ใหเ้ จา้ ฟงั แลว้ เจา้ ยงั จ�ำ ไดห้ รอื ไม่ เราจะใชห้ ลกั สงั เกตอยา่ งไร จงึ จะ รู้ว่าใครเปน็ คนพาล” “สงั เกตทค่ี วามประพฤตคิ รบั คนพาลจะประพฤตชิ ว่ั ออกมา ในรปู ลักษณะ ๓ อย่าง คือ ท�ำ ชว่ั พดู ชวั่ คิดชั่ว” “ถกู แลว้ ลกู การดลู กั ษณะของคนพาล เราดทู ค่ี วามประพฤติ ของเขา แม้การดูลักษณะของบัณฑิตก็ใช้หลักสังเกตอย่างเดียวกัน คือสังเกตความประพฤติ แต่ความประพฤติของบัณฑิตมีลักษณะ ตรงกันข้ามกับคนพาลอย่างขาวกับดำ� คือคนพาลประพฤติชั่ว ส่วนบัณฑิตประพฤติดี ใครก็ตามที่มีความประพฤติดี ทางพระ- พุทธศาสนา เรยี กวา่ เปน็ บัณฑิตทัง้ นัน้ ” “คุณพ่อครับ ผมเคยเข้าใจว่า บัณฑิต ได้แก่ ผู้ได้รับการ ศึกษาดีมีความรู้ แต่ฟังคุณพ่อพูดแล้ว ดูเหมือนคำ�น้ีมีความหมาย กว้างเหลือเกิน ใคร ๆ ก็เป็นบัณฑิตได้ แม้ไม่ต้องศึกษาเล่าเรียน อะไร เพยี งแตป่ ระพฤตดิ กี เ็ ปน็ บณั ฑติ ได้ ค�ำ พดู ของคณุ พอ่ ไมข่ ดั กบั ความรูส้ ึกของคนทวั่ ไปหรอื ครับ” “พ่อคิดว่า ส่วนมาก คนคงเข้าใจบัณฑิตอย่างท่ีเจ้าเข้าใจ คอื เขา้ ใจวา่ ได้แก่ คนท่ีได้รบั การศึกษามคี วามรสู้ งู อยา่ งเวลาน้เี ราเอาไปใช้ เรยี กคนทีเ่ รียนจบ ชน้ั มหาวิทยาลยั เชน่ เรยี นจบกฎหมายเรียก นติ ศิ าสตรบัณฑิต 49
เรยี นจบแพทย์ เรียกวา่ แพทยศาสตรบัณฑิต เรียนจบทาง วิทยาศาสตร์ เรยี กว่า วทิ ยาศาสตรบณั ฑติ เหล่านเ้ี ป็นตน้ พ่ออยากให้เจ้าเรียนร้รู ากคำ�ภาษาไทยเราบ้าง ภาษาไทยท่ี เราใชพ้ ดู กันอยู่ทุกวันน้ี ส่วนมากเรายมื คำ�ภาษาบาลซี ่ึงเปน็ ค�ำ พระ มาใช้มากที่สุด เพราะคำ�ไทยเราแท้ ๆ ไม่พอใช้ คำ�พระท่ียืมมาใช้ เปน็ ภาษาไทยแทม้ หี ลายค�ำ ทผ่ี ดิ เพยี้ นจากความหมายเดมิ ของทา่ น ท่ีเห็นไดง้ า่ ย ๆ โมโหแล้วนะ อยา่ เลย มนั ไมด่ ี อย่างค�ำ วา่ โมโห ความหมายเดิม ของพระท่านหมายถึง คนที่มโี มหะขาดสติ แต่เราเอามาใชเ้ ป็นโกรธไป อยา่ งโกรธให้เพอื่ น เราพดู ว่าโมโหเพอ่ื น คำ�ว่า บัณฑิต ที่เรากำ�ลังพูดกันอยู่เวลานี้ก็เหมือนกัน ความหมายเดิมในทางคำ�พระน้ัน ท่านหมายถึงคนที่มีความ ประพฤติดี เพราะพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า “คนท่ีเป็นบัณฑิตมีลักษณะ ๓ อย่าง คือ ทำ�ดี พูดดี คิดดี” แต่เม่ือเอามาใช้เป็นภาษาไทย เลยกลายเปน็ ค�ำ ทม่ี คี วามหมายเพย้ี นไปจากเดมิ อยา่ งทเ่ี ราเขา้ ใจกนั ทั่วไป พ่ออยากให้เจ้าทำ�ความเข้าใจเสียใหม่ให้ถูกต้อง คนเรา ทุกคนแม้จะได้รับการศึกษาน้อย เป็นชาวไร่ชาวนา เป็นกรรมกร 50
แบกหามกวาดถนนเทขยะ ไม่ได้เล่าเรียนในช้ันมหาวิทยาลัย แต่ เม่ือมีความประพฤติดี ก็เป็นบัณฑิตได้ ส่วนคนที่ได้รับการศึกษา ชั้นสูงจบมหาวิทยาลัย ได้รับปริญญาเป็นบัณฑิต ก็ต้องมีความ ประพฤตดิ ดี ว้ ย ทางพระพทุ ธศาสนาจงึ รบั รองวา่ เปน็ บณั ฑติ แตถ่ า้ ความประพฤติไม่ดี แม้จะมีปริญญาหรูหรามากมายเพียงใด ทาง พระพทุ ธศาสนาก็ไมร่ ับรองว่าเปน็ บณั ฑติ เพราะฉะนน้ั แมพ้ วกเดก็ ขนาดเจา้ ทก่ี �ำ ลงั อยใู่ นวยั เลา่ เรยี น อย่างนี้ ถ้ามีความประพฤติดี ก็เรียกว่าเป็นบัณฑิตได้ เจ้าเข้าใจ ความหมายของค�ำ วา่ บณั ฑิต ดแี ล้วใช่ไหม” “ครับ ผมเพ่ิงเข้าใจความหมายของบัณฑิตอย่างแจ่มแจ้ง จากคณุ พอ่ วนั นเี้ อง” “ดีแล้ว ถ้าอย่างนั้น พ่อจะอธิบายลักษณะของบัณฑิตให้ เจา้ ฟังต่อไป ทพ่ี ระพุทธเจา้ ตรัสไวว้ า่ คนทีเ่ ปน็ บณั ฑติ ตอ้ งมคี วาม ประพฤติดีครบลักษณะ ๓ อย่าง คือ ทำ�ดี พูดดี และคิดดี นั้น พอ่ จะอธบิ ายความประพฤติแต่ละอย่างนี้ ให้เจา้ ฟงั โดยละเอยี ด ที่ว่าทำ�ดี หมายถึง การกระทำ�ท่ีเป็นความสุจริตไม่ผิด ศลี ธรรม ๓ อย่าง คอื ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไมท่ ำ�ผดิ ประเวณี ท�ำ ดีขอ้ ท่ี ๑ ไม่ฆ่าสัตว์ คือ งดเวน้ จากการฆ่า เบียดเบยี น ทำ�ร้ายผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นคนด้วยกัน หรือเป็นสัตว์เดรัจฉานก็ตาม เม่ืองดเว้นฆ่าสัตว์อย่างน้ีแล้ว ยังแสดงความเมตตากรุณาต่อผู้อ่ืน คอื เหน็ ใครตกทกุ ขไ์ ดย้ ากกช็ ว่ ยเหลอื ดว้ ยก�ำ ลงั กายบา้ ง ก�ำ ลงั ทรพั ย์ บ้าง 51
ช่วยด้วยกำ�ลงั กาย อย่างช่วยคนตกน�ำ้ ชว่ ยคนก�ำ ลังเปน็ ลม ช่วยด้วยกำ�ลงั ทรัพย์ อย่างบรจิ าคทรพั ย์ บำ�รุงโรงพยาบาลบา้ ง บ�ำ รงุ โรงเรยี นคนหหู นวกตาบอดบา้ ง ตลอดถงึ ใหท้ านแกค่ นทย่ี ากจน นอกจากมเี มตตากรณุ าตอ่ มนษุ ยด์ ว้ ยกนั แลว้ ยงั แสดงออก ต่อสัตวเ์ ดรัจฉานดว้ ย เชน่ ชว่ ยเหลอื สตั วท์ ีก่ �ำ ลังได้รบั บาดเจบ็ ให้ อาหารแก่สตั ว์ คนท่ีมเี มตตากรณุ าต่อผู้อื่นอย่างนี้ เป็นคนดมี าก ใคร ๆ ก็ ยกยอ่ งสรรเสรญิ เพราะเหน็ อกเหน็ ใจ ชว่ ยทกุ ขผ์ อู้ น่ื ขอใหค้ ดิ ดเู ถดิ คนทก่ี ำ�ลังตกทกุ ขไ์ ด้ยากนัน้ เปน็ คนท่ีนา่ สงสารมาก ก�ำ ลงั รอคอย รับความช่วยเหลือจากคนอ่ืน เพราะฉะน้ัน คนมีเมตตากรุณา ชว่ ยเหลือคนประสบความทกุ ข์ จงึ เรยี กวา่ ท�ำ ความดี ทำ�ดีข้อที่ ๒ ไม่ลักทรัพย์ คือ งดเว้นการถือเอาทรัพย์ ของผู้อ่ืนในทางทุจริตทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการลักเล็กขโมยน้อย หรือปล้นโกงเอาทรัพย์เขา เมื่อเว้นจากขโมยทรัพย์ของคนอื่นแล้ว ยงั รจู้ กั ประกอบสมั มาอาชพี คอื ประกอบอาชพี สจุ รติ ไมผ่ ดิ กฎหมาย และศลี ธรรม เชน่ ท�ำ สวนท�ำ นาคา้ ขายบา้ ง ท�ำ ราชการบา้ ง ท�ำ งาน กรรมกรบ้าง จะไม่ยอมทำ�งานมิจฉาชีพ คือประกอบอาชีพที่ผิด กฎหมายและศลี ธรรม อยา่ งเลน่ การพนนั ค้าของเถอื่ น เป็นตน้ 52
ชว่ ยสง่ คนื เจา้ ของ คนทไ่ี มล่ กั ทรัพย์ ด้วยครบั และประกอบ สัมมาอาชีพ อย่างนี้เป็นคนดี ไมม่ ใี ครต�ำ หนิในดา้ น ความประพฤติ และตวั เองกไ็ ด้รบั ความสุข ไมต่ อ้ งไดร้ บั ความเดอื ดรอ้ นตา่ ง ๆ เชน่ ไมถ่ กู จ�ำ คกุ เปน็ ตน้ และยงั ท�ำ ใหบ้ า้ นเมอื งเจรญิ กา้ วหนา้ คดิ ดเู ถดิ ถา้ คนไทยเราทกุ คน ต่างพากนั ตง้ั หนา้ ทำ�มาหากินดว้ ยความสุจรติ เมอื งไทยเราจะเจรญิ กา้ วหน้ามากทีเดยี ว ทำ�ดีข้อท่ี ๓ ไม่ทำ�ผิดประเวณี คือ ไม่ประพฤติตัวเป็นชู้ กับผัวเขา เมียเขา พร้อมกันน้ีก็รัก และซ่ือสัตย์ต่อผัวเมียของตัว จะคบกบั ผวั เขาเมยี เขา กร็ จู้ กั ระวงั ไมท่ �ำ ตวั สนทิ สนมจนเกนิ ขอบเขตไป คนท่ไี มท่ �ำ ผดิ ประเวณี ไปเที่ยวกันม้ยั ไม่เอา และรู้จักรกั ลกู รกั เมยี ของตัวอย่างน้ี ไดร้ ับยกยอ่ งวา่ เป็นคนดี เพราะจะมคี วามสุข ในครอบครวั ไม่มีเรื่องววิ าท บาดหมางกนั และเพอื่ นก็ไวว้ างใจไม่ตงั้ ตวั เปน็ ศตั รู 53
เจ้าจงรู้ไว้เถิด ใครก็ตามท่ีทำ�ดี ๓ อย่างนี้ เรียกว่า เป็น บัณฑติ ไดท้ ั้งนนั้ การสังเกตลักษณะของบัณฑติ นอกจากท�ำ ดี ๓ อย่างที่พอ่ ชแี้ จงมาแลว้ เจา้ จะตอ้ งสังเกตที่ค�ำ พดู ของเขาอกี ซง่ึ จะแสดงออก มาในรูปลักษณะ ๔ อย่าง คือ ไม่พูดโกหก ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูด คำ�หยาบ และไม่พดู เพ้อเจอ้ พูดดีข้อท่ี ๑ ไม่พูดโกหก คือ ไม่ยอมพูดคำ�ท่ีไม่ตรงกับ ความจรงิ พรอ้ มกันน้ีกพ็ ูดแต่ค�ำ สตั ย์จริง คนพดู ความจรงิ เอาเงินมาคืนนะ ย่อมไดร้ ับ ความนบั ถอื และไวว้ างใจ จากคนท่วั ไป เพราะมถี อ้ ยค�ำ น่าเชอ่ื อย่างคนที่ไปยืมเงินเขา พูดว่าจะใช้เวลาไหน ก็นำ�ไปใช้ให้ ตรงตามเวลา คนที่ให้ยืมก็ไว้วางใจ คราวหน้าไปยืมอีกเจ้าของเงิน กไ็ มข่ ดั ขอ้ ง ยนิ ดใี หย้ มื เพราะเหน็ วา่ เปน็ คนพดู จรงิ แมศ้ าลยงั ลดโทษ ใหแ้ กจ่ �ำ เลยทส่ี ารภาพความจรงิ ตอ่ ศาล เพราะฉะนน้ั คนทพ่ี ดู ความ จริง จงึ เรียกว่าพดู ดี พูดดีข้อท่ี ๒ ไม่พูดส่อเสียด หมายความว่า ไม่พูดยุยง ให้คนอนื่ แตกกนั พร้อมนกี้ ็คอยพดู ประสานสามัคคี เชน่ 54
ดีกนั เถอะเพ่อื น เห็นเพื่อนจะ ทะเลาะกัน กไ็ ปพูด ประสาน ทางฝ่ายโนน้ ฝา่ ยน้ี พยายามให้เขาคนื ดกี นั คนพูดประสานสามัคคีอย่างนี้ เรียกว่า พูดดี เพราะได้ทำ� ประโยชนค์ อื สรา้ งความมน่ั คงแกห่ มคู่ ณะ ไดร้ บั ยกยอ่ งจากคนทว่ั ไป พดู ดีข้อท่ี ๓ ไม่พูดค�ำ หยาบ คอื ไม่ยอมพูดคำ�หยาบคาย ตา่ ง ๆ พรอ้ มกนั น้ี กพ็ ดู แตว่ าจาทส่ี ภุ าพออ่ นหวาน เชน่ ใชค้ �ำ สรรพนาม แทนตวั ทส่ี ภุ าพ เปน็ ชายใชว้ า่ ครบั ผม เปน็ หญงิ ใชค้ �ำ แทนตวั วา่ ขา คะ่ ดฉิ นั และจะพดู จากบั ใครกไ็ มพ่ ดู กระโชกโฮกฮาก พดู จานม่ิ นวล ไพเราะหู น่าฟงั คนทพ่ี ดู จาสุภาพ ขอบคณุ นะทชี่ ว่ ย ใกลเ้ สร็จแลว้ ครบั อ่อนหวานอยา่ งนี้ เรียกว่าเปน็ คนพูดดี เพราะไปพดู กบั ใคร เขากร็ ักใครน่ ับถือ แมจ้ ะวานใครท�ำ อะไร หากพูดกับเขาด้วยถ้อยคำ� ไพเราะออ่ นหวาน เขากจ็ ะทำ�ใหด้ ้วยความเต็มใจ 55
อยา่ งพอ่ แมจ่ ะใชท้ �ำ งาน ถา้ พดู ใชง้ านดว้ ยถอ้ ยค�ำ ออ่ นหวาน ลูกก็จะเต็มใจทำ� แต่ถ้าพูดจาหยาบคายใช้ให้ทำ�อะไร ลูกก็ไม่ค่อย อยากทำ� ถงึ ท�ำ ให้กท็ ำ�ด้วยความไม่เต็มใจ เจา้ คงเคยไดฟ้ งั นทิ านเรอ่ื งโคนันทิวศิ าลมาแลว้ เศรษฐตี อ้ ง พ่ายแพ้พนันเขา ก็เพราะพูดจาหยาบคายกับโค มันเสียใจที่ได้ยิน เจ้าของพูดจาหยาบคาย จึงไม่ยอมลากเกวียน แต่เมื่อเศรษฐีพูด อ่อนหวาน มนั จงึ ยอมลากเกวยี นและไดร้ ับชยั ชนะ เพราะฉะนั้น คนท่พี ดู จาสภุ าพอ่อนหวานจงึ เป็นคนดี พูดดีข้อท่ี ๔ ไม่พดู เพอ้ เจอ้ คือ ไมพ่ ูดจาเหลวไหลไร้สาระ พรอ้ มกันน้ี กพ็ ดู แต่ถอ้ ยค�ำ ท่เี ป็นสารประโยชน์ เชน่ จะเล่าเรอ่ื ง กเ็ ล่าเรอ่ื งทม่ี ี หลกั ฐานเชื่อได้ อย่างเรือ่ ง ประวัตศิ าสตร์ และพูดรู้จักกาลเทศะ วา่ เวลาไหนควรพดู เวลาไหนไมค่ วรพดู เชน่ เปน็ เดก็ ไมพ่ ดู สอดข้ึน ระหวา่ งผใู้ หญก่ ำ�ลงั สนทนากนั อย่างน้เี ป็นตน้ เจ้าจงจำ�ไวว้ า่ ใครก็ตามที่มีค�ำ พดู อยใู่ นลกั ษณะ ๔ อยา่ งน้ี เป็นบณั ฑติ ไดท้ ั้งน้ัน ไมว่ ่าผใู้ หญ่หรอื เดก็ การสังเกตลักษณะของบัณฑิต นอกจากสังเกตท่ีการทำ�ดี แล้ว และพูดดี สองอย่างดังท่ีอธิบายมาแล้ว เจ้าจะต้องสังเกตท่ี 56
ความคดิ ของเขา ซง่ึ เขาจะแสดงความคดิ ออกมาใหเ้ รารู้ ๓ อยา่ ง คอื ไมค่ ดิ ลกั ทรพั ยข์ องผอู้ นื่ ไมค่ ดิ พยาบาทปองรา้ ยผอู้ น่ื และไมเ่ หน็ ผดิ คดิ ดขี อ้ ที่ ๑ ไมค่ ิดลักทรัพยข์ องคนอนื่ คือ ไม่คดิ ในทาง ที่จะลักทรัพย์ของเขา ไม่ว่าโดยวิธีใด ไม่ว่าทรัพย์น้ันจะมากน้อย เพียงใด พร้อมกันนี้ ก็คิดแต่เรื่องทำ�มาหากินในทางสุจริต ผู้ใหญ่ ที่ประกอบอาชีพอยู่แล้ว ก็คิดแต่เรื่องจะทำ�งานอาชีพของตนให้ เจรญิ กา้ วหนา้ ขอใหต้ ง้ั ขอ้ สงั เกตไว้ คนทม่ี งี านท�ำ มอี าชพี แลว้ ความคดิ อา่ น ในเรอ่ื งลกั ทรพั ยข์ องคนอน่ื ไมค่ อ่ ยมี เพราะฝกั ใฝอ่ ยกู่ บั อาชพี ของตน สว่ นคนทว่ี า่ งงาน ไมป่ ระกอบอาชพี อะไรเปน็ หลกั ฐาน พวกนแ้ี หละ ส่วนมากคิดแตเ่ รื่องขโมยทรัพย์ตลอดเวลา สำ�หรบั เด็ก ๆ ทก่ี ำ�ลงั เรยี นไว้ อยู่ในวัยศกึ ษาเล่าเรียน ไม่สนิ้ คดิ ยังไมไ่ ดท้ ำ�งาน ประกอบอาชีพ กใ็ ห้ตั้งข้อสังเกตไว้ คนไหนสนใจ เร่อื งการเรยี น คนอย่างนเี้ ชอื่ ได้วา่ ไมค่ ดิ ในเร่อื งลักทรัพย์ สว่ นคนไหนไมส่ นใจการเรยี น ชอบเกะกะ คนอยา่ งนแ้ี หละ ท่จี ติ ใจหมกมนุ่ อยู่กับเร่อื งลักทรัพย์ หรอื เรื่องคิดชัว่ อยา่ งอืน่ 57
คนทไ่ี มค่ ดิ ลกั ทรพั ยข์ องคนอน่ื คดิ อยแู่ ตใ่ นเรอ่ื งสมั มาอาชพี อย่างน้ี เรียกว่า เป็นคนมีความคิดดี เพราะไม่ต้องไปลงมือขโมย ทรัพย์ของคนอื่น คนที่ลงมือขโมยทรัพย์เขาน้ัน ในชั้นแรกต้อง คิดขโมยเขาเสียก่อน แต่เมื่อตัดไฟต้นลมเสียก่อน คือ ไม่คิดขโมย รับประกันได้วา่ จะไม่ขโมยทรัพยข์ องใครเลย คิดดีข้อท่ี ๒ ไม่คิดพยาบาทปองร้ายผู้อื่น คือ พยายาม มองคนอน่ื ในแงด่ เี สมอ แมจ้ ะมใี ครตง้ั ตวั เปน็ ศตั รจู องลา้ งจองผลาญ กไ็ มค่ ดิ เปน็ ศตั รกู บั เขาและใหอ้ ภยั แกศ่ ตั รอู ยเู่ สมอ อยา่ งพระพทุ ธเจา้ ของเรา แมจ้ ะมศี ตั รคู อยคดิ ท�ำ รา้ ย อยา่ งถกู พระเทวทตั พยายามฆา่ หลายคร้ังหลายหน พระองค์ก็ไม่ผูกพยาบาทกับพระเทวทัต ทรง ให้อภัยแกเ่ ขาตลอดมา คนทไ่ี มค่ ดิ พยาบาทคนอน่ื อยา่ งนเ้ี ปน็ คนมคี วามคดิ ดี เพราะ มใี จสงู นา่ เคารพบชู า เราจะสังเกตว่า เบิกบานสดใส ใครมีจติ ไม่คิด เพราะไม่พยาบาท พยาบาท กใ็ ห้ สงั เกตทก่ี ารกระท�ำ คอื หน้าตาของเขา จะยม้ิ แยม้ แจม่ ใส แสดงความเมตตา กรุณาตอ่ ผู้อ่นื อยู่เสมอ 58
คิดดขี อ้ ที่ ๓ ไม่เหน็ ผิด คือ เป็นคนมคี วามเหน็ ถกู ทำ�นอง คลองธรรม แมจ้ ะถกู ใครชกั จงู ใหเ้ หน็ ผดิ เปน็ ชอบ กไ็ มย่ อมคลอ้ ยตาม คงยึดมั่นอยู่ในความเห็นที่ถูก เช่น เห็นว่าบาปบุญมีจริง คุณของ พอ่ แมค่ รอู าจารยม์ จี รงิ อยา่ งนเ้ี ปน็ ตน้ เราจะสงั เกตใครวา่ ไมม่ คี วาม เหน็ ผดิ ให้สังเกตทค่ี �ำ พูดของเขา อยา่ ตกปลาเลย มนั ตัวอย่างไรบาป คือ เวลาพดู เขาจะ มันบาปนะ แสดงความเห็น ที่ถูกต้องออกมา ไมน่ อกลู่นอกทาง และสังเกตทกี่ ารกระทำ� เช่น เขาจะไม่ทำ�สงิ่ ใด ทผี่ ิดแบบแผนประเพณี เคารพต่อระเบียบแบบแผนทดี่ ี เช่น เคารพต่อศาสนา เคารพต่อพระภกิ ษุ เปน็ ต้น เจ้าจงรู้ไว้เถิดว่า ใครก็ตามที่คิดดี ๓ อย่างนี้ เป็นบัณฑิต ท้งั นัน้ ลกู รกั ลกั ษณะ ๑๐ อยา่ งทพ่ี อ่ พดู มาน้ี เปน็ ลกั ษณะของคน ทเ่ี ปน็ บณั ฑติ เจา้ จะเหน็ แลว้ วา่ คนพาลกบั บณั ฑติ นน้ั มลี กั ษณะผดิ ตรงกนั ขา้ มอยา่ งขาวกบั ด�ำ ทีเดียว ใครประพฤติตวั เปน็ พาล ความ เปน็ พาลนน้ั จะฉดุ ตวั เขาใหต้ กต�ำ่ เกดิ มาทง้ั ชาตเิ อาดไี มไ่ ด้ อยทู่ ไ่ี หน มแี ตค่ นเกลยี ดชงั 59
ส่วนคนที่มีคุณลักษณะของบัณฑิต ๑๐ อย่างประจำ�ตัว ความเป็นบัณฑิตนั้นจะเชิดชูเขาให้เด่น เป็นท่ีเคารพรักใคร่ของคน ท่ัวไป ให้เจ้าสังเกตดูคนท่ีได้รับยกย่องว่าเป็นคนดีของโลก หรือ คนดขี องประเทศนน้ั เพราะอ�ำ นาจความประพฤตดิ เี ปน็ บณั ฑติ นเ่ี อง อยา่ งพระพุทธเจา้ ของเรา แมพ้ ระองค์ จะนิพพานไปแล้ว ถงึ สองพน้ หา้ ร้อยกว่าปี คนก็ยังเคารพนับถือ ไมจ่ ืดจาง วัดทุกวัด มรี ปู ของพระพทุ ธเจา้ ตง้ั ไวเ้ ปน็ ทบ่ี ชู า และบา้ นของคนไทยเรา ทน่ี บั ถอื ศาสนาพุทธเกือบทกุ หลังคาเรอื น มรี ูปของพระพทุ ธเจา้ ต้งั ไวบ้ ชู าทัง้ นั้น อย่าวา่ แตส่ ่วนอน่ื เลย แม้แตร่ อยพระบาทของพระพุทธเจา้ ก็มีคนกราบไหว้ อย่างพระพุทธบาทที่จังหวัดสระบุรี พอถึงระยะ เทศกาลกลางเดือน ๓ เดือน ๔ จะมีคนไทยจากทุกภาคพากัน หลัง่ ไหลมากราบไหวร้ อยพระพุทธบาท ส�ำ หรบั ผนู้ บั ถอื พระพทุ ธเจา้ นน้ั ไมใ่ ชม่ เี ฉพาะแตป่ ระเทศไทย เทา่ นน้ั ประเทศภาคตะวนั ออกหลายประเทศ เชน่ พมา่ ลงั กา ลาว เขมร จนี ญี่ปนุ่ ทิเบต เกาหลี ญวน เหล่านี้ นับถือพระพุทธศาสนา และเคารพพระพุทธเจ้าทั้งนั้น ยิ่งนับวันก็จะมีคนนับถือกว้างขวาง 60
แพร่หลาย แม้ฝรั่งที่ไม่เคยนับถือพระพุทธศาสนามาก่อน เวลานี้ ปรากฏวา่ หนั มานบั ถอื เปน็ จำ�นวนมาก ท่พี ระพทุ ธเจ้า ไดร้ บั ความเคารพ นบั ถืออยา่ งน้ี ไมใ่ ชเ่ พราะความรู้ ของพระองค์อย่างเดยี ว เปน็ เพราะมี ความประพฤติดี ช่วยสนบั สนนุ เพราะพระพทุ ธเจา้ มคี วามประพฤตดิ เี ปน็ เลศิ ทางดา้ นการ กระท�ำ พระองคไ์ มเ่ คยท�ำ ชว่ั เลย มแี ตท่ �ำ ความดตี ลอดพระชนมช์ พี เช่น แสดงความเมตตากรุณาต่อมหาชน แม้หนทางจะไกลแค่ไหน ได้รับความลำ�บากเพียงไร พระองค์ก็จะเสด็จไปสั่งสอนประชาชน ช่วยให้เขาพ้นทุกข์ ได้รับความสุข ทางด้านคำ�พูด พระองค์ไม่เคย พดู ชว่ั พดู แตถ่ อ้ ยค�ำ ดมี ปี ระโยชน์ ทางดา้ นความคดิ พระองคไ์ มเ่ คย คดิ ชว่ั เลย คดิ แตใ่ นสง่ิ ทด่ี งี าม แสดงวา่ พระพทุ ธเจา้ ของเรามลี กั ษณะ เปน็ บณั ฑิตครบทกุ อย่าง พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี ๕ ทเ่ี รารจู้ กั พระองค์ ในนามพระพุทธเจ้าหลวงบ้าง สมเด็จพระปิยมหาราชบ้าง ที่พ่อ พาเจ้าไปถวายบังคมเม่ือเช้าน้ี และเจ้าได้พูดถึงพระองค์ท่านเมื่อ ตอนตน้ แลว้ ให้เจ้าทราบไวด้ ้วยว่า พระมหากษตั ริยไ์ ทยหลายร้อย 61
พระองค์ตั้งแต่ต้ังประเทศมา ไม่มีกษัตริย์องค์ไหนท่ีประชาชนรัก และเคารพมากเทา่ พระพทุ ธเจา้ หลวง จนกระทง่ั ไดน้ ามวา่ พระปยิ - มหาราช ซง่ึ แปลวา่ กษตั รยิ ท์ ป่ี ระชาชนรกั มาก ทพ่ี ระพทุ ธเจา้ หลวง ไดร้ บั ความเคารพรกั จากประชาชนมากอยา่ งนน้ั ไมใ่ ชเ่ พราะความรู้ ของพระองค์อย่างเดียว เป็นเพราะความประพฤติดีช่วยสนับสนุน ดว้ ย คอื ในดา้ นการกระท�ำ พระองคม์ ไิ ดท้ �ำ ชว่ั ท�ำ แตค่ ณุ ความดี เชน่ แสดงออกซง่ึ พระมหากรณุ าธคิ ณุ ชว่ ยความทกุ ขข์ องประชาชน ที่สำ�คัญก็คือทรงเลิกทาส เพราะสงสารประชาชนท่ีต้องตกไปเป็น ทาสเขา และได้รับความกดขท่ี ารุณจากนายเงนิ 62
ในด้านคำ�พูด พระองค์ก็มิได้พูดชั่ว ตรัสโอภาปราศรัยแต่ ถ้อยคำ�ดี ในด้านความคิด พระองค์ก็มิได้คิดชั่วร้าย ทรงคิดแต่ใน เร่อื งทีด่ งี าม เพราะอ�ำ นาจความประพฤตดิ คี รบลกั ษณะของบณั ฑติ นเ่ี อง จงึ เชิดชูพระพุทธเจ้าหลวงให้กลายเป็นคนส�ำ คัญ ลูกรัก คุณลักษณะความเป็นบัณฑิต ๑๐ อย่าง มีความ สำ�คัญมากเพราะส่งเสริมให้คนเป็นคนดีดังกล่าวแล้ว เจ้าจงจำ�ไว้ ใครมีลักษณะบัณฑิตครบถ้วน จงคบเขาเถิด จะเป็นสิริมงคลแก่ ตวั เอง เอาละลกู วนั นเ้ี ราคยุ กนั มานานพอสมควรแลว้ หยดุ ไวเ้ พยี ง แค่น้ีแหละ คราวหน้ามีเวลาว่าง พ่อจะอธิบายเรื่องการคบบัณฑิต ให้เจา้ ฟังต่อไป เจา้ ไปชว่ ยคณุ แม่ทำ�งานไดแ้ ลว้ ” แล้วเดก็ ชายเพียร ก็กราบบดิ าข้ึนไปบนเรือนชว่ ยมารดาทำ�งาน 63
คำ�ถามประจ�ำ บท ๑. เดก็ ชายแดงรปู รา่ งหน้าตาดี และแตง่ ตัวดี แต่ชอบพดู ค�ำ หยาบจะเรยี กวา่ เปน็ บณั ฑติ ไดห้ รอื ไม่ เพราะเหตุไร ? ๒. ๓. คณุ สมบตั ิของบณั ฑติ นกั เรียนคนหน่งึ มีความ เมตตากรุณาชอบช่วยเหลอื ข้อท่วี า่ ท�ำ ดนี น้ั คนทไ่ี ด้รบั ความเดือดรอ้ น ทำ�ดอี ยา่ งไรบ้าง ? เสมอ เขามีคุณลกั ษณะ ของบัณฑิตข้อไหน ? ๔. ๕. พอ่ ที่ใจดี ตามใจลูกทกุ อยา่ ง คุณสมบัติของบัณฑติ ขอ้ ที่วา่ แม้ลกู จะท�ำ ผดิ กต็ ามใจ จะ ไมเ่ หน็ ผดิ นนั้ หมายความวา่ เรยี กวา่ เปน็ บณั ฑติ เพราะคดิ ดี ไม่เห็นผดิ อยา่ งไร และท่วี า่ ไดห้ รอื ไม่ เพราะเหตไุ ร ? เห็นถูกนนั้ ถกู อยา่ งไร ? 64
บท๔ที่ บกณั ารคฑบติ เยน็ วนั อาทติ ยต์ อ่ มา ขณะทน่ี ายเพม่ิ รกั วชิ า ก�ำ ลงั นง่ั พกั ผอ่ น อยู่สนามหญ้าหน้าบ้าน เด็กชายเพียรค่อย ๆ เดินเข้าไปหาพูดว่า “คณุ พอ่ ครบั พรงุ่ นเ้ี ปน็ วนั เกดิ ของผม ผมอยากชวนเพอ่ื นสกั ๕-๖ คน มารบั ประทานอาหารที่บา้ น คณุ พอ่ จะอนญุ าตไหมครบั ” “เออ จรงิ ซนิ ะ วันพร่งุ นเ้ี จา้ จะมอี ายคุ รบ ๑๒ ปีแลว้ พ่อ เกอื บลมื ไป แมข่ องเจา้ เตรยี มเรอ่ื งงานวนั เกดิ ของเจา้ ไวอ้ ยา่ งไรบา้ ง เล่าใหพ้ ่อฟงั ซิ” “คณุ แม่ว่าจะใหผ้ มใสบ่ าตรพระตอนเชา้ ๑๒ องคเ์ ทา่ อายุ ของผม และผมบอกวา่ อยากเลย้ี งอาหารเพอ่ื นตอนเลกิ โรงเรยี นแลว้ คณุ แมเ่ ห็นด้วย แตใ่ ห้มาขออนญุ าตคณุ พอ่ เสียกอ่ น” “พอ่ ไมข่ ดั ขอ้ ง พรงุ่ นเ้ี จา้ เชญิ เพอ่ื นมารบั ประทานอาหารได้ เพราะพ่ออยากใหเ้ จ้ามีเพ่อื นไปมาหาสู่ จะได้ไมว่ า้ เหว่ เร่อื งการคบเพ่อื น พอ่ ไม่ห้าม แตพ่ ่อเป็นหว่ งอยอู่ ยา่ งเดียว กลวั เจ้าจะไปคบเพอ่ื นไมด่ ี พอ่ อยากให้เจา้ คบเพอื่ นท่เี ป็นคนดี” 65
“คณุ พอ่ ครับ ผมท�ำ ตามคำ�สอนของคุณพ่อทกุ อยา่ ง เพอ่ื น ทีผ่ มเชญิ มาบา้ นเราพร่งุ น้ี มีความประพฤติดที กุ คน มีลักษณะเปน็ บัณฑติ ท่คี ณุ พ่อเคยพูดใหผ้ มฟังเมอ่ื คราวกอ่ น” “ถา้ อย่างนั้นก็ดแี ลว้ ลกู เม่ือวนั อาทติ ยท์ ีแ่ ลว้ พอ่ พูดเรอื่ ง ลักษณะของบัณฑิตให้เจ้าฟังอย่างละเอียดแล้ว วันนี้ พ่อจะพูด เรื่องการคบบัณฑติ ให้เจ้าฟงั เวลาน้เี จา้ ว่างไมใ่ ชห่ รือ ?” “ผมว่างครับคุณพ่อ และกำ�ลังอยากฟังเรื่องต่ออยู่ทีเดียว คุณพอ่ กรณุ าเลา่ ให้ผมฟังเถอะครับ” “พ่อเคยพดู ให้เจ้าฟังแล้ว เมอ่ื วนั กอ่ นว่า การคบคนพาลมี แต่ทางเสีย ท�ำ ใหผ้ ้คู บกลายเป็นคนชว่ั ตามเขา ส่วนการคบบณั ฑิต มลี กั ษณะตรงกนั ขา้ ม คอื จะท�ำ ให้เราไดร้ บั ประโยชนอ์ ย่างคุม้ คา่ เชน่ กลายเป็นคนมีนิสัยดอี ย่างเขาและไดร้ ับความสุข คนทค่ี บกบั บณั ฑติ ยอ่ มถา่ ยทอดนสิ ยั จากบณั ฑติ อยา่ งไมม่ ี ปัญหา เพราะเมื่อคบบัณฑิตบ่อย ๆ เห็นความประพฤติเรียบร้อย กิริยามารยาทสภุ าพ ได้ฟังวาจาสภุ าพออ่ นหวานก็จะจำ�แบบอยา่ ง ทีด่ มี าประพฤติ ท�ำ ใหก้ ลายเป็นคนดีไปด้วย จริงอยู่ การเลียนแบบความประพฤติของคนดีทำ�ได้ยาก ตคอ้นงพพายยาเรยอื าทมวฝนนื นใจ�ำ้ ทำ� เหมอื นพายเรอื ทวนน�้ำ ต้องได้รับความลำ�บาก และเหน็ดเหน่ือย เไพม่ใรหาะ้ลตออ้ยงไปคอตยามขนืน�ำ้เรือ ตอ้ งออกแรงพายเรือแรงมาก เรอื จงึ จะวิง่ ทวนนำ�้ ได้ 66
ยกตวั อยา่ งเชน่ เราเหน็ เขามคี วามประพฤตดิ ี มเี มตตากรณุ า มมี ารยาทออ่ นโยน จะท�ำ ตามอยา่ งเขาบา้ ง รสู้ กึ วา่ ท�ำ ยากเหลอื เกนิ ต้องฝืนใจทำ� การเลยี นแบบคนดีอย่างนี้ แมจ้ ะทำ�ยากอย่บู า้ ง แต่ เมอ่ื ไปคบกบั เขานานเขา้ ไปมาหาสกู่ นั บอ่ ย ๆ กจ็ ะถา่ ยทอดความดี จากเขาโดยไมร่ สู้ กึ ตวั ไมต่ อ้ งดอู น่ื ไกล ดลู ายมอื ของนกั เรยี นกแ็ ลว้ กนั เม่อื มาเข้าโรงเรยี นใหม่ ลายมอื ไมด่ ี แตเ่ มอ่ื เห็นลายมือครูบอ่ ย ๆ และฝึกหัดเขียนตามลายมอื ครู ไมช่ ้าก็จะมลี ายมือดีอย่างครู แมค้ นทเ่ี คยมนี สิ ยั ชว่ั มาเพราะไปคบคนพาลมากอ่ น แตเ่ มอ่ื มาคบกับบัณฑิต จะช่วยแก้นสิ ัยให้เป็นคนดีได้ เช่น เรอ่ื งพระเจ้า อชาตศัตรู พ่อเคยเล่าให้เจ้าฟังแล้วว่า พระเจา้ อชาตศัตรูต้องกลาย เป็นคนช่วั ถึงกับปลงพระชนมพ์ ระราชบดิ า เพราะไปคบคา้ สมาคม กับพระเทวทตั ตอ่ มาภายหลงั พระองคไ์ ด้มาคบกบั พระพุทธเจ้าของเรา ซึ่งเป็นบณั ฑติ มคี วามประพฤตดิ ี เลยกลบั กลายเป็นคนดี มศี ีลธรรม สำ�นกึ ถึงบาป ท่เี คยทำ�ไว้ ละเว้นการทำ�บาปโดยสน้ิ เชงิ ได้ทรงบ�ำ เพ็ญบุญกุศลไว้ ในพระพทุ ธศาสนามากมาย ความดสี �ำ คญั ทจ่ี ารกึ อยใู่ นประวตั ศิ าสตร์ คือได้เป็นกำ�ลังสำ�คัญในการถวายความอุปถัมภ์แก่พระสงฆ์เมื่อ ทำ�สังคายนาครง้ั ท่ี ๑ 67
เจา้ เรยี นเรอ่ื งประวตั ขิ องพระพทุ ธศาสนามาแลว้ คงจะจ�ำ ได้ เมอ่ื พระพทุ ธเจา้ นพิ พานแลว้ ใหม่ ๆ ค�ำ สอนของพระพทุ ธเจา้ ยงั ไมไ่ ด้ รวบรวมไว้เป็นหมวดหมู่ พระสงฆ์สาวกผู้ใหญ่จึงประชุมตกลงกัน รวบรวมค�ำ สอนของพระพทุ ธเจา้ การรวบรวมค�ำ สอนของพระพทุ ธเจา้ นี้ ศัพท์ทางศาสนาเรียกว่า ทำ�สงั คายนา แตก่ ารท�ำ สงั คายนาเป็นเรื่องใหญ่ ต้องประชมุ สงฆ์จำ�นวน มาก และต้องใช้เวลาทำ�งานอยหู่ ลายเดอื น จ�ำ เป็นตอ้ งไดค้ นสรา้ ง ที่ประชุมให้ และถวายอาหารแก่พระสงฆ์ทกุ วัน คณะสงฆ์เหลา่ นัน้ จึงได้พากันไปเฝา้ พระเจ้าอชาตศตั รู ทลู เรือ่ งที่จะทำ�สังคายนาและ ขอความอุปถัมภ์ พร้อมทั้งทูลให้ซ่อมแซมวัดที่ชำ�รุดทรุดโทรมอีก หลายวัด พระเจา้ อชาตศัตรู กท็ รงรบั ทจ่ี ะถวาย ความอุปถัมภท์ กุ อย่าง ขอให้คณะสงฆไ์ ด้ต้งั ใจ ทำ�งานทางด้านศาสนา เพราะพระเจา้ อชาตศตั รไู ดท้ รงท�ำ ความดชี ว่ ยศาสนาอยา่ งน้ี ประวตั ศิ าสตร์ทางศาสนาจงึ ไดจ้ ารกึ ชือ่ ไว้ เจา้ จะเหน็ แลว้ วา่ พระเจา้ อชาตศตั รู แมจ้ ะเคยเปน็ คนพาล มาแลว้ เมอ่ื ไดม้ าคบกบั พระพุทธเจ้าซ่ึงเป็นบัณฑติ ก็กลับตัวเป็น คนดไี ด้ 68
อีกเรอ่ื งหน่ึงคนที่เคยเป็นคนพาลมาแล้ว แตก่ ลับตัวได้เมื่อ มาคบบณั ฑิต คือเรื่องพระองคลุ ิมาล พระองคลุ มิ าลนี้ เมอ่ื เปน็ เด็กชือ่ อหิงสกะ บิดามารดาสง่ ไปเรียนวิชาในส�ำ นกั ของอาจารยท์ ่มี ีชื่อเสยี งแห่งหนง่ึ อหิงสกะเรียนหนังสือเก่งกว่าเพื่อนทุกคน ความประพฤติ ก็เรยี บรอ้ ยเปน็ ท่ีโปรดปรานของอาจารย์มาก อหงิ สกะ XXX โกรธ ๆๆๆ เพอ่ื นรว่ มสำ�นัก เหน็ อหิงสกะ ดีเกินหน้าตวั ก็อจิ ฉา จึงคดิ หาทางกำ�จดั โดยไปกลา่ วโทษ อหงิ สกะอยู่เนือง ๆ ว่า เขาคิดร้ายตอ่ อาจารย์ และนนิ ทาวา่ ร้ายอาจารย์ต่าง ๆ ทแี รก อาจารยก์ ไ็ มเ่ ชอ่ื แตเ่ มอ่ื ถกู ยยุ งบอ่ ย ๆ อาจารยก์ เ็ ชอ่ื และเกลยี ดชังอหงิ สกะ ในท่สี ดุ กค็ ดิ หาอบุ ายฆ่า วนั หนง่ึ อาจารยไ์ ดเ้ รยี กอหงิ สกะมาพบสองตอ่ สอง บอกวา่ อาจารย์มีวิชาสำ�คัญอย่างหนึ่งที่จะสอนให้ แต่เคล็ดลับของวิชานี้ สำ�คัญอยู่ที่จะต้องได้นิ้วมือของคนหนึ่งพันคนมาเสียก่อน จึงจะ เรยี นได้ ถา้ ไมไ่ ด้นวิ้ มือครบตามจ�ำ นวนนัน้ จะเรียนวชิ านีไ้ ม่ได้ อาจารยถ์ ามอหงิ สกะวา่ อยากไดว้ ชิ านห้ี รอื ไม่ อหงิ สกะตอบ วา่ อยากได้ อาจารยบ์ อกวา่ ถา้ อยากไดว้ ชิ านก้ี ใ็ หไ้ ปฆา่ คนเอานว้ิ มอื มา จะทำ�ไดห้ รือไม่ 69
อหงิ สกะอยากไดว้ ชิ า ไมไ่ ดน้ กึ เฉลยี วใจวา่ อาจารยจ์ ะคดิ ฆา่ ตนทางออ้ ม เพราะความจรงิ เรอ่ื งทอ่ี าจารยพ์ ดู นน้ั ไมเ่ ปน็ ความจรงิ แสร้งปั้นเรื่องขึ้นเพื่อฆ่าอหิงสกะทางอ้อม ครั้นจะฆ่าศิษย์เฉย ๆ อาจารย์กเ็ กรงเกดิ เรือ่ งออื้ ฉาวเสียชือ่ เสียง เพราะอหิงสกะ ไมม่ คี วามผิดอะไร ไดน้ ิว้ ครบพนั เม่อื ไหร่ จึงป้นั เร่ืองข้นึ คอ่ ยกลับมา เพ่ือตอ้ งการ ยมื มือคนอน่ื ฆา่ เพราะอาจารย์ เช่อื แนว่ า่ ถา้ อหงิ สกะ ไปฆ่าคน ไม่ช้าจะถกู คนอืน่ ฆา่ ตาย เมอ่ื อหิงสกะถูกฆ่าตาย ตวั อาจารยก์ ็ไมต่ ้องมีมลทนิ นับวา่ เปน็ วิธีการท่ฉี ลาดของอาจารย์มากทีเดยี ว เพราะความไมร่ เู้ ทา่ ทนั อาจารยน์ เ่ี อง อหงิ สกะจงึ รบั ค�ำ ทจ่ี ะ ไปฆา่ คน หานิ้วมอื มาเพอื่ เรียนวิชา เขาเที่ยวฆ่าคนตายแล้วตัดนิ้วมือมาร้อยเป็นพวงไว้ที่คอ ชอ่ื เสยี งเลา่ ลอื ไปทว่ั เมอื ง เปน็ ทห่ี วาดเสยี วของคนทว่ั ไป ประชาชน ตง้ั ชือ่ เรยี กเขาใหม่วา่ โจรองคลุ มิ าล ซง่ึ แปลวา่ โจรมีนิ้วมือคนรอ้ ย อยทู่ ่ีคอ 70
ทางฝา่ ยบา้ นเมอื งเหน็ วา่ โจรองคลุ มิ าลโหดรา้ ยมาก เปน็ ภยั ตอ่ ประชาชน จงึ ส่ังกองทหารออกไปปราบปราม ฝา่ ยมารดาของโจรองคุลิมาล ไดท้ ราบว่าทางบ้านเมอื งสง่ั กองทหารออกไปปราบ เกรงบตุ รจะเปน็ อนั ตราย จงึ รบี เดนิ ทางออก ไปบอกบตุ รให้หลบหนี พระพทุ ธเจา้ ของเราทรงทราบวา่ มารดาของโจรเดนิ ทางไป พบบุตร ทรงรู้ว่าเมื่อพบมารดา โจรองคุลิมาลจะจำ�มารดาไม่ได้ เพราะเมอ่ื ฆา่ คนตายหลายศพแลว้ เขาเลยกลายเปน็ คนมสี ตฟิ น่ั เฟอื น เขาจะตอ้ งฆา่ มารดาอย่างแน่นอน พระพทุ ธเจา้ สงสารโจร เพราะเขากลายเปน็ โจรเพราะความ โง่เขลา หลงเชื่ออาจารย์ที่เลวทราม เกรงว่าหากเขาฆ่ามารดาจะ เป็นการทำ�บาปอย่างรา้ ยแรง พระองคจ์ งึ รบี เสดจ็ ไปพบโจรกอ่ นที่ เขาจะพบกับมารดา ต้องออกไป โปรดสัตวแ์ ลว้ โจรเหน็ พระพุทธเจา้ ก็วงิ่ ไลเ่ พอ่ื ฆา่ เอาน้วิ มือ แตว่ ง่ิ ตาม พระพุทธเจ้า ไมท่ นั พอวง่ิ เหน่ือย ก็บอกพระพุทธเจา้ ให้หยดุ เดิน พระพุทธเจ้า ก็ตรัสกับโจรว่า พระองค์หยุดนานแล้ว แต่ โจรซยิ ังไมห่ ยดุ 71
โจรหาว่าพระพทุ ธเจ้าพดู โกหก เพราะยงั ทรงเดนิ เรอ่ื ยอยู่ พระพทุ ธเจา้ กต็ อบวา่ พระองคไ์ มไ่ ดโ้ กหก ทว่ี า่ พระองคห์ ยดุ หมายความว่า หยุดท�ำ บาป ส่วนองคุลมิ าลซิท่ียงั ไม่หยดุ โจรองคุลมิ าลก็เถียงว่า เขาหยดุ น่งิ แล้ว เพราะเขาหยดุ อยู่ กบั ท่ี ไม่ไดเ้ ดนิ เลย พระพุทธเจ้าตรสั วา่ องคุลมิ าลหยดุ เดินจริง แตไ่ ม่หยุดจาก การท�ำ บาป ท�ำ บาปฆา่ คนมากเหลอื เกนิ แลว้ ยงั จะมาฆา่ พระองคอ์ กี โจรฟงั ค�ำ ของพระ ก็สำ�นกึ ตัวได้ เสยี ใจทตี่ นได้ทำ�บาป จงึ โยนดาบท้ิง และถอดพวงน้วิ มอื ทีร่ อ้ ยคอออกโยนทิ้ง เขา้ ไปเฝา้ พระพทุ ธเจ้า กราบที่แทบพระบาทของพระองค์ พระองค์ก็ทรงสั่งสอน โจรใหร้ จู้ กั บาปบญุ คณุ โทษตา่ ง ๆ กลบั จติ ใจโจรทเ่ี คยโหดรา้ ยใหก้ ลาย เปน็ คนมคี วามเมตตากรณุ า ตอ่ มาโจรองคลุ มิ าลไดบ้ วชเปน็ พระภกิ ษุ ในพระพุทธศาสนา เปน็ พระทมี่ คี วามสำ�คัญองค์หนงึ่ เจา้ เหน็ หรอื ไม่ เพราะโจรองคลุ มิ าลไดม้ าคบกบั พระพทุ ธเจา้ แท้ ๆ จึงกลายเปน็ คนดี หากไมไ่ ดค้ บกับคนดอี ย่างพระพุทธเจา้ คง กลับตัวเป็นคนดียังไมไ่ ด้ อยา่ วา่ แตค่ นเราเลย แมแ้ ตส่ ตั วท์ ช่ี ว่ั เพราะไดต้ วั อยา่ งทไ่ี มด่ ี 72
หากได้เห็นตัวอย่างที่ดี และได้อยู่ใกล้ชิดตัวอย่างที่ดีบ่อย ๆ ก็จะ แกน้ ิสัยช่วั กลายเปน็ ดีไปได้เหมือนกัน อย่างนทิ านเร่อื งมา้ ทรงของ พระราชา นานแลว้ พระราชาองคห์ นง่ึ มมี า้ ทรงตวั หนง่ึ เปน็ มา้ ทด่ี มี าก พระองค์ทรงใชส้ อยอยตู่ ลอดเวลา ตอ่ มา คนเลย้ี งม้าเกา่ ขอลาออก ไดค้ นเลย้ี งมา้ ใหมม่ าแทน แตค่ นเลย้ี งมา้ ใหมน่ ข้ี าพกิ าร คอื เดนิ ขาเขยก ตามธรรมดา คนเลี้ยงมา้ หนา้ เดิน ต้องเดินน�ำ หน้า จงู ม้าเดินทุกวัน ม้าได้สังเกต การเดนิ ของคน เล้ยี งใหมท่ กุ วนั และจดจ�ำ ไว้ พอนานเข้า มา้ กเ็ ลยเดนิ ขาเขยก ตามคนเล้ียงมา้ เมอ่ื มคี นไปกราบทลู พระราชาวา่ เวลานม้ี า้ ทรงเดนิ ขาเขยก ก็รบั ส่ังให้แพทยห์ ลวงไปตรวจ แพทยห์ ลวงไปตรวจดูมา้ อย่างละเอียดถถี่ ้วน ไม่พบโรคภัย ในตวั มา้ จงึ ไปกราบทลู พระราชาใหท้ รงทราบ พระราชารับส่ังให้ ปุโรหิตไปตรวจหามูลเหตทุ ี่ทำ�ให้ม้าขาเขยก 73
ปโุ รหติ ไดไ้ ปตรวจดมู า้ อยา่ งละเอยี ดถถ่ี ว้ น กร็ วู้ า่ เปน็ เพราะ มา้ จ�ำ อยา่ งคนเดนิ ขาเขยก จงึ เดนิ เขยกตาม เดินให้ตรง ๆ นะ ปุโรหติ เห็นว่า วธิ ีแกม้ ้าขาเขยกงา่ ยนิดเดยี ว คือ เปล่ียนคน เลย้ี งมา้ ใหม่ หาคนขาดมี าเลย้ี งแทน ไมช่ า้ มา้ กจ็ ะเดนิ ปกตอิ ยา่ งเดมิ จงึ น�ำ ความไปกราบทลู ใหพ้ ระราชาทรงทราบ พระราชาจงึ รบั สง่ั ให้เปล่ียนคนเลี้ยงมา้ ใหม่ หาคนเลย้ี งม้า ขาดมี าแทน ไมช่ ้าม้าท่ีเคยเดนิ ขาเขยกน้ัน กก็ ลบั เดนิ ดีอยา่ งเดิม เจ้าจะเหน็ แล้ววา่ แม้แตส่ ัตวเ์ คยช่ัวมาแลว้ เม่อื ได้มาเหน็ ตวั อย่างทด่ี ี กเ็ ปลย่ี นนิสัยจากชั่วเปน็ ดไี ปได้ เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าจึงสอนให้คนคบบัณฑิต เพื่อ ตอ้ งการใหถ้ า่ ยทอดนสิ ยั ดจี ากเขา ท�ำ ใหเ้ รากลายเปน็ คนดอี ยา่ งเขา ด้วย 74
นอกจากนี้ คนท่คี บบัณฑติ ยงั ได้รับความสุขตลอดเวลา จะ ไมไ่ ด้รบั ความเดอื ดรอ้ นจากบณั ฑติ เลย ใจเยน็ เพือ่ น เขาจะไมช่ ักนำ�เรา ท�ำ ความผิดต่าง ๆ มีแตจ่ ะคอย หา้ มปราม เมื่อเราถล�ำ ตวั จะท�ำ ความชว่ั รบั รองไดว้ า่ คนทคี่ บบณั ฑิต จะไมต่ อ้ งได้รับโทษจากทาง บ้านเมือง เช่น ต้องถูกจับตัวไปคุมขัง และผู้ปกครองก็ไม่ได้รับ ความเดอื ดรอ้ นด้วย การคบบณั ฑติ นอกจากไมไ่ ดร้ บั ความเดอื ดรอ้ นแลว้ ยงั พลอย ใคหน้เยรากมยีชอ่ อ่ืงเสเชยี น่ งดชว้ ่วยยคเพนรตากะนคำ�้ นทชี่เว่ ปยน็คบนณัก�ำฑลติ ังนเปั้นน็ ลจมะทช�ำ ่วแยตเจค่ ้าวหามนด้าทีที่่ี ดับไฟเวลาเกิดไฟไหม้ เม่ือเขาทำ�ดอี ยา่ งน้ี คนก็พากนั ยกย่องชมเชย ในฐานทเ่ี ราเปน็ เพอ่ื นกบั เขา เมอ่ื เขาไปท�ำ ความดมี า กพ็ ลอย มีชอ่ื เสียงไปกบั เขาดว้ ย เหมอื นใบไมท้ ่ีห่อดอกไมห้ อม แม้ใบไม้จะ ไมม่ กี ล่นิ หอม แตเ่ ม่ืออยรู่ ว่ มกบั ดอกไม้ กพ็ ลอยมีกลนิ่ หอมไปดว้ ย ตามทพ่ี อ่ อธบิ ายมาน้ี เจา้ คงเหน็ แลว้ วา่ การคบบณั ฑติ ไดร้ บั ประโยชน์คุ้มค่ามากทีเดียว ใครที่คบบัณฑิตอยู่แล้ว จงรู้ไว้เถิดว่า ก�ำ ลังมโี ชคดี แตข่ ้อส�ำ คญั อย่ทู ี่วา่ ต้องพยายามถา่ ยทอดความดจี ากเขา อย่าสักแตค่ บ หรืออยู่ใกลช้ ิดกบั เขาเฉย ๆ จะกลายเปน็ อยา่ งทพั พี 75
คอื ทัพพนี ้นั จะใช้ คนใหเ้ ขา้ กนั จะไดอ้ รอ่ ย คนแกงจนกร่อน กไ็ มร่ รู้ สแกง วา่ เป็นอย่างไร เขาจึงเปรยี บคน ที่อยใู่ กล้คนดแี ลว้ ไมท่ �ำ ตามอย่างคนดี ว่าเหมือนทัพพีท่ีไมร่ จู้ ักรสแกง หรอื บางทเี ขากพ็ ดู เปรยี บเทยี บเปน็ ท�ำ นองวา่ ใกลเ้ กลอื กนิ ดา่ ง ตามธรรมดามเี กลอื แลว้ ควรจะใชเ้ กลอื ในการท�ำ ประโยชน์ ตา่ ง ๆ เชน่ ใช้ในการปรงุ อาหาร แต่หากใครอตุ ริไปเอาดา่ งมาใช้แทนเกลอื คนนนั้ ก็นบั ว่าโง่ เหมอื นคนทอ่ี ยู่ใกลบ้ ณั ฑิต แล้วไมจ่ ำ�ความประพฤติทดี่ ขี องบณั ฑติ ไปใช้ให้เปน็ ประโยชนแ์ ก่ตวั แต่กลับไปจ�ำ อยา่ งคนพาลมาใช้ และขอ้ สำ�คญั อีกอยา่ งหนึ่ง คนท่ีคบกับบัณฑติ นนั้ ตอ้ งมี ความอดทนตอ่ คำ�ตักเตือนของบณั ฑติ ได้ ซ่งึ เขาจะพูดตกั เตอื นเรา อยา่ งตรงไปตรงมา ครบั เด๋ียวแก้ เพราะบัณฑิตน้ัน รสู้ กึ วา่ ใหค้ รบั เหน็ ใครทำ�ผดิ จะไม่ถูกนะ จะตำ�หนิต่อหน้า เพือ่ ใหก้ ลับตัว เป็นคนดี จะไมน่ ินทา วา่ รา้ ยใครลับหลงั 76
บางคนถกู บัณฑิตต�ำ หนิเข้าบา้ งกโ็ กรธ อยา่ งนี้เป็นคนดยี งั ไมไ่ ด้ เพราะฉะนน้ั หลกั ทค่ี วรตง้ั ไวใ้ นใจเมอ่ื คบกบั บณั ฑติ คอื ความ อดทน จงนึกอยู่เสมอวา่ ร้สู กึ วา่ จะผิดนะ แนจ่ รงิ ก็ทํำ�เองสิ บัณฑิตทีต่ กั เตอื น ไปท�ำํ มาใหม่ ส่ังสอนเราน้นั เหมอื นกบั คนชี้บอก ขุมทรัพยใ์ ห้เรา เพราะจติ ใจ ของบัณฑติ นน้ั หวังดตี อ่ เราจริง ๆ ทต่ี กั เตอื นแนะน�ำ กเ็ พราะหวงั ดี หวงั จะใหเ้ ราเจรญิ กา้ วหนา้ มิได้มุ่งรา้ ยอะไรเลย ลกู รกั เหตผุ ลตา่ ง ๆ ทพ่ี อ่ พดู ใหเ้ จา้ ฟงั น้ี เจา้ คงมองเหน็ แลว้ วา่ การคบบณั ฑติ เปน็ การสรา้ งความเจรญิ กา้ วหนา้ แกต่ วั เราเองโดยตรง เพราะจะชว่ ยตวั เราให้เปน็ คนดี พ่อดีใจมากที่เจ้ารู้จักคบเพื่อนดีตามที่พ่อสอน พ่อคิดว่า พร่งุ น้ี พอ่ คงจะรู้จกั เพ่ือนของเจ้าทกุ คน และวนั นนั้ พอ่ จะพสิ จู น์ ว่าเพ่ือนของเจ้าเปน็ คนดีจรงิ ตามท่ีเจา้ พูดหรอื ไม่ ลกู รกั วนั นเ้ี ราหยดุ คยุ กนั แคน่ เ้ี ถอะ เจา้ ไปชว่ ยคณุ แมท่ �ำ งาน บา้ นไดแ้ ลว้ ” เดก็ ชายเพียรกราบที่ตกั ของบิดา แล้วขนึ้ เรอื นชว่ ยมารดา ท�ำ งานบา้ น 77
ค�ำ ถามประจ�ำ บท ๑. มสี ภุ าษติ ไทยเราบท หน่ึงว่า “คบคนดเี ปน็ ศรี แกต่ วั ” หมายความว่า อยา่ งไร ? ๒. ๓. คนทเี่ คยเป็นคนชว่ั มาแล้ว เพราะเหตไุ ร บางคน เมอ่ื ได้มาคบกบั บณั ฑติ จะ ทีอ่ ยู่ใกล้ชดิ กบั บณั ฑิต กลับเปน็ คนดไี ดห้ รอื ไม่ จึงไม่เปน็ คนดีอย่าง เพราะเหตุไร ? บณั ฑติ ? ๔. ๕. นินทากับต�ำ หนิ ต่างกนั อย่างไร ? คนทอ่ี ดทนตอ่ ค�ำ ต�ำ หนขิ อง บณั ฑติ ได้ กับคนทอ่ี ดทน 78 ไม่ได้ จะได้ผลต่างกัน อย่างไรบา้ ง ?
บท ส่งท้าย วนั รงุ่ ขน้ึ เดก็ ชายเพยี รไดท้ �ำ บญุ ใสบ่ าตรพระตอนเชา้ เสรจ็ แลว้ ไปโรงเรยี น เมอ่ื โรงเรยี นเลกิ ไดพ้ าเพอ่ื น ๖ คน มารบั ประทาน อาหารทบ่ี า้ น และแนะน�ำ เพอ่ื นใหร้ จู้ กั กบั บดิ ามารดา เพอ่ื นทกุ คน ไดท้ ำ�ความเคารพทา่ นทง้ั สองด้วยกริ ยิ าอาการนอบน้อม ผู้บังเกิดเกล้าทั้งสองของเด็กชายเพียร ได้ต้อนรับทักทาย ปราศรัยกับเด็กเหล่านั้นเป็นอย่างดี เด็กทุกคนได้ร่วมรับประทาน อาหารกันอย่างสนกุ สนานร่าเรงิ เสียงคุยกนั เสยี งหวั เราะดงั ล่ันอยู่ มิไดข้ าด เมอื่ ใกลพ้ ลบค�ำ่ เพ่ือนของเดก็ ชายเพยี รกล็ ากลับ 79
หลังจากอาบน้ำ� และรบั ประทานอาหารเย็นแล้ว เด็กชาย เพยี ร ก็รีบแกห้ ่อของขวัญที่เพอื่ นแตล่ ะคนน�ำ มามอบให้ นายเพม่ิ มานั่งดูบตุ รซ่ึงก�ำ ลังท�ำ งานง่วนอยู่ พดู ขึน้ ว่า “ลูกรัก เพื่อนเจ้าแต่ละคนที่มาบ้านเราวันนี้เป็นคนดีมาก สมกับที่เจ้าคุยไว้ กิริยามารยาทก็เรียบร้อย รู้จักมีสัมมาคารวะ พอ่ ขอชมเจา้ ทร่ี จู้ กั เลอื กคบเพอ่ื นทเ่ี ปน็ คนดี เขาใหอ้ ะไรเปน็ ของขวญั วนั เกดิ แกล่ ูกบา้ งละ่ ” “ไม่มีอะไรมากดอกครับ คุณพ่อ ส่วนมากเป็นขนมเล็ก ๆ นอ้ ย ๆ” เด็กชายเพยี รนำ�ห่อของขวัญทแี่ กอ้ อกแลว้ ให้บดิ าดู “ลกู เอย๋ ของเพยี งเทา่ นก้ี ด็ ถี มไป แสดงถงึ น�ำ้ ใจของเพอ่ื นเจา้ ว่าเปน็ คนดีมาก ล�ำ พังพอ่ เอง ไมอ่ ยากให้เพอ่ื นของเจา้ ซือ้ ของขวัญ เพราะเปน็ เร่อื งหมดเปลือง แตเ่ มอ่ื เขาซื้อของ มันเปน็ น�ํำ้ ใจของ เล็ก ๆ น้อย ๆ ขนมท้ังนั้นเลย เพอื่ น ดีแลว้ ลูก อย่างนี้มาให้ พอ่ ก็รู้สึก สบายใจแทน เพราะเขาจะได้ ไมส่ ิ้นเปลอื ง และไม่เดอื ดรอ้ น ไปถึงผู้ปกครอง 80
วนั น้ี พอ่ สงั เกตเหน็ เจา้ รา่ เรงิ เจา้ คงมคี วามสขุ มากใชไ่ หมลกู ” “ครบั คณุ พอ่ วนั น้ี ผมสบายใจมาก ทไ่ี ดส้ นกุ สนานกบั เพอ่ื น คุณพ่อครับ คุณพ่อไม่เห็นให้อะไรเป็นของขวัญวันเกิดแก่ผมบ้าง เลยครับ” “เจ้าอยากไดอ้ ะไรบอกพอ่ ซิ” “ผมอยากไดป้ ากกาปลอกทองสกั ดา้ มหนง่ึ ครบั ปากกาทผ่ี ม ใชอ้ ยูเ่ วลาน้ี ราคาถกู มาก รสู้ ึกอายเพอื่ นเหลือเกิน เพอ่ื นส่วนมาก มีปากกาดี ราคาแพง ใชก้ ันทั้งนัน้ ถา้ คณุ พอ่ จะพาผมไปซอ้ื วนั นีก้ ค็ งจะทนั เพราะยังเพงิ่ หวั ค่�ำ อย”ู่ “เรอ่ื งปากกาปลอกทองทเ่ี จา้ อยากไดน้ น้ั ถา้ พอ่ จะซอ้ื ใหเ้ จา้ กพ็ อซือ้ ได้ เพราะราคาเพยี งสองรอ้ ยกวา่ บาท แต่พอ่ คดิ แลว้ ยังไม่ เห็นควรซือ้ ให้เจ้าเวลาน้ี เจ้าอยา่ เข้าใจผิดวา่ พ่อไมร่ กั เจ้า ท่ีตอ้ งขดั ใจอย่างนี้ เพราะ พ่อเหน็ วา่ เจ้ายงั ไม่มีความจำ�เป็นต้องใชป้ ากการาคาแพงอย่างนั้น ปากกาด้ามเกา่ ถึงราคาจะถกู บา้ ง กพ็ อใช้เขียนได้ 81
เรื่องการใช้การจ่าย เราควรคำ�นึงถึงฐานะของเราให้มาก เหน็ คนอน่ื เขามอี ะไร เราจะมตี ามอยา่ งเขาหมดทกุ อยา่ งไมไ่ ด้ เพอ่ื น ของเจา้ มปี ากการาคาแพงใช้ เพราะฐานะทางบา้ นของเขาดี บางคน เปน็ ลกู พอ่ คา้ ทมี่ ั่งคั่ง บางคนเปน็ ลูกขา้ ราชการช้ันผูใ้ หญ่ สว่ นเจา้ มพี อ่ เปน็ เพยี งแคเ่ สมยี น ไดเ้ งนิ เดอื นเพยี งเลก็ นอ้ ย หากขนื ไปทำ�ตามอยา่ งเขา ก็จะกลายเป็นคนไม่รูจ้ กั เจียมตวั มสี ภุ าษติ โบราณสอนวา่ “ชา้ งข้ี อยา่ ขต้ี ามชา้ ง” หมายความวา่ ช้างตัวมนั ใหญ่ ก็ข้ีก้อนใหญ่ คนเราตัวเล็ก กต็ ้องขก้ี อ้ นเล็ก เราตัวเลก็ ขืนไปเบ่งข้ี ให้ก้อนใหญ่เทา่ ช้าง กต็ ายเทา่ น้ันเอง เปรยี บไดก้ บั การใชจ้ า่ ย คนทม่ี รี ายไดน้ อ้ ย กต็ อ้ งจา่ ยแตน่ อ้ ย ใหส้ มกบั ฐานะ อยา่ ใช้จ่ายใหเ้ กินฐานะของตัวเอง ลกู เอย๋ เวลาขา้ งหนา้ เจา้ ยงั จะตอ้ งมเี รอ่ื งใชจ้ า่ ยหมดเปลอื ง อกี มากนกั ไหนจะเครอ่ื งแตง่ ตวั ไหนจะคา่ อาหารกลางวนั ไหนจะ ค่ารถ และเจ้าจะตอ้ งเรียนหนังสอื อีกหลายปีกว่าจะจบ พอ่ จงึ พยายามกระเหม็ดกระแหม่ พอ่ มเี งนิ เหลอื บา้ งก็ฝาก ออมสินไว้เพื่อการศกึ ษาของเจ้า และน้องของเจา้ อีกคนหน่งึ 82
อกี อยา่ งหนง่ึ พอ่ อยากจะขอเตอื นเจา้ สกั หนอ่ ย ในเรอ่ื งการ ใชส้ ่งิ ของเครอื่ งใช้ ของต่างประเทศบางอย่าง เรานยิ มน�ำ มาใช้เปน็ เครือ่ งประดับอยา่ งหรูหรา เช่น นาฬิกากับปากกา นยิ มกันวา่ ใคร ใช้นาฬกิ า ปากกา ราคาแพง ก็เปน็ คนโก้เก๋มหี นา้ ตา แตส่ �ำ หรบั ประเทศฝรง่ั บางประเทศทเ่ี จรญิ แลว้ เขาไมไ่ ดค้ ดิ อยา่ งคนไทยเรา เขาคดิ เพยี งวา่ นาฬกิ า ปากกา เปน็ เพยี งเครอ่ื งใช้ ธรรมดา มคี นไปประเทศอังกฤษมาเล่าให้ฟงั ว่า ขา้ ราชการอังกฤษ ขนาดมีต�ำ แหน่ง หวั หน้ากองบางคน ยงั ใชป้ ากกาจม้ิ ไม่มีปากกา ปลอกทองใช้ เสยี ด้วยซำ�้ เพราะเขาประหยดั รายจ่ายของเขา เม่อื เจา้ ทราบเหตุผลอย่างนแี้ ลว้ คงจะไมเ่ สียใจซนิ ะ ที่พอ่ ไม่ซื้อปากกาปลอกทองให้” “คุณพ่อครับ ผมฟังคุณพ่อพูดแล้ว ผมไม่อยากได้ปากกา ปลอกทองเลย ผมสงสารคณุ พอ่ ผมจะชว่ ยคณุ พอ่ ประหยดั รายจา่ ย อย่างมากทส่ี ุด” 83
“เจ้าคดิ ได้อย่างนีก้ ็ดีแล้ว ถึงเจา้ จะไมไ่ ด้ปากกาปลอกทอง จากพอ่ กไ็ มต่ อ้ งเสยี ใจดอกลกู เอย๋ พอ่ มขี องขวญั อยชู่ น้ิ หนง่ึ จะมอบ ใหเ้ จา้ และของส่งิ น้รี าคามากกว่าปากกาปลอกทองหลายร้อยเท่า เจ้าคงสงสัยอยากรูข้ องขวัญช้ินน้ี พ่อจะบอกให้ ของขวญั ชิน้ น้ี เอามงคลไปใช้ ดกี ว่าลูก ไมใ่ ชอ่ นื่ ไกล คือคำ�สอนของ ครบั พระพุทธเจ้าสองขอ้ ที่พอ่ เลา่ ใหเ้ จา้ ฟงั ติดตอ่ กันหลายคร้ัง คือเรื่องไมค่ บคนพาล และคบบณั ฑิต พ่อเห็นว่าเหมาะท่ีจะเป็นของขวัญสำ�หรับวันมงคลของเจ้า เพราะถอื กนั วา่ วนั เกดิ เปน็ มงคล และค�ำ สอนสองขอ้ น้ี ในทางพระ- พุทธศาสนากเ็ รยี กวา่ เป็นมงคล เจ้าจงรู้ไว้ด้วย สิ่งที่เรียกว่า เป็นมงคลนั้น ได้แก่ มงคล ๓๘ ข้อ ซ่ึงเปน็ ค�ำ สอนของพระพุทธเจา้ โดยตรง และมงคลเหลา่ น้ี พระสงฆท์ ่านจะนำ�ไปสวด ในงานมงคลตา่ ง ๆ เช่น งานแตง่ งาน งานตดั จุก งานขนึ้ บ้านใหม่ ถอื ว่าเปน็ สิรมิ งคล 84
แตพ่ ระท่านสวด ทา่ นจะว่าเปน็ ค�ำ บาลี เราฟังไม่คอ่ ยรเู้ ร่ือง แตเ่ มอ่ื แปลเปน็ ภาษาไทยแลว้ มงคลสองขอ้ แรก กค็ อื การ ไม่คบคนพาล และการคบบัณฑิต ที่พ่อได้อธิบายให้เจ้าฟังอย่าง ละเอยี ดแลว้ พอ่ จึงอยากให้เจา้ ซงึ่ เรยี นรู้เรอื่ งมงคลสองข้อนี้ นำ�ไป ปฏบิ ตั ติ ลอดชวี ติ ของเจา้ เพราะถา้ เพยี งแตร่ เู้ ฉย ๆ แตไ่ มป่ ฏบิ ตั หิ รอื น�ำ ไปใช้ใหเ้ กดิ เปน็ ประโยชนแ์ ก่ตวั ก็ไม่มคี วามหมายอะไร อยา่ งเรารู้จักช่ือขนม เพียงแตร่ ู้จัก ชอื่ ขนมเฉย ๆ ไม่ลงมือรับประทาน ก็จะไม่ไดร้ บั รสอร่อย มงคลสองข้อนี้ก็เหมือนกัน ถ้าเจ้านำ�ไปปฏิบัติได้ ก็เป็น สริ มิ งคลแกต่ วั เอง คือ จะประสบความเจริญกา้ วหน้าในชวี ิต เพราะไม่วา่ เจา้ จะอยู่ ในวยั เปน็ เด็ก หรือเตบิ โตเปน็ เราไม่โดดเรียน ผใู้ หญ่ภายหนา้ เจ้าจะตอ้ งปลกี ตวั ออกห่างจากคนพาล จงึ จะไม่กลายเปน็ คนพาล และไมต่ ดั ความกา้ วหน้าในชวี ติ ของตนเอง 85
เพราะคนที่คบคนพาล มีแต่จะทำ�ลายอนาคตของตัวเอง มีตวั อย่างมากแลว้ เชน่ เดก็ อย่ใู นวยั เล่าเรียนไปคบคนพาล กเ็ ลย กลายเป็นคนเสยี ตอ้ งออกจากโรงเรียนกลางคนั ผู้ใหญท่ ที่ ำ�งาน มอี าชีพแลว้ ไปคบคนพาล ก็กลายเป็นคนเสยี เช่น เปน็ นักเลงการพนนั นกั เลงเหล้า นกั เลงผู้หญงิ เป็นตน้ สว่ นใครทไ่ี มค่ บคนพาล จะไมม่ ที างเสยี คนเลย และเมอ่ื หลกี ออกห่างจากคนพาลแล้ว เจ้าจะต้องพยายามคบค้าสมาคมกับคน ท่เี ป็นบัณฑิต เพราะคนดนี ั้น มแี ต่จะฉุดเราให้กลายเป็นคนดยี งิ่ ๆ ขน้ึ ไป เม่ือเจา้ ไมค่ บคนพาล และคบบณั ฑิตอยา่ งน้แี ล้ว พรอ้ มกัน น้นั ก็ต้องพยายามทำ�ตวั เองใหเ้ ป็นบณั ฑิต อยา่ ท�ำ ตวั เป็นพาล โดย มคี วามประพฤตดิ ี เวน้ ความประพฤตชิ ว่ั ตา่ ง ๆ คนอน่ื จงึ จะเลอื กคบ เปน็ เพื่อน เพราะคนอื่นที่จะคบเรา เขาก็ดูที่ความประพฤติของเรา หากเราประพฤติตัวเป็นพาล คนอื่นจะไม่ยอมคบด้วย ขอให้เจ้า รับเอามงคลสองข้อน้ไี ว้เถิดลกู รกั จงท่องไว้ให้ขน้ึ ใจว่า 86
“ฉันจะไมค่ บคนพาล ฉันจะคบแตบ่ ัณฑิต” ในวนั เกดิ ซง่ึ เปน็ วนั มงคลส�ำ หรบั ชวี ติ ของเจา้ น้ี พอ่ ขออวยพร ให้เจา้ จงเจริญยงิ่ ๆ ขน้ึ ไปเถดิ ” เด็กชายเพียร ก้มลงกราบรับพรที่แทบเท้าของบิดา แล้ว นายเพิ่มกก็ อดบุตรชายดว้ ยความรกั เป็นภาพที่ประทับใจของผไู้ ด้ เห็นย่งิ นัก จบเรื่อง 87
ค�ำ ถามประจ�ำ บท ๑. เม่ือถงึ วนั เกดิ ควรท�ำ บุญวันเกดิ อยา่ งไรบ้าง ? ๒. ๓. การร้จู กั มงคลใน กระเหมด็ กระแหม่ พระพทุ ธศาสนา ดอี ยา่ งไร ? มีกข่ี ้อ ? ๔. ๕. มงคลสองขอ้ แรก การคบคนพาล ตัดความก้าวหน้าในชวี ติ ใจความวา่ อยา่ งไรบา้ ง ? อยา่ งไร ? 88
ภาคผนวก แกลาะรกไมารค่ คบบคบนัณพฑาลิต หนังสือสอนพระพุทธศาสนาแก่เดก็ ร.ท. วชั ระ คงอดศิ ักดิ์ แต่ง ได้รบั พระราชทานรางวลั ชนั้ ท่ี ๑ ในการประกวดประจำ�พทุ ธศักราช ๒๕๐๓ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัว ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ให้พิมพ์พระราชทาน เนือ่ งในงานพระราชพธิ ีวศิ าขบูชา พุทธศกั ราช ๒๕๐๓
(ส�ำ เนา) ส�ำ นกั ราชเลขาธกิ าร ด่วน ที่ สร. ๙๘๑/๒๕๐๓ ๒๘ เมษายน ๒๕๐๓ เรอ่ื ง การประกวดแตง่ หนงั สอื แสดงพระพทุ ธศาสนาส�ำ หรบั สอนเดก็ เรยี น เลขาธกิ ารคณะรัฐมนตรี อ้างถงึ หนงั สือที่ รล. ๓๐๗๔/๒๕๐๓ ลงวันท่ี ๓๐ มีนาคม ๒๕๐๓ ตามทแ่ี จง้ รายงานของราชบณั ฑติ ยสถานไปวา่ ในการประกวด แตง่ หนงั สอื แสดงพระพทุ ธศาสนาส�ำ หรบั สอนเดก็ ตามหวั ขอ้ ธรรม เรอ่ื ง “การไมค่ บคนพาลและการคบบณั ฑติ ” เพอ่ื รบั พระราชทานรางวลั และ พมิ พพ์ ระราชทานในงานพระราชพธิ ที รงบ�ำ เพญ็ พระราชกศุ ลวศิ าขบชู า ประจ�ำ ปี ๒๕๐๓ กรรมการตรวจในทางธรรม และส�ำ นกั ศลิ ปกรรมได้ ตรวจคดั เลอื กแลว้ เหน็ วา่ ฉบับหมายเลขท่ี ๘ และฉบับหมายเลขที่ ๙ อยใู่ นเกณฑท์ จ่ี ะไดร้ บั พระราชทานรางวลั ตามส�ำ เนาตน้ ฉบบั ทแ่ี นบไป ซ่ึงสำ�นักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำ�เสนอท่านรองนายกรัฐมนตรี พิจารณาแลว้ จงึ ขอให้นำ�ความกราบบงั คมทูลพระกรุณาเพ่ือทรงพระ- บรมราชวนิ จิ ฉัยวา่ ฉบบั ใดควรไดร้ ับพระราชทานรางวลั ที่ ๑ เมือ่ ทรง เลอื กแล้ว อีกฉบบั หนึ่งก็อยูใ่ นเกณฑ์รางวลั ท่ี ๒ ตามนัยแหง่ ประกาศ แต่งหนงั สอื พระพุทธศาสนาสำ�หรับสอนเด็กน้ัน
ไดน้ �ำ ความกราบบงั คมทลู พระกรณุ าทราบฝา่ ละอองธลุ พี ระบาท แลว้ โปรดเกล้า ฯ ใหส้ �ำ นวนหมายเลขท่ี ๙ ไดร้ ับพระราชทานรางวลั ท่ี ๑ และส�ำ นวนหมายเลขที่ ๘ ไดร้ ับพระราชทานรางวลั ท่ี ๒ (ลงพระนาม) นกิ รเทวัญ เทวกลุ (หมอ่ มเจ้านกิ รเทวญั เทวกุล) ราชเลขาธิการ
ดว่ นมาก (ส�ำ เนา) ท่ี รล. ๓๐๗๔/๒๕๐๓ สำ�นกั เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ๓๐ มนี าคม ๒๕๐๓ เรอ่ื ง การประกวดแต่งหนงั สอื แสดงพระพทุ ธศาสนาสำ�หรับสอนเด็ก ทูล ราชเลขาธกิ าร สิง่ ทม่ี าด้วย สำ�เนาต้นฉบบั หนังสือสอนพระพุทธศาสนาฯ เร่ือง “การไมค่ บคนพาลและการคบบณั ฑิต” ดว้ ยราชบณั ฑติ ยสถานรายงานมาวา่ ในการประกวดแตง่ หนงั สอื แสดงพระพุทธศาสนาส�ำ หรับสอนเด็ก เพ่ือรบั พระราชทานรางวัลและ พมิ พพ์ ระราชทานในงานพระราชพธิ ที รงบ�ำ เพญ็ กศุ ลวศิ าขบชู าประจ�ำ ปี ๒๕๐๓ ราชบัณฑิตยสถานได้ดำ�เนินการและตรวจคัดเลือกเสร็จแล้ว ในการประกวดแต่งหนังสือดังกล่าวราชบัณฑิตยสถานได้ประกาศให้ แต่งประกวดตามหัวข้อธรรม เรื่อง “การไม่คบคนพาลและการคบ บัณฑิต” มีผู้แต่งเข้าประกวดรวมท้งั สิน้ ๑๑ ราย เป็นพระภิกษุ ๑ ราย คฤหัสถ์ ชาย ๘ ราย และหญิง ๒ ราย ราชบัณฑิตยสถานได้ อาราธนาให้พระธรรมโกศาจารย์สังฆมนตรีช่วยว่าการองค์การศึกษา เปน็ กรรมการตรวจในทางหลกั ธรรม ซง่ึ เปน็ การตรวจขน้ั ตน้ พระธรรม- โกศาจารย์ได้ตรวจคัดเลือกแล้วเสนอความเห็นว่า ฉบับที่แต่งถูกต้อง ตามหลกั ธรรมและอธบิ ายดคี วรไดร้ ับการพิจารณาตอ่ ไปมี ๓ ฉบบั คอื ฉบับหมายเลข ๘, ๙ และ ๑๐ ราชบัณฑิตยสถานจงึ ไดเ้ สนอหนงั สือท้ัง ๓ ฉบับน้ันให้ส�ำ นกั ศลิ ปกรรมตรวจในเชงิ วรรณคดอี กี ชน้ั หนง่ึ ส�ำ นกั
ศิลปกรรมได้ตรวจแล้วเสนอความเห็นว่า เมื่อว่าในเชิงวรรณคดีแล้ว ฉบบั หมายเลข ๑๐ ยังออ่ นไป ไม่เขา้ เกณฑ์ ซ่งึ ราชบณั ฑติ ยสถาน พิจารณาแลว้ เห็นชอบดว้ ย จึงไดใ้ หน้ ายเจริญ อินทรเกษตร หัวหน้า ส�ำ นกั งานฝา่ ยวชิ าการ เปิดรายช่อื ผู้แต่ง ปรากฏว่าฉบบั หมายเลข ๙ ร.ต. วัชระ(๑) คงอดศิ กั ดิ์ กองอนุศาสนาจารย์ กรมยทุ ธศึกษาทหารบก เป็นผ้แู ต่ง ฉบบั หมายเลข ๘ พระปสุ สนาคมุนี วดั หัวล�ำ โพง พระนคร เปน็ ผู้แต่ง ดงั ไดแ้ นบมาพรอ้ มกับหนังสือนี้ ราชบณั ฑิตยสถานจึงเสนอ มาขอใหน้ �ำ ความกราบบงั คมทลู ฯ เพอ่ื ขอรบั พระราชวนิ จิ ฉยั วา่ ฉบบั ใด ควรได้รับพระราชทานรางวัลที่ ๑ เมอื่ ทรงเลือกแลว้ อีกฉบับหน่ึงก็อยู่ ในเกณฑไ์ ดร้ บั พระราชทานรางวลั ท่ี ๒ ตามนยั แหง่ ประกาศการประกวด แตง่ หนงั สอื แสดงพระพทุ ธศาสนาสำ�หรับสอนเด็ก ซึ่งส�ำ นกั เลขาธกิ าร คณะรัฐมนตรีได้นำ�เสนอท่านรองนายกรัฐมนตรีพิจารณาแล้วขอให้นำ� ความกราบบงั คมทูล ฯ ตอ่ ไปได้ จึงทูลมาเพ่ือขอได้โปรดนำ�ความกราบบังคมทูลพระกรุณา เรยี นพระราชปฏบิ ตั ิ การจะควรประการใดสดุ แลว้ แตจ่ ะทรงพระกรณุ า โปรดเกล้า ฯ ควรมคิ วรแลว้ แต่จะโปรด (ลงนาม) มนญู บริสุทธิ์ (นายมนญู บรสิ ุทธ์)ิ เลขาธิการคณะรฐั มนตรี (๑) บดั นี้ได้รับพระราชทานยศเปน็ รอ้ ยโท
ร.ท. วัชระ คงอดศิ ักด์ิ
การไมค่ บคนพาลและการคบบณั ฑิต หนังสอื สอนพระพุทธศาสนาแก่เด็ก ISBM : 978-616-91977-8-2 แต่งโดย ร.ท. วัชระ คงอดศิ กั ด์ิ ได้รับพระราชทานรางวัล ชั้นที่ ๑ ในการประกวดหนังสอื สอนพระพทุ ธศาสนาแก่เด็กประจำ�ปี พ.ศ. ๒๕๐๓ พิมพค์ รงั้ ท่ี ๑ พ.ศ. ๒๕๐๓ พมิ พ์ครั้งที่ ๒ (ปรับปรุง) พ.ศ. ๒๕๕๗ จ�ำ นวน ๓,๐๐๐ เลม่ จดั พิมพ์โดย สำ�นกั งานโครงการสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี สวนจติ รลดา พระราชวงั ดสุ ิต กรงุ เทพฯ ๑๐๓๐๓ โทรศัพท์ ๐ ๒๒๘๒ ๖๕๑๑ โทรสาร ๐ ๒๒๘๑ ๓๙๒๓ ออกแบบปก/รูปเล่ม/และภาพประกอบโดย ไพยนต์ กาสี เสาวณีย์ เที่ยงตรง และ เทดิ เกียรติ ปลกู ปานย้อย พมิ พท์ ่ี หจก. แอลซพี ี ฐิตพิ รการพมิ พ์ ๑๐๕/๖๖-๖๗ ถนนประชาอทุ ศิ ซอย ๔๕ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรงุ เทพฯ ๑๐๑๔๐
Search