สารวา ดว ย การอาบนํ้าละหมาด การอาบนาํ้ และการละหมาด אאא EאF W אאא W ทานเชค มุหัมมัด อบิ นุ ศอลหิ ฺ อลั -อษุ ยั มีน เรียบเรียงโดย : อุษมาน อดิ รีส จดั พมิ พโ ดย สาํ นกั งานความรวมมือเพอื่ เผยแพรและสอนอิสลาม อัร-ร็อบวะฮฺ กรงุ ริยาด ประเทศซาอุดิอาระเบีย : ﻣﻦ ﺇﺻﺪﺍﺭﺍﺕ
พิมพครั้งแรก : ฮ.ศ. 1427 - ค.ศ. 2006 สงวนลขิ สิทธ์ิโดย เวบ็ ไซตอ ิสลามเฮาส อนุญาตใหใชประโยชนจากหนังสอื โดยไมบ ดิ เบอื นหรือเปลีย่ นแปลงเนื้อหาเดมิ หากมขี อสงสยั คาํ แนะนาํ หรือแกข อ ผิดพลาดใดๆ กรุณาตดิ ตอ เราทางเวบ็ ไซต : www.islamhouse.com (4762) ฮ.ศ.1427 - ค.ศ. 2006 สํานกั งานความรวมมือเพอ่ื เผยแพรและสอนอิสลาม อรั -ร็อบวะฮฺ กรุงรยิ าด ประเทศซาอดุ ิอาระเบยี โทร. +966-1-445 4900, 491 6065 www.islamhouse.com
ﺍﻟﻄﺒﻌﺔ ﺍﻷﻭﱃ 1427 :ﻫـ ﲨﻴﻊ ﺍﳊﻘﻮﻕ ﳏﻔﻮﻇﺔ ﳌﻮﻗﻊ ﺩﺍﺭ ﺍﻹﺳﻼﻡ .ﻭﳛﻖ ﳌﻦ ﺷﺎﺀ ﺃﺧﺬ ﻣﺎ ﻳﺮﻳﺪ ﻣﻦ ﻫﺬﻩ ﺍﳌﺎﺩﺓ ﺑﺸﺮﻁ ﺍﻷﻣﺎﻧﺔ ﰲ ﺍﻟﻨﻘﻞ ﻭﻋﺪﻡ ﺍﻟﺘﻐﻴﲑ ﰲ ﺍﻟﻨﺺ ﺍﳌﻨﻘﻮﻝ .ﻭﺍﷲ ﺍﳌﻮﻓﻖ. ﻭﺇﺫﺍ ﻛﺎﻥ ﻟﺪﻳﻚ ﺃﻱ ﺳﺆﺍﻝ ﺃﻭ ﺍﻗﺘﺮﺍﺡ ﺃﻭ ﺗﺼﺤﻴﺢ ﻳﺮﺟﻰ ﻣﺮﺍﺳﻠﺘﻨﺎ ﻋﻠﻰ ﺍﻟﻌﻨﻮﺍﻥ ﺍﻟﺘﺎﱄ: www.islamhouse.com )(4762 1427ﻫـ אאא 445 4900W ـ 491 6065 אאwww.islamhouse.comW
ดวยพระนามของอลั ลอฮฺ ผทู รงเมตตา ผูท รงปรานียิ่งเสมอ
สารวา ดว ยการอาบนํ้าละหมาด การอาบนํา้ และการละหมาด โดย ทา นเชค มหุ ัมมัด อบิ นุ ศอลิหฺ อลั -อษุ ัยมนี ตน ฉบบั เดมิ จาก http://www.islamhouse.com/ar/modules.php?name=News&file=article&sid=143 แปล,เรยี บเรยี ง อษุ มาน อดิ รสี บรรณาธกิ าร ซุฟอมั อุษมาน พสิ จู นอ กั ษร ฮุซเซน็ หะยนี าแว รปู เลม อบู ฟย รซู หนังสือในโครงการความรวมมือเพอ่ื จัดพมิ พหนังสือ โดยหอ งสมดุ อกิ เราะอฺ www.iqraOnline.org โดยความรวมมือและสนับสนนุ ของ สาํ นกั งานความรว มมือเพอื่ เผยแพรและสอนอิสลาม สํานักงานอรั -ร็อบวะฮฺ กรุงริยาด ประเทศซาอุดิอาระเบีย www.islamhouse.com
สารบัญ เรอ่ื ง หนา หนึง่ : การอาบนา้ํ ละหมาด(วฎุ อ)ฺ ..........................................................................11 วธิ ีอาบนํ้าละหมาด..............................................................................................11 สอง : การอาบนํ้า(ฆุซลฺ)..........................................................................................13 วิธอี าบนํ้า..............................................................................................................13 สาม : การตะยัมมุม.................................................................................................14 วิธีตะยมั มมุ .........................................................................................................14 สี่ : การละหมาด(เศาะลาฮฺ)....................................................................................15 วิธีละหมาด...........................................................................................................15 การปฏิบัติที่นา รังเกยี จ(มักรูฮฺ)ขณะละหมาด ...............................................26 บญั ญตั ิตา งๆ ทเี่ กี่ยวกับสุ ดู สะฮฺวีย(สุ ดู เม่ือหลงลืม)ในละหมาด......27 หน่งึ : กรณที ่เี พม่ิ การกระทาํ ในละหมาด ...............................................27 สอง : กรณลี ืมร็อกอตั ละหมาด(ละหมาดไมครบร็อกอตั ) .................27 สาม : ลืมการกระทาํ ในละหมาด..............................................................28 สี่ : กรณไี มแ นใ จในจาํ นวนรอ็ กอัตและไมสามารถตดั สินได.............29 หา : กรณีไมแ นใ จในจาํ นวนร็อกอัตแตสามารถตดั สนิ ไดใ นทส่ี ุด....30 หก : กรณไี มแ นใ จหลังละหมาดเสร็จแลว.............................................30
คํานาํ ดวยพระนามของอลั ลอฮฺ ผูท รงเมตตา ผูทรงปรานีย่ิงเสมอ มวลการสรรเสรญิ เปนเอกสทิ ธิของอลั ลอฮฺพระผูอภิบาลแหง สากล โลก พรอันประเสรฐิ จงประสบแดมุหัมมัด นบีทานสุดทาย แบบอยางของ บรรดาผยู าํ เกรงและผูน ําของมวลมนษุ ยชาติ ตลอดจนวงศวานและสหาย ทงั้ หลายของทาน หลังจากน้ัน ขาพเจา(มุหัมมัด อิบนุ ศอลิหฺ อัล-อุษัยมีน)บาวผู ขัดสนตอพระผูอภิบาล ขอกลาววา : น่ีคือสารเล็กๆ ที่วาดวยการอาบน้ํา ละหมาด(วุฎอฺ) การอาบน้ํา(ฆุซลฺ) และการละหมาด(เศาะลาฮฺ) ตามที่ได ปรากฏในอัลกุรอานและซุนนะฮฺ
หนึ่ง : การอาบนํ้าละหมาด(วุฎอ ฺ) การอาบน้ําละหมาด คือการทําความสะอาดท่ีจําเปน(วาญิบ) อัน เน่ืองมาจากหะดัษฺเล็ก เชน ปสสาวะ อุจจาระ ผายลม นอนหลับสนิท และรับประทานเนือ้ อฐู เปนตน วิธอี าบนํ้าละหมาด เมื่อตอ งการจะอาบน้าํ ละหมาดใหป ฏบิ ตั ติ ามขน้ั ตอนตอ ไปน้ี 1. ต้ังเจตนาหรือเนียตในใจ โดยไมตองกลาวออกมาเปนถอยคํา เพราะทานนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ไมเคยเปลงเปน คําพดู ออกมา ไมวาจะเปน การตั้งเจตนาเพอื่ อาบนาํ้ ละหมาด เพอื่ ละหมาด และอิบาดะฮฺอ่ืนๆ และเพราะวาอัลลอฮฺทรงทราบส่ิงท่ี อยูในใจของแตละคน ดังน้ันจึงไมจําเปนตองบอกกลาวเปน คาํ พดู ถึงสิง่ ท่ไี ดต ้ังเจตนาไวในใจ 2. กลา วเร่มิ ตน ดวยพระนามของอลั ลอฮฺวา “บิสมิลลาฮฺ” 3. ลางมือทง้ั สองขาง 3 ครง้ั 4. เอาน้ําบวนปาก พรอมๆ กบั สดู นา้ํ เขาจมกู แลว ส่ังออก 3 ครงั้ 11
5. ลางใบหนาใหท่ัว 3 ครั้ง โดยดานขวางเริ่มจากหูขางหน่ึงไปสุดที่ หูอีกขางหนึ่ง สวนดานยาวเร่ิมจากโคนผมตรงหนาผากไปจรดที่ ใตค าง 6. ลา งแขนทั้งสองขา ง เริ่มจากปลายนวิ้ มอื จนถงึ ขอศอก 3 ครงั้ โดย เร่ิมลางจากขางขวากอ นแลวตอ ดวยขา งซา ย 7. ใชน าํ้ ลูบศีรษะดวยมอื ท้งั สองเพียงคร้งั เดยี ว โดยเริม่ ลบู จากดาน หนา ผากไปยังทายทอยแลว วกกลบั มาท่เี ดมิ อกี ทีหน่งึ 8. ลบู ใบหูท้งั สองขา งหนงึ่ ครัง้ โดยนาํ นิ้วช้ีท้ังสองขางชอยเขาไปเช็ด ใบหสู ว นใน และใชห ัวแมม อื ลูบเช็ดใบหูดา นนอก 9. ลางเทาทั้งสองขาง เร่ิมจากปลายน้ิวเทาจนถึงขอเทาหรือตาตุม 3 คร้ัง โดยเร่ิมลางจากขางขวากอนแลวตอดวยขางซายอยางเปน ลําดบั 12
สอง : การอาบนา้ํ (ฆุซลฺ) การอาบนํ้า คือการทําความสะอาดท่ีจําเปน(วาญิบ)อัน เนื่องมาจากหะดัษฺใหญ อาทิเชน การมีุนูบ (เชนการรวมประเวณี การ หล่ังอสจุ )ิ หรอื หลงั มาประจาํ เดือน เปนตน วิธอี าบนํา้ เมอื่ จาํ เปน ตองอาบนํ้าใหป ฏบิ ตั ติ ามขน้ั ตอนตอไปน้ี 1. ตง้ั เจตนาในใจวาจะอาบนาํ้ (เพ่ือยกหะดัษฺใหญ) โดยไมตองเปลง ออกมาเปนคาํ พูด 2. กลาว “บสิ มิลลาฮ”ฺ 3. อาบน้ําละหมาดใหส มบรู ณ (ดังที่ไดอธิบายมาแลว ) 4. ชะโลมน้ําลงบนศีรษะและใชมือขยี้ไปมาจนน้ําเปยกทั่วหนัง ศรี ษะแลว ราดนาํ้ ใหเปยกชมุ 3 ครง้ั 5. อาบนาํ้ ใหทั่วรา งกาย 13
สาม : การตะยมั มุม การตะยัมมุม คือการทําความสะอาดที่จําเปน(วาญิบ)โดยใชดิน ฝุนแทนการอาบนํ้าละหมาดและการอาบนํ้า สําหรับผูที่ไมพบนํ้าหรือมี ความจําเปนไมสามารถใชน้าํ ชาํ ระได วิธตี ะยมั มุม เม่ือจาํ เปนตอ งตะยัมมมุ ใหปฏิบัตติ ามข้นั ตอนตอ ไปน้ี 1. ตั้งเจตนาในส่ิงท่ีตองการจะตะยัมมุมวาจะใชแทนการอาบนํ้า ละหมาด(เพ่ือยกหะดัษฺเล็ก)หรือแทนการอาบน้ํา(เพื่อยกหะดัษฺ ใหญ) 2. เอามอื ทงั้ สองทาบลงบนพ้นื ดนิ หรอื ผนงั ท่มี ีดินฝุนติดอยู 3. ลบู ใบหนา และมอื ท้ังสองขา ง 14
สี่ : การละหมาด(เศาะลาฮฺ) การละหมาด คืออิบาดะฮฺท่ีประกอบดวยคําพูดและการกระทํา เรม่ิ ดว ยการกลา วตักบีรฺและสน้ิ สดุ ดวยการใหส ลาม ทกุ คร้ังที่จะทาํ การละหมาดจาํ เปน ตอ งอาบนํา้ ละหมาดเสียกอ น ถา หากวาอยูในหะดัษฺเล็ก หรืออาบนํ้าวาญิบถาหากอยูในหะดัษฺใหญ หรือ ทําการตะยัมมุมถา หากไมพ บนาํ้ หรือไมสามารถใชนํ้าชําระได และตองทํา ความสะอาดรา งกาย เสือ้ ผา สถานทลี่ ะหมาดจากสงิ่ นะญิสทฺ ง้ั หลาย วธิ ลี ะหมาด เมือ่ ตอ งการละหมาดใหป ฏิบัติตามข้นั ตอนตอ ไปนี้ หนงึ่ : การยนื ตรงและตั้งเจตนา 1. ยืนตรงหันทุกสวนของรางกายไปทางกิบลัตโดยไมเอนเอียง หรอื หนั ซายหนั ขวา 2. ต้ังเจตนาในใจถึงละหมาดท่ีตองการปฏิบัติโดยไมเปลงออกมา เปน คาํ พดู 3. กลาวตักบีเราะตลุ อิหฺรอม “อัลลอฮุ อักบัรฺ” พรอมกับยกมือข้ึน เสมอไหลข ณะกลา วตกั บีรฺ 15
4. วางฝามอื ขวาลงทาบบนหลงั มือซา ยแลวตัง้ ไวบ นหนา อก 5. กลาวดุอาอฺอิสติฟตาหฺ หรือ อิฟติตาหฺ(ดุอาอฺกอนอาน อัล-ฟาติหะฮ)ฺ วา ﻦ ﻴﺑ ﺕ ﺪ ﻋ ﺑﹾﺎ ﻤْﺎ ﹶﻛ،ﻱ ﻳﹾﺎﺧ ﹶﻄﹾﺎ ﻦ ﻴﺑﻭ ﻲ ﻴِﻨﺑ ﺪ ﺑﹾﺎ ِﻋ ﻢ ﻬ ﹶﺍﻟﱠﻠ ﻤﹾﺎ ﹶﻛ،ﻱ ﻳﹾﺎﺧ ﹶﻄﹾﺎ ﻦ ﻲ ِﻣ ﻧﱢﻘِﻨ ﻢ ﻬ ﹶﺍﻟﱠﻠ،ﻐ ِﺮ ِﺏ ﻤ ﻭﺍﹾﻟ ﺸ ِﺮ ِﻕ ﻤ ﺍﹾﻟ ﻦ ﻲ ِﻣ ﻢ ﺍ ﹾﻏ ِﺴﹾﻠِﻨ ﻬ ﹶﺍﻟﱠﻠ،ﻧ ِﺲﺪ ﺾ ِﻣﻦَ ﺍﻟ ﻴﺑﺏ ﺍ َﻷ ﻮ ﻨﱠﻘﻰ ﺍﻟﱠﺜﻳ ﺮ ِﺩ ﺒﻭﺍﹾﻟ ﻭﺍﻟﱠﺜﹾﻠ ِﺞ ﻤﺂ ِﺀ ﻱ ِﺑﺎﹾﻟ ﻳﹾﺎﺧ ﹶﻄﹾﺎ ความวา “โอ อัลลอฮฺ ขอทรงแยกใหหางระหวางขา พระองคกับมวลความผิดของขาพระองค เชนที่ พระองคแยกระหวางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก โอ อัลลอฮฺ ขอทรงขัดขาพระองคใหสะอาด จากมวล ความผิดของขาพระองค เหมือนการขัดผาสีขาวจาก ความสกปรก โอ อัลลอฮฺ ขอทรงชําระลางขาพระองค จากมวลความผิดของขาพระองค ดวยนํ้าเย็น นํ้าแข็ง และเหบ็ ฝน” หรือกลา วดอุ าอฺตอไปนี้ ،ﻚ ﻤ ﺳ ﻙ ﺍ ﺭ ﺒﹾﺎﺗﻭ ، ﻙ ﻤـ ِﺪ ﺤ ﻭِﺑ ﻢ ﻬ ﻧﻚَ ﺍ ﻟﱠﻠﺤﺎ ﺒﺳـ ﻙ ﺮ ﻴﻭ ﹶﻻ ﹶﺇﻟ ٰـﻪ ﹶﻏ ،ﻙ ﺪ ﺟ ﻌﹾﺎﻟ ٰـﻰﺗﻭ 16
ความวา “มหาบริสุทธิ์แดพระองค โอ อัลลอฮฺเจา และดวยการสรรเสริญแดพระองค ประเสริฐย่ิงคือ พระนามของพระองค สูงสงย่ิงคือความยิ่งใหญของ พระองค และไมมีพระเจา อื่นใดนอกจากพระองค” สอง : การอานอลั -ฟาติหะฮฺและสูเราะฮฺ 1. กลา วคํา “อิสติอาซะฮฺ” ﻴ ِﻢﺮ ِﺟ ﻴ ﹶﻄﹾﺎ ِﻥ ﺍﻟﺸ ﻦ ﺍﻟ ﻮ ﹸﺫ ِﺑﺎ ِﷲ ِﻣ ﻋ ﹶﺃ ความวา “ขา ขอตออลั ลอฮใฺ หพ ระองคปกปองจากชัยฏอน ผถู กู สาปแชง ” 2. อา น “บิสมลิ ลาฮฺ” แลว อาน อัล-ฟาตหิ ะฮฺ _UÅ ‘u ¬! ߉ôϑys9ø #$ ∩⊇∪ ΟÉ ŠmÏ § 9$# Ç⎯≈Ηu ÷q§9#$ «!#$ ΟÉ ¡ó Î0 ⎥É ⎪eÏ$!#$ ÏΘθö ƒt Å7=Î ≈Βt ∩⊂∪ ΟÉ ŠÏm§9$# Ç⎯≈uΗq÷ §9#$ ∩⊄∪ š⎥⎫Ïϑ=n ≈yèø9#$ $Ρt ‰Ï ÷δ$# ∩∈∪ Ú⎥⎫ÏètG¡ó nΣ ‚y $−ƒ)Î uρ ‰ß 7ç è÷ tΡ ‚x $ƒ− Î) ∩⊆∪ Îöxî öΝÎγø‹n=ãt |Mϑô èy Ρ÷ &r t⎦⎪%Ï ©!#$ xÞ≡uÅÀ ∩∉∪ tΛ⎧)É Gt ¡ó ϑß 9ø #$ Þx ≡uÅÇ_ 9#$ ∩∠∪ ⎦t ⎫jÏ9!$Ò 9#$ Ÿωρu Οó Îγø‹=n tæ ÅUθÒà øóϑy 9ø $# ความวา “ดวยพระนามของอัลลอฮฺผูทรงเมตตาปรานีย่ิงเสมอ มวลการสรรเสริญเปนเอกสิทธิแหงอัลลอฮฺพระผูอภิบาลแหง สากลโลก ผูทรงเมตตาปรานีย่ิงเสมอ ผูทรงครองอํานาจในวัน 17
แหงการตอบแทน ยังพระองคเทาน้ันท่ีเราเคารพภักดีและยัง พระองคเทานั้นท่ีเราขอความชวยเหลือ ขอพระองคชี้ทางพวก เราสูเสน ทางทเ่ี ท่ียงตรง เสนทางท่ีพระองคไดทรงชี้แกบรรดาผู ที่พระองคประทานใหแกพวกเขา(เสนทางของเหลาศาสนทูต และผูทรงคุณธรรม) ไมใชเสนทางของพวกท่ีถูกโกรธกร้ิว (พวกยิว)และไมใชเสนทางของบรรดาผูหลงทาง(พวกคริส เตียน)” 3. เสรจ็ แลวกลาว ﻴﻦ“ ﺁِﻣอามีน” แปลวา “ขออลั ลอฮฺทรงตอบรบั ” 4. อานอายะฮฺอัลกุรอานเทาท่ีสะดวก และควรอานใหยาวใน ละหมาดศุบหฺ สาม : การรกุ อู ฺ 1. กลาวตักบีรฺ “อัลลอฮุ อักบัรฺ” พลางยกมือท้ังสองข้ันเสมอไหล แลวกมลงรุกูอฺ เพ่ือเชิดชูความยิ่งใหญของอัลลอฮฺ ดวยการ โคงหรือโกงหลังลงไปขางหนา โดยใหศีรษะอยูในระดับ เดยี วกับหลงั แลวเอามอื ท้ังสองจับเขาคลายน้ิวมอื ออก 2. กลาวดอุ าอฺ 3 คร้งั ขณะรุกอู วฺ า ﻴ ِﻢﻌ ِﻈﻲ ﺍﹾﻟ ﺑﺭ ﺤﺎ ﹶﻥ ﺒﺳ ความวา “มหาบริสุทธิ์ย่ิงแดพระผูเปนเจาแหงขา ผูทรง ยิง่ ใหญ” 18
จะเปนการดถี าหากจะอา นเพ่ิมวา ﻲ ﺮ ِﻟ ﻢ ﺍ ﹾﻏِﻔ ﻬ ﺍﻟﱠﻠ،ﻙ ﻤ ِﺪ ﺤ ﻭِﺑ ﻢ ﻬ ﻚ ﺍﻟﱠﻠ ﻧﺤﹾﺎ ﺒﺳ ความวา “มหาบริสุทธิ์ย่ิงแดพระผูอภิบาลแหงเรา และ ดว ยการสรรเสริญยงั พระองค ขอพระองคทรงอภยั ใหแก ขา พระองคดวยเถิด” สี่ : การเงยจากรุกูอฺและลงสุูด 1. เงยขึ้นจากรุกูอฺ โดยใหยกมือทั้งสองข้ึนเสมอไหลขณะท่ีกําลัง เงยขึ้นพรอ มกลาว ﻩﺪ ﺣ ِﻤ ﻦ ﻤ ﻊ ﺍ ُﷲ ِﻟ ﺳ ِﻤ ความวา “อัลลอฮฺทรงไดย ินผทู ีส่ รรเสริญพระองค” สวนมะอฺมูม(ผูละหมาดตามอิหมาม)ไมตองกลาวถอยคํา ขางตนแตใ หกลา วแทนวา ﺪ ﻤ ﺤ ﻚ ﺍﹾﻟ ﻭﹶﻟ ﻨﹾﺎﺑﺭ ความวา “โอ พระผูอภิบาลแหงเรา สําหรับพระองคคือการ สรรเสริญของพวกเรา 2. เมอื่ ยนื ตรงแลว ใหก ลา ว ﻣﹾﺎ ﻭ ِﻣ ﹾﻞ َﺀ ،ﺭ ِﺽ ﻭﺍ َﻷ ﻮﺍ ِﺕ ﺴ ٰﻤ ِﻣ ﹾﻞ َﺀ ﺍﻟ،ﺪ ﻤ ﺤ ﻚ ﺍﹾﻟ ﻭﹶﻟ ﻨﹾﺎﺑﺭ ﺪ ﻌ ﺑ ﻲ ٍﺀ ﺷ ﻦ ﺖ ِﻣ ِﺷﹾﺌ 19
ความวา “โอ พระผูอภิบาลแหงเรา สําหรับพระองคคือ การสรรเสริญของพวกเรา (ดวยการสดุดีสรรเสริญ)ท่ี เต็มฟากฟา เต็มพ้ืนแผนดิน และเต็มทุกส่ิงทุกอยางที่ พระองคทรงประสงคห ลังจากนนั้ ” 3. ยอตัวลงสุูดเพื่อถอมตนแกอัลลอฮฺในสุูดแรกพรอมกับ กลา วขณะยอ ตัวลงวา “อลั ลอฮุ อักบัร”ฺ หา : การสุ ูด 1. ทําการสุดู ดว ยอวัยวะท้ังเจด็ นั่นคือ หนาผากพรอมกับปลาย จมูก, ฝามือทั้งสอง, หัวเขาท้ังสอง, และปลายนิ้วเทาทั้งสอง และกางทอนแขนออกจากสีขาง และจงอยาวางขอศอกท้ังสอง ลงราบขนาบกับพ้ืน และใหวางฝามือทั้งสองขางราบลงกับพ้ืน พรอมกับชป้ี ลายน้ิวทัง้ หมดไปทางทิศกิบลตั 2. กลาวดอุ าอฺ 3 คร้ังในขณะสุดู วา ﻋﻠ ٰـﻰ ﻲ ﺍ َﻷ ﺑﺭ ﺤﹾﺎ ﹶﻥ ﺒﺳ ความวา “มหาบริสุทธิ์ย่ิงแดพระผูเปนเจาแหงขา ผู สงู สง ยงิ่ ” และจะเปน การดีย่งิ ถา เพ่มิ คําวา ﻲ ﺮ ِﻟ ﻢ ﺍ ﹾﻏِﻔ ﻬ ﺍﻟﱠﻠ،ﻙ ﺪ ﻤ ﺤ ﻭِﺑ ﻨﺎﺑﺭ ﻢ ﻬ ﻚ ﹶﺍﻟﱠﻠ ﻧﺤﹾﺎ ﺒﺳ 20
ความวา “มหาบรสิ ทุ ธิ์ โอ อัลลอฮฺ พระผูอ ภิบาลแหงพวก เรา และดวยการสรรเสริญยังพระองค ขอพระองคทรง อภัยใหแ กข าพระองคดวยเถิด” 3. เงยขน้ึ จากสุดู แรก พรอ มกลา ว “อลั ลอฮุ อกั บรั ”ฺ หก : การนง่ั ระหวางสองสุ ดู 1. น่ังระหวางสองสุูดบนเทาซายและยันปลายเทาขวาขึ้น และ วางทาบมือขวาลงบนขาออนขางขวากอนถึงหัวเขาและกํา นิ้วนางและน้ิวกอยไว พรอมกับยกน้ิวช้ีข้ึนและกระดิกเบาๆ ขณะกลา วดอุ าอฺ และนาํ ปลายน้ิวหัวแมมือไปประสานกับปลาย นิ้วกลางใหเปนเสมือนวงกลม และวางมือขางซายดวยการกาง นิ้วท้ังหมดลงบนขาออ นกอนถงึ หัวเขา 2. กลา วดอุ าอฺขณะนั่งระหวางสองสุดู วา ﻲ ﺮِﻧ ﺒﺟ ﻭﺍ ،ﻲ ﺯﹾﻗِﻨ ﺭ ﻭﺍ ﻲ ﻫ ِﺪِﻧ ﻭﺍ ،ﻲ ﻤِﻨ ﺣ ﺭ ﻭﺍ ﻲ ﺮ ِﻟ ﺏ ﺍ ﹾﻏِﻔ ﺭ ﻲ ﻋﺎِﻓِﻨ ﻭ ความวา “โอ พระผูอภิบาลแหงขา ขอทรงอภัยและ เมตตาขาพระองค ขอทรงช้ีทางและประทานปจจัยแกขา พระองค ขอทรงแกไขควบคุมและใหการปกปองแกขา พระองค” 21
เจด็ : การสุ ูดครั้งที่สองและลกุ ข้ึนในรอ็ กอัตตอ ไป 1. แลวกมลงสุูดคร้ังที่สองดวยความนอบนอมและปฏิบัติเฉก เชนสุูดแรกทั้งคํากลาวและการกระทํา และกลาวตักบีรฺ “อลั ลอฮุ อักบรั ”ฺ ขณะกม ลงสุูด 2. แลวก็ลุกข้ึนจากสุูดคร้ังที่สองพรอมกับกลาววา “อัลลอฮุ อักบัรฺ” และดําเนินการละหมาดสําหรับร็อกอัตที่สอง เชนเดียวกับในร็อกอัตแรก ท้ังคํากลาวและอิริยาบถ เพียงแต ในร็อกอัตที่สองนี้ไมม ีการอานดอุ าอฺอิฟตติ าหฺ แปด : การนงั่ ตะชะฮฺฮดุ (กรณีละหมาดมีสองร็อกอตั ) 1. หลังจากท่ีส้ินสุดของร็อกอัตที่สอง ก็น่ังลงพรอมกับกลาววา “อัลลอฮุ อักบัรฺ” และน่ังลงในสภาพที่เหมือนกับการน่ังในชวง ระหวา งสองสุูด แลว กลาวดอุ าอฺ “ตะชะฮฺฮดุ ” วา ﻬﺎ ﻳﻚ ﹶﺃ ﻴﻋﹶﻠ ﻡ ﺴ ﹶﻼ ﹶﺍﻟ،ﺕ ﺒﺎﻴﻭﺍﻟ ﱠﻄ ﺕ ﺼﹶﻠ ٰﻮﺍ ﻭﺍﻟ ﺕ ِﻟﱠﻠِﻪ ﻴﺎﺘ ِﺤﹶﺍﻟ ﺒﺎ ِﺩ ﺍ ِﷲﻋﻠ ٰﻰ ِﻋ ﻭ ﻨﺎﻴﻋﹶﻠ ﻡ ﺴ ﹶﻼ ﹶﺍﻟ،ﻪﺗﺮ ﹶﻛﹾﺎ ﺑﻭ ِﻤﹸﺔ ﺍﷲ ﺣ ﺭ ﻭ ﻲ ﻨِﺒﺍﻟ ﻤﺪﹰﺍ ﺤ ﻣ ﺪ ﹶﺃ ﱠﻥ ﻬ ﺷ ﻭﹶﺃ ،ﻪ ِﺇ ﱠﻻ ﺍ ُﷲﺪ ﹶﺃ ﹾﻥ ﱠﻻ ِﺇﻟ ٰـ ﻬ ﺷ ﹶﺃ،ﻦ ﻴﺼﺎِﻟ ِﺤ ﺍﻟ ،ﻤ ٍﺪ ﺤ ﻣ ﻋﻠ ٰﻰ ﺁ ِﻝ ﻭ ﻤ ٍﺪ ﺤ ﻣ ﻋﻠ ٰﻰ ﺻ ﱢﻞ ﻢ ﻬ ﹶﺍﻟﱠﻠ،ﻪﻮﹸﻟ ﺳ ﺭ ﻭ ﻩﺪ ﺒﻋ ﻴﺪﺣ ِﻤ ﻚ ﻧﻢ ِﺇ ﻴﺮﹾﺍ ِﻫ ﺑﻋﻠ ٰﻰ ﺁ ِﻝ ِﺇ ﻭ ﻢ ﻴﺮﹾﺍ ِﻫ ﺑﻋﻠ ٰﻰ ِﺇ ﺖ ﻴﺻﱠﻠ ﻤﺎ ﹶﻛ ﻤﺎ ﹶﻛ،ﻤ ٍﺪ ﺤ ﻣ ﻋﻠ ٰﻰ ﺁ ِﻝ ﻭ ﻤ ٍﺪ ﺤ ﻣ ﻋﻠ ٰﻰ ﻙ ﺑﹾﺎ ِﺭﻭ ،ﻴﺪﻣ ِﺠ ﻴﺪﻣ ِﺠ ﻴﺪﺣ ِﻤ ﻚ ﻧﻢ ِﺇ ﻴﺮﹾﺍ ِﻫ ﺑﻋﻠ ٰﻰ ﺁ ِﻝ ِﺇ ﻭ ﻢ ﻴﺮﹾﺍ ِﻫ ﺑﻋﻠ ٰﻰ ِﺇ ﺖ ﺭ ﹾﻛ ﺑﹾﺎ 22
ความวา “มวลการสดุดียกยองแดองคอัลลอฮฺ รวมท้ัง การประสาทพรและส่ิงท่ีดีท้ังหลาย ขอความศานติจง ประสบแดทานนบี รวมทั้งความเมตตาของอัลลอฮฺและ ความประเสริฐของพระองค ขอความศานติประสบแดเรา และปวงบาวของอลั ลอฮฺผทู รงคุณธรรม ขา ขอปฏญิ าณวา ไมมีพระเจาอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ และขอปฏิญาณวา มุหัมมัดนั้นเปนบาวของอัลลอฮฺและศาสนทูตของ พระองค ขออัลลอฮฺทรงประสาทพรแกมุหัมมัดและวาศ วานของทาน เชนที่พระองคประสาทพรแกอิบรอฮีมและ วงศวานของทาน แทจริงพระองคนั้นเปนผูควรยิ่งแกการ สดุดีและสรรเสริญ ขอพระองคประทานความประเสริฐ แกมุหัมมัดและวงศวานของทาน เชนที่ไดประทานความ ประเสริฐแกอิบรอฮีมและวงศวานของทาน แทจริง พระองคนน้ั เปนผูควรยงิ่ แกการสดดุ แี ละสรรเสริญ” 2. ตามดวยดุอาอ(ฺ เชน ) ﻦ ﻭ ِﻣ ،ﺒ ِﺮﻋ ﹶﺬﹾﺍ ِﺏ ﺍﹾﻟﹶﻘ ﻦ ﻭ ِﻣ ،ﻢ ﻨﻬ ﺟ ﻋ ﹶﺬﹾﺍ ِﺏ ﻦ ﻮ ﹸﺫ ِﺑﺎ ِﷲ ِﻣ ﻋ ﹶﺃ ﻨـِﺔﺘـﻦ ﻓ ِـ ﻭ ِﻣ ، ﻤﹾﺎ ِﺕ ﻤ ﻭ ﺍ ﹾﻟ ﻴﺎﺤـ ﻤ ﻨـِﺔ ﺍ ﹾﻟﺘـﻓ ِـ ﺟﹾﺎ ِﻝ ﺪ ﻴ ِﺢ ﺍﻟﻤ ِﺴ ﺍﹾﻟ ความวา “ขาขอตออัลลอฮฺใหพระองคปกปองจากการ ทรมานในนรกญะฮันนัม จากการทรมานในหลุมฝงศพ 23
จากการทดสอบ(อันเลวราย)ขณะมีชีวิตและเม่ือเสียชีวิต และจากภัยการทดสอบของดจั ญญาลผตู าบอดขาง” ตอจากน้ันก็ใหขอดุอาอฺตออัลลอฮฺตามที่ปรารถนา ทั้งความดี ในโลกน้ีและโลกหนา 3. เสร็จแลวกใ็ หสลามทง้ั ทางขวามือและซา ยมอื วา ﻪﺗﺮ ﹶﻛﹾﺎ ﺑﻭ ﻤﹸﺔ ﺍ ِﷲ ﺣ ﺭ ﻭ ﻢ ﻴ ﹸﻜﻋﹶﻠ ﻡ ﺴ ﹶﻼ ﹶﺍﻟ ความวา “ขอความศานติประสบแดทานทั้งหลาย รวมทั้ง ค ว า ม เ ม ต ต า แ ห ง อั ล ล อ ฮฺ แ ล ะ ค ว า ม ป ร ะ เ ส ริ ฐ ข อ ง พระองค” เกา : กรณีละหมาดมมี ากกวาสองรอ็ กอัต 1. ถาหากละหมาดมีสามหรือสี่ร็อกอัต ก็ใหหยุดเพียงแคชวงท่ี สนิ้ สดุ ตะชะฮฮฺ ุดแรกเทา นน้ั นัน่ คอื ﻪﻮﹸﻟ ﺳ ﺭ ﻭ ﻩﺪ ﺒﻋ ﻤﺪﹰﺍ ﺤ ﻣ ﺪ ﹶﺃ ﱠﻥ ﻬ ﺷ ﻭﹶﺃ ،ﻪ ِﺇ ﱠﻻ ﺍ ُﷲﺪ ﹶﺃ ﹾﻥ ﱠﻻ ِﺇﻟ ٰـ ﻬ ﺷ ﹶﺃ 2. เสร็จแลวก็ลุกข้ึนยืนตรง พรอมกับกลาววา “อัลลอฮุ อักบัรฺ” และใหยกมอื ทง้ั สองขา งข้ึนจนเสมอกบั หวั ไหลท ้งั สองขาง 3. ตอจากนั้นก็ใหปฏิบัติการละหมาดเฉกเชนในร็อกอัตที่สอง แต ใหอ า นเฉพาะ สเู ราะฮฺ อลั -ฟาตหิ ะฮฺ เทา นนั้ 4. เสร็จแลวก็ใหนั่งลงแบบตะวัรฺรุก ดวยการยกเทาขางขวาข้ึน และเสียบเทาซายเขาไปยังใตลําแขงของเทาขวาใหพนออกมา พรอมกับพาดกนใหแนบกับพ้ืน และวางมือทั้งสองขางลงบน 24
ขาออนท้ังสองขางในลักษณะที่เหมือนกับการวางขณะอาน ตะชะฮฺฮุดแรก 5. และกลาวดอุ าอตฺ ะชะฮฮฺ ุดใหจบ 6. เสรจ็ แลว กใ็ หส ลามทั้งทางขวามอื และซายมือวา ﻪﺗﺮ ﹶﻛﹾﺎ ﺑﻭ ﻤﹸﺔ ﺍ ِﷲ ﺣ ﺭ ﻭ ﻢ ﻴ ﹸﻜﻋﹶﻠ ﻡ ﺴ ﹶﻼ ﹶﺍﻟ ***** 25
การปฏบิ ตั ทิ น่ี า รงั เกยี จ(มักรูฮ)ฺ ขณะละหมาด 1. เหลียวซายแลขวาขณะกําลังละหมาด ไมวาจะเปนดวยศรีษะ ทั้งหมดหรือเฉพาะสายตา สวนการเพงสายตาข้ึนฟาเปนการ กระทาํ ท่ีตองหา ม(หะรอม) 2. การกระดุกกระดิกและขยับเขย้ือนไปมาตลอดเวลาโดยไม จาํ เปน 3. พกพาสิ่งที่ทําใหเกิดความพะวาพะวงและไมเปนสุข เชนสิ่งที่ หนกั และสิง่ ของทีม่ สี ีฉดู ฉาดจนเปน ท่สี ะดดุ สายตา 4. การวางมือเทา สะเอวทั้งสองขา ง การปฏิบัติทท่ี ําใหเสยี ละหมาด 1. การพดู จาดวยเจตนา ถงึ แมจ ะเพยี งนอยนิด 2. หนั ออกจากทศิ ทางของกบิ ลัตทง้ั ลําตวั 3. การผายลม และทกุ ๆ สิ่งท่ีทําใหเ สยี นํา้ ละหมาด 4. มีการเคลื่อนไหวจํานวนมากติดตอกันโดยปราศจากความ จําเปน 5. การสงเสียงหวั เราะ ถงึ แมว า จะเพียงนอ ยนดิ 6. เม่ือมีการเพิ่มเติมการรุกูอฺ หรือสุูด หรือยืนตรง หรือนั่ง ดว ยเจตนา 7. เม่อื มีการปฏบิ ตั ิล้าํ หนากอ นอริ ิยาบทของอหิ มา มโดยเจตนา 26
บญั ญัติตางๆ ทเี่ กีย่ วกับสุดู สะฮฺวีย( สุูดเมื่อหลงลืม)ในละหมาด หนึ่ง : กรณีทีเ่ พ่มิ การกระทาํ ในละหมาดหรอื เพ่ิมร็อกอตั เม่ือเกิดหลงลืมในละหมาด และไดเพิ่มรุกูอฺหรือสุูด หรือยืน หรือน่ัง ก็จงใหสลามหลังจากที่เสร็จส้ินการละหมาด และใหกมลงสุูด สะฮวฺ ยี จาํ นวนสองสุูด แลว ใหสลามทางขวาและซายอกี คร้งั ตัวอยางเชน ในการละหมาดซุฮฺริ เขาไดลุกขึ้นยืนเพ่ือจะ ละหมาดร็อกอัตที่หา แลวก็นึกขึ้นไดหรือมีคนเตือน ก็ใหเขากลับลงนั่ง อานตะชะฮฮฺ ุดสดุ ทายทันที โดยปราศจากการกลาวตักบีรฺ แลวก็ใหสลาม หลังจากน้ันใหเขาลงสุูดจํานวนสองสุูด แลวใหสลาม(ออกจาก ละหมาด)อีกคร้ัง(สุูดหลังใหสลาม) เชนเดียวกันน้ีถาหากเขานึกข้ึนได หลังละหมาดเสร็จวาตนไดเพ่ิมร็อกอัต ใหเขาสุูดสะฮฺวียสองครั้งแลว ใหสลาม สอง : กรณีลมื รอ็ กอตั ละหมาด(ละหมาดไมค รบรอ็ กอัต) เม่ือมีการใหสลามกอนท่ีละหมาดจะเสร็จสมบูรณ แลวก็นึกข้ึน ไดวาละหมาดของตนยังไมเสร็จสมบูรณหรือมีคนมาเตือนในเวลาที่ ไลเลี่ยกัน ดงั น้ันจงตอละหมาดท่ียังขาดอยูจนเสร็จสมบูรณแลวใหสลาม หลังจากนั้นกก็ ม ลงสุดู จํานวนสองสุูดแลวใหสลามอีกครั้ง ตวั อยางเชน ในการละหมาดซุฮฺริ เขาเกิดหลงลืมและไดใหสลาม ในร็อกอัตท่ีสาม ทันใดนั้นเขานึกขึ้นไดหรือมีคนมาเตือนวาเขายัง ละหมาดไมเสร็จสมบูรณ ดังน้ันเขาก็จงเพิ่มละหมาดร็อกอัตท่ีสี่ทันที 27
แลวก็ใหสลาม หลังจากนั้นใหเขากมลงสุูดจํานวนสองสุูด แลวให สลาม(ออกจากละหมาด)อีกครั้ง(สุูดหลังใหสลาม) แตถาหากวาเขานึก ขึ้นไดหลังจากท่ีไดออกจากละหมาดเปนเวลานานพอควรแลว เขาตอง เริม่ ตนละหมาดใหมท ัง้ หมด สาม : ลมื การกระทําในละหมาด เม่ือมีการลืมนั่งและอานตะชะฮฺฮุดแรกหรืออื่นๆท่ีเปนส่ิงวาญิบ (หรือสิ่งท่ีเปนสุนัตมุอั๊กกะดะฮฺตามทัศนะของมัซฮับชาฟอีย) ก็ใหเขากม ลงสุูดจํานวนสองสุูดกอนใหสลาม และไมจําเปนตองกระทําใดๆ อีก (หมายถึง ไมตองยอนกลับไปทําสิ่งที่ลืม) และหากเขานึกไดกอนที่จะลุก ขึน้ ยืนตรงเพอื่ ละหมาดรอ็ กอตั ทีส่ าม ก็ใหน่ังลงกับที่และกลาวตะชะฮฺฮุด แรกและไมจําเปนตองกระทําการใดๆ อีก(คือไมตองสุูดสะฮฺวีย) และ หากนึกข้ึนไดในขณะท่ีกําลังลุกขึ้นยืนเพื่อเขาละหมาดในร็อกอัตถัดไป และยังไมไดยืนตรงก็ใหกลับลงนั่งและกลาวตะชะฮฺฮุดเหมือนเดิม(โดย ไมจําเปนตอ งสุูดสะฮฺวีย) ตัวอยางเชน เมื่อเกิดลืมน่ังตะชะฮฺฮุดแรกและไดลุกขึ้นยืนตรง เพื่อเขาละหมาดในร็อกอัตที่สาม ก็จงอยาหวนกลับไปน่ังอานตะชะฮฺฮุด อีก (แตจงดําเนินละหมาดตอไปจนเสร็จสมบูรณ และหลังจากท่ีไดอาน ตะชะฮฺฮุดสุดทายแลว)ก็ใหกมลงสุูดจํานวนสองสุูด แลวใหสลาม ออกจากละหมาด (สุูดกอนใหสลาม) และถาหากวาเขาไดนั่งเพื่อกลาว ตะชะฮฺฮุดแตเ ขากลับลมื กลาวตะชะฮฺฮุดแลวนึกข้ึนไดกอนที่จะลุกขึ้นยืน 28
ดังนั้นใหเขานัง่ อยูกบั ทแี่ ละกลาวตะชะฮฮฺ ุด เชน เดียกันนี้ถาหากเขาไดลุก แลว แตนึกขึ้นไดกอนท่ีจะยืนตรง ก็ใหเขาลงนั่งและกลาวตะชะฮฺฮุด แลว ดํารงละหมาดตอไปจนเสร็จสมบูรณ โดยไมตองสุูดสะฮฺวีย แต อุละมาอฺบางทานระบุวาเขาตองสุูดสะฮฺวียจํานวนสองสุูด เพราะการ ลุกขน้ึ ทไ่ี ดเพิ่มอิรยิ าบถในการละหมาดของเขา ส่ี : กรณีไมแนใ จในจํานวนรอ็ กอตั และไมสามารถตัดสินได เมื่อเกิดไมแนใจในจํานวนร็อกอัตละหมาด วาไดละหมาดไป แลวจํานวนสองหรือสามร็อกอัตกันแน และไมสามารถจะตัดสินไดวา สองหรือสาม ดังนั้นใหเขายึดในส่ิงท่ีแนนอนไวกอน น่ันคือจํานวน ร็อกอัตท่ีนอยกวา (แลวใหละหมาดเพ่ือตอร็อกอัตที่ไมแนใจใหครบ) เสร็จแลวใหเขากมลงสุูดจํานวนสองสุูดกอนใหสลามออกจาก ละหมาด ตัวอยางเชน เม่ือเขากําลังละหมาดซุฮฺริอยู พอถึงร็อกอัตท่ีสอง เขาเกิดไมแนใจในจํานวนร็อกอัตละหมาดวาเขากําลังละหมาดในร็อกอัต ท่ีสองหรือรอ็ กอัตทสี่ ามกันแน และเขาไมสามารถตัดสินไดวาจํานวนไหน มีนาํ้ หนักมากกวา กนั ดังนัน้ ใหเขายดึ จํานวนรอ็ กอตั ท่ีนอ ยกวา น่ันคือสอง ร็อกอัตไวเปนหลัก แลวละหมาดตอไปจนเสร็จสมบูรณ แลวก็กมลง สุูดกอนใหสลามสองสุูด แลวใหสลามออกจากละหมาด (สุูดกอน ใหส ลาม) 29
หา : กรณีไมแนใจในจาํ นวนรอ็ กอัตแตส ามารถตัดสนิ ไดในทสี่ ุด เม่ือเกิดไมแนใจในจํานวนร็อกอัตละหมาด วาไดละหมาดไป แลว จาํ นวนสองหรอื สามรอ็ กอตั กันแน แตแลวเขาสามารถจะตัดสินไดวา ระหวา งทั้งสองอันไหนที่ตนแนใจมากกวากัน ดังน้ันก็ใหเขายึดในจํานวน ร็อกอัตท่ีตัวเองมีความมั่นใจเปนหลัก ไมวาจะนอยกวาหรือมากกวาก็ ตาม เสร็จแลวใหเขากมลงสุูดจํานวนสองสุูดหลังใหสลาม แลวให สลามออกจากละหมาดอกี คร้งั (สุ ดู หลงั ใหส ลาม) ตัวอยางเชน เม่ือเขากําลังละหมาดซุฮฺริอยู พอถึงร็อกอัตท่ีสอง เขาเกิดไมแนใจในจํานวนร็อกอัตละหมาดวาเขากําลังละหมาดในร็อกอัต ที่สองหรือร็อกอัตที่สามกันแน แตแลวเขาเกิดนึกไดวาเขากําลังละหมาด ในร็อกอัตท่ีสามอยู ดังนั้นใหเขายึดจํานวนร็อกอัตตามที่เขานึกไดเปน หลัก น่ันคือสาม และดํารงละหมาดตอไปจนเสร็จสมบูรณ และใหสลาม เสร็จแลวใหเขากมลงสุูดจํานวนสองสุูด แลวใหสลามอีกคร้ัง (สุูด หลังใหส ลาม) หก : กรณไี มแนใจหลังละหมาดเสร็จแลว เม่ือมีความรูสึกไมแนใจเกิดขึ้นหลังจากเสร็จละหมาดแลว ก็จง อยาไปสนใจกับมัน เวนแตเม่ือแนใจเทาน้ัน ถาหากเกิดความคลางแคลง ใจอยางมากก็จงอยาไปสนใจกับมัน เพราะเปนสวนหนึ่งของพฤติกรรม กระซบิ กระซาบทรี่ วนเร(วัสฺวาสฺ) วลั ลอฮุอะอฺลัม ﻭﺻﻠﻰ ﺍﷲ ﻋﻠﻰ ﻧﺒﻴﻨﺎ ﳏﻤﺪ ﻭﻋﻠﻰ ﺁﻟﻪ ﻭﺻﺒﺤﻪ 30
Search
Read the Text Version
- 1 - 30
Pages: