ หนีไฟกองบักใหญ่ ทางเลือดไหลหลั่งย้อย ท้ัง กลอยเว้าเล่าขอ นบ้ี แ่ ม่นย่อ ๆ อนั บาปแต่งบุญแปลง กรรมน้ันคือเงาแยง ส่องนำ บัดยามย้าย ไผบุญหลายกะคืนฟ้า เทวาเพิ่นแหนแห่ เนาวิมานเที่ยงแท้ แลแล้ว ชื่นบาน ผู้ประพฤติหยาบด้าน บาปได้จ่องดึงดัน ตกนรกเที่ยงธรรม์ โทษมหันต์ พันปิ้น ไผผิดศีลเลยล้ำ ครองธรรมพระเจ้าพ่อ ไผผู้ก่อบาปฮ้าย เลยลงใต้ฝ่ายดำ ในตอนนี้ ฉันขอเตือนเตินย้ำ นิทานธรรมนำมาว่า บ่อนเปตาเปรตฮ้อน นอนดิ้น อยู่ถิ่นผี เพิ่นหากว่าเปรตทั้งหลายหมู่นี้ เคยทำบาปอกุศล ตอนเป็นคนเคยเสีย ล่วงเมียคนเค้า ไปนอนเนาชมซ้อน สายสมรเมียเพิ่น มัวแต่เพลินเที่ยวเล่น เวร ฮ้ายเลยม่ายบงั ตายแล้วเนาอยูย่ ง้ั อุทกังอนั ฮอ้ นฮุ่ม ตกลงกุมภีหมอ้ เพราะกรรม จ้อจ่องตาม ตกลงในกระแสน้ำ โอฆะแอ่งแดงสี ถืกวารีโถมชัด พัดลงในเกลียว คลื่น บ่หาญบืนหนีม้ม แสนระทมเอ้าอั่ง อุทกังน้ำฮ้อน ไหลท้อนบ่ผ่อนแฮง บ่ว่า มืดว่าแจ้ง กระแสแห่งเวรกรรม ได้ชักนำให้จมจุด สุดทรมานฮ้าย บ่เห็นปลาย พระภานุวฒั น์ อภิชชฺ โว (ศรสี รุ ะ) เรียบเรยี ง

๒๓ แกวสน้ มีแตส่ นซอ่ นเงอื่ น บเ่ ห็นเดือนพระจันทร์จา้ บ่เห็นฟา้ ฝัง่ ฝัน นับแตไ่ ด้โศก กลั้น ฮอดพันขวบหมื่นปลาย คึดเสียดายชีวิต อดีตเคยทำชั่ว ได้หลวมตัวผิดไป แล้ว พอปานแกวหลงหล่าย ขอแน่เด้อ ขอโอกาสครั้งสุดท้าย ให้เปรตฮ้ายได้ก่อ บุญ เสียงเปรตฮ้องอยู่ใต้พุ้น คือโอยโอดโหยหวน ยินแล้วชวนใจหาย หญิงชาย ให้ฮอมฮู้ ตริตรองดูถี่ถ้วน ควรบ่ควรให้คิดฮ่ำ ผิดจากธรรมพระเจ้าแล้ว สิตรง แน่วสู่อบาย โยมเอ้ย หกหมื่นปีผ่านย้าย เปรตชายในน้ำล่อง ได้โงคอขึ้นฮ้อง เฮ ไห้ใส่หมู่คน เริ่มแรกต้น มันฮ้องว่า ทุ สะ คำต่อตามกันมา นะ โส มันโฮฮ้อง เสียงบ่หองเหินหา่ ว ผ้ฟู งั หนาวใจสัน่ ฮอ้ งได้เพยี งทอ่ น้ัน พลันน้ำพัดจม นั้นล่ะนา .....ศรทั ธาโยม.....นอ ฯ ตอนที่ ๑๘ ราชันบ่บรรทม อัศจรรย์หมาขบช้าง สามแฮงล้มท่าว บาดว่าช้างลุกขึ้น หมาสิไห้ต่อสาม อศั จรรย์ใจน้ำ วังใสสังมาขุ่น อัศจรรยไ์ มแ้ ก่นหลอ่ น สงั มาปน้ิ ป่งใบ อศั จรรย์ใจก้งุ กุมกินปลาบึกใหญ่ ปลาซิวไล่สวบแข้ หนีไปซ้นหลืบหิน อัศจรรย์ใจลิ้นผู้ลวง หลอกคานบา อัศจรรย์พระราชา บัดฟังจาทหารเว้า ว่าบ่าวบาได้ถือเอาบัวเข้า ถวายทูลถวยส่ง มีประสงค์อยากเข้าเฝ้า ตนเจ้าผู้แจ่มศรี ราชโองการตั้งแต่กี้ ให้ ปิดแจบประตูวัง บาไดฟ้ ังเลยขืนขดั ซดั บัวเข้าในคมุ้ ขนุ เลยกุมคมุ ฆา่ วา่ สิจับบ่าว บา มาพผ้ี ัดหนีกอ่ น แต่ว่าทพี่ ระบญั ชร ผดั มดี อกบวั โป้ง จง่ึ ตรงเขา้ เล่าพระยา จั่ง ว่าขาวเอ้ยหนอ เจ้าผู้สีจันทร์จ้า พระราชาได้ฮอนฮ่ำ ว่าสิพบทองคำ ผัดเล่าเจอ ทองเก้ ทองเคก้อนกร่อนสนิม ว่าสิกินน้ำมิ้ม แตนผัดตอดกกขา ว่าสิชมผู้งามตา บ่าวบาผัดมาพ้อ หวังสริ อใหผ้ ัวเขาตายส้ิน แล้วหวงั กนิ นำ้ ส่างแซ่ง เสียดายเด้ จั่ง แม่นเสียดายแฮง เสียดายแปลงแผนซ้อน หวังนอนร่วมกล่อมเขนย เสียแฮงเด้ เสียงแฮงยิ้มเบิดเจอะ เสียแฮงยิ้มเบิดเจ้ย หวังเชยชิดกับนงนาง ตอนนี้พัง เภท์ทรุด สุดโกธาฮ้าย บุญมันหลาย หรือว่าชัยเฮามันหน่อย บ่สมกับรอคอย หรือสิฆ่าให้ตายมุ่น มื้ออื่นเด้อ กูสิฆ่าให้เป็นจุณ ย้อนว่าสูนเคียดฮ้าย เสียดายเด้ เทศนแ์ หล่อสี านนิทานธรรมบท เรื่องดนิ สีอรณุ หลวงพ่อมหาพร (ศรีเวฬคุ ามมุน)ี ประพนั ธ์

๒๔ แม่คุณ ในตอนนั้น พระราชาเสด็จย้าย เข้าพระที่บรรทมนอน จิตอาวรณ์ครวญ คดิ ห่วงนำนงนอ้ ง เมียเจา้ ของผู้นอนซ้อน ชมซอนคือขอนเป่อื ย จกั ว่าเมียหรือว่า เออ้ื ย ปานเฟือยฮา้ งอยู่ฝงั่ มลู รุ่นอยู่ดอกแมค่ ณุ เอ้ย หากบแ่ ม่นแรกรนุ่ แตร่ ุ่นเปิด ฝาโลง พระทยั องค์ภวู นยั บ่ผอ่ งใสพอนอ้ ย อยากมีแพงศรสี รอ่ ย สอยวอยมาซ้อน คู่ อยากมีแฟนกล่อมชู้ ชูข้างอยู่หว่างใน คิดไปหลายกะบ่ได้ พระทัยขุ่นทรวง กระสัน คิดรำพนั นำเมียเขา เน่าในพระทัยกลุ้ม ปานไฟสมุ ขอนไม้ ยุง่ ปานไหมแม่ ยายใหม่ หลับตาลงกะบ่ได้ พระทัยวุ่นขุ่นมัว คิดไปเบ้ิดตลอดทั่ว จนมัวมืดมึน ขมบั นอนบ่หลบั ประทับปรางค์ ฟา้ สสิ างเข้ามาแล้ว ชมุ หมูแ่ หลวตาเหล่ือม นอน เทียมอยู่ไม้ใหญ่ เสียงฮ้องอยู่ไกล ๆ ทั้งหนาวในสั่นเนื้อ ปานเสือฮ้ายไล่กุม พระราชาได้นอนกลุ้ม นรกภูมิพัดฮ้อนเฮ่ง เปรตทั้งหลายได้ฮ้องเส็ง ตะเบ็งเสียง กูกก้อง ยินถึงห้องป่องปรางค์ ฟังแล้วจิตสิแตกม้าง คือโอยโอดโหยหวน ฟังแล้ว ชวนน้ำตาไหล อั่งพระทัยบัดฟังแล้ว เสียงบ่แจ๋วแต่เหินสู้ บัดฟังดูกะหนาวสั่น พระทัยองค์ราชัน ปานกลองงั้นลั่นตึ้ง สะพรึงย้านสั่นสาย จักสิมีเหตุฮ้าย ฮ้อน เดือดประการใด๋ หากอทุ ยั ไขสี สิดว่ นทนั โหรท่าน มารายงานทำนายให้ สิตกทกุ ข์ หรือมีชัย หรือเวรฮ้ายสิเข้าฝ่า พระทัยองค์ราชา คือสิเภท์แตกม้าง มลายถิ่มอยู่ บอ่ นปรางค์ นนั้ ละหนา.....ศรทั ธาโยม.....นอ ฯ เว้าต่อ อนั วา่ ราชันเจา้ เนาว์นอนปรางคใ์ หญ่ หลบั บไ่ ด้ พระทยั ฮ้อนอดู เผา พระแจ่มเจ้า เลยเล่าสดับเสียง สำเนียงหวน โอดโอยโหยฮ้อง เสียงดังก้อง โหยหวนชวนฮ่ำ ผีต่ำฮ้าย โฮไห้ใส่หู ดูดีแล้ว ทันพราหมณ์เอิ่นสั่ง สอขีดตั้ง กระบวนเบ้ืองส่องดู คุณโยมเอ้ย ฯ ตอนท่ี ๑๙ คารมย์โหราจารย์ บรรยายเป็นสำนวนอีสาน คุณโยมเอ้ย แต่นั้นพราหมโณเฒ่า หมอโหร ฮีบด่วน ขึ้นเข้าเฝา้ ตนเจ้ามิง่ เมือง แล้วเล่าบายสอจ้ำ กระดานดำเขียนขดี เลียน เลขตง้ั กงแกว้ ส่องดู ฯ พระภานุวฒั น์ อภิชชฺ โว (ศรีสรุ ะ) เรียบเรยี ง

๒๕ กลอนเทศน์ ตอนนั้น พราหมณาเฒ่าอัญชุลีก้มกราบ ทราบว่ามีเหตุฮ้อน จึงจรดั้นด่วนมา ข้าแต่พระมิ่งฟ้า กษัตริย์ราชผู้ทรงศรี พระองค์มีกิจใด๋ ฝ่าย พระทัยจึงฮนฮ้อนอันวา่ ภูธรท้าว ไดไ้ ขคำแจง้ ข่าว ตรสั เรอื่ งราวตลอดสิ้น ภมู นิ ทร์ ไท้ใคร่ครวญ พราหมณ์ได้ฟังครบถ้วน กระบวนแห่งความมี ลาวจึงตีกงจักร ทัก ทวยถวยเบื้อง เอายามเมืองเป็นเลขต้ัง เอาดวงวังเติมต่อ มือจับสอขีดจำ้ ตำต้อง ต่อยกระดาน ตามตำราเพิ่นต้าน หากหารขาดคูณสอง ตกหว่างครองทางศูนย์ สิ มุ่นเมืองเคืองแค้น แดนทั้งแดนไฟสิไหม้ ไพรีสิปล้นแย่ง ดินสิเกิดแห้งแล้ง เมือง บ้านสิหล่มหลวง คนในปรางค์นครกว้าง สิกลับเกิดจลาจล ทั้งไพร่พลเสนา สิเล่า ตายเหมิดเกลี้ยง พระจอมเมืองสิตายสิ้น บัลลังก์ภินท์ขาดมุ่น มวลอสูรบาปฮ้าย ทำลายล้างต่างตี เว้าแต่เพียงท่อนี้ พราหมณ์เล่าประณมกร อันว่าภูธรพระ หว่ัน พระทัยในเนื้อ พอปานเสือเจอแข้ อีกทั้งแหติดบ่วง โลกเอ้ยโลกลุ่มกว้าง เจ็บ ทรวงฮ้ายสิพ่ายพัง เฮ็ดจั่งใด๋พ่อพราหมณ์เอ้ย เฮาสิได้อยู่ยั้ง ปรางค์เก่าเนาเมือง ไวแน่เปี๋ยงโหราจารย์ ให้ฮีบขานคำเว้า ตอนนั้น พราหมณาเฒ่าได้ถวยทูลเบื้อง บาท อนุญาตแก่ข้า โหราใช้ส่วงเวร ภัยทั้งเหมิดสิหลีกเว้น สิ้นส่วงดวงชาตา ขอ แต่องค์ราชาได้แต่งภาช์บูชาเจ้า ให้จับเอาคนข้า ทาสาใช้ส่วง ทั้งโคหลวงช้างม้า ลาแบ้แม่คน ขอให้พระมิ่งต้น ค้นคว้าแสวงหา แล้วปาดคอบูชาผี เปรตพลีกาลี ฮ้าย หน่อยบ่หลาย ฮีบจับเอามาไว้ ไว ๆ อย่าช้าอยู่ ประมาณดูให้ถึงฮ้อย ขุน ขอ่ ยใหแ้ ต่งตาม พระองคต์ กขะมะคร้าม บัดพราหมณ์เลา่ ทูลถวาย หมายว่ามีเวร ภัย ใสก่ รรมนำจี้ พระภูมีบท่ รงชา้ สัง่ ใหจ้ บั สตั ว์สา มาฆ่าบูชาใหญ่ ภวู นยั เพ่นิ แตง่ แก้ สิฆ่าแบ้แผ่ผี เว้าให้ฟังท่อนี้ คงเห็นหว่างทางธรรม ผู้ใด๋ดำผู้ใด๋ขาว เรื่อง ราวพวมแจ้ง ผู้แสดงกะอิดล้า กายากะอิดอ่อน โยติกาบทกลอน ตอนภูธรมิ่งฟ้า บูชาไท้ฝ่ายผี น้ันละหนา.....ศรทั ธาโยม.....นอ ฯ เว้าต่อ คุณโยมเอ้ย พระก็จัดแต่งตั้ง โภชนังน้ำท่า ทั้งช้างม้า ลาแบ้แม่โค ทาโสขา้ ทาสีใช้สว่ ง บวงสรวงเช้อื ผฮี ้ายฝ่ายดำ สาแหลว้ ฯ เทศน์แหลอ่ สี านนิทานธรรมบท เรอื่ งดนิ สีอรณุ หลวงพ่อมหาพร (ศรีเวฬคุ ามมุน)ี ประพนั ธ์

๒๖ ตอนที่ ๒๐ โวหารเทวี บรรยายเป็นสำนวนอีสาน จับปากกาขีดแต้ม แถมธรรมย้ำเรื่อง เติม สำเนียงม่วนแม้ง แสดงบั้นกลั่นผญา ลืมแล้วบ่ผู้ฟังจ้า ผู้เอิ้นว่าพระเทวี ราชินีผู้ ครองเวยี ง พา่ งเพยี งอวนอ้าย คุณโยมเอ้ยฯ กลอนเทศน์ มื้อนี้ ศรีสวัสดิ์พร้อม จอมคุณชัยโชค ทั้งโฉลกถืกต้อง ครอง ขั้นทิพย์วิมาน ได้เวลาเปิดม่าน นิทานเทศน์กลอนแถลง ตัวแสดงนำมาโชว์ ปล่อยโตเทวีเจ้า พระมเหสีเหง้า ผู้เนาว์เฮียงเพียงพ่าง ฟังพระองค์อ่านอ้าง พระทัยม้างตา่ งฤดี พเ่ี อย้ พ่ี ตัง้ แต่คราวก่อนก้ี เฮาเคยฮว่ มเสน่หา เป็นราชาราชินี มิ่งศรบี ุรีกว้าง ชนท้ังปวงชุลไี หว้ ถวายพรน้อมสง่ ต่อพระองค์เอกเจา้ กับทั้งเหง้า แมเ่ มอื ง ในม้อื นมี้ เหสีทราบเรือ่ ง พระทยั ขนุ่ เคืองขัด เห็นขุนจดั แปลงการ เตรียม ประหารสัตว์เชื้อ โอ้ว่าเหนือหัวเจ้า สามิโกเฮ็ดไปทั่ว คันข้างขวาไปเกาซ้าย คัน ท้ายไปเกาคาง ฝันเห็นยุงคาบช้าง ผัดไปจูดนาเขา ช่างหูเบาแท้น้อคน ตื่นกล ลวงลิ้น หูได้ยินเสียงหยังฮ้อง ผั่นจองหองไปฆ่าเพิ่น เกินเหตุผลไปแล้ว เมีย แก้วขอทัดทาน จับมาหยังผัวชาวบ้าน มีทัณฑ์โทษประการได๋ หืออยากไปเชย ชิด ฮ่วมนอนกับเมียท้าว ช่างสามหาวเฮ็ดไปได้ ขออภัยเว้าซื่อ ๆ ขอโอกาสเบ่ิง จักมื้อ เมียนี้อยู่บ่ไหว ข้าแต่องค์เอกไท้ มหาราชกษัตรา ชาวประชาเขาทนทุกข์ อั่งอุกพอแฮงแล้ว ย้านเสียแนวพงศ์พ้อง ชุมเจ้าของครั้งยิ่งใหญ่ น้องจึงไขปาก ต้าน คำเว้าต่อพระองค์ ฟ้าเอ้ยหนอ ยินเสียงฮ้องโป้ง ๆ อยู่โขงเขตแดนผี พระ เทวนี างคราญ กอ่ การสำเร็จแล้ว จกั จับมาหยังแหลว่ แนวทาสีใชส้ ่วง ปวงสัตว์สา ม้าใช้ ชุมเชื้อหน่อชาย บูชายัญเพิ่นหากว่าบาปฮ้าย อย่าสร้างก่อผิดครองธรรม ไผผู้นำความทูล กูมาสูนให้มันแท้ ช่างหูแวคือแหก้อม จอมบางถืกน้ำผ่า ฝูงปู ปลาลอดใต้ พระยาไท้กะดั่งเดียว น้องนี้บ่โลภเลี้ยว บ่ถือโทษโทสา สิขอพาอวน องค์ ไปสู่สงฆ์ในวันนี้ เลิกพิธีอันเลวฮ้าย พราหมณ์ทั้งหลายเว้าไปทั่ว เชิญเหนือ หัวอวนอ้าย เสด็จย้ายสู่สงฆ์ เขาซ่ากันอยู่โป้ง ๆ ว่าองค์เอกพระสัตถา เสด็จมา พระภานุวฒั น์ อภิชฺชโว (ศรสี ุระ) เรียบเรยี ง

๒๗ เซาพัก วัดเชตวันพุ้น ถือเป็นบุญกุศลยู้ บรมครูเพิ่นมาแหว่ ทูลพระองค์ให้กล่าว แก้ ปัญหาเค้าเกา่ มโน ฯ ตอนนี้ เมียเว้าแล้ว ผัวสิแอ่วเออออ เลยหมาดคอจักสองคำ ทำทรงบ่ กลัวย้าน แล้วเลยขานจาเว้า นงเยาว์ของเจ้าพี่ ผิดคราวหลังตั้งแต่กี้ อวนอ้าย ส่วนยอม อันว่าสัตว์สาพร้อม มวลหมู่ทาสา พี่จับมาหวังฆ่าแกง แต่งภาช์บูชาไท้ สิขอไขปลดแก้ บ่เหลือแลแมแ้ ต่หนอ่ ย ส่วนว่าผดิ ใหญ่นอ้ ย ให้ตนเจ้าลอุ ภยั จง่ั วา่ มื้อนี้ได้ อุดมฤกษ์สิทธิการ พี่สิหันมาเดิน ฮ่วมทางตนเจ้า พี่สิเอาตนเข้า ไปหา สงฆอ์ งคท์ า่ น เยาวมาลย์นาถน้อง มาแมฮ้ ีบด่วนไป พระนางเอ้ย.....นอ ฯ ตอนที่ ๒๑ มนุ โี ลกนาถ ตอนนั้น จอมพระราชาเจ้า ไดเ้ ข้าพบพระโคดม บรมองค์พระมนุ ี มิ่งชินศรี เจ้า โอ้ว่าองค์แก่นเหง้า สัพพัญญูผู้โลกซ่า ศาสดาเอกล้ำ ธรรมฟุ้งกลิ่นขจร ทรง ซ่อยเหลือผู้เดือดฮ้อน บัดฮอดหว่างทางภัย ไผมีความโศกา พระสัมมาสิพาม้ม ใหส้ ขุ สมบานแม้ง มโนแปลงปนั้ แตง่ พระแสดงอา่ นอา้ ง ทางพน้ ลุ่มอบาย ในตอน นั้น พระราชาล่วงย้าย เสด็จคู่พระเทวี ถึงกุฎีเซาพัก แห่งองค์พุทโธเจ้า แล้ว เลยเอาตนเข้า อัญชลีฝ่าพระบาท อภิวาทกราบก้ม ประณมไหว้พ่อพระครู พรอ้ มกราบทลู ให้ทราบฮู้ กระแสแหง่ ความมี ในราตรีสดบั เสยี ง ประทับเวียงฮ นฮ้อน ย้านนครไฟไหม้ ไพรีสิม้างผ่า นคราถิ่นกว้าง ปวงบ้านสิหล่มหลวง ราช วังใหญ่กว้าง หากปิดแจบบ่เปิดไข จักเสียงไผโหยหวน โอดโอยในคืนนั้น พระ จอมธรรม์ทรงฮู้ บรมครูทราบแน่ กะเลยตรัสตอบแก้ องค์เจ้าพ่อพระยา ว่าดูกร พระมิ่งฟ้า มหาราชพระนามไข ภูวนัยราชา พร้อมกับชายาท่าน ในคืนวานหาก แม่นเสียงโอไห้ เปรตชายในโลกลุ่ม ถืกไฟสุมน้ำฮ้อน เลยหอนไห้ใส่หมู่คน ทุกข์ ยากล้น เลยฮ้องวา่ ทุ สะ “ทุชีวิตมชีวิมหฺ า” นั้นแม่นความคาถาตน้ ตอนเป็นคน มันบ่เคยทำสร้างทางดีหนีชั่ว เลยมืดมัวหมกไหม้ ลงใต้ฝ่ายดำ “สะ” ที่สองบอก ย้ำ ว่ากาลยืดยาวไกล “โส” คือหกหมื่นขวบปีปลาย หน่ายอุราบัดฟังแล้ว “นะ” เทศนแ์ หลอ่ สี านนิทานธรรมบท เรือ่ งดินสอี รณุ หลวงพอ่ มหาพร (ศรเี วฬคุ ามมุน)ี ประพันธ์

๒๘ นั้นบ่มีแหล้ว บ่มีแปวฮูป้อง ฝูงศรัทธาพี่น้อง อย่าเกี่ยวข้องฝ่ายบ่ดี เพิ่นหากว่า เปรตทั้งหลายหมู่นี้ เคยผิดลูกผิดเมีย ไปนอนเฟียชมชอน มิ่งสมรเมียท่าน พระ ภูบาลสดับแจ้ง คำแถลงแจ้งแจ่ม เพิ่นแสดงถืกข้อ แท้น้อท่านพ่อพระครู พระ โลมาลุกซู่ บัดฮู้แห่งความมี สิ่งบ่ดีเฮาเคยทำ บาปกรรมเฮาเคยมัว่ เห็นแก่ตัวเลย ลมื ถิม่ ครองธรรมพระเจา้ พ่อ เกอื บแม่นนอ เกอื บลอยคอตกใต้ ไฟไหม้หกหม่ืนปี นั้นละ่ นา.....ศรทั ธาโยม.....นอ ฯ เว้าตอ่ พทุ ธองคอ์ า่ นอา้ ง ไขป่องทางธรรม คำควรคือ สอ่ งทางเทียนไต้ ภูว นยั เซ้ือ สดบั คำตรัสส่งั ว่าอะหังผู้น้อย ผิดแลว้ สว่ นยอม โคกับทง้ั คนพรอ้ ม จับมา สิแก้ปล่อย ทาสใหญ่น้อย องค์เจ้าสิปล่อยไป ราชาไท้ สำนึกบาปปาปัง ศีลกามงั ปาปมีเวรสิตอ้ ง คกั แหลว้ ฯ ตอนที่ ๒๒ พุทโธวาทภาษิต บรรยายเป็นสำนวนอีสาน วันเวลาเปลี่ยนย้าย ข้วมก่ายเป็นปีเดือน โลก หากหมุนเวียนผัน ส่ำกันกับดุมล้อ ยามเฮารอคอยถ่า กาลเวลาคือชา้ อยู่ หน้าอด สูผู้ดั่นดิ้น ได้ผินข้างพ่างเม็ง ยามเมื่อเฮาฮีบเร่ง ตั้งต่อนำการงาน กาลเวลาก็คือ เร็ว แล่นไวฮนฮ้อน ไผผู้นอนลงแล้ว ตายังแจ๋วตั้งตื่น ชั่ววันคืนสิผ่านม้ม ระทม เนื้อผ่อคอย ยามเมื่อแฮงยงั น้อย ลา้ เม่อื ยในกายา ระยะทางเค่ิงวา กะทรงคอื ยาว เยิ้น สัตว์ผู้เพลินม่ัวเลน่ เปน็ พาลฮ้ายตำ่ บเ่ ห็นธรรมฮงุ่ แจ้ง แลงเชา้ ค่ำคืน ชุมหมู่ นี้ยากสิฟื้น พื้นแอ่งอันไฟลน วัฏวนยาวไกล สำหรับคนพาลนั้น พระจอมธรรม์ เห็นแจง้ แสดงธรรมเติมตอ่ ยอคดกี ล่าวแก้ พระยาเจ้าเลา่ ถวาย คณุ โยมเอ้ย ฯ ตอนที่ ๒๓ รอดชีวิตเพราะธรรม บัดนี้ ใกล้สิอวสานแล้ว เสียงแซว ๆ โยมเว้าว่า ทั้งเจ็บขาปวดบั้น แอวส่ัน กะเคล็ดจัง ลางคนว่าพระเพิ่นเทศน์บ่ยั้ง จ้าวใส่แต่ทางกลอน บ่ออนซอนผู้ฟัง พระภานวุ ฒั น์ อภิชฺชโว (ศรีสรุ ะ) เรียบเรียง

๒๙ เสียง สิเมื่อยวินอิดล้า ยามมีงานคราวหน้า สิบ่มนต์เพิ่นมหา มาเทศน์แถมส่ง เทศน์บ่มีบทปลง แสดงดะผ่าม้าง พอปานช้างลากตอ เอาละฉันสิเว้าย่อ ๆ สรุป เรื่องเรียงคำ นิทานธรรมนำมาเผย เอ่ยความแต่เพียงน้อย อันว่าตนโตข่อย อาตมาก็แสนเมื่อย มหาพรเพิ่นเขียนเรื่อย เป็นเฟือยไม้ไต่ฮาว บทนิทานพวมจูบ จ้าว มว้ นใส่ในทางธรรม ฉนั แค่นำมาเสนอ อย่าจ่มเด้อโยมจ้า ทง้ั มีงานคราวหน้า แลว้ แตพ่ วกศรทั ธา สิไปเอิ้นมาต่อ จม่ โลดเดอ้ โยมแม่ จม่ โลดเดอ้ โยมพอ่ แตเ่ ฮียม ขอเวน้ ไว้ ใหไ้ ปฮา้ ยผู้แตง่ กลอน พ้นุ เถาะนา.....ศรทั ธาเอ้ย.....นอ ฯ กลา่ วถึงบาคานท้าว ผนู้ อนหนาวอยูว่ ดั ป่า ขออาศัยเพิ่นครบู า ตงั้ แตค่ ืนจน ซอดแจ้งแสงโม้งฮุ่งใส หน่อยหนึ่งยินเสียงไท้ นัยเทศนาธรรม คำดำรัสแห่งองค์ พุทโธเจ้า บาเลยเอาตนเข้า ไปฟังธรรมนำพวกหมู่ สัพพัญญูเอกอ้าง ทางพ้นลุ่ม อบาย แล้วกะนั่งอยู่ท้าย ก้ำฝ่ายสาธุชน เห็นไพร่พลเสนา หลั่งไหลมาเต้า น่ัน แม่นราชาเจ้า โกศลผู้ยิ่งใหญ่ ประทับอยู่วงใน ทรงสดับรับข้อ ประณมจ้อ นมสั การ บาบ่าวฮวู้ า่ ท่าน มาฟังเทศน์พระโคดม เลยพนมมือยก ฮ่วมโมทนาน้อม เถงิ สงั ฮอมสรปุ เร่ือง ผัดมีเสยี งเซ็งแซ่ เขาหากว่าพระราชายอมแพ้ สำนกึ ได้ไถ่เวร บาปทั้งหลายเพิ่นสิเว้น บ่ถือโทษเคืองไผ สัตว์ทั้งหลายสิปล่อยเสีย บ่ล่วงเมียคน เค้า บาเลยเอาตนเข้า อัญชลีฝ่าพระบาท ขอโอกาสกระหม่อมเกล้า ได้คืนเหย้า เก่าเฮอื น ถ้าผูข้ า้ แปดเปือ้ น ครองฮตี กฎหมาย สิขอตายแทนทด โทษมหนั ตท์ ัณฑ์ ฮ้าย โทษทั้งหลาย เฮียมบ่เคยลงกั้ว เพียงแตเ่ ป็นมิง่ ผัว ของนางแก้วผู้งามยิ่ง เว้า ตามหลักความจริง ผู้ข้าผิดหยังว่า พระยาเจ้าจึงใส่ความ สาธุเด้อ.....ในมื้อนี้ข้า ขอร่วม ถวายพากยฎ์ ีกา โปรดกณู าให้ชีวิต อยา่ ปลดิ ตายหงายไว้ บาบ่าวไขแถลง ชี้ พระภูมีให้คิดฮ่ำ ขอเดชะผู้ทรงธรรม โปรดปล่อยคนผู้บุญน้อย ให้คืนบ้านถิ่น สถาน ฯ ตอนนี้ นิทานไขบอกต้าน ราชันพระเจ้าใหญ่ ได้ปล่อยบาคานไป ลุอภัย หมดสิ้น ชีวินไท้ปล่อยคืน คนกะแตกว้ึน ๆ ยอยกโมทนา พระราชาทรงธรรม บ่ ก่อกรรมเมาม่ัว ปลอ่ ยให้ผวั คืนบ้าน ผนู้ างคราญเขาถา่ อยู่ นา่ อิดบู ัดผัวแก้ว ได้เฮ ไห้ใส่มิ่งเมีย นี้ละนอชาติเชื้อ พุทธทาสผู้ฟังไข อย่าสิไปซมซด ก่อกรรมมึนม่ัว ผู้ เทศน์แหลอ่ สี านนทิ านธรรมบท เรื่องดินสีอรณุ หลวงพอ่ มหาพร (ศรีเวฬคุ ามมนุ )ี ประพนั ธ์

๓๐ เป็นผัวขอใหฮ้ กั เมียแก้ว เมียกะฮกั นำแนว ผัวแกว้ เมียม่งิ ขอใหฮ้ กั กันจรงิ อย่าได้ ลวงหลอกลน้ิ ศลี เจ้าสิพ่ายพงั นน้ั ล่ะนา.....ศรัทธาโยม.....นอ ฯ เว้าต่อ ต่อหน้าเจ้า พุทธบาทโคดม บาบังคม ต่อองค์พระยาเจ้า ขอคืน เหยา้ หาเมยี นอ้ ยออ่ น ผิดก่อนก้ี อภยั ใหแ้ กบ่ า แน่ถ่อน ฯ อันวา่ ราชาไท้ คืนคำ ตรัสสั่ง อะหัง ผิดพลาดแล้ว ลุให้แก่เฮียม แน่เด้อ คืนเมือถ่อน คนพลอยบ้านปา่ ภรรยามิ่งแก้ว คองแล้วผ่อคอย บาปใหญ่น้อย อย่าถือโทษโกรธกัน เด้อท้าวเด้อ ทุกข์มหันตอ์ กุ ใจ ให้ปลอ่ ยไปเหมดิ สิ้น ฯ ตอนท่ี ๒๔ คู่กรรม คูข่ วญั บัดนี้ เป็นจั่งใด๋ผู้ฟังเรื่อง กระแสเสียงอีสานพากย์ พ้นบ่อนยากหยุ่งหย่ัง มาแลว้ กะชนื่ ใจ นล่ี ่ะหนาเพ่ินว่าไว้ วา่ ฟา้ ใหม่หลังฝน ชวี ิตคนกะคือกัน หากพลิก ผันพันฮ้อย ลางคนคอยแต่ทนซ้ำ ทรกรรมคือฟ้าหม่น บ่มีม้ือสิหลีกพ้น สนแส่ว จ่องดึง คนผู้ฟังคงฮู้ซึ้ง ว่าฝนทุกข์กำลังซา ทั้งภรรยาสามี สิสุขีเริงร่า พอนาง เหลียวเหน็ หน้า สามกิ าคืนโค้งถน่ิ โฉมถวิลนาถหล่า กะเริงร่าเขา้ รับขวญั พี่เอ้ยพี่ ข่าวว่าเจ้าเดินดัน้ ดงใหญ่ไพรพนัง นอ้ งอย่หู ลังทนทกุ ข์ อุกทรมานฮา้ ย ดีใจหลาย เจา้ คืนโคง้ สมิ นตส์ งฆ์กบั หลวงพ่อ มาซอ่ ยต่อชาตาเจา้ เอน้ิ ขวญั เขา้ ใส่คีง นางกะ บ่อยู่นิ่ง ไปมนต์พ่อเพิ่นญาซา มารับขวัญบ่าวบา แต่งภาช์มาลาเอ้ หลวงพ่อเพ บ้านป่าหว้า หลวงพี่แดงบ้านมหา ญาครูเม้าบ้านหลักด่าน ฉลองงานในมื้อนี้ “สัพพี” พร้อมส่งพร เสร็จกระบวนรวบท้อน ได้เชิญพ่อพราหมโณ มาไชโยเชิญ ขวัญ สู่อวนองค์อ้าย.....ว่า ศรี ศรี มื้อนี้ เป็นม้ือสรรวันดี วันดิถี อมุตตโชค จตุ โลกอาจองค์หลวง ทง้ั ค่วงบนบุรมเจ้าฟ้า เดชะกลา้ กวา่ สิ่งท้งั หลาย จงึ ยายยงั พระ พรและควงจ้มุ ให้ลงมาค้มุ ฝูงคน ใหห้ ายกงั วลและเดือดฮ้อน โพยพยาธิ์ข่อนพ่าย หนีไป ทั้งภายในและภายนอก แดนด้าวขอกคีรี พระฤาษีสิทธิเดช จบเพทพร้อม อาคม นิยมประสิทธิ์ประสาท พรแก้วอาจดวงดี เพิ่นจั่งใช้ข้าน้ี เป็นขุนนำมาไต่ เต้า เฮียกขวัญเข้ามาเทียมตนเทียมตวั ข้าจักเชิญเอาขวัญหัวและขวญั แก้ม ขวัญ พระภานุวฒั น์ อภิชชฺ โว (ศรสี รุ ะ) เรียบเรยี ง

๓๑ ปากแย้มเจรจา ขวัญตาและขวัญคิ้ว ขวัญท้องน้อยห้ิวฮาวนม ขวัญผมดำดูอาจ ข้าจักเชิญเทวราชเจ้า มาซ่อยเฮียกเอาขวัญ ว่ามาเด้อขวัญเอ้ย.....ขวัญเจ้าไปอยู่ ก้ำ ถ้ำเถื่อนไพรพนัง ไปอยู่วังปรางค์ปรา ให้ต่าวมาวันน้ี มาเด้อขวัญเอ้ย.....ไป เมืองผีให้คืนโค้ง หลงดงให้คืนถิ่น คืนมากินข้าวปั้น มันก้อมจี่ไฟ มาเด้อขวัญเอ้ย .....คืนมากินหมากไม้ น้อยใหญ่ผลผลา มากินปลาดุกแดง หมู่แตงโมก้อม มากิน หอมหมกหม่ำ อ้อยดำหัวไก่ มากินใบหมากแข้ง แกงช้างใส่หง่ายาง มาเด้อขวัญ เอ้ย.....ขวัญเจ้าอย่าสิไปเที่ยวค้าง นำทางวิ่งแล่น คืนมาใส่ก้องแขน ทั้งหมู่แหวน ใส่ก้อย สังวาลย์สร้อยใส่คิง มาเด้อขวัญเอ้ย.....ขวัญเจ้าอย่าสิหลบอยู่นิ่ง ให้ ฟ้าวอ่วยคืนสา อาตมาผู้เขียกลอน นี้เหงานอนพอแฮงแล้ว ขอเชิญเอาขวัญแก้ว ขวัญคำนำให้ต่าว สิอยู่ใสให้ฝั่งฟ้าว เร็วถ่อนมาสู่คีง นั้นล่ะนา.....อย่าอยู่นาน..... นอ ฯ เว้าต่อ สู่ขวัญแล้ว ผูกแขนป้อนไข่ ใจช่ืนห้าว นำท้าวบ่าวบา กัลยาน้อย สอยวอยเทียมพ่าง ซ่อยกันสร้าง โฮงแก้วให้ใหญ่สูง สองมาดมุ่ง ครองฮักเสน่หา เป็นภรรยาสามี คูข่ วัญคนย้อง ฯ ตอนที่ ๒๕ บรบวนเทศนานัย บัดนี้ อวสานสุดท้าย ขอขยายธรรมภาค ฝากคติเล็กน้อย แถลงถ้อยต่อ เติม เว้ากันมาแต่แรกเริ่ม เปิดฉากเทศนา เป็นจั่งใด๋ฝูงศรัทธา ม่วนกันหรือบ้อ หรือพอปานกินน้ำ สาโทอยู่ส่างแส่ง ส่ำกินแกงขาดช้อน ชุมเชื้อหมู่จอง ม่วนบ่ ม่วนกะแล้วแต่พี่น้อง สิแปลงใส่คำจา ซ่อยกันหากลเม็ด มาต่อเติมเสริมแต้ม ผญาแถมแกมเล่น สำปะปิปานแกงป่า มีบทโศกโศกา บทโกรธาเคียดแค้น แสน เล่ห์รักลวง ผิดบ่อนได๋ขอให้ท้วง เผื่อว่าสิปรับปรุง บ่อนได๋สูงบ่อนได๋เขิน กล่าว เกนิ สฟิ ังไว้ ขอเชญิ ไขแถลงชี้ บทกวีชแี้ จง่ ฟงั แสดงอ่านอา้ ง สรุปเรื่องตอ่ ไป ฯ ก่อนสิได้จากเจา้ ฉนั ขอฝากคติกลอน เปน็ คำสอนธรรมะ จากมหาพรน้อย เทศนแ์ หล่อสี านนทิ านธรรมบท เรื่องดินสอี รุณ หลวงพอ่ มหาพร (ศรีเวฬคุ ามมุนี) ประพนั ธ์

๓๒ ไผผู้แพงศรีสร้อย ภรรยาแก้วกิง่ ขอให้ฮักกันจริง อย่าลุละผ่าม้าง ขางเฮือนเจ้าสิ พ่ายพัง แต่งกันแล้วขอให้เนาอยู่ยั้ง ตลอดชั่วชีวิน ฟ้าและดินสลายไป ใจเฮายัง พานเกี้ยว ถือฮักเดียวฮักมั่น สัมพันธ์เกาะก่าย เมียเท้าขวาผัวเท้าซ้าย ซ่อยกัน ย้ายไปสู่ฝัน อุปสรรคขีดกั้น ให้บากบั่นทำเพียร ผัวเป็นเฮือนเมียเป็นซาน ผสาน ใจกันไว้ ยามว่าเมียเสียใจ ให้ผัวออยออเว้า เผยสำเนาเว้าม่วน ๆ อย่าได้ชวนด่า ซ้ำ คำเว้าให้ม่วนหู เว้นจากการเล่นชู้ ผิดฮีตครองเมีย มันสิเสียครองธรรม บาปกรรมสินำต้อง เมียเจ้าของให้เพียรสู้ โฉมตรูเนื้อละไม ถ้าฮักกันดว้ ยใจ แม่น สิฮูปฮ่างฮ้าย แต่ในเนื้อนั้นแม่นทอง โยมผู้ฟังพี่น้อง คงฮู้เรื่องกันดี บทกวีนำมา จา เทศนาพอเห็นแจ้ง ไผเป็นนายไผเป็นแหล่ง ไผเป็นแดงหมากผีผ่วน ไผผู้ป่วน เรื่องให้วุ้น ไผบุญหน่อยจ่อยโซ ไผผู้ฮูปฮ่างโก้ ยศใหญ่สูงศักดิ์ ไผเอาหัวปักตม โง่ งมพาลฮ้าย ไผบุญหลายแต่ยศหน่อย สอยวอยน่าเอาอย่าง คงพอเห็นป่องทาง ปฏิบัติคักแล้ว ทั้งแนวฮ้ายและดี เทศนามื้อนี้ กะถึงที่จุดหมาย ภาคขยายความ ครบ สู่บรบวนแล้ว ถ้าเป็นแกวคงเป็นแกวเชือกฝ้ัน ขันซุงให้มั่นแก่น ขอเอิ้นส่ัง แฟน ๆ โยมผฟู้ งั ทกุ ทา่ น วสานแล้วสิแสว่ ลง น้ันละ่ นา.....ศรัทธาโยม.....นอ ฯ ตอนท่ี ๒๖ จากใจ \"ศรเี วฬคุ ามมุน\"ี จากดินสอี รณุ แหล่สง่ ท้าย.....กลอนสด สารนี้เขียนขีดแต้ม ในระหว่างพรรษากาล ปีสองพันห้าร้อยห้าสิบเอ็ดท่ี ผ่านมา สรรคำจาเป็นทำนอง ต่อกลอนเสนอท่าน เป็นผลงานชิ้นแรกเริ่ม ประเดิมชัยกวีใหม่ เฮียมผู้เขียนนี้เป็นคนบ้านไผ่ ภูมิสถานถ่ินเค้า จังหวัดขึน้ แก่น นคร คิดเห็นเด้.....คิดฮอดคราวแม่ออกพ่อออกฟ้อน ย้อนใส่เสียงพิณสาย สวย เพลงายหมู่เพ่ินแห่กัณฑห์ ลอน เทศน์นครแตต่ อนเป็นเณรน้อย บัดนี้นอ บัดนี้ตน โตข่อย คนพลอยลูกบ้านป่า จากแดนดินถิ่นวนา มาอยู่กรุงเทพฯกว้าง เมืองฟ้า เขตไทย ฝากแน่เด้อ.....ฝากคำกลอนคำสอนไว้ เป็นมิตรแท้ในดวงใจ ต่างไปยาม ถามข่าว เอิ้นสั่งเสียงยาว ๆ อยู่ดีเด้อพี่น้อง ศรัทธาเจ้าคู่สู่คน อำนวยพรพวกแม่ พระภานุวัฒน์ อภิชฺชโว (ศรสี รุ ะ) เรียบเรียง

๓๓ โซ้น ผู้มานั่งฟังธรรม กิจประจำเสมอมา บ่ละเลยพอครั้ง ขอให้สมหวังได้ จตุพร มงคลชัย อายุมั่นวรรณผ่อง ใจให้ใสฮอง ๆ สัพพะโภยพยาธิฮ้าย ให้หนีเว้น หา่ งไกล ฯ พอเมื่อจบกระบวนแล้ว พรรณนาธรรมพากย์ ปราศจากโภยภัยฮ้าย มวล มารผ้ายแล่นหนี เขียนจบลงในคราวนี้ กะสมที่หวังหมาย ดีใจหลายน้ำตาไหล ฮ่างคีงขนตั้ง พลังปีติปานคลื่น ทะเลหลวงซัดสาดฝั่ง บัดนี้นอ บัดนี้มโนนึกเฮียม เคยหวัง ว่าสิเขียนกลอนเว้า ยอขึ้นกราบถวาย ตั้งใจเขียนเป็นพุทธบูชาไท้ พระ เจ้าใหญ่พ่อโคดม ได้มาสมความหวัง ถึงฝั่งฝันแล้ววันนี้ จักสิดีปานได๋แหลว่ แนว นักเขียนกลอนใหม่ ขอแรงเชียร์แรงใจ สนับสนุนลูกหลานเจ้า ศรัทธาเฒ่าคู่สู่คน ขอบพระคุณ ผู้เปน็ อาจารย์ต้น รนุ่ เก่ากอ่ นเคยสอนหลาน บุพพาจารย์กวีธรรม ผู้ โด่งดังเพียงฟ้า หลวงพ่อมหาพิมพา ผู้เป็นแรงใจให้ พร้อมกับศรัทธาไทย บ้าน มหาท้ังน้องพี่ ขอบพระคณุ ไปถึงหลวงพ่อทองเพชร พ.กวี นกั ผญารนุ่ เคา้ อาจารย์ เฒ่าผู้มุดมรณ์ ในมื้อนี้นิทานธรรมสรุปท้อน บทเทศน์แถลงไข กายจากไปใจยัง คิด ห่วงนำศรัทธาเจ้า มีเวลาสิแวะเวียนมาเข้า สนทนานำพวกหมู่ ฝากแน่เด้อ ฝากซ่อยดูผลงานด้วย ขอเชิญช่วยเบิ่งแยง ฟ้าเอ้ยนอ ฟ้าหน้าแล้ง หางแก่งใส่ภู ผา เดือนธันวาปลายปี บทกวีจั่งยอม้วน ควรบ่ควรขอยอไว้ สำนึกลึกมโนใน คะนึงบ้านเกิดถิ่น ฝากผลงานไว้แผ่นดิน บัดคราวจากไปแล้ว พอได้เว้าสู่กัน ประพนั ธก์ ลอนบอ่ นบ้ัน ถงึ ท่อี วสาน เจา้ หัวหลานผขู้ านเสยี ง ขอเผดยี งแต่เพียงน้ี เอวงั ทีตัวข้า ลาจากพวกศรัทธา คนื บา้ นสถานถิน่ เทศนน์ ทิ านเร่อื งดนิ สีอรุณ จบ แต่เพยี งทอ่ นี้ ลาแลว้ หมกู่ ะโยม.....นอ ฯ จบบริบูรณ์ พระภานวุ ัฒน์ อภชิ ฺชโว (ศรีสรุ ะ) เรียบเรียง/พิมพ์/ทาน วดั เวียงเกษม ตำบลเมืองเดช อำเภอเดชอดุ ม จงั หวดั อบุ ลราชธานี ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๕ เวลา ๑๕.๕๙ น. เทศน์แหลอ่ สี านนิทานธรรมบท เร่อื งดินสอี รณุ หลวงพอ่ มหาพร (ศรเี วฬุคามมนุ )ี ประพนั ธ์

๓๔ แหล่งอ้างองิ ศรีเวฬุคามมุนี. ดินสีอรุณ นิทานธรรมบท สำนวนอีสาน. [ออนไลน์]. แหล่งที่มา: https://www.baanmaha.com/community/ [๑๖ ก.ค. ๒๕๖๕]. พระภานุวัฒน์ อภิชชฺ โว (ศรีสรุ ะ) เรียบเรยี ง