Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ขอนแก่น : แหล่งวัฒนธรรมอีสาน

ขอนแก่น : แหล่งวัฒนธรรมอีสาน

Description: การจัดทำหนังสือเล่มนี้ นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับจังหวัดขอนแก่นในแง่มุมความเป็นศูนย์กลางความเจริญของภาคอีสาน รวมทั้งเป็นแหล่งวัฒนธรรมและศิลปะพื้นบ้านที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวอีสานซึ่งประกอบด้วย ขอนแก่นในอดีต ขอนแก่นจากแกนอีสานสู่อาเซียน ภาพเก่าเล่าเรื่องวิถีชาวบ้านอีสานขนบธรรมเนียมประเพณีของแก่น ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่อุทยานแห่งชาติ และเที่ยวกินถิ่นดอกคูนพร้อมภาพประกอบสวยงามที่ทรงคุณค่าและเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดขอนแก่น

Search

Read the Text Version

ไหว้พระ ๙ วดั ขอนแก่นแดนพทุ ธอสี าน วดั นอกจากเปน็ ศาสนสถานทใ่ี ชป้ ระกอบพธิ ขี องพระพทุ ธศาสนาแลว้ ยังเป็นศูนย์กลางของสังคมเม่ือมีกิจการงานบุญต่างๆ เป็นที่สงบสุขเพื่อ ปฏิบัติธรรม วัดจึงเป็นสถานที่ท่ีมีความผูกพันกับคนไทยมาโดยตลอด ภายในวัดยังแสดงถึงศลิ ปวัฒนธรรมท่งี ดงามของไทยอีกดว้ ย จากต�ำนานการก�ำเนิดเมือง เล่าเร่ืองความเชื่อทางศาสนาของ บรรดาชาวบ้านชาวเมืองในแถบถิ่นท่ีพร้อมใจกันก่อเจดีย์ครอบตอมะขาม ศักดิ์สิทธิ์ไว้เพ่ือให้เป็นที่สักการะของคนทั่วไป กลายเป็นเมืองขอนแก่น แต่คร้ังในอดีตกาล ซ่ึงแสดงถึงความเล่ือมใสและความศรัทธาในพระพุทธ ศาสนาที่มมี าตั้งแต่คร้ังแรกเรมิ่ ตง้ั ถน่ิ ฐานของชาวขอนแกน่ วดั สำ� คญั ทนี่ า่ แวะไปมนสั การกราบไหวต้ ามศรทั ธาในพระพทุ ธศาสนา และช่ืนชมในความเก่าแก่และความงดงามของศิลปวัตถุและโบราณสถาน อันทรงคุณค่าของขอนแก่น มีมากมายหลายวัด (จากจ�ำนวนวัดท้ังหมด ในขอนแก่นท่ีมถี ึง ๑,๐๘๗ วดั ) แต่จะขอแนะน�ำเพียง ๙ วดั พอเปน็ สังเขป และเพื่อเป็นสริ มิ งคลตามความเช่ือของพทุ ธศาสนกิ ชนชาวไทย เริ่มต้นด้วยความต้ังใจมั่นในคุณพระรัตนตรัย ระลึกถึงพระพุทธคุณ ออกเดินทางไปเท่ียวชมวัดแรกมีชื่อว่า วัดเจติยภูมิ และเข้ากราบมนัสการ พระธาตุขามแก่น พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองชาวขอนแก่นมาต้ังแต่อดีตกาล เม่ือคร้ังตั้งเมืองขอนแก่น ซึ่งปัจจุบันอยู่ในอ�ำเภอน้�ำพอง ห่างจาก ตัวจังหวัดเพียง ๓๐ กิโลเมตร ตามต�ำนานเล่าว่าเจ้านครโมรีย์ พร้อมด้วย พระอรหันต์ ๙ องค์ ได้น�ำพระอังคารธาตุไปบรรจุในพระธาตุพนม ซึ่งระหว่างนั้นยังสร้างไม่แล้วเสร็จ ระหว่างทางได้แวะพักในบริเวณ ดอนมะขาม ซ่ึงมีต้นมะขามใหญ่ท่ีตายแล้วเหลือเพียงแก่นและได้น�ำ พระอังคารธาตุไปวางพักไว้บนแก่นมะขามนั้น รุ่งเช้าจึงเดินทางมุ่งหน้าสู่ สถานท่ีก่อสร้างพระธาตุพนมต่อไป เมื่อไปถึงปรากฏว่าพระธาตุพนม ได้สร้างเสร็จแล้ว จึงต้องน�ำพระอังคารธาตุกลับ โดยต้ังใจว่าจะน�ำกลับไปยัง นครโมรียข์ องตนตามเสน้ ทางเดิม

96 ขอนแกน่ : แหล่งวัฒนธรรมอีสาน ขอนแกน่ : แหล่งวฒั นธรรมอีสาน 97 วดั ท่ีสอง ช่อื วา่ วัดปา่ จันทรมณี ภูกระแต ต้งั อย่ทู ี่บา้ นโคกสะอาด เม่ือกลับมาถึงดอนมะขามที่เคยพักแรม ได้เห็นมะขามต้นที่ตาย ต�ำบลห้วยโจด อ�ำเภอกระนวน อยู่เลยถัดจากพระธาตุขามแก่นมาเพียง เหลือแต่แก่น กลับฟื้นคืนชีวิตแตกใบเขียวชอุ่ม เป็นท่ีน่าอัศจรรย์ยิ่ง จึง ๑๓ กโิ ลเมตร เปน็ วดั ทีม่ พี ระมหาธาตุเจดีย์ ท่สี วยเด่นเปน็ สง่า เป็นเอกลกั ษณ์ พร้อมใจกันสร้างพระเจดีย์ครอบต้นมะขามและบรรจุพระอังคารธาตุไว้ พระมหาธาตเุ จดยี ส์ รา้ งขน้ึ เพ่ือเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมกับพระพุทธรูปบรรจุไว้ภายในและให้นามว่า พระธาตุขามแก่น และ ภมู พิ ลอดลุ ยเดชในวโรกาสทรงครองราชยค์ รบ ๕๐ ปี และทนี่ า่ สนใจอกี อยา่ งหนงึ่ ยังได้สร้างวัดเพ่ือเป็นที่พ�ำนักของพระอรหันต์ท้ัง ๙ องค์ เคียงคู่กับ กค็ อื พระพทุ ธรปู พระองค์ดำ� ในวดั แห่งนี้ มีความศักด์สิ ทิ ธิ์ โดยเชื่อวา่ บันดาล องค์พระธาตุ พร้อมกับสร้างบ้านเรือนในบริเวณใกล้เคียงเกิดเป็นชุมชน ใหฝ้ นตกตอ้ งตามฤดูกาล คนอาศยั มาจนกระทั่งทุกวันน้ี ขอแนะน�ำว่าหากจะมาสักการะพระธาตุขามแก่นควรมาในวันพุธ เพราะจะมี เฒ่าจ้�ำ หรือ กระจ้�ำ ซึ่งเป็นเหมือนผู้น�ำด้านจิตวิญญาณ ท�ำหน้าท่ีด้านพิธีกรรม ซ่ึงเกี่ยวข้องกับส่ิงศักด์ิสิทธ์ิในชุมชน มาเป็นคน น�ำกล่าวค�ำนมัสการองค์พระธาตุขามแก่น และแนะน�ำพิธีการต่างๆ ตาม แบบแผนที่ปฏิบัตสิ ืบต่อกันมาอกี ดว้ ย ไม่มาวดั น้ีถือวา่ มาไม่ถงึ ขอนแก่น

พระเจดยี ว์ ัดปา่ ภหู นั บรรพต อำ� เภอชนบท หลวงพอ่ ใหญ่ หรือพระพทุ ธอตุ ตรมหามงคลอบุ ลรัตน์ วดั ทส่ี าม ตอ้ งเดนิ ทางไปทางทศิ ใตข้ องตวั เมอื งขอนแกน่ วดั นอ้ี ยไู่ มไ่ กล บริเวณวดั ป่าภูหนั บรรพต ต้งั อย่บู นภูหนั วดั ทส่ี ่ี มชี อ่ื วา่ วดั พระพทุ ธบาทภพู านคำ� เขอ่ื นอบุ ลรตั น์ วดั นตี้ งั้ อยบู่ น มากนกั ใชเ้ วลาไมเ่ กนิ ชว่ั โมง วดั ปา่ ภหู นั บรรพต อำ� เภอชนบทเปน็ วดั เกา่ ตง้ั อยู่ ของทิวเขาภูระง�ำ สนั เขาใกลก้ บั ทางเขา้ สเู่ ขอื่ นอบุ ลรตั น์ ทห่ี มู่ ๑ ตำ� บลเขอ่ื นอบุ ลรตั นม์ โี บราณวตั ถุ บนภหู นั ซงึ่ เปน็ ภเู ขาขนาดเลก็ บนทวิ เขาภรู ะงำ� มคี วามสงู ประมาณ ๑๐๐ เมตร สภาพบ่อน้�ำศักดส์ิ ิทธ์ใิ นปัจจุบนั ทนี่ า่ สนใจคอื รอยพระพทุ ธบาทจำ� ลอง ประดษิ ฐานอยใู่ นมณฑปวดั แหง่ นี้ และ วัดแห่งนี้มีบ่อน้�ำศักด์ิสิทธ์ิเก่าแก่ ท่ีรู้จักกันว่า น�้ำศักด์ิสิทธ์ิภูหัน ซ่ึงในปี พระพทุ ธอตุ ตรมหามงคลอบุ ลรตั น์ หรอื หลวงพอ่ ใหญ่ เปน็ พระพทุ ธรปู สขี าว พุทธศักราช ๒๕๓๐ ในมหามงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขนาดใหญ่ ตงั้ ตระหงา่ นอยบู่ นยอดภพู านคำ� ซงึ่ ผทู้ ม่ี าเทย่ี วชมสามารถเดนิ เทา้ ภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระชนมายุครบ ๖๐ พรรษา รัฐบาลไทยในสมัยนั้น ขนึ้ ไดท้ ง้ั ทางบนั ไดนาค ๑,๐๔๙ ขน้ั หรอื ดว้ ยทางรถยนตก์ ไ็ ดต้ ามความสะดวก ไดจ้ ดั พธิ รี ชั มงั คลาภเิ ษก และไดอ้ ญั เชญิ นำ�้ ศกั ดสิ์ ทิ ธจ์ิ ากทกุ จงั หวดั ทว่ั ประเทศ เหมาะสม เม่ือขึ้นถึงยอดเขาจะสามารถมองเห็นทัศนียภาพที่สวยงามเหนือ เข้าร่วมในพธิ ศี ักดิ์สิทธิ์ ณ พระอุโบสถวดั พระศรีรตั นศาสดาราม (วัดพระแกว้ ) เขอ่ื นอบุ ลรตั นไ์ ดอ้ ยา่ งชดั เจน ทกุ ชว่ งการออกพรรษา ในวนั แรม ๑ คำ�่ เดอื น ๑๑ เพื่อให้เกิดความศักดิ์สิทธ์ิและเป็นสิริมงคลแด่องค์พระบาทสมเด็จ ของทกุ ปีจะมปี ระเพณีตักบาตรเทโว ตามข้นั บันไดนาคของวัดนี้ พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชและปวงชนชาวไทยท้ังมวล จังหวัดขอนแก่น ได้น�ำน้�ำจากบ่อน�้ำศักด์ิสิทธิ์ภูหันเข้าร่วมในพระราชพิธีดังกล่าว จึงนับ เปน็ เกยี รตปิ ระวตั ิและความภาคภูมิใจของชาวขอนแก่นมาจนถึงทกุ วนั น้ี นอกจากน้ันยังมี พระเจดีย์วัดป่าภูหันบรรพต ที่บรรจุพระบรม สารรี กิ ธาตขุ ององคส์ มเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ พระบรมศาสดา และพระธาตุ ของพระอริยสงฆ์หลายองค์ ได้แก่ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่ขาว อนาลโย หลวงปผู่ าง จติ ตคตุ โต พระอรยิ สงฆ์เหลา่ นล้ี ว้ นเปน็ ผู้ท่ี ได้รับความเล่ือมใสศรัทธาจากพุทธศาสนิกชนชาวไทยอย่างไม่เส่ือมคลาย การมาเที่ยววัดนี้เหมือนได้ไปกราบพระธาตุของพระอริยสงฆ์อันศักด์ิสิทธิ์ อีกหลายวดั ในที่เดียวกัน บนั ไดทางขนึ้ นมสั การหลวงพอ่ ใหญ่

ขอนแก่น : แหลง่ วฒั นธรรมอีสาน 101 ศนู ย์ปฏบิ ตั ธิ รรมสวนเวฬวุ ัน อำ� เภอขอนแกน่ ปัจจุบันศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวันมีพ้ืนท่ีท้ังหมด ๒๙๓ ไร่ โดย ได้ท�ำการอบรมนักเรียนนิสิตนักศึกษา ข้าราชการและประชาชนท่ัวไป ด้วย วัดท่ีห้าพากลับเข้าเมืองขอนแก่นมุ่งสู่วัดสาขาของวัดอัมพวันของ หลกั วปิ สั สนากรรมฐานตามแนวทางสตปิ ฏั ฐาน ๔ ของพระธรรมสงิ หบรุ าจารย์ พระธรรมสิงหบุราจารย์หรือหลวงพ่อจรัญแห่งจังหวัดสิงห์บุรี มีชื่อว่า นับต้ังแต่ปี ๒๕๓๗ จนถึงปัจจุบัน มีจ�ำนวนผู้เข้ารับการอบรมมากกว่า ศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน อันเป็นชื่อที่เจ้าของที่ดินมีความประสงค์ ๓๐๐,๐๐๐ คน ถวายให้กับหลวงพ่อจรัญ เพราะมีความคิดจากความเช่ือเดิมว่า สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีวัดอยู่ ๒ วัด คือ วัดอัมพวันและวัดเวฬุวัน และ เม่ือหลวงพ่อจรัญเป็นเจ้าอาวาสวัดอัมพวันอยู่แล้ว จึงขอให้ต้ังชื่อวัดนี้เป็น วัดเวฬุวันอีกวัดหนึ่ง ซ่ึงหลวงพ่อจรัญก็ให้ช่ือเวฬุวัน อันมีความหมายว่า ป่าไผ่ ปัจจุบันป่าไผ่แห่งน้ี เป็นศูนย์อบรมปฏิบัติธรรมเพ่ือพัฒนาจิตใจและ สรา้ งกศุ ลผลบุญ น�ำความสขุ ความเจรญิ ใหก้ ับตนเอง ครอบครัว สังคม และ ประเทศชาตบิ ้านเมือง

วัดท่ีหกพาไปเท่ียวชม วัดถ้�ำแสงธรรม หรือศูนย์ศึกษาพระพุทธ ขอนแก่น : แหล่งวฒั นธรรมอสี าน 103 ศาสนาวันอาทิตย์วัดถ�้ำแสงธรรม ตั้งอยู่ในพื้นท่ีบ้านผาน้�ำเท่ียง ต�ำบล บริบูรณ์ อ�ำเภอสีชมพู วัดแห่งน้ีตั้งอยู่บนชะง่อนเขา และในถ�้ำแสงธรรม องค์หลวงปู่ใหญ่ พุทธรตั นมณีมหาปฏมิ ากร มีอาคารเพื่อใช้เป็นสถานท่ีปฏิบัติธรรมเพื่อการพัฒนาจิต และพักอาศัย ส�ำหรับผู้ท่ีมาร่วมกิจกรรม วัดแห่งนี้เปิดสอนธรรมศึกษาชั้นตรี โท เอก วัดที่เจ็ด วัดป่าธรรมอุทยาน ในเมืองนครขอนแก่นต้ังอยู่บน และวิชาสามัญ อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางในการจัดกิจกรรมของชุมชน และ ถนนมิตรภาพ สายขอนแก่น-อุดรธานี ต�ำบลส�ำราญ อ�ำเภอเมืองขอนแก่น ท่ีน่าสนใจของผู้ที่ได้มาถึงก็คือ การขึ้นเยี่ยมชม ณ จุดชมวิวบนอาคาร จาก ติดกันกับโรงเรยี นไทยรัฐวทิ ยา ๘๔ เปน็ วัดท่ีมลี ักษณะเหมอื นสวนพุทธธรรม บนอาคารที่ตั้งอยู่บนชะง่อนหน้าผา ซ่ึงมีทิวทัศน์ที่สวยงามมาก สามารถ ท่ีผู้มาเที่ยวชมสามารถเดินชมสถานท่ีต่างๆ ภายในวัด ซึ่งได้บรรจงสร้างข้ึน มองเห็นทิวเขาภเู วยี งถนิ่ กำ� เนดิ ไดโนเสารไ์ ดอ้ ยา่ งชดั เจน และมองเลยออกไป หลากหลายแบบ มีทั้งพระพุทธรูปหินหยก พระพุทธรูปปางต่างๆ ท่ีสร้าง กจ็ ะเหน็ ทวิ เขาภกู ระดึง ซึง่ อยู่ในเขตพ้ืนท่ีจังหวัดเลยได้อย่างชดั เจน ขึ้นมาจากความศรัทธาในศาสนา ท่ีส�ำคัญคือ เป็นสถานที่ฝึกปฏิบัติธรรม ใหก้ บั ประชาชนโดยทวั่ ไป

104 ขอนแก่น : แหลง่ วัฒนธรรมอสี าน ขอนแกน่ : แหลง่ วัฒนธรรมอสี าน 105 พระลบั พระพทุ ธรปู ปางมารวชิ ยั พระบุ พระพทุ ธรปู ปางนาคปรก พระยนื พระพทุ ธรปู หนิ ทรายประดษิ ฐาน หลอ่ ดว้ ยสำ� รดิ จดั อยใู่ นกลมุ่ พระพทุ ธรปู ท�ำจากหินทราย ประดิษฐานอยู่ใน อยู่บริเวณโรงเรียนชุมชนบ้านพระยืน ศิลปะลาว สกุลชาวเวียงจันทน์มีอายุ วดั บริบูรณ์ บ้านพระบุ อำ� เภอพระยนื อ�ำเภอพระยืนเป็นหนึ่งในองค์พระคู่บ้าน ราวพทุ ธศตวรรษที่ ๒๒ ประดษิ ฐานอยู่ เป็นพระพุทธรูปองค์หนึ่งท่ีนับเป็น คเู่ มอื งขอนแกน่ ณ วดั ธาตุ พระอารามหลวง บา้ นเมอื งเกา่ พระคู่บ้านคเู่ มอื งขอนแก่น อำ� เภอเมอื ง เปน็ พระพทุ ธรปู คบู่ า้ นคเู่ มอื ง ขอนแกน่ พระบรมสารรี กิ ธาตุ ๙ ประเทศ วัดท่ีแปด วัดธาตุพระอารามหลวง อยู่ไม่ไกลจากใจกลางเมือง ขอนแก่น เล่ากันว่าสร้างขึ้นในสมัยเดียวกันกับวัดพระธาตุแก่นนคร มักนิยมเรียกชื่อว่า วัดธาตุเมืองเก่า หรือไม่ก็ วัดธาตุนครเดิม ต้ังอยู่ใน ชุมชนบ้านเก่า ต�ำบลในเมือง อ�ำเภอเมืองขอนแก่น สร้างขึ้นโดยสรา้ งขน้ึ ใน พทุ ธศกั ราช ๒๓๓๒ โดย พระนครศรบี รริ กั ษบ์ รมราชภกั ดี (เพียเมืองแพน) เจ้าเมืองขอนแก่นในอดีต จึงถือเป็นวัดประจ�ำตระกูลของเจ้าเมืองขอนแก่น วดั แหง่ นมี้ พี ระธาตแุ ละพระลบั พระพทุ ธรปู ตามตำ� นานเมอื งขอนแกน่ จงึ เปน็ วดั ท่ีนกั ทอ่ งเท่ียวนยิ มเขา้ มาสักการะอีกวดั หนึ่ง

วัดท่ีเก้า ชวนกันไปไหว้ พระมหาธาตุแก่นนคร ท่ีวัดหนองแวง (พระอารามหลวง) ซง่ึ เปน็ วดั ทไี่ ดร้ บั พระราชทานผา้ พระกฐนิ ประจ�ำปี ๒๕๕๕ ของส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีท่านเจ้าคุณ พระวิสุทธิกิตติสาร (คูณ ขันติโก ป.ธ. ๔) ด�ำรงต�ำแหน่งเจ้าอาวาส ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๑ จนถึงปัจจบุ นั วัดหนองแวงเดิมช่ือว่า วัดเหนือ ตง้ั ข้ึนเมอื่ พ.ศ. ๒๓๓๖ พรอ้ มกับ วัดกลางและวัดธาตุ โดยท้าวเพียเมืองแพน เจ้าเมืองคนแรก ณ พ้ืนที่ บา้ นบงึ บอน (ตดิ บึงน้�ำขนาดใหญป่ ัจจุบนั คอื บงึ แกน่ นครน่ันเอง)

108 ขอนแกน่ : แหลง่ วัฒนธรรมอสี าน ขอนแกน่ : แหล่งวัฒนธรรมอีสาน 109 หลวงพ่อคูณ ขันติโก เจา้ อาวาส น�ำสวดขอพรพระบรมสารรี กิ ธาตุ พุทธศาสนิกชนและนกั ทอ่ งเทย่ี วตา่ งชาตสิ กั การะพระบรมสารรี ิกธาตุบนชัน้ ท่ี ๙ ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดหนองแวง ชนั้ ที่ ๕ เปน็ หอพพิ ธิ ภณั ฑ์ บานประตหู นา้ ตา่ งแกะสลกั ภาพพทุ ธประวตั ิ เป็นเร่ืองราวในชาดกพระพุทธศาสนา กล่าวคือ ส่วนชั้นที่ ๔ จะเป็นหอปฏิบัติธรรม บานประตูหน้าต่างเขียนภาพพระ กิจกรรมที่น่าสนใจของวัดแห่งน้ีก็คือ การข้ึนไปกราบนมัสการ พรานเจตบุตรพบชูชกจึงขู่จะยิงทิ้งเพราะกลัวไป ประจ�ำวัน เทพประจำ� ทิศ ชนั้ ท่ี ๓ เปน็ หอปริยัติ บานประตหู นา้ ต่างเขยี นภาพ พระบรมสารีริกธาตุบนชั้นที่ ๙ ของพระธาตุ และจุดชมวิว ๓๖๐ องศา รบกวนพระเวสสนั ดร ชชู กจงึ ลวงวา่ ตนเปน็ ทตู มาเพอ่ื นทิ านเร่ือง นางผมหอม ชน้ั ท่ี ๒ เป็นหอพัก และรวบรวมเครอ่ื งมอื เครอื่ งใช้ ของเมอื งขอนแก่น เม่อื ใตล้ งมาชนั้ ที่ ๘ ก็สามารถเดินชมหอพระธรรม ซ่ึงได้ เชิญพระเวสสันดรกลับเมอื ง ของชาวอีสานบานประตูหน้าต่างเขียนลายไทยใช้สีเบญจรงค์ มีภาพนิทาน รวบรวมพระธรรมคัมภีร์ส�ำคัญทางพระพุทธศาสนา มพี ระไตรปฎิ ก เปน็ ตน้ เรื่องสินไซ (สังข์ศิลป์ชัย) ซึ่งเป็นวรรณกรรมท่ีนิยมกันมากของชาวลาวและ เดนิ ลงมาชนั้ ท่ี ๗ จะไดช้ ม หอพระอรหนั ตสาวก และบานประตหู นา้ ตา่ งแกะสลกั ชาวไทยเชื้อสายลาว นิทานชาดกเรื่องเตมีย์ใบ้ เดินลงมาชั้นท่ี ๖ เป็นหอพระอุปัชฌายาจารย์ มบี านประตหู นา้ ตา่ งแกะสลกั นิทานชาดกเรือ่ ง พระเวสสันดร

110 ขอนแก่น : แหล่งวฒั นธรรมอสี าน ขอนแกน่ : แหล่งวัฒนธรรมอีสาน 111 ลงมาถึงช้ันล่างเป็นหอประชุมส�ำหรับประกอบพิธีในวันส�ำคัญต่างๆ ของวัด และประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุอยู่บนบุษบกตรงกลาง มพี ระประธานประดษิ ฐานอยู่ ๕ องค์ ตรงกลาง ๑ องค์ ดา้ นขา้ งทางทศิ ใต้ ๒ องค์ และทางทศิ เหนือ ๒ องค์ ตน้ เสาเปน็ ลายไทยใชส้ เี บญจรงค์ เชงิ เสาเป็นภาพ ดอกพุดตานและดอกบัว คานขื่อเป็นภาพเทพชุมนุมล้อมรอบ เพดานเป็น ภาพเทพพนมปีกค้างคาวดาวล้อมเดือน จตุเทพดารา บานประตู หน้าต่าง แกะสลักภาพนิทานเร่ืองจ�ำปาสี่ต้น โดยเฉพาะบานประตูใหญ่แกะสลัก ๓ มิติ และภาพจิตรกรรมฝาผนังรายรอบท้ัง ๔ ด้านของพระอุโบสถ น�ำเสนอเกี่ยวกับประวัติของเมืองขอนแก่น และประเพณีความเช่ือพร้อมทั้ง คติเตอื นใจนับเปน็ ภูมิปัญญาของชาวอสี าน



ขอนแก่น : แหล่งวัฒนธรรมอสี าน 115 ชมรมแพทยแ์ ผนไทย วดั หนองแวง ภายในวัดแห่งน้ียังมีบริเวณที่น่าสนใจให้เท่ียวชมอีกหลายท่ี เช่น ศูนย์แพทย์ชุมชนวัดหนองแวง สมาคมส่งเสริมวัฒนธรรมจังหวัดขอนแก่น ศูนย์สงเคราะห์วัดหนองแวง ศูนย์ฝึกวิชาชีพภูมิปัญญาท้องถ่ินชมรมแพทย์ แผนไทย ชมรมผู้สูงอายุเทศบาลนครขอนแก่นและร้านศูนย์สาธิตการตลาด ชุมชนวัดหนองแวง หากได้เท่ียวชมครบหมด ก็นับว่าได้เรียนรู้ ร่วมสะสม บุญกุศลเพอื่ สบื ทอดพระพุทธศาสนาสืบตอ่ ไป ไหว้พระ ๙ วัด ขอนแก่นแดนพุทธอีสานจึงจบลงอย่างสมบูรณ์ ขอให้ผู้อ่านจงประสบแด่ความสขุ และขอจงเจรญิ ในธรรมยงิ่ ๆ ข้นึ เทอญ

วถิ ชี าวบา้ นอสี าน ขนบธรรมเนยี มประเพณขี อนแกน่ ชาวขอนแกน่ ไดส้ ืบทอดขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวอสี าน ท่ีมีมาแต่โบราณและอนุรักษ์ไว้ในรูปแบบของศิลปกรรม เช่น ฮูปแต้มบน ผนังสิม ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระมหาธาตุแก่นนคร วัดหนองแวง การจัดนิทรรศการท่ีพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติขอนแก่น หุ่นจ�ำลองประเพณี ที่โฮงมูนมังเมืองขอนแก่น เป็นต้น ประเพณีพ้ืนบ้านของชาวอีสานบางอย่าง ชาวขอนแกน่ ไดป้ ฏบิ ตั สิ บื ตอ่ เปน็ ประจำ� จนไดร้ บั การยอมรบั เปน็ งานประเพณี ของจังหวัดขอนแก่น บางประเพณีมีปฏบิ ตั กิ ันนานๆ ครั้งในทอ้ งถ่ินที่หา่ งไกล จึงหาดูได้ยากในปัจจุบัน ในที่นี่จะน�ำเสนอวิถีชาวบ้านอีสานซ่ึงถือเป็น ประเพณีที่ส�ำคัญของชาวขอนแก่น คือ พิธีฮดสรง ประเพณีบายศรี สู่ขวัญและประเพณผี ูกเสี่ยว

118 ขอนแก่น : แหล่งวฒั นธรรมอีสาน ขอนแก่น : แหลง่ วัฒนธรรมอีสาน 119 พิธฮี ดสรงหรอื เถราภเิ ษก ประเพณฮี ดสรงเปน็ ประเพณสี รงนำ้� พระภกิ ษทุ ช่ี าวบา้ นยกยอ่ งนบั ถอื พิธีฮดสรง วา่ ทรงคณุ ธรรม ประพฤตดิ ี ประพฤตชิ อบ รปู ใดรปู หนง่ึ หรอื หลายรปู ซงึ่ สมควร จัดแสดงทพ่ี ิพธิ ภณั ฑโ์ ฮงมนู มังเมอื งขอนแกน่ ไดเ้ ลอ่ื นสมณศกั ดต์ิ ามประเพณขี องชาวอสี านแตด่ งั้ เดมิ ซงึ่ ชาวบา้ นจะเปน็ ผเู้ ลอื ก พระสงฆ์น้ันเอง ในปัจจุบันพระสงฆ์ท่ีได้เล่ือนสมณศักดิ์จากมหาเถรสมาคม ชาวบา้ นกจ็ ะจดั พธิ ฮี ดสรงเพอื่ เฉลมิ ฉลองและยกยอ่ งเกยี รตคิ ณุ ใหป้ รากฏต่อไป โดยท่ัวไปชาวอีสานจะเรียกนามสมมุติของผู้บวชเณรว่า จัว หรือ จัวอ้าย เม่ือสึกจากสามเณร เรียก เซียง และเรียกผู้บวชเป็นพระใหม่ว่า เจา้ หวั หรอื เจา้ หวั อา้ ย หากลาสกิ ขาบทจะใชค้ ำ� นำ� หนา้ ชอื่ วา่ ทดิ เมอื่ พระภกิ ษุ ได้ปฏิบัติตามท�ำนองคลองธรรมได้รับการยอมรับนับถือจากชาวบ้านสมควร ได้รับยศศักด์ิเพ่ิมข้ึน ชาวบ้านก็จะประชุมแต่งตั้งให้รับยศสูงข้ึน โดยท�ำพิธี ฮดสรงให้แก่พระภิกษุรูปนั้นเพ่ือเชิดชูเกียรติให้ปรากฏและเป็นการถวาย ก�ำลังใจแก่พระภิกษุผู้กระท�ำความดีให้ท�ำดียิ่งข้ึนและเพ่ือเป็นการชักจูงให้ ผอู้ นื่ เหน็ ผลจากการทำ� ความดเี ปน็ แบบอยา่ งสบื ไป เมอ่ื พระภกิ ษไุ ดร้ บั การฮดนำ้� เป็นคร้ังแรกจะเรียกว่า ส�ำเด็จ หรือ ส�ำเร็จและจารึกชื่อในใบลาน เมื่อ พระภิกษุได้รับการฮดน้�ำเป็นครั้งที่สองเรียก ซา และจารึกชื่อในแผ่นเงิน และหากได้รับการฮดน้�ำเป็นครั้งท่ีสามจะได้รับการเรียกขานว่า หัวครู หรือ เจ้าหัวครู และจารึกช่ือลงในแผ่นทอง หัวครูจึงเป็นสมญานามสูงสุดของสงฆ์ ตามธรรมเนียมพื้นบ้านอีสาน พิธีฮดสรงจึงเป็นพิธีการเฉลิมฉลองพระภิกษุ คือ ฮดน�้ำพระภิกษขุ ึน้ เป็นส�ำเด็จ ซา หัวครู ตามลำ� ดับ อุปกรณ์การฮดสรง ประกอบด้วย บริขารเครื่องยศ (อัฐบริขาร ๘ ตาลปัตรและแผ่นเงิน ชาวอีสานจะเรียกว่า หลาบเงินส�ำหรับการจารึก ข้อความ) รางรดน�้ำสรง เทียน ขันหมาก โอ่งน้�ำ บายศรี และอุปกรณ์อ่ืนๆ ตามความเช่ือดง้ั เดมิ พิธีฮดสรง หรือฮดน้�ำสงฆ์เร่ิมต้นจากการท�ำฮางฮด หรือรางรดน�้ำ เปน็ รปู พญานาค ซงึ่ มคี วามสมั พนั ธก์ บั พทุ ธศาสนาและความเชอ่ื ชาวอสี าน โดย ขุดจากไม้ทัง้ ทอ่ นเจาะเป็นรตู รงคอนาคและท�ำเป็นรางเทียนไวใ้ นตวั พญานาค น�ำไปตั้งไว้กลางแจ้ง หางของพญานาคขึ้นอยู่หน้าโบสถ์ ส่วนหัวพญานาคจะ อยู่ด้านล่าง พระภิกษุผู้เข้าพิธีจะอยู่ภายใต้ฮางฮดตรงคอนาค โดยมีผ้าขาว ล้อมรอบจัดต้งั กองฮดสรง ได้แก่ อฐั บรขิ ารพร้อมเคร่อื งประกอบฮดสรง ปกติ จะมกี ารแหเ่ ครอ่ื งยศนำ� หนา้ ดว้ ยขบวนมโหรกี อ่ นจะเรม่ิ พธิ สี ถาปนา พธิ ฮี ดสรง เรม่ิ โดยพระเถระผใู้ หญส่ รงนำ�้ กอ่ น จากนน้ั จงึ เปน็ ผอู้ าวโุ สภายในหมบู่ า้ น ญาตโิ ยม และชาวบ้านเทน�้ำลงไปในฮางฮดเสมือนแสดงความยินดีต่อพระภิกษุที่ได้รับ การเลือ่ นตำ� แหนง่ พิธีฮดสรงดังกลา่ วยงั คงปฏบิ ัติสบื ต่อกันมาจนปัจจบุ ันนี้

120 ขอนแกน่ : แหลง่ วัฒนธรรมอีสาน ขอนแก่น : แหล่งวฒั นธรรมอสี าน 121 ส่วนบายศรีนนั้ เปน็ เครื่องเชญิ ขวญั หรอื รับขวัญที่คนไทยภาคกลาง ประเพณบี ายศรีสขู่ วัญ ได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากเขมร และน�ำมาใช้ ดังนั้น บายศรี กับ พาขวัญ จึงมีความหมายแตกตา่ งกนั กลา่ วคอื พาขวัญ ใช้ในพิธสี ู่ขวญั ของ ชาวขอนแก่นมีความเช่ือสืบต่อกันมาแต่โบราณว่า “คนเราจะได้รับ พานบายศรสี ่ขู วัญ คนอีสานท่ีมเี ช้ือสายลาว ส่วน บายศรี ใช้ในพิธี เรียกขวญั หรอื เชญิ ขวญั ความส�ำเร็จในชีวิต มีความสุขมากน้อยเพยี งใด ข้ึนอยกู่ ับขวัญของคนๆ น้ัน” บรรยากาศของประเพณีบายศรีสขู่ วญั ของคนเขมรและคนไทยภาคกลาง ขวญั จะเปน็ กำ� ลงั ใจเปน็ ศริ มิ งคลใหค้ นๆ นนั้ ดงั นน้ั จงึ จดั ใหม้ ี พธิ สี ขู่ วญั ใหแ้ ก่ บุคคลผู้น้ัน ซึ่งการสู่ขวัญนี้อาจจะเก่ียวกับการเปลี่ยนแปลงของชีวิต อาชพี ประเพณีผูกเสีย่ ว การงาน สุขภาพ หรือบางคร้ังมีการสู่ขวัญเก่ียวกับทรัพย์สิน ชนิดของการ สู่ขวัญอาจแบ่งตามความส�ำคัญได้ ๒ ชนิด คือการสู่ขวัญน้อย เป็นพิธี ผูกเส่ียวเป็นประเพณีอีกอย่างหนึ่งของคนอีสานในการคบหากัน สขู่ วญั ภายใน โดยทำ� กนั ในหมญู่ าตพิ น่ี อ้ ง หรอื เพอื่ นสนทิ และการสขู่ วญั ใหญ่ มีการคบกันอยู่สองระดบั คือ คบกนั เปน็ เพือ่ นฝูงระดบั ธรรมดาท่ัวไป เรยี กว่า จะจดั พธิ ีขึน้ อย่างเอกิ เกริก โดยเชิญญาติพี่น้องและแขกทัว่ ไป เปน็ หมกู่ นั และถา้ คบกนั ในระดบั ทส่ี นทิ แนบแนน่ เปน็ พเิ ศษ มคี วามรกั ผกู พนั ผทู้ �ำพธิ จี ะเปน็ หมอสตู รขวญั หรอื หมอพร ซง่ึ เป็นผทู้ ่ีได้รบั การเคารพ จนถึงข้ันพึ่งพาอาศัยและตอบแทนกันได้ เรียกว่า เป็นเส่ียวกัน การจะได้ นับถือในหมู่บ้าน อุปกรณ์ที่ใช้ในพิธีสู่ขวัญ หรือเรียกหาขวัญ ประกอบด้วย เปน็ เสย่ี วกนั นนั้ ตอ้ งผา่ นขนั้ ตอนพธิ ผี กู เสยี่ วกอ่ น จงึ จะถอื ไดว้ า่ เปน็ เสยี่ วแท้ ขนั ใบใหญห่ นง่ึ ใบ และนำ� ใบตองมาทำ� กรวยขนาดใหญต่ ง้ั ตรงกลางกรวยขนาดกลาง การเปน็ เสย่ี วกนั นน้ั เปน็ ไดท้ ง้ั ชายและหญงิ เกดิ จากความสมคั รใจของทง้ั สองฝา่ ย ตง้ั เปน็ มมุ สมี่ มุ ลอ้ มรอบกรวยใหญ่ สว่ นกรวยขนาดเลก็ เยบ็ ตดิ กรวยขนาดกลาง การผูกเสี่ยวจึงเป็นการขยายมิตรภาพให้กว้างขวางออกไปของคนในสังคม กรวยละหา้ อนั ทย่ี อดของกรวยทกุ ขนาดใชด้ อกไมส้ ขี าวหรอื สเี หลอื งเสยี บไว้ บรรยากาศของการผกู เส่ยี ว ประเพณีอสี าน จังหวัดขอนแก่นเห็นความส�ำคัญของการผูกเส่ียว ท้ังในด้านการส่งเสริม ส่วนยอดของขวัญให้เสียบเทียนเล่มละบาทหน่ึงเล่ม ในพาขวัญก็จะใส่ วัฒนธรรมท้องถิ่น ด้านการปกครองและด้านการเมือง เพื่อสืบทอดเป็น ขา้ วเหนยี ว ๑ ปน้ั ไขต่ ม้ ๑-๒ ฟอง ขา้ วตม้ มดั ๑ มดั กลว้ ยนำ้� วา้ สกุ ๑-๒ ผล มรดกทางวัฒนธรรมไม่ให้สูญหาย จึงผนวกประเพณีนี้เข้าเป็นส่วนหน่ึงของ เทยี นเลม่ บาท (นำ�้ หนกั ) เทยี นรอบหวั (รอบศรี ษะ) คา่ คงิ (วดั จากสะดอื ถงึ คอ) งานประจำ� ปี โดยใชช้ อื่ งานวา่ เทศกาลงานไหมและประเพณผี กู เสย่ี ว งาน ของผพู้ าขวญั เหลา้ ขาว ๑ ขวด และดา้ ยผกู แขนวางไวท้ กุ ชอ่ งของกรวย ใหม้ ี เรมิ่ ตง้ั แต่ วนั ท่ี ๒๙ พฤศจกิ ายน ถงึ วนั ที่ ๑๐ ธนั วาคม เปน็ ประจำ� ทกุ ปี คณุ สมบตั ิ จ�ำนวนเพียงพอแก่แขก ปัจจุบันคนขอนแก่นที่อยู่ในเมือง จะพากันเรียก ของบุคคลท่ีจะเป็นคู่เส่ียวกันไม่ว่าจะหาเอง หรือพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ พาขวญั วา่ พานบายศรสี ขู่ วญั ซงึ่ เปน็ คำ� เพอ่ื ใหส้ อดคลอ้ งกบั งานประจำ� ปี หาให้ควรมีคุณสมบัติดังน้ี อาจจะรุ่นราวคราวเดียวกัน มีลักษณะหน้าตา ประเพณผี กู เสยี่ ว คลา้ ยคลงึ กนั มนี สิ ยั ใจคอคลา้ ยหรอื ใกลเ้ คยี งกนั สว่ นเพศอาจจะเพศเดยี วกนั พาขวัญ กับ พานบายศรี มีความแตกต่างกันในด้านที่มาและ หรือต่างเพศก็ได้ พิธีการผูกเสี่ยว จะมีการจัดอุปกรณ์ในพิธีเช่นเดียวกันกับ ความเช่ือ คือ พาขวัญ หรือขันหมากเบ็ง เป็นเคร่ืองประกอบพิธีสู่ขวัญของ การสู่ขวัญ โดยจัด ขันหมากเบ็ง และมี หมอสู่ขวัญ เป็นผู้ท�ำพิธีให้ คนลาว และคนเชอ้ื สายลาวทอ่ี ยใู่ นภาคอสี าน ตลอดจนภาคอนื่ ๆ โดยมพี นื้ ฐาน คู่เส่ียวเพศเดียวกนั คู่เสี่ยวตอ้ งนง่ั หันหน้าเข้าหาขันหมากเบง็ ความเชอื่ จากศาสนาพราหมณ์ ประสมประสานกบั ศาสนาพทุ ธ ดงั นน้ั ทกุ สว่ น อีกด้านหน่ึงหมอสู่ขวัญจะนั่งท�ำพิธีเรียกขวัญ ซ่ึงห้อมล้อมด้วย ของพาขวญั จงึ มคี วามหมาย อธบิ ายไดค้ วามวา่ กรวยใหญท่ อ่ี ยตู่ รงกลางพาขวญั ญาติพ่ีน้องและเพื่อนฝูงของทั้งสองฝ่ายท่ีมาร่วมพิธี เพ่ือเป็นสักขีพยาน หมายถงึ มโน คอื ใจ เชอ่ื วา่ ทกุ อยา่ งส�ำเรจ็ ดว้ ยใจ กรวยขนาดกลางทต่ี ง้ั สม่ี ุม หมอสู่ขวัญจะเริ่มพิธีโดยให้คู่เส่ียวจุดเทียนที่ปักไว้ขอบขันหมากเบ็งแล้ว พาขวญั หมายถงึ ธาตทุ งั้ สี่ คอื ดนิ นำ้� ลม ไฟ องคป์ ระกอบสำ� คญั ของรา่ งกาย หมอจะน�ำไหว้พระจบแล้ว หมอสูข่ วญั จะกลา่ วเชญิ เทวดา จากนนั้ จึงสวดค�ำ คนเรา กรวยขนาดเลก็ หา้ กรวย หมายถงึ ขนั ธห์ า้ คอื รปู เวทนา สญั ญา สงั ขาร สู่ขวัญจนจบแล้วหมอสู่ขวัญจะน�ำข้าวเหนียวใส่มือให้คู่เสี่ยวคนละหนึ่งปั้น และวิญญาณ จึงเห็นได้ว่า เคร่ืองประกอบใน พาขวัญ บ่งบอกถึงความเชื่อ พร้อมไข่ต้มคนละฟอง กลว้ ยนำ�้ วา้ คนละผล และผกู ขอ้ มือคเู่ สย่ี วเปน็ ครั้งแรก ในทางพุทธศาสนา ทง้ั ท่เี ป็นรูปธรรมและนามธรรม การสขู่ วัญจงึ เกดิ ขึ้น เพ่อื โดยใช้เส้นด้าย หรือฝ้าย ท่ีวางอยู่ในขันหมากเบ็งมาผูก ข้ันตอนนี้เรียกว่า น�ำความสขุ ความเจรญิ ก่อใหเ้ กิดขวญั ก�ำลงั ใจในการด�ำรงชีวิตต่อไป การผูกเส่ียว จากนั้นพอ่ แม่ พ่นี อ้ ง รวมท้ังเพือ่ นฝงู ของแตล่ ะฝา่ ย ก็จะผกู แขน ใหค้ ู่เสี่ยวพรอ้ มทง้ั ให้ศีลใหพ้ ร บญุ กฐิน ชาวบา้ นน�ำผา้ กฐนิ ไปถวายพระ ประเพณผี กู เสยี่ ว เพมิ่ พนู การชว่ ยเหลอื ซง่ึ กนั และกนั เปน็ กลไกชมุ ชน ท่จี ำ� พรรษาครบไตรมาสท่ีวัดเพ่ืออานิสงสก์ ฐิน อสี านแบบพงึ่ พากนั เองอยา่ งมพี ลงั ทสี่ บื สานมาแตโ่ บราณกาลสบื มาถงึ ปจั จบุ นั น้ี ภายในหนึ่งเดือนหลังจากออกพรรษา

ทอ่ งเทย่ี วเชงิ อนรุ กั ษ์ ทอี่ ทุ ยานแหง่ ชาติ ขอนแกน่ เปน็ จงั หวดั ทมี่ คี วามอดุ มสมบรู ณต์ ามธรรมชาตเิ ปน็ อยา่ งมาก แหง่ หนง่ึ ของประเทศไทย อกี ทงั้ เปน็ ดนิ แดนทม่ี คี วามหลากหลายของพชื พรรณ และสัตว์ป่า สภาพป่าไม้ที่สมบูรณ์เป็นแหล่งต้นน�้ำล�ำธาร มีความงดงามของ ดอยสงู ภผู า ถำ�้ นำ้� ตก ทะเลสาบ และอา่ งเกบ็ นำ้� เสมอื นตน้ ทนุ ทธี่ รรมชาติ สร้างสรรค์ให้คงอยู่เป็นภูมิลักษณ์ของประเทศไทย แหล่งธรรมชาติดังกล่าวนี้ ได้รับการปกป้องคุ้มครองไว้ในรูปแบบของอุทยานแห่งชาติ ซ่ึงมีวัตถุประสงค์ หลัก ๓ ประการ คือ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในพ้ืนท่ีให้คงอยู่อย่าง ย่ังยืน การเป็นแหล่งเรียนรู้โดยเฉพาะด้านธรรมชาติวิทยา และเป็นสถานที่ ท่องเท่ียวพักผ่อนหย่อนใจ อันจะน�ำมาซึ่งความเข้าใจในระบบนิเวศก่อให้ เกิดความรัก ความหวงแหน สงวนและรักษาไว้ให้เป็นมรดกทางธรรมชาติให้ คนไทยได้ใชป้ ระโยชนอ์ ยา่ งยง่ั ยืน

เทอื กเขาอทุ ยานแห่งชาติภผู ามา่ น บรรยากาศบนอุทยานแหง่ ชาตนิ ้ำ� พอง มลี ักษณะเหมอื นผืนผา้ ม่าน บรเิ วณรมิ ฝั่งน้�ำพอง เขตอุทยานแหง่ ชาตภิ เู ก้า-ภพู านค�ำ ที่ธรรมชาตสิ รา้ งสรรคไ์ ว้ บนเทือกเขาอุทยานแหง่ ชาติภเู วยี ง พ้นื ที่บางแหง่ เปน็ หลุม เป็นบ่อ มีน�ำ้ หลอ่ เล้ยี งอยตู่ ลอดปี อทุ ยานแหง่ ชาตทิ ต่ี ง้ั อยใู่ นพนื้ ทจี่ งั หวดั ขอนแกน่ และจงั หวดั ใกลเ้ คยี ง มี ๔ แห่ง ไดแ้ ก่ ๑. อทุ ยานแหง่ ชาติภูเวยี ง ๒. อทุ ยานแห่งชาติภูผาม่าน ๓. อุทยานแห่งชาตนิ ้�ำพอง ๔. อทุ ยานแห่งชาตภิ เู กา้ -ภูพานค�ำ

126 ขอนแกน่ : แหล่งวฒั นธรรมอสี าน ขอนแก่น : แหล่งวฒั นธรรมอีสาน 127 สัตว์ป่าที่พบในอุทยานแห่งชาติในจังหวัดขอนแก่นเป็นสัตว์ขนาด ไมป้ ระดู่ กลางและขนาดเล็ก มักอาศัยอยู่ในป่าดิบแล้งในบริเวณเทือกเขา เพราะเป็น แหล่งหากินที่อุดมสมบูรณ์และถูกรบกวนจากมนุษย์น้อยมาก เช่น หมูป่า อุทยานแห่งชาติแต่ละแห่งต้ังอยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดขอนแก่น ไม้แดง เก้ง หรอื ฟาน กระจง เลียงผา สนุ ขั จง้ิ จอก ชะมด เสือปลา นิ่ม กระตา่ ยปา่ ซึ่งมีภูมิประเทศเป็นทิวเขาและท่ีราบสูง จึงมีพืชพรรณธรรมชาติและสัตว์ป่า ไกป่ า่ กระรอกบิน งู นกหลากหลายชนิด ทค่ี ลา้ ยคลงึ กันนน่ั คอื พื้นที่สว่ นใหญป่ กคลุมดว้ ยปา่ ผลดั ใบ หรอื ป่าทม่ี ไี มต้ ้น ผลดั ใบเปน็ เวลายาวนานในชว่ งฤดแู ลง้ มปี า่ เตง็ รงั ปา่ เบญจพรรณ และทงุ่ หญา้ ไม้พะยอม กระจายอยู่ทั่วไป บางส่วนเป็นป่าดิบแล้งหรือป่าไม่ผลัดใบท่ีไม้ต้นจะผลัดใบ ในระยะส้ัน พรรณไม้ท่ีส�ำคัญในป่าเต็งรัง ได้แก่ ต้นเต็ง รัง เหียง พะยอม กระโดน ปา่ เบญจพรรณอยใู่ นบรเิ วณทลี่ มุ่ รมิ หว้ ยและหบุ เขา พชื ทสี่ ำ� คญั เชน่ แดง ประดู่ มะค่าแต้ ตะคร้อ ส่วนป่าดิบแล้งซ่ึงเป็นพ้ืนที่ท่ีมีความชุ่มชื้น อุดมสมบูรณ์มีพืชจ�ำพวกตะแบก ยาง ตะเคียนหิน มะค่าโมง กระบก และชิงชัน

สบื คน้ ไดโนเสารด์ กึ ดำ� บรรพ์ อยา่ งไรกต็ ามอทุ ยานแหง่ ชาตแิ ตล่ ะแหง่ มคี วามงดงามเปน็ เอกลกั ษณ์ และแหลง่ เรยี นรปู้ ระวตั ศิ าสตร์ แตกต่างกันไป มีพ้ืนท่ีเหมาะแก่การศึกษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อ ทอ่ี ทุ ยานแห่งชาติภเู วียง ประโยชน์ในการค้นคว้าวิจัยและการพกั ผ่อนหย่อนใจ จงึ เป็นแหลง่ ท่องเท่ยี ว เชิงอนุรักษ์ธรรมชาติท่ีส�ำคัญของประเทศไทย ที่คนไทยทุกคนควรได้ไป กระดกู ไดโนเสารพ์ บที่หลมุ ขดุ คน้ ท่ี ๑ สมั ผสั เรียนรู้ ดังน้ี บนยอดภปู ระตตู ีหมา ภเู วยี งเปน็ ทง้ั ชอื่ อำ� เภอของจงั หวดั ขอนแกน่ และเปน็ ชอื่ เรยี กปา่ ภเู วยี ง ซึ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติ เทือกเขาภูเวียง และอุทยานแห่งชาติภูเวียงซึ่งมี บนอทุ ยานแห่งชาติภเู วียง สภาพภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูง มีลักษณะสัณฐานเป็นภูเขารูปแอ่ง ผาคนนอนบนอทุ ยานแหง่ ชาตภิ เู วียง คล้ายภูเขาไฟหรือกระทะคว�่ำ มีท่ีราบลุ่มตอนกลาง บริเวณตีนเขาบางแห่ง มีความลาดชันท�ำให้เกิดทิวทัศน์งดงาม ในบริเวณเทือกเขาช้ันในพบซาก ไดโนเสาร์ขนาดใหญท่ เ่ี รียกว่า ซอโรพอด (Sauropod) ซงึ่ กนิ พืชเป็นอาหาร และสัตว์โลกดึกด�ำบรรพ์ที่มีอายุเกือบ ๒๐๐ ล้านปีมาแล้ว ซ่ึงนับเป็น การคน้ พบไดโนเสารค์ ร้งั แรกของประเทศไทย ภูเวียงยังเป็นแหล่งตั้งถ่ินฐานของผู้คนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ เม่ือหลายพันปีล่วงมาแล้ว ดังปรากฏหลักฐานเป็นโครงกระดูกมนุษย์โบราณ เครือ่ งมือเคร่อื งใชห้ ิน โลหะส�ำรดิ และภาพเขยี นสีในถ�้ำบนเทือกเขาภเู วยี ง อุทยานแห่งชาติภูเวียงต้ังอยู่บนที่ราบสูงโคราช ซ่ึงเกิดจากการ สะสมตัวของหินชั้น ในท้องท่ีอ�ำเภอภูเวียง อ�ำเภอสีชมพู และอ�ำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น มีเนื้อท่ีประมาณ ๓๒๕ ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ ๒๐๓,๑๒๕ ไร่ ภายในอุทยานมีสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้ทั้งทาง ประวัติศาสตร์ และธรรมชาติวิทยาหลายแหง่ เชน่ k หลมุ ขุดคน้ กระดกู ไดโนเสาร์และซากสัตว์ในยุคโลกลา้ นปี k พระพทุ ธไสยาสน์ ประดษิ ฐานอยบู่ นยอดเขาภเู วยี ง เปน็ ภาพสลกั พระพุทธรูปปางไสยาสน์ บนหน้าผายาว ๓.๗๕ เมตร ศิลปะแบบทวารวดี ทย่ี งั สมบรู ณ์ k ถ�้ำฝ่ามือแดง เป็นแหล่งโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ บนผนังถ�้ำมีภาพมือซึ่งเกิดจากการใช้มือทาบกับผนังหินและพ่นสีแดงเรื่อๆ รอบฝ่ามือ k ถ้�ำคนนอน พบภาพเขียนสีเป็นภาพลายเส้นและลายจุดบน กอ้ นหนิ ทราย

130 ขอนแก่น : แหลง่ วฒั นธรรมอสี าน ทอ่ งเทย่ี วภเู ขาหนิ ทราย ขอนแก่น : แหล่งวฒั นธรรมอีสาน 131 ศกึ ษาปรากฏการณธ์ รรมชาตหิ นิ ตงั้ ทอี่ ทุ ยานแหง่ ชาตภิ เู กา้ -ภพู านคำ� น�้ำตกนางรอ แหล่งท่องเท่ียวท่ีงดงามตามธรรมชาติ เช่น น้�ำตกตาดฟ้า เป็น น้�ำตกทบั พญาเสอื จุดชมวิวชอ่ งเขาขาดเส้นทาง ภูเก้าและภูพานค�ำเป็นช่ือของเทือกเขาสองลูกท่ีแยกออกจากกัน น้�ำตกขนาดใหญ่ สูงประมาณ ๒๕ เมตร ล้อมรอบด้วยป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ สู่อุทยานแห่งชาติภเู กา้ -ภพู านคำ� สภาพธรณีเป็นภูเขาหินทรายท่ีผ่านการกัดกร่อนจากส่ิงแวดล้อมตาม ทางอทุ ยานแหง่ ชาตไิ ดจ้ ดั สถานทสี่ ำ� หรบั กางเตน็ ทพ์ กั แรมได้ นำ้� ตกทบั พญาเสอื จนั ได จนั ผา ธรรมชาติมายาวนาน ท�ำให้เกิดภูมิลักษณะที่งดงามโดดเด่น ตั้งอยู่ในบริเวณ เป็นน�้ำตก ๒ ชั้น ช้นั แรกสูงประมาณ ๘ เมตร มธี รรมชาติทสี่ มบรู ณ์ ชัน้ ท่ีสอง สญั ลักษณไ์ ดโนเสาร์ ท่ีราบสูงของภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ตอนบนในเขต ๓ จงั หวดั ตอ่ เนอื่ งกนั เปน็ น้�ำตกขนาดใหญม่ นี �้ำไหลลาดมาตามลำ� ห้วยประมาณ ๑๐๐ เมตร นำ้� ตก จะมีทุกแหง่ ในพืน้ ที่อำ�เภอภเู วยี ง คือ จังหวัดอดุ รธานี หนองบัวล�ำภู และจังหวัดขอนแก่น ครอบคลุมพ้ืนที่ ตาดจ�ำปา เป็นน�้ำตกขนาดกลางน�้ำจะไหลมากในช่วงฤดฝู น น�้ำตกตาดกลาง ประมาณ ๓๒๒ ตารางกโิ ลเมตร หรอื ๒๐๑,๒๕๐ ไร่ เป็นน�้ำตกขนาดใหญ่ที่มีความสวยงามอีกแห่งหน่ึง อ่างเก็บน้�ำหัวภูชน เป็น ภเู กา้ มลี กั ษณะภมู ปิ ระเทศคลา้ ยกระทะหงาย มที รี่ าบอยตู่ อนกลาง ลานหินขนาดใหญ่มีก้อนหินตั้งเรียงรายเหมือนประติมากรรมทางธรรมชาติ สนั นษิ ฐานว่าน่าจะเป็นภูเขาไฟโบราณที่ดับสนิทไปแล้วหลายรอ้ ยล้านปี หรือ ทีง่ ดงามลอ้ มรอบดว้ ยตน้ ไม้หลากหลายพนั ธุ์ สามารถนงั่ ชมทวิ ทัศน์ พักผอ่ น อาจเปน็ การโกง่ ตวั ของเปลอื กโลกทำ� ใหเ้ ปน็ ขอบสงู โดยรอบ ภเู กา้ เปน็ เทอื กเขา ในชว่ งหลงั ฤดฝู นมดี อกไมป้ า่ เชน่ มา้ วงิ่ กระดมุ เงนิ กลว้ ยไมด้ นิ หยาดนำ้� คา้ ง อยู่ สองชน้ั ชนั้ นอกเปน็ ภเู ขาสงู และมคี วามลาดชนั มาก สว่ นเขาดา้ นในมคี วามลาดชนั ดาษดนื่ งดงามมาก รอ่ งนำ�้ จนั่ เปน็ รอ่ งหนิ ทม่ี นี ำ�้ ไหลตลอดปี มรี ปู ปน้ั ฤาษขี นาด ไมม่ ากนัก พ้ืนที่ส่วนใหญเ่ ป็นท่สี ูงต�่ำสลบั กนั บางแห่งเป็นทรี่ าบ ใหญ่ สามารถเหน็ ทวิ ทศั นเ์ บอ้ื งลา่ งไดอ้ ยา่ งชดั เจน หนิ ลาดกกกมุ่ เปน็ ลานหนิ ขนาด ภูพานค�ำ เป็นแนวทิวเขายาวในเทือกเขาภูพาน เรียงตัวตามแนว ใหญ่ เรยี งกนั เปน็ กลมุ่ บางกอ้ นมลี กั ษณะคลา้ ยรปู สตั วก์ ระจดั กระจายอยเู่ ตม็ พน้ื ท่ี ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ ในพื้นท่ีของเทือกเขาภูพานทาง ประมาณ ๕ ไร่ บรเิ วณเทอื กเขาภเู วยี งยงั มบี รเิ วณทงุ่ กวา้ ง ทมี่ ที ศั นยี ภาพงดงาม ทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นแอ่งที่ราบต�่ำลุ่มน้�ำพองซึ่งเปน็ หบุ เขาขนาดใหญ่ การ หลายแห่ง เช่น ทุ่งกูกติ ตั้งอยู่บริเวณพ้ืนท่ีรอยต่อระหว่างอ�ำเภอชุมแพและ สรา้ งเข่ือนอบุ ลรัตน์ข้ึน เมอื่ พ.ศ. ๒๕๐๗ (เสร็จเมอ่ื พ.ศ. ๒๕๐๙) ทำ� ใหพ้ น้ื ท่ี อ�ำเภอภูเวียงมีเนื้อท่ีประมาณ ๒,๐๐๐ ไร่ ทุ่งใหญ่เสาอาราม เป็นทุ่งหญ้า ดังกล่าวกลายเปน็ ทะเลสาบ ซึ่งเปน็ พื้นที่ประมาณคร่งึ หน่งึ ของภพู านคำ� กว้างใหญ่บนเทือกเขาภูเวียง มีต�ำนานเล่าขานสืบต่อกันมาว่าเคยเป็นที่อยู่ อาศัยของพวกชาวป่าในสมัยก่อน มีสภาพทิวทัศน์ท่ีงดงามเป็นทุ่งหญ้าและ ป่าเบญจพรรณกว้างไกล สุดตา มีดอกไม้ป่าข้ึนอยู่หลากหลายและสัตว์ป่า ทห่ี าดไู ด้ยากตา่ งๆ การเดินทางไปอุทยานแห่งชาติภูเวียง จากจังหวัดขอนแก่นโดยสาร รถยนตห์ รือรถประจ�ำทางระยะทางประมาณ ๕๖ กโิ ลเมตร ถึงอ�ำเภอภูเวียง และอีกประมาณ ๔ กิโลเมตรถึงบริเวณปากช่องภูเวียงซึ่งเป็นท่ีต้ังของ หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาตภิ เู วยี ง รวมระยะทางประมาณ ๖๐ กิโลเมตร

132 ขอนแกน่ : แหลง่ วฒั นธรรมอสี าน จดุ ชมววิ จากหอสวรรค์ จะมองเหน็ อ่างเกบ็ น้�ำ ขอนแก่น : แหล่งวฒั นธรรมอีสาน 133 อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานค�ำ มีแหล่งท่องเท่ียวทางธรรมชาติ เขื่อนอบุ ลรตั น์ ทงี่ ดงามหลายแหง่ เชน่ บรเิ วณทวิ ทศั นร์ มิ ทะเลสาบทอี่ ยเู่ หนอื เขอ่ื นอบุ ลรตั น์ ทวิ ทัศนบ์ รเิ วณหินมะลึกคกึ คัก ชมทวิ ทศั นอ์ า่ งเกบ็ นำ�้ เขอื่ นอบุ ลรตั น์ และเกาะแก่งตา่ งๆ ซง่ึ โอบล้อมด้วยภูเขาหินทรายสูงตระหงา่ น มที ัศนียภาพ ในอทุ ยานแห่งชาตภิ เู กา้ -ภพู านค�ำ ดพู ระอาทติ ยข์ น้ึ และตก ท่สี วยงามเหมาะส�ำหรบั การทอ่ งเท่ยี วทางน้ำ� และพักแรม ทส่ี วยสดุ ของความงาม เสาหินหามต่างหรือหามต้ัง เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติท่ีเกิดจาก ณ อทุ ยานแหง่ ชาตนิ ำ้� พอง หินทรายท่ีผ่านการผุกร่อนอย่างรุนแรง เพราะการกัดเซาะของน้�ำ สายลม และแสงแดดมายาวนาน ท�ำให้เกิดเป็นแท่งหินตั้งขึ้น มีส่วนบนเป็นแผ่นหิน ท่ีมาของช่ืออุทยานแห่งชาติน้�ำพอง มาจากช่ือของล�ำน้�ำพองที่ไหล วางอยู่โดยไม่ติดกัน มองดูคล้ายดอกเห็ดเช่นเดียวกับเสาเฉลียงท่ีผาแต้ม รวมเป็นอ่างเก็บน�้ำเขื่อนอุบลรัตน์ (เดิมช่ืออ่างเก็บน้�ำน้�ำพอง) และชื่อของ อ�ำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี อทุ ยานแหง่ ชาตนิ ำ�้ พองซง่ึ แตเ่ ดมิ มชี อ่ื เรยี กวา่ นำ�้ พอง-ภเู มง็ ตามชอ่ื ตน้ กำ� เนดิ บริเวณเทือกเขาภูเก้ามีน้�ำตกตาดฟ้า และน�้ำตกตาดหินแตก เป็น ล�ำน้�ำพอง และเทือกเขาภเู มง็ ท่ีเปน็ พ้ืนทบี่ างสว่ นของอทุ ยานแหง่ ชาติแห่งนี้ น้�ำตกขนาดเล็กจะมีน้�ำมากในฤดูฝน ส่วนจุดชมทิวทัศน์ คือ หอสวรรค์ อุทยานแห่งชาติน�้ำพองมีลักษณะสัณฐานเป็นเทือกเขาหินทรายที่ สามารถเห็นพ้ืนราบของจังหวัดหนองบัวล�ำภู และผืนป่าท่ีอุดมสมบูรณ์ของ ทอดตัวเป็นแนวยาวจากทิศเหนือ สู่ทิศใต้ขนานกับอ่างเก็บน�้ำเขื่อนอุบลรัตน์ อุทยานแหง่ ชาตกิ ว้างไกลไปจนถึงอา่ งเก็บน้�ำเขอ่ื นอบุ ลรัตน์ พ้ืนท่ีแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ ด้านทิศเหนืออยู่ในเทือกเขาภูพานค�ำ และ อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานค�ำ มีร่องรอยการต้ังถ่ินฐานของมนุษย์ ด้านทิศใต้อยู่ในเทือกเขาภูเม็ง เป็นแหล่งก�ำเนิดต้นน�้ำล�ำธารหลายสาย เช่น สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ปรากฏเป็นภาพเขียนสีและภาพสลักบนเพิงผาและ ลำ� นำ้� พอง ลำ� นำ�้ เชญิ ลำ� นำ้� ชี ครอบคลมุ พนื้ ทป่ี า่ สงวนแหง่ ชาตหิ ลายแหง่ ไดแ้ ก่ ผนงั ถ้�ำหนิ ทรายหลายแห่ง บรรยากาศยามเยน็ ของอทุ ยานแหง่ ชาตนิ ำ�้ พอง ป่าโสกแต้ ป่าภูเม็ง ป่าโคกหลวง ป่าภูผาด�ำ ป่าภูผาแดง มีพื้นท่ีประมาณ การเดินทางไปอุทยานแหง่ ชาติภเู กา้ -ภพู านค�ำ จากจงั หวัดขอนแก่น ใช้เส้นทางขอนแก่น-อบุ ลรตั น์ ระยะทาง ๕๐ กโิ ลเมตรถงึ เข่อื นอบุ ลรตั น์ และ อีกประมาณ ๖ กิโลเมตรถึงอุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานค�ำ รวมระยะทาง ประมาณ ๕๖ กิโลเมตร จุดพักผอ่ นชมธรรมชาตแิ หลมสำ� ราญ

อา่ งเก็บนำ้� ขนาดใหญ่ ของอทุ ยานแห่งชาตินำ้� พอง ๑๙๗ ตารางกิโลเมตร หรือ ๑๒๓,๑๒๕ ไร่ ต้ังอยู่ในพื้นที่ ๒ จังหวัด ตอ่ เน่อื งกัน คือ จังหวดั ขอนแกน่ และจงั หวัดชยั ภูมิ ความงดงามทางธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติน้�ำพองมีหลายแห่ง เช่น บริเวณอ่างเก็บน้�ำเขื่อนอุบลรัตน์ ในยามเช้านักท่องเที่ยวจะได้สัมผัส ทิวทัศน์อันงดงามเม่ือพระอาทิตย์ข้ึน พร้อมกับวิถีชีวิตชาวประมงพ้ืนบ้าน ที่ล่องเรือหาปลาในคุ้งน้�ำ ส่วนยามเย็นได้ชมความงามของตะวันลับฟ้า นักท่องเที่ยวสามารถต้ังแคมป์พักแรม ร่วมกิจกรรมพายเรือแคนูท่องล�ำน้�ำ ชมทะเลดาวยามค�่ำคืน ดูฟ้าสางที่จุดชมวิว รวมทั้งท�ำกิจกรรมนันทนาการ ต่างๆ รว่ มกบั เจ้าหน้าทีก่ รมอุทยานแห่งชาติ ยามเยน็ จะเห็นชาวบา้ นล่องเรอื หาปลาในคุ้งน้�ำ บรเิ วณประตเู ขอ่ื นอบุ ลรตั น์ เปน็ สถานทพ่ี กั ผอ่ นของนกั ทอ่ งเทย่ี ว บรเิ วณประตเู ข่อื นอุบลรตั นย์ ามคำ่� คนื

136 ขอนแกน่ : แหลง่ วัฒนธรรมอสี าน ขอนแก่น : แหลง่ วัฒนธรรมอสี าน 137 จดุ ชมวิว หนิ หวั กะโหลก สถานทส่ี นามแข่งขันกีฬาทางอากาศ (ร่มบนิ ) น�้ำในโพรงหินเกิดจากน้ำ� ซมึ ผา่ นชั้นรองหนิ ทรายลงมา จงึ เปน็ แอ่งนำ้� แหลง่ ทอ่ งเท่ยี วหินชา้ งสี อุทยานแหง่ ชาตนิ ้�ำพอง อยู่ภายในโพรง เป็นแหลง่ นำ้� บริโภคของคนและสตั ว์ จดุ ชมววิ หนิ ชา้ งสี โปง่ ดนิ ธรรมชาติ บนลานหินนักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นทัศนียภาพของธรรมชาติ จุดชมวิวหินช้างสี เป็นกลุ่มหินทรายขนาดใหญ่รูปร่างแปลกตา อันงดงามและกว้างไกลได้โดยรอบ โดยเฉพาะในฤดูหนาวจะมีสายหมอก บนเทือกเขาภูพานค�ำบนสันเขาป่าโสกแต้ เป็นจุดชมวิวยามดวงอาทิตย์ขึ้น ลอ่ งลอยไลเ่ ลย่ี พน้ื นำ�้ และราวปา่ คลา้ ยกบั ลกู คลนื่ ในทะเล รวมทงั้ ลานหนิ กวา้ ง และดวงอาทิตย์ตกท่ีสวยงามที่สุดในอุทยานแห่งชาติน�้ำพอง เดิมบริเวณ ทมี่ พี นั ธไ์ุ มท้ ชี่ าวบา้ นเรยี กวา่ “ตน้ ชาด” ขน้ึ อยู่ เปน็ ทมี่ าของชอื่ “ลานชาด” หรอื ดังกล่าวมีช้างป่าและสัตว์ป่านานาชนิดอาศัยอยู่เป็นจ�ำนวนมาก เพราะ “พลาญชาด” และค�ำโพน ซ่ึงเป็นบ่อหินกลมคล้ายปล่องภูเขาไฟเส้นผ่า ความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติ ทั้งยังเป็นแหล่งโป่งดินที่เป็นธาตุที่จ�ำเป็น ศนู ย์กลาง ๕ เมตร ที่ตั้งอยู่ไม่หา่ งมากนกั บริเวณนีจ้ งึ เปน็ จดุ ทีน่ กั ท่องเท่ียว ส�ำหรับสัตว์ป่า ที่บริเวณโคนหินขนาดใหญ่มีร่องรอยท่ีเกิดจากการเสียดสี นยิ มมาตง้ั แคมปค์ า้ งแรม นอกจากนใี้ นบรเิ วณใกลเ้ คยี งยงั มภี าพเขยี นเรขาคณติ ผวิ หนงั ของช้างป่าจึงเป็นท่มี าของชื่อหินชา้ งสีท่ีเรยี กขานจนถึงปจั จบุ ัน ภาพเขียนรูปทรงเรขาคณติ ของมนษุ ยส์ มยั กอ่ นประวตั ศิ าสตร์ให้เราได้ศึกษาอกี ด้วย

138 ขอนแก่น : แหล่งวฒั นธรรมอสี าน ขอนแก่น : แหล่งวฒั นธรรมอสี าน 139 ผาสวรรค์ ทที่ �ำการอุทยานแหง่ ชาติน้ำ� พอง หินหัวชา้ ง ผาสวรรค์ เป็นจุดชมวิวอีกจุดหน่ึงที่มีทิวทัศน์ท่ีงดงามไม่แพ้บริเวณ เส้นทางส่อู ทุ ยานแห่งชาตนิ ำ�้ พอง หนิ ช้างสี ตง้ั อยูห่ ่างจากหนิ ชา้ งสีประมาณ ๓ กโิ ลเมตร การเดินทางด้วยเท้า จึงค่อนข้างล�ำบาก แต่หากต้องการศึกษาธรรมชาตินักท่องเท่ียวสามารถ จนั ได-จนั ผา เปน็ ไมย้ นื ตน้ เป็นพชื สมุนไพร พญาไทร การเดินทางไปอุทยานแห่งชาติน้�ำพอง จากจังหวัดขอนแก่นไปได้ เดินป่าข้ึนสู่ยอดเขาภูเม็ง ทางทิศใต้ของท่ีท�ำการอุทยานเป็นป่าเต็งรัง มสี รรพคณุ ทางยา แกน่ ไม้ทำ� ยาหอม รากไทรขนาดใหญเ่ มอ่ื เปรยี บเทยี บกบั นกั ทอ่ งเทย่ี ว ๒ เส้นทาง คือ เส้นทางแรกใช้ทางหลวงหมายเลข ๑๒ สู่อ�ำเภอชุมแพ และป่าดิบแล้งท่ีสมบูรณ์ด้วยพืชพรรณธรรมชาติ เป็นแหล่งสมุนไพรและ ดับพษิ ไข้ บ�ำรุงหวั ใจ ประมาณ ๓๐ กิโลเมตร แยกขวาเข้าบ้านผืออีก ๑๙ กิโลเมตรถึงท่ีท�ำการ ป่าต้นน้�ำท่ีมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ชุกชุม ส่วนผาจันไดมีหินต้ังรูปร่างแปลกตา บนเสน้ ทางศกึ ษาธรรมชาติ อุทยานแห่งชาติน�้ำพอง รวมเป็นระยะทางประมาณ ๔๙ กิโลเมตร ส่วน และมีต้นจันไดขึ้นอยู่ ซึ่งนักท่องเท่ียวสามารถชมความอุดมสมบูรณ์ของเทือกเขา เส้นทางสายที่สอง ใช้ทางหลวงหมายเลข ๒ (ไปจังหวัดอุดรธานี) ระยะทาง ภเู กา้ ท่ีงดงาม หรือเดนิ เท้าเพ่อื ชมภาพเขยี นสีโบราณสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ประมาณ ๒๗ กโิ ลเมตร ถงึ บา้ นคำ� แกน่ คณู เลยี้ วซา้ ยตามเสน้ ทางบางแสน ๒ ที่ผาฝ่ามือแดงท่อี ยู่หา่ งจากที่ท�ำการอทุ ยานประมาณ ๔ กโิ ลเมตร เดินทางเลาะริมเขื่อนอุบลรัตน์อีกประมาณ ๒๐ กิโลเมตรถึงท่ีท�ำการ นำ้� ตกห้วยเข เปน็ นำ้� ตกท่ตี ้งั อย่ใู นเขตอทุ ยานแห่งชาตนิ ้�ำพอง ที่ใกล้ อทุ ยานแหง่ ชาตนิ ำ้� พอง รวมเป็นระยะทางประมาณ ๖๕ กิโลเมตร จงั หวัดขอนแก่นมากท่ีสุด (ประมาณ ๖๐ กิโลเมตร) และมีความเปน็ ธรรมชาติ อย่างสมบูรณ์ ประกอบด้วยช้ันน้�ำตกประมาณ ๕ ช้ัน โดยชั้นบนสุดเป็นช้ัน ทม่ี คี วามสวยงามทส่ี ดุ

หนา้ ผาสงู ชนั คลา้ ยผา้ มา่ นผนื ใหญ่ หลากหลายถำ้� เพงิ ผา และนำ้� ตกทสี่ วยงาม ชมคา้ งคาวปากยน่ ทอ่ี ทุ ยานแหง่ ชาตภิ ผู ามา่ น ภผู ามา่ นเปน็ ชอื่ ของภเู ขาเทอื กหนง่ึ ทมี่ ลี กั ษณะเดน่ คอื หนา้ ผาสงู ชนั มีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ามองดูคล้ายผ้าม่านผืนใหญ่ จึงเป็นท่ีมาของ ช่อื อทุ ยานแห่งชาตภิ ผู ามา่ น และอำ� เภอภูผามา่ นของจังหวัดขอนแกน่ อุทยานแห่งชาติภูผาม่านมีลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นทิวเขา หนิ ปนู ที่มีความสูงชันสลับซับซ้อนเป็นแนวยาว สลบั กบั ที่ราบลมุ่ เชงิ เขา เป็น แหล่งต้นน้�ำล�ำธารหลายสายท่ีไหลลงสู่ล�ำน้�ำพอง และล�ำน้�ำเชิญในจังหวัด ขอนแก่น มีเนื้อท่ีประมาณ ๓๕๐ ตารางกิโลเมตรหรือ ๒๑๘,๗๕๐ ไร่ ครอบคลมุ พืน้ ทีป่ า่ สงวนแหง่ ชาติ ๒ แหง่ คอื ปา่ ดงลาน ในจังหวัดขอนแกน่ และป่าภูเปือย ในจังหวัดเลย อุทยานแห่งชาติภูผาม่านจึงต้ังอยู่ในเขตพื้นท่ี ๒ จังหวัดต่อเนือ่ งกัน คือ จังหวดั ขอนแกน่ และจงั หวดั เลย

142 ขอนแกน่ : แหล่งวฒั นธรรมอีสาน ขอนแกน่ : แหลง่ วัฒนธรรมอสี าน 143 แหล่งท่องเที่ยวที่ส�ำคัญ คือ ถ�้ำและน้�ำตก เช่น ถ�้ำผาพวง หรือ ถำ้� ร้อยพวงเปน็ ถ้ำ� ท่มี หี ินงอกและหินย้อยสวยงาม ถำ�้ พญานาคราช เป็นถำ�้ ท่ีได้รับการยกย่องว่าสวยงามเป็นอันดับหนึ่งของอุทยานแห่งชาติภูผาม่าน ภายในถ้�ำมีห้องโถงขนาดใหญ่ แต่ละห้องมีหินงอกหินย้อยที่ส่องประกาย แวววาวเมื่อกระทบกับแสงไฟ ถ้�ำภูตาหลอ เป็นอีกถ้�ำหน่ึงที่มีหินงอกและ หินย้อยเป็นพวงวาววับในห้องโถงขนาดใหญ่ พ้ืนเป็นที่ราบสามารถจุคน ได้ถงึ ๑,๐๐๐ คน เส้นทางสู่ถ้�ำภูตาหลอ อ�ำเภอภผู ามา่ น บนั ไดลงสถู่ �้ำภตู าหลอ ตอ้ งใช้ไฟฉายน�ำทาง บรรยากาศภายในถำ�้ เป็นห้องโถงขนาดใหญ่ ลักษณะของหนิ งอก หินย้อย ท่มี รี ูปร่าง รูปทรง ทีง่ ดงาม ดจุ ประติมากรรมทางธรรมชาติ

ขอนแกน่ : แหลง่ วัฒนธรรมอีสาน 145 ถำ�้ คา้ งคาว อยทู่ อี่ ำ� เภอภผู า่ มา่ นเปน็ ถำ้� ขนาดใหญ่ ปากถำ้� สงู จากพน้ื ดนิ บรเิ วณปากถ�ำ้ คา้ งคาว ค้างคาวปากย่น (Wrinkled-lipped Bat) ช่ือทางวิทยาศาสตร์ ประมาณ ๑๐๐ เมตร เป็นที่อยู่อาศัยของค้างคาวขนาดเล็กพันธุ์ปากย่น คา้ งคาวนบั ล้านตัวจะบนิ ออกมา Tadarida plicata (Buchannan) ๑๘๐๐ เป็นค้างคาวขนาดเล็ก จนถึง จำ� นวนมากในยามเยน็ นกั ทอ่ งเทยี่ วจะมองเหน็ คา้ งคาวนบั ลา้ นตวั บนิ ออกหากนิ ยามพลบค�่ำ เป็นภาพท่สี วยงาม ขนาดกลางกินแมลงเป็นอาหาร มีหางยาวอ้วนโผล่ออกทางด้านบนของ เปน็ รวิ้ ขบวนพล้วิ อย่างงดงาม พังผืดขา ใบหูมีรูปร่างและขนาดแตกต่างกัน บางคร้ังก็เชื่อมต่อกัน บริเวณเหนือหน้าผาก ติ่งใบหูมีขนาดเล็ก ค่อนข้างแคบ ร้ิวใบหูมีขนาดใหญ่ ใบหน้ามีขนห่างๆ ริมฝีปากย่นเป็นร้ิว ปีกยาวและแคบ พบได้ทุกภาค ของไทยยกเว้นภาคใตต้ อนล่าง

ความงดงามของสายนำ้� ทางธรรมชาตทิ ไ่ี หลเป็นน�้ำตกพลาญทอง ขอนแกน่ : แหล่งวฒั นธรรมอสี าน 147 การเดินทางไปอุทยานแห่งชาติภูผาม่าน จากจังหวัดขอนแก่นใช้ อุทยานแห่งชาติภูผาม่านมีน�้ำตกสวยงามหลายแห่ง เช่น น้�ำตก เส้นทางหลวงแผน่ ดินหมายเลข ๒๐๑ (ขอนแก่น-เลย) ประมาณ ๑๑๒-๑๑๓ พลาญทอง เป็นน�้ำตกขนาดเล็กเกิดจากต้นน้�ำท่ีเป็นน้�ำซับหลายสาย กิโลเมตร แล้วเล้ียวซ้ายประมาณ ๕ กิโลเมตร ถึงท่ีท�ำการอุทยานแห่งชาติ ไหลมารวมกันแล้วไหลลงสู่หน้าผาชั้นเล็กชั้นน้อยลดหลั่นกันลงไป น�้ำตก ภผู ามา่ น ตาดฮ้อง เป็นน�้ำตกขนาดใหญ่เกิดจากล�ำน�้ำพองที่มีต้นก�ำเนิดจากภูกระดึง ในเขตรอยต่ออุทยานแห่งชาติภูกระดึง จังหวัดเลย กับอุทยานแห่งชาติ บรรยากาศโดยรอบของ ภผู ามา่ น จังหวัดขอนแกน่ ในยามท่สี ายน้�ำตกกระทบแผน่ หนิ จะเกดิ เสยี งดงั อทุ ยานแหง่ ชาติภูผาม่าน กกึ ก้องท่ัวปา่ จึงเป็นที่มาของชอ่ื ตาดฮ้อง น�้ำตกตาดฟ้า เป็นน�้ำตกที่เกิดจากห้วยตาดฟ้าที่ไหลลดหล่ันตาม ผาหินอย่างดงามก่อนไหลลงสู่ล�ำน้�ำเชิญ ส่วนน้�ำตกตาดฟ้าใหญ่ เป็นน้�ำตก ขนาดใหญ่ท่ีเกิดจากห้วยตาดฟ้าและไหลลดหล่ันกันลงไปเป็นข้ันบันได หลายช้ันก่อนไหลลงสู่ล�ำน�้ำเชิญ เป็นน้�ำตกท่ีสวยงามมากโดยเฉพาะใน ฤดูน�้ำหลากและเป็นน้�ำตกท่ีรถยนต์เข้าถึงตัวน้�ำตกได้อย่างสะดวกจึงเป็น ทีน่ ิยมส�ำหรับนักทอ่ งเที่ยว

148 ขอนแกน่ : แหลง่ วัฒนธรรมอสี าน ขอนแกน่ : แหล่งวฒั นธรรมอสี าน 149 ท่องเทีย่ วเชิงนิเวศ กิจกรรมอนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ้ ม อุทยานแห่งชาติทุกแห่งในประเทศไทยเป็นแหล่งพื้นที่อนุรักษ์ทาง วัตถุประสงค์ ธรรมชาตทิ ม่ี ที รพั ยากรทางธรรมชาตทิ โ่ี ดดเดน่ และหาไดย้ าก ทวิ ทศั นท์ ส่ี วยงาม (1) เพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับการอนุรักษ์ทรัพยากร และแปลกตา ร่องรอยหลักฐานทางประวัติศาสตร์ และศิลปวัฒนธรรมของ ธรรมชาติ และสิง่ แวดล้อมแกช่ มุ ชนรอบแนวเขตอทุ ยานแห่งชาติ ชุมชนในพ้ืนที่ ดังนั้นอุทยานแห่งชาติจึงเปรียบเสมือนแหล่งเรียนรู้กลางแจ้ง (2) เพื่อปลูกฝังจิตส�ำนึกในการอนุรักษ์ ดูแลรักษาทรัพยากร ท่สี ามารถใชใ้ นการศึกษาคน้ ควา้ และวจิ ัยในศาสตรห์ ลายสาขา ธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ มแก่ชุมชนรอบแนวเขตอทุ ยานแห่งชาติ (3) เพื่อเปลี่ยนแปลงทัศนคติในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ นอกจากนี้ อุทยานแห่งชาติยังเป็นสถานที่ส�ำหรับพักผ่อนหย่อนใจ และสิง่ แวดลอ้ มแกช่ ุมชนรอบแนวเขตอทุ ยานแหง่ ชาติ และทำ� กจิ กรรมนนั ทนาการตา่ งๆ ซง่ึ เปน็ ผลใหเ้ กดิ การทอ่ งเทยี่ วเชงิ นเิ วศหรอื การท่องเท่ียวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติได้อย่างแท้จริง เช่น การต้ังแคมป์ อทุ ยานแหง่ ชาตหิ ลายแหง่ จงึ ไดจ้ ดั เสน้ ทางเดนิ ปา่ เพอื่ ศกึ ษาธรรมชาติ พักแรม เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ การปรับตัวและใช้ประโยชน์จาก ส�ำหรับนักท่องเที่ยว และก�ำหนดกฎกติกาต่างๆ เพ่ือความปลอดภัยและ ธรรมชาติเชิงอนุรักษ์ การศึกษาพฤติกรรมสัตว์ป่า การเดินป่า ชมทิวทัศน์ รกั ษาสง่ิ แวดลอ้ ม โดยคาดหวงั วา่ กจิ กรรมเหลา่ นจี้ ะกระตนุ้ ใหเ้ หน็ ความสำ� คญั เพื่อศึกษาธรรมชาติสภาพภูมิประเทศเขตร้อนชื้น และเป็นแหล่งรวม ของธรรมชาติ สร้างความตระหนัก และจิตส�ำนึกท่ีจะรักษาธรรมชาติและ ส่ิงมีชีวิตหลากหลายเป็นระบบนิเวศที่ส�ำคัญของโลก โดยเฉพาะป่าไม้ สิง่ แวดลอ้ มท่ีทรงคณุ คา่ นี้ใหค้ งอยสู่ ืบไป ในเขตร้อนเป็นแหล่งโอบอุ้มความชุ่มช้ืน แหล่งต้นน้�ำล�ำธารที่ส�ำคัญไหล รวมเป็นห้วย หนอง คลอง บึง และแม่น�้ำท่ีหล่อเล้ียงให้ความอุดมสมบูรณ์ แก่สิ่งมีชีวิตทั้งมวลท้ังยังเป็นปัจจัยส�ำคัญท่ีท�ำให้ฝนตกตามฤดูกาล เป็น แหลง่ อาหาร สรา้ งความสมดลุ ใหก้ บั สภาพแวดลอ้ ม คณุ คา่ ของผนื ปา่ มมี ากมาย มหาศาลตอ่ ทกุ ชีวิต การท่องเที่ยวเชิงนเิ วศ จะได้สัมผสั กบั บรรยากาศท่ีหลากหลาย ถา้ เราช่วยกนั อนรุ กั ษ์ ความงดงาม ความประทบั ใจเหล่าน้ี ก็จะอยเู่ ป็นนิรันดร์

เทย่ี วกนิ ถน่ิ ดอกคนู จังหวัดขอนแก่นเป็นดินแดนแห่งศิลปวัฒนธรรมที่หลากหลาย และงดงาม ท้งั ทางดา้ นกายภาพประวัตศิ าสตร์ โบราณคดีและแหล่งเรยี นร้ทู ่ี นา่ สนใจซงึ่ กระจดั กระจายอยทู่ วั่ ไปในทกุ พน้ื ท่ี ขอนแกน่ เปน็ จงั หวดั ทม่ี ศี กั ยภาพ ในการเปน็ เมอื งทอ่ งเทยี่ วมคี วามสะดวกในทกุ ๆ ดา้ น ไมว่ า่ จะเปน็ การคมนาคม ท่ีสะดวกสบาย ท้ังทางบกและทางอากาศ ด้านอาหารการกินก็มีให้เลือก อย่างหลากหลาย รวมท้ังสถานท่ีพักแรมท่ีอยู่ตามแหล่งท่องเท่ียวในชุมชน และสถานทที่ อ่ งเทยี่ วทางธรรมชาตหิ ลายแหง่ จงึ ทำ� ใหม้ ผี คู้ นจำ� นวนมากเลอื ก ท่ีจะแวะเวียนมาเยือนดินแดนแห่งท่ีราบสูงแห่งน้ี นอกจากจะได้อิ่มตาอิ่มใจ กับความงดงามของธรรมชาติแล้ว ยังจะได้ซึมซับกับวิถีประเพณีวัฒนธรรม ตลอดจนประวตั ศิ าสตรค์ วามเปน็ มาอนั เปน็ รากเหงา้ ของชาวขอนแกน่ อกี ดว้ ย สถานท่แี ละแหล่งท่องเทีย่ วสำ� คญั ของจังหวัดขอนแกน่ ที่นา่ สนใจได้แก่

152 ขอนแกน่ : แหล่งวฒั นธรรมอสี าน ขอนแกน่ : แหลง่ วฒั นธรรมอีสาน 153 คมุ้ ครองลกู หลาน คนไทยเชอ้ื สายจนี จงึ เรยี กศาลหลกั เมอื งนวี้ า่ ศาลหลักเมืองกง ศาลเจ้าเทพารักษ์หลักเมอื ง ภายในบริเวณศาลหลักเมืองจะมีเสาเทวดาฟ้าดินเพ่ือให้คนได้คารวะเทพ เทวดาผู้ให้ก�ำเนิดฟ้าดินซ่ึงเช่ือกันว่าเสาเทวดาฟ้าดินเปรียบเสมือนสถานที่ ศาลเจ้าเทพารักษ์หลักเมืองเป็นสถานท่ีศักดิ์สิทธ์ิเป็นท่ีเคารพ รับราชโองการจากสวรรค์มายังโลกมนุษย์ของเงก็ เซยี นฮ่องเต้ สักการะ และศูนย์รวมจิตใจของชาวขอนแก่น ต้ังอยู่หน้าศาลาสุขใจ นอกจากนี้บริเวณใกล้ๆ ศาลหลักเมืองยังมีเทวสถานพระแม่ธรณี ถนนเทพารกั ษ์ หนา้ เทศบาลนครขอนแก่น ท่านเจ้าคุณพระราชสารธรรมุนี ซึ่งเป็นเทพท่ีดูแลรักษาผืนแผ่นดิน ภายในเทวสถานยังมีส่ิงศักดิ์สิทธิ์ตาม และหลวงธุรนัยพินิจ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นได้ริเร่ิมสร้างขึ้น ความเชอ่ื ของศาสนาพราหมณ์ ฮนิ ดอู นื่ ๆ ไดแ้ ก่ เทพราหู ทา้ วมหากบลิ พรหม โดยอัญเชิญเสาหลักเมืองจากบริเวณพื้นท่ีอ�ำเภอชุมแพมาประกอบพิธีทาง เปิดโลก (๘ ทิศ) พระพรหม ศิวลึงค์ ตามแบบอินเดีย ชาวขอนแก่นนิยม พุทธศาสนาและต้ังเป็นศาลหลกั เมือง เมอ่ื วันที่ ๒๐ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๔๙๙ ไปสักการบูชาและขอพร เพ่ือเสริมบารมี เทวสถานแห่งน้ีสร้างขึ้นใน ตวั อาคารเปน็ สถาปตั ยกรรมไทยประยกุ ต์ ทางเขา้ ซมุ้ ประตทู งั้ สดี่ า้ น พ.ศ. ๒๕๒๔ ครอบดว้ ยซมุ้ เรอื นแกว้ สองชน้ั หลงั คาเปน็ ทรงจวั่ จตั รุ มขุ ซอ้ น ๓ ชนั้ ชนั้ เครอ่ื ง ยอดเปน็ รปู เจดยี ศ์ ลิ ปะพนื้ เมอื งอสี าน สณั ฐานเปน็ เจดยี จ์ ำ� ลองจากองคพ์ ระธาตุ ขามแก่น ปลายสุดประดับด้วยฉัตรทองห้าช้ัน และยอดฉัตรทองค�ำบริสุทธิ์ การกอ่ สรา้ งเสาหลกั เมอื งไดร้ บั ความรว่ มมอื รว่ มใจจากทั้งคนไทยและคนไทย เช้ือสายจีนในจังหวัดขอนแก่นจึงได้มีการอัญเชิญวิญญาณบรรพบุรุษของ ชาวไทยเชือ้ สายจีน ท่ีเรียกว่า “อากงอามา่ ” อยรู่ วมกนั กบั หลกั เมอื งเพอ่ื ปกปอ้ ง

154 ขอนแก่น : แหล่งวฒั นธรรมอสี าน ขอนแกน่ : แหล่งวฒั นธรรมอีสาน 155 โสกผีดบิ ศาลปู่ตาบริเวณโสกผีดิบ โสกผีดิบเป็นป่าสาธารณะที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นหินทราย ที่ถูกกัดเซาะด้วยลมและฝน กลายเป็นรูปร่างแปลกตา คล้ายแพะเมืองผีท่ี จงั หวดั แพร่ มเี นอ้ื ทโ่ี ดยประมาณ ๓๕ ไร่ ตง้ั อยทู่ ห่ี มทู่ ่ี ๑ บา้ นหนองบวั ตำ� บล โสกนกเต็น อ�ำเภอพล จังหวัดขอนแก่น ค�ำว่า “โสก” หมายถึง บริเวณที่มี นำ�้ กดั เซาะเปน็ รอ่ งลกึ สว่ น “ผดี บิ ” หมายถงึ ผเี จา้ ปา่ ทช่ี าวบา้ นเคารพนบั ถอื สถานทแี่ หง่ นยี้ งั เปน็ สถานทป่ี ระกอบพธิ กี รรมตามความเชอื่ ของชาวโสกนกเตน็ และหมบู่ า้ นใกลเ้ คยี ง โดยทกุ ปใี นชว่ งเดอื นหกจะมพี ธิ เี ลยี้ งปตู่ าโสกผดี บิ ซง่ึ การ เลี้ยงปู่ตาโสกผีดิบแสดงออกถึงความเช่ือในการเคารพธรรมชาติ และการอยู่ รว่ มกนั กับธรรมชาติของชาวบ้าน กิจกรรมท่ีจัดขึ้น อาทิ การถวายภัตตาหาร แดพ่ ระสงฆ์ การแหข่ า้ วพันก้อน การจุดบั้งไฟเสี่ยงทายฟ้าฝน เปน็ ตน้ เขือ่ นอบุ ลรตั นเ์ ป็นอ่างเกบ็ น้�ำขนาดใหญ่ท่ีมีประโยชน์ตอ่ ชาวจงั หวดั ขอนแกน่ ลักษณะของหินทรายที่ถูกกัดเซาะโดยธรรมชาติกลายเป็นรูปร่างต่างๆ สนามกอล์ฟสถานทีพ่ กั ผอ่ นของนักท่องเท่ียว เขื่อนอบุ ลรตั น์ แนวสันเข่อื นและประตเู ข่อื นอบุ ลรตั น์ เขอ่ื นอบุ ลรตั น์ หรอื ชอ่ื เดมิ เขอ่ื นพองหนบี เปน็ เขอื่ นอเนกประสงค์ แหง่ ทส่ี องของประเทศไทย ซงึ่ สรา้ งขนึ้ ถดั จากเขอ่ื นภมู พิ ลและเปน็ เขอ่ื นไฟฟา้ พลังน�้ำแห่งแรกที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้สร้างขึ้นใน ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ต้ังอย่ทู อ่ี �ำเภออุบลรตั น์ เขอื่ นอุบลรัตนเ์ รม่ิ กอ่ สร้าง เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๗ แล้วเสร็จใน พ.ศ. ๒๕๐๙ ตัวเข่ือนมีลักษณะเป็นเข่ือน หินถมแกนดินเหนียว ยาว ๘๘๕ เมตร สูง ๓๒ เมตร ระดับสันเข่ือนอยู่ที่ ๑๘๕ เมตร สนั เขอื่ นกวา้ ง ๖ เมตร ฐานเขอ่ื นกวา้ ง ๑๒๐ เมตร อา่ งเกบ็ นำ้� มีความจุ ๒,๒๖๓ ล้านลูกบาศก์เมตร ต่อมา กฟผ.ได้ปรับปรุงเข่ือนโดยเสริม สนั เขอื่ นใหส้ งู ขนึ้ จากระดบั ๑๘๕ เมตร เปน็ ๑๘๘.๑๐ เมตร สว่ นฐานเขอ่ื น ด้านท้ายเดิมกว้าง ๑๒๐ เมตร ได้ขยายเป็น ๑๒๕ เมตร ท้ังนี้ก็เพ่ือเสริม ประสิทธิภาพของเขื่อนในการบรรเทาอุทกภัยและเสริมความปลอดภัยให้แก่ ตวั เขอ่ื น เขอ่ื นนม้ี ปี ระโยชนใ์ นดา้ นตา่ งๆ เชน่ การผลติ กระแสไฟฟา้ การเกษตร การประมง การปอ้ งกนั อทุ กภยั การคมนาคม และยงั เปน็ ทสี่ ำ� หรบั พกั ผอ่ น หย่อนใจของประชาชน โดยบริเวณรอบๆ ตัวเขื่อนมีการจัดพื้นท่ีเป็นสวน พรรณไม้ในวรรณคดี สวนประติมากรรมไดโนเสาร์ มีบริเวณส�ำหรับจัดค่าย พักแรมเยาวชนทั้งรูปแบบบ้านเคล่ือนที่และพื้นท่ีกางเต็นท์ นอกจากน้ี ยงั มสี นามกฬี าตา่ งๆ ไวใ้ หบ้ รกิ ารประชาชน เชน่ สนามกอลฟ์ สนามฟตุ บอล สนามเทนนิส สนามแบดมินตัน รวมทั้งห้องอาหารท่ีสะดวกสบาย มีส่วน ที่เป็นห้องปรับอากาศและส่วนที่เป็นระเบียง นั่งรับลมเย็น อากาศบริสุทธิ์ หรอื ชมพระอาทิตย์ยามเย็นทีส่ วยงามไดต้ ามอัธยาศัย เปน็ ต้น

156 ขอนแกน่ : แหล่งวฒั นธรรมอีสาน ขอนแกน่ : แหล่งวัฒนธรรมอสี าน 157 บรรยากาศยามเย็นรอบๆ บริเวณหาดพัทยา ๒ พทั ยา ๒ บรรยากาศตอนกลางวนั ของบางแสน ๒ สถานที่พกั ผ่อนหย่อนใจของนกั ทอ่ งเทย่ี ว แสงพระอาทติ ยส์ อ่ งกระทบผวิ นำ้� เปน็ ประกายระยบิ ระยบั นอกจากน้ีเข่ือนอุบลรัตน์ยังส่งผลให้เกิดแหล่งท่องเที่ยวข้ึนอีก ๒ แหง่ ด้วยกัน อนั ได้แก่ พัทยา ๒ และบางแสน ๒ อีกบรรยากาศหน่งึ ของบางแสน ๒ บางแสน ๒ บางแสน ๒ เป็นแหล่งท่องเท่ียวอยู่ริมอ่างเก็บน้�ำอุบลรัตน์ด้าน พทั ยา ๒ อ�ำเภออุบลรัตน์ตั้งอยู่ที่บ้านหินเพิง ต�ำบลท่าเรือ อยู่ห่างจากอ�ำเภอเมือง พัทยา ๒ เป็นแหล่งทอ่ งเที่ยวอยรู่ ิมอา่ งเกบ็ นำ้� อบุ ลรตั นด์ า้ นอำ� เภอ ประมาณ ๕๓ กิโลเมตร บางแสน ๒ เป็นชายหาดริมทะเลสาบน้�ำจืดเหนือ ภเู วยี งมลี กั ษณะเปน็ ทะเลสาบ ขนาดประมาณ ๔๖ ไร่ ตง้ั อยทู่ บ่ี า้ นหนองกงุ เซนิ เขอื่ นอบุ ลรตั นท์ มี่ บี รรยากาศโดยรอบสวยงามสะดุดตา โดยเฉพาะบรรยากาศ อ�ำเภอภูเวียง ห่างจากอ�ำเภอเมืองประมาณ ๗๘ กิโลเมตร ด้วยทัศนียภาพ ยามเย็นท่ีพระอาทิตย์ฉายแสงส่องกระทบผิวน้�ำเป็นประกายระยิบระยับ ท่ีสวยงามมีเทือกเขาภูพานค�ำตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลัง ใกล้ๆ กันมีทุ่งหญ้า ชาวขอนแกน่ และนกั ทอ่ งเทยี่ วนยิ มมาพักผ่อนหย่อนใจ ท�ำกิจกรรมทางน�้ำ เขียวขจี จึงเป็นสถานท่ีที่ชาวขอนแก่นและนักท่องเที่ยวนิยมมาพักผ่อน ต่างๆ เช่น น่ังเรือจักรยานน้�ำ เล่นบานาน่าโบ๊ต เล่นน�้ำ นอกจากน้ีรอบๆ หย่อนใจอีกท้ังยังสามารถนั่งกินอาหารจากปลาน้�ำจืดนานาชนิดท่ามกลาง บริเวณบางแสน ๒ ยังมีร้านอาหารมากมายให้บริการอาหารที่ปรุงจาก บรรยากาศท่ีเย็นสบาย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมทางน้�ำให้นักท่องเท่ียวได้ ปลาภายในอ่างเก็บน�้ำเขื่อนอุบลรัตน์ เช่น ปลานิล ปลาเนอื้ ออ่ น ปลาชอ่ น สนุกสนานตามอัธยาศัย เช่น การพายเรือชมทัศนียภาพ การขับขี่สกู๊ตเตอร์ ในชว่ งเทศกาลหรอื วนั หยดุ สถานทแี่ หง่ นจ้ี งึ เตม็ ไปดว้ ยนักท่องเที่ยวท่ีเดินทาง หรือจะนง่ั เรือจกั รยานน้�ำสสี ันสวยงาม ไปชมธรรมชาติและเล่นนำ้� กันเปน็ จำ� นวนมาก

158 ขอนแก่น : แหลง่ วัฒนธรรมอีสาน ขอนแก่น : แหล่งวฒั นธรรมอีสาน 159 บรรยากาศรอบๆ บงึ แกน่ นครยามเยน็ จะมปี ระชาชนมาออกกำ� ลงั กายและชมววิ ทิวทศั นร์ อบๆ บึง แกง่ ตู้ บึงแกน่ นคร แก่งตู้เป็นแก่งน�้ำธรรมชาติท่ีมีโขดหินขนาดน้อยใหญ่ทอดเรียง กันไปเม่ือน�้ำไหลผ่านมีเสียงน้�ำกระทบหินเพิ่มบรรยากาศท่ีเป็นธรรมชาติ บงึ แกน่ นครเป็นบงึ น้�ำขนาดใหญ่ รูปวงรี มีเนอื้ ท่ี ๖๐๓ ไร่ แต่เดิม อยา่ งแทจ้ รงิ ลำ� น้�ำน้ีมีต้นน�ำ้ มาจากแมน่ ำ�้ พอง ซ่งึ จะไหลไปยังเขอ่ื นอบุ ลรตั น์ ช่ือว่า บึงบอน ต้ังอยู่ในเขตเทศบาลเมืองขอนแก่น ตอนเหนือของบริเวณ แก่งตู้อยู่ในพื้นที่คาบเกี่ยวสองจังหวัดคือต�ำบลสีชมพู อ�ำเภอสีชมพู จังหวัด บึงแก่นนคร เป็นที่ประดิษฐานอนุสาวรีย์เจ้าเพียเมืองแพนหรือ พระนคร ขอนแก่น และต�ำบลนากอก อ�ำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวล�ำภู แก่งตู้ ศรีบริรักษ์ ผู้ก่อต้ังเมืองขอนแก่น ชาวเมืองขอนแก่นนิยมมาพักผ่อนและ จะมีน้�ำตลอดปี ชาวขอนแกน่ และนักท่องเท่ียวทวั่ ไปนิยมมาพกั ผ่อนหยอ่ นใจ ท�ำกิจกรรมนันทนาการ ด้วยบรรยากาศท่ีร่มร่ืนเย็นสบาย เต็มไปด้วยต้นไม้ ในช่วงวันหยุด และเทศกาลสงกรานต์ นานาพันธุ์ นอกจากน้ียังมีสวนสุขภาพประดับตกแต่งด้วยประติมากรรม รปู ต่างๆ เหมาะแก่การพักผ่อนและเป็นสถานท่อี อกก�ำลงั กาย แก่งตู้ จุดทอ่ งเที่ยวอกี แหง่ หนึ่งของผทู้ ร่ี กั ธรรมชาติ

160 ขอนแกน่ : แหลง่ วฒั นธรรมอสี าน ขอนแก่น : แหล่งวฒั นธรรมอีสาน 161 พพิ ิธภัณฑ์ไดโนเสารภ์ เู วียง โฮงมนู มงั เมืองขอนแก่น พพิ ธิ ภณั ฑไ์ ดโนเสารภ์ เู วยี ง เปน็ อาคารพพิ ธิ ภณั ฑท์ นั สมยั ขนาดใหญ่ โฮง หมายถงึ หอ้ งโถงหรอื หอทมี่ ขี นาดกวา้ งใหญ่ มนู มงั หมายถงึ มีพ้ืนที่ ๕,๕๐๐ ตารางเมตร ตั้งอยู่ที่ต�ำบลในเมือง อ�ำเภอเมือง พิพิธภัณฑ์ ทรพั ยส์ มบตั ิ มรดก โฮงมูนมังเมืองขอนแกน่ จงึ หมายถึง ห้องทีเ่ กบ็ รวบรวม แหง่ นเี้ ปน็ สว่ นหนง่ึ ของศนู ยศ์ กึ ษาวจิ ยั ซากดกึ ดำ� บรรพไ์ ดโนเสาร์ ภเู วยี ง กอ่ ตง้ั ทรัพย์สมบัติ อันสื่อถึงความเป็นมาและเรื่องราวของเมืองขอนแก่น ซ่ึงเป็น โดยความร่วมมือระหว่างกรมทรัพยากรธรณี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สิ่งท่ีจะสะท้อนให้ผู้คนได้สัมผัสถึงสภาพชีวิต ความเป็นอยู่ของชาวขอนแก่น และจังหวัดขอนแก่น ถือเป็นพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์แห่งแรกของประเทศไทย นับต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โฮงมูนมังเมืองขอนแก่นตั้งอยู่บริเวณช้ันล่าง เป็นสถานที่ศึกษาวิจัยอนุรักษ์ซากไดโนเสาร์ โดยเน้นที่การจัดแสดงเรื่องราว อาคารสวนสาธารณะ ๒๐๐ ปี บึงแก่นนคร อ�ำเภอเมือง ภายในจะจัดพื้นท่ี ของซากดกึ ดำ� บรรพ์ และเผยแพรเ่ รอื่ งราวของไดโนเสาร์ ตลอดจนธรณวี ทิ ยา ออกเป็นพ้ืนท่ีในส่วนของนิทรรศการและห้องจ�ำหน่ายของท่ีระลึก พื้นท่ี สาขาอื่นๆ ใหแ้ กเ่ ยาวชนและประชาชนทั่วไป จดั นทิ รรศการแบง่ ออกเปน็ ๕ โซน ตามเนอื้ หาสาระในระบบการปกครอง วถิ ชี วี ติ ภายในอาคารพพิ ิธภณั ฑแ์ บ่งออกเป็น ๓ สว่ น คอื ภมู ปิ ญั ญาและเอกลกั ษณท์ างวฒั นธรรมทนี่ า่ ภาคภมู ใิ จของชาวขอนแกน่ ตงั้ แต่ ๑. สว่ นบรกิ าร ไดแ้ ก่ รา้ นขายของทรี่ ะลกึ ขายอาหาร หอ้ งบรรยาย ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ยุคสร้างบ้านแปงเมืองจนถึงขอนแก่นในปัจจุบัน โดย ๒. ส่วนวชิ าการ ได้แก่ หอ้ งปฏิบัติการ หอ้ งท�ำงาน หอ้ งสมดุ การนำ� เสนอดว้ ยแบบจำ� ลองผสานสอื่ ทนั สมยั เพอ่ื ใหก้ ารชมนทิ รรศการมคี วาม ๓. ส่วนนิทรรศการ ได้แก่ ห้องจัดแสดงชั้นล่างและช้ันบน โดย น่าสนใจ พนื้ ที่ ๕ โซน ได้แก่ แบ่งพื้นท่ีแสดงเป็นการก�ำเนิดโลก หิน แร่ ซากดึกด�ำบรรพ์และหุ่นจ�ำลอง โซนที่ ๑ แนะน�ำเมอื งขอนแก่น ไดโนเสารป์ ระเภทตา่ งๆ โซนที่ ๒ ประวตั ศิ าสตรเ์ มืองขอนแกน่ และวฒั นธรรมโบราณ โซนท่ี ๓ การตง้ั เมือง โซนท่ี ๔ บา้ นเมืองและวิถีชีวิตของชาวขอนแกน่ โซนท่ี ๕ ขอนแก่นวนั นี้ เปดิ ให้เขา้ ชมทุกวนั ต้ังแตเ่ วลา ๐๙.๐๐ น. - ๑๗.๐๐ น. บรรยากาศภายในของพพิ ธิ ภณั ฑไ์ ดโนเสารภ์ เู วยี ง แหล่งเรียนรู้ทางประวัตศิ าสตร์ โฮงมนู มังเมืองขอนแกน่ เปดิ ท�ำการเวลา ๐๙.๐๐ น. - ๑๗.๐๐ น. ซงึ่ เปน็ แหล่งเรียนรทู้ น่ี า่ สนใจ และวถิ ีชีวิตของชาวขอนแก่น วนั จนั ทรถ์ งึ วันเสาร์ ปดิ ท�ำการวันอาทิตย์และวนั หยุดนกั ขตั ฤกษ์

162 ขอนแก่น : แหลง่ วัฒนธรรมอีสาน ขอนแกน่ : แหลง่ วัฒนธรรมอีสาน 163 พิพิธภณั ฑสถานแห่งชาตขิ อนแกน่ บริเวณช้ันลา่ งด้านซ้าย จดั แสดงใบเสมาจ�ำหลกั สมัยทวารวดี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติขอนแก่นเป็นสถานท่ีเก็บและจัดแสดง เศียรพระพุทธรปู สมัยต่างๆ โบราณวัตถุล้�ำค่าต้ังแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ถึงสมัยประวัติศาสตร์ บรเิ วณชั้นบน มีการจัดแสดงโครงกระดูกมนุษย์ยุคหินใหม่ท่ีบ้านเชียงและเครื่องมือ จดั แสดงศลิ ปวตั ถสุ มัยขอม หรอื ลพบุรี เคร่ืองใช้ของผู้คนในยุคนั้น ส่ิงส�ำคัญท่ีควรชมเมื่อไปพิพิธภัณฑ์แห่งน้ีก็คือ ทีข่ ุดพบในเขตอีสาน ใบเสมาหินทรายขนาดใหญ่เป็นงานพุทธศิลป์สมัยทวารวดี จ�ำหลักภาพ พทุ ธประวัติทงี่ ดงามและสมบูรณ์มาก พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติขอนแก่นต้ังอยู่ท่ีถนนหลังศูนย์ราชการ ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ภายในพิพธิ ภณั ฑ์ ประกอบด้วย อาคารพิพิธภัณฑ์ มี ๒ ช้ัน โดย ชั้นล่างด้านขวา จะจัดแสดง นิทรรศการสมัยก่อนประวัติศาสตร์ของภาคอีสานตอนบน บอกเล่าเก่ียวกับ การเปลย่ี นแปลงของผวิ โลกผา่ นยคุ ไดโนเสารก์ ระทงั่ ถงึ มนษุ ยย์ คุ กอ่ นประวตั ศิ าสตร์ และจัดแสดงโบราณวัตถุที่น่าสนใจ เช่น ภาชนะดินเผาอายุ ๕,๖๐๐ ปี ก�ำไลงาชา้ งอายุ ๔,๐๐๐ ปี ชน้ั ลา่ งด้านซา้ ย จดั แสดงใบเสมาและชนิ้ สว่ น ศิลปกรรมสมัยทวารวดี ช้ันบน เป็นห้องโถงใหญ่ จัดแสดงโบราณวัตถุช้ิน สำ� คญั มากมาย เช่น พระพทุ ธรปู สมัยต่างๆ ของไทยและลาว อาคารจดั แสดงใบเสมากลางแจง้ อยดู่ า้ นตะวนั ตกของอาคารพพิ ธิ ภณั ฑ์ เปน็ อาคารโลง่ ไมม่ ผี นงั จดั แสดงใบเสมาหนิ ทรายแกะสลกั ลวดลายสวยงามมากมาย บรเิ วณสนามหญา้ ภายนอกอาคารจดั แสดงใบเสมาโบราณกระจายอยทู่ ว่ั สนาม อาคารชั้นเดียวด้านหลังพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงนิทรรศการในห้อง ด้านซ้ายและขวา โดยห้องด้านซ้ายจะจัดแสดงโบราณวัตถุและเครื่องใช้ บคุ คลสำ� คญั ของเมอื งขอนแกน่ เชน่ งา้ วโบราณของอดตี เจา้ เมอื ง ตพู้ ระธรรม ลายรดน้�ำ ธรรมาสน์ทรงปราสาทแกะสลักลงรักปิดทอง เป็นต้น ส่วนห้อง ด้านขวาจัดแสดงวัฒนธรรมพื้นบ้านอีสาน มีเรือนอีสานจ�ำลองแสดงวิถีชีวิต ความเป็นอยูข่ องชาวอสี านดั้งเดิม สรอ้ ยลูกปดั เปลอื กหอย ภายนอกอาคาร ต้ังแสดงใบเสมาหินทราย พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาตขิ อนแกน่ เปดิ ใหเ้ ขา้ ชมในวนั พธุ -วนั อาทติ ย์ ขนาดใหญ่ท่ีได้มาจากแหลง่ โบราณสถานตา่ งๆ ไว้ ตงั้ แตเ่ วลา ๐๙.๐๐ -๑๖.๐๐ น. หยดุ ทำ� การในวนั จนั ทร์ วนั องั คารและวนั หยดุ บรเิ วณช้ันลา่ งดา้ นขวา จัดแสดงเรอ่ื งราวอารยธรรม นักขัตฤกษ์ ค่าธรรมเนียมการเข้าชมชาวไทยคนละ ๒๐ บาท ชาวต่างชาติ กอ่ นประวัตศิ าสตร์ โครงกระดกู มนุษย์ เครื่องมือ เป็นจ�ำนวนมาก ซง่ึ เป็นการแสดงให้เหน็ ถงึ คนละ ๑๐๐ บาท เคร่อื งใช้ ภาชนะดนิ เผาของชาวบ้าน ความยง่ิ ใหญข่ องอาณาจกั รทวารวดใี นอดีต ไหดินเผาจากเมอื งเพีย อำ� เภอบ้านไผ่ จงั หวดั ขอนแกน่

164 ขอนแก่น : แหลง่ วฒั นธรรมอสี าน ขอนแก่น : แหลง่ วัฒนธรรมอีสาน 165 เมืองโบราณโนนเมอื ง เมืองโบราณดงเมืองแอม โนนเมอื งเปน็ เมอื งโบราณทมี่ คี นู ำ�้ คนั ดนิ ลอ้ มรอบ ๒ ชน้ั เมอื งชนั้ ใน เมืองโบราณดงเมืองแอมตั้งอยู่ในเขตบ้านดงเมืองแอม ต�ำบล รูปทรงค่อนข้างกลมมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๔๒๐ เมตร เมือง ดงเมืองแอม อ�ำเภอเขาสวนกวาง ลักษณะเป็นเมืองโบราณขนาดใหญ่ที่สุด ชน้ั นอกทรงยาวรมี ขี นาดเสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางประมาณ ๖๐๐ เมตร เมอื งโบราณ แห่งหนึ่งของประเทศไทย ผังเมืองมรี ปู รา่ งไมส่ มำ�่ เสมอ โดยมคี วามกวา้ งยาว โนนเมืองตั้งอยู่ในเขตบ้านนาโพธ์ิ อ�ำเภอชุมแพ มีเนื้อท่ีประมาณ ๒๑๖ ไร่ ตามแนวตะวนั ออก-ตะวนั ตก ประมาณ ๒,๔๐๐ เมตร และตามแนวเหนอื -ใต้ ตัวเมืองตั้งอยู่ระหว่างภูเขากับแม่น้�ำ โดยทิศตะวันออกเฉียงเหนือเป็นภูเขา ประมาณ ๒,๐๐๐ เมตร มีคูน�้ำ ๑ ชั้น และคันดิน ๑ ช้ัน ด้านตะวันตก ภูเวียง ห่างประมาณ ๖ กิโลเมตร ส่วนทิศใต้มีแม่น้�ำเชิญไหลผ่าน พื้นที่ มีคูน�้ำ ๑ ช้ัน คันดิน ๒ ชั้น ลักษณะของเมืองคล้ายรูปเมืองสองเมืองซ้อน รอบนอกตัวเมืองเป็นทลี่ มุ่ เหมาะแกก่ ารเพาะปลกู ทับกันอยู่ สันนิษฐานว่าเมืองทางด้านตะวันตกคงจะสร้างขึ้นก่อนแล้วจึงมีการ จากลักษณะเมืองที่มีคูน�้ำคันดินเป็นเสมือนคูเมืองก�ำแพงเมือง ขยายออกมาทางทิศตะวันออกและด้านใต้บริเวณบ้านดงเมืองแอม พบซาก ลอ้ มรอบ ทง้ั ยงั มใี บเสมาหนิ ทรายปกั อยใู่ นเมอื งและพนื้ ทโ่ี ดยรอบพบเศษภาชนะ โบราณสถานอยู่ริมถนนบริเวณปากทางเข้าไปในเขตเมืองโบราณ ห่างจาก ดินเผาแตกกระจัดกระจายอยู่บนพื้นดิน ท�ำให้ทราบว่าเป็นเมืองโบราณสมัย ก�ำแพงเมืองประมาณ ๒๐๐ เมตร พบอิฐและศิลาแลงกระจายอยู่ท่ัวไป ทวารวดี (พทุ ธศตวรรษที่ ๑๒-๑๖) ซงึ่ เปน็ ชว่ งสมยั ทมี่ ชี มุ ชนหรอื เมอื งโบราณ นอกจากนบ้ี รเิ วณทต่ี งั้ ของวดั ศรเี มอื งแอมยงั พบศลิ าจารกึ หนิ ทรายรปู สเ่ี หลยี่ ม เกดิ ขนึ้ หลายแหง่ ในจงั หวดั ขอนแกน่ หลกั ฐานตา่ งๆ ทพ่ี บจากการขดุ คน้ เชน่ ผืนผ้า ขนาด ๓๐ x ๗๘ ซม. มีสภาพลบเลือน จารึกด้วยอักษรปัลลวะ เครอื่ งมอื เหลก็ ประเภท จอบ ใบมดี เคยี ว ทำ� ใหท้ ราบวา่ ผคู้ นทอี่ าศยั อยู่ใน (อนิ เดยี ใต)้ ภาษาสนั สกฤต จำ� นวน ๓ บรรทดั มอี ายรุ าวพทุ ธศตวรรษท่ี ๑๒-๑๓ เมอื งโบราณแหง่ นด้ี ำ� รงชวี ติ ดว้ ยการทำ� เกษตรกรรม การเลยี้ งสตั วแ์ ละการลา่ สตั ว์ และยงั พบเศษภาชนะดนิ เผาแบบผวิ เรียบและแบบลายเชอื กทาบ หน่วยศิลปากรที่ ๗ ขอนแก่น ได้ส�ำรวจพบเมืองโบราณโนนเมือง กรมศลิ ปากรเคยขุดค้นแหล่งโบราณสถานดงเมืองแอม ปจั จบุ ันได้ เป็นคร้ังแรก เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๓ ต่อมาใน พ.ศ. ๒๕๒๕-๒๕๒๖ จึงได้ ปดิ หลมุ ขดุ ตา่ งๆ นไ้ี ปแลว้ ประกอบกบั สภาพดงั้ เดมิ ไดเ้ ปลย่ี นแปลงไปเนอื่ งจาก ดำ� เนนิ การขดุ ตรวจ ขดุ คน้ จำ� นวน ๗ หลมุ แลว้ ทำ� หลงั คาคลมุ หลมุ ขดุ คน้ ไว้ การประกอบอาชพี ของประชาชนในพน้ื ท่ี องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลดงเมอื งแอม จ�ำนวน ๖ หลุมเพื่อแสดงในลักษณะพิพิธภัณฑสถานกลางแจ้ง ต่อมาใน ได้สร้างพิพิธภณั ฑ์ส�ำหรบั เกบ็ โบราณวตั ถทุ ี่ขดุ คน้ ไดไ้ วท้ ีว่ ดั ศรเี มอื งแอม พ.ศ. ๒๕๓๔-๒๕๓๕ ได้รับงบประมาณการศึกษาและพัฒนาแหล่งน้�ำจาก โครงการน้�ำพระทัยจากในหลวง (โครงการอสี านเขยี ว) จงึ ไดข้ ดุ คน้ เพอ่ื ศกึ ษา หลักฐานเพิ่มเติมอีกจ�ำนวน ๖ หลุม รวมท้ังหมด ๑๓ หลุม โดยจัดแสดง เป็นพิพิธภัณฑสถานกลางแจ้ง จ�ำนวน ๑๐ หลุม ให้ผู้สนใจได้ชมและศึกษา เรอื่ งราวเก่ียวกบั เมอื งโบราณแหง่ น้ีอย่างใกล้ชิด โครงกระดกู มนษุ ยอ์ ายรุ าว ๑,๘๐๐-๒,๕๐๐ ปี ผคู้ นสมยั นน้ั มพี ิธีฝังเครอื่ งมือเครื่องใช้ ลงไปพรอ้ มศพด้วย เช่น หมอ้ และภาชนะดินเผา

166 ขอนแก่น : แหล่งวัฒนธรรมอสี าน บรรยากาศรอบนอกบริเวณปราสาทเปอื ยนอ้ ย ปราสาทเปือยน้อย ปราสาทเปอื ยนอ้ ย หรอื พระธาตกุ ทู่ อง เปน็ ศาสนสถานทม่ี ศี ลิ ปะผสม สถาปตั ยกรรมและลวดลายที่วิจติ รบรรจง ระหวา่ งศลิ ปะเขมร แบบบาปวนและแบบนครวดั สรา้ งขนึ้ ในราวพทุ ธศตวรรษ นบั เป็นศิลปกรรมขน้ั สูง ที่ ๑๖-๑๗ เพอื่ ใชเ้ ปน็ เทวสถานในศาสนาฮนิ ดู แผนผงั การกอ่ สรา้ งมคี วามหมาย เป็นเขาพระสุเมรุ ซึ่งถือเป็นแกนจักรวาลอันเป็นท่ีสถิตของเทพเจ้าที่เรียกว่า ศาสนบรรพต สิ่งก่อสร้างภายในบริเวณปราสาทเป็นไปตามแบบแผนของ ศาสนสถานขอมโบราณ หนา้ บนั ขององคป์ รางคป์ ระธานสลกั เปน็ พญานาคราช มีลวดลายสวยงามมาก ทับหลังสลักเป็นรูปนารายณ์บรรทมสินธุ์ซ่ึงยังอยู่ใน สภาพทส่ี มบูรณ์ โคปรุ ะ (ซุ้มประต)ู ซ่งึ อยทู่ างทิศตะวันออกและทศิ ตะวันตก ดา้ นขา้ งมกี ารเจาะเปน็ ชอ่ งหนา้ ตา่ ง กำ� แพงแกว้ มฐี านเปน็ บวั ควำ่� บวั หงาย สลักศิลาแลงเป็นร่องแบบลาดบัว ปราสาทแห่งน้ีต้ังอยู่ท่ีบ้านหัวขัว ต�ำบล เปือยน้อย อ�ำเภอเปอื ยนอ้ ย ห่างจากอำ� เภอเมอื งประมาณ ๗๙ กิโลเมตร

ขอนแกน่ : แหลง่ วฒั นธรรมอีสาน 169 ภาพนารายณ์บรรทมสนิ ธบ์ุ นทบั หลงั ของปราสาท เป็นงานศลิ ปกรรมท่งี ดงาม บรรณาลยั (หอ้ งสมุด)

170 ขอนแกน่ : แหล่งวฒั นธรรมอสี าน ขอนแกน่ : แหลง่ วัฒนธรรมอีสาน 171 เมืองไชยวาน เมอื งไชยวานเปน็ เมอื งโบราณทมี่ มี าตงั้ แตค่ รงั้ สมยั ทวารวดใี นยคุ กอ่ น แหลง่ พบเสมาหินทราย ประวตั ศิ าสตร์ ตงั้ อยู่ท่ีบริเวณเนนิ ดนิ ของล�ำห้วยทราย ซึง่ เป็นสาขาหน่ึงของ สมัยทวารวดี บ้านโพธ์ิไชย ล�ำน�้ำชี ปัจจุบันอยู่ในเขตของอ�ำเภอโคกโพธิ์ไชย จังหวัดขอนแก่น ลักษณะ ทต่ี ง้ั เปน็ เมอื งทมี่ คี นู ำ้� คนั ดนิ ลอ้ มรอบมผี งั เมอื งเปน็ รปู วงรี สนั นษิ ฐานวา่ มนษุ ย์ โบราณสถานพระเจ้าใหญม่ งคลไชยวาล บ้านโพธ์ิไชย ในแถบนม้ี กี ารพฒั นาตนเองมากวา่ ๔,๐๐๐ ปมี าแลว้ นกั โบราณคดมี คี วามเชอื่ วา่ เมอื งไชยวานนา่ จะเปน็ ชว่ งรอยตอ่ ของอารยธรรมระหวา่ งยคุ กอ่ นประวตั ศิ าสตร์ กบั ยคุ ประวตั ศิ าสตร์ ซงึ่ จะอยใู่ นราวพทุ ธศตวรรษที่ ๑๒ จากหลกั ฐานทข่ี ดุ พบ ในบรเิ วณนจ้ี ะพบใบเสมาหนิ ทรายขนาดตา่ งๆ บางแผน่ มคี ำ� จารกึ หรอื ลวดลาย สลกั สวยงาม และยงั พบพระพทุ ธรปู ศลิ ปะสมยั ทวารวดซี งึ่ ชาวบา้ นเรยี กกนั วา่ พระเจา้ ใหญ่มงคลไชยวาน และนอกจากนีย้ งั พบศลิ าจารึกในสมัยโบราณราว ศตวรรษที่ ๑๔ เศษภาชนะดินเผา เครื่องมือโลหะและลูกปัดหลากสี และ ทสี่ ำ� คญั คอื เครอ่ื งปน้ั ดนิ เผาอณุ หภมู ติ ำ�่ แบบเนอ้ื หยาบขนาดใหญ่ ซง่ึ มคี วามสงู ประมาณ ๗๐ เซนติเมตร เส้นผา่ ศูนยก์ ลาง ๓๕ เซนติเมตร มลี กั ษณะคล้าย ไหทรงสูงภายในบรรจุกระดูกของมนุษย์ ซึง่ เป็นคติความเช่อื ของมนษุ ยใ์ นยุค ก่อนประวัติศาสตร์ การเดินทางไปเยี่ยมชมแหล่งโบราณคดีไชยวานท�ำได้อย่างสะดวก โดยทางรถยนต์ จากตวั จงั หวดั ขอนแกน่ ไปตามทางหลวงหมายเลข ๑๒ (ทางไป อ�ำเภอชุมแพ) ถึงสี่แยกบา้ นทุ่มเลี้ยวซา้ ยตามทางหลวงหมายเลข ๒๐๖๒ ถงึ อ�ำเภอมัญจาคีรีเลี้ยวขวามาตามทางหลวงหมายเลข ๒๒๙ ถึงหลักกิโลเมตร ท่ี ๑๖ (บ้านโสกนาด)ี เลี้ยวซ้ายผา่ นอ�ำเภอโคกโพธ์ิไชย ไปอกี ๒.๕ กิโลเมตร กจ็ ะถงึ บ้านโพธ์ไิ ชยอนั เปน็ ที่ตัง้ ของแหล่งโบราณคดเี มืองเกา่ ไชยวาน โครงกระดกู มนษุ ย์ มคี วามยาว ๘ ศอก เสมาหนิ ทราย ภายในโบราณสถานพระเจา้ ใหญม่ งคลไชยวาน สลกั ลวดลายสวยงาม สมยั ทวารวดี บ้านโพธ์ิไชย เสมาหินทราย บรเิ วณวดั เกษามคม บา้ นโพธไิ์ ชย

172 ขอนแก่น : แหลง่ วัฒนธรรมอีสาน ขอนแก่น : แหลง่ วฒั นธรรมอีสาน 173 บรเิ วณภายนอกและภายในกปู่ ระภาชยั ทย่ี ังคงใหเ้ หน็ สงิ่ ก่อสร้าง ทางสถาปัตยกรรมอันทรงคณุ ค่าแกก่ ารศกึ ษา กู่ประภาชัย (กู่บ้านนาคำ� น้อย) กู่ประภาชัยเป็นศาสนสถานประจ�ำโรงพยาบาล หรือ อโรคยาศาล บาราย (สระน�้ำ) ทกี่ ู่ประภาชัย กรมศิลปากรไดด้ �ำเนนิ การขดุ ค้น ขดุ แตง่ และบรู ณะเสริมความมัน่ คง ตั้งอยู่ท่ีบ้านนาค�ำน้อย ต�ำบลบัวใหญ่ อ�ำเภอน้�ำพอง สร้างข้ึนเพื่อใช้เป็น ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๔๑-๒๕๔๓ ได้พบโบราณวัตถุเป็นจ�ำนวนมาก เช่น ที่ประกอบพิธีทางศาสนาพุทธลัทธิมหายาน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัย พระพุทธรูปปางนาคปรกหินทรายศิลปะแบบบายน ช้ินส่วนเทวรูปหินทราย พระเจา้ ชัยวรมันท่ี ๗ แหง่ อาณาจักรเขมร (ศลิ ปะแบบบายน) มีอายุราวพุทธ ชิ้นส่วนจารึก พระพุทธรูปบุเงินศิลปะล้านช้าง เป็นต้น ปัจจุบันโบราณวัตถุ ศตวรรษที่ ๑๘ (พ.ศ. ๑๗๒๐-๑๗๖๐) เปน็ โบราณสถานแบบสถาปัตยกรรม พพิ ธิ ภ้ณฑท์ ้องถิน่ แหล่งเรียนรูก้ ู่ประภาชัย เหล่านี้เกบ็ รักษาและจดั แสดงอยทู่ ่ีพพิ ิธภัณฑสถานวดั กูป่ ระภาชัย ของขอม สร้างด้วยศิลาแลงและหินทราย ประกอบด้วยส่ิงก่อสร้างส�ำคัญ ไดแ้ ก่ ปราสาทประธาน เป็นอาคารรูปสีเ่ หล่ียมจตั รุ สั ยอ่ มุม มีมขุ ย่นื ออกมา ๑ หอ้ ง บรรณาลยั สภาพปจั จบุ นั เหลอื ผนงั ๓ ดา้ น หนั หนา้ ไปทางตะวนั ตก กำ� แพงแกว้ เปน็ กำ� แพงศลิ าแลง ลอ้ มรอบปราสาทประธานและบรรณาลยั ไว้ ส่วน โคปุระ (ซุ้มประต)ู ปัจจบุ ันไม่มีการขุดแต่ง จึงไม่สามารถสงั เกตรปู ทรง แน่นอนได้ นอกก�ำแพงมุมซ้ายจะมีบาราย (สระน้�ำ) รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดค่อนข้างใหญ่เม่ือเทียบกับสระน้�ำของอโรคยาศาลอื่นๆ และมีต�ำแหน่ง อยใู่ กลก้ บั มมุ ก�ำแพงแกว้ มากกวา่ สระน้�ำของโบราณสถานอืน่ ๆ ดว้ ย

174 ขอนแกน่ : แหล่งวฒั นธรรมอีสาน ขอนแก่น : แหลง่ วัฒนธรรมอสี าน 175 สวนพฤกษศาสตร์เมอื งพล ขอนแก่น ละเลงิ เคง็ สวนพฤกษศาสตร์เมืองพล ขอนแก่นตั้งอยู่ที่บึงทุ่งพึงพืดในพื้นท่ี บรรยากาศรอบๆ หนองละเลิงเค็ง หนองละเลงิ เคง็ เปน็ หนองนำ้� ขนาดใหญท่ มี่ เี กาะแกง่ แอง่ นำ้� และพน้ื ดนิ สองต�ำบลคือ ต�ำบลหัวทุ่งและต�ำบลเพ็กใหญ่ อ�ำเภอพล ห่างจากที่ตั้ง เปน็ แหลง่ ปลกู ขา้ วและแหลง่ อาหารใหก้ บั ชาวบา้ น ทแ่ี หลมยนื่ ออกไปกลางหนอง มพี นื้ ทปี่ ระมาณ ๖๘๔ ไร่ จดั เปน็ แหลง่ ทอ่ งเทยี่ ว อำ� เภอพลประมาณ ๑๒ กโิ ลเมตร มพี น้ื ที่ ๑,๕๓๐ ไร่ สวนพฤกษศาสตรแ์ หง่ น้ี เชงิ อนรุ กั ษแ์ หง่ หนง่ึ ของจงั หวดั ขอนแกน่ ตง้ั อยทู่ ตี่ ำ� บลดงเคง็ อำ� เภอหนองสองหอ้ ง เป็นสาขาสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ จังหวัดเชียงใหม่ เป็น หนองแหง่ น้ีมีความอุดมสมบูรณ์ เป็นแหลง่ ไม้ยืนตน้ ไม้พุ่ม ไม้ลม้ ลุก พชื น�้ำ ศนู ยท์ ร่ี วบรวมพรรณไมป้ ระจำ� ถน่ิ และขอ้ มลู พชื ของภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื หลากหลายชนิด บริเวณท่ีอยู่ติดกับหนองละเลิงเค็งยังเป็นผืนป่าธรรมชาติ เป็นศูนย์ทดลอง สาธิตและวิจัยพืชเศรษฐกิจและพืชทนเค็ม โดยร่วมมือกับ อกี สองแหง่ ซง่ึ มพี นื้ ทมี่ ากกวา่ ๑,๐๐๐ ไร่ คอื ปา่ ชมุ ชนโนนชาดและปา่ ชมุ ชน นักวิจัยจากสถาบันในภูมิภาค นอกจากนี้ศูนย์ยังพัฒนาพ้ืนท่ีและภูมิทัศน์ หนองพลวง จากความอดุ มสมบรู ณข์ องพรรณไมแ้ ละพชื นำ้� ทำ� ใหห้ นองละเลงิ เคง็ ใหเ้ ปน็ สถานทฝี่ กึ อบรมของนกั เรยี น นกั ศกึ ษาจากสถาบนั การศกึ ษาในภมู ภิ าค เป็นแหล่งอาหารและท่ีอยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด โดยเฉพาะนกน้�ำท่ีมี และเป็นสถานท่ีพักผ่อนหย่อนใจทางธรรมชาติตลอดจนแหล่งสันทนาการ เปน็ จำ� นวนมาก เชน่ นกอโี กง้ นกอแี กว นกพรกิ นกเปด็ นำ�้ หนองละเลงิ เคง็ และทอ่ งเทย่ี วเชงิ นเิ วศแกน่ กั ทอ่ งเทยี่ ว ภายในสวนพฤกษศาสตรน์ กั ทอ่ งเทยี่ ว จึงถือเป็นศูนย์เรียนรู้ความหลากหลายทางธรรมชาติที่ส�ำคัญของจังหวัด จะไดช้ มโรงเรอื นชวนชม แคคตสั ซง่ึ มหี ลากหลายพนั ธ์ุ โรงเรอื นไมด้ อกไมป้ ระดบั ขอนแก่น และเพ่ือเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่ในชุมชน โรงเรือนปาล์ม แปลงรวบรวมไม้น้�ำที่น่าสนใจก็คือ บัวสายพันธุ์ต่างๆ เช่น อยา่ งยงั่ ยนื ใน พ.ศ. ๒๕๓๘ ชมุ ชนบา้ นดงเคง็ รว่ มกบั ชมุ ชนทกุ หมบู่ า้ นภายใน บวั หลวงราชนิ ี บวั บาดอกเหลอื ง บวั จว๋ิ ฯลฯ สวนพฤกษศาสตรแ์ หง่ นถี้ อื วา่ เปน็ เขตต�ำบลดงเค็ง ได้พร้อมใจกันจัดต้ังโครงการสร้างความเข้มแข็งสิ่งแวดล้อม แหลง่ เรยี นรแู้ ละสนบั สนนุ การศกึ ษาดา้ นพฤกษศาสตรแ์ หง่ เดยี วในภาคอสี าน ตำ� บลดงเคง็ และกำ� หนดกรอบทจี่ ะพฒั นาหนองละเลงิ เคง็ ใหเ้ ปน็ แหลง่ อนรุ กั ษ์ ทรัพยากรธรรมชาติท่ีมีความหลากหลายทางชีวภาพ เพ่ือให้ชาวบ้านทุกคน เสมาใบพายหนาม มีจติ ส�ำนกึ ในการอนรุ กั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาตอิ ย่างยัง่ ยืน ดอกชวนชม หลากสี หลายพนั ธุ์

176 ขอนแกน่ : แหลง่ วฒั นธรรมอสี าน ขอนแก่น : แหล่งวฒั นธรรมอสี าน 177 อทุ ยานสตั วป์ า่ อสี านตอนบน ขอนแกน่ -อดุ รธานี (สวนสตั วเ์ ขาสวนกวาง) ตลาดต้นตาล อุทยานสัตว์ป่าอีสานตอนบน ขอนแก่น-อุดรธานี อยู่ในสังกัดของ ตลาดต้นตาลเป็นตลาดกลางคืนของชาวขอนแก่น ที่เมื่อได้มาสัมผัส องค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ แล้วจะได้อะไรมากกว่าการเป็นแค่แหล่งซื้อขายสินค้า ตลาดแห่งน้ีมีแนวคิด สงิ่ แวดลอ้ ม กอ่ ต้ังเมื่อวนั ที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๒ โดยได้รบั ความรว่ มมอื จาก ท่ีสอดคล้องกับช่ือ ต้นตาล ท่ีเป็นพืชให้ประโยชน์แก่มนุษย์ได้ทุกส่วน ๔ หนว่ ยงาน คอื กรมปา่ ไม้ กรมอทุ ยานแหง่ ชาตสิ ตั วป์ า่ และพนั ธพ์ุ ชื องคก์ าร ตั้งแต่ล�ำต้น เปลือก ผล เมล็ด พื้นท่ีกว่า ๓๐ ไร่ของตลาดต้นตาลจึงถูก สวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ และจังหวัดขอนแก่น สวนสัตว์แห่งน้ีต้ังอยู่ใน จัดสรรใหใ้ ช้ประโยชน์ได้อยา่ งหลากหลาย โดยเฉพาะมพี ื้นทีส่ ำ� หรับให้ศิลปิน พนื้ ที่ ๒ แห่ง คือ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเขาสวนกวาง อ�ำเภอเขาสวนกวาง อิสระ นกั เรยี น นกั ศกึ ษา ไดม้ าแสดงความสามารถดา้ นตา่ งๆ ทงั้ การแสดง จงั หวดั ขอนแกน่ และพน้ื ทป่ี า่ สงวนแหง่ ชาติ อำ� เภอโนนสะอาด จงั หวดั อดุ รธานี งานศลิ ปะ ความสามารถดา้ นดนตรี การทำ� กิจกรรมเพือ่ สงั คม รวมพนื้ ที่ ๔,๖๙๖ ไร่ ทางเข้าอุทยานสัตว์ปา่ อสี านตอนบน ตลาดต้นตาลเป็นตลาดมีชีวิตที่เต็มไปด้วยกิจกรรมต่างๆ มีการ การบรหิ ารจดั การสวนสตั วอ์ ยใู่ นรปู แบบอทุ ยานการเรยี นรู้ การอนรุ กั ษ์ ขอนแก่น-อดุ รธานี (สวนสตั วเ์ ขาสวนกวาง) แบ่งพืน้ ทอ่ี อกเปน็ ๖ โซน คือ พนั ธส์ุ ตั วป์ า่ หายาก เปน็ ศนู ยว์ จิ ยั เพาะเลย้ี ง แหลง่ การศกึ ษาและการทอ่ งเทยี่ ว ๑. ตาลฟา้ ราคาประหยดั พน้ื ทจี่ ำ� หนา่ ยสนิ คา้ หลากหลายประเภท ในรปู ผจญภยั (Jungle Park) โดยยดึ หลกั การปา่ ชมุ ชนตามแนวคดิ เศรษฐกจิ ในราคาทเ่ี หมาะสม พอเพียง เป็นการขยายโอกาสการเรียนรู้ทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่า ๒. ตาลแดง แสดงสินค้า พ้ืนที่รวมสินค้าทั้งแฟชั่น ของที่ระลึก ไปสูน่ ักเรียน นกั ศกึ ษาและประชาชนในภมู ภิ าคอีสานตอนบน ของสะสม นอกจากนยี้ งั บรหิ ารจดั การในรปู แบบสวนสตั วเ์ ปดิ ในลกั ษณะอทุ ยาน ๓. ตาลขาว ทานข้าวกัน พื้นท่ีจ�ำหน่ายอาหารซ่ึงทุกร้านจะผ่าน สตั วป์ ่า (Adventure Park) รวมถึงกิจกรรมเสริมอนื่ ๆ ไดแ้ กก่ ารเดินป่าศกึ ษา การคดั สรรในดา้ นความสะอาด ความอรอ่ ยและราคาเป็นธรรม ธรรมชาติ คา่ ยเรยี นรเู้ ยาวชน บรกิ ารเรอื นพกั อาศยั ศนู ยส์ มั มนาและสง่ เสรมิ ๔. ตาลส้ม ชมพระอาทิตย์ พื้นที่ส�ำหรับชมทัศนียภาพมุมสูงของ ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม สวนสัตว์แห่งน้ีจัดแสดงสัตว์ ตลาด และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินในบรรยากาศท่ีสบาย สบาย มีที่นั่ง ออกเปน็ สว่ นตา่ งๆ ไดแ้ ก่ สตั วต์ ระกลู กวาง สตั วแ์ อฟรกิ า สตั วก์ บี ตา่ งประเทศ พกั ผอ่ นพรอ้ มบรกิ ารสญั ญาณอนิ เทอรเ์ นต็ ความเรว็ สงู ในทกุ พนื้ ทข่ี องตลาด สัตว์ประเภทอูฐ จิงโจ้ จุดเด่นของสวนสัตว์แห่งน้ีคือจะมีส่วนของพิพิธภัณฑ์ ๕. ตาลเหลือง เร่ืองอาร์ตๆ พื้นท่ีส�ำหรับจัดแสดงงานศิลปะ สัตว์น�้ำ (Aquarium) ซึ่งจะน�ำฉลาม แมงกะพรุนมาจัดแสดง รวมท้ังมี ภาพยนตร์สนั้ ของท�ำมอื ภาพเขียน โดยเปดิ โอกาสใหบ้ ุคคลทวั่ ไป นกั เรยี น เครอ่ื งเล่น และสวนน�้ำเล็กๆ นักศึกษาท่ีไม่มีพ้ืนท่ีแสดงผลงาน ได้น�ำผลงานของตนเองมาจัดแสดง และ เปน็ สถานทแ่ี ลกเปลย่ี นเรยี นรรู้ ะหวา่ งผทู้ น่ี ยิ มชมชอบสง่ิ เดยี วกนั นทิ รรศการ ต่างๆ ของโซนศิลปะจะหมุนเวียนมาให้ชมไมซ่ ำ้� กัน ๖. ตาลเขยี ว เทย่ี วธรรมชาติ พน้ื ทส่ี เี ขยี วของตลาด เปน็ ทจี่ ำ� หนา่ ย ตน้ ไม้ ของประดับตกแตง่ บ้าน นอกจากน้ีบริเวณตลาดต้นตาลยังมีสวนหย่อมให้ได้พักผ่อนหย่อนใจ มวี งดนตรบี รรเลงเพลงไพเราะขบั กลอ่ มใหผ้ อ่ นคลาย และยงั มเี วทใี หผ้ ทู้ รี่ กั ดนตรี ไดม้ าแสดงความสามารถกบั ๑ เวทใี หญ่ และ ๓ เวทยี อ่ ย หากสนใจไปชมตลาด มชี ีวติ แหง่ นสี้ ามารถไปได้ทต่ี ลาดตน้ ตาล รมิ ถนนมิตรภาพ ใกล้มหาวทิ ยาลัย ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ตดิ ถนนบา้ นกอกซอย ๘, ๑๐ และ ๑๒ อำ� เภอเมอื ง จงั หวัดขอนแก่น เปิดตงั้ แตเ่ วลา ๑๖.๐๐ - ๒๓.๐๐ น. นอกเหนือจากแหล่งท่องเท่ียวท่ีกล่าวมาข้างต้น เมืองขอนแก่นยังมี แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและแหล่งท่องเท่ียวทางประวัติศาสตร์อื่นๆ กวางซิก้า หนึง่ ในสัตวต์ ระกูลกวาง และสัตว์ต่างๆ อีกหลายประเภท สำ� หรบั การเรยี นรู้ บรรยากาศยามค�่ำคนื ของตลาดตน้ ตาล อกี มากมายใหไ้ ดม้ าเทย่ี วชมและสมั ผสั กลน่ิ อายแดนอสี าน หากใครมโี อกาส ของเยาวชน และนักอนุรักษท์ รพั ยากรธรรมชาติ ไดศ้ ึกษาหาความรูภ้ ายในอุทยาน อูฐ สตั วท์ ะเลทราย มกี จิ กรรมทหี่ ลากหลายสำ� หรบั นกั ทอ่ งเทยี่ ว ทั้งชาวขอนแก่นและผ้มู าเยอื น ไดม้ าเยือนคงได้หลงมนต์เสน่หเ์ มืองเสยี งแคนแดนดอกคนู เปน็ แน่แท้

178 ขอนแก่น : แหลง่ วัฒนธรรมอีสาน ไส้วัว ลา้ งใหส้ ะอาด พอ่ คา้ กำ�ลงั ยา่ งไก่ด้วยเคลด็ ลับสูตรพิเศษ ขอนแกน่ : แหลง่ วฒั นธรรมอีสาน 179 หลังจากเที่ยวสถานที่ต่างๆ ได้รับอาหารสมองพอควรแล้ว ก็ต้อง เนอ้ื ววั คลกุ เคลา้ ใหเ้ ข้าที่ ไกย่ า่ งเขาสวนกวาง เปน็ อีกหนึง่ รายการอาหารขนึ้ ชื่อของขอนแกน่ เตมิ อาหารใหร้ า่ งกายเพอ่ื ใหเ้ กดิ ความสมดลุ กนั บา้ ง เมอื่ พดู ถงึ อาหารขน้ึ ชอื่ ของ หมำ�่ เนื้อมดั เปน็ ทอ่ นๆ พรอ้ มจำ� หน่าย ที่ปจั จบุ ันมีขายอยทู่ ัว่ ไป น่าจะเกือบทุกภาคของประเทศแล้ว แต่ถ้าใหเ้ ขา้ ถึง จังหวัดขอนแก่น อดภูมิใจไม่ได้ท่ีขอนแก่นมีของดีหลายอย่าง กระจายอยู่ ปลารา้ บอง อาหารประจำ�สำ�รับ รสชาตดิ ง้ั เดมิ ขนานแท้ ตอ้ งมาลม้ิ ลองใหถ้ งึ ถน่ิ ทอ่ี ำ� เภอเขาสวนกวาง การกนิ ตามอ�ำเภอต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น หม่�ำเมืองพล ปลาร้าบองบ้านไผ่ ไก่ย่าง ไก่ย่างต้องกินขณะยังร้อน ผิวนอกจะกรอบ เน้ือจะนุ่มและหวาน หอมกล่ิน เขาสวนกวาง ไก่ย่างภูเวียง ปลาส้มอุบลรัตน์ เพื่อให้สมดังค�ำร่�ำลือ จึงขอ พรกิ ไทยดำ� ความโดดเดน่ ทเ่ี ปน็ เอกลกั ษณไ์ มเ่ หมอื นไกย่ า่ งทอ่ี นื่ กค็ อื การยา่ ง น�ำไปกนิ ไปชิมให้ถงึ ถ่ิน ถงึ เจา้ อรอ่ ย.... ด้วยไฟถ่าน ท�ำให้หนังมีสีเหลืองสวยน่ากินแบบกรอบนอกนุ่มใน และ เมื่อเดินทางเข้าเขตเมืองพล ริมทางสองฝั่งถนนมิตรภาพ จะเห็น จะย่างไกท่ ้งั ตัว น�ำเฉพาะเคร่ืองในออก โดยช�ำแหละและแผอ่ อก ใช้ไม้ไผ่ตง หม่�ำ ไส้กรอก แขวนเรียงรายรอต้อนรับให้ผู้สัญจรซ้ือติดมือเป็นของกิน คบี รัดดว้ ยไม้ตอกเพอ่ื ตรงึ ไก่ไว้สะดวกในการกลับขณะย่าง ของฝาก แตถ่ า้ อดใจไมไ่ หว อยากลม้ิ ลองรสชาตขิ อง หมำ่� เนอ้ื ขอแนะนำ� ไป นอกจากไก่ย่างที่เขาสวนกวาง จงั หวดั ขอนแก่น ยังมไี กย่ า่ งอกี แห่งที่ ลม้ิ รสกนั ท่ี จำ� ปาโภชนา รา้ นจะอยตู่ รงขา้ มเทศบาลเมอื งพล และเมอ่ื เขา้ ไป ภูเวียง ไก่ย่างภูเวียง ถึงแม้จะยังไม่แพร่หลายเท่าไก่ย่างเขาสวนกวาง หลังร้าน เห็นพ่อครัวก�ำลังขะมักเขม้นในการท�ำหม่�ำเน้ือ (วัว) ขณะเดียวกัน แต่เม่ือได้ล้ิมรสแล้วก็ติดใจ ย่ิงเมื่อกินเคียงคู่กับส้มต�ำ และข้าวเหนียว ก็มีลูกค้านั่งรอซ้ือหม�่ำ และนั่งกินมื้อกลางวันที่มีอาหารอีสานพื้นถิ่น อีก ด้วยแลว้ ทำ� เอากนิ ลืมอ่ิมได้เหมือนกัน หลายอยา่ งไวบ้ รกิ าร นายเคน วงษจ์ นั ทร์ พอ่ ครวั บอกเคลด็ ลบั วา่ หมำ�่ จะอรอ่ ย ต้องท�ำจากเนื้อวัวที่สดใหม่ และใช้เนื้อส่วนสะโพก ซ่ึงเป็นเน้ือแดงไม่ติดมัน หอมกรนุ่ จากเตาถ่าน ส่วนประกอบอื่นก็มี ม้าม อบให้สุก หั่นบางๆ และบดรวมกับเน้ือวัว แล้ว คลุกเคล้ากับข้าวค่ัวที่ค่ัวใหม่ และเกลือจนเข้ากันดี แล้วกรอกใส่ไส้วัวที่ล้าง ไกย่ า่ งภเู วยี ง จะพบเห็นได้ ไก่ย่างภูเวยี งร้อนๆ หอมกรนุ่ จะได้รสสัมผสั กรอบนอกนุม่ ใน สะอาดเตรียมไว้ กรอกจนเตม็ และตงึ แล้วมัดเปน็ ทอ่ นๆ พร้อมจ�ำหน่ายหรือ ตามเสน้ ทางไปอำ�เภอภูเวยี ง แขวนผง่ึ ไว้ เมอื่ จะกนิ กน็ ำ� ไปยา่ งหรอื อบใหส้ กุ หมำ่� ทส่ี กุ ใหมๆ่ จะสง่ กลนิ่ หอม ชวนกินมาก จะอร่อยยิ่งขึ้นถ้ากินคู่กับกระเทียมและพริกสด จ้ิมน�้ำจ้ิมแจ่ว ทมี่ รี สเคม็ เผ็ด และขมจากดหี รือข้เี พลย้ี ต้มสุก คราใดท่ีไปบ้านไผ่ หลายคนก็มักตรงด่ิงไปที่ตลาดสดเทศบาล ๒ เพ่ือหาซื้อ ปลาร้าบอง เป็นของกินของฝากญาติมิตร ป้าจ่าปลาร้าบอง ของครอบครวั ภมู งิ่ ดาว เปน็ อตุ สาหกรรมในครวั เรอื นทที่ ำ� สบื ทอดกนั มาจาก รนุ่ พอ่ แมส่ รู่ นุ่ ลกู เรม่ิ มาตง้ั แตป่ ี ๒๕๒๗ ถา้ ถามวา่ ทำ� ไมเราจงึ แนะนำ� เจา้ นี้ ขอบอกวา่ ปลารา้ บองเจา้ นี้ ทกุ ขน้ั ตอนทำ� อยา่ งประณตี ตง้ั แตก่ ารคดั เลอื กปลา ที่จะน�ำมาหมักเป็นปลาร้า และจะใช้เฉพาะปลาขาวและปลานิลเพราะปลา ท้ังสองชนิดน้ีมีเน้ือมากและหมักด้วยเกลือ และร�ำข้าวคั่วที่หอมกรุ่น หมักไว้ นานนับปี จนส่วนผสมซึมเข้าเน้ือปลา หลังจากน้ันน�ำปลาร้า เฉพาะส่วน ที่เป็นเนื้อที่หมักได้ที่แล้วบดละเอียดและค่ัวจนสุก ผสมคลุกเคล้าจนเป็น เนื้อเดียวกันด้วยสมุนไพรหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นข่า ตะไคร้ หอมแดง กระเทียม ใบมะกรูด และพริกแดงตากแห้ง ทุกอย่างย่างไฟจนกรอบเพ่ือ ก�ำจัดความช้ืน แล้วบดละเอียดแยกแต่ละชนิดไว้ พร้อมผสมตามสัดส่วน ปรุงรสด้วยน�้ำมะขามเคี่ยวกับน�้ำตาลทรายแดง เพ่ือให้มีรสชาติกลมกล่อม เสร็จแล้วโรยหน้าด้วยใบมะกรูดคั่วบดละเอียดเพิ่มความหอมพร้อมน�ำไปกิน คู่กบั อาหารอื่นในส�ำรบั หรือเกบ็ ไว้กนิ ไดน้ านนบั ปีด้วยการแชต่ เู้ ย็น ปลารา้ บองป้าจ่าเป็นผลิตภณั ฑช์ มุ ชน (OTOP) ท�ำวันต่อวัน จงึ ใหม่ สด รสชาตคิ งเดิมปจั จุบันมจี �ำหนา่ ยแหง่ เดียว ชัง่ จ�ำหนา่ ยตามน�ำ้ หนกั

180 ขอนแกน่ : แหลง่ วัฒนธรรมอสี าน ข้าวแตนสมุนไพรหลากรปู แบบ ขอนแกน่ : แหลง่ วัฒนธรรมอสี าน 181 ปลาส้ม เป็นอาหารอีกชนิดท่ีเป็นที่นิยมทั้งคนอีสานและคนทุกภาค ขนมคอเปด็ หนึง่ ในของฝาก กินลิ้มชิมรสอาหารท่ีเป็นของคาวแล้ว ต้องมีของหวานตบท้ายสัก “ปลาส้ม แม่บังอร” เป็นสินค้าดีประจ�ำต�ำบลเช่นกัน เป็นของฝากจากการ เที่ยวกนิ ถิน่ ดอกคูณ เล็กน้อย ขอนแก่น ก็มี ข้าวแตนสมุนไพร รสชาติดีไม่แพ้ท้องถ่ินไหน จาก มาเท่ียวเข่ือนอุบลรัตน์ หรืออ�ำเภออุบลรัตน์ ปลาส้มท�ำจากปลาน้�ำจืดหรือ ขา้ วแตนธรรมดา สามารถพลกิ แพลงผสมผสานสรา้ งเปน็ จดุ ขายและกลายเปน็ ปลาจากแม่น�้ำ เข่ือนอุบลรัตน์จึงเป็นจุดก�ำเนิดของปลาส้มก็ว่าได้ เพราะ จดุ เดน่ โดยมีการใชเ้ ถาตะพังโหม หรือทค่ี นพืน้ ถน่ิ รจู้ ักในชอ่ื ตูดหมู ตูดหมา ปลาที่ใช้ท�ำปลาส้มแม่บังอร ล้วนเป็นปลาท่ีมาจากเขื่อนอุบลรัตน์ทั้งสิ้น มี ที่มีคุณสมบัติช่วยให้ข้าวแตนฟูกรอบ แทนการใช้ผงฟู โดยค�ำแนะน�ำของ ท้ังปลาตะเพียน ปลาย่ีสก ปลานวลจันทร์ ปลาส้มมีหลายรูปแบบ ท�ำเป็น เกษตรตำ� บลคอนฉมิ นอกจากคณุ สมบตั ดิ งั กลา่ วแลว้ พชื สมนุ ไพรชนดิ นยี้ งั มี ปลาส้มท้ังตัว ปลาห่ันชิ้น หรือขูดเฉพาะเน้ือปลา โดยน�ำปลาหมักกับเกลือ สรรพคณุ ในการแก้ทอ้ งอดื ท้องเฟ้อ จุกเสียด ขบั ลม ขบั ปัสสาวะ รักษาแผล สินเธาว์ ๑ คืน จากนั้นน�ำข้าวเหนียวน่ึงสุกล้างน้�ำให้ยางข้าวออกจนหมด ล�ำไส้อักเสบ ไขข้ออักเสบ ข้าวแตนสูตรนี้ จึงเป็นข้าวแตนสมุนไพร เรียกว่า และสะเด็ดน้�ำ แล้วจึงน�ำข้าวผสมคลุกเคล้ากับปลาท่ีหมักกับเกลือไว้จน กินกันแล้วไม่ใช่แค่เป็นของหวานกินเล่นธรรมดา แต่ยังช่วยรักษาสุขภาพ เขา้ กนั ดีแลว้ บรรจุภาชนะทีส่ ะอาดมดิ ชิด ปล่อยไว้ ๓ วัน ปลาจะมีรสเปร้ยี ว อีกด้วย ถือได้วา่ ไดก้ �ำไรสองตอ่ จากการท�ำปฏิกริ ยิ าของข้าวกบั ปลาท่หี มกั ไว้ ขา้ วแตนสมนุ ไพรสายทพิ ย์ ปจั จุบนั เป็นวสิ าหกิจชมุ ชน กลมุ่ แม่บา้ น จะเห็นว่า อาหารพ้ืนถิ่นท่ีเป็นท่ีนิยมดังท่ีกล่าวมา นอกจากรสชาติท่ี โคกสว่าง ต�ำบลคอนฉิม อ�ำเภอแวงใหญ่ จังหวัดขอนแก่น โดยส�ำนักงาน อรอ่ ยเขม้ ขน้ แลว้ คนขอนแกน่ หรอื คนอสี านจะใชว้ ตั ถดุ บิ ทห่ี าไดต้ ามธรรมชาติ เกษตรอ�ำเภอแวงใหญ่ สนับสนุนจัดตั้งเป็นจุดถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร ในทอ้ งถนิ่ สอดคลอ้ งกบั วถิ ชี วี ติ ทเ่ี รยี บงา่ ย แสดงถงึ การดำ� เนนิ ชวี ติ แบบพง่ึ พา เรื่อง การแปรรูปข้าว (ข้าวแตน) ของศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยี ตนเอง มีการคิดค้นดัดแปลง จึงมีผลิตภัณฑ์อาหารจนเป็นท่ียอมรับทั่วไป การเกษตรประจ�ำต�ำบลคอนฉิม จึงเป็นแหล่งศึกษาดูงานแลกเปล่ียนเรียนรู้ หม�่ำ ปลาร้าบอง ปลาส้ม แสดงถึงภูมิปัญญาในการถนอมอาหาร แต่ครั้ง แกผ่ ู้สนใจโดยไม่ปิดบงั ข้อมูลทุกข้นั ตอนการผลิต บรรพบรุ ษุ เพือ่ เกบ็ อาหารไว้กินในฤดกู าลที่หาได้ยาก จุดเด่นของข้าวแตนสมุนไพรสายทิพย์ นอกจากใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ใน ทอ้ งถนิ่ แลว้ เรอื่ งของรสชาตกิ เ็ ปน็ สง่ิ สำ� คญั มมี าตรฐานรบั รองเปน็ ผลติ ภณั ฑ์ ผลิตภัณฑป์ ลาส้ม จากปลาดิบส่ปู ลาทอดคกู่ ับหอมเจยี ว ชุมชน (OTOP) ประจ�ำจังหวัด เมื่อได้ชิมทุกคนต้องซ้ือติดมือกลับไปทุกคร้ัง แถมยงั มใี หเ้ ลอื กหลากหลายหนา้ ทง้ั หนา้ เมลด็ ธญั พชื หนา้ หมหู ยองนำ้� พรกิ เผา หนา้ เมอรแ์ ลง ทที่ ำ� จากไขข่ าวตจี นขนึ้ ฟผู สมกบั นำ้� ตาลไอซงิ และหนา้ ดง้ั เดมิ ทรี่ าดดว้ ยนำ้� ตาลเคยี่ วเปน็ หนา้ ยอดนยิ ม มกี ำ� ลงั การผลติ วนั ละ ๒๕๐ กโิ ลกรมั ขา้ วสาร โดยใชแ้ รงงานจากสมาชกิ และแรงงานในชมุ ชน วนั ละ ๕๐ คน จะเหน็ วา่ วิสาหกิจชุมชนนี้ สามารถสร้างความมั่นคงให้กับชุมชนให้เข้มแข็ง จนท�ำให้ นางสายทพิ ย์ ลามา ประธานกลมุ่ แมบ่ า้ นโคกสวา่ งไดร้ บั รางวลั เชดิ ชเู กยี รตผิ นู้ ำ� องคก์ รหรอื เครือข่ายพัฒนาชมุ ชนดเี ดน่ ประจ�ำปี ๒๕๔๘ จากกรมการพฒั นา ชุมชน กระทรวงมหาดไทย ขนมเตา่ หง่ ชอื่ น้ี อาจมคี นรแู้ ละเขา้ ใจไมม่ ากนกั หากบอกวา่ ขนมตบุ้ ตบั้ ถ่วั ตดั ขนมคอเป็ด ทุกคนต้องร้องอ๋อ นายอนนั ต์ ภูรภี ทั รธำ� รง ผบู้ กุ เบิกขนม เหลา่ น้ี ในจงั หวดั ขอนแกน่ ในนามเตยี ฮวั่ หยู เลา่ วา่ ชอ่ื ขนมตบุ้ ตบั้ เปน็ ชอ่ื ท่ี ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัฒน์ ต้ังให้เมื่อคร้ังเข้าชมโรงงานผลิต เพราะช่ือเดิมท่ี ออกเสยี งเปน็ ภาษาจนี นนั้ จำ� ยาก จงึ เรยี กขนมตบุ้ ตบั้ ตามเสยี งของการทบุ ขนม ตามข้ันตอนการผลิตที่มีการทุบ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ผู้เดินทางจะซื้อ ตดิ มอื เป็นของกินเล่น หรอื ของฝากท่รี าคายอ่ มเยาสามารถฝากไดท้ ่ัวถงึ

182 ขอนแก่น : แหลง่ วัฒนธรรมอีสาน ขอนแกน่ : แหล่งวฒั นธรรมอีสาน 183 อำ� เภอนำ�้ พอง ตำ� บลมว่ งหวาน บา้ นมว่ งหวาน ยงั คงมกี ลมุ่ ตมี ดี มว่ งหวาน ของดีในขอนแก่น ยังมีอีกมากโดยเฉพาะของใช้ในครัวเรือน ไม่ว่า ซงึ่ เปน็ มดี สำ� หรบั ใชต้ ดั ไมห้ รอื ตน้ ไม้ ซงึ่ แตล่ ะเลม่ มนี ำ�้ หนกั ประมาณ ๑ กโิ ลกรมั จะเปน็ ผา้ ทอ เสอื่ กก เสอื่ ไหล มดี เครอื่ งปน้ั ดนิ เผา เครอื่ งจกั สาน งานเหลา่ น้ี เพราะทำ� จากเหลก็ แหนบรถยนต์ ซงึ่ เปน็ ทยี่ อมรบั วา่ เปน็ เหลก็ ทม่ี คี ณุ ภาพ และ ส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมภายในบ้านของชาวพื้นเมืองที่มีอาชีพเกษตรกรรม สามารถหาซื้อได้จากร้านขายของเกา่ ราคากิโลกรมั ละ ๒๕ บาท ซึง่ แหนบรถ ท�ำนา ท�ำไร่มันส�ำปะหลัง อ้อย ข้าวโพด ถ่ัวชนิดต่างๆ และเลี้ยงสัตว์ เช่น ๑ ชิ้น ตีเป็นมีดได้ ๑ เล่ม ขายในราคาเล่มละ ๓๐๐ บาท ถือว่าถูกมาก ไก่ สุกร โดยเฉพาะคนในอ�ำเภอชนบท และอ�ำเภอมัญจาคีรี จะเลี้ยงไหม เมอ่ื ดขู น้ั ตอนการทำ� ทต่ี อ้ งใชท้ งั้ กำ� ลงั กายและความอดทน หนงึ่ คนจะสามารถ ทอผา้ หลังวา่ งจากการท�ำไร่นาด้วย ทำ� ได้ ๑ เล่ม ต่อวันเทา่ นน้ั การทอผ้าเป็นกิจกรรมภายในบ้านของผู้หญิง ชาวพ้ืนเมืองมักใช้ กลุ่มตีมีดบ้านม่วงหวานเป็นภูมิปัญญาท่ีสืบทอดจากบรรพบุรุษชาว เวลาว่างมาทอผ้า ส�ำหรับไว้ใช้ในครัวเรือน หรือถวายพระในเทศกาลต่างๆ อำ� เภอมว่ งสามสบิ จงั หวดั อบุ ลราชธานี ทอ่ี พยพมาตงั้ ถน่ิ ฐานทบี่ า้ นมว่ งหวาน ชาวอีสานรับอิทธิพลของธรรมชาติรอบตัวมาออกแบบเป็นลายผ้าได้อย่าง มาเนน่ิ นาน กลมุ่ ตมี ดี น้ี เรมิ่ ตน้ จากโครงการนำ้� พระราชหฤทยั จากในหลวงหรอื งดงาม ซงึ่ อาจแบ่งเป็นกลุ่ม คือ ลายสตั ว์ ลายตน้ ไม้ ลายดอกไม้ และลายอ่นื ๆ โครงการอีสานเขียว ทรงห่วงใยประชาชนในภาคอีสานที่เกิดวิกฤตฝนแล้ง เชน่ ลายฟองนำ้� ลายขา้ วหลามตัด เปน็ ตน้ ผ้าทอสว่ นใหญม่ ักท�ำเปน็ หมอน เรมิ่ โครงการตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๕๓๐ สมยั พลเอกชวลติ ยงใจยทุ ธ เปน็ ผบู้ ญั ชาการ ผา้ หม่ ผา้ ซน่ิ ผ้าขาวม้า ผา้ โสรง่ ซึ่งล้วนเปน็ เครือ่ งใชส้ �ำคัญในครัวเรอื นท้งั สนิ้ ทหารบกและรกั ษาราชการผบู้ ญั ชาการสงู สดุ แผนการพฒั นารายไดเ้ กษตรกร หมู่บ้านผ้าไหมชนบท เป็นแหล่งผ้าไหมที่มีฝีมือประณีต ทั้งฝีมือ และการสรา้ งงานเปน็ ๑ ใน ๔ แผนงานโครงการดงั กลา่ วดว้ ย จงึ ไดม้ กี ารรวมกลมุ่ การทอและสีสันที่สวยงามน่าใช้ โดยเฉพาะผ้าซิ่นมัดหม่ี เป็นท่ีกล่าวขวัญ สมาชกิ ๑๐ คน ทำ� ตอ่ เนอ่ื งเรอื่ ยมา ตอ่ มาไดร้ บั เครอ่ื งนวดเหลก็ ไฟฟา้ ซง่ึ เปน็ ยอมรับกัน ผู้ที่เดินทางมาถึงอ�ำเภอชนบทแล้ว ควรได้แวะเข้าชม ทุกข้ันตอน เครอื่ งทนุ่ แรงในการขน้ึ รปู มดี จากโครงการ ๑ ตำ� บล ๑ ลา้ น(บาท) ทำ� ใหก้ ลมุ่ ตมี ดี การผลิต และหาซือ้ ไว้เปน็ การใหร้ างวลั กับตนเองหรือจะซื้อเปน็ ของฝากของ เขม้ แขง็ และยงั่ ยนื ยนื หยดั ในอาชพี ตมี ดี จนถงึ ปจั จบุ นั ซงึ่ ถอื เปน็ อกี ผลติ ภณั ฑท์ ่ี กำ� นลั ซง่ึ ผไู้ ดร้ บั ตอ้ งปลาบปลม้ื ประทบั ใจอยา่ งแนน่ อน หลงั ฤดกู ารทำ� นา ทำ� ไร่ ผ้าไหมชนบท มีดมว่ งหวาน เกดิ จากงานฝมี อื แฝงดว้ ยศลิ ปะ ทอี่ าศยั ภมู ปิ ญั ญาจากบรรพบรุ ษุ ถา่ ยทอดวธิ กี าร คนขอนแกน่ จะทอผ้าไหมกนั เกอื บทกุ บา้ น แต่ชาวอำ� เภอชนบทจะทอผา้ ไหม สบื ตอ่ กนั มา จงึ ควรชว่ ยกนั อดุ หนนุ หรอื เรยี นรวู้ ธิ กี ารใหค้ งอยคู่ บู่ า้ นเมอื งตลอดไป มัดหมี่เป็นอตุ สาหกรรมในครัวเรอื นเป็นหลัก กวา่ ๘๐ ปี ทค่ี นบา้ นวงั ถวั่ ตำ� บลวงั ชยั อำ� เภอนำ้� พอง ไดส้ บื ทอดการทำ� การทอเสอ่ื เปน็ อกี กจิ กรรมทม่ี กั ทำ� ในยามวา่ งของทกุ ครวั เรอื นมาตง้ั แต่ เครอื่ งปน้ั ดนิ เผา มาพรอ้ มกบั การตงั้ ถน่ิ ฐานบา้ นเรอื น เมอื่ พ.ศ. ๒๔๗๓ แตเ่ ดมิ บรรพบรุ ษุ ในอดตี หมบู่ า้ นทท่ี อเสอื่ ภายในชมุ ชนหรอื ชมุ ชนใกลเ้ คยี งจะมตี น้ กก การทำ� เครอื่ งปน้ั ดนิ เผาเปน็ การทำ� ภาชนะเพอ่ื ใชใ้ นครวั เรอื น ประเภท หมอ้ นำ�้ และตน้ ไหลธรรมชาตขิ นึ้ อยเู่ ปน็ จำ� นวนมาก แตใ่ นปจั จบุ นั ตอ้ งปลกู พชื เหลา่ นี้ หมอ้ หงุ ตม้ อาหาร อนั เปน็ การแสดงถงึ การดำ� รงชพี ดว้ ยการพงึ่ พาตนเอง ตอ่ มา ซง่ึ การปลกู ตอ้ งมคี วามพถิ พี ถิ นั ในการเลอื กพนั ธ์ุ ปรบั สภาพดนิ นำ�้ ใหเ้ หมาะสม มีการพัฒนาเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน โดยหน่วยงานภาครัฐและสถาบัน กบั พนั ธพ์ุ ชื เกบ็ เกยี่ วในชว่ งทต่ี น้ กกมคี วามเหนยี วทเี่ หมาะสม โดยการสงั เกตจาก การศึกษาเข้ามาช่วยส่งเสริมให้มีเครื่องมือท่ีเป็นเทคโนโลยี และพัฒนาให้ การที่ต้นกกเริ่มออกดอก จึงเริ่มตัดได้ โดยใช้เคียวตัดบริเวณโคนต้น เพ่ือให้ ผู้ประกอบอาชีพมีความรู้ท้ังในด้านการผลิต และการบริหารจัดการ ท�ำให้มี กกแตกหนอ่ ขนึ้ มาใหม่ หลงั จากนนั้ นำ� มาตากแดดใหแ้ หง้ จนแขง็ จากนนั้ จงึ ยอ้ มสี ผลติ ภณั ฑห์ ลากหลายรปู แบบ สนองความตอ้ งการของผใู้ ชม้ ากขนึ้ เชน่ ทำ� เปน็ ตามทอี่ อกแบบไว้ และทอเปน็ เสอ่ื สำ� หรบั รองนง่ั รองนอน ถวายพระในเทศกาล กระถางต้นไม้รูปทรงต่างๆ แจกัน ตุ๊กตาดิน รวมทั้งเตาหุงข้าวที่ยังคงมี งานบุญหรือแม้กระท่ังใช้ส�ำหรับห่อหุ้มร่างกายเม่ือหมดลมหายใจ ปัจจุบัน ผู้นิยมใช้ เครื่องปั้นดินเผาที่บ้านวังถ่ัว เป็นการสืบทอดด้วยความรักและ มกี ารออกแบบดดั แปลงเปน็ ผลติ ภณั ฑเ์ ครอ่ื งใชต้ า่ งๆ เชน่ ทรี่ องจาน ทรี่ องแกว้ กลอ่ ง ความเอาใจใส่ รอผคู้ นเยย่ี มชมและซอื้ หา รว่ มสบื สานภมู ปิ ญั ญาไมใ่ หถ้ กู กลนื ใสก่ ระดาษเชด็ หนา้ บางคร้ังพบเหน็ ในการทำ� เป็นม่านบงั แดด ไปตามกาลเวลา อกี ท้ังช่วยสง่ เสรมิ ให้ชมุ ชนมอี าชพี และรายได้ เสอ่ื กก ทำ� กนั มากทอ่ี ำ� เภอพระยนื อำ� เภอสชี มพู อำ� เภอหนองสองหอ้ ง การดำ� เนนิ ชวี ติ ทา่ มกลางกระแสสงั คมทม่ี กี ารเปลยี่ นแปลงอยา่ งรวดเรว็ และอำ� เภอบา้ นไผ่ จนมีช่ือเสียงเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน การดูแลรักษาเสื่อกก หากเราได้กลับมาทบทวนถึงอัตลักษณ์ของชุมชนและสังคมของเราให้ถึงแก่น ให้ใช้ได้ยาวนานหลังจากการใช้งานควรเช็ดให้สะอาดเก็บในท่ีอากาศแห้ง ถงึ ราก และเลอื กสรรทจี่ ะรบั เฉพาะสง่ิ ทด่ี งี าม จะทำ� ใหส้ งั คมของเรายนื อยไู่ ดอ้ ยา่ ง ไม่มีความชน้ื และห่อห้มุ ดว้ ยพลาสตกิ มั่นคง การท่องเที่ยว การกิน การด�ำเนินชีวิต ก็เช่นกัน หากบริโภคอย่าง ทอเสอื่ บา้ นชกี กค้อ เคร่ืองป้ันดนิ เผาวังถั่ว พอเหมาะและสอดคล้องกบั วถิ ชี วี ิตของตน ก็จะบังเกดิ ความสุขอย่างแทจ้ รงิ อ�ำเภอบา้ นไผ่ จงั หวัดขอนแก่น

บรรณานุกรม สำ� นกั งานจังหวัดขอนแกน่ . ขอนแก่น แกนอสี าน. โรงพมิ พ์ประสานมิตร จำ� กดั . ๒๕๔๙. สำ� นักงานวัฒนธรรมจังหวัดขอนแกน่ . ขอนแก่นนครใหญ่ เมอื งเสียงแคน ดอกคนู . ขอนแกน่ : ด่านสุทธา การท่องเทีย่ วแห่งประเทศไทย สำ� นกั งานขอนแกน่ . เยือนสิม ชมศิลป์ ณ ใจกลางอีสาน. ม.ป.ท., ม.ป.ป. เจรจาการค้าระหวา่ งประเทศ, กรม. กระทรวงพาณิชย.์ ธุรกิจบริการ : วิชาชีพสขุ ภาพ (แพทย์ พยาบาล การพมิ พ,์ ๒๕๕๔. สำ� นกั งานสาธารณสุขจงั หวัดขอนแก่น. รายงานประจำ� ปี ๒๕๕๓. ขอนแกน่ : โรงพมิ พค์ ลังนานาวทิ ยา, ทันตแพทย์). นนทบรุ ี : ม.ป.ท, ๒๕๕๕. _________. ธรุ กิจบรกิ าร โลจสิ ติกส.์ นนทบรุ ี : ม.ป.ท, ๒๕๕๕. ๒๕๕๔. _________. ประชาคมเศรษฐกิจอาเซยี น ASEAN Economic Community : AEC. กรงุ เทพฯ : _________. สรุปผลการดำ� เนินงานสาธารณสุขทส่ี �ำคญั จงั หวดั ขอนแกน่ . เอกสารประกอบการ อมรนิ ทร์พรน้ิ ตร้ิง ๒๕๕๒. ตรวจราชการและนิเทศงานกรณีปกติ รอบที่ ๒ ประจำ� ปีงบประมาณ ๒๕๕๕ ระหว่างวนั ท่ี คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหต.ุ วัฒนธรรมพฒั นาการทางประวตั ศิ าสตร์ ๒๖ - ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๕ (เอกสารอดั ส�ำเนา). สำ� นกั โบราณคดแี ละพิพิธภัณฑสถานแหง่ ชาติ กรมศิลปากร กระทรวงศึกษาธกิ าร. นำ� ชมพิพธิ ภณั ฑ เอกลักษณ์ และภมู ปิ ญั ญาจังหวดั ขอนแกน่ . ม.ป.ท, ม.ป.ป. สถานแหง่ ชาติ ขอนแก่น. กรงุ เทพฯ : บริษัทรุ่งศิลปก์ ารพมิ พ,์ ๒๕๔๓. คณะอนุกรรมการพิจารณากรอบการพัฒนาศักยภาพแรงงานด้านภาษาและวัฒนธรรมเพ่ือรองรับการ สมุ าลี เอกชนนิยม. ฮปู แตม้ ในสิมอสี าน : งานศลิ ป์สองฝง่ั โขง. กรงุ เทพฯ : มติชน, ๒๕๔๘. สวุ ิทย์ ธรี ศาศวัต. ประวัติศาสตร์ลาว ๑๗๗๙ – ๑๙๗๕. กรงุ เทพฯ : สร้างสรรค,์ ๒๕๔๓. เคลื่อนยา้ ยแรงงานเสรี กระทรวงแรงงาน. ASEAN Economic Community : AEC กรอบ สุวทิ ย์ ธรี ศาสวตั และคณะ. ประวตั ิศาสตรอ์ ีสานหลังสงครามโลกครั้งทสี่ องถงึ ปัจจุบนั . ขอนแกน่ : การเพิ่มผลิตภาพก�ำลังแรงงานไทยให้มีมาตรฐานสมรรถนะด้านภาษาและวัฒนธรรมเพื่อ ส�ำนักส่งเสริมศลิ ปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น, ๒๕๔๑. รองรับประชาคมเศรษฐกจิ อาเซียน, กรงุ เทพฯ : ม.ป.ท. ๒๕๕๕. โสวิทย์ บำ� รงุ ภกั ด์ิ. สินไซ. ขอนแก่น : โรงพมิ พเ์ พญ็ พริน้ ต้ิง, ๒๕๕๓. ชอบ ดีสวนโคก. ค�ำหลายความ รวมบทความเพอ่ื การศกึ ษาดา้ นสงั คมวฒั นธรรมอีสาน. มหาวิทยาลัย หน่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมศิลปกรรมท้องถ่ิน. สิ่งแวดล้อมศิลปกรรมน�ำเที่ยวขอนแก่น. ขอนแก่น : ขอนแก่น : โรงพมิ พค์ ลงั นานาวิทยา, ๒๕๔๗. หจก. ขอนแกน่ การพมิ พ์, ๒๕๔๑. ทรพั ยากรธรณี, กรม กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม. ไดโนเสาร์ของไทย. กรงุ เทพฯ : อุทยานแห่งชาติ สตั วป์ ่า และพันธพ์ุ ชื , กรม สำ� นกั อทุ ยานแหง่ ชาต.ิ อุทยานแหง่ ชาติ ธรรมชาต.ิ .. และ ม.ป.ท, ๒๕๕๐. นนั ทนาการ. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์ประชาชน, ๒๕๕๓. ธญั ญา สงั ขพันธานนท์. สองฟากฝง่ั ของแมน่ ้�ำ. มหาสารคาม : มหาสารคาม, ๒๕๕๑. ฮีตสิบสอง. หมู่ ๘ บ้านสาวะถี ต.สาวะถี อ.เมอื งขอนแกน่ จ.ขอนแกน่ . ม.ป.ท, ม.ป.ป. (เอกสารเกา่ ) ประมวล พิมพเ์ สน. ประวตั ิศาสตรธ์ รรมชาตแิ ละศลิ ปกรรมทวั่ ไป. ขอนแก่น : โรงพมิ พค์ ลังนานาวทิ ยา, ๒๕๕๓. วารสาร พระครูบณุ ชยากร. แบบกรอกประวัติผู้ทำ� คุณประโยชนต์ ่อพระพทุ ธศาสนาประจ�ำปี ๒๕๕๒ ส�ำหรบั พระภิกษุ. ขอนแกน่ : มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ , ๒๕๕๒. ขอนแกน่ . “ชน่ื ชมแหลง่ ธรรมชาติเมอื งขอนแก่น บงึ แก่นนคร”. ปีท่ี ๒ ฉบับเดอื นตลุ าคม ๒๕๕๕. _________. รายงานและหลกั ฐานแสดงคณุ สมบัตผิ ู้ทำ� คุณประโยชน์ต่อกระทรวงวฒั นธรรม ปี พ.ศ. จดหมายข่าวสมาคมอาเซยี นประเทศไทย. “อาเซยี นศึกษา:หลักสตู รอาเซยี นของประเทศสมาชิก”. ปีที่๔ ๒๕๕๐. ม.ป.ท., ๒๕๕๐. พระอาจารย์ประมวล ธมมฺ เสโน (พิมพเ์ สน), บนั ทึกภูมปิ ญั ญาชาวบา้ นองค์ความร้ขู องชาวบ้าน จาก ฉบับที่ ๒ เมษายน – มิถนุ ายน ๒๕๕๕. อดีตถงึ ปัจจบุ ัน. ขอนแกน่ : โรงพมิ พค์ ลังนานาวิทยา, ๒๕๕๒. มูลนิธิอมตะ. อมตศลิ ป์ สวุ รรณภมู ิ ฉบับพเิ ศษ. มนี าคม-เมษายน ๒๕๔๙. พิพธิ ภณั ฑ์สถานแหง่ ชาติ ขอนแกน่ . โบราณวตั ถุชนิ้ สำ� คัญในพิพธิ ภัณฑสถานแหง่ ชาติ ขอนแกน่ . _________. อมตศลิ ป์ สวุ รรณภมู ิ สองฝ่ังโขง. มีนาคม-เมษายน ๒๕๔๙. ม.ป.ท., ม.ป.ป. ศูนย์ขอ้ มูลขา่ วสารอาเซยี น สำ� นักประชาสัมพันธ์ เขต ๑ ขอนแก่น, ๒๕๕๕. มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ , จติ รกรรมฝาผนงั อีสาน. กรงุ เทพฯ : อมรนิ ทรพ์ ร้ินติง้ , ๒๕๒๘. สารมิตรภาพไทย – ลาว. “เชียงของ ห้วยทราย เมืองหน้าด่านบนเส้นทางเศรษฐกิจ R 3A.” ปีท่ี ๑๖ วชิ าการ, กรม กระทรวงศึกษาธิการ. ขอนแก่น เมืองเสยี งแคนแดนดอกคูน. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์ ครุ ุสภาลาดพรา้ ว, ๒๕๔๔. ฉบับที่ ๒ ประจ�ำเดือนเมษายน – มถิ ุนายน ๒๕๕๒. วมิ ลพรรณ ปีตธวัชชยั . ผ้าอสี าน. คณะศกึ ษาศาสตรม์ หาวิทยาลยั ขอนแกน่ : โรงพิมพพ์ ิฆเณศ, ๒๕๑๖. _________. “ปาฐกถาน�ำในประเด็น ท�ำไมจงึ ตอ้ งเปน็ วรรณคดสี ินไซ”. ปที ่ี ๑๕ ฉบับท่ี ๔ ประจ�ำเดอื น วิโรจน์ ศรีสุโร. สมิ อสี าน. ม.ป.ท., ๒๕๓๙. ศลิ ปากร, กรม วัฒนธรรมพฒั นาการทางประวตั ิศาสตร์ เอกลกั ษณแ์ ละภมู ปิ ัญญา จงั หวัดขอนแกน่ . ตลุ าคม – ธันวาคม ๒๕๕๑. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพค์ รุ ุสภาลาดพร้าว, ๒๕๔๓. สถาปตั ยกรรมพน้ื บ้านอสี านพ้นื ถิน่ . เอกสารประกอบการเสวนา ณ จมิ ทอมปส์ นั ฟาร์ม วันท่ี ๗ ตลุ าคม ภาษาอังกฤษ ๒๔๕๕. สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน.เสน้ ทางทภี่ มู ใิ จ…สหู่ ลกั ชยั แหง่ ศรทั ธา.กรงุ เทพมหานคร: The ASEAN Secretariat. Roadmap for an ASEAN Community 2009 – 2015. The ASEAN โรงพิมพช์ ุมนมุ สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จำ� กดั , ๒๕๕๕. Secretariat, Jakarta : 2009 www.khonkaenpoc.com เข้าถึงขอ้ มลู เม่ือ ๑๗ กนั ยายน ๒๕๕๕ www.gotoknow.org เข้าถึงขอ้ มูลเมอื่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๕ www.nairobroo.com เข้าถึงขอ้ มลู เมื่อ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๕ www.laos.kku.ac.th เขา้ ถึงข้อมลู เมื่อ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕

ขอบคณุ ผูอ้ นุเคราะหข์ ้อมูล นายสรุ เดช พนั ธุว์ เิ ศษ รองผู้อำ� นวยการสำ� นักงานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษา การประถมศกึ ษาขอนแก่น เขต ๒ พระวิสุทธิกิตติสาร เจ้าอาวาสวดั หนองแวง นางนจุ ริน โชตญิ าโน สำ� นกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษาการประถมศกึ ษา พระมหาอดุลย์ กิตศิ าณเมธี วัดหนองแวง ขอนแก่น เขต ๒ พระครบู ญุ ชยากร เจา้ อาวาสวดั ไชยศรี นายสรยุทธ วาระกูล ผอู้ ำ� นวยการโรงเรียนบ้านมูลนาค พระอาจารยส์ มศักด์ิ จารุธมฺโม (เหมวจิ ิตร) วดั ป่าภูหนั บรรพต สำ� นักงานเขตพื้นที่การศึกษาการประถมศกึ ษา สำ� นกั วฒั นธรรม จงั หวัดขอนแกน่ ขอนแกน่ เขต ๒ สำ� นกั วัฒนธรรม มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ นายกฤต นำ้� ใจดี รองผูอ้ �ำนวยการสำ� นกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษา โฮงมนู มัง เมอื งขอนแก่น เทศบาลนครขอนแก่น การประถมศกึ ษาขอนแกน่ เขต ๓ อุทยานแห่งชาตภิ ูผาม่าน นายทศพร ไชยชนะ ผอู้ ำ� นวยการโรงเรียนบ้านดงบังครุ รุ าชอุปถมั ภ์ อทุ ยานแห่งชาตินำ�้ พอง สำ� นักงานเขตพื้นที่การศึกษาการประถมศึกษา อุทยานแห่งชาติภูเวยี ง ขอนแกน่ เขต ๓ ศูนย์ศกึ ษาวิจัยและพิพิธภณั ฑ์ไดโนเสาร์ จังหวัดขอนแกน่ นายมนูญ วงศบ์ วั พันธ ์ุ สำ� นักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศกึ ษาการประถมศกึ ษา พพิ ธิ ภณั ฑส์ ถานแหง่ ชาติ ขอนแก่น ขอนแกน่ เขต ๓ หอการคา้ จงั หวดั ขอนแก่น นายรังสฤษฎิ์ ธนะภมู ชิ ยั รองผู้อำ� นวยการสำ� นักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษา อุทยานสัตวป์ ่าอสี านตอนบนขอนแก่น การประถมศกึ ษาขอนแกน่ เขต ๔ กลุ่มทอผา้ ไหมมดั หม่ีบา้ นหวั ฝาย อ�ำเภอชนบท จังหวดั ขอนแก่น นายนยิ ม โพธิง์ าม รองผอู้ ำ� นวยการสำ� นกั งานเขตพนื้ ท่กี ารศึกษา นายสายัณห์ ผานอ้ ย ผู้อำ� นวยการส�ำนกั งานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษา การประถมศกึ ษาขอนแก่น เขต ๔ การประถมศึกษาขอนแก่น เขต ๑ นายสมุ ินทร์ นารถเหนอื สำ� นักงานเขตพื้นที่การศกึ ษาการประถมศกึ ษา นายเชดิ ศักดิ์ ศรสี ง่าชัย ผอู้ �ำนวยการสำ� นกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา ขอนแกน่ เขต ๔ การประถมศกึ ษาขอนแก่น เขต ๒ นายอดุ มพร กันทะใจ ผอู้ �ำนวยการโรงเรียนบา้ นเหลา่ ใหญ่ประชานุกลู นายสมพงษ์ โรจน์ภทั รพงศ ์ ผูอ้ �ำนวยการสำ� นักงานเขตพื้นที่การศึกษา สำ� นักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาการประถมศกึ ษา การประถมศกึ ษาขอนแกน่ เขต ๓ ขอนแกน่ เขต ๔ นายกติ ติพศ พลพลิ า ผอู้ �ำนวยการสำ� นักงานเขตพน้ื ที่การศึกษา นางนลินรตั น์ วงศเ์ มอื งแสน สำ� นกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาการประถมศึกษา การประถมศกึ ษาขอนแก่น เขต ๔ ขอนแก่น เขต ๔ นายอรรถพล ตรึกตรอง ผอู้ �ำนวยการสำ� นักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษา นางอุทัยรตั น์ อนุสุเรนทร ์ สำ� นกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาการประถมศกึ ษา การประถมศึกษาขอนแกน่ เขต ๕ ขอนแก่น เขต ๔ นายวรเดช เศรษฐภักด ี รองผู้อำ� นวยการส�ำนักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษา นายถวิล ทองยา สำ� นักงานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษาการประถมศึกษา การประถมศกึ ษาขอนแกน่ เขต ๑ ขอนแกน่ เขต ๔ นางนฤชล ไหลงาม รองผอู้ �ำนวยการส�ำนักงานเขตพื้นทกี่ ารศึกษา นายพรี ะ พรหมกัลป ์ สำ� นกั งานเขตพื้นที่การศึกษาการประถมศกึ ษา การประถมศึกษาขอนแก่น เขต ๑ ขอนแกน่ เขต ๔ นางจนั ทรฉ์ าย อรรถสาร สำ� นกั งานเขตพืน้ ทกี่ ารศกึ ษาการประถมศึกษา นายประดษิ ฐ์ อุ่นหนองก่งุ ผู้อ�ำนวยการโรงเรียนโคกสง่านางาม ขอนแก่น เขต ๑ สำ� นักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาการประถมศกึ ษา นางสุจิตร์ ไชยโก ส�ำนักงานเขตพืน้ ที่การศึกษาการประถมศกึ ษา ขอนแกน่ เขต ๔ ขอนแกน่ เขต ๑ นายสนุ ทร ขามธาต ุ ผูอ้ ำ� นวยการโรงเรียนพระธาตขุ ามแกน่ สำ� นกั งานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาการประถมศกึ ษา ขอนแกน่ เขต ๔

นายเฉลยี ว ยศอ่อน รองผ้อู ำ� นวยการสำ� นกั งานเขตพ้นื ที่การศกึ ษา นายสวุ รรณ สองส ี ครโู รงเรียนบ้านคำ� หญา้ แดง การประถมศกึ ษาขอนแกน่ เขต ๕ สำ� นักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษาการประถมศกึ ษา นายภิรมย์ คำ� บญุ เกดิ ผอู้ ำ� นวยการโรงเรยี นวงั ขอนแดงหนองหญา้ ปลอ้ ง ขอนแก่น เขต ๕ สำ� นกั งานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษาการประถมศกึ ษา นางสาวอรุณสุดา ศรีทองแสง ครูโรงเรยี นเวยี งวงกตวทิ ยาคม ขอนแก่น เขต ๕ สำ� นกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษาการประถมศึกษา นายสาธิต คำ� ชมภู ผ้อู ำ� นวยการโรงเรียนบา้ นนาอดุ ม ขอนแกน่ เขต ๕ ส�ำนักงานเขตพน้ื ที่การศกึ ษาการประถมศึกษา วา่ ทีร่ อ้ ยตรี วญิ ญู สธุ รรมฤทธ ิ์ ผอู้ �ำนวยการโรงเรยี นบ้านนาดี ขอนแกน่ เขต ๕ สำ� นกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษาการประถมศึกษา นายบญุ สวน วรรณโอภาส ผู้อำ� นวยการโรงเรยี นบา้ นซำ� จ�ำปา ขอนแกน่ เขต ๕ ส�ำนกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษาการประถมศึกษา นายสมว่า เพียศกั ด ิ์ ครูโรงเรียนบา้ นป่ากลว้ ย ขอนแกน่ เขต ๕ สำ� นักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาการประถมศกึ ษา นายบญุ เกดิ ธติ าปญั ผูใ้ หญบ่ ้านผานำ้� เทย่ี ง อ.สชี มพู ขอนแก่น เขต ๕ นายคำ� ปญั ญา ชัยภกั ด ี ผู้อำ� นวยการโรงเรียนบ้านผานำ�้ เท่ียง นายกิตตพิ ร ภพู ันลา ผู้อ�ำนวยการโรงเรยี นบ้านสวา่ งโนนสูง ส�ำนักงานเขตพ้ืนที่การศกึ ษาการประถมศกึ ษา สำ� นกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษาการประถมศกึ ษา ขอนแกน่ เขต ๕ ขอนแก่น เขต ๕ นายผจงภักด์ิ พอ่ ค้าชา้ ง ครูโรงเรยี นบ้านผานำ�้ เท่ียง นายชยั ชนะ นามวงษา ครูโรงเรยี นบา้ นหินรอ่ งโนนสวรรค์ สำ� นกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษาการประถมศึกษา สำ� นักงานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษาการประถมศกึ ษา ขอนแกน่ เขต ๕ ขอนแกน่ เขต ๕ นายชุมพล กลา้ หาญ ครูโรงเรยี นบ้านผานำ�้ เที่ยง นายนติ วิ ุฒิ ศรสี ุข ขา้ ราชการบำ� นาญ ส�ำนกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศกึ ษา ส�ำนกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษาการประถมศึกษา การประถมศึกษาขอนแกน่ เขต ๒ ขอนแกน่ เขต ๕ นายวรพล ดปี ราสยั หวั หนา้ อุทยานแหง่ ชาตินำ�้ พอง นายประคอง วรรณพนั ธ ์ ผอู้ �ำนวยการโรงเรยี นบา้ นปา่ น นายพีรายทุ ธ คำ� กอง ผชู้ ว่ ยหัวหนา้ อทุ ยานแหง่ ชาตินำ�้ พอง สำ� นักงานเขตพ้ืนที่การศกึ ษาการประถมศึกษา นางสาววิไลรตั น์ แย้มจอหอ เจา้ หนา้ ท่ีฝา่ ยวชิ าการและนนั ทนาการ ขอนแกน่ เขต ๕ อุทยานแหง่ ชาตินำ้� พอง นายจำ� รญู โชติศร ี ครูโรงเรียนบา้ นหนองไผด่ สุ ติ ประชาสรรค์ นายดสุ ติ หยองเอ่น สายตรวจหนว่ ยพทิ ักษ์หนิ ชา้ งสี ส�ำนักงานเขตพนื้ ที่การศกึ ษาการประถมศกึ ษา นายสมุ่ สุวรรณวงศ ์ ปราชญช์ าวบา้ นผู้ใหข้ ้อมูลสิมและฮปู แตม้ ขอนแก่น เขต ๕ นายยงยุทธ วนั เมืองเกา่ ผนู้ ำ� ทางไปถ�้ำภตู าหลอ อ�ำเภอภูผาม่าน นายวรี ะวุธ เรืองตงั ญาณ ผอู้ ำ� นวยการโรงเรยี นบา้ นพงษ์โนนประวัติ นายสนุ ทร สบุ นิ นายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนตำ� บล อำ� เภอภผู าม่าน ส�ำนกั งานเขตพน้ื ที่การศกึ ษาการประถมศึกษา นางสุนยี ์ นอ้ ยโนนทอง ผใู้ หข้ อ้ มูลแหล่งโบราณคดโี นนนกทา ขอนแก่น เขต ๕ อำ� เภอหนองนาคำ� นายทองสญู รัสอาภร ผูอ้ �ำนวยการโรงเรยี นบ้านหนองตาไก้พทิ ยา นางสายทพิ ย์ ลามา ผ้ใู หข้ อ้ มลู การทำ� ข้าวแตน กล่มุ แม่บ้านโคกสวา่ ง ส�ำนักงานเขตพื้นทก่ี ารศึกษาการประถมศกึ ษา อำ� เภอแวงใหญ่ ขอนแก่น เขต ๕ นายพรชัย เวยี งเกา่ ผู้น�ำทางขน้ึ ไปส�ำรวจถำ้� และน�้ำตกบนภูเวยี ง นายเข็มเพชร กุลน้อย ผู้อ�ำนวยการโรงเรียนเวยี งวงกตวทิ ยาคม นายบุญเกิด ธิตาปญั ผใู้ หญ่บา้ นผานำ้� เทีย่ ง อ�ำเภอสีชมพู สำ� นักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษาการประถมศกึ ษา ขอนแก่น เขต ๕

คณะผจู้ ัดทำ� ทีป่ รกึ ษา ผเู้ ขยี น นายมานพ ถนอมศรี k เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน k ฟ้าสางที่ขามแก่น นางระวิวรรณ ภาคพรต (นายชนิ ภทั ร ภูมิรตั น) k ขอนแกน่ ในอดีต ว่าทีร่ อ้ ยตรีสุราษฎร์ ทองเจรญิ และ k รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน k ขอนแกน่ จากแกนอีสานสอู่ าเซยี น นายปรีชา หม่ันคง (นายอนันต์ ระงับทกุ ข์) นายประมวล พิมพเ์ สน k รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน k ภาพเก่าเลา่ เร่อื ง นางระวิวรรณ ภาคพรต และ (นายพษิ ณุ ตลุ สขุ ) k สมิ และฮูปแต้ม ศลิ ปะพนื้ บา้ น นายสมุ ินทร์ นารถเหนือ k รองเลขาธกิ ารคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน เอกลักษณข์ องชาวอสี านท่ีขอนแก่น นายวญิ ญู จูมวันทา (นางเบญจลกั ษณ์ น้�ำฟา้ ) k ศรัทธา ความงดงาม และ k ผู้อ�ำนวยการสำ� นกั วิชาการและมาตรฐานการศกึ ษา ความเรยี บงา่ ยของชาวอีสาน ว่าทร่ี อ้ ยตรสี รุ าษฎร์ ทองเจริญ (นางสาววีณา อัครธรรม) ในพระพทุ ธศาสนา k ผู้เช่ยี วชาญด้านการพัฒนาสือ่ และการเรยี นรู้ k ไหวพ้ ระ ๙ วดั นายชูเกยี รติ เกิดอดุ ม และ (นางสกุ ัญญา งามบรรจง) ขอนแก่นแดนพุทธอีสาน นายวรเดช เศรษฐภกั ดี k วถิ ชี าวบา้ นอสี าน ขนบธรรมเนยี ม นางระววิ รรณ ภาคพรต คณะกรรมการจดั ทำ� หนังสือ ประเพณีขอนแกน่ นางรตั นวภิ า ธรรมโชติ และ k ท่องเทีย่ วเชิงอนรุ กั ษ์ ทอี่ ุทยานแห่งชาต ิ นางสาวเจตนา พรมประดษิ ฐ์ k นางสาวเยาวลักษณ์ เตยี รณบรรจง ประธานกรรมการ k เท่ียวกินถนิ่ ดอกคนู รองประธานกรรมการ k นายพินจิ สขุ ะสนั ติ์ กรรมการ กรรมการ k นางสาวปรญิ ญา ฤทธ์ิเจรญิ กรรมการ กรรมการ k นางระวิวรรณ ภาคพรต กรรมการและเลขานกุ าร กรรมการและผู้ชว่ ยเลขานกุ าร k นางรัตนวภิ า ธรรมโชต ิ กรรมการและผูช้ ่วยเลขานุการ คณะบรรณาธกิ าร กรรมการและผ้ชู ่วยเลขานุการ k นางสาวปรญิ ญา ฤทธิเ์ จริญ k นายชูเกียรติ เกดิ อุดม k นางรตั นวภิ า ธรรมโชติ k นายชูเกียรติ เกดิ อดุ ม k นายปรีชา หม่นั คง k นายปรีชา หมัน่ คง k วา่ ทร่ี ้อยตรีสุราษฎร์ ทองเจรญิ k ว่าที่รอ้ ยตรสี รุ าษฎร์ ทองเจรญิ k นางสาวเจตนา พรมประดษิ ฐ์ k นางสาวสรุ ีย์ เนตรมณีสุก คณะกรรมการฝ่ายจัดทำ� หนงั สือทร่ี ะลึกฯ สพป. ขอนแกน่ เขต ๑ - เขต ๕

คณะบรรณาธิการทป่ี รกึ ษา บรรณาธิการฝ่ายศลิ ป์ ออกแบบ/จดั ท�ำรูปเลม่ k นางสาวเยาวลกั ษณ์ เตยี รณบรรจง k นายพินิจ สขุ ะสนั ต์ิ k นางระวิวรรณ ภาคพรต k นายวรเดช เศรษฐภักดี จัดพมิ พต์ น้ ฉบับ k นายเฉลยี ว ยศอ่อน k นางรัตนา สุขสุโฉม k นายสมุ ินทร์ นารถเหนอื k นางณัฐธยาน์ กลุ ทัศน์ k นายสรายทุ ธ วาระกูล k นางสาวกัญญมน ซาบซึ้งไพร k นางสาววรัญญา เชาว์แหลม ถ่ายภาพประกอบ k นางสาวเจตนา พรมประดิษฐ์ k นางสาวน�ำ้ ทพิ ย์ สนั ติวมิ ล k นายพินิจ สขุ ะสนั ต ์ิ k นายสรุ ไกร หานะกุล k นายชูเกยี รติ เกดิ อดุ ม k นายพรี ะ พรหมกลั ป์ กราฟิกการพิมพ์ k นายปรีชา หมนั่ คง k นางสาวเสาวณยี ์ ออ่ นรกั ษ์ k วา่ ทร่ี ้อยตรสี ุราษฎร์ ทองเจริญ k นางสภุ ณิดา กุลสวัสดภ์ิ กั ดี k นายอาคม กุลสวัสดภิ์ กั ดี เออ้ื เฟอ้ื ภาพประกอบเล่าเรื่อง k นางกิตติมา รามณรงค์ k นายประมวล พิมพเ์ สน