Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พรหมวิหาร 4 : หนังสือสอนพระพุทธศาสนาแก่เด็ก

พรหมวิหาร 4 : หนังสือสอนพระพุทธศาสนาแก่เด็ก

Description: พรหมวิหาร 4 หรือ พรหมวิหารธรรม เป็นหลักธรรมประจำใจเพื่อให้ตนดำรงชีวิตได้อย่างประเสริฐและบริสุทธิ์เฉกเช่นพรหม เป็นแนวธรรมปฏิบัติของผู้ที่ปกครอง และการอยู่ร่วมกับผู้อื่น ประกอบด้วยหลักปฏิบัติ 4 ประการ.

Search

Read the Text Version

โธเ่ อ้ย...! เจา้ คงจะเคยไดส้ งั เกต นกึ ว่าตวั เอง เดก็ รุ่นพี่บางคน เก่งนักเหรอ เมื่อเห็นน้องไดด้ ี เชน่ สอบได้หรือได้รับ ความชอบอยา่ งอื่น แทนทจ่ี ะพลอยยินดกี ับเขา กลบั เกดิ ความรษิ ยา เจ้าคงจะรู้จักรษิ ยาแล้ว ความริษยาคือเม่ือเห็นคนอื่นได้ดีทนอยู่ไม่ได้ ครั้งแรกเขา คดิ รษิ ยาอยแู่ ตใ่ นใจกอ่ น เมอ่ื ทนอยไู่ มไ่ ด้ กแ็ สดงออกมาภายนอก เช่นพอรู้ว่าพวกน้องสอบได้ดี ก็แสดงสีหน้าไม่พอใจ บางทีก็พูด กระทบ เจ้าจงคิดดูเถิดว่า เมื่อพวกพี่แสดงความริษยาอย่างน้ี พวกน้องจะรู้สึกอย่างไร แน่นอนทีเดียว พวกน้องก็จะไม่พอใจ และไมร่ ักนบั ถือวา่ เราเปน็ พี่ น่เี องคอื โทษแหง่ ความริษยา เพราะฉะนั้นพ่อจึงขอตักเตือนเจ้าในฐานะท่ีเจ้าเป็นพ่ีเขา อย่าได้เอาความริษยาออกมาใช้กับพวกน้อง ๆ เลย จริงอยู่ ความริษยานี้มีประจ�ำตัวของคนทุกคน พ่อเองก็มี แต่พ่อไม่น�ำ ออกมาใช้กับลูกเลย เม่ือลูกได้ดี พ่อก็พลอยดีใจด้วย ในตัวของ คนเรามีท้ังความดีและความไม่ดี ส่ิงท่ีไม่ดี เช่นความโกรธ และความรษิ ยา เราควรเกบ็ มนั ไวข้ า้ งใน อย่าไดน้ �ำมันออกมาใช้ เพราะจะท�ำให้เราเดือดร้อน 47

เหมือนสมดุ ถกู น้�ำหมึก หกรดเปรอะเปอื้ น เจา้ จงเก็บมนั ไว้เสีย อยา่ น�ำออกใช้ มนั จะท�ำให้เจ้า ตอ้ งถกู ครทู �ำโทษ หรอื ท�ำให้เจา้ เดือดร้อน สว่ นความดซี งึ่ มอี ยใู่ นตัวเรา เชน่ ความรักเขา ความสงสารเขา และความยินดตี อ่ ผู้อน่ื ซึง่ พอ่ ก�ำลังพดู อย่นู ี้ ย่งิ เจ้าน�ำออกมาใช้มากยิ่งดี เหมอื นเจ้ามีสมุดสะอาด เม่อื ใชเ้ ขยี นหนงั สือหรอื ท�ำเลข จะไม่ท�ำให้เจา้ เดือดรอ้ นเลย เพื่อเจ้าจะได้รู้หน้าท่ีข้อท่ี ๓ นี้พ่อจะได้แนะน�ำวิธีแสดง ความยินดีต่อผู้นอ้ ยแก่เจ้าสกั ๓ วิธี คอื ๑. ยินดที างใจ ๒. แสดงความยนิ ดที างกาย ๓. แสดงความยินดีทางวาจา 48

วิธีที่ ๑ ให้แสดงความยนิ ดีทางใจ หมายความว่า เม่อื เรา ได้ทราบว่าพวกน้องได้ดี เช่นสอบได้ ครูรักหรือได้ดีอย่างอ่ืน จงพยายามฝึกใจให้ดีใจกับเขาเหมือนเราดีใจเมื่อเราได้ดี เพราะ คนเรา เมื่อตนเองได้ดีเช่นสอบได้ ก็ดีใจ ครูรักก็ดีใจ ได้รางวัล ก็ดีใจ เม่ือเราได้เห็นหรือได้ยินพวกน้องได้ดี ก็จงพยายามท�ำใจ ใหย้ นิ ดีเชน่ นน้ั บ้าง แตก่ ารท�ำใจใหย้ นิ ดตี อ่ คนอ่ืนเช่นน้ัน เจา้ อย่า คิดว่าท�ำได้ง่ายนะ ท�ำได้ยากมาก เพราะปรกติคนเรามักจะมี ความริษยาประจ�ำใจ กลัวคนอื่นจะได้ดีเกินหน้าตน จึงทนรับ ความดีของผู้อื่นไม่ได้ แต่ถ้าเราหมั่นฝึกบ่อยคร้ัง เราก็จะมีใจ ยินดีต่อผู้อ่ืนได้ เราไม่ริษยาเขา ยินดีต่อเขาเมื่อเห็นเขาได้ดี เราก็สบายใจไม่ใชห่ รือ เชน่ เจา้ เหน็ นอ้ งได้ดี เม่ือไม่คิดรษิ ยานอ้ ง เจา้ กส็ บายใจ ไมต่ อ้ งรอ้ นใจ แตถ่ า้ เราเหน็ เขาไดด้ แี ลว้ คดิ รษิ ยาเขา เราก็เดือดร้อนไม่สบายใจ เช่นถ้าเจ้าคิดริษยาน้อง ตัวเจ้าเองก็ เดอื ดรอ้ น บางคนรษิ ยาเขามาก จนถงึ กบั กนิ ไมไ่ ดน้ อนไมห่ ลบั กม็ ี เกง่ มากเลย นา่ รำ� คาญ ดใี จดว้ ยนะ ไม่เห็นจะน่า ดีใจเลย 49

วิธที ่ี ๒ ยนิ ดีทางกาย หมายความว่า เม่อื เหน็ ผู้น้อยไดด้ ี ก็แสดงความยินดีออกมาด้วยการกระท�ำ เพ่ือให้เขารู้ว่าเรายินดี กับเขา เช่นพ่อแม่ เมื่อเห็นลูกได้ดี ก็เข้าไปกอดรัดแสดงความ ยินดี หรือบางครั้งก็ให้รางวัลเม่ือเวลาลูกสอบได้ดี ดังที่พ่อให้ รางวลั แก่เจา้ เพยี รเมอื่ สกั คร่นู ี้ นีก่ แ็ สดงใหเ้ หน็ ความยนิ ดีของพอ่ ทแ่ี สดงออกมาดว้ ยการกระท�ำเหมอื นกนั ส�ำหรบั เจา้ ยงั เปน็ เดก็ อยู่ เมื่อเห็นพวกน้อง ๆ ได้ดี ไม่จ�ำเป็นต้องให้รางวัลเขา เพราะเรา ก็ไม่ม่ังมีมากนัก แต่ควรให้รางวัลอันเป็นการแสดงความยินดีที่ ไม่ใช่เงินทอง เช่นปรบมือให้เกียรติแก่เขา หรือจับมือเพ่ือแสดง ความยนิ ดี การปรบมอื ใหเ้ กยี รตแิ กพ่ วกนอ้ ง ๆ เราจะท�ำไดใ้ นเวลา ท่ีทางโรงเรียนจัดการมอบรางวัลแก่นักเรียน ท่ีสอบได้คะแนนดี และขยนั เรียน ดีใจด้วยนะ ยินดีดว้ ยนะ เธอเหมาะสมกบั ต�ำแหนง่ มาก 50

ซ่ึงเวลาน้ันนักเรียนท้ังหมดจะต้องมาประชุมพร้อมกันครู ใหญ่หรือท่านผู้ใหญ่ท่ีมีเกียรติจะเป็นคนมอบรางวัล ขณะที่เขา ก�ำลังรับรางวัลน่ีแหละ ทุกคนจะต้องปรบมือเพ่ือให้เกียรติ เจ้า ในฐานะที่เป็นพีข่ องเขา จะน่งั เฉยเป็นตกุ๊ ตาอยู่ได้หรือ ต้องปรบ มอื ใหเ้ กียรติแก่น้องดว้ ยความดใี จ ส�ำหรับการจับมือเพื่อแสดงความยินดีนั้น เป็นธรรมเนียม ของฝรัง่ เขา ในเวลานเี้ มอื งไทยเรานิยมกนั มาก เช่นทา่ นนายกรฐั มนตรีของเรา เวลาทา่ นไปใหร้ างวลั ดีใจด้วยนะ แก่พวกนกั เรยี น พอทา่ นใหร้ างวลั เสร็จ ก็จับมอื เขา พรอ้ มทั้ง แสดงความยนิ ดี ท�ำให้นักเรียนผู้นั้น ดีใจไปจนตายทเี ดียว ส�ำหรับเจ้าจะน�ำวิธีนี้มาใชบ้ า้ งก็ได้ เชน่ เมอ่ื เห็นพวกน้อง ๆ สอบได้คะแนนดี หรอื มโี ชคทางอืน่ กค็ วรไปขอจับมอื แสดงความ ยนิ ดตี อ่ เขา จะท�ำใหพ้ วกนอ้ งรกั และนบั ถอื เจา้ ขน้ึ อกี มาก เหมอื น ตวั เจา้ เมอ่ื ไดด้ ี มผี ใู้ หญม่ าแสดงความยนิ ดตี อ่ เจา้ เจา้ กจ็ ะรกั และ นบั ถอื ท่านขึน้ อีกมากทีเดยี ว 51

วธิ ที ี่ ๓ แสดงความยนิ ดที างวาจา หมายความวา่ เมอ่ื เหน็ หรอื ไดย้ นิ ผนู้ อ้ ยไดด้ ี แสดงความยนิ ดอี อกมาทางค�ำพดู เชน่ พอ่ แม่ เห็นลูกได้ดี ก็มีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส กล่าวค�ำแสดงความยินดี ตอ่ ลกู เชน่ พดู วา่ “พอ่ ดใี จมาก ทเ่ี จา้ สอบไดค้ ราวน”้ี เจา้ เปน็ พเ่ี ขา เมื่อเห็นพวกน้อง ๆ ได้ดี ก็ต้องพูดแสดงความยินดีต่อเขา เช่น เขาสอบได้ กพ็ ดู วา่ “ผมดใี จมากทคี่ ณุ สอบไดค้ รงั้ น”้ี หรอื เหน็ เขา มโี ชคดอี ยา่ งอน่ื เชน่ ไดร้ บั รางวลั จากผใู้ หญก่ พ็ ดู แสดงความยนิ ดวี า่ “ผมดีใจมากที่คุณได้รบั รางวัลครัง้ น้ี” นีแ่ หละคอื การแสดงความ ยนิ ดตี อ่ ผนู้ อ้ ยด้วยปาก การแสดงความยินดีทั้ง ๓ วิธีนี้ พ่อคิดว่ามีความจ�ำเป็น แก่เด็ก ๆ ซ่ึงอยู่ในฐานะเป็นพี่เขา เพราะจะแสดงให้เห็นว่าเรา ไม่เปน็ คนใจแคบ คนทเ่ี ห็นเขาได้ดี นายคนน้ี แลว้ ทนอยู่ไม่ได้ ไม่นา่ คบหรอก แสดงอาการ เหน็ ใครได้ดไี ม่ได้ อจิ ฉาริษยาเขา ถกู ลงโทษวา่ เปน็ คนใจแคบ ท�ำไมจงึ เรียกวา่ เปน็ คนใจแคบ ? เพราะเขาเหน็ แก่ตวั ไม่อยากให้คนอ่นื ดีกว่า 52

ตัวอย่างนี้จะไม่เรียกว่าใจแคบหรือ ? เม่ือเป็นคนใจแคบ ใครจะรักนับถือ ใครจะอยากคบ เช่นตัวเจ้า ถ้าเห็นน้องได้ดี เจ้าอิจฉาริษยาน้อง กลัวน้องได้ดีกว่า น้องจะรักนับถือเจ้าหรือ แน่นอนทีเดียว น้องจะต้องเกลียดเจ้า เพราะเจ้าท�ำตัวไม่สมกับ เป็นพ่ีเขา แม้ถึงเด็กนักเรียนรุ่นน้องของเจ้าก็เหมือนกัน ถ้าเจ้า อจิ ฉาริษยาเขา เขากจ็ ะชงั เจา้ ไม่อยากคบค้าสมาคมกับเจา้ ย่ิงเม่ือเจา้ เตบิ โตไปภายหนา้ หากเปน็ นายเขา จะต้องไม่มี ความริษยาผู้น้อย ใครได้ดีก็ยกย่องแสดงความยินดีด้วยความ จริงใจ ผู้น้อยจึงจะภักดีต่อเจ้าตลอดไป จงดูตัวอย่างลุงสีเป็นไร เพราะผลที่แกท�ำหน้าที่ข้อนี้ เช่นเห็นเด็กคนไหนสอบได้ดีแกก็ เชิญมาท่ีบ้านหารางวัลให้ หรือเลี้ยงฉลองเพื่อแสดงความยินดี เพื่อนบ้านคนไหนได้ดี เช่นได้เลื่อนยศหรือได้ดีอย่างอ่ืน แกก็ไป แสดงความยินดีต่อเขา เพราะความใจกว้างของลุงสนี ี้เอง จงึ ท�ำ ให้คนรักและนับถือแก มีเด็กมาหาเสมอ เจ้าจงจ�ำค�ำสอน เร่ืองมุทิตาความยินดีต่อเขา ไม่ริษยาเขาเม่ือเห็นเขาได้ดีไว้ ให้ดีเถิด จะเป็นประโยชน์แก่ตัวเจ้ามากทีเดียว วันน้ี พ่อขอจบ เพียงเทา่ น”้ี แล้วเด็กชายทัง้ สองคนก็ลาบดิ าไป. 53

คำ�ถามประจ�ำ บท ๑. ความรษิ ยาคืออะไร มโี ทษอย่างไร ? ๒. ๓. เราจะแสดงความยนิ ดี จะแสดงความยินดี ตอ่ ผู้น้อยทางวาจา ต่อผนู้ ้อยได้ โดยวิธีใดบา้ ง ? ได้อย่างไร ? ๔. ๕. จะแสดงความยนิ ดี การแสดงความยินดี ตอ่ ผนู้ อ้ ยทางกาย ตอ่ ผ้นู อ้ ย มีประโยชน์ แกต่ วั เราอยา่ งไรบา้ ง ? ได้อยา่ งไร ? 54

บทที่ ๔ อเุ บกขา การวางตัวเปน็ กลาง พ่ฟี ังดแู ล้ว อะไรนะ น้องเพยี รเขา้ ใจ พีพ่ รหม ! ถูกตอ้ งนะ เยน็ วนั อาทติ ยต์ อ่ มา นายพรนงั่ เลน่ อยทู่ สี่ นามหญา้ หนา้ บา้ น เด็กชายพรหมกับเด็กชายเพียรได้เข้าไปหาบิดา เด็กชายพรหม พูดกบั บดิ าวา่ “คณุ พอ่ ครับ วันน้ีผมดใี จมาก” “เจา้ ดใี จเรอ่ื งอะไรลูกรกั บอกพอ่ ซ”ิ “เมื่อเช้าน้ี เพียรกับเด็กชายแดงเถียงกันเร่ืองการอ่าน หนังสือ สองคนเถียงกันไม่ตกลง จึงมาให้ผมตัดสิน ผมฟังแล้ว เหน็ วา่ เดก็ ชายแดงเขา้ ใจถกู แตจ่ ะตดั สนิ วา่ เดก็ ชายแดงถกู กส็ งสาร เพียรซ่ึงเป็นน้องเห็นนัง่ หน้าซีดอยู่ เพราะกลัวจะแพ้เขา ผมเลย ตัดสินให้นอ้ งเป็นฝา่ ยถกู เดก็ ชายแดงจึงเป็นฝ่ายแพ้ไป นี่แหละ ครบั คุณพ่อ ผมจึงดใี จทไี่ ดช้ ว่ ยเหลอื นอ้ งใหช้ นะเขา” 55

“ลูกเอย๋ เจา้ ไมค่ วรจะดีใจในการกระท�ำของเจ้าเลย พอ่ วา่ เจา้ ควรจะเสยี ใจมากกวา่ ” “ท�ำไมอย่างนั้นล่ะครับ คุณพ่อ” เด็กชายพรหมถามด้วย ความสงสัย “เจา้ ท้ังสองจงต้ังใจฟงั ใหด้ ี ตามที่เจา้ ใหญ่ตัดสนิ ให้นอ้ งถูก ทั้ง ๆ ทีเ่ ด็กชายแดงควรเปน็ ฝ่ายถูก เจ้าใหญเ่ สยี ความเปน็ ผ้ใู หญ่ คอื ขาดหนา้ ทข่ี องผใู้ หญข่ อ้ ท่ี ๔ เจา้ เลก็ จ�ำไดไ้ หม หนา้ ทขี่ องผใู้ หญ่ ขอ้ ท่ี ๔ ที่พอ่ เคยพดู ให้ฟงั วันก่อน ไดแ้ กอ่ ะไร” “คืออุเบกขา ความวางตวั เป็นกลางครบั ” “ถกู แลว้ หนา้ ทข่ี องผใู้ หญข่ อ้ ท่ี ๔ คอื อเุ บกขา ความวางตวั เป็นกลาง วันน้ี พ่อขอถือโอกาสอธิบายหน้าที่ของผู้ใหญ่ข้อนี้ ให้เจา้ ฟังเสยี เลยทีเดียว เราเป็นผู้ใหญ่อยใู่ นฐานะเป็นพเ่ี ขา จ�ำเป็นยิง่ ท่จี ะต้อง วางตัวเป็นกลาง ความจรงิ แล้ว ในเมือ่ จะตดั สิน น้องแดง เป็นฝ่ายถูก พวกนอ้ งว่าคนไหนถูก คนไหนผิด หากเรารแู้ น่ว่าคนไหนถกู ก็ตอ้ งยกใหเ้ ขาเป็นฝ่ายถกู คนไหนผดิ ก็ยกให้ เขาเปน็ ฝ่ายผิด อยา่ ไดเ้ หน็ แกฝ่ า่ ยโน้นฝา่ ยน้ี 56

ถา้ ท�ำไดอ้ ยา่ งนี้ จงึ จะรกั ษาความเปน็ กลางไวไ้ ด้ พวกนอ้ ง ๆ จึงจะพากันรักใคร่นับถือ แต่คนที่เป็นผู้ใหญ่โดยมากมักจะมี ความล�ำเอียง เจ้าคงจะสงสัยค�ำวา่ พ่อไม่เคยพาผม “ความล�ำเอียง” ไปดหู นงั เลย ค�ำนเี้ ขาใชพ้ ูดกันเสมอ เชน่ ลกู พูดว่า “คุณพอ่ ใจล�ำเอียง รกั ลกู ไม่เทา่ กนั คณุ พ่อพานอ้ ง ไปดหู นังเสมอ แตไ่ มค่ อ่ ยพาผมไป” อยา่ งนี้เป็นตน้ ค�ำว่า “ล�ำเอียงก็คือเอียงน่ันเอง ของอะไรที่ต้ังไม่ตรง เขาเรียกว่าเอียง เช่นเจ้าน่ังไม่ตรง เขาเรียกว่านั่งคอเอียง เรือที่ หนักไปในทางใดทางหนึ่ง เขาเรียกว่าเรือเอียง เหตุท่ีจะท�ำให้ ผู้ใหญ่เอียงจนเสียความเป็นกลางเป็นท่ีเกลียดชังของผู้น้อยมีอยู่ ๔ อยา่ ง คือ ๑. ความรกั ๒. ความโกรธ ๓. ความหลง ๔. ความกลัว 57

ท�ำไมความรักจึงท�ำใหผ้ ใู้ หญ่ล�ำเอยี ง ? เจ้าคงจะเคยสังเกต ตัวเจ้าเอง เวลาเจ้ารักใครมาก เจ้ามักจะเอนเอียงไปทางคนน้ัน โดยมิได้ค�ำนึงถึงความผิดถูก เช่นเมื่อเช้าน้ี เจ้าเสียความเป็น พี่เขา โดยได้ตัดสินให้น้องชนะเด็กชายแดง ซึ่งความจริง เจ้าแดงควรจะชนะน้อง การที่เจ้าต้องล�ำเอียงเช่นน้ี ก็เพราะ ความรักน่ันเองท�ำให้เจ้าตาบอด ผู้ใหญ่ทั่ว ๆ ไปก็เช่นเดียวกัน เพราะความรักคนโน้นบ้างคนนี้บ้าง เลยท�ำให้เกิดความล�ำเอียง เสียความเป็นผใู้ หญ่ ท�ำไมแม่ เชน่ พ่อแม่บางคน ไม่รักเราเลย รกั ลูกคนไหนมาก กม็ กั จะเอนเอียง ไปหาคนนั้น ซอื้ ของก็ซื้อให้ แต่คนท่ตี นรักมาก มิได้สนใจกับลูก อกี คนหน่ึง ถ้าเป็นอย่างนี้ก็จะท�ำให้ลูกอีกคนหน่ึงน้อยใจ คนท่ีเป็น นายเขาบางคน เพราะความรักบังตา ผู้น้อยคนไหนที่ตน รักมาก แม้จะท�ำผิดก็ยกโทษให้ ส่วนคนอ่ืนมิได้เหลียวแลเอาใจ ใส่เลย เพราะฉะน้ัน ความรักจึงท�ำให้คนเสียความเป็นผู้ใหญ่ เป็น ขอ้ ที่ ๑ 58

ขอ้ ที่ ๒ ความโกรธท�ำให้ผู้ใหญ่ล�ำเอียง หมายความว่า คนเราถ้าโกรธใครมักจะล�ำเอียงเสียความเป็นผู้ใหญ่ได้ เช่นเรา เกลียดคนไหนก็มักจะคอยหาเร่ืองใส่เขา แม้เขาจะเป็นคนถูก กใ็ สร่ า้ ยวา่ เขาเป็นคนผดิ อยา่ งนจ้ี ึงเรียกวา่ เสยี ความเปน็ ผู้ใหญ่ ไปใหพ้ ้นนะ..! อย่ามาย่งุ กบั ลูกสาวขา้ อกี 59

ขอ้ ที่ ๓ ความหลงท�ำให้ผู้ใหญ่ล�ำเอียง หมายความว่า ผู้ใหญ่ท่ีหลงงมงายไม่พิจารณาเหตุผลว่าฝ่ายไหนผิดถูกอย่างไร ท�ำอะไรตามใจของตนเอง มักจะเสียความเป็นผู้ใหญ่ เม่ือคราว ตดั สนิ เร่อื งราวระหวา่ งผู้นอ้ ย น่ีแน่ะ..! เถียงเขาไดย้ งั ไง เขาเป็นแมเ่ ลย้ี ง แกนะ ฮือ..ๆ คณุ พอ่ ไม่ฟัง เราเลย 60

ข้อท่ี ๔ ความกลัวท�ำให้ผู้ใหญ่ล�ำเอียง หมายความว่า ผู้ใหญ่บางคน ล�ำเอยี งเพราะความกลวั อ�ำนาจของคนอ่นื เช่นจะ ไมต่ ดั สนิ ใหช้ นะ กก็ ลวั เขาจะนนิ ทาดา่ วา่ หรอื กลวั อ�ำนาจของเขา อย่างอน่ื จงึ ตดั สนิ ให้เขาเป็นฝ่ายชนะ เพราะความกลวั น่ีลกู ของ ทา่ นประธานนะ ต้องให้เขา เปน็ ฝา่ ยชนะสิ 61

เจ้าจะเหน็ ไดว้ า่ เหตุ ๔ อยา่ งน้แี หละทท่ี �ำให้คนเสียความ เป็นผ้ใู หญ่ ขาดความเทย่ี งธรรม เมอ่ื ได้รจู้ ักเหตุท่ีท�ำใหเ้ สยี ความ เป็นผูใ้ หญเ่ ชน่ นี้ เจ้าต้องคอยระวงั ตวั อย่าให้ความรกั ความโกรธ ความหลง และความกลวั มาเปน็ นายเหนอื เจา้ จงพยายามวางตวั เปน็ กลางไว้เสมอเหมอื นตาชัง่ ฉะนน้ั เจ้าเคยเหน็ ตาชงั่ แล้วไมใ่ ชห่ รือ เวลาเขาขายของ จะต้องใส่ของ ใหพ้ อดีกับตาชง่ั ตาชัง่ จงึ จะตรง ถ้าใส่ของมากไป หรอื นอ้ ยไป ตาชงั่ จะเอียงใช้ไม่ได้ เพราะฉะนนั้ เขาจงึ สอนผใู้ หญใ่ หท้ �ำตวั เหมอื นตาชงั่ วางตวั ให้เท่ียงธรรม อย่าเลือกที่รักมักที่ชัง การวางตัวเป็นกลางนั้น เราควรจะท�ำให้ได้ ๓ อย่าง คือ ๑. วางตัวเปน็ กลางทางความคิด ๒. วางตวั เป็นกลางด้วยการกระท�ำ ๓. วางตวั เปน็ กลางด้วยการพดู 62

ขอ้ ท่ี ๑ ทีว่ ่าให้วางตัวเปน็ กลางทางความคดิ หมายความ ว่า เม่ือเห็นพวกน้องทะเลาะกันจงต้ังจิตเป็นกลาง อย่าได้คิด เข้าฝ่ายโน้นฝ่ายน้ี ถ้าเราคิดเข้าฝ่ายโน้นฝ่ายนี้ เขาเรียกว่า มีใจล�ำเอียง รักน้องไม่เท่ากัน จงดูอย่างพระพรหมเถิด เขา เล่าว่าพระพรหมบนสวรรค์น้ัน เวลามนุษย์รบกัน ท่านวางตัว เป็นกลางไมค่ ิดเข้าฝ่ายโน้นฝา่ ยนี้ คนจึงนับถอื พระพรหมว่าเป็น ผใู้ หญ่ทเี่ ทีย่ งธรรม 63

ข้อท่ี ๒ ใหว้ างตวั เปน็ กลางดว้ ยการกระท�ำ หมายความวา่ การแสดงอาการตอ่ ผนู้ อ้ ย เราจะตอ้ งคอยระวงั เหมอื นกนั ระหวา่ ง นอ้ งสองคน ถา้ เราแสดงกริ ยิ าอาการวา่ รกั คนหนงึ่ มาก อกี คนหนง่ึ ก็คงไม่พอใจ เช่นพ่อแม่กอดจูบแต่ลูกท่ีตนรัก ส่วนอีกคนหนึ่ง ไม่แสดงกริ ิยาว่ารัก ลองคิดดูเถดิ วา่ ลูกอกี คนหน่ึงจะรู้สกึ อย่างไร เขาจะต้องรู้สึกน้อยใจและเสียใจว่าพ่อแม่ไม่รักเขา พวกเด็ก ๆ ก็เช่นเดียวกัน ในฐานะท่ีเราเป็นพ่ีเขา ถ้าต้องการให้พวกน้อง ๆ หลายคนรักและนับถือ จงระวังอย่าได้แสดงอาการว่ารักคนไหน มาก จะท�ำใหอ้ ีกคนหนง่ึ เสียใจ ท�ำไมโลกนี้ไมม่ ี ความยตุ ธิ รรมเลย 64

ข้อท่ี ๓ ให้วางตัวเป็นกลางด้วยค�ำพูด หมายความว่า เราเป็นผู้ใหญ่ จะพูดตัดสินระหว่างผู้น้อย ก็พูดอย่างตรงไป ตรงมา ถกู กว็ ่าถกู ผดิ กว็ ่าผดิ อยา่ งนีจ้ ึงจะเรยี กว่าพดู เป็นกลาง จงดูตัวอย่างท้าวมาลีวราช ในเรื่องโขนตอนท่ีได้รับเชิญให้ มาตัดสินระหว่างพระรามกับทศกัณฐ์ ในฐานะท่ีท่านเป็นผู้ใหญ่ ท่านได้ไต่ถามความจริงทั้งสองฝ่าย แม้ทศกัณฐ์จะเป็นหลาน ก็ มิได้เห็นแก่หน้าทศกัณฐ์ เห็นว่าทศกัณฐ์เป็นฝ่ายผิดเพราะไป แยง่ นางสดี าชายาของพระราม จงึ ตดั สนิ ใหพ้ ระรามเปน็ ฝา่ ยชนะ และใหท้ ศกณั ฐค์ นื นางสดี าแกพ่ ระราม ทปี่ ระชมุ จงึ พากนั ยกยอ่ ง ว่าทา้ วมาลวี ราชเปน็ ผู้ใหญ่ที่เทย่ี งธรรม ค�ำพูดของทา้ วมาลีวราช เป็นค�ำพูดกลาง ๆ ไม่ล�ำเอียงเข้าฝ่ายไหน เพราะฉะนั้น เราจึง ควรจ�ำไว้เป็นตัวอยา่ ง เมือ่ จะตัดสินระหว่างผู้น้อยว่าฝา่ ยไหนถูก ฝา่ ยไหนผิด ทศกัณฑ์ เจา้ เปน็ ฝา่ ยผดิ 65

การวางตวั เป็นกลาง ๓ อยา่ งน้ี พอ่ เห็นวา่ จ�ำเปน็ แก่ตัวเจา้ มากทีเดียว เจ้าจงวางตัวเป็นกลางต่อพวกน้อง ต่อไปเจ้าจะ ตัดสินเร่ืองอะไร อย่าได้ถือว่าคนน้ันเป็นน้อง คนน้ันไม่ใช่น้อง จงตัดสินเป็นกลางไม่เข้ากับฝ่ายไหน ยิ่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ในวนั หน้า เมื่อเจ้าเป็นนายเขา พีเ่ ปน็ คนทีม่ ี หรอื เปน็ พอ่ แมเ่ ขา ความยุติธรรม จงจ�ำความเป็นกลางนี้ ไปปฏิบัติต่อผนู้ อ้ ย ที่สดุ ประโยชนท์ ี่เจ้าจะได้รับ จากการวางตวั เปน็ กลาง ก็คอื ท�ำให้พวกนอ้ ง และผนู้ อ้ ยรกั ใคร่นบั ถือ มันไปเขา้ กบั ตรงกันขา้ ม ทมี นั้นแลว้ ไง ถ้าเจ้าไมม่ ีความยตุ ธิ รรม ไปเขา้ กบั ฝ่ายโนน้ ฝา่ ยนี้ ท่ีเรียกวา่ เปน็ คนล�ำเอยี ง ถึงเจ้าจะได้รบั ความรัก จากฝ่ายหนง่ึ แต่กไ็ ด้รบั ความเกลียดชงั จากอกี ฝ่ายหนงึ่ 66

พ่อได้อธิบายหน้าท่ีของผู้ใหญ่ให้เจ้าฟังมาหลายคร้ัง วันน้ี จบเร่ืองพอดี เม่ือเจ้าได้ฟังแล้ว จงน�ำไปใช้ ท�ำหน้าของเจ้า ใหม้ ี ๔ หนา้ คือ หน้าเมตตา หน้ากรุณา หน้ามุทิตา หนา้ อุเบกขา จึงจะเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพนับถือ มีคนรักและนับถือเจ้ามาก ทีเดียว. 67

คำ�ถามประจ�ำ บท ๑. อุเบกขา หมายความว่าอยา่ งไร ? ๒. ๓. เพราะเหตุไร ความรกั ท�ำ ให้ ผูใ้ หญ่จงึ ล�ำ เอยี ง ? เสียความเป็นผใู้ หญ่ อย่างไร ? ๔. ๕. จะวางตัวเป็นกลาง การวางตัวเปน็ กลาง ไดอ้ ยา่ งไรบา้ ง ? ทางความคิด หมายความว่าอย่างไร ? 68

บทสง่ ท้าย เรื่องพรหมวิหารหรือหน้าท่ีของผู้ใหญ่ ๔ ข้อท่ีนายพรน�ำ มาสอนบตุ รน้ี เดก็ ๆ หากไดต้ ง้ั ใจอา่ นกค็ งจะเขา้ ใจและจดจ�ำไวไ้ ด้ แต่ถ้าไม่ต้ังใจอ่าน ขณะที่ก�ำลังอ่าน มัวคิดแต่เร่ืองเล่นหรือ นั่งหาวนอน เมื่ออ่านจบแล้ว ก็เลยไม่รู้เรื่องและจ�ำอะไรไม่ได้ ความจริงเด็ก ๆ ทไ่ี ดอ้ า่ นเรื่องนี้ ควรจะเห็นใจนายพรบา้ ง เพราะ เขาพยายามคิดเรื่องและพูดของยากให้ง่าย เราฟังแต่ชื่อเร่ืองก็ เห็นแลว้ ว่าเร่ืองนเ้ี ป็นเรอ่ื งของผใู้ หญ่ แต่เขาก็สามารถน�ำมาสอน ให้เด็กรู้เร่ืองได้ เหมือนเส้ือกางเกงของผู้ใหญ่ ถ้าจะให้เด็ก สวมใส่ได้ ช่างตัดเส้ือผ้าจะต้องแก้ไขให้ตัวเล็กลงเพ่ือเหมาะ กับเด็ก การแก้ไขเสื้อผ้าเช่นนั้น ไม่ใช่ท�ำได้ง่าย ต้องอาศัย ความฉลาดสามารถของนายชา่ ง 69

แม้นายพรจะพยายาม น�ำเรอ่ื งพระพุทธศาสนา มาสอนเดก็ อยา่ งงา่ ย ๆ กย็ งั มีบางตอน ท่เี ดก็ บางคน อาจจะเหน็ ว่ายาก เช่นค�ำพระหรอื ท่ี เรียกว่าภาษาบาลี เดก็ ๆ ควรสนใจบา้ ง และพยายามอา่ นใหถ้ กู เชน่ ค�ำเหลา่ น้ี คอื พรหมวหิ าร (อา่ นวา่ พรมมะวหิ าร) กรณุ า (อ่านว่า กะรุณา) เรื่องท่ีนายพรน�ำมาสอนบุตรน้ี เขาตั้งใจจะ เขยี นเขา้ ประกวดในวนั วศิ าขบชู า เพราะเขาเคยเขยี นเขา้ ประกวด มาสองครั้งแลว้ แต่ไมเ่ คยได้รับรางวัล เพราะเรอ่ื งทีเ่ ขาเขียนเขา้ ประกวดนั้น ยากเกนิ ไปส�ำหรบั เดก็ อายุ ๑๐ ขวบ เด็กไดอ้ า่ นแล้ว ต่างพากนั งว่ งนอนเพราะไม่สนุกสนาน ส�ำหรับเรื่อง “พรหมวิหาร” นี้ นายพรได้พูดให้บุตรฟัง เห็นว่าบุตรสนใจฟัง เข้าใจว่าหากเขาเขียนเข้าประกวดคราวนี้ คงจะเปน็ ประโยชนแ์ ละเปน็ เรอ่ื งไมย่ ากเกนิ ไปส�ำหรบั เดก็ เดก็ ๆ ได้อ่านเร่ืองหน้าท่ีของผู้ใหญ่มาแล้ว ควรจะได้น�ำไปใช้ให้เป็น ประโยชน์แก่ตนบา้ ง 70

หากเราตั้งใจอ่านรู้เรื่องแล้ว ก็นับว่ามีความรู้ พอพูดคุย กับเขาได้ เพยี งแต่รู้เทา่ นี้ยงั ไม่เกดิ ประโยชน์ จะตอ้ งท�ำตามดว้ ย จึงจะได้ผลเต็มเมด็ เต็มหน่วย ทองหยิบ เหมือนเรารู้วา่ ขนมมีชอื่ หลายอย่าง ทองหยอด ฝอยทอง เชน่ ทองหยบิ ฝอยทอง เมด็ ขนุน วุ้นหวาน อยากรู้ เมด็ ขนุน วนุ้ หวาน วา่ อรอ่ ยไหม กต็ ้องลองกินเอง บางทีกร็ มู้ ากไปอีกว่า ใครเปน็ คนคิด ท�ำขนมเหล่าน้ี และขนมเหล่าน้ีท�ำดว้ ยอะไร เรารูเ้ รอ่ื งขนมละเอยี ดอย่างนี้ แตเ่ ราไม่ลงมือกนิ จะรรู้ สของมนั ไดอ้ ย่างไร ใครอยากจะรู้รส ต้องกินด้วยตนเอง จึงจะรู้ว่ามีรสหวาน มันอร่อยอย่างไร และเม่ือได้กินแล้ว จะบอกคนอื่นว่าอร่อย อย่างไรก็บอกไม่ถูก นอกจากผู้นั้นจะได้กินด้วยตนเอง เหมือน เร่ืองหน้าท่ีของผู้ใหญ่ท่ีนายพรน�ำมาเล่าให้บุตรฟังน้ี ถ้าเด็กได้ อ่านแล้วน�ำไปใช้จึงจะได้ประโยชน์แก่ตัวเอง แต่ก่อนที่จะน�ำไป ใช้ ควรจะรู้จกั หนา้ ทขี่ องความดเี หลา่ นีเ้ สยี กอ่ น จงึ จะน�ำไปใช้ได้ ถกู ต้อง 71

เหมือนเดก็ ๆ ดินสอเอาไว้ กอ่ นทีจ่ ะใชด้ นิ สอ เขียนหนงั สือ ตอ้ งรจู้ ักเสยี กอ่ นวา่ ไมบ้ รรทดั เอาไว้ ดินสอส�ำหรบั ใช้เขียน ขดี เสน้ ใหต้ รง จะเอาไปใช้เปน็ ไมบ้ รรทัดไม่ได้ ก่อนจะใชไ้ ม้บรรทดั กต็ อ้ งร้เู สียก่อนวา่ ไมบ้ รรทดั ส�ำหรับใชต้ ีเสน้ จะใช้เขยี นหนงั สือเหมือนดนิ สอไม่ได้ หนา้ ทข่ี องผใู้ หญแ่ ตล่ ะขอ้ ลว้ นมหี นา้ ทแ่ี ตล่ ะอยา่ ง จงจดจ�ำ ไวด้ ังน้ี คือ ๑. เมตตา ความรัก มหี น้าท่ีท�ำลายความโกรธ ๒. กรณุ า ความสงสาร มีหน้าทีท่ �ำลายความเบยี ดเบียน ๓. มทุ ิตา ความดีใจ มีหนา้ ทีท่ �ำลายความรษิ ยา ๔. อเุ บกขา ความเปน็ กลาง มหี น้าท่ที �ำลายความล�ำเอียง นคี่ อื หนา้ ทขี่ องพรหมวหิ ารแตล่ ะอยา่ ง ทวี่ า่ เมตตา มหี นา้ ท่ี ท�ำลายความโกรธนนั้ หมายความวา่ คนทเี่ ปน็ คนใจนอ้ ยโกรธงา่ ย ใครท�ำอะไรไม่ถูกใจก็โกรธ ใครไม่ตามใจตนก็โกรธ คนโกรธง่าย เชน่ น้ี เขาเรยี กวา่ เปน็ โรคภายใน จะตม้ ยากนิ สกั ๑๐ หมอ้ กไ็ มห่ าย จะฉีดยาสัก ๑๐๐ เข็มก็ไม่หาย มีวิธีรักษาให้หายได้อย่างเดียว 72

เท่าน้ัน คือ ต้องรักษาด้วยยาขนานวิเศษ เรียกว่า “ยาเมตตา” ยาขนานน้ีไม่ต้องเสียเงินทองไปหาซ้ือที่ไหน แต่อยู่ท่ีตัวของเรา เอง และยาขนานนี้เป็นยากายสทิ ธ์ิ แม้ยาขนานน้จี ะอยทู่ ต่ี วั ของ เราเอง ถ้าไม่มีปัญญาก็มองไม่เห็น น�ำออกมาใช้ไม่ได้ คนที่มี ปัญญาเท่านั้นจึงจะน�ำออกมาใช้ได้ เด็กคนไหนรู้ตัวว่าเป็นคน โกรธง่ายใจน้อย อย่าปล่อยท้ิงไว้เป็นโรคเรื้อรัง รีบรักษาเสีย หากขนื ปลอ่ ยทงิ้ ไวเ้ ปน็ โรคเรอ้ื รงั ไมร่ บี รกั ษา โรคจะก�ำเรบิ มากขน้ึ เหมือนเราเป็นไข้เล็กน้อย อย่าคิดว่าเป็นเล็กน้อย ต้องรีบรักษา รีบไปหาหมอกนิ ยาแก้ไข้เสยี วธิ ีรักษาโรคโกรธท�ำไดต้ ามวิธีตอ่ ไปนี้ คอื ก่อนนอน จงไปท่ี หนา้ พระพทุ ธรปู เมอ่ื สวดมนตไ์ หวพ้ ระเสรจ็ แลว้ จงหลบั ตาท�ำใจ ใหส้ งบ สอนตัวเองว่า (วา่ ในใจ) “เจ้าจะโกรธเขาท�ำไม ขอให้คน เจา้ โกรธเขาจะได้ ท่ีโกรธเรา ประโยชน์อะไร จงมีความสขุ เถิด มแี ตจ่ ะเดอื ดรอ้ นตวั เอง เราตอ้ งรกั เขา ใครจะด่าเรากช็ า่ งเขา ใครจะนนิ ทาเรากช็ า่ งเขา เราไม่ตอ้ งโกรธเขา เขาดา่ เราหนกั เขา้ เขากจ็ ะเหนด็ เหนอื่ ยแลว้ เลกิ ไปเอง ขอให้ คนทีเ่ ราเกลยี ดจงมีความสุขเถิด” 73

เม่ือคืนแรกทดลองท�ำแล้ว ความโกรธยังไม่หาย ก็จง พยายามท�ำทุกคืน เด็กคนไหนท�ำได้อย่างน้ีโรคโกรธง่ายใจน้อย จะหายได้ แล้วใจของเราจะเกิดเมตตา รักใคร่คนอื่น เหมือน เสื้อผ้าท่ีเปื้อนน้�ำหมึก หากเราขยันซักฟอกบ่อยครั้ง บ่อยครั้ง นำ้� หมกึ กจ็ ะคอ่ ย ๆ จางหายไป ผา้ กจ็ ะสะอาดได้อยา่ งเดิม น่ีคอื วธิ ีรกั ษาโรคโกรธ จะเห็นวา่ ท�ำไม่ยากอะไรเลย เด็ก ๆ ก็ท�ำได้ แต่ เรื่องเมตตานี้ จะขอเตือนเด็ก ๆ ผู้จะน�ำไปใช้ให้รู้จักวิธีใช้แต่ ในทางที่ถูก อย่าน�ำไปใชใ้ นทางทีผ่ ิด จะเกิดโทษแกต่ ัวเอง ท่ีว่าใช้ ในทางทีผ่ ดิ คอื บางคนรกั คนอ่ืนมาก รักจนหลง ฮอื ..ๆ อกหัก เช่นหนุ่มรักสาว รักคุด แฟนทง้ิ ตายดกี ว่า รกั จนแทบบ้าคล่งั เมือ่ ไมส่ มหวงั เลยฆา่ ตัวตายก็มี อย่างนไี้ มเ่ รียกว่าเมตตา พระทา่ นเรียกวา่ ราคะ เพราะความรักเช่นน้ี มแี ต่จะเกดิ ความเดือดรอ้ นแก่ตนเอง เด็ก ๆ จงจ�ำไว้ เมือ่ เราเติบโตเป็นหนมุ่ สาว อยา่ ปล่อยให้ความรัก ท�ำใจใหห้ ลงงมงาย จะกลายเปน็ คนชั่ว ขอบเขตของเมตตาก็คือ แสดงความรกั ตอ่ เขาแต่พอประมาณ มคี วามปรารถนาดีต่อผูอ้ ่นื หวงั ความสขุ แกผ่ อู้ นื่ ไมอ่ าฆาตมาดรา้ ยตอ่ เขา โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ คือเราต้องมีเมตตาตอ่ ผู้นอ้ ย 74

กรณุ า มหี น้าที่ท�ำลายความเบียดเบยี นกนั หมายความว่า คนเราท่ีขม่ เหงกันกด็ ี ท�ำรา้ ยกนั กด็ ี เช่นผูใ้ หญ่ท่มี กี �ำลงั มากกว่า ข่มเหงเด็กทม่ี กี �ำลังนอ้ ยกวา่ คนเบียดเบียนสตั ว์ เหลา่ นเี้ กดิ จาก เรามใี จคดิ เบยี ดเบยี นเขา มนี สิ ยั ข่มเหงเขา ฮา่ ๆๆ..! นิสัยขม่ เหงคนอืน่ แน่จรงิ ก็ต่อยใหไ้ ด้สิ เปน็ นสิ ัยทไ่ี ม่ดี ไอ้เตี้ยเอ้ย... ก่อความเดือดร้อน แกค่ นอื่น คนทเี่ ปน็ โรค รงั แกคนอน่ื จะต้องรกั ษา ดว้ ยยาขนานวเิ ศษ เรียกชอ่ื ว่า “ยากรุณา” ตอ้ งคอยหม่ันสอนตัวเองว่า “เราจะไปรงั แก ขม่ เหงเขาท�ำไม เราไมน่ ่า ไปท�ำเขาเลย เรากลวั เจ็บไม่ใชห่ รอื ใครมาท�ำร้ายเรา เราไม่ชอบใจไม่ใช่หรือ เมอ่ื เราไม่ชอบ ใหค้ นอน่ื รังแก คนอื่น สตั วอ์ ื่น กเ็ ป็นเช่นเดยี วกับเรา 75

ทุกคนรักตวั ของตวั เอง ต่างกลัวเจ็บกลัวตายดว้ ยกนั ทง้ั นน้ั เราต้องสงสารเขา เราต้องช่วยเหลือเขา “เม่ือหม่ันฝึกใจอยู่ เสมอเช่นนี้ เราก็จะมีความกรุณาสงสารผู้อ่ืน ไม่คิดรังแกข่มเหง เขาอีกต่อไป แต่ขอเตือนว่า ในเรื่องการใช้กรุณาสงสารนี้ ต้องใช้แต่พอดี หากเราใช้ไม่ถูก อาจเกิดโทมนัส คือเสียใจมาก เดือดร้อนแก่ตนเองโดยใช่เหตุ เช่นบางคนเห็นคนอื่นได้รับ ความทุกข์ เกิดความสงสารมากจนเกินไป พลอยเศร้าโศก เสียใจไม่รู้เส่ือมหาย อย่างน้ีก็จัดเป็นโทษเหมือนกัน จึงควร ท่ีเราจะตอ้ งสงสารคนอื่นแตพ่ อควร แล้วชว่ ยเหลอื เขา มุทิตา มีหน้าท่ีท�ำลายความริษยา หมายความว่า ความ รษิ ยา มกั มฝี งั อยใู่ นใจของคนจ�ำนวนมาก เพราะคนเราไมต่ อ้ งการ ใหค้ นอนื่ ดกี ว่าตวั เห็นคนอื่นได้ดี เราทนความริษยา เขาไม่คอ่ ยได้ นแ่ี น่ะ ! เขาเป็น อยา่ ตบตกี นั บางทกี เ็ กดิ ผ้ชู ายคนนี้ แฟนฉันยะ่ เพ่ือแย่งผมเลย ทะเลาะววิ าทกนั แฟนฉนั นะ เพราะความอิจฉา เพี๊ยะ เพย๊ี ะ ริษยากนั เป็นเหตุ เพ๊ยี ะ..! เพีย๊ ะ โลกทเี่ กดิ รบราฆา่ กัน นักเรียนแตล่ ะโรงเรยี น ที่ทะเลาะกนั ก็เกดิ จาก ความรษิ ยากันนีเ่ อง 76

เพราะฉะนนั้ หากเดก็ คนไหนรสู้ กึ ตวั วา่ เปน็ โรคอจิ ฉารษิ ยา ผู้อื่น จะต้องพยายามรักษาด้วยยาขนานวิเศษคือ “ยามุทิตา” คอื ฝึกใจให้ยนิ ดตี อ่ เขา คอยเตอื นตัวเองเสมอว่า เราจะไปอิจฉาเขา “เราจะอิจฉา ทำ� ไมกนั นะ รษิ ยาเขาท�ำไม เราอจิ ฉาเขา เราได้ดีอะไร ข้ึนมาบ้าง เปลา่ เลย เราไม่ไดด้ ีอะไร มแี ต่จะเดอื ดร้อน กล้มุ ใจตวั เอง มีแตเ่ ขาจะเกลียดชงั เรา ไม่มีใครรักเราเลย” เม่ือเราคอยเตือนตัวเองเช่นนี้ ใจท่ีเคยอิจฉาริษยาก็จะ บรรเทาลงไดบ้ า้ ง แต่มุทติ านี้ เรากต็ ้องรูจ้ กั ใช้เหมอื นกัน ถ้าใช้ไม่ ถกู ก็จะท�ำใหเ้ ราเกดิ ความดีใจมากเกินไป ถงึ กบั เสยี สตคิ ลุ้มคลง่ั ไปก็มี เชน่ คนท่ีไมเ่ คยถกู ลอตเตอรี่ พอถูกรางวลั ที่ ๑ ก็ดใี จมาก จนลืมหายใจตายไปก็มี การแสดงความยินดีต่อผู้อ่ืน ก็ควร ให้เป็นไปแตพ่ อประมาณ 77

อุเบกขา มีหน้าที่ท�ำลายความล�ำเอียง หมายความว่า คนเราไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ หากมีความล�ำเอียง ก็มักจะไม่เป็น ท่ีรักใคร่ของกัน เช่นพ่อแม่ล�ำเอียงกับลูก พ่ีล�ำเอียงกับน้อง พ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน พ่ีรักน้องไม่เท่ากัน ก็ท�ำให้เกิดความ ไม่พอใจแก่อีกฝ่ายหนึ่ง เพราะฉะนั้น คนที่รู้ตัวว่า ใจมักจะ ล�ำเอียงเข้ากับคนโน้นคนนี้ ต้องพยายามฝึกใจตัวเองว่า “ท�ำไม เราจึงจะต้องล�ำเอียง เราเป็นผู้ใหญ่ เป็นพ่อแม่เขา เป็นพ่ีเขา ท�ำไมเราจงึ รกั ผนู้ อ้ ยไมเ่ ทา่ กนั เราจะตอ้ งรกั ผนู้ อ้ ยเทา่ ๆ กนั เราจะ ไม่ล�ำเอียงเข้าข้างโน้นข้างน้ี” เม่ือเราคอยเตือนตัวเองอยู่อย่างนี้ ใจที่คิดล�ำเอียง ก็จะกลับเท่ียงตรง สมเป็นผู้ใหญ่ แต่อุเบกขา เราก็ต้องรู้จักใช้แต่พอเหมาะพอควร อุเบกขา ถ้าพูดอย่างง่าย ก็วา่ นิง่ เฉย แตก่ ารนิง่ เฉยนี้ นง่ิ เฉย เขา้ ใจผิดแล้ว !! เราตอ้ งรูจ้ กั นง่ิ วางเฉย นีไ่ มใ่ ชก่ ารนง่ิ เฉย ท่ถี กู ต้องนะ ไมใ่ ชน่ ิง่ เพราะ ตุ๊บ ตั๊บ ไม่รเู้ รื่องอะไร มบี างคนเมื่อ ต๊บุ ผ้นู อ้ ยทะเลาะกนั กน็ งิ่ เฉยเสีย ไม่เรยี กมาตักเตอื นส่ังสอน การนิ่งเฉยเพราะไม่รู้เรื่องอะไร จึงไม่ใช่อุเบกขา เพราะ ไม่ผดิ อะไรกับคนใบ้ทพี่ ูดไม่ได้ 78

น่ีคือหน้าท่ีของพรหมวิหารแต่ละข้อท่ีเราควรรู้ไว้ แล้วน�ำ ไปใชใ้ หพ้ อเหมาะแก่ตัวเอง ถ้าจะพูดใหส้ ัน้ เข้าอกี ในเร่อื งหนา้ ที่ ของผู้ใหญ่ กม็ อี ยู่ ๒ อย่าง คอื ๑. เลกิ ๒. ท�ำ เร่ืองที่เราจะตอ้ ง เลิก คือ เรอ่ื งทไี่ มด่ ไี ดแ้ ก่ ๑. ความโกรธ ๒. ความเบียดเบียนกัน ๓. ความริษยา ๔. ความล�ำเอียง ทั้ง ๔ อย่างนี้ เราต้องเลิก เพราะเป็นของไม่ดี เมื่อเรารู้ว่าเป็นของไม่ดี หากเราขืนท�ำ ก็ต้องเดือดร้อนแก่ตัวเราเอง เหมือนเรารู้ว่าขนมบูด เรายังขืน กินเข้าไป มันก็จะท�ำให้เราปวดท้องได้ เรื่องที่เราจะต้องท�ำ ในหนา้ ทข่ี องผูใ้ หญ่กค็ อื ๑. เมตตา รกั เขา ๒. กรุณา สงสารเขา ๓. มุทิตา แสดงความยนิ ดตี ่อเขา ๔. อุเบกขา วางตัวเป็นกลาง ของดีเหล่านี้เราต้องท�ำ จึงจะเป็นผลดีแก่ตัวเรา ถ้าไม่ท�ำก็ ไมไ่ ด้ดี เหมอื นเรารู้วา่ อาหารอร่อยแต่เราไม่กิน กไ็ ม่ไดป้ ระโยชน์ อะไรแกต่ ัวเรา เมอื่ ได้รู้หน้าท่แี ลว้ ท�ำตามได้ กจ็ ะท�ำให้เด็กเปน็ คนดไี ด้ ขอ ให้เดก็ ทุกคนจงสนใจเรอ่ื งพระพุทธศาสนาของเราให้มาก สิ่งไหน ทพี่ อจะท�ำได้ เรากอ็ ย่าได้ท้อถอย พยายามลองท�ำดู เราก็จะเปน็ คนดีได้ เหมือนหน้าที่ ๔ อย่าง ทเี่ ราท�ำได้ เราก็จะไดช้ ่อื วา่ เป็น ผใู้ หญ่ เปน็ เดก็ ดี เป็นท่ีรกั ใคร่ของคนอน่ื ทั่วกนั . 79

คำ�ถามประจ�ำ บท ๑. หนา้ ท่ี ของผ้ใู หญ่แตล่ ะขอ้ ส�ำ หรับท�ำ อะไร ? ๒. ๓. เราเป็นคนใจนอ้ ย เราอิจฉารษิ ยาเขา โกรธง่าย จะแกไ้ ขตัวเอง จะแก้ไขตวั เอง อยา่ งไร ? อย่างไร ? ๔. ๕. หนา้ ทข่ี องผ้ใู หญ่ อะไรทเี่ ราต้องเลกิ แต่ละขอ้ ถ้าเราไม่รู้จักใช้ และอะไรท่เี ราต้องท�ำ ? จะเกิดโทษแกเ่ รา อย่างไร ? 80

ภาคผนวก พรหมวหิ าร ๔ หนังสือสอนพระพทุ ธศาสนาแกเ่ ดก็ พระมหาพวน านจาโร เปรียญ ๙ ประโยค วัดมหาธาตุ แตง่ ได้รับพระราชทานรางวลั ช้ันท่ี ๑ ในการประกวดประจ�ำ พุทธศักราช ๒๔๙๘ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู ัว ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้า ฯ ใหพ้ ิมพพ์ ระราชทาน เนื่องในงานพระราชพิธีวศิ าขบูชา พทุ ธศกั ราช ๒๔๙๘



ที่ สร. ๖๖๔/๒๔๙๘ ส�ำนกั ราชเลขาธกิ าร ๑ เมษายน ๒๔๙๘ เรอ่ื ง การประกวดแต่งหนังสือแสดงพระพุทธศาสนาส�ำหรับ สอนเด็ก เรยี น เลขาธกิ ารคณะรัฐมนตรีฝา่ ยบริหาร อา้ งถึง หนังสือท่ี รล. ๓๐๒๘/๒๔๙๘ ลงวันท่ี ๒๙ มีนาคม ๒๔๙๘ ตามท่ีได้ทูลเกล้าฯ ถวายหนังสือของผู้ประกวดแต่ง หนังสือแสดงพระพุทธศาสนาแก่เด็ก ประจ�ำปี ๒๔๙๘ เร่ือง “พรหมวิหาร ๔” จ�ำนวน ๑ ฉบับ ซึ่งได้ผ่านการตรวจในทาง หลักธรรมและในเชิงวรรณคดจี ากราชบัณฑิตยสถานแล้วว่า เปน็ ฉบบั ทแี่ ตง่ ดถี งึ ระดบั ควรไดร้ บั พระราชทานรางวลั เพยี งฉบบั เดยี ว ไปเพือ่ ขอใหท้ รงพระราชวนิ จิ ฉัย น้ัน ความทราบฝา่ ละอองธลุ พี ระบาทแลว้ เปน็ อนั โปรดเกลา้ ฯ ให้ถือส�ำนวนหมายเลขที่ ๓ เป็นฉบับได้รับพระราชทานรางวัล ที่ ๑ ตามที่เสนอ. นกิ ร เทวัญ เทวกุล (หมอ่ มเจา้ นิกร เทวญั เทวกุล) ราชเลขาธิการ



ท่ี รล. ๓๐๒๘/๒๔๙๘ กรมสารบรรณคณะรฐั มนตรี ฝา่ ยบริหาร ๒๙ มนี าคม ๒๔๙๘ เร่ือง การประกวดแต่งหนังสือแสดงพระพุทธศาสนาส�ำหรับ สอนเด็ก ทลู ราชเลขาธกิ าร สง่ิ ทส่ี ่งมาด้วย บทความหนังสือสอนพระพทุ ธศาสนาแกเ่ ดก็ เร่อื ง “พรหมวิหาร ๔” ดว้ ยราชบณั ฑติ ยสถานรายงานวา่ ไดด้ �ำเนนิ การประกวด แต่งหนังสือแสดงพระพุทธศาสนาส�ำหรับสอนเด็ก เพ่ือรับ พระราชทานรางวัล และพิมพ์พระราชทานในงานพระราชพิธี วศิ าขบชู า ประจ�ำปี ๒๔๙๘ เสร็จแล้ว โดยให้แตง่ ประกวดตาม หัวขอ้ ธรรมเรอื่ ง “พรหมวิหาร ๔” มีผู้แตง่ สง่ เข้าประกวด ๔ ราย เป็นพระภกิ ษุ ๑ ราย คฤหัสถ์ชาย ๓ ราย ราชบณั ฑติ ยสถาน ได้ขอให้สมเด็จพระวันรัต สังฆนายกและสังฆมนตรีว่าการ องค์การศึกษาเป็นกรรมการตรวจในทางหลักธรรม ซ่ึงเป็น การตรวจช้นั ตน้ สมเด็จพระวันรัตตรวจคัดเลือกแล้วเสนอความ เห็นว่า ส�ำนักศิลปกรรมควรตรวจให้ตลอดทั้ง ๔ ฉบับ เพื่อ

ได้หย่ังทราบเทียบเคียงโดยท่ัวถึง ราชบัณฑิตยสถานจึงส่งให้ ส�ำนักศิลปกรรมตรวจในเชิงวรรณคดีอีกช้ันหน่ึงแล้วเห็นว่า ฉบับท่ีแต่งดีถึงระดับควรได้รับพระราชทานรางวัลมีเพียง ฉบับเดียว คือฉบับหมายเลขท่ี ๓ ความเห็นของส�ำนัก ศิลปกรรมนี้ ราชบัณฑิตยสถานเห็นพ้องด้วย จึงให้นายเจริญ อินทรเกษตร หัวหน้าส�ำนักงานฝ่ายวิชาการเปิดช่ือผู้แต่ง ปรากฏว่า พระมหาพวน านจาโร วัดมหาธาตุ เป็นผู้แต่ง ดังบทความหนังสือสอนพระพุทธศาสนาแก่เด็ก เร่ือง “พรหม- วหิ าร ๔” ทไี่ ด้ส่งมา ณ ท่ีน้ี กรมสารบรรณคณะรัฐมนตรีฝ่ายบริหารได้น�ำเสนอท่าน นายกรัฐมนตรที ราบแลว้ จงึ ทลู มาเพื่อขอไดโ้ ปรดน�ำความกราบบงั คมทูลพระกรณุ า เรียนพระราชปฏิบัติ การจะควรประการใดสุดแล้วแต่จะทรง พระกรณุ าโปรดเกล้าฯ. ควรมคิ วรแล้วแตจ่ ะโปรด ชำ� นาญอักษร (หลวงช�ำนาญอักษร) เลขาธกิ ารคณะรัฐมนตรฝี ่ายบรหิ าร

พระมหาพวน านจาโร วดั มหาธาตุยวุ ราชรังสฤษฎ์ กรงุ เทพ ฯ

พรหมวิหาร ๔ ISBN : 978-616-7975-09-2 แตง่ โดย พระมหาพวน านจาโร เปรียญ ๙ ประโยค วัดมหาธาตุ พมิ พค์ รั้งที่ ๑ พ.ศ. ๒๔๙๘ พมิ พค์ รง้ั ที่ ๒ (ปรับปรุง) พ.ศ. ๒๕๕๙ จ�ำ นวน ๓,๐๐๐ เล่ม จดั พิมพ์โดย สำ�นกั งานโครงการสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี สวนจิตรลดา พระราชวงั ดสุ ติ กรงุ เทพฯ ๑๐๓๐๓ โทรศพั ท์ ๐ ๒๒๘๒ ๖๕๑๑ โทรสาร ๐ ๒๒๘๑ ๓๙๒๓ ออกแบบปก/รปู เลม่ /และภาพประกอบโดย ไพยนต์ กาสี สุกัญญา ศรสี งคราม เทดิ เกียรติ ปลูกปานยอ้ ย พิมพ์ที่ หจก. แอลซีพี ฐิติพรการพิมพ์ ๑๐๕/๖๖-๖๗ ถนนประชาอุทศิ ซอย ๔๕ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรงุ เทพฯ ๑๐๑๔๐