การเพาะเล้ียงปลาย่สี ก ขอมลู : สถานปี ระมงน้าํ จดื จังหวดั หนองคาย เรียบเรยี ง : ยพุ ินท วิวฒั นชยั เศรษฐ ภาพประกอบ : ชาลทอง ภูนยิ ม จดั ทํา : งานเอกสารคําแนะนาํ กองสง เสรมิ การประมง กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ จดั ทาํ เอกสารอเิ ล็กทรอนกิ สโดย : สํานกั สง เสริมและฝกอบรม มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร สารบญั คาํ นาํ ประวตั ิและถนิ่ กําเนิด อปุ นิสัย ลกั ษณะรูปราง ฤดูวางไข การหาพันธปุ ลายสี่ กเพ่ือเล้ยี ง การผสมเทยี ม การอนบุ าล การลาํ เลยี งลกู ปลา การเตรียมบอ เลีย้ งปลา การเล้ียงปลาย่ีสก ศัตรู ผลผลติ ตอไร ตนทุนการผลิต แนวโนม การเลี้ยงปลายส่ี กในอนาคต
คํานํา ปลายีส่ กเปนปลาน้ําจดื ชนดิ หนึง่ ชื่อทใ่ี ชเ รยี กปลายสี่ กแตกตา งกันออกไปตามถ่นิ ทอ่ี ยู อาศยั เชน ทีแ่ มนํา้ โขงจงั หวัดหนองคาย เรียก \"ปลาเอนิ \" หรอื \"ปลาเอนคางหม\"ู ในทองท่ีบางแหง เรยี กปลาชนดิ นี้วา \"ปลายสี่ กทอง\" \"กะสก\" หรือ \"อีสก\" บรเิ วณแมนา้ํ นาน เรียก \"ปลาชะเอิน\" เนอ้ื มี รสดอี รอยมาก ปจจุบันเปน ปลาทหี่ ายาก มรี าคาสงู มาก เมือ่ เทียบกับจําพวกปลานํ้าจดื ทมี่ ีอยใู น ประเทศไทย ราคากิโลกรมั ละ 80-100 บาท ปลายีส่ กหนงั หนา เนื้อเหลอื ง ละเอยี ดออน นิ่ม รส หวาน ประกอบอาหารไดห ลายอยา ง เชน ตมยํา ตมเค็ม แกงเหลือง ทอดมัน ทอดฟู น่งึ รมควนั เจ๋ียน น่ึงกบั เครือ่ งปรุงแบบจีน ชุบแปงทอดรับประทานไดอรอยเชน กนั ปจ จุบนั แหลงทม่ี ีปลายี่สกมากทสี่ ดุ คอื แมนา้ํ โขง รองลงมาไดแ กแมน ้าํ นา น สว นทแ่ี มน า้ํ แคว จังหวัดกาญจนบุรี แมน ้าํ แมก ลอง จงั หวดั ราชบุรี แทบจะไมม ปี ลายสี่ กเหลืออยเู ลย ปลาย่ีสกทจี่ บั ไดม ีปริมาณลดลง เน่ืองจากแหลงนาํ้ อนั เปน ที่อยูอ าศยั ของสัตวน า้ํ เสือ่ มโทรม ไปตามธรรมชาติ และความเจรญิ ของบา นเมอื ง เชน การสรา งเขอื่ นกัน้ นาํ้ การสรา งถนน การสรา ง โรงงานอตุ สาหกรรมและการปลอยสง่ิ โสโครกลงในแมน ้าํ ลําคลอง ทาํ ใหเกดิ นํา้ เสยี เปน อนั ตราย ตอพันธสุ ตั วนํ้า จาํ นวนปลายสี่ กลดนอยลง ประชาชนจงึ ควรหันมาสนใจเลยี้ งปลาย่สี กใหม ากขน้ึ เพื่อทดแทนการจบจากธรรมชาติ ซ่งึ นับวันจะมจี ํานวนนอยลงทกุ ที การเพาะพนั ธุปลาย่ีสกเสรมิ แหงนาํ้ ธรรมชาตจิ ะชว ยอนรุ กั ษพันธปุ ลาชนดิ นไ้ี วกอ นท่จี ะสูญพนั ธไุ ป สถานีประมงน้ําจิดจงั หวดั หนองคายประสบผลสําเร็จในการผสมเทยี มปลาย่สี กไทยเมื่อป พ.ศ.2517 โดยใชพอ แมพ นั ธทุ ่ีรวบรวมจากแมนา้ํ โขง และเมือ่ เดือนมกราคม 2533 สถานีฯ สามารถ ใชพ อ แมพนั ธปุ ลาย่สี กไทยทเ่ี ลี้ยงในบอดนิ มาทาํ การเพาะพนั ธุประสบผลสําเรจ็ เปนครัง้ แรก ดว ย การฉดี ฮอรโมนสังเคราะห (suprefact) รว มกับยาเสรมิ ฤทธิ์ (motilium) ทางชองทอ งของแมป ลา
ประวัตแิ ละถน่ิ กาํ เนิด ปลาย่ีสกมีเผาพันธเุ ชื้อสายเดยี วกับปลาตะเพยี น เชน เดยี วกบั ปลาตะโกก ปลากะโห ปลา นวลจันทรนํ้าจืด และปลาสรอ ย ในภาคกลางพบปลาย่ีสกอาศยั อยูในแมน ้าํ เจาพระยา แมน ํ้าแมก ลอง แมน้าํ ราชบรุ ี แมน้ํา ปาสัก แควนอ ย แควใหญ ภาคเหนือพบมากทแี่ มนํ้านา น จังหวดั อตุ รดิตถ ภาค ตะวันออกเฉียงเหนอื พบในแมนา้ํ โขง ตั้งแตจ ังหวดั เชยี งราย จังหวดั อบุ ลราชธานี มมี ากในจงั หวดั หนองคาย และจงั หวัดนครพนม เมอื่ 50 ปก อ น ดร.สมิท ทป่ี รกึ ษาราชการกรมรกั ษาสตั วน ํา้ แหง รฐั บาลสยาม รายงานวา ปลายส่ี กเปนปลาดีทน่ี ิยมของชาวราชบุรพี อ ๆ กบั ปลาจาดหรอื ปลาเวียนอนั มชี ื่อเสยี งของจังหวดั เพชรบุรี ในตา งประเทศ เคยพบในประเทศมาเลเซีย และคาดวา คงจะพบในประเทศลาว เขมร และ เวียดนามดวย โดยตามธรรมชาติ ปลาย่ีสกกินพืชในน้าํ เปน อาหารหลัก และอาจกนิ สัตวห นาดนิ ลกู กงุ ลูกปู และไรนาํ้ ดวย อุปนิสัย ปลายสี่ กชอบอาศยั อยใู นแมน ้าํ สายใหญ ทพ่ี ื้นทองนา้ํ มลี กั ษณะเปน กรวดทราย ระดบั นํ้า ลึก 5-10 เมตร น้ําเย็นในสะอาด จืดสนทิ และเปน บรเิ วณท่ีมนี ้าํ ไหล วังนํ้ากวางและมกี ระแสน้ํา ไหลวน ลูกปลาจะไปรวมกนั อยเู ปน ฝงู ตามบรเิ วณท่ีเปน อา ว และพ้นื เปน โคลนหนาประมาณ 10-20 เซนติเมตร พอถงึ เดอื นตลุ าคม ปลาจะเร่ิมวายทวนขนึ้ ไปเหนอื นํา้ เพ่ือวางไขและจะกลบั ถ่นิ เดมิ ในเดอื น พฤษภาคมหรอื พอนา้ํ เร่มิ มรี ะดบั สูงขึน้ ปลายส่ี กจะพากนั ไปอาศัยตามหว ยวงั ที่มนี า้ํ ลกึ กระแสนาํ้ ไหลคดเค้ียว พ้ืนดินเปนดินทรายและกรวดหนิ เปน ทอ งทุง (คงุ ) หรอื วงั น้าํ ท่ีกวางใหญใ กลเ ขาสงบ นํา้ ใสสะอาด ลกึ ต้งั แต 5-10 เมตร หมนุ เวยี นอยอู ยา งน้ตี ลอดมา
ลักษณะรูปราง ปลายสี่ กมีลักษณะเดน คอื สขี องลาํ ตัวเปนสีเหลืองนวล ลําตัวคอนขา งกลมและยาว บริเวณ ดา นขางมแี ถบสดี ําขางละ 7 แถบ พาดไปตามความยาวของลาํ ตวั ลายตามตวั เหลาน้ีจะปรากฏใน ลูกปลาทมี่ ีขนาด 3-50 น้วิ บรเิ วณหวั มีสีเหลืองแกมเขยี ว รมิ ปากบนมหี นวดส้นั ๆ 1 คู มฟี น ทค่ี อ หอยเพยี งแถวเดียว จาํ นวน 4 ซี่ เวลากนิ อาหารทําปากยดื หดได เย่อื มา นตามเปน สีแดงเรื่อ ๆ ครีบ หลัง ครบี หู ครบี ทอ ง ครบี กน มีสีชมพูแทรกอยูกับพืน้ ครีบ ซึ่งเปนสเี ทาออ น หางคอ นขา งใหญแ ละ เวาลกึ ปลาย่สี กเปน ปลาขนาดใหญช นดิ หนง่ึ ในจํานวนปลานาํ้ จดื ดวยกันพบในจังหวัดกาญจนบุรี ขนาดใหญท ่สี ดุ ยาว 1.35 เมตร นาํ้ หนัก 40 กิโลกรมั ลกั ษณะของปลาตวั ผู 1. ลาํ ตวั เรยี วยาว 2. ขนาดเลก็ กวา ปลาตวั เมยี 3. ลกั ษณะเพศเปน วงรเี ลก็ มสี ีชมพเู ร่ือ ๆ ในฤดูผสมพนั ธุจะมีนา้ํ เชื้อสีขาวไหลออกมาเปน จํานวนมาก 4. มตี ุมสิว (Pearl spot) ทบ่ี ริเวณแกม และขางตวั มากกวาตวั เมีย เมื่อเอามอื ลบู จะสากมือ เปรยี บเทยี บลักษณะลาํ ตวั ของปลาตวั ผแู ละตัวเมียทสี่ มบรู ณเพศ
ลกั ษณะของปลาตัวเมีย 1. ลาํ ตัวอว นปอ ม ชองทองขยายกวา ง 2. ขนาดใหญก วาปลาตวั ผู 3. ชองเพศกลมใหญ มสี ชี มพูปนแดง และแผน ไขมัน (papillae plate) ขยายเปน วง ลอมรอบชอ งเพศ 4. มตี มุ สวิ เชน กัน แตนอยกวา ปลาตัวผู ลักษณะของปลาตวั เมยี ทส่ี มบูรณเพศ ฤดูวางไข ปลาย่ีสกเปนปลาท่วี างไขใ นฤดหู นาว เร่ิมตั้งแตปลายเดอื นธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ ของทกุ ป ปลาเพศผูมีนํ้าเช้อื ดีตง้ั แตเ ดือนพฤศจกิ ายน ระยะทปี่ ลาวางไขมากทีส่ ดุ คือ ประมาณ ปลายเดอื นมกราคมถึงเดอื นกมุ ภาพันธ หรอื ถา นับทางจันทรคติ ประมาณกลางเดือนสาม ใน ตนฤดวู างไข ปลาจะวายนา้ํ เหนือนํ้าไปยงั แหลงวางไขในลกั ษณะคใู ครคมู ัน เม่อื ถงึ แหลง วางไข จะ รวมกนั อยเู ปน ฝูงจับเปน คู ๆ เลน นาํ้ ตามริมตล่งิ ในตอนบา ย จบั คเู คลาเคลีย และโดดขึน้ เหนือนา้ํ สง เสยี งดงั สนัน่ พอพลบคา่ํ กว็ ายออกไปวางไขก ลางแมน ํา้ ในขณะที่ปลาวางไขปลาจะเช่ืองมาก ไม ยอมหนีจากกนั ทําใหถูกจบั ไดง า ย ปลาตัวเมยี ท่ถี ูกจบั ได จะมีไขไ หลออกมา บางครั้งตองใชผ าอุดไว ไมใ หไขไ หล ไขทไี่ ดถ า ไปผสมกับนํา้ เชอื้ ตวั ผูจ ะไดร บั การผสมดีมาก เพราะไขแ กจ ดั เปนทนี่ า สังเกต อยางหนงึ่ คอื ปลาย่สี กมักจะวางไขใ นวนั พระข้ึนหรอื แรม 15 คา่ํ ชาวประมงจะคอยสังเกตกอ นถึง วนั พระ 3 วนั ถา เห็นปลาเรม่ิ จับคเู ลนนาํ้ รมิ ตล่งิ หลายคู แสดงวา ปลาจะตอ งวางไขใ นวันพระท่จี ะถงึ แนนอน แตถ าการเปลย่ี นแปลงของธรรมชาติอยา งกะทันหนั เชน ฝนตกหนัก หรือระดบั นํา้ เปลยี่ นแปลง ปลาจะเลือ่ นการวางไขต อไปอกี ขอสงั เกตอกี อยา งหนึ่ง คือ กอ นที่ปลาจะวางไข ชาวประมงจะจบั ปลาสรอ ยไดเ ปน จาํ วนมาก พรอ มท้ังปลาเทโพและปลากนิ เนือ้ บางชนดิ เขา ใจวา ปลาสรอ ยจะคอยกนิ ไขปลายีส่ ก และปลาเทโพ จะกนิ ปลาสรอ ยอกี ตอ หนงึ่ เขาลักษณะสมดุลกนั ตามหลกั ธรรมชาติ
แหลงวางไข แหลงวางไขข องปลายี่สกตามธรรมชาติ จะตองมเี กาะหรอื แกงอยูก ลางนํ้า พ้นื เปน กรวดทราย มีกระแสน้ําไหลวนิ าทลี ะ 1.3 เมตร ความโปรง แสงของนํา้ 10 เซนตเิ มตร ท่ีระดับนาํ้ ลึก 0.5-2 เมตร มีสตั วห นาดนิ ชุกชมุ มาก บริเวณทา ยเกาะจะตองมบี ุง หรือแอง ซ่งึ เปน ทส่ี ะสม อาหารเมอ่ื ปลาพรอ มทจ่ี ะวางไข ก็วายนาํ้ ออกไปทา ยเกาะตรงบริเวณทก่ี ระแสน้ําไหลมาบรรจบกนั ลักษณะไขข องปลาย่สี ก ไขปลายส่ี กเปน ไขครึง่ จมครงึ่ ลอย จะฟกออกเปน ตัวในเวลาประมาณ 70 ชว่ั โมง ท่ีอณุ หภมู ิ 21.5-24.0 องศาเซลเซียส ไขมสี เี หลืองเสน ผา ศนู ยก ลาง 2 มลิ ลเิ มตร เม่อื ถูกนํ้าจะพองออกเปน 3 มิลลิเมตร ลกู ปลาท่ฟี กเปน ตัวใหม ๆ มคี วามยาวประมาณ 8 มิลลิเมตร การหาพันธุป ลาย่สี กเพอ่ื เล้ยี ง อาจหาลกู ปลาไดจาก 2 ทางคอื ก. จากแหลง นา้ํ ธรรมชาติ ข. ซอ้ื พนั ธุปลาจากหนวยราชการของกรมประมง ซึ่งไดจ ากการผสมเทยี มปห นึง่ ๆ หลาย ลานตวั การผสมเทยี ม สถานีประมงน้ําจืดจังหวัดหนองคาย ประสบผลสําเร็จการผสมเทียมปลาย่ีสกไทย เม่ือป พ.ศ.2517 โดยใชพอแมพันธุธรรมชาติท่ีรวบรวมจากแมนํ้าโขง และเมื่อเดือนมกราคม 2533 สถานีฯ สามารถใชพอแมพันธุปลาย่ีสกไทยที่เลี้ยงในบอดินมาทําการเพาะพันธุประสบผลสําเร็จ เปนครั้งแรก โดยแมพันธุขนาด 7.4 กิโลกรัม ซึ่งมีความสมบูรณเพศและฉีดฮอรโมนสังเคราะห (suprefact) รวมกับยาเสริมฤทธ์ิ (motilium) บริเวณที่ฉีดฮอรโมนคือ ทางชองทอง สวนปลาเพศผู ขนาด 5.0 กโิ ลกรัมมีเชื้อดี ไมต องฉดี ฮอรโ มน วัสดแุ ละอุปกรณท ใี่ ชในการผสมเทยี มปลายสี่ ก
การผสมไขกบั นํา้ เชอ้ื การผสมไขก บั นาํ้ เชื้อใชวธิ ผี สมแหง เนือ่ งจากไขป ลายี่สกไทยเปลือกไขมีสารเหนียวจะ ทาํ ใหไขต ดิ กนั เปนกอน ตอ งลางไขด ว ยนา้ํ สะอาดหลาย ๆ ครงั้ การผสมไขกบั นํา้ เชอื้ ปลายส่ี กไทย การอนุบาล เมื่อลกู ปลาวยั ออ นมอี ายคุ รบ 2 วนั เริม่ ใหอ าหารโดยใชไขแ ดงตมบดละเอียดกับอาหารผง (artificial plankton) ละลายน้ําสาดใหล กู ปลากินวนั ละ 2 ครั้ง ตอนเชาและเยน็ ลกู ปลาอายคุ รบ 5 วัน จึงยา ยลกู ปลาไปอนบุ าลในบอ ดิน และใหอาหารผสมคอื ราํ ละเอยี ด:ปลาปน :กากถั่วปน = 9:6:5 หลงั จากอนุบาลครบ 1 เดือน ลกู ปลายีส่ กไทยมขี นาด 2-3 เซนติเมตร อาหารลูกปลาย่ีสกวยั ออ น การฟก ไขปลายีส่ ก
ลกู ปลายี่สกอายุ 5-7 วัน ลูกปลายสี่ ก อายุ 24 วนั ซ่ึงเปน ขนาดนาํ เลีย้ งใหมขี นาดโต การลําเลียงลูกปลา ลกู ปลาเหมือนเด็กวยั ออน ตอ งดแู ลอยา งใกลชดิ ขนาดลกู ปลาที่เหมาะสมในการลาํ เลียง เพอื่ นําไปเลีย้ งคอื 1-1 1/2 น้วิ หรอื 3-5 เซนติเมตร ไมค วรโตกวา นี้ เพราะปลายีส่ กเปนปลาแมน ํ้า ตกใจงา ย ถาขนาดโตกวา นจี้ ะกระโดดไดแ รง ทําใหปลาบอบช้ํา อัตราการรอดตายตํ่า การลําเลียงลกู ปลาเพือ่ นําไปเลี้ยง การบรรจุลกู ปลา ใหบ รรจใุ นน้าํ สะอาด ถาบรรจดุ วยถงุ พลาสติกทใี่ ชในการลําเลยี ง ถงุ หนง่ึ ๆ บรรจุลกู ปลาไดป ระมาณ 100-500 ตวั แลวแตขนาดของปลา ถึงท่ีบรรจุและระยะทาง โดยอดั ออกซเิ จนแลว มัดปากถงุ ใหแ นน เวลาที่เหมาะสมในการลาํ เลยี งนั้น ๆ ตอนกลางคืนเหมาะทสี่ ดุ เพราะอากาศไมรอน อตั ราการรอดตายจะมากกวา การลําเลยี งตอนกลางวันซง่ึ อากาศรอ นเปน เหตุ
ใหป ลาออ นเพลียและอาจตายได แตถาจําเปนตองลําเลียงกลางวนั ใหใ สน ้ําแข็งขา งถงุ ทีบ่ รรจปุ ลา ดว ย การเตรยี มบอเล้ยี ง บอทขี่ ุดเสร็จแลว สูบน้ําออกใหห มด ใสป ุย คอกแหง อัตรา 200 กก./ไร ผสมปนู ขาว 10 เปอรเซนต คลกุ เคลา ใหเขา กนั เพอ่ื เปนการฆา ไขแ มลงบางชนิดทีว่ างไขไ วใ นปุยคอก แลวโรยให รอบบอ จงึ เอานาํ้ เขา การระบายน้าํ เขาบอ ควรกรองใหด ี และควรเอานาํ้ เขา บอ กอนปลอยปลา 1 วัน หรอื ทาํ วันเดยี วกับที่จะปลอยปลาลงเลีย้ ง ท้งั นี้เพอื่ ปองกันตวั แมลงท่จี ะคอยกนิ ลกู ปลา พยายาม ใหลกู ปลาคนุ เคยกบั บอดิน รูจกั หลบหลกี กอ นท่แี มลงจะลงไปอาศยั อยใู นบอ ลกู ปลาจะไดแ พลงก ตอนในนํ้า และรําขา วท่ีโรยใหก นิ เปนอาหาร วิธีน้ีลูกปลาจะมีอตั รารอดตายสงู ขน้ึ อกี วิธหี น่ึง เมือ่ เตรียมบอตากบอ แหง ดแี ลว ใหใ สปยุ คอกลงไประบายนาํ้ เขา ประมาณ 50 เซนติเมตร ทง้ิ ไว 7-10 วนั เมื่อไรน้าํ เกดิ จงึ เพ่ิมระดับน้าํ ใหส งู ขนึ้ แลวปลอ ยลกู ปลาลงไป วธิ น้ีลกู ปลาจะมีอาหารธรรมชาตสิ มบูรณ แตจ ะมมี วนกรรเชียงอยูม ากมายคอยจบั ลกู ปลากิน ดังนั้น กอน ปลอยลกู ปลา ตองฆา แมลงเสียกอนโดยใชนา้ํ มันพชื เชน น้าํ มนั มะพรา วผสมกับสบูกรดหรอื สบู ซลั ไลท โรยใหท ัว่ บอ เพือ่ ฆาแมลง อตั ราสว นนาํ้ มันพชื 5 ลิตร สบกู รด 2 กอน ตอ เน้อื ท่ีบอ 80 ตารางเมตร แมลงจะตายภายใน 5 นาที ควรทาํ ในวันท่มี ีแดดจดั การสาดนา้ํ มนั ผสมสบคู วรทาํ เหนอื ลม เพ่ือใหน้าํ มนั กระจายไดท่ัวบอ เร็วย่ิงข้นึ นํ้ามนั พชื ไมเปนอันตรายตอลูกปลา บอเลีย้ งลกู ปลาย่สี ก ขนาดบอ ควรมเี น้อื ท่ตี ง้ั แต 800 ตารางเมตร ขนึ้ ไป ลกึ ตั้งแต 80 เซนติเมตร ถึง 1 เมตร เลี้ยงลูกปลาขนาด 1 - 1 1/2 นิว้ อัตราการปลอ ย ลกู ปลาขนาด 1-1 1/2 นว้ิ ปลอยประมาณ 100,000 ตวั ตอ เน้อื ที่บอ 800 เมตร หรอื 200,000 ตัว ตอ เน้อื ทบ่ี อ 1 ไร ถาจะใหไ ดผ ลดี เนอื้ ท่บี อ 800 ตารางเมตร ปลอยลกู ปลานอ ยกวา 100,000 ตัว ลกู ปลาจะ เจริญเตบิ โตเรว็ ขนึ้ ลกู ปลาย่สี กขนาดทปี่ ลอยลงเลีย้ ง
บอเล้ียงปลายสี่ กใหญ ขนาดบอควรมีเนอ้ื ท่ีไมน อยกวา 1 ไร ระดบั นาํ้ ลึก 1.20-2.0 เมตร ใชเ ลี้ยงปลายี่สกขนาด 10 เซนตเิ มตรขึน้ ไป จนถึงขนาดที่ตลาดตองการ คอื น้ําหนกั 4 กิโลกรัมขนึ้ ไป อตั ราการปลอ ย ขนาด 10 เซนตเิ มตร จาํ นวน 200 ตวั ตอเน้ือที่ 1 ไร หากปลาไดรับ อาหารอดุ มสมบรู ณ ปลาจะเจรญิ เตบิ โตเร็วยิ่งขนึ้ ภายในระยะเวลา 2 ป จะไดน ํา้ หนกั 4 กโิ ลกรมั เปนอยา งนอย บอ เลยี้ งพอ แมพ นั ธุ เปนบอดนิ ขนาด 1 ไร น้าํ ลึกประมาณ 1.0 เมตร ปลอ ยปลาขนาด 1.0- 7.0 กิโลกรัม จํานวน 30 ตวั (นํ้าหนกั รวมประมาณ 100 กโิ ลกรัม) เลยี้ งแบบรวมเพศ การเลี้ยงปลายี่สก ผทู ีเ่ ล้ียงเปนอุตสาหกรรรมตอ งลงทุนมาก เนอื่ งจากเปน ปลาขนาดใหญ เวลาเลยี้ งหลายป จึงจะไดข นาดท่ตี ลาดตอ งการ ผูท่ีมที นุ นอ ยควรจะเลย้ี งปลาย่สี กเปนปลาสมทบ คอื เลย้ี งรวมกบั ปลากนิ พืชชนดิ อืน่ ๆ เชน ปลาไน ปลาสวาย ปลาจีน ปลาเหลา นจ้ี ะกนิ อาหารผิวนา้ํ และกลางน้ํา สว นปลาย่สี กจะกินอาหารพน้ื บอ อาหารทีเ่ หลือจากผวิ นํ้า กลางนา้ํ จะตกไปเปน อาหารปลายสี่ ก การเลี้ยงเปนปลาสมทบ อตั ราการปลอ ยปลากินพชื 3,000-4,000 ตวั ตอปลายีส่ ก 100 ตัว สําหรบั ผทู ี่มที นุ เพียงพอและมบี อ ขนาดใหญอ าจเลย้ี งปลาย่สี กชนดิ เดียวได ทงั้ นก้ี อ นจะปลอ ยปลาลงเล้ียงในบอ เมื่อรบั พนั ธปุ ลามาแลว ควรนาํ ถุงไปวางแชน าํ้ ในบอ จึงเปดปากถงุ เตมิ นา้ํ ในบอ เขา ถุงทีละนอยกอนปลอยลกู ปลาลงเลย้ี ง อาหารปลายสี่ ก อาหารลูกปลา การเลีย้ งปลายี่สกตองเอาใจใสเปนพเิ ศษ การใหอ าหารกม็ ีความสําคัญเชนกัน ใน ธรรมชาติ หอยเปน อาหารท่ีปลาย่สี กชอบมากทส่ี ุด สวนผสมของอาหารที่ใหค วรมี รํา 1 สวน ปลา ปน 2 สว น กากถ่ัว 2 สวน ใสน้ําพอคลกุ เขา กนั เปนกอ นกลม ๆ ขนาดเทา ลูกตะกรอ วางไวทีก่ ระบะ ไม ซ่งึ แขวนอยมู ุมบอ ใตผิวนํา้ ประมาณ 30 เซนตเิ มตร วธิ ีท่จี ะใหม อี าหารธรรมชาติในบอปลากค็ ือ ใสปุยมูลสัตวแหง เชน มูลโค-กระบอื มลู เปด - ไกตากแหง ฯลฯ สวยการใสม ลู สตั วส ด ๆ ไมควรทาํ จะทําใหเกิดแกสแอมโมเนียละลายอยใู นน้าํ มากข้ึน เปน อันตรายตอ ลูกปลา อตั ราการใสป ุยคอก 1 ไรต อ 200 กโิ ลกรัม จะทาํ ใหเกดิ อาหารตาม ธรรมชาติ พวก กุง หอย เปนตน ซึง่ ปลายสี่ กชอบกนิ การใสป ยุ ควรใสเ หนือลม เพื่อปยุ จะได กระจายไปทวั่ บอ
การสังเกตวาในบอ มีอาหารธรรมชาตเิ พยี งพอหรือไม ใชมือจุมลงไปในบอ ใหล กึ ถงึ ขอศอก ถามองไมเห็นฝามอื แสดงวา นํา้ นัน้ มีอาหารธรรมชาตมิ ากหากเลี้ยงเปน พอ แมพนั ธุ โดยใหอ าหาร ผสม (รํา:เศษแผน ยอ:ปลาปนxกากถ่ัว = 3:2:1) วันละ 3 เปอรเซน็ ตของนา้ํ หนกั ปลาทัง้ หมด การใหอาหาร การใหอ าหารเปน เรอ่ื งสําคญั วันแรก ๆ ใหทีละนอย เพือ่ เปนการหดั ใหล ูกปลารจู กั กิน อาหารและใหส งั เกตดปู ริมาณอาหารที่ปลากินวนั หนึง่ ๆ ดวย และคอ ย ๆ เพม่ิ อาหารใหทลี ะนอ ย ๆ ถา ใหม ากเกินไปอาหารเหลือจะบดู เสยี ทําใหน้ําเสยี เปน อันตรายแกป ลาในบอ เวลาใหอาหาร ใหวนั ละ 2 เวลา คอื 3 โมงเชา และ 2 โมงเยน็ เวลาจะใหอาหารควรมี สญั ญาณ เชน ใชม ือตีนาํ้ เปนตน ประมาณ 7 วนั ปลาไดยนิ สัญญาณ จะวายนา้ํ มากินอาหารเปน ฝูง ท้ังน้ี ควรสังเกตปริมาณและชนิดของอาหารทใี่ ห ถามีโปรตีนสงู ปลาจะเจรญิ เติบโตเรว็ การให อาหารเชนนมี้ ผี ลดี คอื 1. ทาํ ใหร จู าํ นวนปลา 2. รูว าปลาเปน โรคหรอื ไม เพ่อื คดั ตัวทไี่ มต องการออก 3. สังเกตไดว าปลาหายไปหรอื ไม 4. ทาํ ใหป ลาโตเรว็ ยิ่งขน้ึ และเลี้ยงไดห นาแนนกวา การใหก ินอาหารจากธรรมชาตเิ พยี ง อยางเดยี ว การใหอาหารปลาย่สี กขนาดโต ควรเพิ่มกากถัว่ แผน ปลาปน สาหรา ย ผกั บุง รํา ปลาย ขา วตม บดผสมกัน คลกุ กบั ขา วสกุ หรอื งาคว่ั อยา งละเอียด 10 เปอรเซ็นต การเจริญเตบิ โต การเจรญิ เตบิ โตของปลายสี่ ก นอกจากเร่อื งอาหารแลว การระบายน้าํ การเปลีย่ นนํา้ เปน สิ่งจําเปน อยางยงิ่ นอกจากน้ี อยา ปลอ ยปลาในอตั ราท่ีหนาแนน เกินไป เมอ่ื เล้ยี งได 1 ป จะ มนี าํ้ หนกั 1-2 กิโลกรัมเปนอยางนอย แตก ารซอ้ื ขายในตลาด มกั นยิ มปลาซงึ่ มีขนาดหนกั กวา 4 กโิ ลกรมั ขน้ึ ไป การแบงเลยี้ งและการคดั ขนาด เปนสง่ิ จําเปนและสําคญั มาก ถาหนาแนนเกนิ ไป ปลา จะไมเจรญิ เตบิ โตเทา ทค่ี วร ปลาโตขึน้ ตอ งการเนือ้ ที่มาก ปลาใหญจะแยง อาหารปลาเลก็ การคดั ขนาดควรกระทาํ ทกุ 6 เดอื นตอคร้ัง
ศตั รู ศตั รลู กู ปลายส่ี ก ไดแก คางคก กบ แมลงวยั ออน นอกจากนี้มเี หบ็ หนอนสมอ งูกนิ ปลา ปลาชอ น และนกกินปลา สําหรับนกกนิ ปลาจะมากินปลาขณะท่ฝี ูงปลาขนึ้ มากนิ อาหาร บางครง้ั อาจจะมีนกมาคอยจอ งจบั กนิ ปลาในขณะท่ีนา้ํ ในบอเสีย ปลาลอยหัว ซงึ่ จะเปนขอ สังเกตวา มีเหตุ ผิดปกตไิ ดเกดิ ข้นึ ในบอแลว อกี ประการหนง่ึ ดว ย ผลผลติ ตอ ไร ปลายีส่ กไทยท่เี ลยี้ งดวยความหนาแนน 1 ตัว/ตอตารางเมตร มีผลผลิตเฉลี่ยตอ ไรส งู กวา การเลยี้ งดว ยความหนาแนน 2 ตวั /ตารางเมตร ประมาณ 42 เปอรเ ซ็นต สว นอตั ราการเปลยี่ น อาหารเปนเนือ้ ใกลเ คียงกนั และมแี นวโนม วา นา จะเลย้ี งเปนการคา ได ตนทุนการผลิต ตน ทุนการผลติ เนือ้ ปลายสี่ กไทย โดยเฉลีย่ กโิ ลกรัมละ 41.04 บาท 1 ตวั /ตารางเมตร เทา กับ 54.50 บาท 1 ตัว/ 2 ตารางเมตร เทา กบั 63.00 บาท หมายเหตุ ราคาอาหาร (12.50 บาท/อาหารปลา 1 กก.) อัตราการรอด ประมาณ 90% แนวโนม การเลย้ี งปลาย่ีสกในอนาคต ปลาย่ีสกเปน ปลาทค่ี อ นขา งจะหายากในปจจบุ ัน เมอ่ื เปรียบเทยี บกบั ปลานํา้ จดื ดว ยกันแลว นับไดวา มีราคาสูงทสี่ ดุ ทั้งนีส้ ามารถนําสวนประกอบตา ง ๆ ของปลามาใชป ระโยชน อาทิ เน้ือ หนัง เกล็ด มรี สชาตอิ รอ ย ดังน้ัน หากการเลี้ยงปลายสี่ ก ไดรบั ความสนใจอยา งจริงจงั กจ็ ะทาํ ใหม ี เนือ้ ปลายีส่ กรับประทานโดยไมต อ งรอฤดกู าลอีกตอไป
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: