สรรพคุณของเสลดพังพอนตัวเมีย การนำ�เสลดพังพอนตัวเมีย ประกอบอาหาร ท้งั ตน้ : ใช้เป็นยาแก้ปวดบวม เคลด็ ขดั ยอก ฟกชํา้ กระดูกรา้ ว ช่วยขับความชื้นในรา่ งกาย แกอ้ าการปวดเมื่อยเน่ืองจากเย็น ยอดอ่อนและใบอ่อนสามารถนำ�มาใช้บริโภคได้ ช้ืน ใช้เป็นยาแกป้ ระจ�ำ เดือนมาไมป่ กติ ช่วยแกอ้ ักเสบแบบดีซ่าน โดยนำ�ไปปรงุ เป็นอาหาร เชน่ แกงแค ราก: ใชป้ รุงเปน็ ยาขับปสั สาวะ ขบั ประจ�ำ เดือน ใช้เป็นยาแก้ อาการปวดเม่ือยบน้ั เอว หากใชร้ ากสดน�ำ มาตม้ กินครั้งละ ขอ้ ควรระวัง/โทษของ ประมาณ 2 ชอ้ นแกงช่วยแกอ้ าการผิดส�ำ แดง (กนิ อาหารแสลง เสลดพังพอนตัวเมีย ไข้ แลว้ ทำ�ให้โรคก�ำ เรบิ ) ลำ�ต้น: นำ�มาฝนแล้วใช้ทาแผลสดจะชว่ ยทำ�ให้แผลหายเรว็ แม้ในอดีตจะมีการใช้ใบสดนำ�มาตำ�แล้ว ใบ: ใชเ้ ป็นยาแกเ้ จ็บคอ ดว้ ยการนำ�ใบสดมาเค้ยี วประมาณ 10 ใบ พอกบริเวณท่ีเป็นแผล แต่ในปจั จบุ ันวธิ นี ้ีไม่เปน็ กลนื เอาแต่น้ํายาพอให้ยาจดื แล้วจงึ คายกากท้งิ ชว่ ยแก้คางทูม ทีน่ ิยมแล้ว เพราะจะท�ำ ความสะอาดได้ยาก ทำ�ให้ ดว้ ยการใช้ใบสดประมาณ 10-15 ใบ ตำ�ใหล้ ะเอียดผสมกบั กากติดแผล และอาจทำ�ใหต้ ดิ เชือ้ เปน็ หนองได้ เหลา้ โรง คน้ั เอานา้ํ มาทาบริเวณทีบ่ วม อาการบวมจะหายไป และ อาการเจ็บปวดจะหายไปภายใน 30 นาที ใช้เป็นยาแก้แผลอกั เสบ หมายเหตุ : เสลดพังพอน เป็นชอื่ พ้องของพรรณไม้ 2 ชนิด คอื เสลด มีไข้ ไข่ดันบวม ดว้ ยการใช้ใบสดประมาณ 3-4 ใบ นำ�มาต�ำ พงั พอนตวั ผู้ และเสลดพังพอนตัวเมยี ซงึ่ จะแตกตา่ งกนั ตรงทเี่ สลด กบั ข้าวสาร 3-4 เม็ด ผสมกบั น้ําพอเปยี ก ใช้พอกประมาณ 2-3 พังพอนตวั ผ้ลู �ำ ตน้ จะมีหนามและมีดอกเปน็ สีเหลอื ง ส่วนเสลดพงั พอน รอบ จะช่วยให้อาการดขี ้นึ ใชร้ กั ษาแผลจากสนุ ัขกดั มีเลือดไหล ตวั เมยี ลำ�ต้นจะไม่มหี นามและมีดอกเป็นสแี ดงส้ม เพื่อไม่ใหเ้ ป็นการสบั สน ด้วยการใช้ใบสดประมาณ 5 ใบ นำ�มาตำ�พอกบริเวณแผลสัก 10 หลาย ๆ ตำ�ราจึงนยิ มเรยี กเสลดพังพอนตวั เมียว่า “พญายอ” หรือ นาที ใชร้ ักษาแผลไฟไหมน้ ้ำ�ร้อนลวก ด้วยการใช้ใบสดนำ�มาต�ำ “พญาปล้องทอง” โดยเสลดพังพอนตวั ผู้น้นั จะมีสรรพคุณทางยาอ่อน เค่ียวกบั น้ํามะพรา้ วหรอื น้ำ�มนั งา เอากากพอกแผล แผลจะแหง้ กวา่ เสลดพงั พอนตัวเมยี และต�ำ รายาไทยนิยมน�ำ มาใชท้ �ำ ยากันมาก หรอื จะใช้ใบสดนำ�มาต�ำ ให้ละเอียดผสมกับเหล้า ใช้เปน็ ยาพอก บริเวณทีถ่ กู ไฟไหมห้ รอื นาํ้ รอ้ นลวก จะมสี รรพคุณชว่ ยดบั พิษ 51 ร้อนไดด้ ี สว่ นอกี ตำ�ราระบุวา่ นอกจากจะใชร้ กั ษาแผลไฟไหม้น�ำ้ รอ้ นลวกไดแ้ ลว้ ยังช่วยรกั ษาแผลเปอื่ ยเนอ่ื งจากถกู แมงกะพรนุ ไฟ แผลสนุ ัขกดั และแผลที่เกิดจากการถูกกรดได้อกี ด้วย เพยี ง แคน่ ำ�ใบไปหุงกบั นํา้ มนั แลว้ นำ�มาทาบริเวณที่เป็น ใชร้ กั ษาแผล นํ้าเหลอื งเสีย ดว้ ยการใช้ใบประมาณ 3-4 ใบ กบั ขา้ วสาร 5-6 เมด็ เตมิ น้าํ ลงไปใหพ้ อเปยี ก แลว้ นำ�มาพอก จะรสู้ ึกเย็น ๆ ซ่งึ ยา จะช่วยดดู นํา้ เหลอื งไดด้ ี ทำ�ให้แผลแหง้ ไว โดยใหเ้ ปล่ียนยาวนั ละ 2 ครัง้ พอกไปสักพักหนง่ึ แลว้ ให้เอาน้าํ มาหยอดกันยาแหง้ ด้วย ใช้แก้หดั เหือด ด้วยการใช้ใบสดประมาณ 7 กำ�มอื นำ�มาตม้ กับ น�ำ้ 8 แกว้ ต้มใหเ้ ดือด 30 นาที เทยาออกและผง่ึ ใหเ้ ยน็ แล้วนำ�ใบ สดมาอีก 7 กำ�มอื ตำ�ผสมกับน้าํ 8 แก้ว แล้วเอานา้ํ ยาทง้ั สอง มาผสมกนั ใช้ท้ังกินและชโลมทา (ยาชโลมให้ใส่พิมเสนลงไปเล็ก น้อย) เดก็ ทเี่ ป็นหัด เหอื ด ให้กินวนั ละ 3 คร้งั ครง้ั ละครง่ึ แก้ว ใช้ เป็นยาแกแ้ พ้เกสรรักษาป่า ยางรักปา่ และยางสาวนอ้ ยประแป้ง ด้วยการใช้ใบผสมกับเหลา้ น�ำ มาทาบรเิ วณท่ีคัน ใชแ้ กถ้ กู หนาม พุงดอตำ�หรอื ถูกใบตะลงั ตังช้าง ด้วยการนำ�ขผ้ี ึง้ แทม้ าลนไฟให้ รอ้ น แล้วนำ�มาคลงึ เพอื่ ดูดเอาขนของใบตะลังตงั ชา้ งออกเสยี กอ่ นแลว้ จึงใช้ใบเสลดพังพอนผสมกับเหลา้ ทาบรเิ วณท่ีเป็น
ชื่อพนื้ เมือง เหด็ ลม, เห็ดกระดา้ ง, เห็ดบด ชอ่ื วทิ ยาศาสตร ์ Lentinus polychrous Lev. ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น หมวกเห็ดเป็นรปู กรวยลึกคลา้ ยพัด สขี าวนวลหรือสีน้ําตาลออ่ นปนเทา เส้น ผา่ ศนู ย์กลาง 5-8 ซม. ขอบงอลงเล็กนอ้ ย ผิวมีขนสน้ั ๆ สีนาํ้ ตาลรวมกนั คลา้ ยเกล็ดเลก็ ๆปลายงอนข้ึนเลก็ น้อย เกลด็ เรียงกันกระจายอยบู่ ริเวณขอบ หมวก ใต้ดอกมคี รบี เป็นร่องลกึ สีนา้ํ ตาล ดอกอ่อนมีขอบบางและม้วนงอลง เมือ่ แห้งเน้ือจะแขง็ และเหนียว และเปลยี่ นเปน็ สีนา้ํ ตาลแดงหรอื สีน�ำ้ ตาลเขม้ 52
สรรพคุณของเห็ดลม คณุ คา่ ทางโภชนาการ ของเหด็ ลม 100 กรัม อาทเิ ชน่ สารอริ ติ าดนี นี (Eritadenine) มคี ณุ สมบตั ิ ในการลดกรดและไขมนั ในเสน้ เลอื ด สามารถบรรเทาอาการ พลงั งาน 114.15 กิโลแคลอรี ของโรคเกย่ี วกบั หวั ใจและความดนั โลหติ สงู - น้ํา 62.90 กรัม สารเจอรม์ าเนยี ม (Germanium) มคี ณุ สมบตั ิใน - ไขมัน 0.017 กรัม การบ�ำ รงุ รา่ งกายท�ำ ใหร้ า่ งกายกระปก้ี ระเปรา่ และมนี า้ํ ตาล - คาร์โบไฮเดรท 26.23 กรัม เพนโตส (Pentose) ซง่ึ ชว่ ยกระตนุ้ ใหร้ า่ งกายสรา้ งสารอนิ - โปรตนี 2.27 กรัม เตอรเ์ ฟอรอน (Interferon, IFNs) ชว่ ยสรา้ งภมู ติ า้ นทาง - เสน้ ใย 6.775 กรัม ใหแ้ กร่ า่ ยกาย เชน่ เชอ้ื ไวรสั ทท่ี �ำ ใหเ้ กดิ โรคไขห้ วดั ใหญ่ โรค - เถ้า 1.396 มลิ ลกิ รมั มะเรง็ บางชนดิ เปน็ ตน้ - แคลเซียม 141.43 มลิ ลกิ รมั - ฟอสฟอรัส 94.24 มิลลกิ รัม การนำ�เหด็ ลมประกอบอาหาร - วติ ามนั บี 2 0.02 มิลลกิ รมั ดอกทีเ่ ก็บในธรรมชาติ แต่คนทอ้ งถิน่ พืน้ เมอื ง ก็มี ภูมปิ ญั ญาท้องถ่ิน โดยน�ำ ดอกไปฉกี หรอื สบั ก่อนปรุง เป็นลาบหรือใส่แกงแค (แกงพนื้ เมอื งภาคเหนือ) นับเป็นเห็ด ทอี่ รอ่ ยชนดิ หนง่ึ เลยทีเดียว 53
กระเทยี มไทย ชอ่ื พน้ื เมือง หอมเทียม (ภาคเหนือ) ปะเซ้ว้า (กระเหร่ียง-แมฮ่ อ่ งสอน) ชอ่ื วทิ ยาศาสตร ์ Allium sativum L. จัดอยู่ในวงศ์พลบั พลงึ (AMARYLLIDACEAE) และอยู่ในวงศย์ ่อย ALLIOIDEAE (ALLIACEAE) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ตน้ เปน็ พืชล้มลุกจ�ำ พวกหญา้ สงู ประมาณ 30-45 ซม. มี ล�ำ ต้นอยู่ใตด้ ิน เรียกว่าหวั ใบ สีเขยี ว หนายาว แบน ปลายแหลม โคนแผ่เปน็ แผ่นแบน ภาย ในกลวง หุม้ ซอ้ นกนั เป็นตน้ กลมสเี ขยี วหรอื สีเขยี วอ่อน ดอก สีขาว รวมกนั เป็นช่อ ทป่ี ลายก้านมกี ลน่ิ ฉุนเฉพาะ หวั /เหง้า ซึ่งประกอบด้วยกลีบหลายกลีบรวมกันมีเปลือกหุ้มเป็น สีขาวหรืออมม่วงหลายช้ัน เนอื้ มสี ีขาว 54
สรรพคณุ ของกระเทยี ม คณุ ค่าทางโภชนาการ ของกระเทียม 100 กรมั ชว่ ยบำ�รุงผิวหนงั ใหม้ สี ุขภาพดีและแขง็ แรง ช่วยเสริม สรา้ งการเจรญิ เติบโตของเน้อื เยือ่ ในรา่ งกาย ช่วยป้องกนั การเกดิ พลังงาน 149 กิโลแคลอรี โรคมะเร็ง ช่วยเสรมิ สร้างภมู ิต้านทานให้แกร่ า่ งกาย ชว่ ยลดระดบั - คาร์โบไฮเดรต 33.06 กรมั คอเลสเตอรอลและนํ้าตาลในเลือด ชว่ ยปรบั สมดุลในรา่ งกาย ชว่ ย - นํา้ ตาล 1 กรัม แก้อาการวิงเวยี นศรี ษะ อาการมนึ งง ปวดศีรษะ หูออ้ื ชว่ ยในเรอื่ ง - เสน้ ใยอาหาร 2.1 กรมั ระบบสบื พนั ธแ์ุ ละระบบทางเดินปสั สาวะ เพราะมสี ารทีช่ ว่ ยควบคมุ - ไขมนั 0.5 กรัม ฮอร์โมนทง้ั หญงิ และชาย ช่วยท�ำ ให้มดลูกบีบตวั เพมิ่ พละกำ�ลงั ให้ - โปรตนี 6.36 กรมั มเี รย่ี วแรง ชว่ ยรกั ษาโรคความดนั โลหิต - วิตามินบี 1 0.2 มลิ ลกิ รมั 17% ชว่ ยปอ้ งกนั การเกดิ โรคหัวใจ ลดความเสย่ี งของหัวใจล้ม - วติ ามนิ บี 2 0.11 มิลลกิ รมั 9% เหลวเฉยี บพลนั ชว่ ยต่อต้านเนื้องอก ชว่ ยแก้ปัญหาผมบาง ยาวชา้ - วติ ามินบี 3 0.7 มิลลิกรัม 5% มีสีเทา ชว่ ยป้องกันการเกิดและรกั ษาโรคโลหิตจาง ช่วยในการขับ - วติ ามินบี 5 0.596 มลิ ลิกรัม 12% พิษและสารพิษอันตรายท่ปี นเป้ือนในเมด็ เลอื ด - วิตามนิ บี 6 1.235 มิลลกิ รัม 95% ช่วยปอ้ งกันผนังหลอดเลอื ดหนาและแข็งตัว สารสกดั นา้ํ - วิตามนิ บี 9 3 ไมโครกรัม 1% มันกระเทียมมสี ารทีม่ สี ่วนชว่ ยในการละลายลมิ่ เลือด ช่วยปอ้ งกนั - วติ ามนิ ซี 31.2 มลิ ลกิ รมั 38% การเกิดเส้นเลือดอุดตัน มีสารต่อต้านไม่ใหเ้ มด็ เลอื ดแดงแตก ชว่ ย - ธาตแุ คลเซียม 181 มลิ ลิกรมั 18% บรรเทาอาการไอ นํา้ มกู ไหล ป้องกันหวดั ช่วยรักษาโรคไขห้ วดั - ธาตุเหลก็ 1.7 มลิ ลิกรมั 13% และไขห้ วดั ใหญ่ ช่วยรกั ษาอาการเย่อื บจุ มกู อกั เสบและไซนสั ชว่ ย - ธาตแุ มกนเี ซียม 25 มลิ ลิกรมั 7% รกั ษาโรคไอกรน ช่วยแก้อาการหอบ หดื ช่วยรักษาโรคหลอดลม - ธาตแุ มงกานีส 1.672 มลิ ลกิ รัม 80% ช่วยระงับกลน่ิ ปากกระเทยี ม ช่วยในการขับเหงื่อ ชว่ ยในการขับ - ธาตฟุ อสฟอรัส 153 มิลลกิ รัม 22% เสมหะ ชว่ ยควบคมุ โรคกระเพาะ - ธาตุโพแทสเซียม 401 มลิ ลิกรมั 9% ด้วยสารที่ช่วยยับยั้งไม่ให้นํ้าย่อยอาหารมาย่อยแผลใน - ธาตสุ ังกะสี 1.16 มลิ ลกิ รัม 12% กระเพาะ ชว่ ยในการขับลม ชว่ ยรกั ษาอาการจกุ เสยี ดแนน่ ทอ้ ง - ธาตซุ ลี ีเนยี ม 14.2 ไมโครกรัม ท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยป้องกนั โรคทอ้ งผกู ช่วยรักษาโรคบิด ช่วย ในการขบั ปสั สาวะ ชว่ ยในการขับพยาธิไดห้ ลายชนดิ เชน่ พยาธิ การนำ�กระเทยี ม แส้ม้า พยาธเิ สน้ ด้าย เป็นต้น ชว่ ยรักษาโรคตับออ่ นอกั เสบชนดิ ประกอบอาหาร รุนแรงได้ ชว่ ยปอ้ งกันการเกดิ โรคไต ช่วยฆา่ เชอื้ รา เชือ้ แบคทเี รีย ต่าง ๆ รวมถงึ เชื้อราตามหนังศรี ษะและบริเวณเล็บ ช่วยยบั ย้งั เชอื้ ประโยชน์หลัก ๆ ของกระเทียมคงหนไี ม่ ตา่ ง ๆ เช่น เชอ้ื ท่ที ำ�ใหเ้ กดิ ฝีหนอง คออักเสบ เชอื้ ปอดบวม เช้ือ พ้นการนำ�มาใช้เพื่อช่วยปรุงรสชาติของอาหาร วัณโรค เปน็ ตน้ ช่วยก�ำ จัดพิษจากสารตะกวั่ ไม่ว่าจะใชผ้ ดั แกง ทอด ย�ำ ต้มย�ำ หรือนา้ํ พรกิ กระเทียมสรรพคุณ ช่วยรกั ษากลาก เกล้ือน ช่วยเพมิ่ ต่าง ๆ อีกสารพัด ความแขง็ แรงของเน้ือเย่ือ บ�ำ รงุ ข้อต่อและกระดูกในรา่ งกาย บรรเทา อาการปวดขอ้ และปวดเมอื่ ยตามรา่ งกาย ชว่ ยแกอ้ าการเคล็ด ขอ้ ควรระวัง/โทษของ ขดั ยอกและเท้าแพลง กระเทยี ม ในกระเทียมมีสารที่ช่วยเพ่ิมการไหลเวียนของเลือดมายัง บริเวณท่ีนวดยาได้ดีมากขนึ้ นั่นเอง มีสารต้านอาการไขขอ้ อักเสบ ผูท้ ่ีเปน็ โรคภูมิแพล้ ะอองเกสร จะมีโอกาส โรคข้อรูมาตสิ ซมั่ กระเทยี มมกี ล่นิ ฉุนจึงสามารถช่วยไล่ยุงได้เป็น แพ้กระเทยี มไดง้ า่ ย ไมค่ วรรับประทานกระเทยี ม อยา่ งดี ชว่ ยกระตุน้ นา้ํ ย่อย เพม่ิ ความอยากอาหาร ขณะท้องวา่ ง อาจเกิดอาการคล่ืนไส้ อาเจียน ท้องรว่ ง 55
ขม้นิ ชือ่ พน้ื เมอื ง ขม้นิ ชัน, สะยอ (กระเหรย่ี ง-แมฮ่ ่องสอน) ชอ่ื วทิ ยาศาสตร ์ Curcuma longa L. จดั อยู่ในวงศ์ขงิ (ZINGIBERACEAE) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น ใบ ดอก เหง้า เ ป็ น พื ช ล้ ม ลุ ก ท่ี จั ด อ ยู่ ใ น รูปเรียวยาวปลายแปลม ออกเป็นช่อ มีกา้ นชอ่ แทง เน้ือในของเหง้ามีสีเหลือง ตระกลู ขงิ มเี หงา้ อยู่ใตด้ ิน คล้ายใบพุทธรกั ษา จากเหง้าโดยตรง ออก เขม้ ถึงสแี สดจดั มกี ลน่ิ หอม ตรงกลางระหว่างใบคู่ในสุด เฉพาะตัว ดอกสขี าว มแี ถบสเี หลือง ค า ด มี ก ลี บ ป ร ะ ดั บ สี ข า ว หรอื สเี ขยี ว 56
สรรพคณุ ของขมนิ้ คณุ ค่าทางโภชนาการ ของขม้นิ 100 กรมั แก้อาการท้องร่วงทอ้ งเดิน ใชเ้ หงา้ แกส่ ด ยาวประมาณ 2 นิว้ มาปลอกเปลอื กล้างนา้ํ ให้สะอาดแล้วต�ำ ใหล้ ะเอดี ย พลงั งาน 312 กิโลแคลอรี เตมิ นา้ํ ลงไป คน้ั เอาแต่นํา้ รับประทานคร้ังละ 2 ช้อนโตะ้ - คาร์โบไฮเดรต 67.14 กรมั 3-4 ครง้ั - โปรตนี 9.68 กรมั ไขมนั 3.25 กรมั - ใยอาหาร 22.7 กรมั แก้ไข้หวดั ใช้แง่งสด ขยดี้ มแก้หวัดหรอื ใชผ้ งขมิน้ โรยในไฟ - แคลเซยี ม 168 มิลลิกรมั แลว้ สดู ดมควัน - เหลก็ 55 มิลลิกรัม - แมกนเี ซียม 208 กรมั แก้โรคผวิ หนงั เร้อื รัง นำ�ผงขมิ้นผสมน้ํามะพร้าวทาบริเวณ - ฟอสฟอรัส 299 มิลลกิ รมั โ ทเ่ี ป็นแผลหรอื ใชเ้ หง้าฝนนาํ้ ขน้ ๆ ทารักษาโรคผิวหนัง ผนื่ คัน - พแทสเซียม 2,080 มิลลกิ รมั - สังกะสี 4.5 มิลลกิ รมั แก้อาการแพ้และอักเสบจากแมลงกัดต่อยหรือรักษาฝี - วติ ามนิ C 0.7 มลิ ลิกรมั ใช้เหง้าสดยาวประมาณ 2 นวิ้ ผลหรือต�ำ กบั นา้ํ ต้มสกุ - วติ ามนิ E 4.43 มลิ ลกิ รมั ทาบริเวณท่เี ปน็ หรอื ถา้ มเี หงา้ แห้ง ให้ใชเ้ หง้าแห้งบดเปน็ - วิตามนิ K 13.4 มิลลกิ รัม ผงละเอียด ผสมน้าํ เลก็ น้อย ทาผิวหนังฃ การนำ�ขมน้ิ ประกอบอาหาร แกป้ วดฟัน ใชแ้ งง่ สดโขลกกบั เกลอื ผสมพมิ เสนและ การบูรใช้แทนยาสีฟันหรือถ้าต้องการรักษาฟังให้เค้ียว นิยมนำ�ไปใช้ในการประกอบอาหาร แงง่ ขมนิ้ ขนาดปลายน้ิวกอ้ ยพร้อมเกลอื 1 หยบิ มือ อม แตง่ สี แตง่ กลิน่ อาหาร เช่น แกงไตปลา แกง ทง้ิ ไว้ 10 นาทแี ล้วบ้วนน้ําทิ้ง กะหรี่ เปน็ ตน้ แก้ฟกชํา้ นำ�แง่งขม้นิ มาฝนกับปูนแดงผสมนํา้ ทาบรเิ วณ ข้อควรระวัง/โทษของขมิน้ ทเี่ ปน็ ไม่ควรซื้อผงขม้ินชันตามท้องตลาด ควรท�ำ เอง เพราะขม้นิ ผงทข่ี ายในท้องตลาด ส่วนมากทำ�จากขม้นิ อ้อย และกรรมวิธีในการ ทำ�มนั ใชค้ วามร้อน ซ่ึงจะท�ำ ให้นํา้ มนั หอมระเหย ซง่ึ มีฤทธ์ริ กั ษาโรคระเหยไป คนไขบ้ างคนอาจแพข้ ม้ิน โดยมอี าการ คลื่นไส้ ทอ้ งเสยี ปวดหวั นอนไมห่ ลับ ใหห้ ยดุ ใช้ในทันที 57
ช่อื พื้นเมอื ง จั๊กไค (เหนอื ) ชอ่ื วทิ ยาศาสตร ์ Cymbopogon citratus (DC.) Stapf จัดอยู่ในวงศห์ ญ้า (POACEAE หรือ GRAMINEAE) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น ใบ ดอก ลำ�ตน้ ตรง สงู ถงึ 2 เมตร ปน็ ใบเด่ยี ว มสี เี ขยี ว มีลกั ษณะ ตะไคร้เป็นพืชที่ออกดอก ลักษณะรูปทรงจะออกเป็นกอ เรยี วยาว ปลายใบโค้งล่ลู งดนิ ยาก จงึ ไมค่ ่อยพบเหน็ ดอก มีกลิ่นหอม โคนใบเช่ือมต่อกับหูใบ ใบมีรูป ตะไคร้ดอกจะออกดอกเป็น ขอบขนาน ผิวใบสากมือ และ ชอ่ กระจาย มีกา้ นช่อดอก มีขนปกคลุม ปลายใบแหลม ยาว และมกี า้ นชอ่ ดอกยอ่ ย ขอบใบเรยี บ แตค่ ม กลางใบมี เรียงเปน็ คู่ๆ เส้นกลางใบแขง็ สขี าวอมเทา มองเห็นต่างกับแผ่นใบชัดเจน เหง้า ใบกว้างประมาณ 2 ซม. ยาว เหง้าอยู่ใต้ดนิ 60-80 ซม. 58
สรรพคุณของตะไคร้ คณุ คา่ ทางโภชนาการ ของตะไคร้ 100 กรัม ทั้งตน้ รสฉนุ สมุ ขุม แก้หวัด ปวดศรี ษะ ไอ แกท้ ้องอืดท้องเฟอ้ พลงั งาน 143 กิโลแคลอรี แน่นจกุ เสยี ด ขับลมในล�ำ ไส้ บำ�รงุ ไฟธาตุ ท�ำ ให้เจรญิ อาหาร - โปรตีน 1.2 กรมั แกป้ วดกระเพาะอาหาร แก้ทอ้ งเสีย แกป้ วดข้อ ปวดเม่อื ย - ไขมนั 2.1 กรัม ฟกช้ำ�จากหกลม้ ขาบวมน้ํา แก้โรคทางเดนิ ปสั สาวะ นิ่ว ขับ - คาร์โบไฮเดรต 29.7 กรัม ปสั สาวะ ประจำ�เดือนมาผดิ ปกติ แกป้ สั สาวะเปน็ เลือด แก้โรค - เสน้ ใย 4.2 กรมั หืด - แคลเซยี ม 35 มิลลกิ รมั - ฟอสฟอรัส 30 มลิ ลกิ รมั ราก - เหล็ก 2.6 มลิ ลิกรมั แกเ้ สยี ดแน่น แสบบริเวณหนา้ อก ปวดกระเพาะอาหารและขับ - วิตามินเอ 43 ไมโครกรมั ปสั สาวะ บ�ำ รุงไฟธาตุ ขบั ปสั สาวะ แกน้ ิ่ว แก้ปสั สาวะพิการ - ไทอามนี 0.05 มลิ ลิกรัม รกั ษาเกลอื้ น แก้อาการขดั เบา - ไรโบฟลาวิน 0.02 มิลลกิ รมั - ไนอาซิน 2.2 มิลลกิ รมั ใบสด - วติ ามินซี 1 มิลลกิ รมั มีสรรพคุณช่วยลดความดันโลหติ สงู แก้ไข้ - เถา้ 1.4 กรัม ตน้ การนำ�ตะไครป้ ระกอบอาหาร มสี รรพคณุ เป็นยาขบั ลม แกผ้ มแตกปลาย เป็นยาชว่ ยให้ลม เบ่งขณะคลอดลกู ใชด้ บั กลิ่นคาว แกเ้ บือ่ อาหาร ใช้ใส่ต้มยำ�ซึ่งเป็นจุดเด่นและจุดขายของ อาหารไทย นอกจากนกี้ ็เป็นสว่ นประกอบอาหาร ไทยเกือบทกุ ชนิดท�ำ ให้รสชาติดีและกลิน่ หอม ขอ้ ควรระวงั /โทษของตะไคร้ การบริโภคตะไคร้หรือการใช้ตะไคร้ทาบนผิวหนังเพ่ือ จุดประสงค์ทางการรกั ษาโรค อาจจะปลอดภัยหากใช้ตะไคร้ใน ชว่ งเวลาสน้ั ๆ ภายใตก้ ารดแู ลและคำ�แนะน�ำ จากแพทย์ การสูด ดมสารทม่ี ีสว่ นประกอบของตะไคร้ อาจท�ำ ใหเ้ กิดผลข้างเคียงท่ี เปน็ อนั ตรายและเป็นพิษต่อร่างกายได้ในผู้ปว่ ยบางราย เชน่ ผู้ มีปญั หาเกย่ี วกบั สขุ ภาพปอด ปรึกษาแพทย์ เภสัชกร และศึกษา ขอ้ มูลบนฉลากใหถ้ ีถ่ ้วนก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ใด ๆ ท่ีมสี ารสกดั มา จากตะไคร้กอ่ นเสมอ เพื่อหลกี เลยี่ งการเกดิ ผลขา้ งเคยี งท่ีอาจ เปน็ อนั ตรายตอ่ สุขภาพหลงั การบรโิ ภค ระวงั การใช้ตะไคร้และ ผลติ ภัณฑจ์ ากตะไคร้ในคนทีเ่ ปน็ ตอ้ หิน (glaucoma) เน่ืองจาก citral จะท�ำ ให้ความดันในลกู ตาเพ่ิมขน้ึ 59
มะแขว่น ชือ่ พน้ื เมอื ง มะแขน่ ชอ่ื วทิ ยาศาสตร ์ Zanthoxylum limonella (Dennst.) Alston. วงศ์ : Rutaceae ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ตน้ ใบ ดอก ผล มะแขว่น เป็นไม้ยนื ตน้ ขนาด เปน็ แบบขนนก ประกอบดว้ ย ช่อดอกมีความยาวประมาณ มีลักษณะทรงกลม ขนาด 0.5- กลางถึงใหญ่ ลำ�ตน้ มเี ปลือก ก้านใบหลักยาวประมาณ 10-20 ซม. ประกอบด้วย 0.7ซม.ผลออ่ นมเี ปลอื กสีเขยี ว สีเทาอมขาว ลำ�ตน้ และก่งิ มี 15-20 ซม. มหี นามเป็นระ ช่อดอกย่อยจำ�นวนมาก ผลแกม่ ีเปลอื กสแี ดง และแก่จัด ตุ่มหนามแหลมขนาดใหญ่ขึ้น ยะๆ บนกา้ นใบมีใบยอ่ ย 10- ส่วนตัวดอกออกเป็นกระจุก มีสดี ำ�อมนํา้ ตาล เปลอื กผลมี ปกคลมุ 28 ใบ ใบย่อยแตล่ ะใบมกี ้าน ท่ีปลายช่อของแต่ละก้านช่อ ผิวขรุขระ และปริแตกออกเปน็ ใบส้นั 0.5-1 ซม. ส่วนแผ่น ยอ่ ย ตวั ดอกมีขนาดเล็ก มี 2 ซกี เม่อื แก่จดั หรือเม่ือผลแหง้ ใบยอ่ ยแต่ละใบมีรปู ไข่ ปลาย รูปทรงกลม สีขาวอมเขยี ว จนมองเหน็ เมลด็ ด้านใน ซึ่งมี ใบเรียวแหลม ขอบใบ และ ขนาดดอก 0.3-0.5 ซม. ลกั ษณะทรงกลม เปลือกเมล็ด แผ่นใบเรยี บ ใบมคี วามกว้าง ประกอบด้วยกลีบรองดอก มสี ดี ำ� และเปน็ มัน ขนาดเมล็ด ประมาณ 4-5 ซม. ยาว 4 กลีบ และกลบี ดอก 4 กลบี ประมาณ 0.25-0.35 ซม. ประมาณ 10-14 ซม. เม่อื ตรงกลางมเี กสรตวั ผู้ 4 อนั ขยี้ใบจะมียาง และมีกลิ่นหอม และเกสรตัวเมีย 1 อนั 60
สรรพคุณของมะแขวน่ การนำ�มะแขวน่ ประกอบอาหาร ผล และเมลด็ แหง้ ผลมะแขว่นแห้งนิยมใช้เป็นเคร่ืองเทศ ช่วยบ�ำ รงุ หวั ใจ ช่วยบ�ำ รงุ เลือด บ�ำ รุงธาตุ ชว่ ยลดความ ประกอบอาหารหลายชนดิ อาทิ ใส่ในลาบเน้ือ ดันเลือด ช่วยเจรญิ อาหาร ชว่ ยยอ่ ยอาหาร ชว่ ยขบั ลม ลาบหมู หรือเมนูลาบอ่นื ๆ รวมถงึ เมนูแกง และ ในล�ำ ไส้ ช่วยขับระดู ชว่ ยสมานแผล ใช้สูดดม ช่วยแก้ ผัดต่าง ๆ อาทิ แกงออ่ ม และผดั เผด็ เปน็ ต้น อาการวิงเวียนศรษี ะ แกล้ �ำ คออักเสบ ชว่ ยขับเสมหะ แก้ ซ่งึ ผลแหง้ นยิ มใช้ใส่ทัง้ ผลส�ำ หรับเมนูแกง พษิ รอ้ นใน ลดอาการฟกช้ํา แก้อาการปวดท้อง กระตนุ้ สว่ นลาบหรอื ผัดต่าง ๆ มกั ตำ�หรือบด การเคล่ือนไหวของลำ�ไส้ รกั ษาโรคหนองใน ให้ละเอียดก่อนใส่ ซึ่งชว่ ยเพ่ิมกล่ินหอม ช่วย ดบั กลิน่ คาวและเพ่มิ รสอาหารให้เผ็ดรอ้ นทำ�ให้ ใบอ่อน และยอดอ่อน อาหารอรอ่ ย และนา่ รับประทานมากข้ึน ยอด แก้ทอ้ งอดื ช่วยขบั ลมในล�ำ ไส้ บำ�รงุ หวั ใจ แกอ้ าการทอ้ ง อ่อนมะแขว่นรับประทานเป็นผักคู่กับอาหาร เสีย แก้ร�ำ มะนาด แก้อาการปวดฟัน จำ�พวกลาบ ซปุ หนอ่ ไม้ ซ่งึ ใหร้ สเผด็ รอ้ น และ มีกล่นิ หอมเชน่ กนั ราก เปลือก และแก่นลำ�ต้น ช่วยขบั ลม แกอ้ าการทอ้ งเสยี แก้พิษตะขาบ พิษแมลง ป่อง และพษิ งู แก้โรคทางเดนิ ปสั สาวะ ช่วยขบั ลมในล�ำ ไส้ ช่วยขบั ระดู 61
รากผกั ชี ชือ่ พืน้ เมือง ฮากหอมป้อม (ภาคเหนือ) ชอ่ื วทิ ยาศาสตร ์ Coriandrum sativum L. จดั อยู่ในวงศผ์ กั ชี (APIACEAE หรือ UMBELLIFERAE) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ตน้ ใบ ดอก ผล/ฝัก ไมล้ ม้ ลุก ที่มีลำ�ตน้ ต้ังตรง ลักษณะการออกของใบจะ ดอกน้ันมีขนาดเลก็ มอี ยู่ 5 จ ะ ติ ด ผ ล ใ น ฤ ดู ห น า ว ภายในจะกลวง และมกี ่งิ ก้าน เรยี งคล้ายขนนก แตอ่ ยู่ในรปู กลีบ สขี าวหรอื ชมพูอ่อนๆ ลั ก ษ ณ ะ ข อ ง ผ ล เ ป็ น รู ป ทีเ่ ล็ก ไม่มีขน มรี ากแก้วสนั้ ทรงพดั ซ่งึ ใบท่ีโคนต้นน้ันจะ ทรงกลมโตประมาณ 3-5 แตร่ ากฝอยจะมีมาก ซึ่งลำ�ตน้ มีขนาดใหญ่กว่าที่ปลายต้น มลิ ลเิ มตร ตรงปลายผลจะ นจ้ี ะสงู ประมาณ 8-15 น้ิว เพราะส่วนมากท่ีปลายต้นใบ แยกออกเปน็ 2 แฉก ตาว ลำ�ต้นสีเขียวแต่ถ้าแก่จัดจะ จะเป็นเสน้ ฝอย มสี ีเขียวสด ผิวจะมีเส้นคลื่นอยู่ 10 เสน้ ออกสเี ขียอมนาํ้ ตาล ดอก ออกเปน็ ชอ่ ตรงสว่ น ยอดของต้น 62
สรรพคุณของรากผักชี คณุ ค่าทางโภชนาการ ของผักชีสด 100 กรมั ทงั้ ตน้ ชว่ ยเป็นยาละลายเสมหะ แกห้ ัดหรือผื่นขบั เหง่อื ขับลม ทอ้ งอืด พลงั งาน 23 กิโลแคลอรี ทอ้ งเฟอ้ ดว้ ยการนำ�เอาต้นที่แหง้ ประมาณ 10-15 กรมั หรอื - คาร์โบไฮเดรต 3.67 กรมั เอาตน้ สดๆ 60-150 กรมั น�ำ ไปตม้ กับนํ้า หรอื ค้ันเอาเฉพาะนา้ํ - นาํ้ ตาล 0.87 กรัม และดมื่ ถา้ ใชภ้ ายนอกให้ต�ำ พอก หรอื ต้มเอานา้ํ ชะลา้ ง - เส้นใย 2.8 กรัม ผล - ไขมนั 0.52 กรมั ชว่ ยบำ�รงุ กระเพาะอาหาร ทำ�ใหเ้ จริญอาหาร แก้หัด แก้บดิ - โปรตีน 2.13 กรมั ริดสีดวงทวาร โดยการน�ำ เอาผลแหง้ บดเปน็ ผงทานหรือต้มกับ - นา้ํ 92.21 กรัม น้ํา แต่ถา้ ใชภ้ ายนอกใหเ้ อาไปต้ม นอกจากน้ียังดบั กล่ินคาวเน้ือ - วติ ามินเอ 337 ไมโครกรมั (42%) สัตวต์ า่ งๆ เด็กเปน็ ผนื่ แดงไฟลามทุ่งใชผ้ กั ชตี ำ�พอก - เบตาแคโรทนี 3,930 ไมโครกรมั (36%) - ลูทีนและซแี ซนทีน 865 ไมโครกรมั ขอ้ ควรระวัง/โทษของผกั ชี - วิตามินบี 1 0.067 มลิ ลกิ รมั 6% - วติ ามนิ บี 2 0.162 มลิ ลกิ รมั 14% การรับประทานผักชีควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม - วติ ามนิ บี 3 1.114 มลิ ลิกรมั 7% หากรบั ประทานมากจนเกนิ ไปอาจจะท�ำ ให้มกี ลนิ่ ตวั แรง มอี าการ - วิตามินบี 5 0.57 มิลลกิ รัม 11% ตาลาย ลมื งา่ ยได้ - วิตามินบี 6 0.149 มลิ ลกิ รัม 11% - วติ ามินบี 9 62 ไมโครกรัม 16% - วติ ามินบี 12 0 ไมโครกรมั 0% - วติ ามินซี 27 มิลลกิ รมั 33% - วติ ามินอี 2.5 มลิ ลกิ รัม 17% - วติ ามนิ เค 310 ไมโครกรมั 295% - ธาตแุ คลเซียม 67 มลิ ลิกรมั 7% - ธาตเุ หลก็ 1.77 มลิ ลกิ รัม 14% - ธาตุแมกนีเซยี ม 26 มลิ ลกิ รมั 7% - ธาตแุ มงกานสี 0.426 มลิ ลกิ รัม 20% - ธาตุฟอสฟอรัส 48 มิลลกิ รัม 7% - ธาตุโพแทสเซียม 521 มลิ ลกิ รมั 11% - ธาตโุ ซเดยี ม 46 มลิ ลกิ รัม 3% - ธาตุสงั กะสี 0.5 มลิ ลกิ รมั 5% การนำ�รากผกั ชปี ระกอบอาหาร ใช้เป็นผักกับแกล้มหรือซอยใส่ในอาหาร เพื่อเพ่ิมรสชาติและดบั กล่นิ คาว เช่น ลาบ กอ้ ย ยำ�ตา่ งๆ ต้มโคลง้ ตม้ ย�ำ 63
หอมแดง ชือ่ พ้ืนเมอื ง หอมบวั , หอมแดง (ภาคเหนือ), ปะเซ้ส่า (กะเหร่ยี ง-แม่ฮ่องสอน) ชอ่ื วทิ ยาศาสตร ์ Allium ascalonicum L. จดั อยู่ในวงศ์พลับพลงึ (AMARYLLIDACEAE) และอยู่ในวงศย์ ่อย ALLIOIDEAE (ALLIACEAE) ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ลำ�ต้น เป็นพืชลม้ ลุก มีหัวอยู่ใตด้ นิ ล�ำ ตน้ ส้นั มลี ักษณะทรงกลม ลำ�ต้น จะถกู หอ่ หุ้มไปดว้ ยกาบใบโดยรอบๆ มสี ีเขยี วออ่ น ใบ เปน็ ใบเดยี่ ว ออกเรยี งสลับ อย่เู ป็นกระจกุ ใบเปน็ ท่อยาว ใบมี ลักษณะดาบยาวรี ปลายแหลม ใบกลมขา้ งในกลวง โคนใบเป็น กาบใบสขี าว ออกหุ้มสลบั ซ้อนกนั อยู่ ตรงโคนลำ�ต้น ใบมสี ีเขียว มรี สชาตเิ ผด็ รอ้ น มีกล่นิ ฉนุ แรง 64
สรรพคณุ ของหอมแดง คุณคา่ ทางโภชนาการ ของหอมแดง 100 กรัม ชว่ ยทำ�ให้ร่างกายอบอ่นุ หอมแดงชว่ ยท�ำ ให้เจรญิ อาหาร รา่ งกายซบู ผอม แกด้ ว้ ยการใช้เมล็ดแห้ง 5-10 กรมั น�ำ มาตม้ น้าํ ดมื่ พลังงาน 72 กิโลแคลอรี มสี ่วนชว่ ยเสรมิ สร้างความจ�ำ ท�ำ ให้ความจ�ำ ดขี ึ้น ช่วยบ�ำ รุงโลหิต - คาร์โบไฮเดรต 16.8 กรัม ช่วยบำ�รุงหวั ใจ ช่วยเจรญิ ธาตุไฟ ช่วยต่อตา้ นอนุมูลอสิ ระ - นํ้าตาล 7.87 กรัม ช่วยเพมิ่ การไหลเวียนของโลหติ ให้ดขี ้นึ ช่วยแก้อาการวงิ เวยี นศรี ษะ - เสน้ ใย 3.2 กรมั หนา้ มืด ตาลาย เปน็ ลม ชว่ ยลดความเสีย่ งของการเกิดโรคหวั ใจ - ไขมนั 0.1 กรมั ช่วยลดความเสยี่ งของการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยลดระดับ - โปรตนี 2.5 กรมั คอเลสเตอรอล ช่วยก�ำ จดั ไขมันเลว (LDL) ซง่ึ เป็นตน้ เหตุของการ - วติ ามินบี 1 0.06 มลิ ลกิ รัม 5% เกิดโรคหวั ใจวายและอัมพฤกษ์ อัมพาต และยังรกั ษาระดบั ไขมนั - วติ ามินบี 2 0.02 มลิ ลิกรัม 2% ชนดิ ดี (HDL) ไดอ้ กี ด้วย ชว่ ยลดไขมันในเส้นเลือดซง่ึ เป็นสาเหตมุ า - วิตามนิ บี 3 0.2 มลิ ลกิ รมั 1% จากโรคหวั ใจและโรคความดันโลหิต - วติ ามนิ บี 5 0.29 มลิ ลิกรัม 6% ชว่ ยลดระดับนํ้าตาลในเลือด ช่วยยบั ยั้งการเกิดโรคเส้น - วติ ามนิ บี 6 0.345 มิลลิกรมั 27% เลือดอดุ ตันหอมแดงแก้หวัดคัดจมูกได้ชว่ ยแก้ไขส้ นั นบิ าตแกไ้ ขอ้ นั - วติ ามนิ บี 9 34 ไมโครกรัม 9% บังเกดิ แกจ่ กั ษุและทรวง แก้โรคตา ขบั เสมหะ ชว่ ยขบั เสมหะ แก้โรค - วิตามนิ ซี 8 มิลลิกรมั 10% ในชอ่ งปาก นา้ํ หวั หอมใชห้ ยอดหแู กอ้ าการปวดหไู ด้ - ธาตุแคลเซียม 37 มลิ ลกิ รมั 4% หอมแดงมีสรรพคุณช่วยแก้อาการอาเจียนเป็นเลือด - ธาตเุ หล็ก 1.2 มิลลกิ รัม 9% ด้วยการใช้เมล็ดแห้ง 5-10 กรัมนำ�มาต้มน้ําด่ืม สรรพคุณของ - ธาตุแมกนีเซียม 21 มิลลกิ รมั 6% หอมแดงช่วยแก้อาการบวมนํ้า ช่วยแก้อาการท้องเสีย ช่วยแก้ - ธาตแุ มงกานีส 0.292 มิลลกิ รัม 14% อาการท้องอดื ทอ้ งเฟ้อ หอมแดงมปี ระโยชน์ใช้เปน็ ยาถา่ ย ชว่ ยใน - ธาตุฟอสฟอรัส 60 มิลลิกรมั 9% การย่อยอาหาร ชว่ ยขับลมในลำ�ไส้ ชว่ ยขับปัสสาวะ ช่วยแก้ลม - ธาตุโพแทสเซียม 334 มิลลิกรมั 7% พรรดกึ ชว่ ยขับพยาธิ ชว่ ยป้องกนั การติดเช้ือ ชว่ ยแก้อาการ - ธาตุสงั กะสี 0.4 มิลลิกรมั 4% อักเสบต่าง ๆ ชว่ ยรักษาแผล โดยการน�ำ หอมแดงมาหนั่ เปน็ แวน่ ๆ แลว้ ผสมกบั นาํ้ มนั มะพรา้ วและเกลือ ตม้ ใหเ้ ดือดแล้วนำ�มาพอก การนำ�หอมแดงประกอบอาหาร บริเวณแผล หวั หอมแดงมีสรรพคุณชว่ ยบรรเทาอาการคนั ดว้ ยการ ในบ้านเรานิยมนำ�หอมแดงมาใช้เป็นส่วน ใช้หวั หอมน�ำ มาบดผสมเหล้าเล็กนอ้ ย นำ�ไปพอกบริเวณที่คัน ช่วย ประกอบของเครือ่ งแกงเผด็ นํ้าพริกตา่ งๆ ซปุ หางววั แกพ้ ิษแมงมุมกดั แมลงสัตว์กดั ตอ่ ย ดว้ ยการใช้หอมแดงทุบใหบ้ บุ ผสมใสไ่ ข่เจยี ว เป็นสว่ นประกอบของหลน หรือฝาน ผสมกับยาหมอ่ ง แล้วนำ�มาทาบริเวณที่โดนกดั และกินด้วย โดยทำ� เปน็ แวน่ ๆ รบั ประทานรว่ มกบั แหนมสด เมยี่ ง ปลาเคม็ ทกุ ๆ 5 นาท ปี ระมาณ 3-4 คร้ังอาการจะดขี ้ึน กนิ แก้เน้อื สตั ว์เป็น และยังใช้เปน็ ส่วนประกอบของขนมหวาน อยา่ งเชน่ พษิ ด้วยการใช้เมล็ดแหง้ 5-10 กรัมนำ�มาตม้ นํา้ ดมื่ ช่วยแก้อาการ ไข่ลูกเขย ขนมหมอ้ แกงถว่ั ขา้ วเหนยี วหน้าปลาแห้ง เมาค้างจากเหลา้ แกอ้ าการสะอกึ หอมแดงรกั ษาสวิ ฝ้า กระ จุด เป็นต้น ดา่ งดำ� ด้วยการน�ำ หอมแดงมาฝานเป็นแวน่ บาง ๆ แลว้ นำ�มาทา บรเิ วณที่เป็น ข้อควรระวัง/โทษของ หอมแดง การรับประทานหอมแดงจำ�นวนมากเป็น ประจำ� อาจจะทำ�ให้ผมหงอก มกี ลิน่ ตวั ตาฝ้ามวั ฟันเสยี อาจท�ำ ให้มีอาการหลงลมื ง่าย และประสาท เสียได้ และนํ้าหอมแดงมสี ารก�ำ มะถนั ซง่ึ ทำ�ให้แสบตา แสบจมกู และผิวหนังมอี าการระคายเคอื ง ปวดแสบ ปวดร้อนได้ จงึ ไมค่ วรทาใกลบ้ ริเวณทบ่ี อบบาง 65
สว่ นผสมในน้ําพริกแกงแค 1. ข่าหน่ั 1 ชอ้ นโต๊ะ 2. รากผกั ชี 1 ชอ้ นโต๊ะ 3. ขมน้ิ 1 ช้อนชา 4. ตะไครซ้ อย 2 ช้อนโต๊ะ 5. พริกขีห้ นแู หง้ 5 เมด็ 6. กระเทยี มไทย 15 เมด็ 7. กะปิจดื 1/2 ชอ้ นโตะ๊ 8. กะปิเค็ม 1/2 ช้อนโตะ๊ 9. หอมแดง 5 หัว 10. ปลารา้ ต้มสุก 1 ช้อนโตะ๊ 66
ข้นั ตอนในการทำ�นา้ํ พรกิ แกงแค 1. อันดับแรกนำ�พริกชีฟ้ ้าแห้งแชน่ ้ําแลว้ น�ำ มาโขลกให้ละเอยี ด 2. น�ำ ข่าและรากผกั ชีมาโขลกและตามดว้ ยขมน้ิ 3. น�ำ ตะไคร้ซอยโขลกต่อ 4. จากนน้ั ใส่หอมแดงปอกเปลือกแล้วโขลกให้เข้ากัน 5. ตามดว้ ยกระเทียมไทย เม่อื โขลกละเอียดแล้วน�ำ กะปจิ ืดและกะปเิ ค็ม ใสอ่ ยา่ งละครึ่งช้อนโตะ๊ ควรท่จี ะโคลกให้นา้ํ พริกเป็นเน้อื เดียวกัน 6. สุดทา้ ยใสป่ ลาร้าสกุ ขน้ั ตอนน้ีแนะว่า คอ่ ย ๆ โขลกเพ่ือท่ีจะไม่ให้ นา้ํ พริกกระเดน็ เข้าตาได้ เมอ่ื เสร็จแล้วจึงเตรียมข้ันตอนถัดไป คำ�แนะนำ�: การโขลกนํา้ พริกนั้นขึน้ อยกู่ ับความถนดั แต่ละบุคคล จะไมม่ ีสูตรการโขลกนํำ้�พรกิ ตายตวั ควรเลือกโขลกสงิ่ ท่ลี ะเอียดยากกอ่ น หากในน้ําพริกมีปลารา้ เป็นวตั ถุดบิ ควรใส่อยา่ งสดุ ท้ายเพราะน้ํา ปลารา้ ในพริกแกงอาจกระเดด็ เข้าตาได้ 67
ข้นั ตอนในการทำ�แกงแคไกบ่ ้าน 1. นำ�ไกบ่ า้ นมาหนั่ เป็นช้นิ ๆ พอดคี �ำ 2. ต้งั กระทะด้วยไฟปานกลางแลว้ เติมน้าํ มันลงในกระทะ 3. นำ�เครอื่ งแกงทเี่ ตรียมไว้ลงไปผดั กบั นา้ํ มันใหห้ อม 4. เม่อื ผัดจนเครอ่ื งแกงหอมได้ท่แี ลว้ นำ�ไก่บา้ นทีเ่ ตรยี มไว้ใสล่ งไป แล้วทำ�การผดั ใหพ้ อสุกแลว้ ใส่น้าํ เปลา่ ลงไป 2 ถว้ ยตวง แล้วต้ัง ต่อจนเดือด 5. ปรงุ รสชาติเพ่ือเพมิ่ ความนัวร์ไดต้ ามใจชอบ 6. นำ�ผักทีส่ กุ ยากใส่ลงไปกอ่ น เช่น ถั่วฝกั ยาว ยอดมะพรา้ วออ่ น ถั่วพลู เป็นต้น รอจนเดือดไดท้ จ่ี ึงนำ�ผกั ท่ีสกุ งา่ ยลงตาม 7. นำ�มะแขว่นที่โขลกแลว้ มาใสคนให้เขา้ กัน ตกั ใสช่ ามแล้วเสิร์ฟ 68
69
ขนั้ ตอนในการทำ�แกงแคหอยขม 1. เม่ือได้หอยขมมาควรแช่ทิง้ ไว้ 2-3 คืน เพอ่ื ใหห้ อยคายตะกอนดนิ ออกมาก่อน แล้วจึงสามารถนำ�มาปรุงอาหารได้ จากนั้นจึงนำ� หอยขมมาตัดก้นออก แล้วน�ำ ไปลวกในหม้อน้ําเดือด 2. หลังจากนั้นตัง้ กระทะด้วยไฟปานกลางแล้วเติมนํา้ มนั ลงในกระทะ 3. นำ�เคร่ืองแกงท่เี ตรียมไวล้ งไปผัดกบั นา้ํ มนั ใหห้ อม 4. เมอื่ ผดั จนเครื่องแกงหอมแลว้ ใสน่ า้ํ เปลา่ ลงไป 2 ถว้ ยตวง แล้วตงั้ ต่อจนเดือด 5. ปรุงรสชาติเพ่อื เพ่ิมความนัวร์ไดต้ ามใจชอบ 6. น�ำ หอยขมใส่ลงไปในหมอ้ 6. จากนั้นนำ�ผักทสี่ กุ ยากใส่ เชน่ ถ่วั ฝักยาว ยอดมะพร้าวอ่อน ถว่ั พลู เป็นต้น รอจนเดือดไดท้ ่ีจงึ น�ำ ผักทส่ี ุกง่ายลงตาม 7. นำ�มะแขวน่ ที่โขลกแล้วมาใสค่ นให้เข้ากัน ตกั ใส่ชามแล้วเสิร์ฟ 70
71
เคลด็ ลับในการปรุง การคว่ั หรือผัดเคร่ืองแกง ใช้ไฟปานกลาง เครื่องแกงบางสูตร อาจใส่เมด็ ผกั ชี มะแขวน่ ใบขิง หนอ่ ข่า เพือ่ เพม่ิ กล่นิ หอมของแกงแค ผกั ท่ีใชเ้ ปน็ สว่ นผสม สามารถใสผ่ ักชนิดอน่ื ๆ ได้ เชน่ หนอ่ ไม้ตม้ ยอดมะพรา้ ว จกั คา่ นแห้ง ดอกแคขาว ดอกแคแดง หรือผักทห่ี าได้ ตามฤดูกาล 72
เคลด็ ลบั เคล็ดลับในการเลอื กส่วนผสม ถา้ เปน็ แกงแคไก่ ควรใช้ไกเ่ มอื งหรอื ไกบ่ ้าน จะทำ�ให้รสชาตขิ อง น้ําแกงน้นั กลมกลอ่ ม พริกที่ใช้ควรเป็นพรกิ ขี้หนแู ห้ง ผสมกับพรกิ ขี้หนสู ดอยา่ งละครึ่ง 73
บรรณานุกรม หนังสือและรายงานการวิจัย กัลยดา ชมุ่ อินทรจกั ร. 2553. เกษตรแนวใหม่ ผักพื้นบ้านเป็นอาหารและยา. ปที ี่ 2. กรงุ เทพฯ: สำ�นกั พิมพแ์ สนศริ .ิ จรี เดช มโนสร้อย และ อรญั ญา มโนสร้อย. 2537. เภสชั กรรมลา้ นนา:ตำ�รับสมนุ ไพรล้านนา . พมิ พค์ รัง้ ท่ี 1 . สถาบนั การแพทยแ์ ผนไทย กรรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. ทัศนยี ์ อารมณเ์ กลย้ี ง และ สภุ าพ ฉตั ราภรณ.์ 2557. เสน้ ทางการสบื สานภูมปิ ญั ญาอาหารล้านนาส่คู วามย่งั ยืน. ปที ี่ 35. วารสารวิทยาสารเกษตรศาสตร์ สาขาสังคมศาสตร.์ น. 189 - 205 นิมิตร รอดภยั . (ม.ป.ป.). สวนเหด็ รุจริ า: คัมภีรเ์ ห็ดลม. กาฬสินธุ:์ ประสานการพิมพ์. พรเทพ ถนนแกว้ . 2544. เหด็ ลม: ความสำ�คัญและการเพาะเห็ดลม. ปที ่ี 9. ฉบับที่ 2. วารสารศนู ยบ์ ริการวิชาการ. ภาควชิ าเทคโนโลยีชีวภาพ คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยขอนแกน่ . น.24-28 เพ็ญนภา ทรพั ยเ์ จรญิ . 2547. ผกั พื้นบา้ นภาคเหนอื . พมิ พ์ครัง้ ที่ 2. นนทบรุ :ี ศนู ย์พัฒนาตำ�ราการแพทย์แผนไทย สถาบันสง่ เสรมิ การแพทยแ์ ผนไทย มูลนิธิการแพทย์แผนไทยพัฒนา. รัมภา ศิริวงศ.์ 2544. การดำ�รงอยูข่ องวัฒนธรรมอาหารลา้ นนา. วทิ ยานิพนธ์ปริญญาโท. เชียงใหม:่ บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม.่ สิรริ ักษ์ บางสดุ และ พลวฒั น์ อารมณ.์ 2558. โอชะแห่งลา้ นนา. พมิ พค์ ร้งั ที่ 1. กรุงเทพฯ: สำ�นักพิมพแ์ สงแดด. น.49-50, 99. เวบ็ ไซต์ ผักพืน้ บา้ นในประเทศไทย, สถาบนั วจิ ยั และพัฒนา มหาวิทยาลยั ราชภฏั ลำ�ปาง. “เสลดพงั พอนตวั เมยี ”. (ระบบออนไลน์). แหล่งที่มา http://area-based.lpru.ac.th/veg/ (7 กันยายน 2563) เมดไทยดอทคอม. “หมวดหมสู่ มนุ ไพรไทย ไทย-จนี กวา่ 1,800+ ชนดิ !”. (ระบบออนไลน)์ . แหลง่ ท่มี า https://medthai.com/ herb/ (15 สิงหาคม 2563) ศูนยส์ นเทศภาคเหนอื สำ�นกั หอสมุด มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม.่ “แกงแคไก่:อาหารพนื้ บ้านลา้ นนา”. (ระบบออนไลน์). แหลง่ ทม่ี า http://library.cmu.ac.th/ntic/lannafood/detail_lannafood.php?id_food=15 (14 สิงหาคม 2563) ฐานข้อมูลสมนุ ไพร คณะเภสชั ศาสตร์ มหาวิทยาลยั อบุ ลราชธาน.ี “คนั ทรง” (ระบบออนไลน์). แหล่งท่ีมา http://www.phargarden.com/main.php?action=viewpage&pid=184 (7 กนั ยายน 2563) 74
75
คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั แม่โจ้ 63 หมู่ 4 ต�ำ บลหนองหาร อ�ำ เภอสันทราย เชยี งใหม่ 50290 โทรศัพท์: 053-875200-7 แฟกซ:์ 053-875208 website: www.libarts.mju.ac.th
Search