ถ่าน ๑. ใช้ไผ่สสี กุ แก่มาทำ�ถ่าน โดยใช้ได้ทงั้ ลำ� แตห่ ากใชส้ ่วนเหง้าจะดี ๒. ในการเผาถา่ น ใชร้ ะยะเวลาในการเผาประมาณ 1 ชว่ั โมง ดับไฟท่เี ผา ถ่านด้วยนำ้� แล้วตากแดดใหถ้ ่านเย็น ๓. นำ�ไปบดในครก แล้วนำ�ผงถ่านท่ไี ด้ ใส่ลงในเคร่ืองร่อน ๒ คร้ัง (ร่อนที่ ความละเอยี ดตะแกรง ๘๐ และ ๑๐๐ ) เพอ่ื แยกเอาผงถ่านที่ละเอยี ดออกมา หมายเหตุ : นำ�เศษของผงใบข่อยและผง ถ่านที่ไม่ละเอียด ท่ีไม่สามารถผ่าน ตะแกรงเคร่ืองร่อนได้นำ�เข้าเคร่ืองบด แล้วนำ�เขา้ เครื่องร่อนอกี ครั้ง การผสม ๑. นำ�สว่ นผสมทกุ อยา่ ง คลุกเคลา้ ให้เขา้ กัน ๒. บรรจใุ สภ่ าชนะที่เตรยี มไว้ ติดฉลาก ประโยชนอ์ งคค์ วามรู้ ภูมิปญั ญาสมุนไพร จากป่าชมุ ชน | ๔๙
วิธีใช้ “ยาสฟี ันจากใบข่อย” จุ่มแปรงสีฟนั ลงยาสีฟนั จากใบข่อย แล้วขดั ถฟู นั ตามปกติ สรรพคุณ ๑. ลดกลนิ่ ปาก ๒. ช่วยใหฟ้ ันขาว ๓. ลดการเกิดโรคฟนั ผุและโรคปรทิ นั ๕๐ | ประโยชนอ์ งค์ความรู้ ภูมิปญั ญาสมนุ ไพร จากป่าชุมชน
การใช้ประโยชน์จากชะมวง ขอ้ มลู ทางพฤษศาสตร์ ชะมวง ช่อื วิทยาศาสตร์ Garcinia cowa Roxb. ex Choisy ช่ือวงศ์ CLUSIACEAE ชะมวง มชี ่ือเรียกในทอ้ งถนิ่ อน่ื อกี ดังน้ี กะมวง กานิ (มาเลย-์ นราธวิ าส) ชะมวง (ภาคกลาง) มวงส้ม (นครศรธี รรมราช) หมากโมก (อุดรธานี) สม้ โมง (สกลนคร) กานิ (มลายู-นราธวิ าส) สม้ มวง (ภาคใต)้ อยใู่ นวงศ์ Clusiaceae (เตม็ , ๒๕๗๗) ต้น เป็นไม้ยนื ตน้ ขนาดเล็กถึงขนาดกลางไม่ผลัดใบ เรอื นยอดเป็นทรงพมุ่ รูป กรวยควำ่� ทรงสูง มคี วามสูงของตน้ ประมาณ ๕-๑๐ เมตร บ้างว่าสูงประมาณ ๑๕-๓๐ เมตร ลำ�ต้นเกลี้ยงและแตกกิ่งใบตอนบนของลำ�ตน้ กิ่งยอ่ ยผวิ เรียบ เปลือกลำ�ต้นเปน็ สดี ำ�น�้ำตาลมีลกั ษณะขรขุ ระ แตกเป็นสะเกด็ สว่ นเปลือกดา้ นใน เปน็ สชี มพถู งึ แดง มนี ำ�้ ยางสเี หลอื งขนุ่ ไหลเยมิ้ ออกมาจากเปลอื กตน้ ขยายพนั ธด์ุ ว้ ย วธิ กี ารใชเ้ มลด็ และการตอนกงิ่ พบทวั่ ไปตามปา่ ชน้ื ทร่ี ะดบั ตำ่� เปน็ ไมท้ ที่ นตอ่ ความแหง้ แลง้ ไดด้ มี เี ขตการกระจายพนั ธใ์ุ นปา่ ดบิ ชน้ื ตามทล่ี มุ่ ตำ�่ ทวั่ ไป และจะพบไดม้ ากทางภาคใต้ ภาคตะวันออก และทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ ประโยชน์องคค์ วามรู้ ภมู ิปัญญาสมนุ ไพร จากปา่ ชุมชน | ๕๑
ใบ ใบเปน็ ใบเดี่ยว ออกเรียงสลบั ตรงข้ามกนั ลกั ษณะของใบเป็นรูปรีแกมใบหอก หรอื แกมขอบขนาน โคนใบสอบแหลม ปลายใบปา้ นหรอื แหลมเลก็ นอ้ ย สว่ นขอบใบ เรยี บ ใบมคี วามกวา้ งประมาณ ๒.๕-๕ เซนตเิ มตรและยาวประมาณ ๘-๑๓ เซนตเิ มตร ใบออ่ นเปน็ สเี ขยี วออ่ นหรอื เขยี วอมสมี ว่ งแดง สว่ นใบแกเ่ ปน็ สเี ขยี วเขม้ (สนี ำ�้ เงนิ เขม้ ) บรเิ วณปลายกง่ิ มกั แตกเปน็ ๑-๓ ยอด หลงั ใบเรยี บลนื่ เปน็ มนั ทอ้ งใบเรยี บ เนอ้ื ใบ มลี กั ษณะคอ่ นขา้ งหนาและเปราะ เสน้ ใบเหน็ ไดไ้ มช่ ดั แตด่ า้ นหลงั ใบจะเหน็ เสน้ กลาง ส่วนก้านใบเป็นสแี ดงมคี วามยาวประมาณ ๐.๕-๑ เซนติเมตร ดอก ดอกเปน็ แบบแยกเพศอย่กู ันคนละตน้ ออกดอกตามซอกใบและตามกงิ่ ดอกตวั ผจู้ ะออกตามก่ิงเป็นกระจกุ มดี อกยอ่ ยประมาณ ๓-๘ ดอก ดอกมเี กสร ตัวผู้จำ�นวนมากเรียงกันเป็นรูปสีเหล่ียม ส่วนกลีบดอกเป็นสีเหลืองนวลและมี กลน่ิ หอม มีกลีบดอกแขง็ หนา ๔ กลีบ และกลบี เลี้ยง ๔ กลบี ลกั ษณะเป็นรูปรี แกมรูปขอบขนาน ปลายกลีบกลม ดอกมขี นาดเส้นผ่านศูนยก์ ลางประมาณ ๒-๒.๕ เซนตเิ มตร สว่ นดอกตวั เมยี จะออกเปน็ ดอกเดย่ี วตามปลายกงิ่ ดอกมเี กสร ตวั ผเู้ ทยี มเรยี งอยรู่ อบรงั ไข่ มกี า้ นเกสรตดิ กนั เปน็ กลมุ่ ทป่ี ลายกา้ นมตี อ่ ม ๑ ตอ่ ม ออกดอกในช่วงเดอื นกมุ ภาพันธ์ถงึ เดอื นเมษายน ๕๒ | ประโยชนอ์ งคค์ วามรู้ ภมู ิปญั ญาสมุนไพร จากป่าชุมชน
ลักษณะดอกชะมวง ผล ลักษณะของผลเป็นรปู ทรงกลมแปน้ ผิวผลเรยี บเป็นมนั มขี นาดประมาณ ๒.๕-๖ เซนตเิ มตร ผลออ่ นเปน็ สเี ขยี ว เมอื่ สกุ แลว้ จะเปลยี่ นเปน็ สเี หลอื งถงึ สม้ หมน่ และตามผลมีร่องตนื้ ๆ ประมาณ ๕-๘ รอ่ ง ด้านบนปลายบมุ๋ และมชี ั้นกลีบเลี้ยง ประมาณ ๔-๘ แฉกตดิ อยู่ เนอื้ หนาสเี หลอื ง ภายในผลมเี มลด็ ขนาดใหญป่ ระมาณ ๔-๖ เมลด็ ลกั ษณะของเมลด็ เปน็ รปู รหี นา เรยี งตวั กนั เปน็ วงรอบผล ผลสกุ มรี สเปรย้ี ว ใช้รับประทานได้ แต่มียางมากและทำ�ให้ติดฟันได้ โดยจะติดผลในช่วงเดือน พฤษภาคมถึงเดือนมถิ ุนายน ประโยชน์องค์ความรู้ ภมู ปิ ญั ญาสมุนไพร จากป่าชมุ ชน | ๕๓
นเิ วศวทิ ยา ชะมวงชอบขนึ้ ในทม่ี อี ากาศชมุ่ ชนื้ เชน่ ในปา่ ดบิ และปา่ ดบิ ชน้ื ในสว่ นของ การใชป้ ระโยชนด์ ้านสมุนไพรพบวา่ รากแกไ้ ข้ แกร้ อ้ นในกระหาย ถอนพิษไข้ แกบ้ ดิ ขบั เสมหะ ใบ แกไ้ ข้ ขบั เสมหะ บำ�รงุ ธาตุ แกไ้ อ แกก้ ระหายนำ้� ผล ระบายทอ้ ง แก้ไข้ ขบั เสมหะ แก้กระหายน�ำ้ ฟอกเลือด แนวทางในการพฒั นาภมู ิปัญญาท้องถ่ิน ภูมปิ ญั ญาท้องถิ่นด้านอาหาร เปน็ การใช้วัตถุดบิ จากธรรมชาตทิ ม่ี ีอยู่ ใกล้ตวั มาสร้างสรรค์ ให้เกดิ เปน็ ศลิ ปะทางอาหาร “ตน้ ชะมวง” เป็นตน้ ไม้ทพ่ี บได้ มากทางภาคตะวันออก จงึ กลายเป็นสง่ิ ใกลต้ ัวของชาวบ้านในพืน้ ทีภ่ าคตะวนั ออก ทไ่ี ดน้ ำ� “ใบชะมวง” มาทำ�เปน็ อาหารอยา่ งแพรห่ ลาย ปา่ ชมุ ชนบา้ นศาลเจา้ หมทู่ ่ี ๒ ตำ�บลเนนิ พระ อำ�เภอเมอื ง จงั หวดั ระยอง เปน็ ปา่ ชมุ ชนทมี่ กี ารกระจายของ ตน้ ชะมวง จำ�นวนมาก เปน็ แหลง่ อาหารของคนทงั้ ในและนอกชมุ ชน คนในชมุ ชนจงึ จดั กจิ กรรม การบวชต้นไม้ขึ้นในทุกปีเพ่ือเป็นการอนุรักษ์ ทรัพยากรป่าไม้ให้คงอยู่ และ เป็นแหล่งอาหาร ให้คนในชุมชน แล้วยังมีการส่งเสริมการปลูกต้นชะมวง ให้แก่ ประชาชนท้งั ในและนอกพ้นื ท่ี มีการประชาสมั พันธภ์ ูมิปญั ญาท้องถิน่ ดา้ นอาหาร คือการทำ� “แกงหมูชะมวง” ท่เี ป็นภูมิปัญญาทมี่ ีมาอยา่ งยาวนาน ให้ประชาชนได้ รู้จักกันมากขึ้น แล้วยังมีการสร้างสรรค์เมนูอาหารจากใบชะมวงเพื่อเพิ่ม ความหลากหลายอกี ดว้ ย เช่น น้�ำชะมวง และวุ้นชะมวง ซึง่ ได้รับความสนใจ เปน็ จำ�นวนมาก ในปัจจุบนั การรับประทานอาหารเพ่อื สขุ ภาพ กำ�ลงั เป็นทนี่ ยิ ม ซึ่งชะมวง กเ็ ปน็ พชื สมนุ ไพรท่ีมีคุณค่าทางอาหารมากมาย แลว้ ยงั มีสารท่ีชว่ ย ต้านเซลลม์ ะเร็ง, ยับย้ังการดดู ซมึ คอเลสเตอรอล ซึง่ “ชะมวง” อาจเป็นท่ีสนใจ มากขึน้ ในอนาคต ๕๔ | ประโยชน์องคค์ วามรู้ ภูมิปญั ญาสมุนไพร จากป่าชุมชน
ผลติ ภัณฑ์จากชะมวง ประโยชนอ์ งค์ความรู้ ภูมปิ ัญญาสมุนไพร จากปา่ ชมุ ชน | ๕๕
เอกสารอา้ งอิง คงฤทธ์ิ เอกะวิภาค ๒๕๓๕. พรรณไม้ในสวนป่าสิริกิต์ิ ภาคกลาง (จังหวัด ราชบรุ )ี . ห.จ.ก. ชตุ ิมาการพมิ พ์ โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพ้ืนที่สูง, สถาบนั วจิ ยั และพฒั นาทส่ี งู (องคก์ รมหาชน). “หนาดใหญ,่ หนาดหลวง”. อ้างอิงใน : หนังสือช่ือพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : eherb.hrdi.or.th.[๓๐ ก.ย. ๒๐๑๔]. ฐานขอ้ มลู รปู ภาพ.(ออนไลน์).เขา้ ถึงได้จาก: http://www.freepik.com ฐานข้อมลู สมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวทิ ยาลัอุบลราชธาน.ี “ย่านางแดง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.phargarden.com. [๑๐ ก.พ. ๒๐๑๔].Pendulum. “ใบยา่ นางแดง ฆา่ เชอ้ื รา และ ยากษยั เสน้ ลา้ งกรด ยูรคิ ”. (lee). [ออนไลน์]. เข้าถึงไดจ้ าก:www.pendulumthai.comt. [๑๐ ก.พ. ๒๐๑๔]. ฐานข้อมลู สมนุ ไพร คณะเภสชั ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั อบุ ลราชธานี. “สม้ ลม”. [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : www.phargarden.com. [๑๙ ต.ค. ๒๐๑๔]. ฐานข้อมูลเคร่ืองยาสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “หนาด”. [ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก : www.thaicrudedrug.com. [๓๐ ก.ย. ๒๐๑๔]. ฐานขอ้ มูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวทิ ยาลอั ุบลราชธานี. “หนาดใหญ่ [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : www.phargarden.com. [๓๐ ก.ย. ๒๐๑๔]. ทานาคา.(ออนไลน)์ .เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : http://www.nice-herb.com/indexph- p?mo=๓&art=๓๒๗๘๘๙ เตม็ สมติ ินนั ทน.์ ๒๕๕๗ ช่ือพรรณไมแ้ หง่ ประเทศไทย. ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๕๗. สำ�นกั งานหอพรรณไม้ สำ�นกั วิจยั และอนุรกั ษป์ า่ ไม้และพันธ์พุ ชื กรมอทุ ยานแห่งชาติ สตั ว์ป่า และพนั ธุ์พืช ๕๖ | ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมปิ ญั ญาสมนุ ไพร จากป่าชุมชน
มะขามแก่นมะขามแหล่งอ้างอิง : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี (EN), เว็บไซต์ สรรพคณุ สมุนไพร (www.rspg.or.th), USDA Nutrient database มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มท่ี ๑๗ คอลัมน์ : อื่น ๆ. (ภก.ชยั โย ชยั ชาญทิพยุทธ).“หนาดใหญแ่ ละผักหนาม [ออนไลน]์ . เข้าถงึ ได้จาก : www.doctor.or.th. [๓๐ ก.ย. ๒๐๑๔]. ร้านยาโบราณ.(ออนไลน์).เข้าถงึ ไดจ้ าก: http://www.pharmacy.msu.ac.th/ exhibition_new/Thai%๒๐Herb/๔.html ศูนย์ปฏิบัติการพืชเศรษฐกิจ. ไม้ยืนต้นที่ให้ประโยชน์ด้านสมุนไพร/กระแจะ. (ออนไลน)์ .เขา้ ถงึ ไดจ้ าก:http://www.dnp.go.th/EPAC/ Herb/01KAR JEA.HTM (วันท่ีคน้ ข้อมลู : ๑๕ เมษายน ๒๕๕๔). ประโยชน์องค์ความรู้ ภมู ปิ ัญญาสมุนไพร จากป่าชมุ ชน | ๕๗
ขอบคณุ ขอ้ มลู การศึกษาภูมปิ ญั ญาทอ้ งถิ่น เรื่อง “บอระเพด็ ” - ส่วนจัดการป่าชุมชน สำ�นกั จัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ ๒ (เชยี งราย) การศกึ ษาภมู ิปญั ญาท้องถ่นิ เร่ือง “กระแจะ” (ทานาคา) - สว่ นจัดการป่าชมุ ชน สำ�นักจัดการทรพั ยากรท่ี ๔ (ตาก) การศกึ ษาภมู ิปัญญาทอ้ งถิ่น เรื่อง “การทำ�ยาสีฟนั จากใบขอ่ ย” การศกึ ษาภูมปิ ัญญาท้องถิ่น เรอ่ื ง “การสมนุ ไพรจากเครอื เขาคลอน” - ส่วนจัดการป่าชุมชน สำ�นกั จดั การทรัพยากรป่าไมท้ ่ี ๖ (อุดรธาน)ี การศกึ ษาภมู ปิ ัญญาท้องถิน่ เร่อื ง “การใชส้ มุนไพรแกอ้ าการฟกช้�ำ การศกึ ษาภมู ิปัญญาท้องถนิ่ เรื่อง “การใช้สมนุ ไพรกบั สตรีหลงั คลอดบตุ ร” - ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาวนศาสตรช์ มุ ชนที่ ๑๕ สำ�นกั จดั การทรพั ยากรปา่ ไม ้ ท่ี ๗ สาขาอุบลราชธานี การศกึ ษาภูมิปัญญาท้องถิน่ เรือ่ ง “การใชป้ ระโยชน์จากชะมวง” - ศนู ย์ส่งเสริมวนศาสตรช์ มุ ชนท่ี ๖ ระยอง ๕๘ | ประโยชน์องคค์ วามรู้ ภูมปิ ญั ญาสมนุ ไพร จากปา่ ชมุ ชน
คณะผู้จัดทำ� จดั ทำ�โดย สว่ นพฒั นาวนศาสตร์ชุมชน สำ�นักจดั การป่าชุมชน กรมปา่ ไม้ ๖๑ ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ๑๐๙๐๐ ทป่ี รึกษา รองปลดั กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ นางสาวสุทธลิ กั ษณ์ ระวิวรรณ และส่งิ แวดล้อม รักษาราชการแทนอธิบดกี รมปา่ ไม้ นายจเรศักด์ิ นันตะวงษ์ รองอธบิ ดีกรมป่าไม้ บรรณาธิการ ผู้อำ�นวยการสำ�นักจดั การป่าชุมชน นางนนั ทนา บุณยานนั ต์ ผอู้ ำ�นวยการสว่ นพฒั นาวนศาสตรช์ มุ ชน นายเสกสรร กวยะปาณกิ กองบรรณาธิการ นางปริชาติ เจริญกรงุ นกั วชิ าการป่าไมช้ ำ�นาญการ นายพงศ์นรินทร์ ไชยกรด นักวชิ าการปา่ ไม้ปฏบิ ตั ิการ นางสาวชรนิ รัตน์ ศริ ิสทิ ธ ์ิ เจา้ หน้าท่ีฝึกอบรม นางสาวดวงพร เอีย่ มสำ�อางค์ นกั วิชาการป่าไม้ พมิ พ์คร้ังท่ี ๑ จำ�นวน ๒,๐๐๐ เลม่ สำ�หรบั เผยแพร่ หา้ มจำ�หนา่ ย สงวนลขิ สิทธติ์ ามพระราชบญั ญัติ ปที พ่ี มิ พ์ พุทธศกั ราช ๒๕๖๑ พิมพท์ ี่ ห้างหุ้นสว่ นจำ�กดั ส.มงคลการพมิ พ์ ประโยชน์องค์ความรู้ ภมู ปิ ญั ญาสมุนไพร จากป่าชมุ ชน | ๕๙
๖๐ | ประโยชน์องคค์ วามรู้ ภูมปิ ญั ญาสมนุ ไพร จากป่าชมุ ชน
ประโยชนอ์ งคค์ วามรู้ ภมู ิปญั ญาสมุนไพร จากปา่ ชุมชน | ๖๑
๖๒ | ประโยชน์องคค์ วามรู้ ภูมปิ ญั ญาสมนุ ไพร จากป่าชมุ ชน
ประโยชนอ์ งคค์ วามรู้ ภมู ิปญั ญาสมุนไพร จากปา่ ชุมชน | ๖๓
๖๔ | ประโยชน์องคค์ วามรู้ ภูมปิ ญั ญาสมนุ ไพร จากป่าชมุ ชน
กระแจะ (ทานาคา) ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Naringi crenulata (Roxb.) Nicolson ชื่อวงศ์ : RUTACEAE
»†ÒªÁت¹ www.forest.go.th https://new.forest.go.th/community/
Search