Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ระบบข้อมูลพืชผัก มหาวิทยาลัยแม่โจ้ : เทคนิคการเพาะเมล็ดพันธุ์ผัก

ระบบข้อมูลพืชผัก มหาวิทยาลัยแม่โจ้ : เทคนิคการเพาะเมล็ดพันธุ์ผัก

Description: ระบบข้อมูลพืชผัก มหาวิทยาลัยแม่โจ้ : เทคนิคการเพาะเมล็ดพันธุ์ผัก.

Search

Read the Text Version

ระบบขอมูลพืชผกั สาขาพชื ผัก ภาควชิ าพืชสวน คณะผลิตกรรมการเกษตร http;//www.mju.ac.th/fac-agr/hort/vegetable/main.htm เทคนคิ การเพาะเมล็ดพนั ธุผกั นิพนธ ไชยมงคล การขยายพนั ธผุ กั เปนปจ จยั ท่สี าํ คัญในการผลิตผกั ตนกลา ที่ดี สมบรู ณ จะใหผ ลผลติ และ คณุ ภาพสูง นอกจากนก้ี ารผลิตตน กลา ทมี่ ีคณุ ภาพสูงสามารถลดตนทนุ การผลติ ได เมล็ดและตน กลาท่ีออ นแอ โรคจะเขา ทําลายไดงา ย การปลูกพืชทตี่ นกลา ไมสมํ่าเสมอ ทําให เกดิ ปญหาในการจัดการ เชน การคาดคะเนผลผลิต การดูแลรักษา และเมอื่ ตน กลา เจรญิ ไมส ม่าํ เสมอ ใน กรณีกะหลํา่ ปลี กะหลาํ่ ดอก จะทาํ ใหตองเก็บเกย่ี วหลายครง้ั ทาํ ใหตนทนุ คาแรงงานเก็บเกย่ี วสูง ในบาง พืชเชน แตงโม หรือแคนตาลปู ถาหากใชต นกลาท่เี จรญิ ไมสมํา่ เสมอปลกู ในแปลงเดยี วกนั จะทําให ยุง ยากในการจดั การ โดยตน ทมี่ ีผลเล็กจะตอ งการนาํ้ เพ่อื การเจรญิ แตตน ที่มีผลขนาดใหญ ถา หากใหนาํ้ ผลจะแตกเปน ตน พชื ผักสามารถขยายพนั ธไุ ดห ลายวิธีคือ 1. การเพาะเมล็ด สว นใหญจ ะเปน เมล็ดขนาดเล็ก รากสามารถเจริญไดงาย เชน มะเขือเทศ พริก ผัก ตระกลู กะหลา่ํ เปนตน ในบางกรณที ใ่ี ชเ ทคนคิ การผลติ แบบประณีต เพอ่ื ใหตนกลา เจรญิ เติบโต อยา งสมํ่าเสมอ เชน พืชตระกลู แตง ขา วโพดหวาน จะนยิ มเพาะในกระทง และยา ยปลกู เม่อื มีใบจริง 3-4 ใบ 2. หยอด/หวา นเมลด็ ในแปลงปลกู โดยตรง พืชผักทม่ี ีอายเุ ก็บเกยี่ วสัน้ หรอื มเี มลด็ ขนาดใหญหรอื ขนาดเล็ก รากเจรญิ ไดย าก มีอัตราการรอดตายหลังยา ยปลกู ตา่ํ เชน พืชตระกูลถว่ั ขา วโพดหวาน พืชตระกลู แตง ปวยเหล็ง แรดิช ผักบงุ จีน เปนตน 3. การแยกหนอ /ไหล/ปก ชาํ ยอด บางพืชทมี่ กี ารแตกกอมากจะใชว ิธแี ยกหนอ เชน หนอไมฝร่งั กุยชา ย ตระไคร อารต ิโชค บางพชื อาจะใชไ หล เชน สตรอเบอรี่ บางพชื อาจจะใชว ธิ ปี กชําหยอด เชน มนั เทศ

4. ใชหัวหรอื รากสะสมอาหารใตด ิน บางพืช เชน หอมแดง กระเทียม ใชว ธิ แี ยกหัวหรอื กลีบ สว นมนั ฝรั่งจะขยายพนั ธโุ ดยใชห ัว 5. การเลีย้ งเนอ้ื เยอ่ื บางพชื ทต่ี อ งการตนกลาพชื ปลอดจากเชือ้ ไวรัส เชน มันฝรั่ง สตรอเบอรี่ กระเทียม หรือตอ งการขยายพนั ธจุ าํ นวนมากและในระยะเวลาทร่ี วดเรว็ เชน หนอ ไมฝร่งั สามารถผลติ ตน กลา ได 300,000 ตน ตอ ตาตอป การเพาะเมลด็ พืชผกั สว นใหญข ยายพันธโุ ดยการการเพาะเมล็ด ซ่ึงมีความสาํ คัญตอการผลิตผัก โดยเฉพาะ อยางย่งิ ความสม่ําเสมอในการงอก อตั ราการเจริญเตบิ โตและความสมบูรณข องตนกลา ปราศจากโรค และแมลง จะมีความสมั พันธก ับการเจรญิ ผลผลติ คุณภาพ การเกบ็ เกยี่ ว ดูแลรักษา ตลอดจนตน ทนุ การ ผลิต เนอ่ื งจากในปจ จุบนั นยิ มใชล กู ผสมชัว่ แรก ซง่ึ มรี าคาแพง เชน แตงหอมญป่ี นุ เมลด็ ละ 20 บาท เมล็ดพริกหวาน มรี าคาเมล็ดละ 5-9 บาท เปน ตน การเพาะกลากอ นฤดูปลกู และยา ยกลา เม่อื สภาพแวดลอมเหมาะสม สามารถเก็บเก่ยี วสง ตลาด ไดเ ร็ว ราคาสูง ประโยชนของการจัดการเพาะเมลด็ ทด่ี ี 1. ลดตน ทุนการผลติ ในดา นคา เมลด็ พนั ธุ 2. ตนกลา เจริญสมบรู ณ สมํ่าเสมอ เกบ็ เก่ยี วในเวลาใกลเคยี งกนั ลดคาแรงงานในการเก็บ เก่ยี ว 3. ตน กลาทส่ี มบรู ณแ ละสมํา่ เสมอใหผลผลิตสงู กวา ปกติรอ ยละ 20-50 4. ลดคา แรงงานในการถอนแยก 5. ใหผ ลผลติ และคณุ ภาพสงู ปจจัยทีม่ อี ิทธพิ ลตอ การงอกของเมลด็ 1. สภาพแวดลอ ม เชน อณุ หภมู ิ ความช้นื แสง เปนตน 2. วสั ดุเพาะ 3. การจัดการ 4. การใชเครอื่ งทุนแรง เชน เครื่องหยอดเมล็ด เพ่อื ประหยดั เวลา คาแรงงานและใหต นกลา ท่ี สมาํ่ เสมอ ขัน้ ตอนในการเพาะเมล็ด 1. กอ นเพาะเมลด็ ควรจะศกึ ษาชนดิ ของพชื ลักษณะของเมลด็ พันธุ เชน เมลด็ พันธทุ ีม่ เี ปลือก หนา หรอื บางพืชอาจจะมีระยะพกั ตัว หรือเมลด็ บางพืชตอ งการอณุ หภมู ติ ํา่ ระยะหนึ่งกอ น

นําไปเพาะ (pre chilling) ซ่ึงจําเปน ตองมีการจดั การเมล็ดกอ นเพาะ เพื่อใหเ มล็ดงอกเรว็ และ สม่ําเสมอ 2. ศกึ ษาจํานวนเมลด็ เพ่อื ใชเปน แนวทางในการประมาณการใชเ มล็ดพันธุ เน่ืองจากเมลด็ พันธลุ ูกผสมชั่วแรก จะมรี าคาสูง การเพาะเมล็ดในปรมิ าณท่มี ากเกินความตองการจะทาํ ให ตนทนุ การผลติ สูง ตารางท่ี 1 จํานวนเมลด็ พันธุ พืช จํานวนเมลด็ (เมลด็ /10 พืช จาํ นวนเมล็ด (เมล็ด/10 กรัม) กรมั ) 5-10 6-12 หนอไมฝรั่ง 450-600 ถวั่ ปากอา 420-590 ถั่วแขก 18-46 ถวั่ ฝกยาว 1,400-1,600 2,820-3,500 ถัว่ ลันเตา 35-37 บที 3,000-3,500 1,800-2,000 บลอ คโคลี่ 3,200 ผกั กาดหวั หนแู ดง 2,500-3,500 กะหลํ่าดาว 2,800-3,300 กะหลํ่าปลี 2,000 150 กะหลํา่ ดอก 2,800-3,500 กะหลา่ํ ปม 40 3,200-3,500 ผักกาดขาวปลี 3,000-3,500 พริกยักษ 1,500-1,760 มะเขอื 2,000-2,300 มะเขอื เทศ แครอท 7,500-10,000 ขน้ึ ชาย ขา วโพดหวาน 50-60 แตงโม แตงกวา 310-320 ฟก ทอง กระเทยี มตน 3,500-4,400 หอมหวั ใหญ สลัด 6,000-12,000 ปวยเหล็ง เทอรน ปิ 3,200-4,200 3. ทดสอบความงอกของเมล็ดกอนเพาะ เพ่อื เปนแนวทางในการประมาณการใชเมลด็ การเพาะเมลด็ ที่ มอี ัตราความงอกตํา่ โดยไมมกี ารทดสอบความงอกหรอื เมลด็ ท่ีมีความงอกสงู และเพาะในปรมิ าณท่ี มากเกินความตองการ จะทาํ ใหต นทนุ การผลิตสงู ทง้ั ในดานคาเมลด็ พันธุ คา แรงในการเตรยี มวสั ดุ เพาะ คาเสยี เวลาและโอกาส

4. คัดเมลด็ ทม่ี ขี นาดใหญแ ละสมาํ่ เสมอ เมล็ดท่มี ขี นาดใหญจะมีอาหารสาํ รองในเมล็ดมาก งอกได เร็ว ใหต นกลาทแ่ี ข็งแรงและสมาํ่ เสมอ 5. การจัดการเมลด็ กอนเพาะ 5.1 เมลด็ พชื ทมี่ ีเปลอื กหนา เชน เมล็ดหนอ ไมฝรงั่ อาจจะทาํ ใหแ ตก หรือกรีดเปนรอย แช นํ้าอุน เพื่อใหน าํ้ และอากาศสามารถซึมผานเขา ไปได 5.2 แชเมลด็ ใหดดู นํ้าเขา ไปสมาํ่ เสมอ เพ่อื เรงกระบวนการงอก 5.3 เมล็ดพืชบางชนิดจะมีระยะพกั ตัว หรอื มสี ารจํากัดความงอกติดมากบั เปลอื กหมุ เมล็ด เชน เมลด็ พนั ธบุ ีทรูท หรือ มะเขอื เทศ ควรทาํ ลายระยะพกั ตัวกอ นเพาะหรือแชน้าํ 5.4 เมล็ดพืชผักเมอื งหนาวจะตอ งการอณุ หภูมติ าํ่ 5o ซ เปน เวลา 3-7 วนั กอ นนาํ ไปเพาะ 5.5 บางพืชอาจจะตองการอุณหภมู ิสงู เชน พืชตระกูลแตง 5.6 บางพชื เชนสลัด จะตองการแสงชวยกระตนุ ใหเมลด็ งอก 5.7 บางพืชอาจจะมีโรคติดมากับเมล็ด ควรจดั การกอนเพาะ เชน แชน ํ้าอุนหรือกาํ จดั โดยการ ใชส ารเคมเี ปน ตน ตารางที่ 2 การจัดการเมลด็ กอ นเพาะ พืช โรค การจัดการ ถ่วั Damping off คลกุ เมลด็ ดว ย Captan 2 1/2 oz/100 lbs Chloranil 3 oz/100 lbs Thiram 2 oz/100 lbs บที Damping off คลุกเมลด็ ดวย Captan 6 oz/100 lbs Diclone 4 oz/100 lbs Thiram 8 oz/100 lbs บลอคโคลี่ Alternaria แชนาํ้ อุน 50 oซ 20-25 นาฑี กะหล่าํ ดอก Black leg คลุกเมล็ดดว ย กะหลํ่าปลี Black rot Captan 1 1/2 oz/100 lbs กะหล่าํ ปม Damping off Chloranil 8 oz/100 lbs คะนา ผกั กาดขาวปลี Thiram 4 oz/100 lbs แครอท Bacterial blight แชน ํา้ อนุ 52. oซ 10 นาฑี

Damping off คลุกเมลด็ ดวย Captan 4 oz/100 lbs Chloranil 12 oz/100 lbs ขนึ้ ชา ย Early,Late and Bacterial blight แชนา้ํ อุน 43.3 oซ 30 นาฑี ขาวโพดหวาน Damping off แตงกวา แตงโม แคนตาลูป Damping off คลกุ เมลด็ ดว ย มะเขือ Captan1ฝ oz/ 100lb Diclone สลดั หอมหวั ใหญ หอมตน 1 ฝ oz/100 lbs พรกิ Thiram 5 1/3 oz/100 lbs Chloranil 3 oz/100 lbs Downy mildew Apron 35 SD 7gm./1kg Damping off คลุกเมลด็ ดว ย Captan 1 1 /2 oz/100 lbs Chloranil 6 oz/100 lbs Thiram 3 oz/100 lbs Phomopsis blight แชนาํ้ อุน 50.0 oซ 20 นาฑี Damping off Captan 3 oz/100 lbs Chloranil 6oz/100 lbs Zinc oxide 3 oz/100 lbs Damping off คลุกเมลด็ ดวย Thiram/Chloranil 20 oz/100 lbs Zinc oxide 3 oz/100 lbs Alternaria blight, Mildew แชน ้าํ อนุ 53.3 oซ 25 นาฑี Damping off Thiram 4 oz./100 lbs Antracnose Bichloride of Merury 1:3000 Damping off แชน้ําอนุ 50.0 oซ 25 นาฑี Thiram 4 oz./100 lbs Captan 3 oz./100 lbs.

มะเขือเทศ Alternaria blight, แชนา้ํ อนุ 50.0 oซ 25 นาฑี Bacterial spot Copper Chloride 2 oz./ นา้ํ 1 แกลลอน เวลา 1 ช่วั โมง Damping off Thiram/Diclone 4 oz./ 100 lbs. หรือ 1 ชอ นชา/ 1 ปอนด 6. ศึกษาอุณหภูมทิ ี่เหมาะสมสาํ หรบั การงอกของเมลด็ เนื่องจากเมล็ดพนั ธผุ กั ทีม่ ถี น่ิ กาํ เนดิ แตกตา ง กนั อณุ หภมู ทิ เี่ หมาะสมสาํ หรับการงอกจะแตกตางกนั การเพาะเมล็ดในอณุ หภมู ิทีเหมาะสม จะให เมลด็ งอกเรว็ อัตราการงอกสมาํ่ เสมอ ตนกลาสมบูรณ ตารางที่ 3 อณุ หภมู ิทเ่ี หมาะสมสาํ หรบั การงอกของเมล็ด กลุมที่ 1 พชื ท่ตี อ งการอุณหภมู ิตา่ํ พืช อุณหภูมิทีเ่ หมาะสม หมายเหตุ (o ซ) 1. ปวยเหลง็ (Spinach) 4.4-15.6 ในสภาพชว งแสงยาวและอณุ หภมู ิ สงู จะแทงชอดอกเร็ว 2. หัวบที (Beet) 10.0-30.0 อุณหภูมิตํ่ากวา 10 องศา จะแทงชอ ดอก 3. กะหลํ่าปลี (Cabbage) 10.0-30.0 อุณหภมู ติ าํ่ กวา 7 องศา จะแทงชอดอก 4.ผกั กาดหวั หน(ู Radish) 10.0-30.0 5. บลอคโคล่ี(Broccoli) 10.0-30.0 นอกจากนีจ้ ะมีพืชอ่นื ๆเชน กะหลํา่ ดาว(Brussel sprout) กะหลํ่าปม(Kohlabi) ผักนา้ํ (Water cress) รบู ารบ (Rhubarb) โคลลารด(Collard)พาสนปิ (Parsnip) เทอรน ิป (Ternip)ถั่วปากอา (Broad bean) เปนตน กลุม ท่ี 2 พชื อณุ หภูมิทีเ่ หมาะสม หมายเหตุ (o ซ) ถั่วลนั เตา(SugarPea) 10.0-30.0 มนั ฝร่ัง(Irish Potato) 7.2-26.7 อุณหภมู ติ ํา่ ชว งแสงสั้นจะลงหัวเรว็

ขึ้นชายฝรั่ง(Celery) 10.0-24.0 อณุ หภมู ติ า่ํ กวา 10 องศา จะแทงชอ ดอก แครอท(Carrot) 10.0-30.0 อณุ หภูมิต่ํากวา 10 องศาจะแทง ชอ ดอก สวที ชารด(Sweet chard) 10.0-30.0 สลัด(Lettuce) 4.4-16.7 อณุ หภมู ิสูง ชวงแสงยาวจะแทงชอดอก กะหลํา่ ดอก(Cauliflower) 10.0-30.0 นอกจากนจ้ี ะมีพืชอ่นื ๆ เชน เอน็ ไดฟ (Endive) อารตโิ ชค(Artichoke)คารด ูน(Cardoon) ซี เลอเรียก (Celeriac) ชโิ ครี่(Chicory) ผกั กาดขาวปลี(Chinese cabbage) เฟลเนล(Fennel) พารสเลย  (Parsley) ผักกาดกวางตุง(Mustard) กลุมท่ี 3 พชื อุณหภูมทิ ี่เหมาะสม หมายเหตุ (o ซ) หอมหวั ใหญ( Onion) 10.0-30.0 อุณหภูมิ 10.0-15.6องศา จะแทงชอ ดอก หนอ ไมฝรัง่ (Asparagus) 15.6- 30.0 กลมุ ท่ี 4 อุณหภูมิที่เหมาะสม หมายเหตุ พืช (o ซ) อณุ หภมู ิตํา่ กวา 10 องศาตนกลา ขา วโพดหวาน(Sweet corn) 15.6-35.0 จะเปนอนั ตราย ถัว่ แขก(Snap bean) 15.6- 30.0 ไมติดผลในความช้ืนสมั พทั ธตาํ่ ตน กลาและผลเปน อนั ตรายใน มะเขือเทศ(Tomato) 15.6-30.0 อุณหภูมิตาํ่ กวา 10 องศา พรกิ (Pepper) 15.6-35.0 ตน กลา และผลเปน อันตรายใน อุณหภมู ติ ํ่ากวา 10 องศา แตงกวา(Cucumber) 15.6-35.0 ตน กลา และผลเปนอันตรายใน อุณหภูมิตาํ่ กวา 10 องศา แตงเทศ(Muskmelon) 21.0-32.0

นอกจากน้ีจะมพี ชื อืน่ ๆเชน ฟก ทอง(Pumpkin) ฟก เขยี ว (Wax gourd)มะเขอื เครือ (Chayote) กลุมที่ 5 พืช อุณหภูมิทีเ่ หมาะสม หมายเหตุ (o ซ) แตงโม(Watermelon) 21.0-35.0 มันเทศ(Sweet potato) 21.0-32.0 มะเขอื (Egg plant) 21.0-35.0 กระเจยี๊ บเขียว(Okra) 21.0-35.0 การงอกของเมล็ดปวยเหล็งจะข้ึนอยกู ับอณุ หภมู ิ โดยอณุ หภมู ิสูงกวา 22 o ซ จะจํากดั การงอก ของเมล็ด จากการทดลองเพาะเมล็ดในอุณหภมู ิ 30 และ 35 o ซ พบวามีอัตราความงอก 10-40 % และ 0 % ตามลําดบั การเพาะเมลด็ ปวยเหล็งควรใชอณุ หภมู สิ งู และต่ําสลบั กนั เชน อุณหภมู กิ ลางวนั 30 o ซ และอณุ หภมู กิ ลางคนื 15 o ซ วัสดเุ พาะ คณุ สมบตั วิ ัสดเุ พาะท่ดี ี 1. ปราศจาก แมลง โรค และเมลด็ วัชพชื 2. มีชองวางสําหรับการถายเทหรอื การหมนุ เวยี นของอากาศ 3. มีความสามารถอุมน้ําไดปานกลาง เน่อื งจากในกรณีทอี่ มุ น้ําไดด ี อาจจะทําใหความช้นื สงู เปนสาเหตใุ หเมล็ดเนา 4. ดนิ หมุ รากไมแ ตกในขณะยา ยปลูก 5. มคี วามอดุ มสมบรู ณสงู เมอ่ื เมล็ดเริม่ งอกสามารถใชอาหารไดท นั ที เพ่ือใหต นกลา เจรญิ เติบโตเรว็ สมบรู ณ 6. pH ที่เหมาะสมสําหรบั แตล ะพชื เนือ่ งจาก pH สงู หรอื ต่ําเกนิ ไป จะจาํ กัดการนําธาตอุ าหาร ไปใชประโยชนของพชื

ตารางท่ี 4 คุณสมบตั ขิ องวัสดเุ พาะ/ปลูก Medium Capillary Rise(cm) Water absorption Percolation (%, v/v) Soil 18 21 very slow Peat-mix 30 27 slow Vermiculite 29 21 fast Rockwool 10 17 fast expanded clay pellets 2 11 very fast การใชวัสดุเพาะสําเรจ็ รปู (media) ซง่ึ ประกอบดว ย vermiculite, perlite, peat, sphagnum peat moss และทรายละเอียด เปนตน คอนขางมรี าคาแพง แตใ หการเจรญิ เตบิ โตทส่ี มํา่ เสมอ สะดวก รวดเรว็ ตารางที่ 5 อุณหภมู ิท่ีใชใ นการกาํ จัดแมลง โรคและวชั พืชในดนิ เพาะ ศตั รพู ืช อุณหภูมทิ ่ีใช( oซ)/30 นาฑี ไสเดือนฝอย 48.9 โรคโคนเนา 54.4 เช้อื ราและแบคทเี รยี 65.6 แมลงและเชอ้ื ไวรสั ท่ัวไป 71.1 วัชพชื ทว่ั ไป 79.4 วชั พืชท่ีมเี มลด็ แขง็ มรี ากเหงา/ไหล และเชื้อ 100.0 ไวรัสบางชนิด ท่มี า: Backer,F.K. \"The UC system for production healthy container grown plants\" California Agriculture Experiment Station Manual23,1972. ตารางท่ี 3 การจดั การดินเพาะเมล็ด แหลง ท่มี า วธิ กี าร/ชนิด อุณหภูม/ิ เวลา ความรอ น นึ่ง(stream) 82.2 oซ/30 นาฑี ไอนาํ้ รอน(Aerated stream) 71.1 oซ/30 นาฑี ไฟฟา(Electric) 82.2 oซ/30 นาฑี

สารเคมี Formalin(37-40%) ผสมนาํ้ 1:50 ราดดิน 2 ลิตรตอ 1 ตารางฟุต ใชป ลาสติกคลุม 14 ถงึ 36 ชัว่ โมง เปดปลาสติกทิง้ ไว ประมาณ 14 วนั หรือจนกระท้งั หมดกล่นิ สารเคมี Chloropicrin ราดดนิ 3-5 ซซี ีตอ 1 ตารางฟุต ใชพลาสติกคลมุ 1-3 วัน เปด พลาสติกท้ิงไวประมาณ14 วนั หรือจนกระทง้ั หมดกลิ่นสารเคมี Vapam ราดดิน 1 ลติ รตอ100 ตารางฟตุ กอ นปลกู 7-14 วนั ที่มา: Backer,F.K. \"The UC system for production healthy container grown plants\" California Agriculture Experiment Station Manual 23,1972. การจดั การนํา้ ความชื้นมีอิทธพิ ลตอขบวนการงอกของเมล็ด เมล็ดจะดดู นํา้ เขาไปเพือ่ ชวยในการทาํ งานของนํ้ายอย (enzymes) ซึ่งทําหนาท่ยี อยอาหารสํารองสําหรับการเจริญของตนออ น นอกจากนที้ ําใหเปลอื กหมุ เมล็ด ขยายตวั เพอื่ ใหนาํ้ และอากาศซึมผา นได ตลอดจนใหรากและตนออนเจริญผานไดง าย วิธกี ารเพาะเมลด็ การเพาะเมลด็ อาจจะหยอดหรือหวานเมล็ดในแปลงเพาะหรือเพาะในภาชนะ เชน กระทง ถุงพลาสตกิ หรือกระบะเพาะ ขนาดขนึ้ อยกู บั ชนิดพืช การเพาะกลาในแปลงเพาะ สะดวก ลงทนุ คร้งั แรกต่ํา แตจําเปน ตอ งใชแรงงานถอนจดั ระยะ กาํ จัดวชั พืช นอกจากนเี้ ม่อื ถอนตน กลาจะทําใหร ากขาด ไมมีดนิ ติดราก โรคเขาทําลายไดง าย ตน กลาต้งั ตวั ชา อัตราการรอดตายหลงั ยายปลูกตํา่ เน่อื งจากรากท่ตี ดิ มาไมส ามารถดูดน้าํ และอาหารได จนกวา ราก ใหมจ ะเจริญ นอกจากนอี้ ตั ราการเจริญของรากใหมจ ะขึ้นอยกู บั อาหารสะสมในตน ในกรณตี น กลา พืชผักใบ มีอัตราการคายน้ําสูง ใบนอกจะเหี่ยว แหง ตาย เปนสาเหตใุ หเกบ็ เก่ียวชา ผลผลติ ต่ํา การเพาะ ในแปลงเพาะเหมาะสมสาํ หรบั บางพชื เชน หนอ ไมฝร่งั เนอื่ งจากมีอายตุ น กลา 3-5 เดอื น การหยอดเมล็ด ควรใหล ึกพอประมาณ เนอ่ื งจากการหยอดเมลด็ ลึกเกนิ ไปอาจจะเปน สาเหตใุ ห เมลด็ เนา ตายกอ นงอกพน ผวิ ดิน การเพาะตื้นจะทําใหเ ปลอื กหมุ เมลด็ ติดกบั ใบเลยี้ งทาํ ใหเกดิ แผล ลด อัตราการสังเคราะหแสง

การเพาะในภาชนะ เชน ถาดเพาะ ลงทุนสงู ในดา นภาชนะ ลดคา แรงงานในการถอนจัดระยะ และกําจดั วชั พชื ตนกลาเจรญิ สมาํ่ เสมอ เม่ือยายปลกู ตน กลาต้ังตวั ไดเ ร็ว อัตรารอดตายหลังการยา ยปลูก สงู แตค วรระวงั ไมใหร ากเจริญออกมาอยรู อบ ๆดนิ ปลกู เนื่องจากเมอื่ ดนิ แหงจะหดตวั ทาํ ใหมีชอ งวา ง ระหวา งภาชนะปลกู และดินปลูก รากตอ งการออกซิเจนจะเจริญออกมา เมอ่ื ถกู แสงแดดหรอื สภาพ อากาศแหง แลงอาจทําใหรากเปน อันตรายได ควรยา ยลงภาชนะใหมท่ีมขี นาดใหญกวา หรอื ยายลง กระทง/ถุงพลาสติกหรือยายลงแปลงปลูก การเพาะเมลด็ บางพืช เชน พชื ตระกลู แตง อาจเพาะในกระบะทรายกอน เมือ่ เร่มิ งอกยา ยไป ปลูกในถาดเพาะหรือกระทง การดแู ลรกั ษา • หลังจากหยอดควรกลบเมลด็ ดว ยวัสดุ เชน ปยุ หมกั ดินรวนทีผ่ า นการกาํ จัดโรคในดนิ เพ่ือ รักษาความชืน้ ในระยะแรก • ฉีดพน เซพวิน 85 เพือ่ ปองกนั แมลงทาํ อันตรายเมล็ด • กอนเมล็ดงอกใหน า้ํ วนั ละสองครงั้ • หลังเมลด็ งอกใหนํา้ 1-2 วันตอครงั้ อยาใหน ํา้ ขังแฉะ เพือ่ ปองกนั โรคโคนเนา • ฉดี พน ปุย นํา้ ที่มธี าตุอาหารหลกั และธาตรุ อง เพอ่ื ใหต น กลาสมบรู ณ • หลังเมลด็ งอกฉดี พนสารเคมปี องกนั และกาํ จัดแมลง โรค ตามความจําเปน การยา ยกลา • ควรศกึ ษาอายกุ ลาท่ีเหมาะสมสําหรับพชื แตล ะชนิด • กอ นยา ยปลูกหนงึ่ อาทิตยควรลดอัตราการใหน้าํ เพอ่ื ชะลอการเจรญิ เติบโต ใหพ ืชสรา ง อาหารสะสม ซ่ึงจาํ เปนสําหรับการเจริญของราก