Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การเลี้ยงหมูในยุค IMF

การเลี้ยงหมูในยุค IMF

Description: การเลี้ยงหมูในยุค IMF.

Search

Read the Text Version

การเล้ียงหมใู นยคุ IMF ศิริสุข สขุ สวสั ด์ิ สารบญั บทที่ 1 สภาพการเลย้ี งสกุ รของประเทศไทย 1.1 การพัฒนาการเลย้ี งสกุ รของประเทศไทย 1.2 ควรจะเลย้ี งสกุ รชนดิ ใดๆ 1.2.1 การเลย้ี งแมส กุ รเพอ่ื ผลติ ลกู 1.2.2 การเลย้ี งสกุ รขนุ 1.2.3 การเลย้ี งสกุ รหลายชนดิ พรอ มๆกนั 1.2.4 การเลย้ี งสกุ รในฟารม ผสมผสาน 1.3 การเล้ียงสกุ รจะตอ งลงทนุ มากเพยี งใด บทที่ 2 การคดั เลอื กและปรบั ปรงุ พนั ธสุ กุ ร 2.1 ลกั ษณะของสกุ รทพ่ี งึ ประสงค 2.2 ลกั ษณะสาํ คัญของสุกรพันธุแท 2.3 การคดั เลอื กสกุ รไวเ ปน พอ พนั ธ-ุ แมพันธุ 2.4 หลักการผสมพันธุสุกร 2.5 การผสมพนั ธสุ กุ ร 2 สายเลอื ด 2.6 การผสมพันธสุ กุ ร 3 สายเลอื ด

การเลย้ี งหมใู นยคุ IMF 2 บทที่ 3 โรงเรอื นและอปุ กรณก ารเลย้ี งสกุ ร 3.1 หลกั การทว่ั ไปในการจดั สรา งโรงเรอื นสกุ ร 3.2 ขนาดโรงเรอื น 3.3 ลกั ษณะโรงเรอื น 3.4 อปุ กรณก ารใหอ าหารสกุ ร บทท่ี 4 อาหารและการใหอ าการสกุ ร 4.1 ปรมิ าณอาหารสาํ หรบั สกุ รขนาดตา งๆ 4.2 การผสมอาหารสุกรโดยใชหัวอาหาร 4.3 การเลย้ี งสกุ รโดยใชอ าหารสาํ เรจ็ รปู บทที่ 5 การเลย้ี งสกุ รระยะตา งๆ 5.1 การเลย้ี งสกุ รเลก็ สกุ รรนุ และสกุ รขนุ บทที่ 6 โรคที่สาํ คญั ของสกุ ร การปอ งกนั และการรกั ษา 6.1 การฉดี วคั ซนี ปอ งกนั โรคสกุ ร 6.2 หลกั การใชว คั ซนี ปอ งกนั โรคสกุ ร 6.3 โรคสุกรที่สําคัญทีเกษตรควรรู คาํ นาํ สุกรเปนสัตวท น่ี า เลย้ี งชนดิ หนง่ึ เพราะมคี ณุ สมบตั ทิ ด่ี เี ดน หลายประการ เชน - สุกรลูกดก คลอดลกู แตล ะครง้ั ไดป ระมาณ 6-12 ตวั แลวยัง สามารถใหล กู ไดถ งึ ปล ะ 2 ครอก - ใชเวลาในการเลย้ี งดสู น้ั คือเลี้ยงลูกสุกรไปเพียง 5-6 เดอื น ก็จะไดนาํ้ หนกั 90-100 กิโลกรัม สามารถขายสง ตลาดได - การเล้ียงสกุ รใชเ วลาและแรงงานไมม ากนกั สามารถเลย้ี งแบบ สวนครัวหลงั บา นตง้ั แต 2-3 ตวั ไปจนถงึ เลย้ี งเปน อาชพี 100-200 ตวั โดยใช เฉพาะแรงงานในครอบครวั เทา นน้ั - ปจจุบันนี้มีผูผลิตพันธุสุกร อาหารสุกร ยาและอปุ กรณอ น่ื ๆ สําหรับใชเ ลย้ี งสกุ รมากมาย สามารถหาไดง า ยและสะดวกสบายตอ ผเู ลย้ี งสกุ ร อยางไรก็ตาม การเลี้ยงสุกรน้ันก็ตองลงทุนคอนขางสูง เปน คา พันธุสุกร คา อาหาร คา ยาปอ งกนั และรกั ษาโรค คา แรงงาน หากผูเลี้ยงไมจัดการ อยางรัดกุม เลีย้ งสุกรอยา งไมมปี ระสิทธิภาพแลว ก็จะประสบกับภาวะขาดทุนได โดยงา ย เอกสารชุดนไ้ี ดร วบรวมเอาเทคนคิ และแนวความคดิ ตา งๆ ในการ เลี้ยงสุกรไวใหเกษตรกรและผูสนใจไดศึกษาและนาํ ไปปฏบิ ตั ิ เพอ่ื ปรบั ปรุงประสิทธิ ภาพการเลย้ี งสกุ รของตนใหส งู ขน้ึ เนอ้ื หาสว นใหญเ รยี บเรยี งจากเอกสารและตาํ รา ตางๆ โดยปรบั ปรงุ ใหอ า นงา ย เขา ใจงา ยขน้ึ สว นผทู ต่ี อ งการรายละเอยี ดมากกวา นี้ ควรจะคน ควา เพม่ิ เตมิ จากเอกสารทางวชิ าการ ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนาถัดไป ๐ กลับหนาหลัก/สารบัญ

การเลย้ี งหมใู นยคุ IMF 3 บทท่ี 1 สภาพการเลย้ี งสกุ รของประเทศไทย การพัฒนาการเลย้ี งสกุ รของประเทศไทย ยอนหลังไปเม่ือหลายปที่ผานมา เกษตรกรไทยในชนบทซึ่งมีอาชีพ หลกั ในการทํานา มักจะทําการเลย้ี งสกุ รครอบครวั ละ 2-3 ตวั แทบทุกครอบครัว เน่ืองจากมรี าํ ขา ว ปลายขา ว และเศษอาหารตา งๆ สําหรับใชเลี้ยงสุกรอยางเพียงพอ พันธุสุกรท่ีเลี้ยงเปนพันธุพื้นเมือง หรือพันธุผสมระหวางพันธุพื้นเมืองกับพันธุ ตางประเทศ มีการเจรญิ เตบิ โตชา ตอ งใชเ วลาเลย้ี งเกอื บ 1 ป สุกรจึงจะโตพอที่จะขาย สงตลาดได ผลดจี ากการเลย้ี งสกุ รแบบหลงั บา นน้ี คอื เกษตรกรไมต อ งลงทนุ อะไรเลย ใชแรงงานวันละเล็กวันละนอยสะสมไปเรื่อยๆ ก็จะไดเงินเปนกอนจากการขายสุกร เหมือนกับการสะสมเงินโดยใชกระปุกออมสิน ราคาสุกรโดยทวั่ ๆ ไปกอ็ ยใู นเกณฑด ี ไมคอ ยมกี ารผนั แปรไปมากมายนกั ประมาณ 10-15 ปท ผ่ี า นมาน้ี การเลย้ี งสกุ รของประเทศไทยพฒั นา ไปจากเดมิ มาก เนอ่ื งจากความเจรญิ กา วหนา ทางวชิ าการ และมกี ารตดิ ตอ นาํ สกุ รพันธุ ดีหลายๆ พันธุมาจากตางประเทศ แลวทําการปรับปรุงสุกรพื้นเมืองใหเจริญเติบโต เร็วขึ้น มีการปรบั ปรงุ การเลย้ี งดู ปรบั ปรงุ การใหอ าหาร และมกี ารปอ งกนั รกั ษาโรค อยางไดผลทําใหปริมาณการผลิตสุกรของประเทศไทยเพิ่มขึ้นอยางรวดเร็วทัดเทียม ประเทศตา งๆ ในภูมภิ าคเดียวกัน เกษตรกรผูเลี้ยงสุกรจํานวนหนง่ึ ขยายขนาดการผลติ ตั้งเปนฟารมขนาดใหญเล้ียงสุกรเปนจํานวนหลายพันตัว ใชเวลาเลี้ยงสุกรแตละตัว เพียง 5-6 เดือนก็สามารถขายสงตลาดได ในขณะเดียวกันเกษตรกรท่ีเล้ียงสุกร ทั่วๆ ไปในชนบทกลับลดจํานวนลง เพราะรําขาว ปลายขาวและเศษอาหารตางๆ ไมสามารถจะหาไดในทองถิ่น ตองลงทุนเพิ่มข้ึน ประกอบกับเกษตรกรมีเวลาวาง นอยลง จงึ เลกิ เลย้ี งสกุ รไป ในหมบู า นหนง่ึ ๆ จะมีผูเลี้ยงสุกรเหลือเพียง 2-3 ราย เทา นน้ั 1.1 สุกรเปน สตั วท น่ี า เลย้ี งหรอื ไม เม่ือเปรียบเทียบกับสัตวชนิดอื่นๆ แลวจะเห็นวา สกุ รนน้ั เปน สตั วท ่ี นาเล้ียงอยูไมนอยเชนกัน เน่ืองจากสุกรน้ันเจริญเติบโตเร็ว ถาเกษตรกรเล้ียงสุกร พันธุดีสัก 2-3 ตวั ใชเ วลาขนุ สกุ รนบั จากหยา นมไปอกี เพยี ง 5-6 เดอื น ก็จะได น้ําหนักประมาณ 90-100 กิโลกรัม สามารถสง ขายตลาดไดเ ลย นบั วา เปน สตั วเ ลย้ี งท่ี โตเรว็ กวา สตั วเ ลย้ี งชนดิ อน่ื ๆ อกี หลายชนดิ ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนาถัดไป ๐ กลับหนาหลัก/สารบัญ

การเลย้ี งหมใู นยคุ IMF 4 ในแงของการลงทุนและการใชเวลานับวามีปญหาบางเล็กนอยเพราะ เกษตรกรตองลงทนุ คอ นขา งสงู เปน คา ปลกู สรา งโรงเรอื นสาํ หรบั เลย้ี งสกุ ร คาพนั ธสุ กุ ร ลูกสุกรขนุ ตวั หนง่ึ จะมรี าคาประมาณ 400-600 บาท สกุ รตวั หนง่ึ จะกนิ อาหารหมด ประมาณ 250-300 กิโลกรัม จึงจะทาํ นา้ํ หนกั ไดถ ึง 100 กโิ ลกรมั นอกจากนน้ั เกษตรกรจะตอ งใชเ วลาอยา งนอ ยวนั ละ 2 ชั่วโมง เชา 1 ชั่วโมง เยน็ อกี วนั ละ 1 ชั่วโมง เพ่ือใหอาหารและดแู ลสกุ รของตนเอง แตอยางไรก็ตาม ในภาวะปจ จบุ นั นเ้ี กษตรกรและสมาชกิ ในครอบครวั เกษตรกรจํานวนมากมกั จะมเี วลาวา งมาก เนอ่ื งจากการทํานา การทําสวนนน้ั ใชเ วลา มากเพียงบางฤดูเทานั้น หากหันมาทําการเลย้ี งสกุ รโดยการลงทนุ บา งเลก็ นอ ย ใชวัสดุ บางชนิดท่ีมีราคาถูก หาไดงายในทองถิ่นเปนอาหารเลี้ยงสุกรแลวก็จะมีรายไดประจาํ จากการเลย้ี งสกุ รปล ะมากพอสมควร 1.2 ควรจะเลย้ี งสกุ รชนดิ ใด การเลี้ยงสุกรเทาที่ปฏิบัติอยูทั่วๆ ไปปจ จุบนั นี้ แบง ตามชนดิ ของสกุ ร ท่ีเล้ียงและวตั ถปุ ระสงคข องการเลย้ี งไดด งั น้ี 1.2.1 การเลย้ี งแมส กุ รเพอ่ื ผลติ ลกู การเลย้ี งสกุ รแบบนเ้ี หมาะสมสาํ หรับเกษตรกรทมี่ ีความรู และมคี วาม ชํานาญในการเล้ียงสุกรบางแลวพอสมควร เพระตองเลี้ยงดูเอาใจในใสสุกรแมพันธุ ตองรูหลักและเทคนคิ การผสมพนั ธสุ กุ ร ตอ งรหู ลกั การเลย้ี งสกุ รทต่ี ง้ั ทอ ง ตอ งรวู ธิ กี าร เล้ียงสุกรไปจนถงึ สุกรหยา นม จึงจาํ หนา ยลกู สกุ รใหแ กผ เู ลย้ี งสกุ รขนุ ตอ ไปแตน บั วา เปน วิธีการเลย้ี งสกุ รทไี่ ดผลตอบแทนสูงทส่ี ุด เพราะสกุ รแตล ะแมจ ะใหล กู ไดป ล ะ 2 ครอก แตละครอกจะใหลูก 8-12 ตัว ในปหนึ่งๆ เกษตรกรจะสามารถจาํ หนายลกู สุกร หยา นมได 16-20 ตวั ในปท ล่ี กู สกุ รราคาดขี ายไดต วั ละ 500-600 บาท ก็จะมีรายได ประมาณ 8,000-12,000 บาท หักคาใชจายออกแลวก็จะมีกาํ ไรอยมู ากพอสมควร ถา เกษตรกรเล้ียงแมสุกร 4-5 ตวั จะมีอาชีพเสริมที่ทํารายไดใ หเ กษตรกรตลอดทง้ั ป 1.2.2 การเลย้ี งสกุ รขนุ การเลย้ี งสกุ รขนุ หมายถึง การนาํ สุกรที่หยานมแลว ทง้ั ตวั ผแู ละตวั เมยี มาเลี้ยงใหอวน โดยใหก นิ อาหารอยา งเตม็ ทเ่ี ปน เวลาอกี 4-5 เดอื น สกุ รจะมนี า้ํ หนกั 90-100 กโิ ลกรมั กข็ ายสง ตลาด นบั วา เปน วธิ กี ารเลย้ี งสกุ รทง่ี า ยทส่ี ดุ มคี วามสลบั ซับซอนไมมาก ใชเ วลานอ ย ผทู เ่ี ร่ิมเลย้ี งสุกรคร้ังแรกๆ ควรจะเลย้ี งสกุ รขนุ กอ น เมอ่ื มี ความชํานาญแลว จงึ หนั ไปเลย้ี งสกุ รชนดิ อน่ื ๆ ตอ ไป ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนาถัดไป ๐ กลับหนาหลัก/สารบัญ

การเลย้ี งหมใู นยคุ IMF 5 1.2.3 การเล้ียงสกุ รหลายชนดิ พรอ มๆ กนั การเล้ียงสุกรแบบน้ีเร่ิมเปนท่ีนิยมเพ่ิมมากข้ึนในปจจุบัน เน่ืองจาก เกษตรกรมีความรูและความชํานาญในการเล้ียงสุกรมากขึ้น จึงทําการเลี้ยงแมส กุ รไว ผลิตลูก 4-5 ตวั เลย้ี งสกุ รพอ พนั ธุ 1-2 ตวั เมอ่ื แมส กุ รคลอดลกู กเ็ กบ็ ลกู สกุ รสว นหนง่ึ ไวสําหรับทาํ พนั ธุ ลกู สกุ รพอ พันธุ 1-2 ตวั เมอ่ื แมส กุ รคลอดลกู กเ็ กบ็ ลกู สกุ รสว นหนง่ึ ไวสําหรับทาํ พนั ธุ ลกู สกุ รสว นหนง่ึ นํามาขนุ สง ตลาด และลกู สกุ รอกี สว นหนง่ึ ขายเมอ่ื หยานม วิธกี ารนี้ทาํ ใหเ กษตรกรมสี กุ รเลย้ี งในฟารม ตลอดเวลา เกษตรกรไมต อ งไปซอ้ื ลูกสุกรจากฟารมอื่นๆ ซึ่งอาจจะมีราคาแพง นอกจากนน้ั ยงั มลี กู สกุ รขายใหฟ ารม อน่ื ๆ อีกดวย เปน ลักษณะการเลย้ี งสกุ รแบบครบวงจร 1.2.4 การเลี้ยงสุกรในฟารมผสมผสาน การเกษตรกรรมแบบผสมผสาน หมายถึงการทําการเพาะปลกู หรือ เลี้ยงสัตวหลายๆ ชนดิ ควบคกู นั นบั วา เปน การปฏบิ ตั ทิ เ่ี ปน ทน่ี ยิ มมากในปจ จบุ นั เนอ่ื ง จากใหผลตอบแทนสูง คาใชจายตาํ่ เกษตรกรไดใ ชท รพั ยากรและเวลาวา งของตนเอง อยา งเตม็ ท่ี ยกตัวอยาง เชน เกษตรกรที่ทํานาไมทาํ นาแตเ พยี งอยา งเดยี ว แตทาํ สวน ผักสวนครัวไวกินประจาํ วนั ปลูกหญาไวเลี้ยงสัตว ขดุ บอ ปลาไวเ ลย้ี งปลา บนบอ ปลาทาํ เลาเล้ียงหมู มูลของหมูใชเปนอาหารปลาและใชเปนปุยใสพืชผัก เศษขา วและรําขา ว รวมทงั้ เศษพืชผกั ตา งๆ นาํ มาใชเ ลย้ี งสตั วท รพั ยากรตา งๆ ถกู นํามาใชห มนุ เวยี นภายใน ฟารม ทาํ ใหเ กษตรกรมงี านทาํ ตลอดทง้ั ป เปน ตน 1.3 การเลี้ยงสุกรจะตองลงทุนมากเพียงใด การลงทนุ เลย้ี งสกุ รสําหรบั เกษตรกรแตล ะราย และการเลย้ี งสกุ รแตล ะ ชนิดจะแตกตางกันออกไป อยางไรก็ตาม ขอยกตัวอยางการลงทุนสําหรับเกษตรกร รายใหมท ย่ี งั ไมเ คยเลย้ี งสกุ รมากอ น ถาทาํ การเลย้ี งสกุ รขนุ รนุ ละ 20 ตวั จะตองลงทุน ตางๆ ดงั น้ี - คาโรงเรอื น โรงเรอื นขนุ สกุ ร 20 ตวั จะตอ งมขี นาดไมน อ ยกวา 30-40 ตารางเมตร แบง เปน คอก 4-5 คอก แตล ะ คอกเล้ียงสกุ รขนุ ได 4-5 ตวั คา กอ สรา งโรงเรอื น ประมาณ 20,000 บาท - คา พนั ธุ สุกรหยา นมแลว ราคาตวั ละ 400-600 บาท ถา เลย้ี ง 20 ตวั คา พนั ธปุ ระมาณ 10,000 บาท - คา อาหาร ตลอดระยะการเลย้ี งสกุ รขนุ 5 เดอื น จะสน้ิ เปลอื ง อาหาร 250-300 กิโลกรัม ราคาอาหารเฉลี่ย กิโลกรมั ละ 5 บาท จะตอ งเตรยี มคา อาหารประมาณ 30,000 บาท ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนาถัดไป ๐ กลับหนาหลัก/สารบัญ

การเลย้ี งหมใู นยคุ IMF 6 - คา ใชจ า ยอน่ื ๆ เชน คา วคั ซนี ปอ งกนั โรค คา นา้ํ คาไฟฟา คายา รักษาโรค คาแรงงาน และคาใชจายอ่ืนๆ ควรจะ เตรียมไวอ ยา งนอ ย 10 เปอรเ ซน็ ตข องคา อาหารรวม กับคาพันธุ คอื ประมาณ 4,000 บาท การเล้ียงสุกรขนุ 20 ตวั ตอ งเตรยี มเงนิ ลงทนุ ในรนุ แรกๆ อยา งนอ ย ประมาณ 64,000 บาท หรอื การเลย้ี งสกุ รแตล ะรนุ จะใชเ งนิ ลงทนุ ประมาณ 44,000 บาท แตอยางไรก็ตามในความเปนจริงแลว คาพันธุ คาอาหารและคาใชจายอ่ืนๆ จะขึ้นลงอยูตลอดเวลา และเม่ือเกษตรกรมีความชํานาญเพม่ิ ขน้ึ แลว คา ใชจ า ยตา งๆ โดยเฉพาะคาอาหารจะต่ํากวาน้ีมาก นอกจากน้ันเกษตรกรยังสามารถลดคาใชจาย คาอาหารสุกรไดโดยการผสมอาหารใชเองก็จะทาํ ใหมีกาํ ไรจากการเลย้ี งสกุ รขนุ มากขน้ึ บทที่ 2 การคดั เลอื กและปรบั ปรงุ พนั ธสุ กุ ร 2.1 ลักษณะของสกุ รทีพ่ ึงประสงค เปาหมายสําคัญของการเลี้ยงสุกร คอื การสง สกุ รขนุ จาํ หนา ยตลาด เม่ือมีน้ําหนักเหมาะสมและทํากําไรใหผูเล้ียงสูงที่สุด ดังน้ัน ลักษณะของสุกรท่ี พึงประสงค ก็หมายถงึ ลกั ษณะอนั เปน ทต่ี อ งการของตลาดนน่ั เอง ซง่ึ พอจะสรปุ ไดด งั น้ี - มีอัตราการเจรญิ เตบิ โตดี หรอื เพม่ิ นา้ํ หนกั ไดเ รว็ ภายใน 6 เดอื น ควรจะมนี า้ํ หนกั 100 กิโลกรัม - มีอัตราการเปลี่ยนอาหารเปนเน้ือดี หรือใชอาหารนอยแตเพ่ิม นา้ํ หนกั ไดม าก โดยทั่วไปควรจะกินอาหารเพียง 2.7-3 กิโลกรัม เพม่ิ นา้ํ หนักใหได 1 กิโลกรัม - มีไขมันบาง เม่ือโตเต็มที่แลวมีไขมันใตผิวหนังหนาไมเกิน 2.5 เซนตเิ มตร - มีเนอ้ื แดงมาก - มีโครงสรา งรา งกายใหญ ลาํ ตวั ยาว สนั หลงั หนา ขาหนา ขาหลงั มีกลา มเนอ้ื มาก - มีสขุ ภาพสมบรู ณ - ใหลูกตอครอกไดมาก และมลี กู เหลอื รอดตายตอนหยา นมมาก - ทนทานตอ สภาพอากาศรอ น ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนาถัดไป ๐ กลับหนาหลัก/สารบัญ

การเลย้ี งหมใู นยคุ IMF 7 2.2 ลกั ษณะสาํ คญั ของสกุ รพนั ธแุ ท ปจจุบันน้ีเกษตรกรไทยไมน ยิ มเลย้ี งสกุ รพนั ธพุ น้ื เมอื ง เนอ่ื งจากโตชา ใชเวลาเล้ียงนาน คณุ ภาพเนอ้ื ไมด ี และใหล กู ตอ ครอกนอ ย ไมต รงตามความตอ งการ ของตลาด จงึ ไดม กี ารนําพนั ธสุ กุ รทไ่ี ดร บั การปรบั ปรงุ แลว เขา มาเลย้ี งหลายพนั ธุ และ ปรากฏสุกรพันธุดีแทบทุกพันธุสามารถเจริญเติบโตไดดีทง้ั น้ัน ประสิทธิภาพของสุกร ทุกพันธุใกลเ คียงกัน สกุ รพนั ธตุ า งๆ จึงเขามาทดแทน พนั ธพุ ้นื เมอื งและแพรกระจาย ทั่วไป สุกรพันธุแทที่ไดรับความนิยมในประเทศไทย ปจจบุ นั น้ีมหี ลายพันธุ เชน 2.2.1 สุกรพันธุลารจไวท เปนสุกรท่ีมขี นและหนงั สขี าวตลอดทง้ั ตวั มขี นาดใหญ โครงสรา งใหญ ลําตัวยาว หลงั โคง เลก็ นอ ย หตู ง้ั ตรง ขาตรงแขง็ แรง มกี ารคดั เลอื กและปรบั ปรงุ พนั ธุ จากประเทศองั กฤษ มกี ารเจรญิ เตบิ โตดแี ละมคี ณุ ภาพซากดมี าก เมอ่ื นําเขา มาเลย้ี งใน ประเทศไทย ปรากฏวาไดรับความนิยมอยา งรวดเร็ว เพราะเปน ทต่ี อ งการของตลาด มาก ใหลูกดก และเลย้ี งลกู เกง สามารถขนุ สง ตลาดหรอื ผสมขา มพนั ธกุ บั พนั ธอุ น่ื ๆได 2.2.2 สกุ รพนั ธแุ ลนดเรซ สุกรพันธุแลนดเรซไดรับการปรับปรุงพันธุท่ีประเทศเดนมารก หลัง จากพันธุลารจไวท มีลักษณะใกลเคียงกับพันธุล ารจไวท มีขนและหนังสีขาวตลอด ทั้งตัว มีจมูกเรียวยาว หูใหญปรกลงขา งหนา ลาํ ตวั ยาวมาก ไหลก วา งหนา สะโพกโต เห็นไดชัด หลังตรงหรอื โคง เลก็ นอ ย ตวั เมยี เลย้ี งลกู เกง ลกู ดกและเลย้ี งลกู รอดตอ ครอก ไดมาก สามารถเลย้ี งเปน สกุ รขนุ หรอื ผสมขา มพนั ธลุ ารจ ไวท และดรอ็ คเจอรซ ี ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนาถัดไป ๐ กลับหนาหลัก/สารบัญ

การเลย้ี งหมใู นยคุ IMF 8 2.2.3 สกุ รพันธดุ ูร็อกเจอรซ ี สุกรพันธุดูร็อกเจอรซี มีถิ่นกําเนิดอยใู นประเทศสหรฐั อเมรกิ า เปน สุกรพันธุเน้ือสีแดงลวน สว นใหญข นสแี ดงเขม จนเปน สนี า้ํ ตาล มโี ครงสรา งใหญ แข็งแรง บึกบึน กนิ อาหารเกง และปรบั ตวั เขา กบั สภาพแวดลอ มของ ประเทศไทยไดดี นิยมนํามาผสมพนั ธกุ บั สกุ รพนั ธแุ ลนดเ รซหรอื ลารจ ไวทเ ปน สกุ รขนุ พันธุผสม 2 สายเลอื ดหรอื 3 สายเลอื ด ซง่ึ เปน ทน่ี ยิ มมากในปจ จบุ นั น้ี 2.3 การคดั เลอื กสกุ รไวเ ปน พอ พนั ธ-ุ แมพันธุ ในการเลี้ยงสุกรสําหรับเกษตรกรที่เล้ียงเพื่อผลิตลูก หรือเลี้ยงสุกร หลายๆ ชนิดในฟารม เดยี วกนั จาํ เปน จะตอ งพถิ คพถิ นั ในเรอ่ื งของการคดั เลอื กสกุ รไว เปนพอพันธุและแมพันธุ เนอ่ื งจากสกุ รเหลา นจ้ี ะเปน ตวั ถา ยทอดลกั ษณะทพ่ี งึ ปรารถนา ไปสูลูกหลาน ถาเกษตรกรมีพอพันธุแมพันธุที่ดีก็จะมีโอกาสไดลูกสุกรที่ดี สามารถทาํ กําไรตอฟารมไดมาก ลักษณะท่ัวๆ ไปของสุกรที่ควรจะคัดไวเปนพอพันธุ-แมพันธุ มีดงั น้ี 2.3.1 ลักษณะของสุกรแมพันธุ ควรจะมลี กั ษณะตา งๆ คอื - เปนลูกสุกรที่เกิดจากแมที่เคยใหลูกดก - มีอัตราการเจริญเติบโตดี โตเร็วกวาตัวอื่นๆ ในฝูงเดียวกัน มีน้าํ หนกั ไมน อ ยกวา 90 กโิ ลกรมั เมอ่ื อายุ 5 เดอื น - มีอัตราการเปล่ียนอาหารดี คือกินอาหารนอยแตเพิ่มน้ําหนัก ไดมาก (กินอาหาร 2.8-3 กิโลกรัม ควรจะเพ่ิมน้ําหนักได 1 กิโลกรัม) - มีไขมนั บาง - มีเตานมสมบรู ณอ ยา งนอ ย 12 เตา - มีโครงสรา งรา งกายแขง็ แรง ลาํ ตวั ยาว ขาตรงแขง็ แรง - มีสุขภาพสมบรู ณ ไมม ปี ระวตั กิ ารเจบ็ ปว ย ไมเ คยเปน โรคตดิ ตอ ที่รายแรง ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนาถัดไป ๐ กลับหนาหลัก/สารบัญ

การเลย้ี งหมใู นยคุ IMF 9 2.3.2 ลักษณะของสกุ รพอ พนั ธุ การคดั เลอื กสกุ รไวเ ปน พอ พนั ธมุ ี หลักปฏิบัติเชนเดียวกับสุกรพันธุ แตต องพิถีพิถนั มากกวา กลา วคอื ในฝงู สกุ รแมพ นั ธุ 10-20 ตวั คลอดลกู ออกมาทง้ั สน้ิ 100-200 ตวั อาจจะคดั ตัวท่เี ดนท่ีสุดไวเปน พอพันธุเพียง 1-2 ตัวเทาน้ัน และจะตองเปนพอพันธุที่มีสุขภาพสมบูรณจริงๆ เนื่องจากพอพันธุแตละตัวจะสามารถผสมกับแมสุกรและใหลูกไดจํานวนมาก การคดั เลือกสุกรไวเ ปน พอ พนั ธอุ กี วธิ หี นง่ึ นน้ั คอื เลอื กสกุ รทล่ี กั ษณะดเี ดน ไว 9-10 ตวั จาก น้ันคอยๆ คัดตวั ที่ลกั ษณะดอ ยกวา ออกไปเรื่อยๆ จนสกุ รมอี ายถุ งึ กาํ หนดผสมพนั ธไุ ด ใหเ หลอื ตวั ทด่ี จี รงิ ๆ เพียงตัวเดียวเทานั้น 2.4 หลกั การผสมพนั ธสุ กุ ร เปาหมายสําคญั ในการผสมพนั ธสุ กุ ร คอื เพื่อใหไดลูกสุกรที่สมบูรณ ในแตละครอกจาํ นวนมาก รอดตายตอนหยา นมจํานวนมาก ลกู สกุ รทกุ ตวั มกี าร เจริญเติบโตเร็ว แมสุกรกลับมาเปนสัดหลังจากคลอดลูกแตละรุนเร็ว และ สามารถผสมตดิ ไดเ รว็ ในแตละป หรอื ในชว่ั ชวี ติ แมส กุ รตวั หนง่ึ ๆ จะไดลูกมากกวา สุกรตวั อน่ื ๆ ที่จัดการการผสมพนั ธุไมดี การผสมพันธสุ กุ รเพอ่ื ใหผ สมตดิ มากและไดล กู ตอ ครอกมากนน้ั มหี ลกั ปฏิบัติทั่วๆ ไปดงั น้ี - เล้ียงสุกรพอพันธุและแมพันธุใหอยูในสภาพสมบูรณก อนการผสม พันธุ - อยาปลอ ยใหล ูกสกุ รพอ พันธุและแมพ ันธุอวนเกนิ ไป - อยาผสมพอ พนั ธกุ บั แมพ นั ธทุ เ่ี ปน พน่ี อ งกนั หรอื มสี ายเลอื ดชดิ กนั - เล้ียงสุกรพอ พนั ธแุ ละแมพ นั ธใุ นโรงเรอื นทม่ี อี ากาศเยน็ มกี ารถา ย เทของอากาศไดด ี - คอกเลี้ยงพอพันธุควรทําลานเดินใหพอพันธุเดินออกกําลังกาย หรือเลย้ี งพอ พนั ธใุ นแปลงหญา - ควรผสมพนั ธสุ กุ รสาวเมอ่ื เปน สดั ครง้ั ท่ี 2 เพอ่ื ใหร า งกายมคี วาม สมบรู ณเ ตม็ ท่ี - การผสมพนั ธคุ วรจะผสมในเวลาอากาศเยน็ คอื ตอนเชา 1 ครง้ั และผสมซาํ้ อกี ครง้ั หนง่ึ หลงั จากการผสมครง้ั แรก 12 ชั่วโมง - หลังจากผสมพันธุแลวตองแยกแมสุกรเลี้ยงตางหาก ใหอาหาร อยา งสมบรู ณ - แมสุกรทผ่ี สมหลายครง้ั แลว ไมต ดิ หรอื ใหล กู ตอ ครอกนอ ย ลกู ไม สมบูรณ ควรจะคดั ออก ไมเ กบ็ ไวเ ปน แมพ นั ธอุ กี ตอ ไป - ถาหาพอพันธุที่ดีๆ ไมได ควรจะผสมพันธุแมสุกรโดยการผสม เทียม ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนาถัดไป ๐ กลับหนาหลัก/สารบัญ

การเลย้ี งหมใู นยคุ IMF 10 2.5 การผสมพนั ธสุ กุ ร 2 สายเลอื ด ความนิยมสุกรพันธุแทในตลาดสุกรขุนปจจุบันเร่ิมลดนอยลง ผูเล้ียง สุกรขุนหันมาผสมพนั ธสุ ุกรโดยมุงใหมีการเจรญิ เตบิ โตดี มอี ตั ราการเปลย่ี นอาหารเปน เนื้อดี โดยไมค าํ นงึ ถงึ เรอ่ื งพนั ธุ วิธปี ฏิบตั ทิ ีน่ ยิ มมากวธิ ีหนึ่ง คอื การผสมพันธุสุกร 2 สายเลอื ด หมายถึง การนาํ พอสุกรและแมสุกรพันธุแท 2 พันธุ มาผสมกนั ทง้ั นเ้ี ปน การรวมเอกลักษณะที่ดีเดนของพอพันธุและแมพันธุเขาดวยกัน พันธุที่นิยม ไดแก แบบที่ 1 พอพันธุลารจไวท x แมพ นั ธแุ ลนดเ รซ ลูกผสม 2 สายเลอื ด แบบที่ 2 พอ พนั ธแุ ลนดเ รซ x แมพันธุลารจไวท ลูกผสม 2 สายเลอื ด แบบที่ 3 พอ พนั ธดุ ูรอ็ คเจอรซ ี x แมพันธุลารจไวท ลูกผสม 2 สายเลอื ด 2.6 การผสมพนั ธสุ กุ ร 3 สายเลอื ด วัตถุประสงคข องการผสมพนั ธสุ กุ ร 3 สายเลอื ด คอื การรวมลกั ษณะ ดีเดนจากสุกรพันธุแทหลายๆ พันธุ เชนเดียวกนั กบั การผสมพันธุสุกร 2 สายเลอื ด พันธุที่นิยมนาํ มาผสมขา มพนั ธุ ไดแก - พนั ธดุ ูรอ็ คเจอรซ ี - พันธุแฮมปเชียร - พันธุลารจไวท - พันธแุ ลนดเ รซ ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนาถัดไป ๐ กลับหนาหลัก/สารบัญ

การเลย้ี งหมใู นยคุ IMF 11 โปรแกรมการผสมพนั ธสุ กุ ร 3 สายเลอื ด มี 2 แบบคอื แบบท่ี 1 ชวั่ ที่ 1 พอพันธุลารจไวท x แมพ นั ธแุ ลนดเ รซ ลูกผสม 2 สายเลอื ด ชวั่ ที่ 2 พอ พนั ธดุ ูรอ็ คเจอรซ ี x ลูกผสม 2 สายเลอื ด ลูกผสม 3 สายเลอื ด แบบท่ี 2 ชวั่ ที่ 1 พอพันธุลารจไวท x แมพ นั ธแุ ลนดเ รซ ลูกผสม 2 สายเลอื ด ชวั่ ที่ 2 พอพันธุแฮมปเชียร x ลูกผสม 2 สายเลอื ด ลูกผสม 3 สายเลอื ด บทท่ี 3 โรงเรอื นและอปุ กรณก ารเลย้ี งสกุ ร 3.1 หลกั ทว่ั ไปในการจดั สรา งโรงเรอื นสกุ ร การจัดสรา งโรงเรอื นสาํ หรบั เลย้ี งสกุ ร ควรจะคาํ นงึ ถงึ หลกั ตอ ไปน้ี - โรงเรอื นจะตอ งตง้ั ในทส่ี งู นา้ํ ทว มไมถ งึ - ควรจะต้ังโรงเรอื นหา งจาก ชุมชน ถนนทม่ี คี นพลกุ พลา น และหาง จากฟารม สกุ รฟารม อน่ื ๆ พอสมควร ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนาถัดไป ๐ กลับหนาหลัก/สารบัญ

การเลย้ี งหมใู นยคุ IMF 12 - วางผังโรงเรือนใหความยาวของโรงเรือนอยูในแนวทิศตะวันตก ตะวันออก เพอ่ื ใหแ สงแดดสอ งภายในโรงเรอื นนอ ยทส่ี ดุ - ควรจดั ทางระบายนา้ํ เสยี และบอ นา้ํ เสยี ไวใ กลๆ โรงเรอื น - ควรปลูกไมยืนตนหางจากตัวโรงเรือน 5-6 เมตร ไมค วรปลกู ไม พมุ เตี้ยเพระจะกาํ บงั ลมทพ่ี ดั มาในระดบั ตา่ํ - เน่ืองจากประเทศไทยอากาศรอ นอยตู ลอดทง้ั ป โรงเรอื นสกุ รควร จะโปรง หลงั คาสงู ชายหลงั คายางกนั แดดไดม าก ฝาผนงั โรงเรอื น โปรงระบายอากาศไดด ตี ลอดเวลา - ถาสามารถขุดบอน้ํารอบๆ โรงเรือนหรือดานใดดานหน่ึงของโรง เรือน จะชว ยใหบ รรยากาศภายในโรงเรอื นดขี น้ึ อากาศเยน็ สบาย ตลอดทง้ั วนั - การออกแบบโรงเรือนควรจะเผื่อไวสําหรับขยายโรงเรือนภายใน อนาคตดว ย - อายุการใชง านของโรงเรอื น ควรกาํ หนดไวอ ยา งนอ ย 10 ป โรงเรอื น 1 ถนน โรงเรอื น 4 โรงเรอื น 2 ภายใน โรงเรอื น 5 ฟารม โรงเรอื น 3 โรงเรอื น 6 ซองตอ นสกุ รขน้ึ รถ อา งยา ฆา เชอ้ื แนวถนน ถนนใหญ รปู ที่ 4 แบบแปลนโรงเรือนสุกร ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนาถัดไป ๐ กลับหนาหลัก/สารบัญ

การเลย้ี งหมใู นยคุ IMF 13 3.2 ลกั ษณะโรงเรอื น ลักษณะของโรงเรอื นนน้ั เกษตรสามารถกอ สรา งแตกตา งออกไปหลาย รูปแบบ เชน แบบเพงิ หมาแหงน สาํ หรบั เลย้ี งสกุ ร 1-10 ตวั แบบหนาจั่ว สาํ หรบั เลย้ี งสกุ ร 10-100 ตวั แบบหนาจั่ว 2 ชั้น สาํ หรบั เลย้ี งสกุ ร 100 ตวั ขน้ึ ไป รปู ที่ 5 ลักษณะโรงเรอื นดา นนอก รปู ที่ 6 ภายในคอกสกุ รขนุ โรงเรอื นตามรปู ท่ี 6 มสี ว นประกอบ ดงั น้ี - หลังคาโรงเรอื นแบบหนา จว่ั สูงจากพื้น 3 เมตร - ชายหลังคา เลยออกไปทง้ั สองขา ง ขา งละ 12 เมตร - มุมหลังคาลาดเอยี งประมาณ 15 องศา - หลังคามุงดว ยกระเบอ้ื งลอนเลก็ กนั ความรอ นไดด ี - โรงเรือนกวาง 8 เมตร ยาว 20 เมตร มที างเดนิ ระหวา งกลาง 2 เมตร - ภายในโรงเรอื นแบง เปน คอกขนาดแตกตา งกนั - พื้นโรงเรือนทําดวยคอนกรีตหยาบ มีความลาดเอียงประมาณ 10 องศา ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนาถัดไป ๐ กลับหนาหลัก/สารบัญ

การเลย้ี งหมใู นยคุ IMF 14 - ดานหลงั คอกมรี อ งระบายมลู สกุ ร - วสั ดกุ น้ั คอกทาํ ดว ยไมเ นอ้ื แขง็ - ภายในโรงเรอื นมหี อ งเกบ็ อาหาร วสั ดุ และอปุ กรณต า งๆ 3.3 การแบงสัดสว นภายในโรงเรือน มีรายละเอยี ดดงั น้ี 3.3.1 คอกสกุ รพอ พนั ธุ รูปที่ 7 คอกสกุ รพอ พนั ธุ - สุกรพอพันธแุ ตล ะตวั ตอ งแยกเลย้ี งในคอกเดย่ี ว เลย้ี งรวมกนั ไมไ ด - คอกสุกรพอพันธุควรจะสรางไวดานใดดานหน่ึงของโรงเรือน เชน ดา นตะวนั ออก - คอกสุกรพอพันธควรจะสรางสูงกวาคอกสุกรขุน (1.2 เมตร) มีทางเขา ออกสะดวก ประตปู ด เปด งา ย - ดานหน่ึงของคอกสุกรพอพันธุ ควรจะติดตอกับคอกดินยื่นออก นอกโรงเรือน เพือ่ ใหพ อ สกุ รเดินออกกาํ ลงั กาย และไดรับแสงแดด บางบางเวลา - คอกสุกรพอพันธุควรจะมีขนาด 2.5x3 เมตร มีรางอาหาร คอนกรีต มจี กุ นา้ํ ชนดิ ดดู มที างระบายมลู และรอ งน้าํ อยดู า นหลงั 3.3.2 คอกสกุ รสาว - สุกรสาว หมายถึง สกุ รทม่ี นี ้ําหนกั ตง้ั แต 40 กโิ ลกรมั ขน้ึ ไป เตรียม ไวเ ปน แมพ นั ธุ - คอกสุกรสาวตองเปนคอกรวม เลย้ี งสกุ รสาว 3-4 ตวั ในคอกเดยี ว กัน - คอกสุกรสาวควรจะมเี นอ้ื ท่ี 1-1.2 ตารางเมตรตอ สกุ รสาว 1 ตวั - เม่ือสกุ รสาวนา้ํ หนกั ไดป ระมาณ 90 กิโลกรัม ตอ งยา ยเขา คอก สุกรพนั ธเุ ตรยี มการผสมพนั ธุ ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนาถัดไป ๐ กลับหนาหลัก/สารบัญ

การเลย้ี งหมใู นยคุ IMF 15 - การเลี้ยงสุกรสาวตองควบคุมการเจริญเติบโต อยาปลอยใหอวน หรือโตเรว็ เกนิ ไป จะเปน ผลเสยี ตอ การผสมพนั ธุ 3.3.3 คอกสกุ รแมพ นั ธุ - คอกสุกรแมพ นั ธเุ ปน คอกขงั เดย่ี ว ขนาดประมาณ 1.4 ตารางเมตร เพ่ือฝก ใหแ มส กุ รอยนู ง่ิ ๆ ไมก ระวนกระวาย - วัสดุที่นิยมใชทาํ คอกสกุ รแมพ นั ธคุ อื ทอ แปบ เหลก็ เชอ่ื มเปนโครง โปรง แมส กุ รจะยนื หรอื นอนอยใู นบรเิ วณทจ่ี ํากัด - เมื่อสุกรพันธุผสมพันธุแลวจะตองยายไปคอกสุกรแมพันธุ (คอก คลอดและเล้ียงลูก) ซ่ึงมีขนาดใกลเคียงกัน แตม ชี อ งสาํ หรบั ลกู สุกรอยู 3.3.4 คอกคลอดเลย้ี งลกู - คอกแมส กุ รเลย้ี งลกู แบง ออกเปน 2 สวน คอื สวนที่แมสุกรอยู กวางประมาณ 80 เซนตเิ มตร ยาว 1.2 เมตร และสวนที่ลูกสุกร อยู 2 ขา ง กวา งขา งละ 30-40 เซนตเิ มตร - สวนที่แมสุกรอยู มรี างนา้ํ และรางอาหารอยดู า นใดดา นหนง่ึ - แมสุกรจะหนั หนา ไปดา นเดยี วตลอด เอย้ี วตวั กลบั ไมไ ด - เวลาสว นใหญแมสุกรจะยืน หรอื นอนตะแคงขา งใดขา งหนง่ึ ทําให ลูกสุกรเขา ไปกนิ นมไดง า ย แมส กุ รจะไมน อนทบั ลกู - สวนท่ีลูกสุกรอยูควรมีรางอาหารเล็กๆ สําหรับใสอาหารเลย้ี งลกู สุกร - แมสุกรจะเลย้ี งลกู อยบู นคอกนไ้ี ปจนถงึ หยา นม - คอกแมสุกร-ลกู สุกรควรจะจดั เรียงอยูในแถวเดยี วกนั ไมป ะปนกบั สุกรชนดิ อน่ื ๆ 3.3.5 คอกสกุ รขนุ - คอกสุกรขุนเปน คอกทส่ี รา งงา ย มสี ว นประกอบนอ ย และสรา งได หลายแบบตามความตอ งการของเกษตรกร - เกษตรกรที่เลี้ยงสุกรจํานวนนอ ย หรอื เลย้ี งสกุ รขนุ เพยี งอยา งเดยี ว อาจจะสรางโรงเรือนเพิงหมาแหงนแลวใชไมไผทั้งลําก้ันเปนคอก สูงขึ้นมา 1 เมตร กวาง 3 เมตร ยาว 4 เมตร กส็ ามารถใชเ ลย้ี ง สุกรขนุ ไดถ งึ 10 ตวั - เกษตรกรท่ีเลยี้ งสกุ รขนุ 20-50 ตวั อาจจะทาํ คอกดว ยอฐิ บลอ ก กอสงู ขน้ึ มา 5-6 กอ น โดยให 2 กอ นบนเปน อฐิ โปรง ชวยให ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนาถัดไป ๐ กลับหนาหลัก/สารบัญ

การเลย้ี งหมใู นยคุ IMF 16 ระบายอากาศดขี น้ึ ทําพน้ื คอนกรตี หยาบๆ จะเก็บกวาดทาํ ความ สะอาดไดง า ย - เกษตรกรท่ีเล้ียงสุกรขุนอยางเปนอุตสาหกรรม ควรจะสรางคอก ยกพื้นปูพ้ืนคอกดวยคอนกรีตเปนรองยาว เพื่อใหมูลสุกรไหลลง ขางลางไดงาย คอกแบบน้กี ําลงั เปน ทน่ี ยิ มมาก เพราะปอ งกนั โรค ไดดี ทําความสะอาดงา ย ประหยัดแรงงาน ในคอกหนง่ึ ๆ ควรจะ เล้ียงสุกรขนุ 5-10 ตวั เทา นน้ั และคอกสกุ รขนุ แตล ะคอกตอ ง เลี้ยงสุกรอายุเทากัน ขนาดเทา กนั รูปที่ 8 คอกสกุ รขนุ 3.4 อปุ กรณก ารใหอ าหารสกุ ร อุปกรณการใหอ าหารสกุ รทน่ี ยิ มใชก นั มากในปจ จบุ นั นม้ี ี 4 แบบ คอื 3.4.1 รางอาหารคอนกรตี เกษตรกรนิยมกอคอนกรีตเปนรางอาหารยาวที่ดานหนาของคอกสุกร มีขนาดกวางประมาณ 30 เซนตเิ มตร ความยาวตามตอ งการ ความสงู 15-20 เซนติเมตร เปน รางอาหารแบบถาวร ขอ ดคี อื มีความทนทานมาก ใชไ ดน าน สกุ รไม สามารถดนั จนพลกิ คว่ําได แตม ขี อ เสยี คอื เคลอ่ื นยา ยไมไ ด ทําความสะอาดยาก สุกร อาจจะเขา ไปนอนในรางอาหารได 3.4.2 รางอาหารยาว รางอาหารยาวสําหรับเล้ียงสุกรเปนทน่ี ยิ มกนั มากในอดตี แตปจจุบัน ผูเล้ียงสุกรอยางเปนการคานิยมทํารางอาหารยาวสําหรับเลี้ยงสุกรเล็ก หรือลูกสุกร โดยใชโลหะสเตนเลสทําเปน รางอาหาร แลว ตดิ ไวเ กบ็ ดา นใดดา นหนง่ึ ของคอก รปู ที่ 9 รางอาหารและที่ใหนํ้าสกุ ร ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนาถัดไป ๐ กลับหนาหลัก/สารบัญ

การเลย้ี งหมใู นยคุ IMF 17 รปู ที่ 10 ถงั อาหารกลม สามารถเคล่ือนยายและปลดออกมาทําความสะอาดไดงาย แตมี ราคาคอนขางแพง ถา ใชอ ยา งไมร ะมดั ระวงั อายุการใชงานอาจจะไมนานนกั 3.4.3 ถงั อาหารกลม ถังอาหารกลมเปนที่นิยมกันมากในปจจุบัน เพราะทําไดหลายขนาด ใชไดกับสุกรเล็กและสุกรใหญ สามารถเคลอ่ื นยา ยได ตัวถังทาํ ดว ยโลหะสเตนเลสหรอื สังกะสีหนา พ้ืนถงึ เปน คอนกรตี หรอื โลหะหนาเชน เดยี วกนั ตวั ถงั ตอ เขา กบั แกนซง่ึ หมนุ ไดรอบ เมอ่ื สกุ รใชป ากดนั ถงั ใหห มนุ อาหารกจ็ ะไหลออกมาทีละนอ ยๆ เมอ่ื อาหาร หมดก็จะคอยๆ ไหลออกมาใหม เปน การปอ งกนั อาหารหกหลน ไปในตวั นอกจากนน้ั สุกรยังสามารถเขา กนิ อาหารไดร อบทศิ ประหยดั เนอ้ื ทร่ี างอาหารไดม าก 3.4.4 ถงั อาหารอตั โนมตั ิ ฟารมขนาดใหญซึ่งเลี้ยงสุกรจาํ นวนมาก หนั มาใชร างอาหารอตั โนมตั ิ กันมาก เนื่องจากสะดวกตอการปฏิบัติงาน ประหยดั แรงงานสามารถควบคมุ ปรมิ าณ อาหารได และสามารถจดบันทึกปริมาณอาหารที่สุกรกินไดอยางถูกตองแมน ยํา ถงั อาหารอัตโนมตั มิ หี ลายแบบ แตล ะแบบตา งกม็ ขี อ ดขี อ เสยี แตกตา งกนั เกษตรกรควรจะ ทาํ การศึกษาเพิ่มเติมจากบริษัทผูผลิต บทท่ี 4 อาหารและการใหอาหารสุกร 4.1 ปรมิ าณอาหารสําหรบั สกุ รขนาดตา งๆ อาย/ุ นา้ํ หนกั ปรมิ าณอาหาร ปรมิ าณอาหารท่ี วิ ธี ก า ร ใ ห  อาหาร กิโลกรัม/ตวั /วัน กินสะสม(กิโลกรัม) ใหเต็มที่ ลกุ สกุ ร 0.2-0.8 49.5 (หยานม-25 กิโลกรัม) ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนาถัดไป ๐ กลับหนาหลัก/สารบัญ

การเลย้ี งหมใู นยคุ IMF 18 สกุ รรนุ 1.0-1.8 98.0 ใหเต็มที่ (25-60 กิโลกรัม) สกุ รขนุ 2.0-3.0 84.0 ใหเต็มที่ (60-100 กิโลกรัม) สุกรแมพันธุ 2.0-2.5 - จาํ กดั อาหาร สุกรพอพันธุ 2.5-3.0 - จาํ กดั อาหาร * สุกรขุน สกุ รรนุ และลกู สกุ รตอ งใหก นิ อาหารเตม็ ท่ี หมายถงึ ใสอ าหารไวใ น รางตลอดทง้ั วนั เพื่อใหสุกรโตเร็วที่สุด และมนี า้ํ ใหก นิ ตลอดเวลา * สุกรแมพ ันธุและสุกรพอ พันธุตองจาํ กดั อาหาร คอื ใหก นิ อาหารในปรมิ าณท่ี กําหนด เพอ่ื ไมใ หส กุ รอว นเกนิ ไป หากสกุ รแมพนั ธุอ วนจะผสมตดิ ยาก และสุกรพอ พันธุอาจจะผสมไมด ี อว นอยุ อา ย นอกจากนน้ั ยงั มอี นั ตรายเพราะน้าํ หนกั ตวั มากแขง ขา รบั นา้ํ หนักไมไหว * ปริมาณอาหารทใ่ี หใ นตารางเปน เพยี งตวั อยา ง ในทางปฏบิ ตั ปิ รมิ าณอาหาร ที่สุกรกินจะข้ึนอยูกับคุณภาพของอาหาร ถาอาหารมีคุณภาพดีสุกรจะกินในปริมาณ นอยก็เพียงพอกับความตองการ 4.2 การผสมอาหารสกุ รโดยใชห วั อาหาร หัวอาหาร หมายถึง อาหารทผ่ี สมใหม คี วามเขม ขน มาก มสี ารอาหารท่ี เปนแหลงโปรตีน แรธ าตุ และวติ ามนิ ในปรมิ าณสงู สว นใหญจ ะมรี ะดบั โปรตนี ประมาณ 35-45 เปอรเ ซน็ ต นบั วา สะดวกสบายสาํ หรบั เกษตรกรมาก กอ นใชเ กษตรกรจะตอ ง นํามาผสมกับแหลง พลงั งาน ซง่ึ สามารถหาซอ้ื ในทอ งถน่ิ เชน ปลายขา ว ขา วโพดปน มันสําปะหลัง รําขา ว ในปริมาณที่บรษิ ัทผผู ลิตกําหนด การเลอื กซอ้ื หวั อาหาร ควรเลอื ก ซ้ือใหเหมาะสมกบั สกุ รแตล ะขนาด เนอ่ื งจากบรษิ ทั ผผู ลติ ไดผ ลติ หวั อาหารขน้ึ มาหลาย ชนิด เชน • หัวอาหารสุกรพอพันธุ • หัวอาหารสุกรแมพันธุ • หัวอาหารลูกสุกร • หัวอาหารสุกรรุน • หวั อาหารสุกรขนุ • หวั อาการสกุ รสาว การผสมหัวอาหารกับวัตถุดิบ อาจจะผสมดงั ตวั อยา งตอ ไปน้ี • หวั อาหารเขม ขน 20 กิโลกรัม • ราํ ละเอยี ด 30 กิโลกรัม ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนาถัดไป ๐ กลับหนาหลัก/สารบัญ

การเลย้ี งหมใู นยคุ IMF 19 • ปลายขา ว 50 กิโลกรัม อาหารท่ีผสมเสร็จจะมีโปรตีน 13-15 เปอรเซ็นต ขน้ึ อยกู บั ชนดิ ของหัวอาหาร 4.3 การเลย้ี งสกุ รโดยใชอ าหารสาํ เรจ็ รปู เนื่องจากปจจุบันนี้ มีบริษัทผูผลิตอาหารสัตวหลายบริษัทไดทําการ ผลิตอาหารสําเร็จรูป ซึ่งสามารถใชเลี้ยงสุกรไดทันทีไมตองเสียเวลาผสมอีกใหความ สะดวกตอ เกษตรกรมาก แตร าคาคอ นขา งสงู อาหารสําเรจ็ รปู นเ้ี หมาะสาํ หรับลูกสุกร และเกษตรกรท่ีเร่ิมตนเล้ียงสุกรใหมๆ เพราะคุณภาพอาหารดีมาก ลดความยงุ ยาก ตา งๆ ไดม ากดว ย บทที่ 5 การเลย้ี งสกุ รระยะตา งๆ สุกรแตละอายุ แตล ะขนาดตอ งการการดแู ลและเลย้ี งดแู ตกตา งกนั ขอ ใหเกษตรกรทําความเขาใจและหมั่นศึกษาพฤติกรรมของสุกรแตละอายุ ศึกษาความ ตองการของสุกรขนาดตางๆ กัน แลวหมั่นปรับปรุงการเล้ียงดูและจัดการฝูงสุกรใน ฟารมของตนเองใหด ขี น้ึ อยเู สมอ ทง้ั นห้ี ลกั ทว่ั ไปในการเลย้ี งดสู กุ รระยะตา งๆ มดี งั น้ี 5.1 การเลย้ี งสกุ รเลก็ สุกรรุน และสกุ รขนุ รปู ที่ 11 สกุ รขนุ ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนาถัดไป ๐ กลับหนาหลัก/สารบัญ

การเลย้ี งหมใู นยคุ IMF 20 รปู ที่ 12 สกุ รสาวคัดไวทําพันธุ - ถาลูกสกุ รในฟารม มจี าํ นวนมาก ใหแ บง เปน กลมุ ๆ แตล ะกลมุ ใหม ี ขนาดใกลเ คยี งกนั ทส่ี ดุ แยกเลย้ี งเปน คอก คอกละไมเ กนิ 20 ตวั โดยคดิ เนอ้ื ทต่ี อ ตวั ดงั น้ี น้ําหนกั สกุ ร (กิโลกรัม) ขนาดพน้ื ท่ี (ตารางเมตร/ตวั ) หยานม – 15 0.3 15 - 30 0.5 30 –60 0.8 60 – 100 1.2 - จัดรางน้ําและรางอาหารใหเพียงพอกับสุกรท่ีเล้ียง เพื่อใหสุกรได กินอาหารพรอ มๆ กัน เมอ่ื สกุ รโตขน้ึ กเ็ ปลย่ี นรางอาหารใหย างขน้ึ และมีเน้ือทร่ี างอาหารตอ สกุ รแตล ะตวั มากขน้ึ ดว ย น้ําหนกั สกุ ร ความยาวของรางอาหาร(เซนตเิ มตร/ตวั ) (กิโลกรัม) หยานม – 15 15 15 – 30 20 30 – 60 25 60 – 100 30 - ทที่ าํ ใหนา้ํ สําหรบั สกุ รเลก็ สกุ รรนุ และสุกรขุนที่สะดวกที่สุด คอื ที่ ใหน ้ําแบบหวั จุกอตั โนมตั ิ โดยกะใหนาํ้ 1 หัวตอสุกร 10-15 ตวั - การใหอาหารสุกรทั้ง 3 ขนาด ตอ งใหอ าหารเตม็ ท่ี คอื ใหมอี าหาร กินจนอิ่ม สว นใหญแ ลว จะใหอ าหารวนั ละ 2 ครง้ั เชาและเย็น - ไมควรอาบนํ้าใหสุกร เพราะไมไดทาํ ใหเ กดิ ประโยชนต อ สกุ รมาก นักอาจจะทาํ ใหส กุ รลน่ื ลม คอกเฉอะแฉะ เปนแหลง เพาะเชอื้ โรค ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนาถัดไป ๐ กลับหนาหลัก/สารบัญ

การเลย้ี งหมใู นยคุ IMF 21 - ทําการฉดี วคั ซนี ปอ งกนั โรคระบาดสกุ รโดยสม่าํ เสมอ ตามคาํ แนะ นาํ ของสัตวแพทย - การเคลอ่ื นยา ยสกุ ร การนาํ สกุ รสง ตลาด ควรจะทาํ ในชว งเวลาท่ี อากาศเยน็ และใชค วามระมดั ระวงั - ควรจาํ หนา ยสกุ รขนุ เมอ่ื น้ําหนกั 90-100 กิโลกรัม อายไุ มเ กนิ 7 เดอื น - สุกรสาวที่คัดไวทําพันธุ ควรจะแยกเลี้ยงตางหากเม่ือน้ําหนักได 40 กโิ ลกรมั ขน้ึ ไป บทท่ี 6 โรคที่สาํ คญั ของสกุ ร การปอ งกนั และการรกั ษา การเล้ียงสุกรกเ็ หมอื นกบั การเลย้ี งสตั วช นดิ อน่ื ๆ คอื แมวาสุกรจะเปน สัตวท่ีเล้ียงงา ย เจริญเติบโตเร็ว มคี วามแขง็ แรงทนทานตอ สภาพแวดลอ มตา งๆ ไดด ี ก็ ยังมีโอกาสเกิดโรคเจ็บปวยและลมตายไดเชนเดียวกัน วิธีที่ดีที่สุด คอื การปอ งกนั ไมใ ห โรคเกิดขึ้น ปอ งกนั ไมใ หม กี ารตดิ ตอ ลดความรนุ แรงของโรค และทาํ การรกั ษาโรคสัตว อยางถูกวธิ ี จึงขอแนะนําหลกั การปอ งกนั โรค รวมทง้ั โรคตา งๆ ของสกุ รใหเ กษตรกรได ศึกษาในเบอ้ื งตน ดงั น้ี 6.1 โรคสุกรที่สาํ คญั ทเ่ี กษตรกรควรรู โรคสุกรท่ีสําคัญที่เกษตรกรควรจะรูและศึกษารายละเอียดเพ่ิมเติม ไดแก โรคสกุ ร อาการ การปอ งกนั -รักษา โรคอหิวาตสุกร - มีไขส งู รวดเรว็ - ฉีดวัคซนี ปอ งกนั โรคอหวิ าต - ซมึ ไมก นิ อาหาร ไอมี - ทาํ ลายซากสุกรทเ่ี ปน โรค นา้ํ มกู - ผิวหนงั แดงตามทอ ง - นาํ สัตวแพทยมาตรวจ - มีอาการทางประสาท ชักและตายในที่สุด โรคปากและเทา เปอย - มไี ขส งู - ฉีดวัคซีนปองกันโรคปากและ เทา เปอ ย ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนาถัดไป ๐ กลับหนาหลัก/สารบัญ

การเลย้ี งหมใู นยคุ IMF 22 - เริ่มเกิดผื่นแดงที่ผิว - นาํ สัตวปวยออกจากฝูง หนัง หู จมกู - สัตวเร่ิมเจ็บเทา มี - ทาํ ลายเชอ้ื โรคในคอก แผลขา งกบี - สัตวเ บอ่ื อาหาร ผอม โรคไขห นงั แดง - มไี ขส งู - ฉีดวคั ซนี ปอ งกนั โรค โรคไขหวัดใหญ - เริ่มเกิดผื่นแดงที่ผิว - ฉีดยาเพนิซลิ ลินเพ่ือรักษา มดลกู อกั เสบ หนัง หู จมูก แผล - เกดิ แผลตามผวิ หนงั - สุกรปวย หงอย ซึม - เล้ียงสุกรในคอกทแ่ี หง อากาศ ถายเทดีไมอับชื้น - อุ ณ ห ภู มิ ตั ว สู ง ถึ ง - ใชยาปฏิชีวนะเพ่ือปองกันโรค 104-107 องศา แทรกซอน ฟาเรนไฮต - จ ะ ป  ว ย ติ ด ต  อ กั น ทั้งฝูง - หนาว ส่ัน นอนสมุ กัน - ไอ จาม ข้ีมูกข้ีตา เหนียว - แ ม  สุ ก ร มี ห น อ ง สี - ใชยาปฏชิ วี นะฉดี สกุ รเพอ่ื ปอ ง เหลืองกล่ินเหมน็ ไหล กันโรคแทรกซอน ออกมาจากชอง คลอด 6.2 การฉดี วคั ซนี ปอ งกนั โรคสกุ ร นอกจากเรื่องของการปองกันโรคโดยการจัดการสิ่งแวดลอมใหเหมาะ สมแลว เกษตรกรจาํ เปน จะตอ งทาํ การฉดี วคั ซนี ปอ งกนั โรคสกุ รอยา งสมา่ํ เสมอ ซง่ึ กรม ปศุสัตวไดก าํ หนดโปรแกรมการทาํ วัคซีนใหเหมาะสม ดงั น้ี อายุสุกร วัคซีนที่ฉีด 5-6 สัปดาห ฉีดวัคซนี ปอ งกนั โรคอหวิ าตส กุ ร 6-7 สัปดาห ฉีดวัคซนี ปอ งกนั โรคปากและเทา เปอ ย 8-10 สัปดาห ฉีดวคั ซนี ปอ งกนั โรคปากและเทา เปอ ยซา้ํ 7 เดอื น ฉีดวัคซนี ปอ งกนั โรคอหวิ าตส กุ รซา้ํ 8 เดอื น ฉีดวคั ซนี ปอ งกนั โรคปากและเทา เปอ ยซา้ํ ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนาถัดไป ๐ กลับหนาหลัก/สารบัญ

การเลย้ี งหมใู นยคุ IMF 23 หลังจากการผสมพันธแุ มสุกรแลวไมควรจะฉดี วัคซนี จนกระทง่ั คลอด ลกู จึงเร่ิมโปรแกรมการทําวคั ซนี ใหม 6.3 หลกั การใชว คั ซนี ปอ งกนั โรคสกุ ร - ทําความสะอาดอปุ กรณก ารทาํ วคั ซนี โดยการตม ฆา เชอ้ื โรค - ปลอ ยใหอปุ กรณการทาํ วคั ซนี เยน็ กอ นเรม่ิ ทาํ วัคซีน - หามใชแ อลกอฮอลห รอื ยาฆา เชอ้ื โรคอน่ื ๆ ทําความสะอาดอปุ กรณ การทาํ วัคซีน - เก็บรักษาวคั ซนี ใหถ กู ตอ ง อยา ใหถ กู ความรอ นหรอื แสงแดด - ใชว คั ซนี ในปรมิ าณทผ่ี ผู ลติ กําหนด - ทําวคั ซนี กบั สตั วท ม่ี อี ายแุ ละขนาดตามทผ่ี ผู ลติ วคั ซนี กาํ หนด - สัตวทจ่ี ะฉดี วคั ซนี ตอ งมสี ขุ ภาพสมบรู ณ - วัคซีนท่ีเหลือหลังจากการฉีดวัคซีนแลว ควรจะทาํ ลายโดยการฝง หรือเผา - หลังจากการทําวัคซีน สุกรอาจจะเกิดอาการแพ ควรดแู ลเอาใจใส ใหดี ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนาถัดไป ๐ กลับหนาหลัก/สารบัญ จดั ทาํ เอกสารอิเล็กทรอนิกสโดย : สาํ นกั สง เสรมิ และฝก อบรม มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร