กะหล่ำดาว (Brussel Sprout)

กะหลา่ํ ดาว Brussels Sprouts รศ.นิพนธ ไชยมงคล กะหล่ําดาว Brussels Sprouts; Brassica oleracea L. var. gemmiferae Zenk. วงศ Brassicaceae (Cruciferae) จดั อยใู นกลมุ พชื เมอื งหนาว อยู ในตระกลู กะหลา่ํ การเจริญเติบโตเปนพืชสองฤดู ตองการสภาพปลูกที่มี อณุ หภมู ติ า่ํ และความชื้นสูง สว นทใ่ี ชบ รโิ ภคคอื หวั ขนาดเลก็ (small heads, bud or sprout) เขา ปลี แนน คลายกะหลาํ่ ปลี ขนาดเสนผาศูนยก ลาง 1.0-1.5 เซนตเิ มตรในยุ โรป และ 2.4-4.8 เซนตเิ มตร ในสหรัฐอเมริกา เจริญจากขอระหวาตน และกาบใบ และเจริญตอเนื่องจนกระทั้งตนชะงักการเจริญเติบโต ลําตน สงู แบง ออกไดเ ปน สองกลมุ คอื ลําตนสูง 60-100 เซนตเิ มตร หรือสูงกวา และพนั ธุลาํ ตน เตย้ี 60 เซนตเิ มตร ใหผลผลิตประมาณ 100 หวั ตอ ตน สายพนั ธทุ เ่ี กบ็ เกยี่ วเร็ว จะใหผลผลิเร็วและผลผลิตตาํ่ กวาสายพันธุหนักที่มีอายุการเก็บเกี่ยวนาน ตารางท่ี 1 คณุ คา ทางโภชนาการ (มิลลิกรัม ตอ สวนที่นาํ มาบริโภค100 กรมั ) Ca P Fe Na K Vit.A Thia- Ribo- Nia- Ascor- (IU) mine flavin cin bic Acid สด 36 80 1.5 14 390 550 0.10 0.16 0.9 102 ตม 32 72 1.1 10 273 520 0.08 0.14 0.8 87 แชแข็ง 21 61 0.8 14 295 570 0.08 0.10 0.6 81 ทม่ี า; Watt et al. 1963 สายพนั ธุ ควรทดสอบสายพันธุที่สามารถปรับตัวเขากับสภาพแวดลอมในแหลงปลูกไดดี สายพนั ธทุ ี่นิยมปลูกใน ปจจุบัน Jade Cross E hybrid, Royal Marvel and Long Island Improved, Lunet, Oliver, Craton, Fortress, Prince Marvel, Royal Marvel. Rubine (สีแดง) สภาพดินและการเตรียมดิน เจรญิ ไดด ใี นดนิ ทร่ี ว นซยุ มีอินทรียวตั ถแุ ละไนโตรเจนสูง ระบายนํ้าไดด ี pH 6.0-6.8 การเตรยี มดนิ ควรหวา นปยุ คอกหรอื ปยุ หมกั กอ นเตรยี มดนิ ในบางพื้นที่ ๆเปน ดนิ เหนยี วหรอื ดนิ ลกู รงั ควร เจาะรอ งปลกู และผสมวสั ดปุ ลกู ลงในรอ งปลกู การใสป ยุ เคมี ควรใสตามผลการวิเคราะหด ินและพืช เนื่องจากเปนพืชที่ตองการธาตุอาหารสูง จงึ จาํ เปน ตอ ง มธี าตอุ าหารพอเพียง สาํ หรับการเจริญ ใหผลผลิตและคุณภาพสูง กะหลาํ่ ดาวตองการ ไนโตรเจน 25-35 กโิ ลกรมั N ตอไร โดยใสกอ นปลูก ½ และ ½ กอ นเกบ็ เกย่ี ว 1-2 อาทติ ย

ฟอสฟอรัส(P) ใสกอนปลูก อตั ราปุยที่แนะนํา P2O5กโิ ลกรมั ตอ ไร 25-35 ผลการวิเคราะหดิน (ปริมาณ P2O5/ppm) 18-25 0-30 15-18 30-50 สูงกวา 50 โพแทสเซียม(K) ผลการวิเคราะหดิน (ปริมาณ K2O/ppm) อตั ราปุยที่แนะนํา K2O กโิ ลกรมั ตอ ไร 0-150 25-35 150-200 15-25 200-250 10-15 สูงกวา 250 - ** ใสโ พแทสเซยี มกอ นปลกู 15 กโิ ลกรมั K2O ตอ ไรก อนปลูก สวนที่เหลือใสพรอมกับไนโตรเจน แตไ มค วร เกนิ 15 กโิ ลกรมั K2O ตอ ไร ซัลเฟอร (S) 5-8 กโิ ลกรมั S ตอ ไร แมกนเี ซยี ม(Mg) 3-4 กโิ ลกรมั Mg ตอ ไร โบรอน(B) ผลการวิเคราะหดิน (ปริมาณ B/ppm) อัตราปยุ ทแ่ี นะนํา B กิโลกรัมตอไร 0-1 0.5-0.7 1-3 0.2-0.4 สูงกวา 3 0.1-0.2 ผสมนา้ํ ฉีดพน . การปลกู ในสหรฐั อเมรกิ า ใสปุยคอกและ ปยุ เคมี 8-8-8 จาํ นวน 130-180 กโิ ลกรมั ตอ ไร หรอื 10-20-10 จาํ นวน 100 กโิ ลกรมั ตอ ไร และ Borax จาํ นวน 2 กโิ ลกรมั ตอ ไร หรอื 0.5 ppm พืชที่ขาด โบรอนจะมปี ลขี นาดเลก็ แสดงอาการไสกลวง ผลผลติ ตา่ํ ใสป ยุ ไนโตรเจนหลงั ปลกู 6 กโิ ลกรมั ตอ ไร การเพาะเมลด็ จาํ นวนเมล็ด 1 กรมั มปี ระมาณ 350 เมลด็ ทดสอบความงอกกอ นเพาะเมลด็ กอ นเพาะเมลด็ ควรแชเ มลด็ ในนา้ํ อุน 50 o ซ เปน เวลา 25-30 นาที นาํ ออกมาผง่ึ ใหแ หง อณุ หภมู ทิ เ่ี หมาะสมสาํ หรับการงอกของเมล็ด 20-30 o ซ หยอดเมล็ดในถาดเพาะ วัสดุเพาะ ดินรวน + ปยุ หมกั /ปยุ คอก + 12-24-12 การยายปลูก ยายปลกู หลงั หยอดเมลด็ 15-20 วัน ระยะปลูก 30-50 x 75 –100 เซนตเิ มตรขน้ึ อยกู บั สาย พันธุ การดูแลรักษา ในบางแหง นยิ มปลดิ ยอด เพอ่ื ใหเ กบ็ เกย่ี วเรว็ ขนาดสมา่ํ เสมอ ผลผลิตและคุณภาพสูง โดยปลดิ เมอ่ื ตน เจรญิ เตม็ ทแี่ ละปลีขางลางมีขนาด 0.5-0.75 นว้ิ ในบางแหงจะทยอยปลิดใบลางออก เพอ่ื ใหไ ดร บั แสงแดดและ ชว ยในการสรางอาหาร การใหน า้ํ กะหลาํ่ ดาวเปน พชื ทต่ี อ งการนา้ํ สูง และระยะเวลาในการปลูก เกบ็ เกย่ี วนาน เพอ่ื ใหป ลขี นาดใหญ ผลผลติ และ คณุ ภาพสงู ควรใหความชื้นพอเพียงและสมาํ่ เสมอ หรอื 1-1.5 นว้ิ ตอ อาทติ ย หรอื 15-20 นิ้วตอฤดูปลูก

การเกบ็ เกย่ี ว 80 -100 วันหลังหยอดเมล็ด หรอื มขี นาดเสน ผา ศนู ยก ลาง 1.0-4.0 เซนตเิ มตร หวั แนน กอ นทจ่ี ะเปลย่ี นเปน สเี หลือง โดยเรม่ิ เกบ็ เกย่ี วจากโคนตน หลงั จากเกบ็ เกย่ี วและปลดิ ใบลา ง ตน เจรญิ สงู ขน้ึ ทํา ใหม ใี บและปลีเพ่ิมข้นึ การเด็ดยอดใหปลีขนาดใหญและ สมา่ํ เสมอ ผลผลติ ประมาณ 1 กโิ ลกรมั ตอ ตน หลงั เกบ็ เกย่ี ว ควรลดอณุ หภมู เิ ฉยี บพลนั ลงถงึ 2 o ซ ขนสงโดยการใสนํา้ แข็ง ในภาชนะบรรจุ การบรรจใุ นถงุ พลาสตกิ ทร่ี ะบายอากาศได จะชวยปองกันการสูญเสียนาํ้ ในพืช เนอ่ื งจากกะหล่ําดาว มอี ตั ราการหายใจสงู นอกจากนี้การสะสมคารบอนไดออกไซดใ นภาชนะบรรจุสูงกวา 20% ทาํ ใหม กี ลน่ิ และ รสชาตเิ ปลย่ี นไป คณุ ภาพต่าํ ไมสามารถขายได การเกบ็ รกั ษา เกบ็ รกั ษา 30 วัน ในอณุ หภมู ิ 0 o ซ ความชื้นสัมพัทธ 90-95 % อณุ หภมู สิ ูงกวา 10 o ซ ปลจี ะเหลอื งภายในเวลา 1 อาทติ ย การเก็บรักษานานจะทําใหใบเปลี่ยนเปนสีดาํ อตั ราการเสอ่ื มของเนอ้ื เยอ่ื ในอณุ หภมู ิ 4.4 o ซ จะสงู เปนสองเทา ของอณุ หภมู ิ -1 o ซ การเกบ็ รกั ษาในภาชนะบรรจุประกอบดวย ออกซเิ จน 2.5-5% และคารบอนไดออกไซด 5-7.5 % เก็บรักษาในอุณหภมู ิ 4.4 o ซ สามารถยดื อายุการเกบ็ รักษา 1 อาทติ ย การปอ งกนั กําจัดโรค แมลง โรค สารเคมี ฉีดพน กอ นเกบ็ เกย่ี ว หมายเหตุ รานาํ้ คาง (Downy mildew) Maneb 80WP 10 Manex 4F 10 Aliete 80WDG 3 หา มผสม Cu รานา้ํ คาง (Downy mildew) Maneb75DF 10 ใบจุด alternaria ใบไหมตน กลา (Pythium seedling blight) Ridomil Gold 4EC ฉีดพนระยะตนกลา ใบไหม( Pythium blight) Ridomil Gold EC 10 สเคอโรเทียม (Sclerotinia drop) Rovral 4F 14 3 ครั้งตอฤดู ไรซอกโตเนีย (Rhizoctonia) Rovral 50WP, 50WG 14 3 ครั้งตอฤดู โคนเนา (Bottom rot) แมลงและการปอ งกนั กาํ จดั แมลง สารเคมี ฉีดพนกอนเก็บเกี่ยว หมายเหตุ แมลงหวี่ขาว Admire 2E (imidacloprid) 21 คลุกลงไปในดิน หนอนชอนใบ Agri-Mek 0.15EC 7 Zabamectin เพลี้ยออน/หนอนกระทูผัก/หนอน Ambush 2EC 1 คบื /หนอนเจาะฝกขาวโพด/หนอน (permethrin) ชอนใบ/เพลี้ยไฟ/ Neemix4.5 0 Ammo 2.5 EC 5 (cypermethrin) Pounce 3.2 EC 1 (permethrin) หนอนกระทูผัก หนอนคืบ B.T. (Bacillus 0

thurigiensis) เพลี้ยออน หนอนคืบ เพลี้ยไฟ Lannate 2.4 L. 7-10 0 หนอนกระทู (methomyl) 0 0 เพลี้ยออน ไรแดง เพลี้ยไฟ แมลง M-Pede 49% 0 หวี่ขาว Soap,insecticidal Sun Spray 98.8% Oil, insecticidal มด เพลี้ยออน หนอนกระทู หนอน Py-Rin 60-66 EC คบื หนอนเจาะฝกขาวโพด เตาแตง (pyrethrin+piperonyl หมดั กระโดด เพลี้ยไฟ แมลงหวี่ butoxide) ขาว เพลี้ยออน หนอนคืบ เตาแตง หมัด Pyrellin EC (pyrethrin + กระโดด หนอนชอนใบ ไรแดง rotenone) เพลี้ยไฟ แมลงหวี่ขาว เอกสารอา งองิ Commercial Vegetable Guides, 2002. Brussels sprouts. Brassica oleracea(Gemmifera Group) http://www.oregonstate.edu/Dept/NWREC/endive.html Nonnecke Libner Lib. 1989. Brussels sprout, Cole crops. Vegetable Production, An AVI Book, Published by Van Nostrand Reinhold, New York. Pp 400-4004. Rubatzky,E.V., and M. Yamaguchi1997. Brussels sprout. Cole crops. World Vegetables, Principles, Production, and Nutritive Values, 2nd ed. ITP International Thomson Publishing, New York. p 382.