การปลกู กระทอ้ น กรมสง่ เสรมิ การเกษตร
กระท้อนเป็นไม้ผลเมืองร้อนอีกชนิดหนึ่งที่มีปลูกกันในประเทศไทยมาเป็นเวลาช้านาน สว่ นมากจะปลกู กันตามสวนหลงั บา้ นและ มักจะเปน็ พันธุพ์ ้นื เมือง รสเปร้ยี ว จึงไมม่ กี ารเอาใจใส่ ดูแลรกั ษาตอ่ มาระยะหลังนมี้ ผี นู้ ยิ มปลกู กระทอ้ นพนั ธด์ุ กี นั มากขน้ึ ความตอ้ งการของตลาดกม็ มี าก ขน้ึ ดว้ ย จงึ ทำใหพ้ น้ื ทป่ี ลกู กระทอ้ นพนั ธด์ุ ขี ยายตัวเพิ่มมากขึ้น เพราะนอกจากจะดูแลรักษาง่ายแล้ว ผลผลิตยังจำหน่ายได้ราคาดีอีกด้วย เดิมแหล่งผลิตกระทอ้ นพันธุด์ จี ะมเี ฉพาะที่จงั หวดั นนทบุรแี ละ บางเขตของกรงุ เทพมหานครเทา่ น้นั แต่ปจั จบุ ันกระจายไปอย่ตู ามจังหวัดต่าง ๆ ท่วั ประเทศ เชน่ ปราจีนบุรี ชลบรุ ี สุพรรณบรุ ี สุราษฎรธ์ านี เปน็ ตน้ พนั ธ์ุ ในสมยั ก่อนนยิ มปลกู กระท้อนด้วยตน้ ท่เี พาะจากเมล็ด จึงทำให้ได้กระท้อนพันธุใ์ หม่ ๆ เกดิ ขึ้นอยูเ่ สมอ ซ่งึ บางครง้ั อาจได้พันธ์ทุ ม่ี ีคณุ ภาพดกี ว่าต้นแม่เสยี อกี (แต่มไี ม่มากนัก) เมอ่ื มีพนั ธใุ์ หมท่ ด่ี เี กิดขน้ึ กจ็ ะมกี ารตั้งชอื่ ตามชือ่ ของเจ้าของหรือตามลักษณะของผลหรอื แหล่งที่ต้นกระท้อนข้นึ อยู่ จึงทำใหใ้ นปัจจบุ ันมกี ระท้อนพั นธ์ตุ า่ ง ๆ ไม่ตำ่ กว่า 20 พนั ธุ์ ได้แก่ ทบั ทมิ เขียวหวาน ปุยฝ้าย นิม่ นวล ขันทอง เทพรส อีล่า บวั ลอย หลังทอ่ ไหว ตาเชื่อม ทองหยบิ ทับทมิ ทอง อจี าน หมาตนื่ ปยุ เมฆ ทองใบใหญ่ ตาอยู่ ไกรทอง เมล็ดในไหว กำมะหย่ี ผลกระท้อนส่วนใหญจ่ ะมี ลักษณะท่คี ่อนข้างคล้ายกัน บางคร้งั ก็ทำให้เกดิ ความสับสนในการแยกพนั ธุ์ ตอ้ งอาศยั ความชำนาญมาก ๆ จึงจะสามารถบอกไดว้ ่าเป็นพนั ธอ์ุ ะไรไดอ้ ยา่ งถูกต้อง การปลกู การปลูกกระทอ้ นในประเทศไทยแบ่งตามสภาพพนื้ ทไ่ี ด้ 2 ประเภท คือ ประเภทสวนยกรอ่ ง พื้นทสี่ ่วนใหญจ่ ะอยทู่ างท่ลี ่มุ ภาคกลาง พ้นื ที่ เดิม เปน็ ท้องนามนี ำ้ ท่วมถึง จงึ ตอ้ งยกร่องขน้ึ เพอ่ื สะดวก ในการระบายน้ำ ขนาดของสนั รอ่ งโดยทว่ั ไปจะกวา้ งไมน่ ้อยกว่า 6 เมตร จะมีร่องน้ำกว้าง 1.5 เมตร ลึก 1 เมตร ระยะปลูกสำหรบั พื้นที่ยกรอ่ งจะใชร้ ะยะระหวา่ งต้นประมาณ 6 เมตร ในพ้ืนที่ 1 ไร่ จะปลกู ไดป้ ระมาณ 35 ต้น ประเภทสวนท่ดี อน เปน็ พน้ื ทท่ี น่ี อกเหนอื ไปจากประเภทแรก และมกั ไมม่ ปี ญั หาเรอ่ื งนำ้ ทว่ มจงึ ไมต่ อ้ ง ยกรอ่ งเมอ่ื ไถปรบั พน้ื ท่ี แลว้ ก็สามารถขดุ หลุมปลูกได้เลย ตามปกตกิ ระทอ้ นเปน็ ไม้ผลทีท่ รงพ่มุ ขนาดใหญ่ แตเ่ พื่อความสะดวกในการ ดแู ลรักษาและหอ่ ผลซ่งึ จะตอ้ งทำทุกปี จึงนยิ มตดั แตง่ กิง่ นำทจี่ ะทำใหท้ รงพมุ่ สูงขึ้นไปออกเสยี ทรงพุ่มจะขยาย ออกดา้ นข้างแทนดา้ นบน จึงสะดวกในการปฏบิ ตั ิงานสำหรับพน้ื ท่ดี อนสามารถใชร้ ะยะปลกู ตง้ั แต่ 6 x 8 เมตร ถึง 5 x 8 เมตร ในพืน้ ท่ี 1 ไร่ จะปลูกไดป้ ระมาณ 25 - 30 ตน้
การเตรยี มหลุมปลกู ควรจะขุดหลุมให้มีขนาดไม่ต่ำกว่า 50 x 50 x 50 เมตร (กว้าง x ยาว x ลึก) หลุมถ้ามีขนาดใหญ่ยิ่งดี จะช่วยให้ต้นกระท้อนโตเร็วมากยิ่งขึ้น ผสมดินที่ขุดขึ้นมากับปุ๋ยคอกเก่า ๆ (ประมาณ 10 กก. ต่อหลุม) รองกน้ หลุม ดว้ ยปุ๋ยหนิ ฟอสเฟต ประมาณ 1 กิโลกรมั ต่อหลมุ กลบดินผสมลงในหลมุ ใหพ้ นู ขน้ึ กวา่ ระดบั ปาก หลุมเล็กนอ้ ย วางต้นกระทอ้ นทเ่ี ตรียมไว้ (เอาถุงทีช่ ำออกกอ่ น) ปลกู ลงกลางหลมุ กดดินให้แน่น ใช้ไมห้ ลักปา้ ย ยึดลำต้นกันลมพัดโยก รดน้ำให้ชุ่ม ถ้ามีแดดจัดควรมีการพลางแดดให้ด้วยจะทำให้ต้นกระท้อนตั้งตัวเร็วขึ้น ตน้ กระทอ้ นท่เี กดิ ใหม่ การออกดอกติดผล เดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม ใบของกระท้อนจะเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองส้มและร่วงในเวลาต่อมา จากนั้น จะมีการแทงยอดอ่อนและช่อดอกออกมาประมาณมกราคม ดอกจะเริ่มบานติดผลเล็ก ๆ ตามปกติ กระท้อนจะติดผล ค่อนข้างมากแต่ก็จะร่วงไปในขณะที่ผลยังเล็กอยู่เป็นจำนวนมากด้วย เช่นกันเมื่อถึงเวลาห่อ ก็จะมีการเด็ดผลที่ไม่ดี หรือช่อที่ติดผลมากไปทิ้งด้วย จนในที่สุดจะเหลือผลกระท้อน ที่ห่อได้ประมาณ 400-600 ผลต่อต้น
การห่อผล หลังจากดอกบานแล้วประมาณ 80-100 วัน ผลจะมีขนาดโตประมาณ 5-6 ชม. ผิวจะเริ่มเปลี่ยนสีเป็น สีเขียว ขี้ม้า และหลังจากนี้อีก 7-10 วัน จะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีกระดังงา ซึ่งเป็นช่วงที่แมลงวันผลไม้จะเริ่มเข้า ทำลายแลว้ จงึ จะตอ้ งทำการหอ่ ผลตง้ั แตส่ ผี วิ เปน็ สเี ขยี วขม้ี า้ วตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ปอ้ งกนั การเขา้ ทำลายของแมลงวนั ผลไม้ และผลที่ได้ตามมาคือ ผิวของผลจะสวย ผลมีขนาดใหญ่ขึ้น เนื้อมีคุณภาพดีขึ้น แต่ไม่ควรห่อผลตั้งแต่ ผลที่ยังเล็กอยู่เพราะจะทำให้ผลแคระแกรนและร่วงอยู่ในถุงห่อเป็นจำนวนมากด้วย สำหรับวัสดุที่ใช้ห่อนั้น เดิมนิยมใช้ใบตองแห้งมาพับเป็นถุง สำหรับห่อเรียกว่า กระโปรง มีการพับไว้เป็น จำนวนมากเพื่อใช้เอง และขายด้วย เวลาจะใช้จะแช่น้ำให้ใบตองอ่อนตัว ผึ่งให้แห้งก่อนจึง นำขึ้นไปห่อผล การใช้ใบตองห่อผลจะทำให้ผลมีผิวเป็นสีน้ำตาลและ มีนวลสวยงาม แต่บางครั้งอาจมีคราบของเชื้อราขึ้นเป็นคราบที่ผิวได้ ปัจจุบันใบตองแห้งหายากขึ้น จึงมีการเอากระดาษสีน้ำตาลซึ่งได้จาก ถุงบรรจุปูนซิเมนต์หรือถุงบรรจุอาหาร สัตว์ นำมาตัดให้มีขนาด 12 x 18 นิ้ว บางแห่งจะนำมาพับเป็นถุงห่อคล้ายกับการพับกระโปรง ใบตอง แตบ่ างแหง่ จะพบั เปน็ ถงุ กน้ กวา้ งกไ็ ดเ้ ชน่ กนั การใชถ้ งุ กระดาษ ห่อจะทำให้ผิวเป็นสีเหลืองทอง สะอาด แต่ไม่มีนวลที่ผิวเหมือนกับ ใบตอง ส่วนถุงพลาสติกถ้านำมาห่อผลแล้วจะทำให้ผิวไม่สวย ผิวจะกร้านบางครั้งที่ด้านขั้วผลจะยังมีสีเขียว เหลอื อยูจ่ นถงึ ระยะผลแกด่ ้วย นอกจากนนั้ ยงั ทำใหผ้ ลรว่ งมากด้วยจึงไมแ่ นะนำให้ใช้ถงุ พลาสติกในการหอ่ ผล กอ่ นห่อผลประมาณ 2-3 วนั ควรทำการพ่นสารเคมปี ้องกันกำจดั แมลง เชน่ คารบ์ ารลิ โมโนโครโตฟอส เพอ่ื ปอ้ งกนั กำจดั แมลงกอ่ น ขณะหอ่ จะทำการตดั แตง่ ผลไปพรอ้ มกนั โดยเลอื กเดด็ ผลทม่ี ลี กั ษณะไมด่ แี ละชอ่ ท่ี ผลเบียดกนั ออกบ้าง ควรเหลอื เฉพาะผลเดยี่ ว ๆ จะทำใหผ้ ลเจรญิ เตบิ โตอยา่ งมีคณุ ภาพ นยิ มใชไ้ มด้ อกสำหรบั มดั ปากถงุ เนอ่ื งจากสะดวกในการมดั การขน้ึ ไปหอ่ อาจใชบ้ นั ไดหรอื พะองพาดกง่ิ ปนี ขน้ึ ไปหอ่ บางสว่ นทส่ี ามารถ หาไมไ้ ผ่ไดง้ า่ ย อาจมีการทำน่งั รา้ นรอบ ๆ ตน้ ให้คนห่อปีนข้ึนไปปฏิบัตงิ านได้สะดวก อีกทางหนง่ึ หลังจากหอ่ ผลแล้ว 45-60 วัน ผลจะแก่ แตจ่ ะเรว็ หรอื ช้าขนึ้ อยกู่ ับ พันธุด์ ้วยบางพันธอุ์ าจจะช้ากวา่ นีอ้ ีกก็ได้
การปอ้ งกนั กำจดั โรคและแมลง ไรแดงจะเข้าทำลายกระท้อนในระยะตั้งแต่ใบอ่อนจนถึงใบแก่ ทำให้ใบหงิกงอเป็นปุ่มปม ด้านใต้ใบ จะมีลักษณะคล้ายกำมะหยี่ สีน้ำตาลถ้ามีระบาดมากจะทำให้ใบอ่อนหงิกงอหมดเมื่อพบว่าเริ่มมีไรแดงระบาด ควรทำการตัดแต่งใบที่ถูกทำลายไปเผาทำลายทิ้ง และฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดไรแดง เช่น กำมะถันผง ไดโคโฟล อามีทราส ไดโนบูตัน โดยฉีดพ่นหลังจากตัดแต่งกิ่งและเริ่มแตกใบอ่อน 2-3 ครั้ง ทุก 4 วัน หนอนผเี สอ้ื หนอนผีเสื้อยักษ์จะมีขนาดตัวใหญ่สีฟ้า จะเข้ากัดกินใบและยอดอ่อนทำให้ต้นกระท้อนชะงักการเจริญ เติบโต ผลผลิตลดลง ถ้ามีระบาดควรจับตัวหนอนมาทำลายและฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดแมลง เช่น เมทโธมีลประมาณ 1-2 ครั้ง ห่างกัน 15 วัน หนอนรา่ นกนิ ใบ ตวั หนอนมีขนาดเลก็ มีขนถ้าาถกู ผวิ หนงั จะรูส้ ึกแสบและคนั ตวั หนอนเขา้ กัดกินใบเสียหาย ถา้ มีระบาด มากจะพบว่าตัวหนอนจะรวมกันเป็นกระจุกกัดกินใบแหว่งเป็นวง กำจัดโดยตัดใบที่มีตัวหนอนอยู่ด้วยไป ทำลายทิ้งและฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดแมลง เช่น เพอร์เมททริน เมทโธมมีล ประมาณ 1-2 ครั้ง หนอนเจาะขั้วผล หนอนชนดิ น้จี ะอาศัยอย่ใู นรังทท่ี ำจากกลีบดอกกระทอ้ นแห้ง ๆ และเขา้ กดั กินขว้ั ผลขณะท่ีผลกระทอ้ น ยงั เล็กอยู่ ทำให้ผลแห้งและร่วงหลน่ การปอ้ งกนั กำจัดหนอนชนดิ นี้ โดยการตดั แตง่ ก่ิงใหม้ ที รงพุม่ โปรง่ เม่อื เร่มิ ตดิ ผลขนาดเล็ก ควรมีพน่ ละอองน้ำลา้ งชอ่ ดอกจะช่วยลดการทำลายลงได้ ถา้ ระบาดมากควรพน่ สารเคมีปอ้ ง กนั กำจดั แมลง เช่น โมโนโครโตฟอส ประมาณ 3-4 คร้งั ทกุ 7-10 วนั เพล้ยี ไฟ เพลย้ี ไฟจะเขา้ ทำลายกระทอ้ นตง้ั แตร่ ะยะยอดออ่ น ระยะชอ่ ดอกจนถงึ ตดิ ผลขนาดเลก็ ทำใหด้ อกแหง้ รว่ ง ผลจะมผี ิวลายและจะติดไปจนผลแก่ หากพบวา่ มเี พลี้ยไฟระบาาดควรรีบทำการพ่นสารเคมีปอ้ งกนั กำจัดแมลง เชน่ คาร์โบซลั แฟน ฟอร์มที าเนท ในชว่ งเรม่ิ ออกชอ่ ดอกและกอ่ นดอกบาน แต่งดการฉดี พ่นช่วงดอกบานหลัง จาก ติดผลแล้วจึงฉดี พน่ ใหม่ประมาณ 2-3 ครั้ง หา่ งกัน 7-10 วนั แมลงวันผลไม้ แมลงวันผลไมจ้ ะเขา้ วางไข่บนผลที่ผิวเปลอื กเร่ิมเปล่ยี นเป็นสีกระดังงาเปน็ ตน้ ไป ตัวหนอนจะชอนไช เขา้ ไปกัดกินเนื้อ ทำใหผ้ ลเน่าและรว่ งหล่น การปอ้ งกนั ท่ดี ีทส่ี ุดคือ การหอ่ ผลในระยะท่ผี ลกระท้อนเร่มิ เปลี่ยน สเี ปน็ สขี ีม้ ้า (กอ่ นท่จี ะเปล่ียนเป็นสีกระดงั งา) ก็จะปอ้ งกันได้
โรคใบจดุ โรคใบจุดเกิดจากเชื้อราชนิดหนึ่ง เมื่อมีการระบาดจะทำให้เกิดเป็นจุดขนาดเล็ก ๆ บนใบ ขอบแผลมี สีเข้มตรงกลางมีสีเหลืองจุดเล็ก ๆ จะขยายไปจนทั่วใบตามความยาวของใบ เมื่อพบว่ามีโรคดังกล่าวระบาด มากควรทำการฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อรา เช่น บิโนมีล คาร์เบนดาซิม ทุก 10-15 วัน ใบทถี่ ูกไรแดงเขา้ ทำลาย สภาพดินฟ้าอากาศ เนอ่ื งจากกระทอ้ นเปน็ ไมผ้ ลเมอื งรอ้ น จงึ สามารถปลกู ไดด้ แี ทบทกุ แหง่ ในประเทศไทย แต่เพ่อื ให้ผลผลิต ที่ไดม้ คี ณุ ภาพดี ควรจะเลือกพนื้ ทท่ี ่ีมีความอดุ มสมบรู ณ์ มแี หล่งนำ้ ใหอ้ ยา่ งเพยี งพอ ดนิ ท่เี หมาะควรเป็นดินร่วน หรือดนิ รว่ นปนดนิ เหนียวมอี ินทรยี วัตถุมาก อาจกลา่ วไดว้ ่ากระท้อนทป่ี ลกู ในดินรว่ นหรอื ดนิ เหนียวจะทำให้ คุณภาพของเน้ือและรสชาตดิ ีกว่าที่ปลูกในดนิ รว่ นทราย การขยายพันธ์ กระทอ้ นสามารถขยายพนั ธไ์ุ ดห้ ลายวธิ ดี ว้ ยกนั ไดแ้ ก่ การเพาะเมลด็ การทาบกง่ิ การเสยี บยอด การตดิ ตา เดมิ นยิ มขยายพนั ธด์ุ ว้ ยการเพาะเมลด็ เนอ่ื งจากทำไดง้ า่ ยแตม่ กั จะกลายพนั ธ์ุ ปจั จบุ นั ไมน่ ยิ มปลกู ตน้ ทเ่ี พาะจากเมลด็ แตจ่ ะทำการเพาะเมลด็ โดยมวี ตั ถปุ ระสงค์ เพอ่ื การทำตน้ ตอในการทาบกง่ิ หรอื ตดิ ตาเทา่ นน้ั สว่ นการตอนกไ็ มน่ ยิ ม เชน่ กนั เพราะปญั หาเรอ่ื งการออกรากยาก และเมอ่ื ตดั มาชำมกั จะตายมากดว้ ย
การดูแลรกั ษา หลังจากปลูกแล้วจะต้องคอยดูแลรักษาต้นกระท้อนอย่างสม่ำเสมอ ถึงแม้ว่ากระท้อนจะเป็นไม้ผลที่ ไม่ค่อยมีโรคแมลงรบกวนมากนัก แต่การบำรุงรักษาให้ดีอยู่เสมอจะช่วยให้ต้นกระท้อนเจริญเติบโตเร็วมาก การดแู ลรกั ษาโดยทว่ั ไปมดี งั น้ี การใหน้ ำ้ ปกตกิ ระทอ้ นเปน็ พชื ทช่ี อบนำ้ แตข่ ณะเดยี วกนั กท็ นสภาพความแหง้ แลง้ ไดเ้ ปน็ อยา่ งดใี นชว่ งทก่ี ระทอ้ น ยงั เลก็ อยจู่ ะตอ้ งใหน้ ำ้ อยา่ งสมำ่ เสมอ เมอ่ื เจรญิ เตบิ โตขน้ึ การใหน้ ำ้ กจ็ ะมชี ว่ งหา่ งขน้ึ อยา่ งไรกด็ ใี นชว่ งทต่ี น้ กระท้อน เรม่ิ ออกชอ่ ดอกและตดิ ผลจะตอ้ งใหน้ ำ้ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง จะชว่ ยให้ 1. ชอ่ ดอกมคี วามสมบรู ณ์ การตดิ ผลดี 2. ผลทต่ี ดิ แลว้ มกี ารเจรญิ เตบิ โตอยา่ งสมำ่ เสมอ สวนทม่ี กี ารใหน้ ำ้ ดจี ะทำใหผ้ ลมขี นาดโตกวา่ สวนท่ี ขาดแคลนนำ้ 3. ลดปญั หาเรอ่ื งผลแตกได้ ซง่ึ ปญั หานจ้ี ะพบเสมอในสวนทข่ี าดแคลนนำ้ การตดั แตง่ กงิ่ การตดั แตง่ กง่ิ กระทอ้ นในแตล่ ะปจี ะทำเพยี งเลก็ นอ้ ย สำหรบั ตน้ ทย่ี งั ไมใ่ หผ้ ลมกั จะใหม้ กี ารเจรญิ เตบิ โต อยา่ งเตม็ ท่ี มกี ารตดั แตง่ กง่ิ ทแ่ี นน่ ทบึ ออกบา้ ง เมอ่ื กระทอ้ นเรม่ิ ใหผ้ ลผลติ แลว้ การตดั แตง่ จะมมี ากขน้ึ เลก็ นอ้ ย โดยจะทำการตดั แตง่ กง่ิ หลงั จากเกบ็ เกย่ี วผลผลติ แลว้ สง่ิ ทค่ี วรพจิ ารณาตดั แตง่ ออกมี - กง่ิ ทถ่ี กู โรคแมลงเขา้ ทำลาย กง่ิ แหง้ ตาย - กง่ิ ทแ่ี นน่ ทบึ อยใู่ นทรงพมุ่ - กง่ิ นำซง่ึ มกั จะเจรญิ ไปในทางดา้ นสงู ซง่ึ จะทำใหท้ รงพมุ่ สงู ขน้ึ ควรจะทำการตดั เพอ่ื ควบคมุ ทรงพมุ่ ให้ มกี ารเจรญิ ออกทางดา้ นกวา้ งมากกวา่ เพอ่ื สะดวกในการดแู ลรกั ษา ตลอดจนการหอ่ ผลและเกบ็ เกย่ี ว ผลผลติ การใสป่ ๋ยุ การใสป่ ยุ๋ ตน้ กระทอ้ นทย่ี งั ไมใ่ หผ้ ลจะเนน้ ไปทเ่ี พอ่ื บำรงุ ตน้ ใหม้ กี ารเจรญิ เตบิ โตทางดา้ นกง่ิ กา้ นเปน็ สว่ น ใหญ่ ปยุ๋ ทใ่ี ชค้ วรเปน็ ปยุ๋ คอกและปยุ๋ เคมสี ตู รเสมอเปน็ หลกั เชน่ สตู ร 15-15-15 หรอื 16-16-16 อตั ราทใ่ี สค่ วรจะ ไมม่ ากนกั แตค่ วรใสบ่ อ่ ยครง้ั จะดกี วา่ เชน่ 3 เดอื น/ครง้ั เมอ่ื ตน้ กระทอ้ นใหผ้ ลผลติ แลว้ การใสป่ ยุ๋ จะเปลย่ี นสตู ร ไปตามระยะเวลาของความตอ้ งการ กลา่ วคอื 1. หลงั จากเกบ็ เกย่ี วผลผลติ แลว้ จะใสป่ ยุ๋ คอกและปยุ๋ เคมสี ตู รเสมอ เชน่ 15-15-15 เพอ่ื ชว่ ยบำรงุ ตน้ ใหม้ ี ความสมบรู ณเ์ หมอื นเดมิ 2. ชว่ งกอ่ นทต่ี น้ กระทอ้ นจะพกั ตวั ควรจะมกี ารใสป่ ยุ๋ เพอ่ื ชว่ ยใหต้ น้ มกี ารเกบ็ สะสมอาหารเพอ่ื การสรา้ ง ตาดอกดขี น้ึ โดยใชป้ ยุ๋ เคมสี ตู ร 9-24-24 หรอื 12-24-12 ในเดอื นตลุ าคม 3. ระยะตดิ ผลแลว้ 1 เดอื น ควรใสป่ ยุ๋ สตู รเสมอ เชน่ 15-15-15 เพอ่ื บำรงุ ผลใหเ้ จรญิ เตบิ โตอยา่ งเตม็ ท่ี 4. ระยะกอ่ นเกบ็ เกย่ี วผลผลติ อยา่ งนอ้ ย 20 วนั ควรมกี ารใสป่ ยุ๋ ทม่ี ธี าตโุ ปแตสเซยี มสงู เชน่ 13-13-21
เพือ่ ช่วยให้มีการปรับปรุงคุณภาพของผลใหด้ ีขึน้ เช่น เน้ือมีความน่มุ ขึ้น รสชาตหิ วานขน้ึ สำหรบั อตั ราทีใ่ ชค้ วร พิจารณาจากขนาดของทรงพุ่ม สภาพความสมบรู ณข์ องต้นและปริมาณผลผลติ ในแต่ ละปี ตัวอยา่ งเช่น ต้นอายุ 10 ปี มีขนาดทรงพุ่มกวา้ งประมาณ 8 เมตร มกี ารใหผ้ ลผลิตดีอย่างสมำ่ เสมอ ก็ควรใหป้ ุย๋ ไม่ตำ่ กวา่ 8 กก./ปี แบ่งใสเ่ ปน็ 4 ครัง้ (ครัง้ ละ 2 กก.) โดยพจิ ารณาใชส้ ูตรตามชว่ งระยะเวลาท่ีได้กล่าวแล้ว สว่ นปุ๋ยคอกอาจใส่ใน ช่วงหลังจากเกบ็ ผลแล้วครง้ั เดียวก็พอ อัตราการใสแ่ ล้วแต่ชนิดของปุ๋ยคอกทีใ่ ช้ สำหรบั ต้นอายุ 10 ปี อาจใช้ อัตราต้งั แต่ 25 - 50 กก./ต้น การกำจัดวชั พืช การกำจัดวัชพืชในสวนกระท้อนถ้าเป็นสวนขนาดเล็ก อาจใช้จอบดายหญ้าก็ได้แต่ถ้าเป็นสวนขนาด ใหญ่ ควรใช้เครื่องตัดหญ้าแบบสะพายไหล่ หรืออาจจะเป็นแบบรถเข็นตัดหญ้าก็ได้จะทำให้สะดวกมากขึ้น การใช้ สารเคมีกำจัดวัชพืชก็ได้ผลดีเช่นกัน แต่ต้องกระทำอย่างระมัดระวัง เพราะบางครั้งอาจทำให้เกิดความ เสยี หายกับ ตน้ กระท้อนขึ้นได้ ในแต่ละปจี ะทำการกำจดั วัชพชื ประมาณ 3-4 คร้ัง สว่ นใหญจ่ ะอยู่ในชว่ งฤดฝู น นบั ต้ังแตเ่ ก็บเก่ียวผลผลติ เป็นต้นไป จนหมดฤดูฝนแตถ่ ้ามีวชั พชื มากกอ็ าจจะทำการกำจดั วัชพชื ในช่วงออกดอก อีกครั้ง การเกบ็ เกย่ี วผลผลิต ผลกระทอ้ นแตล่ ะพนั ธจ์ุ ะทะยอยแก่ ตง้ั แตเ่ ดอื นพฤษภาคมถงึ เดอื นกรกฎาคมของแตล่ ะปกี ารสงั เกตผลแก่ อาจจะดไู ดห้ ลายวธิ ี ไดแ้ ก่ การนบั อายขุ องผล เชน่ พนั ธเ์ุ บา(ทบั ทมิ , เขยี วหวาน, ทบั ทมิ ทอง)จะมอี ายตุ ง้ั แตด่ อกบาน ถงึ เกบ็ เกย่ี วประมาณ 130 - 150 วนั ถา้ เปน็ พนั ธห์ุ นกั (เทพรส ปยุ ฝา้ ย อลี า่ นม่ิ นวล) จะประมาณ 170 - 180 วนั เปน็ ตน้ นอกจากนน้ั อาจสงั เกตจากการเปลย่ี นแปลงลกั ษณะภายในของผล เชน่ เนอ้ื นมุ่ ขน้ึ ความฝาดลดลงหรอื ลกั ษณะภายนอกผล เชน่ การเปลย่ี นสผี วิ เปน็ สเี หลอื ง หรอื สนี ำ้ ตาลจนถงึ กน้ ผลเปน็ ตน้ เมอ่ื ผลกระทอ้ นแกแ่ ลว้ หากปลอ่ ยไวบ้ นตน้ ตอ่ ไปอกี เปน็ ระยะเวลานานจะทำใหเ้ กดิ การเปลย่ี นสที ไ่ี สก้ ลางผลเปน็ สนี ำ้ ตาลและมกี ลน่ิ บดู เกดิ ขน้ึ เรยี กวา่ ไสเ้ ปน็ นำ้ หมาก และยงั ทำใหผ้ ลรว่ งมากขน้ึ ดว้ ย การเกบ็ เกย่ี วผลอาจใชบ้ นั ไดหรอื พะองสำหรบั ขน้ึ ไปเกบ็ ผลไดโ้ ดยใชก้ รรไกรตดั ทข่ี ว้ั ผลใสต่ ะกรา้ หรอื ใชก้ รรไกรสำหรบั เกบ็ ผลไมท้ ม่ี ที ห่ี นบี ขว้ั ผลดว้ ยกจ็ ะสะดวกขน้ึ นำไปแกะเอาวสั ดทุ ใ่ี ชห้ อ่ ออก เพอ่ื คดั ขนาดเพอ่ื ของผลและทำความสะอาดรอการจำหนา่ ยตอ่ ไป
เอกสารอา้ งอิง โกศล เจรญิ สม , 2521 แมลงศตั รไู มผ้ ล ภาควชิ ากฏี วทิ ยาคณะเกษตร มหาวทิ ยา ลยั เกษตรศาสตร์ บางเขน กทม. กรมวชิ าการเกษตร , 2533 คำแนะนำการใชส้ ารฆา่ แมลงและสตั วศ์ ตั รพู ชื ปี 2533 กองกฏี และสตั ววทิ ยา กรมวชิ าการเกษตร กทม. ทวศี กั ด์ิ ดว้ งทอง , 2518 ชนดิ และพนั ธไ์ุ มผ้ ลเมอื งไทย เอกสารวชิ าการท่ี 47 กรมสง่ เสรมิ การเกษตร จตจุ กั ร กทม. วจิ ติ ร วงั ใน , 2528 ชนดิ และพนั ธไ์ุ มผ้ ลเมอื งไทย ภาควชิ าพชื สวน คณะเกษตร มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ บางเขน กทม. วราพงษ์ ฤาชา , สถาพร ศรพี ลพรรค , 2522 รายงานการศกึ ษาเรอ่ื งสภาพการปลกู กระทอ้ นในจงั หวดั นนทบรุ ี งานพชื สวน ฝา่ ยสง่ เสรมิ และพฒั นาการผลติ สำนกั งานสง่ เสรมิ การเกษตร ภาคกลาง อำเภอสรรพยา จงั หวดั ชยั นาท สำนกั งานเกษตรจงั หวดั ปราจนี บรุ ,ี 2533 กระทอ้ น เอกสารวนั เกษตรปราจนี บรุ ี ปี 2533 ฝา่ ยวชิ าการ สำนกั งานเกษตรจงั หวดั ปราจนี บรุ ี
เรยี บเรยี งโดย ·ÇÕÈÑ¡´Ôì ´Çé §·Í§ ¡ÃÁÊè§àÊÃÔÁ¡ÒÃà¡Éμà จดั ทำเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์โดย ศนู ย์วิทยบรกิ ารเพื่อสง่ เสรมิ การเกษตร สำนกั พัฒนาการถ่ายทอดเทคโนโลยี กรมสง่ เสรมิ การเกษตร โทร. 0-2579-5517 E-Mail: [email protected]
Search
Read the Text Version
- 1 - 10
Pages: