100 ผู้เฒ่าเลา่ ไว้ ไม่หนัก ไม่เทอะทะตุ้มต๊ะ ตุ้มตุ้ยเป็นชาวเอสกิโมอย่างหลานสาว อยไู่ ดไ้ งนะ ไม่ออกห่างจากไฟบา้ งหรอื อยา่ งไร “ยายกับตาอยู่กบั ไฟตลอดเวลาเหรอ” “หนกู เ็ ห็นนี่” ตาเป็นคนตอบ “อาบนำ้ กนิ ขา้ ว เขา้ นอน ตากับ ยายไมไ่ ดเ้ อาไฟตดิ ตัวไป” “ทำไมตากบั ยายไม่ใสช่ ดุ กนั หนาวหนาๆ” “นี่ก็หนาแล้ว” ยายยกแขนใหเ้ ธอดูเส้อื ไหมพรมแขนยาวทีย่ ายใส่ “ปรกติยายใสท่ ีไ่ หน ไม่หนาวไมเ่ อามาใส่” “แตผ่ ้าถงุ ยาย” ยายหัวเราะ “มีทไ่ี หนลูก ผ้าถงุ ไหมพรม ผ้าถุงขนสตั ว์ อย่างดีที่สุดยายก็เอา กางเกงวอรม์ ของแมห่ นมู านงุ่ ซอ้ นขา้ งในอกี ชน้ั เทา่ นน้ั หนวู า่ หนาวนกั หรอื นย่ี ังไม่เทา่ ไร แต่ก่อน ตอนตากับยายเปน็ เดก็ หนาวหนกั หนว่ งรนุ แรง หนาวจนนกบินอยู่บนอากาศยงั ตกลงมาตาย” ท่าทีจะสนุกอีกแล้ว คงมีเรื่องราวเก่าแก่ให้ฟังแน่นอน มุกริน เก็บผมเข้าไว้ในหมวกอุ่นมิดชิดแล้วเข้านั่งร่วมกองไฟกับตาและยาย สายจัดมากแล้ว สิบนาฬิกาเศษ แต่ตะวันยังไม่ออกมาเลย ทั่วบ้านม ี หมอกคลงุ้ มัว มองห่างออกไปสักสบิ เมตรกแ็ ทบไมเ่ ห็นอะไรแลว้ วันนี้โรงเรียนหยุดหนึ่งวันเนื่องจากเป็นวันสถาปนาโรงเรียน เธอไดห้ ยดุ แต่พอ่ กบั แม่ไมไ่ ด้หยดุ เพราะไมไ่ ดเ้ กยี่ วขอ้ งกับโรงเรยี น พ่อ ยังคงไปทำงานที่ธนาคารตามปรกติ ส่วนแม่ก็ไปสอนหนังสือโรงเรียน ประชาบาลตามเคย ตากับยายมีวันหยุดตลอด แต่หากมองกลับมุม ตากับยาย ไม่เคยมีวันหยุด เพราะทุกๆ วัน ตากับยายยังคงทำอะไร ตอ่ มิอะไรเหมือนๆ กนั ไปในแต่ละวนั ไม่มเี สาร์ ไม่มีอาทิตย์ แต่หาก
ผู้เฒ่าเลา่ ไว้ 101 เปน็ ชว่ งเข้าพรรษา ยายจะมีวนั พเิ ศษของยาย นน่ั คอื วันศีล บา้ นเราเรียกว่าวันศลี ไมเ่ รยี กวา่ วันธรรมสวนะ วนั ศลี จะตรงกบั ขน้ึ แรม ๘ คำ่ และขน้ึ แรม ๑๕ คำ่ เดอื นหนง่ึ จะมี วนั ศลี สค่ี ร้งั ยายจะแต่งตวั นุง่ ขาวห่มขาว อุ้มสลงุ เงนิ ใสข่ า้ วตอกดอกไม้ ไปไหวพ้ ระรักษาศีลท่ีวดั สว่ นตาไมไ่ ด้ทำอยา่ งยายเพราะตาตอ้ งเฝา้ บ้าน แต่ลึกๆ แล้ว มุกรินว่าเป็นเพราะตาไม่อยากสุงสิงกับเพื่อนบ้านวัย เดยี วกนั มากกวา่ ตาเองเป็นเขยมาจากที่อ่ืน ไมใ่ ช่คนพืน้ ฐานพน้ื ถ่ินทน่ี ่ี มาตั้งแต่เกิด อีกอย่างหนึ่งตาเป็นข้าราชการเก่า บางทอี าจมีอะไรแยๆ่ แบบราชการติดตัวมาโดยท่ตี าก็อาจไมร่ สู้ กึ ตัว บางคืนดาวพร่างพราวราวจะหล่น ยิ่งดวงดาวสุกใส ตายิ่งว่า น้ำคา้ งจะตกหนัก แตห่ ากนำ้ ค้างลงหนักในตอนกลางคนื กพ็ อจะเชื่อใจ ได้ว่าเช้าวัดถัดมาหมอกจะไม่หนัก อันนี้เป็นความรู้เชิงภูมิศาสตร์แบบ ประสบการณต์ รง ทง้ั ตาและยายตา่ งเปน็ ลกู ชาวบา้ น เตบิ โตแบบชาวบา้ น ชาวบ้านจรงิ ๆ ชาวบา้ นชว่ั ชวี ิตคงต้องยกใหย้ าย แตต่ า อีกภาคส่วนหน่ึง ทีเ่ ปน็ ข้าราชการ ความคิดจติ ใจบางอย่างก็แตกต่างไปจากยาย ยายเช่อื เรอื่ งผีสาง แต่ตาไมเ่ ชื่อเลย ตาเป็นเขยมาสู่เรือนนี้ เชน่ กันกบั ทีพ่ อ่ เป็นเขยมาสู่เรอื นนีเ้ ชน่ กนั ธรรมเนียมดั้งเดิมของสังคมล้านนาบ้านเรา ผู้เป็นเขยเข้าไปอยู่ในเรือน ของพอ่ ตาแม่ยาย อาจมบี ้างทส่ี ะใภ้เขา้ ไปอยูใ่ นเรือนพ่อผวั แม่ผัว แตก่ ็ นอ้ ยมาก ตาเลา่ วา่ รอ้ ยละเกา้ สบิ จะเปน็ การแตง่ แบบเอาเขยเขา้ บา้ นทง้ั นน้ั เขยคอื ผู้ชาย สะใภ้คือผู้หญงิ เมือ่ แต่งแบบเขยเขา้ บา้ น จงึ นอ้ ยนกั ที่เขยจะนำเอาสมบตั ิพสั ถาน ติดตัวไปด้วย ตาว่าอย่างเก่งก็มีแต่พกผ้าห่อหนึ่งกับดาบอีกเล่มเท่านั้น เรยี กวา่ ไปแต่ตวั กเ็ หมือนจะไม่ผิดนกั
102 ผูเ้ ฒ่าเล่าไว้ เมื่อออกจากครอบครัวเดิมคือจากอ้อมอกของพ่อแม่ตน ผู้เป็น เขยแทบไม่ได้อะไรติดตัว มาเลย แม้แต่ผีก็ไม่ได้นำออกมาจาก ครอบครัวด้วยซ้ำ ต้องทิ้งผีเดิมไว้ที่บ้าน มาเอาผีใหม่อันได้แก่ผีฝ่าย เมีย ด้วยเหตุนี้เอง คนเมืองแต่ดั้งเดิมจึงไม่นิยมแต่งงานข้ามผี ผีไหน ก็แต่งกับผีนั้น ผีมดก็แต่งกับผีมด ผีเม็งก็แต่งกับผีเม็ง ผีปู่ย่าก็แต่งกับ ผีปู่ย่า หากผีปู่ย่าไปแต่งกับผีมดมันจะยุ่ง ผีมดแต่งกับผีเม็งก็ยุ่ง
ผู้เฒา่ เล่าไว้ 103 อีกเช่นกัน แต่ก็ไม่ถึงกับหวงห้ามเด็ดขาด เพียงแต่ว่ามันยุ่งยากในทาง ปฏิบัติเท่านั้น ทั้งหมดทั้งมวลขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้เป็นเขย พ่อแมข่ องเจ้าบา่ วอาจติงเตอื นบ้างในกรณตี า่ งผี แตถ่ งึ ทสี่ ดุ แลว้ กต็ ามใจ ลูกชาย เมื่อไปอยู่เรือนหน้าก็ไปเอาผีฝ่ายหน้า แต่ถ้าหากอยู่ไปไม่ ปรกติสุข จะกลับมาไหว้ผีที่เรือนเดิมของพ่อแม่ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่จะปฏิเสธผีเรอื นใหม่ คอื ผขี องภรรยาไมไ่ ด้เลย เรื่องผีเป็นเรื่องซับซ้อน ละเอียดอ่อน ยากนักที่คนนอก วฒั นธรรมจะเขา้ ใจ ในกรณีของตากับยาย การถือผีไม่ค่อยเข้มข้นเท่าคนในรุ่นทวด ยิ่งมาในยุคของพ่อกับแม่ยิ่งหละหลวมไปกันใหญ่ แทบไม่ไถ่ถามกันเลย วา่ ใครสงั กดั ผไี หน พอ่ เองงงมาก พอ่ ไมม่ ผี ี พอ่ ไมร่ วู้ า่ ปกู่ บั ยา่ สงั กดั ผอี ะไร เมอ่ื พอ่ พาปกู่ บั ยา่ มาขอแม่ ตาเคยถามปกู่ บั ยา่ วา่ ถอื ผอี ะไร ปตู่ อบไมไ่ ด ้ เพราะปูเ่ ป็นทหารมาจากลพบุรดี ินแดนท่ีไม่นบั ถอื ผี แตย่ า่ พอตอบได้วา่ ย่าถือผปี ่ยู า่ ผีปยู่ ่ากค็ ือ ผีบรรพบุรุษ ถ้าเปน็ บรรพบรุ ษุ ของอดีตกษัตริย์ หรือเจา้ ผู้ครองนครกเ็ รยี กว่าผีเจ้านาย ผเี จา้ นาย ลงทรงได้ แต่ผปี ยู่ ่าจะ ไมล่ งทรงเดด็ ขาด ตากับยายต่างถือผีปู่ย่าด้วยกัน ทางตาไม่ค่อยเข้มข้นนักเพราะ ออกมาทางสมัยใหม่ ตาเองจบวิทยาลัยครู ตาทวดเป็นอดีตตำรวจ สนามสมัยสงครามญี่ปุ่น สายของตาละเลยผีมาพอสมควร แต่สาย ของยายยงั เข้มขน้ อยู่ ยายสบื เชือ้ สายบชู าผปี ยู่ ่ามาทุกรุ่น ตกถงึ รุ่นยาย ยายไม่ใช่ผู้สืบทอดพิธีกรรมมาโดยตรง เพราะไม่ใช่ลูกสาวคนโตหรือ ลูกสาวคนเล็กของทวด แต่ยายก็ยังไหว้ดีพลีถูก เพิ่งมาเจือจางจนแทบ หายไปก็ในรุ่นของแม่นเี่ อง
104 ผู้เฒ่าเล่าไว้ ในรุ่นทวด ตาทวดมาสู่ครอบครัวยายทวด มีสถานภาพเป็นเขย เป็นผใู้ ช้แรงงาน บ่าไหล่เร่ียวแรง ในรุ่นยาย ตาเองก็มาสู่ครอบครัวของยาย มีสถานภาพเป็นเขย เช่นกัน แต่ไมไ่ ดม้ าใชแ้ รงงาน ทมุ่ เทบา่ ไหล่เร่ียวแรงในการทำไร่ไถนา ในรุ่นพอ่ กบั แม่ พ่อเองไมอ่ ยากมาสู่ครอบครัวของแม่เลย แตต่ ดิ ทีแ่ มเ่ ป็นลกู คนเดยี วของตาและยาย เลยจำใจยอม ตาบอกเล่าถึงเรื่องสถานภาพชายหญิงในสังคมล้านนาว่า เป็น เรื่องที่มีรายละเอียดและซับซ้อนสูงมาก เกินกว่าจะพูดหรืออธิบาย ใหก้ ระจา่ งแจง้ ไดใ้ นเวลาสน้ั ๆ อยา่ งเชน่ ในรนุ่ ทวด ยายทวดมสี ถานภาพ เป็นผู้ดำรงวงศ์ตระกูล คือเป็นผู้สืบผี ตาทวดเป็นผู้เข้ามาสู่ตระกูล มา ยอมรับนับถือผีทางฝ่ายยายทวด ตาทวดมีเพียงดาบเล่มหนึ่งกับห่อ พกผ้าอกี ห่อมาสู่ มาอยู่ในรม่ เรอื นของเทยี ด มาเพยี งบา่ ไหล่ เร่ียวแรง กับความคิด แต่ไม่ได้เอาทรัพย์สินมาด้วย ทรัพย์สินเดิมของตาทวด ยังอยู่ที่ครอบครัวเดิม จะได้รับก็ต่อเมื่อเทียดเสียชีวิตหรือแบ่งมรดกให้ ตาทวดต้องมาพิสูจนใ์ ห้ตาเทียดคอื พ่อของยายทวดยอมรับเสียก่อนวา่ จะนำพาครอบครวั รอด จึงจะยอมให้แยกเรือน ระยะเวลาแห่งการพิสูจน์อาจสามปีหรือห้าปี ทั้งนี้ มีข้อห้าม ความเชื่อ และข้อกำหนดทางพฤติกรรมของเขยระบุไว้ในเรื่องของขึด เช่น ไปเป็นเขยไม่ถึง ๓ ปีแต่ขุดบ่อน้ำ ขุดสระ ขุดหนอง ขุดคลอง ไปเป็นเขยไม่ถึง ๓ ปี แต่ไปรื้อบ่อน้ำ สระ หนอง คลองที่เขามีมา แต่เดิม เข้าบ้านไม่ถึง ๓ ปี ขุดสระ ขุดบ่อน้ำ เข้าบ้านไม่ถึง ๓ ปี โค่นไมใ้ หญ่ สรา้ งเรือนครอ่ ม เป็นต้น พ้นจากสามปี เมื่อพ่อตาแม่ยายเล็งเห็นแล้วว่าเขยคนนี้ หนักแน่นมั่นคง ก็อาจอนุญาตให้แยกเรือนพร้อมมอบที่ดินให้อยู่
ผเู้ ฒ่าเล่าไว้ 105 สร้างทำกินพอพ้นจากอำนาจพ่อตาแม่ยาย พ่อเรือนใหม่ก็เริ่มบทบาท ใหม่ นั่นคือ การเป็นผู้นำครอบครัว มีอำนาจในการตัดสินใจเรื่อง ต่างๆ มากยิ่งขึ้น แต่คนที่กุมบทบาททางด้านเศรษฐกิจก็ยังเป็น แมเ่ หย้าแม่เรือนตามเดมิ มาถึงรุ่นตา ตาไม่ได้มาแต่ตัวเหมือนตาทวด แต่ตามาพร้อม เกียรตยิ ศหน้าตาและรายไดท้ แ่ี นน่ อนมัน่ คง คือตาเปน็ ข้าราชการ ไมไ่ ด้ เป็นไพร่ฟ้าสามัญชนอย่างตาทวด จึงไม่ได้อยู่ในอำนาจของพ่อตา แม่ยายเพราะไม่ต้องง้อไร่นาวัวควายทางฝ่ายหญิง ยายเองถูกลด บทบาทลง ไม่อาจยึดกุมอำนาจทางเศรษฐกิจในครอบครัวไว้ได้อย่าง ยายทวด พอตกมาถึงรุ่นพ่อ พ่อมาในมาดใหม่ ไม่ง้อแม้กระทั่ง เหย้าเรือนของพ่อตาแม่ยาย พ่อจะสร้างเรือนหอตามคตินิยมแบบ ภาคกลาง แต่ตากับยายอ้างว่าไม่จำเป็น เรือนเราก็ออกใหญ่โต กวา้ งขวาง เงินทจี่ ะสรา้ งเรือนหอใหเ้ กบ็ ไวเ้ ล้ียงลกู แรกๆ พ่อว่าพอ่ เอง ก็อึดอัดใจ แต่ต่อมาก็ค่อยยอมรับและปรับตัวเข้าหากัน ทุกวันนี้ รายจ่ายในครอบครัวเรามาจากเงินเดือนของพ่อและแม่เป็นหลัก ตาเองมีเงินเดือนข้าราชการบำนาญแต่ก็แทบไม่มีช่องใช้อะไร ในครอบครัวยกเว้นรายจ่ายส่วนตัว ได้แก่การตระเวนตามร้านค้า ของเกา่ เสาะหาคัมภีร์โบราณมาศกึ ษาตามความสนใจ “ขา้ อาจข้ึนไปเชียงดาวสกั วันสองวันนะสู” คืนหนึ่งเหน็บหนาว เดือนพราวดาวพร่าง ตาพูดกับยายที่ข้าง กองไฟ ตากับยายยังใช้ สรรพนามวา่ สกู บั ข้าแบบคนโบราณ แตพ่ ่อกบั แมใ่ ช้คำแทนกันว่าฉนั และเธอ “ไปทำไมละ่ สู เชียงดาวหนาวกวา่ บา้ นเราเสยี อีก”
106 ผู้เฒ่าเล่าไว้ “เสยี่ วขา้ ครนู ิรันดร์น่ะ สูจำได้ไหม มันโทร.มาบอกวา่ ร่างทรงเจา้ หลวงคำแดงคนหนงึ่ นา่ สนใจมาก ขา้ เลยอยากไปพบ” “หาเรือ่ งกนิ เหล้ากนั ละมัง้ ” “สู...” ตาหัวเราะบ้าง “อายุข้าใกล้จะเจ็ดสิบแล้ว จะเอาเรี่ยว เอาแรงที่ไหนไปกินเหล้าเลยวันเลยคืนเหมือนเมื่อยังหนุ่ม ไม่ต้องห่วง หรอก” “เชียงดาวกับบ้านเรามันไกลกัน ไปกลับก็ร่วมสองร้อยกิโล สเู องเฒ่าแลว้ หตู าไมว่ ่องไว แลว้ ข้าไมอ่ ยากให้สขู บั รถไปไหนไกลๆ” “เรอื่ งเจา้ หลวงคำแดงหรือคะตา” มกุ รนิ มโี อกาสไดส้ อด “มชี ่ืออยใู่ นกลมุ่ เทวดาอารักษป์ ระจำเมืองเชียงใหม่” “เจ้าหลวงคำแดงเป็นผีเค้า คือเป็นประธานของอารักษ์ทั้งหมด ไมเ่ ฉพาะแตเ่ มอื งเชยี งใหมห่ รอกหลาน ทว่ั ทง้ั ลา้ นนาเลย นบั ถอื เจา้ หลวง คำแดงทงั้ นน้ั ” “มตี ำนานไหมคะ ตา” “มี”
ผูเ้ ฒา่ เลา่ ไว้ 107 “แตห่ นไู มอ่ ยากอา่ นแลว้ นะคะ ขเ้ี กยี จอา่ น อยากฟงั อยา่ งเดยี ว” “แตต่ าขเี้ กียจเลา่ วันนี้ ไว้กลบั จากเชยี งดาวค่อยเล่า” “เรอ่ื งนกบนิ ตกลงมาตาย” เธอหันไปทางยาย “หนเู องกอ็ ยากฟงั ยายคงไมข่ ึ้นไปเชียงดาวกับตาใชไ่ หมคะ” “ยายบ่ไป ยายกลัว เวลาตาเอ็งขับรถ” “ตาขับรถเรว็ หรือยาย” “บ่แมน่ แต่มันขับช้า ชา้ ลำ้ ไป ยายกลวั เพน่ิ มาชนข้างหลงั ” ช่วงนั้นหมอกตกหนักทุกวัน วันละหลายร้อยกิโลกรัมล่ะมั้ง มุกรินว่า เช้าๆ ตื่นมายังไม่เท่าไร แต่ช่วงที่เรากำลังจะไปโรงเรียน หมอกลงทึมทึบ วันไหนถ้าเราแต่งสีเทาทั้งชุด รับรองได้ กลืนหายไป ในหมอกเลย หนาวเม่อื ต้นปี ๒๕๔๘ เป็นหนาวทห่ี นาวหนักหน่วงทสี่ ดุ ในชีวติ ของมุกริน แต่กับคนแก่วัยหกสิบเศษ ยายว่าไม่เท่าไร สมัยก่อน สมัยที ่
108 ผเู้ ฒ่าเล่าไว้ หมู่บ้านเรายังมีต้นไม้ถี่หนา มีทุ่งนาแวดล้อมกว้างขวาง ยายว่าหมอก หนากว่าน้ี หนาวกวา่ น้ี “มอี ย่ปู หี นึง่ ยายจำบไ่ ด้ว่าเป็นปไี หน หนาวขนาดหนกั หนาวจน นอนบ่หลับ ใกล้แจ้งคนจะรีบลุกกันแล้ว ลุกมาก่อไฟผิงไฟ นอนนัก มนั หนาวนกั นะลกู เพราะอยู่หา่ งไฟ” “ทำไมไมเ่ อาไฟเขา้ นอนด้วยเลย” “อยากเอาเข้านอนด้วยเหมอื นกัน แตก่ ลัวจะเป็นคนสุก เปน็ คน ป้ิง อย่างหมูป้งิ ปลาป้ิง” “ดีนะยาย” หลานสาวว่า ดวงตาระยบิ ระยบั เพราะอยใู่ นอารมณ์ รื่นเริงเต็มที่ คุยกับยายแล้วสนุก ยายเป็นคนอารมณ์ดี ชอบพูดตลก แตไ่ ม่เลอะเทอะ “เปน็ คนสุก เอาไปถวายผปี แู่ สะยา่ แสะไดเ้ ลย” “บไ่ ด้ ปู่แสะยา่ แสะบก่ นิ คนสกุ เขาเป็นยกั ษ์ เขากินคนดิบ”
ผเู้ ฒ่าเล่าไว้ 109 ยายเล่าว่าแต่ก่อนหนาวมากเพราะผ้าห่มมีน้อย เครื่องกันหนาว ก็มีน้อย ไม่ต้องพูดถึงเครื่องทำความอุ่นประเภทใช้ไฟฟ้าเลย แม้แต ่ ไฟฟ้าก็ยังไม่รู้จัก มีแต่ธรรมชาติล้วนๆ ที่เอาสู้กับความหนาว เช่น ไฟและรา่ งกายทแ่ี ขง็ แรงเปน็ ตน้ บางปีหนาวหนักนัก หนาวจนต้นกล้วยเหี่ยวเหลืองเหมือนโดน ไฟไหม้ ทั้งนี้เป็นเพราะ น้ำเลี้ยงในลำต้นกล้วยแข็งตัว ทำให้น้ำขึ้นไป หล่อเลี้ยงก้านและใบไม่ได้ มันจึงเหี่ยวและเหลืองเหมือนโดนไฟลวก บางปกี ็หนาวจนหมากับแมวเลิกทะเลาะกัน “ทำไมล่ะยาย” “เพราะมันอาศัยไฟกองเดียวกัน หากยังทะเลาะกันอยู่ ยายจะ เอานำ้ สาดไฟให้ไฟดับ มนั กลวั ยาย เลยเลิกทะเลาะกัน” “มันฟงั ยายพดู ร้เู รื่องหรือ” “ร้สู ิ ทำไมจะไมร่ ู้ ทมี นั ทะเลาะกนั ยายยังรู้เลย” ความทารุณโหดร้ายของฤดูหนาวแต่เก่าก่อนเป็นเรื่องที่มุกริน สุดที่จะคาดคิดหรือจินตนาการไปถึง ยายเล่าเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่อง สะเทือนใจลึกซึ้ง แต่หากมุกรินเอามาถ่ายทอด ไม่แน่ใจว่าเล่าแล้ว จะสะเทือนใจบา้ งหรอื ไม่ ยายเล่าว่านานมาแล้ว สมัยที่ยายยังเด็ก มีอยู่ครอบครัวหนึ่ง ยากจนมาก หลังคากระท่อมทะลุโหว่แหว่งจนมองเห็นเดือนเห็นดาว ทั้งคู่มีลูกหลายคน ไล่เรียงกันไปเหมือนลูกฆ้อง... ยายเปรียบเทียบไว ้ อย่างนั้น เพื่อนๆ นึกออกไหม ฆ้องวงที่มีลูกฆ้องไล่เรียงกัน ตั้งแต่ใหญ่ ลงไปหาเล็ก ต่างแต่ว่าฆ้องวงมีลูกฆ้องตั้งสิบกว่าลูก แต่ผัวเมียคู่นี้ มีลูกแค่สี่คน คนโตสุดอายุแปดขวบเท่ายายตอนนั้น ถัดมาอาย ุ
110 ผูเ้ ฒ่าเลา่ ไว้ หกขวบ ถัดมาอายุสี่ขวบ คนนี้เป็นง่อย คนเล็กสุดอายุสองขวบ ยัง นอนกับแม่ ปีนั้นหนาวเหน็บ หนาวจนนกตกลงมาตายอย่างที่ยายว่า คือ ไม่ใช่นกบินอยู่กลางอากาศแล้วแข็งกระด้างตกลงมาตายเพราะ ความหนาว แต่เป็นนกหนาวตายแล้วตกจากคอนลงมา ผัวเมียคู่นี ้ มีผ้าห่มไม่พอห่ม ต้องเอาไฟเข้าไปก่อไว้ในห้องนอน ตกดึกคืนนั้น ไฟก็ไหม้กระท่อมของพวกเขา เป็นเพราะลูกคนใดคนหนึ่งนอนดิ้น แลว้ ผา้ หม่ ไปพาดเปลวไฟ ไฟลามลกุ ตดิ มงุ้ ตดิ หมอน ทกุ คนหนอี อกมาได้ เว้นแต่ลูกคนรองสุดท้ายที่เป็นง่อยหนีออกมาไม่ทัน พ่อฝ่าไฟเข้าไป ช่วยลูก แลว้ พ่อกไ็ ปสิ้นใจในกองไฟตายตามลูกงอ่ ยอีกคน
ผ้เู ฒ่าเลา่ ไว้ 111 เจด็ ขุนหลวงวริ งั คะ
112 ผูเ้ ฒ่าเลา่ ไว้
ผูเ้ ฒ่าเลา่ ไว้ 113 ขุนหลวงวริ ังคะ ถึงวนั อาทติ ย์ อากาศอุน่ ข้นึ ฟ้าแจง้ แดดแจม่ พ่อขบั รถสง่ ตาไป เชียงดาวเพื่อพบแม่อุ๊ยคนหนึ่งซึ่งเป็นม้าขี่หรือร่างทรงของเจ้าหลวง คำแดง เพื่อนๆ คงเคยได้ยินชื่อท่านมาบ้างแล้วนะ ท่านยิ่งใหญ่มาก เป็นประมุขของเทพยดาอารักษ์ทั้งหมดทั้งมวลแห่งนครเชียงใหม่ ยิ่งใหญ่อยู่เหนือ บุรพกษัตริย์ทั้งมวล ไม่ว่าจะเป็นพญามังรายหรือ พ่อขุนเม็งรายมหาราช พญาติโลกราช พระเจ้า กาวิละและเจ้าฟ้าเจ้า แผ่นดนิ องคอ์ ่นื ๆ ท่ถี กู สถาปนาขน้ึ เป็นเชนเมอื งหรอื อารกั ษ์เมอื ง ลกู สาวของพ่อ หลานสาวของตาตดิ รถไปด้วย พ่อเป็นคนอีกแบบ เป็นพวกวิทย์-คณิตโดยตรง ไม่มีอะไรโน้มเอียงมาทางศิลปะ- วรรณกรรม-โบราณลึกลับหรือพื้นบ้านพื้นเมืองอย่างตาเลย แต่ก ็ เข้ากันดีกับตาแม้ว่าสิ่งที่สนใจจะไม่ร่วมกัน พ่อเองเป็นคนดี มีความ รับผิดชอบสูง พ่อกับแม่ครองชีวิตร่วมกันมา ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้ง กันเลย อาจมีบ้างที่ขัดแย้งกันนั่นๆ นี่ๆ เช่นรถใหม่คันนี้แม่อยากได ้ สีงาช้างหวานๆ แต่พ่อทำหน้าเมอื่ ยวา่ ดแู ลลำบาก อยา่ งน้เี ป็นตน้
114 ผเู้ ฒา่ เลา่ ไว้ ออกจากหมู่บ้าน หมอกยังหนักอยู่ มืดหม่นมัวมนทีเดียว เมื่อผ่านทุ่งนาสองข้างทาง ทะลุถนนใหญ่ที่เข้าสู่ตัวเมือง หมอกจาง ลงบ้าง เลยเขตตัวเมืองขึ้นไปทางทิศเหนือแดดก็ส่องแจ้งฟ้ากระจ่าง มองเห็นแนวเขาขรมึ ๆ ครามเขม้ แตไ่ กล “นน่ั ละหนู มอ่ นหลอ้ ง หรอื ดอยควำ่ หล้อง” ตาชี้ให้หลานสาวดูสันเขาสูงเด่นเห็นได้แต่ไกล แดดสีทองส่อง จบั หนา้ ผางามมาก ตายกมอื ไหว้ มกุ รนิ ไหวต้ ามโดยอตั โนมตั ิ พอ่ เปน็ คน ขับรถ พ่อไมไ่ หว้แตม่ ีสีหน้าท่าทางงงๆ “พอ่ ไหว้อะไรเหรอ” พอ่ ถามตา “ไหวข้ นุ หลวง” “ขนุ หลวงไหน” “ขนุ หลวงบา่ ลังกะ๊ ” ตาทอดเสยี ง มีท่าทีหย่งั เชงิ พ่อ “มุกรินมันยงั รเู้ ลย แต่พอ่ มกุ รินกลบั ไม่รู้” “หนเู องกไ็ ม่รูห้ รอกตา” ลูกสาวต้งั ป้อมชว่ ยพ่อส้รู บกบั ตา “หากตาไมเ่ ลา่ หนูจะรไู้ ด้ไง” “อ่านเองก็ไดน้ ่ีลกู ตวั เมอื งไมค่ ล่อง ตัวไทยตาถอดไวแ้ ล้ว” “ไมเ่ อา อา่ นเองไม่สนกุ ส้ทู ่ตี าเล่าไม่ได”้ ยังไม่เลยลับจากจุดที่มองเห็นม่อนหล้องหรือดอยคว่ำหล้อง ตามองไปยังหน้าผาที่ตอนนี้ไม่มีแดดสีทองส่องจับแล้ว แต่มีเมฆขาว ยาวฟูดดู งั สำลหี รือปุยฝา้ ยปิดคลุมบางสว่ นไว้ ตาถอนใจยาวๆ “เจา้ หลวงยิ่งใหญ่ แตข่ ุนหลวงกลับอาภัพ” ขุนหลวงที่ตาเล่าถึงคือขุนหลวงวิลังคะ หรือวิรังคะก็เรียก ผู้เฒ่า เล่าว่าชื่อที่คนพื้นเมืองเรียกคือบ่าลังก๊ะ ทุกวันนี้ยังมีหมู่บ้านแห่งหนึ่ง อยู่แถวตีนดอยพระบาทสี่รอย อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ชื่อว่า
ผ้เู ฒ่าเลา่ ไว้ 115 บ้านเมืองก๊ะ ที่นี่เป็นชุมชนชาวลัวะมาแต่เดิม เมืองก๊ะเกี่ยวข้องกับ ขุนหลวงบ่าลังก๊ะ ว่ากันว่าเมืองก๊ะก็คือเมืองหรือชุมชนแหล่งสุดท้าย ของขุนหลวงผอู้ าภพั ทุกวันนี้ที่บ้านเมืองก๊ะ ยังมีประเพณีไหว้สาขุนหลวงสืบเนื่องกัน มายาวนาน ตาเล่าว่าแต่เดิมขุนหลวงวิรังคะเป็นเจ้าเป็นใหญ่อยู่แถวเชิงดอย อ้อยชา้ ง ดอยออ้ ยช้างกค็ ืออกี ชือ่ หน่งึ ของดอยสุเทพ มุกรนิ อยากเรยี ก ท่านว่าวิรังคะ ไม่อยากเรียกว่าวิลังคะหรือบ่าลังก๊ะ วิรังคะแปลว่าผู้มี
116 ผเู้ ฒา่ เล่าไว้ รูปร่างอันสง่างาม อันนี้ตาเป็นคนแปล ไม่ใช่มุกรินแปลเอง แต่ใน เอกสารโบราณที่ตายัดเยียดให้หลานสาวอ่าน รูปร่างหน้าตาของท่าน ออกจะอปั ลกั ษณเ์ สยี ดว้ ยซำ้ เมื่อนั้นยังมีลัวะผู้ ๑ ชื่อว่าวิรังคะอันเป็นขุนแก่ลัวะทั้งหลาย ได้ยินข่าวสารวานางจามเทวีมี รูปโฉมอันงามนัก มันจักใคร่ได้นาง เป็นเมียมัน มันก็ใช้ลูกบ่าวมันผู้เป็นขุนใหญ่กับทั้งบ่าวได้ ๕ ร้อยคน กับท้งั ของฝากได้ ๕ ร้อยแชกดีหลี เขาก็เอามาถวายแก่นางจามเทวแี ล เขาก็บอกข่าวสารอันขุนเจ้าใช้มาว่าฉันนี้ ข้าแห่งราชเทวีเป็นเจ้า ขุนแห่งตูข้าผู้ชื่อว่าวิรังคะอันอยู่ทิศหว่างดอยลัวะโพ้น อันเป็นใหญ่ แก่ตู แก่หมู่ลัวะทั้งมวล แสร้งใช้ตูข้าทั้งหลายมา เหตุจักใคร่ได้แม่เทวี เป็นเจา้ เมอื เป็นอัครมเหสีแก่ตนเจ้านน้ั นา เมื่อนั้น นางจามเทวีก็จิ่งเจรจากับด้วยคนใช้อันมานั้นว่าฉันนี้ ดูกรานายคนใช้ กูไป่ได้หันขุนสูสักคาบนา เป็นดังฤๅนั้นชา คนใช้ขาน คำนางว่า ขุนตูข้าก็เหมือนดงั่ ตขู ้านแี้ ล นางจ่ิงวา่ ผิว่าขุนสูเปน็ ดัง่ สนู ี้แท้
ผ้เู ฒ่าเลา่ ไว้ 117 อยา่ วา่ จักมาเป็นผวั กูเลย แมน้ จักถกู มือกกู ็บ่ควรจักห้อื ถกู สจู งุ่ ลงหนี จากเรือนกูบดั น้เี ทอะ คงต้องเล่าย้อนไปก่อนหน้านี้ เรื่องราวค่อนข้างยุ่งอีนุงตุงนัง เกี่ยวพันสืบเนื่องไปถึงปู่แสะ ย่าแสะที่ว่าเป็นยักษ์ชอบกินเนื้อสดๆ ไม่ต้องต้มหรือลวกอย่างก๋วยเตี๋ยวเนื้อสด ปู่แสะย่าแสะเลิกเป็น ยักษ์ คือเลิกกินเนื้อสดๆ เพราะปวารณาตัวเป็นอุบาสกอุบาสิกา ในพุทธศาสนา ยอมรับเอาศีลห้ามาเป็นข้อประพฤติปฏิบัติ ต่อมา ทั้งคู่ก็มีบุตรคนหนึ่งชื่อว่าสุเทวะ ต่อมาสุเทวะก็ไปบวชเป็นฤๅษีได้ ชื่อว่าสุเทวฤๅษีหรือฤๅษีสุเทพ ไม่ใช่ฤๅษีดอยสุเทพนะ อย่าสับสนกัน ชอ่ื เรยี กวา่ ดอยสเุ ทพเอามาจากชอ่ื ของทา่ น ไมใ่ ชช่ อ่ื ของทา่ นเอามาจาก ดอยสเุ ทพ สุเทวฤๅษีกับเพื่อนฤๅษีด้วยกันช่วยกันสร้างเมืองหริภุญชัย ขึ้นมา แล้วไปเชิญพระแม่เจ้าจามเทวีจากเมืองละโว้ขึ้นมาครอง เมืองหริภุญชัยหรือเมืองลำพูน พระนางได้อัญเชิญพระแก้วขาวหรือ พระเสตังคมณีมาด้วยอย่างที่ได้เล่าไปแล้วในเรื่องนางในตำนาน เพื่อนๆ อย่างงหรือสับสนนะ จะลำดับเวลาให้ฟังคร่าวๆ พระแม่เจ้า จามเทวกี ับขุนหลวงวริ งั คะเป็นคนในตำนาน รุน่ ราว พ.ศ. ๑๒๐๐ โน่น สว่ นพญามงั รายเปน็ บคุ คลในประวตั ศิ าสตร์ รนุ่ ราว พ.ศ. ๑๘๐๐ หา่ งกนั รว่ มหกร้อยปี แต่เจ้าหลวงคำแดงอยู่ลึกกว่านั้น ลึกจนคลำหาวันเวลาของท่าน ไมพ่ บ ย้อนกลับมาที่พระแม่เจ้าจามเทวี ตามตำนานกล่าวว่าพระนาง ทรงพระสิริโฉมงดงามเป็นอย่างยิ่ง แต่ขุนลัวะกลับรูปชั่วตัวดำ กำเนิด
118 ผูเ้ ฒ่าเลา่ ไว้ ของพระนางสูงส่งอย่างยิ่งเพราะเป็นราชธิดารามัญหรือเมงควงศ์ แห่งกรุงละโว้ แต่กำเนิดขุนหลวงเป็นเพียงผู้นำชาวป่าชาวดอยที ่ เรียกว่าเผ่าลัวะเท่านั้นเอง พระนางจึงปฏิเสธไมตรีของขุนชาวป่าชาว ดงโดยไมม่ เี ยือ่ ใย ขุนหลวงวิรังคะถูกดูถูกเหยียดหยามขนาดนั้นก็โกรธ จึงขึ้นไป บนยอดดอยออ้ ยชา้ งแล้วเอาสะเหนา้ ซง่ึ คืออะไรกไ็ มร่ ู้ คงแหลมๆ อยา่ ง หอกพุ่งมาจากยอดดอย ขุนหลวงคงเป็นผู้มีฤทธิ์หรือ มีพละกำลัง แข็งกล้าอย่างยิ่ง สะเหน้าที่พุ่งมาจากยอดดอยสุเทพจึงไปตกห่างจาก
ผู้เฒ่าเล่าไว้ 119 กำแพงเมืองลำพูนนิดเดียว พระแม่เจ้าสะดุ้งหวั่นไหว เสนาอำมาตย์ ในเมืองหริภุญชัยคิดกลอุบายข่มอำนาจขุนหลวง เช่น เอาผ้าซับระด ู ของพระแม่เจ้า ทำเป็นหมวกแล้วส่งไปให้ขุนหลวง ขุนหลวงนึกว่า พระแม่เจา้ รับไมตรีกด็ ีใจ ไม่ทนั คิดอะไรก็รบั หมวกมาสวม คาถาอาคม และฤทธิ์แรงแข็งกล้าก็เสื่อมลง เสนาอำมาตย์ของพระแม่เจ้าจึงส่ง กองทัพโจมตีขุนหลวง ขุนหลวงถอยร่นจากเชิงดอยสุเทพไปอยู่แถว เชิงดอยพระบาทสี่รอย ที่เป็นบ้านเมืองก๊ะในปัจจุบัน ต่อมาเมื่อฟื้น ฟูพละกำลังก็ยกทัพไปรบกับ ชาวลำพูน แต่กลับพ่ายแพ้กลับมาอีก
120 ผู้เฒ่าเลา่ ไว้ ขุนหลวงตรอมใจในรักที่ไม่สมหวัง ก่อนสิ้นใจได้สั่งไพร่พลว่า ให้หาม ศพตนไปฝังยังทๆ่ี สงู ทส่ี ุดทม่ี องเห็นเมอื งลำพนู เพอ่ื ท่ีทา่ นจะไดเ้ หน็ คน ทที่ ่านรกั แตไ่ ม่รกั ท่านตลอดไป ทว่าขุนหลวงช่างอาภัพนัก โลงศพถูกหามไปตามดอยดง ไปไม่ ถึงจุดสูงสุดคือดอยสุเทพ แต่ถึงแค่ดอยคว่ำหล้องโลงศพก็พลิกคว่ำลง เขาจงึ ฝงั ทา่ นไวต้ รงทีห่ ล้องควำ่ หรือโลงควำ่ นน่ั เอง ทา่ นจงึ ไม่มีโอกาสได้เหน็ หนา้ คนท่ีท่านรกั อกี เลย...ตลอดกาล
ผ้เู ฒ่าเลา่ ไว้ 121 แปด เจ้าหลวงคำแดง
122 ผูเ้ ฒ่าเลา่ ไว้
ผู้เฒ่าเล่าไว้ 123 เจา้ หลวงคำแดง เข้าเขตตำบลเชียงดาว ดอยเชียงดาวมองเห็นเด่นแต่ไกล งดงามมาก โดดเด่น โดดเด่ียว สงู เย่ียมเทียมเมฆสมช่อื ดอยเพียงดาว หลวง ชอ่ื หลงั นเ่ี ปน็ อกี ชอ่ื ของดอยหลวงเชยี งดาว ตาวา่ นา่ จะมาเรยี กกนั ทีหลัง เพราะในเอกสารโบราณไม่ปรากฏชอ่ื น้เี ลย พบแตค่ ำวา่ ดอยเชยี ง ดาวหรอื ดอยหลวง หรอื ดอยอา่ งสรงเทา่ นัน้ “หนูรู้ไหม ดอยหลวงเชียงดาวเคยหักพังลงมา มีบันทึกไว้ใน เอกสารโบราณชือ่ ตำนานพ้นื 4 ขอ้ ความมีว่า...” 4 เอกสารไมโครฟิล์ม สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รหัสไมโครฟิล์ม ๗๘.๐๑๒.๐๕ ๐๐๖-๐๐๖ ต้นฉบับเป็นของวัดเชียงมั่น อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จ.ศ. ๑๑๘๓ (พ.ศ.๒๓๖๔)
124 ผเู้ ฒ่าเล่าไว้ [ยทา จ อังคสุรสั ส ปัพพตสั ส ปฏิโต สกุโณ ปัตตติ ตัสมึ สราชิกํ วินัสสติ] สกุโณ อันว่านก คือว่าก้อนหินมีองคะส่งสัณฐานดั่งนก อันตั้งอยู่เหนือจอมดอยอ่างสรงแลตกลงมามีเมื่อใด บ้านเมืองอันเป็น กับด้วยท้าวพญาจักฉิบหายมีเมื่อนั้นชะแล [สุภาสี] ทำนายว่าเมื่อใด ดอยอ่างสรงคา้ น บา้ นเมอื งจักวนิ าศฉิบหาย ว่าอ้ันหั้นแล ดังจักรู้มานี้ ดอยอ่างสรงค้านสองเทื่อแล้ว เทื่อหัวทีนั้นค้าน ปรี วายสนั ศกั ราชได้ ๑๐๑๘ ตวั กอ้ นหนิ ยอดดอยปดุ ตกลงเมอื งวนั นน้ั ค้านเทื่อถ้วนสองนั้นปีเมืองเร้า ศักราชได้ ๑๐๑๙ ตัวหั้นแล ดั่ง [สกุโณ ปัตตติ] อันมีในคาถาอันนี้ เป็นเหตุ [สราชิกํ วินัสสติ] เป็นผล คืออันบ้านเมืองทั้งมวลฉิบหาย เหตุห้อแข่ทั้งหลายครานั้น ชะแล ดงั คาถานแ้ี ล “คา้ นคอื อะไรคะตา ดอยอา่ งสรงค้านสองเทื่อแล้ว...ดอยอ่างสรง ไปรบแพ้ใครมาหรือคะ” “ค้านตัวนี้ไม่ได้แปลว่าแพ้ แต่แปลว่าหักโค่น คนโบราณท่าน บันทึกไว้ว่าก้อนหินบนยอดดอยอ่างสรงหรือดอยเชียงดาวเคยหัก พังลงมาสองครั้ง เมื่อปี จ.ศ. ๑๐๑๘ ครั้งหนึ่ง กับปี จ.ศ. ๑๐๑๙ อกี คร้ัง” “ตรงกับ พ.ศ. ๒๑๑๙ และพ.ศ. ๒๒๐๐” พ่อขับรถไปด้วยก็ คำนวนไปดว้ ย “คงเปน็ เร่อื งใหญม่ ากนะพอ่ คนโบราณทา่ นจงึ บนั ทกึ ไว”้ “ใหญ่มาก ใหญ่ ยิ่งใหญ่มากทีเดียว เพราะดอยอ่างสรงหรือ เดี๋ยวนี้เรียกว่าอ่างสลุงเป็นสถานที่สำคัญมาก ยิ่งใหญ่มากของล้านนา ถือว่าเป็นที่ๆ พระพุทธเจ้าเสด็จมาสระสรงพระวรกายหนึ่งละ อีก
ผเู้ ฒ่าเล่าไว้ 125 ประการ ถือว่าเป็นที่สถิตของเจ้าหลวงคำแดง หินบนยอดดอยหักพัง ลงมา ชาวบา้ นชาวเมอื งคงไมส่ บายใจ คนจดบนั ทกึ เอาไปผกู กบั เหตกุ ารณ์ บ้านเมืองเป็นศึกกับห้อแข่คือกองทัพจากจีนจากยูนนานยกมารุกราน เหตกุ ารณ์ดอยหลวงเชยี งดาวพังเมือ่ ปี พ.ศ. ๒๑๑๙ และ ๒๒๐๐ ตรง กับสมัยพญาแสนหลวงเป็นเจ้าเมืองเชียงใหม่ อยู่ในยุคที่เชียงใหม่ เป็นเมืองขึ้นของพม่า ตรงกับรัชสมัยพระนารายณ์มหาราชปกครอง อยุธยา” ดอยหลวงเชยี งดาวงามนกั วนั นน้ั แสงแดดสอ่ ง ยอดดอยบางสว่ น ซอ่ นอยใู่ นหมเู่ มฆ งาม สงบ และยง่ิ ใหญ่ สมแลว้ ทค่ี นทง้ั หลายยกใหเ้ ปน็ ทีอ่ ยู่หรอื ท่ปี ระทับของเจ้าหลวงคำแดง เจ้าหลวงคำแดงเปน็ บคุ คลในตำนาน อาจมตี ัวตนอย่จู ริงๆ แต่ดู เกา่ แก่ โบราณ ลึกลับ และอยู่ห่างไกลจากเรามากมาย ไกลย่งิ กวา่ พญา มังรายหรือพ่อขุนเม็งรายมหาราชเสียอีก เรื่องราวเล่าลือเกี่ยวกับท่าน แพร่หลายอยู่ในหลายท้องที่ ไม่ได้เล่าเฉพาะล้านนาเท่านั้น แต่แพร่ หลายอยู่ในกลุ่มเชื้อสายไทยลาวหลายพื้นที่ นับแต่ตอนใต้ประเทศจีน บางส่วนของประเทศพม่า บางส่วนของประเทศลาว และบางส่วนของ ประเทศไทย เปน็ ตน้ เจ้าหลวงคำแดงเป็นผีเค้า คือเป็นประธานของผีอารักษ์ทั้งหมด ของล้านนา บรรดาผีอารักษ์ทั้งหมดทั้งมวลต้องเชื่อฟังท่าน ผีชั่วผีเลว ทั้งหลายต่างเกรงใจท่าน ทุกวันนี้ ยังมีการอัญเชิญท่านประทับทรงกัน อยู่ แพร่หลายมากเสียด้วย มีร่างทรงไม่ต่ำกว่าสิบคนที่อ้างว่าอัญเชิญ ท่านประทับทรงได้ อย่างคุณยายที่เรากำลังจะไปพบก็เป็นหนึ่งในร่าง ทรงอันมากหลายของทา่ น แวะรับอาจารย์นิรันดร์เพื่อนของตาก่อน ยังไม่ถึงเวลาเพราะคุณ
126 ผ้เู ฒา่ เล่าไว้ ยายร่างทรงนัดไว้ตอนบ่าย ตาเลยพาหลานสาวแวะไปไหว้รูปปั้นเจ้า หลวงคำแดงทห่ี นา้ ถำ้ เชยี งดาว บอกตามตรง มกุ รนิ สมั ผสั ไมพ่ บพลงั ใดๆ จากรปู ปน้ั ของทา่ นเลย เราอาจไมใ่ ชค่ นทางน้ี ไมเ่ ปน็ ไร เราคงไมม่ สี มั ผสั ทอี่ ่อนไหวและฉบั ไวเหมอื นคนทรงเจา้ ทั้งหลาย “หนรู ู้ไหมลูก” ตาถาม “ครบู าขาวปีทา่ นเขียนถึงคนทรงเจ้าทั้งหลายวา่ อยา่ งไร” “ท่านเขยี นถึงคนทรงเจา้ ด้วยหรือคะ” “ไม่แน่ใจว่าท่านเขียนเองหรือคนอื่นเขียนในนามท่าน แต่ที่รู้ๆ กันมา ทา่ นครบู าก็เปน็ นกั เขยี นแตไ่ มเ่ ขยี นเร่อื งทั่วไป ทา่ นจะเขียนแสดง ทศั นะของท่านเก่ยี วกับศาสนา วา่ กันวา่ ธรรมเทศนาเร่ืองวนิ ยั ดอกเดอ่ื ซึง่ ว่าดว้ ยวนิ ยั ของสงฆ์ ทา่ นก็เขียนเอง สว่ นเรือ่ งเกี่ยวกับคนทรงเจ้าหรอื การทรงเจ้าเขา้ ผที ่านเขียนไว้ในปฐมมูลกัมมัฏฐานของท่านไว้ดังน.้ี .. ถ้าคนเป็นพยาธิหนักนั้นหื้อสู่ผี(เชิญผี) ลงถามดู ถ้าผีว่าตาย คนผู้นี้บ่ใหญ่แล้ว(ไม่รอดแล้ว) บ่ถ้ายาแล้วว่าฉันนี้ เราไปหาหมอ มายาหายอยู่ คนผู้นั้นบ่ตาย ถ้าผีว่าบ่ตาย บ่ถ้าร้อนใจไปหาหมอ มายาเทอะ(หากผีบอกว่าไม่ตาย ไม่ต้องร้อนใจ ไปหาหมอมารักษา เถอะ) ถา้ ผีวา่ อยา่ งน้หี ้ือหา้ งหดี (เตรียมโลง) ไวเ้ ร็วๆ บ่ล้ำ ๓ วนั ถ้าของเราหายคืองัวควายก็ดี หื้อถามผีดู ถ้าผีว่าบ่ได้แล้ว อย่าถ้าเสาะหามันเทอะ ถ้าผีว่าอย่างนี้หื้อไปเสาะหาเทอะ ได้อยู่ บห่ าย ถ้าผีวา่ ได้อยู่ บ่หาย หือ้ ไปเสาะหาเทอะ บห่ าย ถ้าผวี า่ อยา่ งนี้ บ่ถ้าไปเสาะแล้วบ่ได้ หายแน่ ถ้าผีว่ามีทางวันออกเราไปเซาะหาทาง วันตกจึงปะ ถ้าผีว่ามีทางวันตกเราไปเซาะทางวันออกจึงปะ ถ้าผีว่า
ผเู้ ฒา่ เลา่ ไว้ 127 มีทางใต้เราไปเสาะหาทางเหนือจึงปะ ถ้าผีว่ามีทางเหนือเราไปเสาะ ทางใตจ้ งึ ปะ ถ้าบ่ปะตามเราไปเสาะนนั้ บถ่ า้ ไปเสาะแล้วหายแน่ ทางผีนั้นมันว่าทางปิ้น(มันพูดตรงกันข้าม) คนเป็นพยาธิก็ดี ของหายก็ดี บ่ถ้าเสาะตามผีว่า หื้อเชื่อทางปิ้น(ให้เชื่อด้านตรงข้าม) ผีมันว่าทางปิ้น ผีก็ต่างผี บางตัวก็แน่ บางตัวก็บ่แน่ ถ้าผีลงคนนั้นแน่ ถ้าคน ลงผนี น้ั บแ่ น่ เมอ่ื (เวลา) คนเราเปน็ เมอ่ื วนั (กลางวนั ) เมอ่ื วนั (กลางวนั ) เราเป็นเมื่อคืน(กลางคืน) มัน เหตุนี้แล เราช่างไปปะมันเมื่อคืน ใคร่รู้แจ้งนั้น ป่าเฮี่ยวใด(ป่าช้าไหน) ผีช่างหลอกเมื่อคืนนั้น เมื่อวัน เราไปอยู่ตามริมป่าเฮี่ยว แล้วเอาก้อนหินขว้างลอดก้นไปทางป่า เฮี่ยวหื้อพอ ๗ แก่นเทอะ เถิงเมื่อคืนหื้อไปฟังเทอะ จักได้ยินผี ให้ซา้ วๆ เพราะก้อนหินไปถูกใส่หม้อข้าวหม้อแกง ถกู ใส่หัวลกู หวั หลาน มัน มันจิ่งไห้ เมื่อวันมันหลับอยู่ มันบ่รู้ เมื่อคืนมันตื่นมามันจึงรู้ได้ แบบผีจบน่ี ผีลงคนนั้น เราเชิญลงเมื่อวัน ลงเช้าบ่ลงง่าย เพราะมันหลับ เมื่อวัน เราเชิญลงเมื่อคืนนั้นลงเวย บึดใจ(อึดใจ) ก็ลงแล้ว อันนี้ ชื่อว่าผีลงคน อย่าง ๑ ทีน่ ง่ั (คนทรง) ไปไรไ่ ปนาไปสวน ไปบา้ นเหนือบ้านใต้ ไปไหนๆ กด็ ี เราอย่บู า้ นท่นี ่งั (คนทรง) เชญิ นัน้ คำเดียวกส็ งิ เอาทนี่ ง่ั เข้า บา้ นมาน้นั อนั นชี้ ื่อว่าผีลงคน อย่าง ๑ เราเอาเหล้าไปสู่ผี ก็กำขวดเหล้าไขปากขวดแล้ว เอาเหล้าหล่อเข้าปาก เราผ่อดูเหล้าเสี้ยงหมด เถิงที่มันเอาขวดลง ตั้งเหล้ามีอยู่เหมือนเก่า เราดมบ่สาบกลิ่นอันนี้ชื่อว่าผีลงคน เรา ประสงค์ถามอันใดก็แน่แท้มันบอกทางปิ้น(บอกตรงกันข้าม) เราจัก
128 ผูเ้ ฒา่ เล่าไว้ เชื่อคำมันบอกนี้บ่ถูก ต้องเชื่อทางปิ้นช่างถูก(มักจะถูก) แบบผีลง คนจบน่ี คนลงผีนั้น เราเชิญเมื่อวันก็ลงเมื่อวัน เราเชิญเมื่อคืนก็ลง เม่อื คนื เราเชิญเร็วๆ กล็ งเร็วๆ อันนีช้ ่อื วา่ คนลงผี อยา่ ง ๑ ท่ีนั่งไปไร่ไปนาไปสวนไปบ้านเหนอื บ้านใต้ เราอยบู่ ้าน ที่นง่ั เชญิ บล่ ง ถา้ ที่นง่ั มาเถิงบา้ นจงึ ลงอันน้ีชอ่ื ว่าคนลงผี อย่าง ๑ เราเอาเหล้ามาสู่ ยกขวดเหล้าหล่อเข้าปากเหล้า เสี้ยงหมด อันนี้ชื่อว่าคนลงผีแต่บ่รู้สึกตัวเหมือนกัน ผีลงคนก็บ่รู้สึกตัว เหมอื นกนั แตค่ นลงผีนั้นบแ่ น่ คนว่าใด ผีวา่ น้ัน คนวา่ ตายผกี ็วา่ ตาย คนวา่ เป็นผีกว็ า่ เปน็ คนวา่ ไป ผกี ็วา่ ทวยไปตามคน ผีลงคนน้ีบไ่ ด้ความ นำ้ ไดร้ อยทาง(น้ำมกั จะไปตามรอยทาง) ผกี ไ็ ด้คำปากเหมือนกนั แบบ คนลงผจี บนี ่ “หนูเคยเขา้ ถำ้ หลวงละยัง มกุ ริน” คุณตานิรันดร์ถาม มุกรินตอบว่ายังค่ะ ท่านเลยจัดแจงพาเรา ทั้งสามเข้าท่องถ้ำเชียงดาว หลานสาวของตาตื่นตาตื่นใจ แต่ตาบ่น พึมพำไม่พออกพอใจว่าไฉนผู้เกี่ยวข้องจึงปล่อยให้ถ้ำหลวงเสื่อมโทรม ไปได้ถึงขนาดนี้ ถ้ำหลวงเชียงดาวมีความโดดเด่นมากมายหลาย ประการ ในทัศนะของพ่อ พ่อทง่ึ กบั โครงสรา้ งทางภมู ศิ าสตรอ์ นั ซบั ซอ้ น ในแงข่ องตา ตาให้ความสำคญั ว่าถ้ำหลวงเชียงดาวเกย่ี วข้องกับเจ้าหลวง คำแดง ตำนานฝา่ ยชาวบ้าน ไม่ใชต่ ำนานฝา่ ยศาสนากล่าวว่าเจา้ หลวง คำแดงกับแม่นางอินเหลาพบกันที่หน้าถ้ำ ทั้งคู่หายเข้าไปในถ้ำแล้วไม ่ กลบั ออกมาอกี เลยกระท่งั ทุกวนั นี้
ผู้เฒ่าเลา่ ไว้ 129 ราวบ่ายสองโมง คุณตานิรันดร์พาไปพบแม่อุ๊ยเฒ่าแก่ท่านหนึ่ง อยแู่ ถวๆ บา้ นแม่นะ แมอ่ ยุ๊ แกม่ ากแล้ว อายุเก้าสบิ สาม หากเปน็ กลว้ ย กค็ งสุกจนงอม เหีย่ วจนไม่ร้จู ะเห่ียวอย่างไรอีก ตัวหดเล็กเหลือนดิ เดยี ว ลกุ เหนิ เดินไม่ได้ นอนซมเจบ็ ปว่ ยกระเสาะกระแสะมาสี่ห้าปีแล้ว คณุ ยายอยากพบตา...นา่ แปลกใจตรงจดุ น้ี แกกบั ตาไมร่ จู้ กั กนั เลย แต่ทำไมถึงอยากพบตา ตาบอกกับยายในคืนหนาวว่าอยากมาพบแก แต่ที่จริงแกกลับ เป็นฝ่ายอยากพบตา กำชับกำชาคุณตานิรันดร์ว่าให้พามาหาแกให้ได ้ แกเองร้อนใจ หากไม่ได้มอบหมายภาระบางอย่างให้ตา แกเกรงว่า จะตายตาไมห่ ลบั “แมอ่ ยุ๊ รไู้ ด้อย่างไรวา่ เป็นผม” ตาถามตอนหนึง่ แกตอบวา่ “อแี ม่หนั ทางใน” แกจบั แขนตาไว้ “อแี ม่เสาะหามาเกือบซาวปแี ล้ว เล่าหอ้ื ครนู ริ ันดร์ฟงั ครนู ริ ันดร์ ว่าคนที่อีแม่หันทางในอาจเป็นครู ใช่แล้ว...บ่ผิด ครูรับเอาไปเทอะ คมั ภีร์อนั น้ี บร่ ับไป อีแม่ตายตาบห่ ลบั ” แกใช้ให้ลูกเขยกลับขึ้นไปบนเรือน เอาห่อผ้าสีแดงคล้ำจนเกือบ จะดำลงมา พอคลี่ออก ก็เห็นคัมภีร์ใบลานขนาดยาวคืบเศษแบบที่ เรยี กวา่ ลานก้อม แกมอบให้ตา ลูกหลานแกเองมีสีหนา้ ทา่ ทางสบายอก สบายใจ “อีแม่ตายตาหลับแล้ว” แม่อุ๊ยเหี่ยวหง่อมยกมือพนมไปทาง ศาลของเจ้าหลวงคำแดงซง่ึ อยู่ในเขตบา้ นแกเอง “เจา้ หลวง ขา้ นอ้ ยทำตามเจตนาทา่ นเจ้าแล้ว ถงึ ทีต่ ายขอหอ้ื ข้า พลนั ตายดว้ ยงา่ ย ไมถ่ งึ ทต่ี ายขอหอ้ื ขา้ พลนั หอ่ มพลนั หาย ลกุ เหนิ เดนิ ได ้ อยา่ งเก่า”
130 ผเู้ ฒา่ เลา่ ไว้ เราจากลาแม่เฒ่าราวบ่ายสามโมงเศษ แวะส่งคุณตานิรันดร ์ ที่บ้านแล้วเดินทางกลับ ตาเองยังไม่มีเวลาจะเปิดดูคัมภีร์ที่ได้รับ ตาม ี สหี น้าไม่สูส้ บายใจเทา่ ไร คมั ภีรอ์ ายุมากมาย ใบลานเกา่ ดำแทบไม่เห็น ตัวอักษร เนื้อลานกผ็ ุแบบท่เี รียกว่าลานพ่ายคอื หมดอายุแล้ว แต่ละใบ ไม่ได้แยกจากกนั เปน็ อิสระ แตเ่ กาะตดิ กนั เหมอื นถูกผนกึ ด้วยกาว ยาก มาก ยากท่ีจะแกะออกจากกันโดยทีเ่ นื้อลานและข้อความยังสมบูรณ์ “เร่ืองอะไรคะ ตา” “ตำนานเจา้ หลวงคำแดง” ตาเอยี งหวั มุมคัมภีร์เก่าแกผ่ ุพ่ายให้ได้ รับแสงมากขึน้ “ไม่แนใ่ จวา่ จะเหมอื นฉบบั อื่นๆ หรือไม”่ “มีมากกวา่ หนึ่งฉบับหรือพ่อ” พ่อถาม “โดยทว่ั ไป คมั ภรี ใ์ บลานบ้านเรามกั มีมากกว่าหน่ึงอย่แู ลว้ เพราะ เกิดจากการคัดลอกสบื ๆ กันมา ตำนานเจ้าหลวงคำแดงมไี มต่ ่ำกวา่ สิบ ฉบับหรอื สิบสำเนา” กลบั ถงึ บา้ นเกอื บหกโมงเยน็ ตะวนั ลบั ไปแลว้ หนา้ หนาวตะวนั ตกเรว็ เข้าคำ่ อากาศเรมิ่ เยือกเยน็ รบี อาบน้ำอุ่นจากเคร่ืองทำน้ำอุ่น แตต่ ายัง อาบน้ำต้มที่แม่ต้มให้ กินข้าวแล้วทุกคนแยกย้ายกัน แม่กับยายดูทีว ี ด้วยกันที่ห้องพักผ่อนของครอบครัว พ่อแยกไปดูคนเดียวในห้องนอน ของพ่อกับแม่ มุกรินสนใจคัมภีร์โบราณเล่มนั้นมากกว่าละครทีวีของ แม่กับยายหรือขา่ วสารบา้ นเมืองที่ น่าปวดหัวของพอ่ ตายังแกะใบลาน ของคัมภรี ์เล่มนั้นให้แยกออกจากกันไมไ่ ด้ อาจจะมีอะไรใหมๆ่ มากกว่า เร่อื งราวที่รู้ๆ กนั ตาหวังอยา่ งน้ัน
ผูเ้ ฒ่าเลา่ ไว้ 131 “ตำนานเจ้าหลวงคำแดงที่รู้จักกัน ไม่แสดงถึงวีรกรรมหรือความ เก่งกาจอะไรของเจ้าหลวง ขาดรายละเอียด ตาว่าบันทึกขึ้นในยุคหลัง หา่ งจากยคุ ทท่ี า่ นมชี วี ติ ยาวนานมาก อาจหา่ งถงึ พนั หรอื พนั กวา่ ปดี ว้ ยซำ้ รายละเอยี ดจงึ หายไปิ หากขุนหลวงวิรังคะเป็นคนอาภัพ เจ้าหลวงคำแดงกลับเป็นผู้ที ่ ไดร้ บั ความสำเร็จในชีวิตอย่างสงู ท่านเองมีชวี ติ จรงิ ๆ อยู่ ณ กาลเวลา ใดไม่มีใครรู้แจ้ง ท่านเป็นผู้คนของแว่นแคว้นแดนใด ไม่มีใครชัดเจน เพราะเรื่องราวของท่านเป็นที่รู้กันกว้างขวาง ตั้งแต่ขอบปลายชายแดน ของสิบสอง พันนาลงมาจนถึงล้านนาบ้านเรา ท่านเป็นผู้ที่ได้รับการ ยอมรบั นบั ถอื กวา้ งขวาง ทกุ วนั นก้ี ย็ งั มี คนกราบไหวบ้ ชู า ขอพง่ึ พาอาศยั
132 ผู้เฒา่ เลา่ ไว้ พละพลังของท่านในการบำบัดเยียวยาทางใจ ท่านได้รับการเชิดชูบูชา ใหเ้ ปน็ ประมขุ ของเทพยดาอารักษ์ประจำเมอื งเชยี งใหม ่ เรื่องราวของท่านจากคัมภีร์เล่มใหม่ที่ตาเพิ่งได้รับมายังแกะไม ่ ออก มกุ รินขออนญุ าตยน่ ยอ่ ข้อความเก่ยี วกบั เจ้าหลวงคำแดง จากงาน เขียนชดุ ประชุมตำนานลานนาไทย ของท่านอาจารย์สงวน โชตสิ ุขรัตน ์ ผลู้ ว่ งไปนานแลว้ มาใหเ้ พอ่ื นๆ ไดอ้ า่ น เปน็ ตำนานฝา่ ยศาสนา พระเถระ ในยคุ โบราณ ทา่ นไดด้ ดั แปลงเพอ่ื ใหส้ อดคลอ้ งกบั อดุ มคตทิ างพทุ ธศาสนา เรียบร้อยแล้ว ใช้ชื่อว่าตำนานสุวรรณคำแดงหรือตำนานเจ้าอินทขีล ดังนี้ แต่ครั้งที่โลกว่าจากพระพุทธศาสนา มีพญาหมูสี่ตัวครอบครอง ดินแดงสี่ทิศ ต่อมาเมื่อสิ้นชีวิต พญาหมูตัวหนึ่งได้มาเกิดเป็นเจ้าหลวง คำแดงทเ่ี มอื งโจรณ ี ยุคนั้น มหาธรรมหรือกษัตริย์ผู้ทรงคุณธรรมกำเนิดในดินแดน ห้อหรือประเทศจีน ยุคนั้น คนทำบาปกันมากเหม็นสาบเหม็นคาว ขึ้นไปถึงบนสวรรค์ พระอินทร์จึงลงมาบอกมหาธรรมให้สั่งสอนคน ทั้งหลาย แต่มหาธรรมตอบว่านอกดินแดนห้อออกไปท่านไม่อาจ สั่งสอนได้ เพราะเขาไม่เชื่อฟัง หากยกกองทัพไปรบ คนป่าเหล่านั้น จะหนีกระจัดกระจายเข้าซอกห้วยราวเขายากจะติดตาม หากยกพลไป น้อย คนป่าพวกนั้นก็จะรุมฆ่ารุมฟันทำให้สิ้นเปลืองชีวิต มหาธรรม จึงขอร้องให้พระอินทร์ช่วยจัดการคนป่าเหล่านั้นให้อยู่ในศีลธรรม อนั ดี พระอนิ ทร์จึงให้วสิ สุกัมมเทวบุตรจำแลงเปน็ กวางทอง พญาโจรณ ี บิดาของเจ้าหลวงคำแดงใช้ลูกชายตามกวางทอง กระทั่งมาถึงหน้าถ้ำ เชียงดาว กวางทองก็หายไป
ผเู้ ฒา่ เลา่ ไว้ 133 นางอินเหลาแอบดูเจ้าหลวงคำแดง ทั้งคู่พอใจซึ่งกันและกัน อยู่กินร่วมกันระยะหนึ่งก็พาบริวารทั้งหลายติดตามกวางทองมาตาม ลำน้ำแม่ปิง แล้วก็มาสร้างเมืองอยู่ริมหนองบัวเจ็ดกอตามคำแนะนำ ของฤๅษี ฤๅษีบอกว่าเมืองแห่งนี้จะเจริญรุ่งเรืองมาก เมื่อสร้างเสร็จ แล้ว ได้ชื่อว่าล้านนา เจ้าหลวงคำแดงได้ชายาเป็นชาวลัวะสองคน ชื่อนางผมเผือกับนางสาดกว้าง มีบุตรชายที่เกิดกับนางทั้งสองจำนวน แปดคน ต่อมานางอินเหลาก็ชักชวนเจ้าหลวงคำแดงกลับไปอยู่ที่ดอย อ่างสรง หรอื ดอยหลวงเชยี งดาวดังเดิม ข้อความต่อจากนี้กล่าวถึงลูกหลานเจ้าหลวงคำแดงปกครองเมือง สืบต่อกันมา จนถึงเมืองล่มกลายเป็นหนองน้ำกว้างใหญ่ แล้วกล่าว ต่อมากระทั่งไปบรรจบกับตำนานอินทขีลหรือเรื่องราวเกี่ยวกับเสา หลักเมืองของเชียงใหม่ บทบาทของเจ้าหลวงคำแดงหายไปจากตำนาน โดยส้ินเชิง มากลา่ วถงึ อกี ครัง้ ก็ตอนท่ีพูดถงึ เชนเมืองหรืออารกั ษป์ ระจำ เมืองเชยี งใหม่ ว่าเจ้าหลวงคำแดงเปน็ ประมุข “ตำนานเจ้าหลวงคำแดงมสี องสาย” ตาสรุป “คือสายบา้ นกบั สายวดั ” “สายวดั หนอู า่ นแลว้ สายบ้านเปน็ อย่างไรคะ ตา” “ไม่พาดพงิ มาถึงตำนานอนิ ทขีล ไม่กลา่ วถึงนางผมเผือ นางสาด กว้าง ไม่ลากไปพาดกับตำนานเวียงหนองล่มและตำนานอินทขีล ตา เข้าใจว่าพระเถระแต่ครั้งโบราณท่านเรียบเรียงไว้ให้เป็นเรื่องเดียวกัน เพอ่ื ความสะดวกในการจดจำ ตำนานฝา่ ยวดั จดจารใสใ่ บลาน แตต่ ำนาน ฝ่ายบา้ นจดจำกันทางปากเปล่า ยิ่งเวลาผ่านไปมนั กย็ ่งิ ลบเลอื น ยิง่ เลา่ มันกย็ งิ่ ห่างจากตน้ ตอเดิมไปทกุ ทิี “เราเลยไม่รวู้ า่ เร่อื งราวจรงิ ๆ เปน็ อยา่ งไร”
134 ผูเ้ ฒ่าเลา่ ไว้ “ใชแ่ ลว้ ลกู แตเ่ สนห่ ข์ องตำนานกอ็ ยตู่ รงน้ี อยตู่ รงความไมช่ ดั เจน หากแจ่มแจ้งชดั จริงไปหมดกไ็ มใ่ ช่ตำนาน กลายเปน็ ประวตั ิศาสตร”์ “ไม่แนน่ ะคะตา จบ ม.หก หนอู าจเรยี นตอ่ สาขาประวตั ศิ าสตร ์ หรือโบราณคดี” “ไปนอนเหอะ ดกึ ละ” สีท่ มุ่ เศษ แตต่ ากลับถอื ว่าดึกมาก มุกรินลุกจากโถงหนา้ มายงั โถง หลัง เข้าห้องส่วนตัว กราบกับหมอนสามหนแล้วนอน ลมหนาวพลิ้ว พัดมา ม่านหน้าต่างเวิกไหวราวลีลารำร่ายฟายฟ้อนของนางนักฟ้อน ทั้งหลาย คิดถึงนางอินเหลา นางผมเผือและนางสาดกว้างนิดหน่อย ไม่ได้คิดมากเพราะง่วงแล้ว มุกรินหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีก็สว่างแล้ว ต้องไป โรงเรยี นอีกละ ไมอ่ ยากไปเลยวันนี้
ผูเ้ ฒ่าเลา่ ไว้ 135 ป ร ะ วั ติ ย่ อ ผู้ เ ขี ย น เ ร่ื อ ง นายมาลา คำจันทร์ มาลา คำจันทร์ เป็นนามปากกาของ เจริญ มาลาโรจน์ นกั เขยี นรางวลั วรรณกรรมสรา้ งสรรคย์ อดเยย่ี มแหง่ อาเซยี น (ซไี รต)์ จากเรอื่ ง เจา้ จันทผ์ มหอม นริ าศพระธาตอุ ินทรแ์ ขวน ประวัติ เกิด ๑๒ กมุ ภาพันธ์ พ.ศ ๒๔๙๕ ท่ี ต.เมืองพาน อ.พาน อ.เชียงราย จบการศึกษาจากวทิ ยาลัยครูเชียงใหม่ และรับราชการ เปน็ ครู ๑๑ ปี และไดจ้ บปรญิ ญาตรคี ณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ และปริญญาโท วิชาจารึกภาษาไทย คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศลิ ปากร เคยเปน็ อาจารย์ภาษาไทยทีม่ หาวทิ ยาลยั หอ การคา้ ไทย และมหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ ปัจจุบันเป็นนักเขยี นอิสระ ผลงาน ๒๕๒๓ ทางทต่ี อ้ งเดนิ (รวมเรอ่ื งสน้ั ), หมบู่ า้ นอาบจนั ทร์ ๒๕๒๔ เด็กบ้านดอย ๒๕๒๕ ไอ้คอ่ ม, ลกู ป่า ๒๕๒๖ นกแอ่นฟ้า ๒๕๒๗ วิถคี นกลา้
136 ผเู้ ฒา่ เล่าไว้ ๒๕๒๘ บา้ นไรช่ ายดง ๒๕๒๙ ลมเหนือและป่าหนาว (รวมเรอ่ื งสัน้ ) ๒๕๓๑ ท้าสบู้ นภสู งู (เร่อื งแปล), เขยี้ วเสือไฟ ๒๕๓๒ หบุ เขากินคน ๒๕๓๔ เจ้าจนั ท์ผมหอม, สิงหะนาคะ, เหรียญเวทมนตร,์ (นิทานสำหรับเด็ก) แพะขาวแพะดำ, แมวน้อย ตกปลา, ฟา้ กวา้ งเทา่ ปากบอ่ เจา้ จนั ทผ์ มหอม นริ าศ พระธาตุอินทร์แขวน เขียนจากจินตนาการของ ผู้เขยี นเอง โดยไม่ใช่นำมา จากนิทานพ้ืนบา้ นแต่ อย่างใด ผู้เขียนบอกในคำนำว่าอยากลองเขียน ถึงผ้หู ญงิ ในประวัตศิ าสตร์ ว่าจะมีความรูส้ ึกนึกคดิ อย่างไร เพราะบันทึกประวัติศาสตร์ไม่ได้บอกสิ่ง เหล่านีเ้ อาไว้ หนงั สอื เลม่ นี้ ไดร้ บั รางวลั วรรณกรรม สรา้ งสรรคย์ อดเยย่ี มแหง่ อาเซยี น (ซไี รต)์ ปี ๒๕๓๔ ๒๕๓๕ ดงคนดิบ, ไฟพรางเทยี น (รวมเร่ืองสั้น) ๒๕๓๗ ตำนานบรรพชน(เรื่องเลา่ จากตำนาน) ๒๕๓๘ เรือ่ งเล่าจากดงลึก (เร่ืองราวจากคำบอกเล่า) ๒๕๓๙ เมอื งลบั แล ๒๕๔๐ ใตห้ ลา้ ฟา้ หลั่ง ๒๕๔๑ ดาบอปุ ราช ๒๕๔๓ สร้อยสคุ ันธา
ผเู้ ฒ่าเลา่ ไว้ 137 ป ร ะ วั ติ ย่ อ ผู้ ว า ด ภ า พ ป ร ะ ก อ บ นายธนชยั มณวี รรณ์ วันเดอื นปีเกิด ๒๙ เมษายน ๒๕๒๒ จงั หวดั เชียงใหม่ ท่อี ย่ปู ัจจุบนั ๕๑/๑๒๒ หมู่ ๑ ต.สันปูเลย อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ หมายเลขโทรศัพท ์ ๐๘-๔๖๐๙-๗๒๒๐ ประวัติการศกึ ษา ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพชัน้ สูง สาขาประติมากรรม คณะศิลปกรรมสถาบัน เทคโนโลยรี าชมงคล วยิ าเขตภาคพายพั จงั หวดั เชยี งใหม่
138 ผู้เฒเ่าปเลา่ ไวดิ ้ โลกกวา้ งแหง่ การเรียนรู ้ บนรากฐานภูมิปัญญาท้องถิ่น การจัดต้ังอุทยานการเรียนรู้ส่วนภูมิภาค เป็นภารกิจสำคัญประการหนึ่งของสำนักงาน อุทยานการเรียนรู้ (TK park) เน้นการถ่ายทอดบทเรียนการจัดการการเรียนรู้ภายใต ้ บริบทวัฒนธรรมและความสนใจที่สอดคล้องกันของคนในท้องถ่ิน เพื่อกระจายโอกาส ให้เดก็ และเยาวชนไทยสามารถเขา้ ถึงการเรียนรไู้ ด้อย่างมีความสุข โครงการนิทานพื้นบ้าน 4 ภาค เป็นส่วนหน่ึงของการดำเนินงานเพ่ือจัดตั้งอุทยาน การเรียนรู้ส่วนภูมิภาค โดยจัดทำเนื้อหาสาระในรูปแบบท่ีเด็กและเยาวชนสนใจ ซึ่งสามารถ สอื่ ใหเ้ หน็ ความเปน็ ตัวของตวั เอง ไดร้ ับรูถ้ งึ ความหลากหลายทางวัฒนธรรมอนั ล้ำค่าในทอ้ งถ่ิน รวมทงั้ การรักษาและสืบทอดมนต์เสน่ห์แหง่ นทิ านพื้นบ้าน หนังสือชุดนทิ านพืน้ บ้าน 4 ภาค ประกอบดว้ ยนทิ านภาพสำหรับเดก็ อายุไมเ่ กนิ 9 ปี และวรรณกรรมสำหรบั เยาวชนอายุ 10-18 ปี สำนกั งานอทุ ยานการเรียนรูด้ ำเนินการจัดพิมพ์ แล้วเสร็จ และกระจายเผยแพรท่ ่ัวประเทศแลว้ ดงั น ้ี นทิ านภาพภาคใต้ วรรณกรรมเยาวชนภาคใต้ นิทานภาพภาคเหนือ จำนวน 6 เร่ือง จำนวน 6 เร่ือง จำนวน 5 เร่อื ง • จารอกตี อ • ซาไก • หา้ สหายปราบยักษ ์ • เมืองน่าอย่ทู ห่ี นูรัก • พระเศวตสุรคชาธาร • เชยี งใหมเ่ มอื งบญุ • ไกโ่ กงมูสงั • รายอฆอแน • เพลงละออ่ น • เปาะแซเดาะกบั ซามะ • จาโต : เลห่ ก์ ลบนกระดาน • พฉึ อ่ ...ไกผ่ ู้พิชิต • ไขน่ ยุ้ กับแพะน้อยในวนั • วัดถำ้ คหู าภิมุข พระอาทิตย์ ฮารรี ายอ • แดนคนธรรพ์ • ดาววไี ก่น้อย • ซีงอ : เจา้ ป่าผู้กล้าหาญ วรรณกรรมเยาวชน ภาคเหนือ นทิ านภาพภาคตะวัน วรรณกรรมเยาวชน ออกเฉยี งเหนือ ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ จำนวน 7 เรอ่ื ง จำนวน 5 เรือ่ ง จำนวน 7 เร่ือง • ผเู้ ฒา่ เล่าไว้ • ช้างดอ้ื • ผผี ึบพ้ึม • กำพรา้ บัวทอง • อเี กง้ิ ...เดอื นดาว • ผจญภยั เมืองฟ้าแดด • จนั ตะคาด • เมอื งมหาสารคาม • สินไช • หมาขนคำ • เส่ยี งฮกั เสีย่ วแพง • ตำนานขูลกู ับนางอั้ว • นิทานของอุย๊ • ฮตี สบิ สอง • อภนิ หิ ารบาดาลนคร • อ้อมลอ้ มต่อมคำ • เรื่องเลา่ เจา้ กำพรา้ • ผีมา้ บอ้ ง • ท้าวขอ้ หลอ้
·¡Ø ¤¹à´Ô¹¡ÅºÑ á¡‹ºŒÒ¹¡ÒŒ Çà´Ô¹ªÒŒ æ ¢º¤Ô´ à¤Ã‹§à¤ÃÕ´ ¢ÒŒ §Ë¹ŒÒá¡Á¤Õ ¹¹Ó˹Ҍ ÍÂًʤ‹Õ ¹ ÁÒ´ŒÇ¡ѹ Ë¡¤¹á·æŒ á¡àÍ§à´¹Ô Ã§ŒÑ ·ÒŒ ÂÊ´Ø ¤¹¹Ó˹Ҍ ¤ÇÃÁÕˌҤ¹ ᵋ䩹¶§Ö àËÅÍ× á¤‹ÊÕ‹¤¹ á¡‹ºÒŒ ¹à©ÅÕÂÇã¨ÍÐäúҧÍÂÒ‹ § Ë¹Ñ ËÅ§Ñ ¡ÅÑºä» áÅÇŒ ã¨ËÒÂÇÒº ชุดวรรณกรรมเยาวชนพืน้ บา น สำหรบั เด็กและเยาวชนอายุ 9 ป ข้นึ ไป ISBN 978-974-287-727-9 160 .-
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140