Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ทำดีด้วยใจปล่อยวาง

ทำดีด้วยใจปล่อยวาง

Description: ทำดีด้วยใจปล่อยวาง.

Search

Read the Text Version

ยคอวามม ปร่วับยไข้ ด้วยใจปลอ่ ยวาง เหตุการณ์ตอนที่ท�ำแท้งแล้วสลดใจมาก  พระที่นั่งทางใน  จงึ แนะนำ� ใหเ้ ธอแตง่ ชดุ ขาวปฏบิ ตั ธิ รรม แตเ่ ธอกท็ ำ� ไมไ่ ด ้ หมอจึงถามว่า  จะติดต่อพระรูปน้ันได้อย่างไร  เธอก็บอก  ชอ่ื เพอ่ื น เพอื่ จะไดไ้ ปตดิ ตอ่ พระ หมอบอกวา่ จะไปนมิ นต ์ พระรูปนั้นมาโปรดเธอที่โรงพยาบาล  ให้เธอใส่ชุดขาว  กราบทา่ นทวี่ อร์ดนนั้ เลย พอเธอรู้ว่าพระจะมาโปรด  เธอก็รู้สึกดีข้ึน  ในขณะ  เดยี วกนั หมอกช็ วนใหเ้ ธอสวดมนต ์ นอ้ มจติ  ขออโหสกิ รรม  50 จากเจา้ กรรมนายเวร และแผเ่ มตตาใหก้ บั ลกู ทเี่ ธอทำ� แทง้   ปรากฏวา่ ทำ� ได ้ ๑๐ นาทเี ธอกส็ งบลง จากทป่ี วด ครวญ  คราง  ทุรนทุราย  ก็บรรเทาเบาบางลง  แล้วเธอก็หลับไป  ไดใ้ นท่สี ุด ท้งั ๆ ท่ีเธอหลับยาก การที่เธอรู้ว่าจะได้มีโอกาสท�ำบุญ  ปฏิบัติธรรมกับ  พระ ตามทร่ี บั ปากไว ้ รวมทง้ั ไดส้ วดมนต ์ ขออโหสกิ รรม  และแผ่เมตตา  เพื่ออุทิศบุญกุศลให้แก่ลูกที่เธอได้ท�ำแท้ง  มันช่วยปลดเปล้ืองความรู้สึกผิดในใจเธอได้มาก  ท�ำให ้ ใจเธอสงบ ท่เี คยหลบั ไมไ่ ด ้ กห็ ลบั ได้ หลายคนประสบความทุกข์ทรมาน  ไม่ใช่จากความ  เจ็บป่วยอย่างเดียว  แต่เป็นเพราะความรู้สึกผิดติดค้างใจ 

พระไพศาล  วิสาโล มีผู้ชายคนหน่ึงป่วยหนักเม่ืออายุ  ๖๐  กว่า  ตอนเขาอาย ุ 51 ๓๐ เขาทง้ิ ภรรยาคนแรก รวมทงั้ ลกู ชายทย่ี งั แบเบาะ เพอื่   ไปอยู่กินกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง  โดยไม่ได้หวนกลับไปหา  ครอบครัวเก่าอีกเลย  ผ่านไป  ๓๐  ปี  เขาป่วยเป็นมะเร็ง  และอยใู่ นระยะทา้ ย เขามอี าการกระสบั กระสา่ ยมาก สงิ่ หนง่ึ   ท่ีเขาขอจากพยาบาลคือ  อยากเห็นหน้าลูกชายท่ีเขาเคย  ทง้ิ ไป ลูกชายคนนี้เขาแทบไม่รู้จกั เลย เพราะทิง้ ไปตั้งแต่  ยงั แบเบาะ แตต่ อนนเ้ี ขาอยากเหน็ หนา้  พยาบาลกม็ นี ำ้� ใจ  พยายามไปตามหาให ้ โดยกลบั ไปทหี่ ม่บู ้านของเขา และ  ตามหาจนเจอลูกชายของเขาคนนั้น  ส่วนลูกชายก็ยินด ี จะมาพบพ่อท่ีเขาไม่เคยเห็นหน้าเลย  พอคนป่วยได้เห็น  หนา้ ลกู ชาย เขากร็ สู้ กึ ดขี นึ้  เหมอื นวา่ ไดไ้ ถถ่ อนความรสู้ กึ   ผิดออกไป ท�ำไมเขาอยากเจอหน้าลูกชาย  ก็เพราะเขาอยาก  ชดเชยความรู้สึกผิดที่ทิ้งลูกชายไปตั้งแต่ยังแบเบาะ  การ  ได้พบเห็นหน้า  ท�ำให้ความรู้สึกผิดบรรเทาเบาบางลง  และช่วยท�ำให้ความทุกข์ใจลดลง เหลือแตค่ วามทุกขท์ าง  กาย  ส่วนความทุกข์ใจเบาบางลงมาก  สุดท้ายเขาก็จาก  ไปอยา่ งสงบ

ยคอวามม ปร่วับยไข้ ด้วยใจปล่อยวาง คนเรานน้ั  หากไมป่ ลอ่ ยวางความรสู้ กึ ผดิ  เพราะได ้ ท�ำความผิดพลาดในอดีตไว้  ก็จะรู้สึกทุกข์ทรมานมาก  ในยามเจบ็ ปว่ ย จะทกุ ขท์ ง้ั กายและใจ ดงั นนั้ หากไมอ่ ยาก  ทุกข์ทรมานในยามเจ็บป่วย  โดยเฉพาะวาระสุดท้าย  เรา  ต้องรู้จักให้อภัยทั้งตนเองและผู้อื่น  แต่ปกติคนเราจะ  ใหอ้ ภยั ยาก ถา้ ไมม่ คี นชว่ ย อยา่ งกรณผี ปู้ ว่ ยคนแรก กม็  ี หมอแนะนำ� ใหแ้ ผเ่ มตตา ขออโหสิกรรม นอกจากให้อภัยตนเองแล้ว  ก็ต้องรู้จักให้อภัยผู้อื่น  52 ด้วย หลายคนเจ็บปวด ทุกข์ทรมานเพราะจิตข้องติดอยู่  กบั เหตุการณใ์ นอดตี ท่ีเลวรา้ ย ทำ� ให้โกรธแคน้  อย่างเช่น  โกรธสามที ท่ี ง้ิ ตนไป โกรธเพอื่ นทโ่ี กงเงนิ  หรอื แคน้ เพอ่ื น  ทแี่ ยง่ ภรรยาไป ความเจบ็ ปวดในอดตี นน้ั  สามารถทำ� รา้ ย  จิตใจเราได้  ถ้าไม่รู้จักปล่อย  รู้จักวาง  ด้วยการให้อภัย  ท้งั ให้อภัยตวั เอง และใหอ้ ภัยผูอ้ ่ืน

พระไพศาล วสิ าโล ปล่อยวางตวั ตนเกา่ และอัตลกั ษณ์เดิมๆ ทเี่ คยมี ปลอ่ ยวางตวั ตนเกา่ ทเ่ี คยม ี โดยการยอมรบั ความจรงิ   53 ว่า  ตอนนี้ร่างกายเราไม่เหมือนเดิมแล้ว  เราไม่ใช่คนเดิม  แล้ว  เพราะความเจ็บป่วยท�ำให้สูญเสียบทบาทหน้าท่ีและ  อัตลักษณ์ที่เคยมี  ไม่ว่าจะเป็นพ่อ  เป็นแม่  เป็นสามี  เปน็ เจา้ นาย เปน็ คนทแ่ี ขง็ แรง เปน็ ตำ� รวจทลี่ ำ�่ สนั  แตพ่ อ  เจ็บป่วยแล้ว  บทบาทหน้าท่ีที่เคยมี  รวมทั้งสภาพดีๆ  ท ่ี เคยภาคภูมใิ จไดเ้ ลอื นหายไปหมด กลายเปน็ อดตี ไปแลว้ บางคนเคยเปน็ หลกั ของครอบครวั  แตพ่ อปว่ ยหนกั   ก็กลายเป็นคนที่ต้องพึ่งพาผู้อ่ืน  หลายคนท�ำใจไม่ได้  ยังติดอยู่กับอัตลักษณ์เดิม  ยังติดอยู่กับตัวตนเก่าๆ  เช่น  ฉันเคยเป็นผู้น�ำครอบครัว  เคยเป็นคนแข็งแรง  ท�ำอะไร  ไดด้ ว้ ยตัวเอง แต่ตอนนฉี้ ันตอ้ งพงึ่ พาคนอน่ื  ถา้ ไม่ปล่อย  วางตัวตนเก่าๆ  ก็จะทุกข์มาก  เพราะไม่สามารถยอมรับ  สภาพความเป็นจริงในปจั จุบนั ได้

ยคอวามมปร่วบั ยไข้ ดว้ ยใจปล่อยวาง บางคนรู้สึกเป็นทุกข์ที่ไม่สามารถควบคุมร่างกาย  ของตวั เองได ้ คนทเี่ คยภมู ใิ จในความสวยความงาม แตพ่ อ  เจ็บป่วย  ก็ส่ังร่างกายท�ำอะไรไม่ได้เลย  หรือไม่ก็พบว่า  ร่างกายไม่สวยไม่งาม  ไม่องอาจ  อีกต่อไป  คนท่ีเคย  เปน็ นกั กฬี า มกี ำ� ลงั วงั ชา รสู้ กึ ภาคภมู ใิ จในรา่ งกายของตน  เพราะสามารถใช้ร่างกายท�ำอะไรมากมายอย่างที่คนอื่น  ท�ำไม่ได้  แต่ตอนนี้แม้แต่จะเดินเหินก็ท�ำไม่ได้  ความ  สามารถในการควบคมุ รา่ งกายทลี่ ดนอ้ ยถอยลง หรอื แทบ  54 จะเปน็ ศนู ย ์ คอื ความจรงิ ทเี่ กดิ ขนึ้ กบั ผปู้ ว่ ยจำ� นวนไมน่ อ้ ย  สมรรถนะดงั กลา่ วคอื อดตี  ปจั จบุ นั ไมใ่ ชอ่ ยา่ งนน้ั แลว้  ดงั นน้ั   จึงควรยอมรับความจริง  ด้วยการปล่อยวางตัวตนเก่าๆ  หรืออัตลักษณ์เดิมๆ  ที่เคยมี

พระไพศาล  วิสาโล ปล่อยวางความโกรธ ความโกรธเปน็ สงิ่ ทท่ี ำ� รา้ ยจติ ใจมาก คนปว่ ยหลายคน  55 แม้ไม่ได้โกรธคนที่ท�ำร้ายตัวเองในอดีต  แต่บางทีก็โกรธ  ชะตากรรม  มีบางคนที่ล�ำบากมาตลอดชีวิต  ครั้นจะ  สบายกับเขาบ้างก็มาป่วยเป็นมะเร็ง  เหมือนกับว่าชะตา  กรรมนน้ั โหดรา้ ยกบั เขามาก ไมเ่ ปดิ โอกาสใหเ้ ขามคี วามสขุ   ในชวี ติ เหมอื นกบั คนอน่ื  บางคนโกรธทสี่ ญู เสยี หนา้ ทที่ เ่ี คยมี  ชว่ ยตวั เองไมไ่ ด ้ ตอ้ งกลายเปน็ คนทพ่ี ง่ึ พาคนอน่ื  บางคน  โกรธแม้กระทั่งเวลาเห็นคนอ่ืนยิ้มแย้มแจ่มใส  มีความสุข  ทำ� อะไรคลอ่ งแคลว่ วอ่ งไว แตต่ วั เองกลบั ลม้ ปว่ ย ตอ้ งมา  นอนติดเตียงที่โรงพยาบาล  รู้สึกอิจฉาคนอ่ืนที่มีความสุข  ไม่ไดท้ ุกขอ์ ยา่ งเรา หรือโกรธที่ไม่มคี นสนใจใยดี เปน็ ต้น มีผู้หญิงคนหน่ึงเป็นมะเร็งเต้านม  เธอได้รับการ  ฉายแสง  และฉีดคีโมจนครบคอร์สแล้ว  เธอก็ยังบ่นว่า  ปวดมาก แตห่ มอและพยาบาลสงั เกตวา่ เวลาเดนิ เหนิ  เธอ  เหมอื นคนปกต ิ วนั หนงึ่ พยาบาลมานง่ั คยุ กบั เธอ แตส่ ว่ น  ใหญเ่ ธอเปน็ ฝา่ ยคยุ  เรอื่ งทค่ี ยุ สว่ นใหญก่ ว็ นเวยี นอยกู่ บั คน 

ยคอวามมปร่วบั ยไข้ ดว้ ยใจปลอ่ ยวาง ๒ คน คือสามแี ละลกู ชายท่ไี มอ่ นิ งั ขงั ขอบเธอเลย ไมม่ า  เยยี่ ม ไมม่ าดแู ลเธอเลย เธอโกรธและนอ้ ยใจมาก พยาบาล  กน็ ง่ั ฟงั อยา่ งใสใ่ จ โดยไมไ่ ดข้ ดั หรอื ใหค้ ำ� ชแี้ นะอะไร หลงั   จากเล่าไปเป็นชั่วโมง  เธอพบว่าความปวดของเธอทุเลา  ลงไปมาก ทัง้ ๆ ทีไ่ มไ่ ด้กนิ ยาอะไรเลย ท�ำไมถึงเป็นเช่นน้ัน  ก็เพราะความปวดก้อนใหญ ่ ของเธอมาจากความโกรธ โกรธสามี โกรธลกู ชาย เมือ่ ม ี โอกาสได้ระบายอารมณ์  ความโกรธก็บรรเทา  พอความ  56 โกรธบรรเทา ความปวดก็ทุเลาลง เห็นได้ว่า ความโกรธ  กับความปวดนั้นสัมพันธ์กันมาก  ไม่ว่าโกรธอะไรก็ตาม  ก็สามารถทำ� ใหป้ วดได้ง่าย บางคนโกรธมะเร็งที่ท�ำให้ตนเจ็บปวด  หรือโกรธ  โรคทเี่ กดิ ขน้ึ  ไมว่ า่ จะเปน็ โรคตบั  โรคเบาหวาน โรคหวั ใจ  หรือแม้แต่โรคโควิด  ถ้าหากว่าเราไม่รู้จักปล่อยวางหรือ  บรรเทาความโกรธ ตวั โรคกจ็ ะสรา้ งความทุกขใ์ จมาก

พระไพศาล วสิ าโล ปล่อยวางความเจ็บปวด และทกุ ขเวทนา ความเจ็บปวดและทุกขเวทนาน้ันไม่มีใครชอบ  แต่  57 แทบจะรอ้ ยทงั้ รอ้ ยมกั ยดึ มนั เอาไว ้ ลองสงั เกตด ู เวลาเรา  ปวดขา ปวดทอ้ ง หรอื ปวดหวั  ใจจะไปจดจอ่ อยตู่ รงจดุ ท ่ี ปวดนน้ั  สว่ นอน่ื ทไี่ มป่ วด ใจเราไมส่ นเลย กลบั ไปจดจอ่ ตรง  จุดท่ีปวด  ไม่ได้จดจ่ออย่างเดียวแต่ไปยึดด้วย  จึงท�ำให ้ ไมเ่ พยี งปวดกายเทา่ นนั้  แตย่ งั ปวดใจดว้ ย เจอแบบนแี้ ลว้   เราควรทำ� อย่างไร ? ก็ควรปล่อยวางความเจบ็ ปวด สต ิ สมาธ ิ นนั้  ชว่ ยใหใ้ จปลอ่ ยวางความเจบ็ ปวดได ้ คุณหมออมรา  มะลิลา  เล่าว่าเคยไปเยี่ยมผู้ป่วยคนหน่ึง  เป็นผู้ชายอายุ  ๔๐  มะเร็งลุกลามไปถึงกระดูกแล้ว  ปวด  มาก นอนกน็ อนไมไ่ หว นงั่ กน็ งั่ ลำ� บาก มอรฟ์ นี กเ็ อาไมอ่ ย ู่ แลว้  ตวั ซดี  ปากซดี  เพราะความเจบ็ ปวด คณุ หมออยาก  จะช่วยเขา  จึงถามว่าเคยนั่งสมาธิหรือไม่  เขาตอบว่า  ไมเ่ คย ถามวา่ ทำ� อยา่ งไร คณุ หมอจงึ แนะนำ� เขาวา่  เวลา  หายใจเขา้  กน็ กึ คำ� วา่  “พทุ ” เวลาหายใจออก ก ็ “โธ” ทำ�  

ยคอวามมปรว่ บั ยไข้ ด้วยใจปลอ่ ยวาง อย่างนี้ไปเรื่อยๆ  เขาถามว่าต้องนั่งนานเท่าไร  คุณหมอ  ตอบว่าเท่าไรก็ได้  ๕  นาทีก็ได้  เขาจึงลองท�ำดู  ส่วน  คุณหมอก็นงั่ สมาธพิ ร้อมกับเขาด้วย ๕  นาทีแรก  คนไข้หายใจเสียงดังฟืดฟาด  เพราะ  เขาหายใจล�ำบาก  แต่พอเวลาผ่านไป  เสียงน้ันก็เบาลง  ตอนแรกคุณหมอเข้าใจว่าคนไข้เลิกตามลมหายใจแล้ว  แต่พอลืมตาดู ก็พบว่าคนไข้ยังคงท�ำสมาธิอยู่ และทำ� ไป  เรอื่ ยๆ ปรากฏวา่ เขาทำ� นานถงึ  ๕๐ นาท ี ซง่ึ นา่ อศั จรรย ์ 58 มากเพราะปกติคนเราเวลาปวด  จะท�ำสมาธิหรือตาม  ลมหายใจไดล้ �ำบาก ที่แปลกย่ิงกว่าน้ันคือ  เมื่อคนไข้ท�ำสมาธิเสร็จ  สีหน้าเขาดีข้ึน  ปากท่ีเคยซีดก็เป็นสีชมพู  หน้าตาด ู อม่ิ เอบิ  ผดิ กบั กอ่ นหนา้ นนั้  เขาเองกแ็ ปลกใจทพ่ี บวา่ ความ  ปวดทุเลาลงมาก ท�ำไมความปวดถึงทุเลาลงได้  ก็เพราะว่าขณะที่  ทำ� สมาธ ิ จติ วางความปวด ไปจดจอ่ อยกู่ บั ลมหายใจ หรอื   จะเรยี กวา่ ลมื ความปวดกไ็ ด ้ ยงิ่ กวา่ นนั้ ตอนทจ่ี ติ เปน็ สมาธ ิ อยกู่ บั ลมหายใจนน้ั  จะมสี ารบางตวั หลง่ั ออกมาทำ� ใหค้ วาม  ปวดทุเลาลง  ไม่ว่าเอ็นดอร์ฟิน  (Endorphin)  โดพามีน 

พระไพศาล  วิสาโล (Dopamine) หรอื เซโรโทนนิ  (Serotonin) การปลอ่ ยวาง  59 ความเจบ็ ปวด เราทำ� ไดด้ ว้ ยการเอาจติ มาอยกู่ บั ลมหายใจ  หรืออยู่กับสิ่งอ่ืน  พอจิตเป็นสมาธิ  แน่วแน่ตั้งมั่นอยู่กับ  สิ่งนั้น  ก็จะวางความปวด  หรือลืมความปวด  ย่ิงมีสมาธ ิ มากเท่าไรก็จะวางความปวดได้มากเท่าน้ัน  น้ีเรียกว่า  ใช้สมาธชิ ว่ ยให้จติ วางความเจ็บปวด นอกจากสมาธแิ ลว้  “สต”ิ  กช็ ว่ ยได ้ มคี นไขค้ นหนงึ่   เปน็ มะเรง็ ทท่ี อ้ ง เขาปวดมาก ยากช็ ว่ ยไมไ่ ดแ้ ลว้  แตเ่ ขา  เคยเจรญิ สตมิ า จงึ ใชส้ ตมิ าชว่ ย เขาบอกวา่  สตดิ งึ จติ มา  อยู่ท่ีหัวไหล่  แล้วมองดูท้องท่ีปวด  พอจิตมาดูท้องท่ีปวด  กเ็ หน็ ความปวด แตจ่ ติ ไมป่ วดดว้ ย เขากร็ สู้ กึ ดขี นึ้  แตพ่ อ  เผลอ จติ ไปรวมกบั กาย ไปอยทู่ ที่ อ้ งกจ็ ะปวดมาก ตอ้ งดงึ   จติ ออกจากทอ้ ง มาเหน็ ความปวด พอทำ� อยา่ งน ้ี แมก้ าย  จะปวด  แต่ใจก็ไม่ปวดด้วย  อันน้ีเรียกว่าสติช่วยให้ใจวาง  ความเจ็บปวด มีคุณยายคนหน่ึงเกิดอุบัติเหตุ  กระดูกแขนแตก  ทม่ิ ออกมาขา้ งนอก เมอื่ ไปโรงพยาบาล หมอตอ้ งดงึ กระดกู   ให้เข้าท่ี  ปกติต้องฉีดยาชาก่อน  แต่คุณยายบอกไม่ต้อง  ตลอดเวลาทเี่ ยยี วยารกั ษา คณุ ยายไม่รอ้ งครวญครางเลย 

ยคอวามมปร่วบั ยไข้ ด้วยใจปล่อยวาง หลังจากคุณยายใส่เฝือกเสร็จ  ลูกสะใภ้ถามคุณยายว่า  ยายไมป่ วดเหรอ ยายตอบวา่  ปวด ลกู สะใภจ้ งึ ถามตอ่ วา่   แล้วท�ำไมยายไม่ร้องเลย  คุณยายตอบว่า  “มันเป็นแค่ เวทนา เรากอ็ ยา่ ไปยงุ่ กบั มนั ” “เรา” ในทน่ี กี้ ห็ มายถงึ  “ใจ”  ใจอยา่ ไปยงุ่ กบั มนั  กค็ อื อยา่ ไปยดึ หรอื จดจอ่ กบั ความเจบ็ ปวดท่ีแขน  แขนปวดก็ปวดไป  ใจก็แค่ดูมันเฉยๆ  อันน ้ี ตรงกับท่ีหลวงพ่อค�ำเขียนเคยสอนไว้ว่า  “เห็นความปวด  อย่าเปน็ ผู้ปวด” 60 เราหา้ มความปวดไมไ่ ด ้ เมอ่ื มนั เกดิ ขนึ้ แลว้  อยา่ ไป  ยดึ ความปวดวา่ เปน็ เรา เปน็ ของเรา แตใ่ หเ้ หน็ ความปวด  อย่าเป็นผู้ปวด  หลวงพ่อค�ำเขียนเคยบอกว่า  ความปวด  มนั ไมไ่ ดล้ งโทษเรา แตก่ ารเปน็ ผปู้ วดตา่ งหากทล่ี งโทษเรา คนทมี่ ปี ระสบการณก์ ารเจรญิ สตจิ ะเขา้ ใจวา่  “ความ  ปวด” กบั การเปน็  “ผู้ปวด” น้นั ต่างกันมาก เม่ือมีความ  ปวดเกิดขึ้น  ให้  “เห็น”  มัน  แต่อย่าเข้าไป  “เป็น”  มัน  ถา้  “เปน็ ” มนั  หรอื เปน็ ผปู้ วดเมอื่ ไรจะทกุ ขม์ าก สตชิ ว่ ย  ท�ำให้ใจไม่เข้าไปยึดความปวด  ไม่เข้าไปเป็นผู้ปวด  และ  ไม่ผลักไสมันด้วย  สามารถอยู่กับมันด้วยใจท่ีเป็นกลาง  ท�ำให้เราสามารถอยู่กับความเจ็บปวดได้อย่างสันติ  โดย 

พระไพศาล วสิ าโล เฉพาะถา้ เราเห็นประโยชนข์ องมนั 61 มีผู้หญิงคนหนึ่งอายุ  ๓๐  เธอเป็นโรคกล้ามเน้ือ  ออ่ นแรงตง้ั แตย่ งั เปน็ เดก็  พออาย ุ ๒๐ กวา่ ๆ กลา้ มเนอื้ ท ่ี แขนที่ขาก็ไม่มีแรง  เดินล�ำบาก  และท่ีหนักกว่านั้นก็คือ  กล้ามเน้ือที่ปอดก็อ่อนแรงด้วย  เธอหายใจได้เพียง  ๑๐%  เท่าน้ัน  ต้องอาศัยเคร่ืองช่วยหายใจแทบทั้งวัน  ตอนหลัง  อวยั วะตา่ งๆ กแ็ ยล่ ง นว้ิ มอื กข็ ยบั ไมไ่ ด ้ แตป่ รากฏวา่ แทนท่ี  เธอจะนอนรอความตาย  เธอกลับผลิตงานเขียนมากมาย  เปน็ นกั เขยี นทมี่ ีชือ่ เสียง ก่อนหน้านี้เธออยู่ไปวันๆ  แต่พอได้อ่านนิยาย  ก ็ เกดิ แรงบนั ดาลใจทจี่ ะเขยี นนยิ าย ชว่ งแรกเธอยงั สามารถ  ใช้น้ิวมือทั้ง  ๕  พิมพ์คอมพิวเตอร์ได้  ต่อมาเธอมีนิ้วช ้ี ขา้ งขวาเพยี งนว้ิ เดยี วเทา่ นน้ั ทพี่ อจะขยบั ได ้ และหลงั จาก  น้ันก็มีเพียงข้อน้ิวชี้เท่านั้นที่พอจะจ้ิมแป้นโทรศัพท์ได ้ เวลาเธอจะพิมพ์ข้อความในโทรศัพท์  เธอต้องนอน  เอา  โทรศัพท์วางไว้ข้างหมอน  แล้วก็เอาแขนไปพาดท่ีศีรษะ  เพื่อใช้นิ้วจิ้มคียบ์ อรด์ ของโทรศัพท์ ทีละตวั ๆ เธอเขียนหนังสือมาแล้ว  ๑๘  เล่ม  โดยวันหน่ึงๆ  เขียนได้ไม่กี่ย่อหน้า  ท้ังท่ีเธอมีความทุกข์มาก  อาจจะ 

ยคอวามมปรว่ บั ยไข้ ดว้ ยใจปล่อยวาง มากกวา่ คนทเี่ ปน็ มะเรง็  เพราะอวยั วะตา่ งๆ ของเธอแยม่ าก  แตเ่ ธอพดู ไวน้ า่ สนใจวา่  “ความทกุ ขใ์ หอ้ ะไรเราไดม้ ากกวา่ ความสุขเสียอีก ความสุขจะท�ำให้เราฟุ้งลอ่ งลอย แต่การ ท่ีเรามีความทุกข์  จะช่วยให้เราได้อยู่กับตัวเอง  ได้อยู่กับ ความจริง ซึง่ ดีกวา่ การลอ่ งลอยมาก” เธออยู่กับความเจ็บปวด  อยู่กับทุกขเวทนา  อยู่กับ  ความพรอ่ งของรา่ งกาย แตเ่ มื่อมองวา่ ความทกุ ขใ์ หอ้ ะไร  เธอมากกว่าความสุข  เธอก็สามารถอยู่กับความทุกข์ได้  62 ดว้ ยใจทเี่ ปน็ ปกตสิ ขุ  อนั นก้ี ม็ สี ว่ นชว่ ยทำ� ใหเ้ ธอปลอ่ ยวาง  ความเจบ็ ปวด หรอื ความทกุ ข์ได้ มีผู้หญิงอีกคนหน่ึงเป็นมะเร็ง  ก่อนหน้าน้ันเธอเป็น  โรคซมึ เศรา้ อยา่ งหนกั  การเปน็ โรคมะเรง็ จงึ เหมอื นเคราะห์  ซำ้� กรรมซัด แต่ปรากฏว่าหลงั จากเปน็ มะเร็งเธอกลับรสู้ กึ   ดีข้ึน  เธอบอกว่า  “มะเร็งท�ำให้เราเข้าใจตัวเองและรับมือ กับโรคได้ดีข้ึน  มีความสุขข้ึน  เราเลยไม่กลัวมะเร็งเลย ถ้าไม่ป่วยด้วยมะเร็งเราอาจตายแล้วก็ได้  เพราะอาการ ซึมเศร้าท�ำให้เราตายได้โดยไม่รู้ตัว  ก่อนหน้านี้เราเคย ฆา่ ตวั ตายมาแลว้ สามรอบ หมอยงั วา่ ทศั นะในการมองโลก มองชีวติ ของเรา เปลย่ี นไปตัง้ แต่เป็นมะเรง็ นีแ่ หละ”

พระไพศาล วสิ าโล ตวั อยา่ งดงั กลา่ วชวี้ า่  มะเรง็  หรอื ความเจบ็ ปว่ ยกม็  ี 63 ประโยชน์  เช่นเดียวกับหญิงสาวท่ีมองเห็นว่าความทุกข ์ จากโรคกล้ามเนอ้ื อ่อนแรง ใหอ้ ะไรกบั เธอไดม้ ากเช่นกนั สงิ่ ทจ่ี ะชว่ ยใหเ้ ราปลอ่ ยวางความเจบ็ ปวดไดม้ ากขนึ้   ก็คือการมองความเจ็บป่วยในมุมบวก  หรือเห็นประโยชน ์ ของความทุกข์  แม้กระทั่งการพยายามเป็นมิตรกับมะเร็ง  กช็ ว่ ยไดม้ าก มผี หู้ ญงิ คนหนงึ่ เปน็ มะเรง็ เตา้ นม กลางคนื   เธอจะปวดมาก จนบางทนี อนไมห่ ลบั เลย แตเ่ ธอกพ็ ยายาม  เป็นมิตรกับมะเร็ง  ตกดึก  พอมีอาการปวด  เธอก็จะพูด  กับมะเร็งว่า  “มะเร็ง  ตอนนี้ดึกแล้วนะ  ได้เวลานอนแล้ว เธอนอนนะ ฉนั กน็ อนดว้ ย พรงุ่ นค้ี อ่ ยมาคยุ กนั ใหม”่  แลว้   เธอก็ร้องเพลงกล่อมลูกให้มะเร็งฟัง  การท�ำเช่นนี้ท�ำให ้ เธอสามารถอยู่กับมะเร็งได้โดยเธอไม่ต้องใช้ยาระงับปวด  มาก  น่ันเป็นเพราะเธอไม่ได้โกรธมะเร็ง  แต่มองว่า  มนั เปน็ มติ ร ผู้หญิงอีกคนหน่ึง  เธอเป็นโรคสะเก็ดเงิน  เป็นหนัก  มากจนต้องนอนบนใบตอง  เธอเจ็บปวดมากแต่ก็ไม่ค่อย  ไดก้ นิ ยาระงบั ปวด เธอเปน็ คนชอบทำ� บญุ  เวลาเธอทำ� บญุ   เสร็จ  เธอก็จะบอกกับสะเก็ดเงินว่า  “สะเก็ดเงิน  วันน้ีฉัน

ยคอวามมปรว่ ับยไข้ ด้วยใจปลอ่ ยวาง ไปทำ� บุญมาแล้วนะ ถา้ เธอจะไป ก็เอาบญุ ของฉนั ไปด้วย แตถ่ า้ เธอจะอย ู่ เธอกต็ อ้ งระวงั นะ เพราะยาทฉ่ี นั กนิ มนั แรง เธออาจจะตายได้”  ท้ังที่สะเก็ดเงินท�ำให้เธอปวด  แต่เธอก็ไม่ได้โกรธ  สะเกด็ เงนิ เลย กลบั เปน็ มติ ร เปน็ หว่ งสะเกด็ เงนิ  และพรอ้ ม  จะอุทิศบุญกุศลให้แก่สะเก็ดเงิน  สะเก็ดเงินจะรับรู้หรือไม ่ นั้นอีกเรื่องหน่ึง  แต่ทัศนคติหรือท่าทีแบบน้ี  ท�ำให้ใจเธอ  ไม่โกรธ  ไม่เกลียดโรคร้าย  และสามารถที่จะอยู่กับมันได ้ 64 ด้วยใจที่ไม่ทุกข์

พระไพศาล  วิสาโล ปล่อยวางร่างกาย สมยั พทุ ธกาลมอี บุ าสกทา่ นหนงึ่ ชอื่  นกลุ บดิ า ทา่ น  65 ปว่ ยหนกั  พระพทุ ธเจา้ เสดจ็ มาเยย่ี มและตรสั กบั นกลุ บดิ า  ว่า  “แม้กายป่วย  อย่าให้ใจป่วย  แม้กายกระสับกระส่าย อย่าให้ใจกระสับกระส่าย”  นกุลบิดาฟังแล้วก็เกิดปีติอย่าง  มาก จนความเจบ็ ปว่ ยทุเลาลง เมอ่ื พระพทุ ธเจา้ เสดจ็ กลบั  ทา่ นกไ็ ดพ้ บกบั พระสาร-ี   บุตร  ท่านจึงถามพระสารีบุตรว่า  ท�ำอย่างไรให้กายป่วย  แต่ใจไม่ป่วย  พระสารีบุตรก็ตอบว่า  กายป่วยแต่ใจ  ไมป่ ว่ ย เพราะไมย่ ดึ วา่ รปู เปน็ ของเรา พระสารบี ตุ รอธบิ าย  ว่า  “อย่างไรช่ือว่าป่วยแต่กาย  ใจไม่ป่วย  ในข้อนี้  อริย สาวกผู้ได้เรียนสดับแล้ว  ...ไม่อยู่ด้วยความรู้สึกรุมเร้าว่า รูปเป็นของเรา เมอื่ รปู น้ันแปรปรวนไปกลายเป็นอยา่ งอน่ื เธอกไ็ มเ่ กดิ ความโศก ความครำ่� ครวญ ความทกุ ขโ์ ทมนสั และความคบั แคน้  ผดิ หวงั  อยา่ งนแ้ี ลไดช้ อื่ วา่ ปว่ ยแตก่ าย ใจไม่ป่วย”  ท่ีจริงนอกจากรูปแล้วพระสารีบุตรยังพูดถึง  เวทนา  สัญญา  สังขาร  วิญญาณ  ครบท้ัง  ๕  ขันธ์  แต่  อาตมาตดั มาเฉพาะรปู วา่ ไม่พงึ ยดึ วา่ เปน็ ของเรา

ยคอวามมปรว่ บั ยไข้ ดว้ ยใจปลอ่ ยวาง พระสารีบุตรพูดกับท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีเช่นกัน  ว่า  “ดูก่อนคฤหบดี  ความแก่  ความเจ็บ  ความตาย เป็นเร่ืองธรรมดา  ความตายต้องย่างกรายเข้ามาหาเรา ไม่วันใดก็วันหน่ึง  ขอให้ท่านพึงพิจารณาว่า  เราจักไม่ ยึดมั่น  ตา  หู  จมูก  ลิ้น  กาย  และใจ  เราจักไม่ยึดมั่นใน  รูป  รส  กลิ่น  เสียง  สัมผัส  ธรรมารมณ์  เราจักไม่ยึดมั่น ในวญิ ญาณทอ่ี าศยั  ตา ห ู จมกู  ลน้ิ  กาย และใจ ไมย่ ดึ มน่ั ในวญิ ญาณทอ่ี าศยั  รปู  รส กลนิ่  เสยี ง สมั ผสั  ธรรมารมณ”์ 66 พูดง่ายๆ คือการไม่ยึดม่ันถือมั่นในกายว่าเป็นเรา  เป็นของเรา  จะช่วยให้เราสามารถอยู่กับความเจ็บป่วยได้  โดยใจไม่ป่วย  เพราะเม่ือไม่ยึดม่ันถือมั่นว่ารูปเป็นเรา  เปน็ ของเรา ความยดึ มนั่ สำ� คญั หมายวา่ ตวั ฉนั กจ็ ะเบาบาง  ลง  ผลที่ตามมาก็คือความส�ำคัญม่ันหมายว่าฉันป่วย  ฉันทุกข์ กจ็ ะลดลง ใจก็จะไม่เปน็ ทกุ ขม์ าก หลายคนมกั จะถามวา่ ทำ� อย่างไรฉันจะไม่ปว่ ย แลว้   ก็พยายามตอบโจทย์น้ีด้วยการท�ำให้ความป่วยหายไป  แต่ลืมว่ามีอีกวิธีหน่ึงที่ส�ำคัญ  คือการท�ำให้ไม่มี  “ตัวฉัน”  เมอื่ ไมม่  ี “ตวั ฉนั ” คำ� วา่  “ฉนั ปว่ ย” กห็ มดไป มแี ต ่ “ความ  ป่วย” ทีค่ งอยู่

พระไพศาล  วิสาโล แลว้ ท�ำอย่างไรให้ตัวฉนั หมดไป ? เร่ิมต้นจากการไม่ยึดม่ันส�ำคัญหมายว่าความป่วย  67 เป็น  “ฉัน”  เป็น  ”ของฉัน”  หรือไม่ปรุงตัวฉันข้ึนมาเป็น  เจา้ ของความเจบ็ ปว่ ย เปน็ ผปู้ ว่ ย เมอ่ื กายปว่ ยกเ็ ปน็ เรอื่ ง  ของกายไป  ไม่ใช่ฉันป่วย  เพราะไม่มีตัวฉันเป็นผู้ป่วย ตั้งแต่แรก  จะท�ำอย่างนี้ได้ก็ต้องเร่ิมจากการฝึกจิต  จนม ี แต่ความปวด ไม่มีผู้ปวด ถ้าเราเจริญสติอยู่เป็นนิจ  จะ  เห็นได้ไม่ยากว่ามีความปวด  แต่ไม่มีผู้ปวด  เหมือนกับที่  เราเห็นว่ามีความโกรธ  แต่ไม่มีผู้โกรธ  มีความโกรธแต่  ไมใ่ ชฉ่ นั โกรธ ตอ่ ไปกจ็ ะเหน็ วา่ มคี วามปวด แตไ่ มม่ ผี ปู้ วด  กายปวดแตใ่ จไมป่ วด ตรงนจี้ ะทำ� ใหเ้ ราเขา้ ใจวา่ ความปวด  เป็นเรื่องของกาย  ความปวดหรือความป่วยเป็นสิ่งที่หลีก  เล่ียงไม่ได้  มันเป็นธรรมดาของกาย  แต่ถึงแม้กายป่วย  แต่ใจไม่ป่วยก็ได้  แม้กายปวด  แต่ใจไม่ปวดก็ได้  คือ  มีความปวดแตไ่ มม่ ผี ู้ปวด ถ้าเราภาวนาไปเร่ือยๆ  ก็จะพบว่า  มีแต่ความตาย  ไมม่ ผี ตู้ าย เมอ่ื เราเหน็ ความจรงิ เชน่ นกี้ ไ็ มม่ คี วามกลวั ตาย  ไมม่ คี วามอาลยั ในสงั ขาร อนั นค้ี อื การปลอ่ ยวางขน้ั สำ� คญั  

ยคอวามม ปร่วับยไข้ ด้วยใจปล่อยวาง ท่ีสุด  ถึงตอนน้ันความเจ็บป่วยก็ไม่สามารถบีบคั้นจิตใจ  ได้  ดังน้ันแทนท่ีจะคิดแต่การก�ำจัดความเจ็บป่วย  ซ่ึง  บางครง้ั เปน็ เรอื่ งสดุ วสิ ยั ทจ่ี ะเปน็ ไปได ้ ลองมาใชว้ ธิ นี ด้ี คู อื   การท�ำให้  “ตัวฉัน”  หายไป  จนมีแต่ความป่วย  แต่ไม่ม ี ตัวฉันที่ป่วย  น้ีคือสิ่งที่เราไม่ควรมองข้าม  เพราะเป็นสิ่ง  ส�ำคัญทจ่ี ะช่วยลดความทกุ ข์ได้ สรปุ ไดว้ า่  การยอมรบั ความเจบ็ ปว่ ยดว้ ยใจปลอ่ ยวาง  นัน้  เราทำ� ได้หลายระดบั  อาทิ 68 ปลอ่ ยวางความคดิ วา่  ไม่แฟร ์ ไม่น่า ไม่ควร ปลอ่ ยวางอนาคต อย่กู ับปัจจบุ ันใหด้ ีทสี่ ดุ ปล่อยวางความอยากหาย  รวมทั้งความคาดหวัง  ทงั้ ของตนเองและผู้อน่ื ปล่อยวางอดีต รจู้ กั ใหอ้ ภยั ตนเองและผู้อืน่ ดว้ ย ปลอ่ ยวางตัวตนเกา่ ๆ และอัตลักษณ์เดิมๆ ท่ีเคยมี ปลอ่ ยวางความโกรธ ปล่อยวางความเจ็บปวดและทกุ ขเวทนา ปลอ่ ยวางรา่ งกายนว้ี า่ ไมใ่ ช่เป็นเรา ไมใ่ ชข่ องเรา ทั้งหมดที่ได้พูดมา  เป็นค�ำแนะน�ำส�ำหรับคนป่วยที่  สนใจอยากจะปล่อยวางอยู่แล้ว  แต่ถ้าเป็นผู้ดูแลรักษา 

พระไพศาล  วิสาโล เราไม่ควรเอาค�ำแนะน�ำเหล่าน้ีไปบอกคนป่วยว่า  “ปล่อย  69 วางส ิ ปลอ่ ยวางส”ิ  มนั จะกลายเปน็ การสงั่ สอนหรอื ยดั เยยี ด  ในขณะทเี่ ขายงั ไมพ่ รอ้ ม อาจทำ� ใหเ้ กดิ ปญั หาตามมากไ็ ด้  ถ้าจะช่วย  ก็ควรช่วยเขาด้วยวิธีการท่ีเหมาะสมกับเขา  เช่น  แทนท่ีจะบอกให้เขาปล่อยวางความโกรธ  ก็ช่วยเขา  ลดความโกรธ โดยทำ� ใหเ้ ขารสู้ กึ วา่  เขายงั มคี วามสามารถ  ควบคุมสถานการณ์บางอย่างได้  อย่างบางคนโกรธท ่ี ช่วยตัวเองไม่ได้  ผู้ดูแลก็ช่วยให้เขามีโอกาสท่ีจะควบคุม  บางเร่ืองได้  เช่นควบคุมเร่ืองอาหาร  หรือเรื่องเวลาเข้า  เยีย่ ม หากคนไข้รู้สึกว่าเขายังสามารถควบคุมอะไรบาง  อย่างที่เก่ียวกับตัวเขาได้  เขาจะคลายความโกรธท่ีช่วย  ตวั เองไมไ่ ด ้ ในทำ� นองเดยี วกนั  การปลอ่ ยวางความรสู้ กึ ผดิ   คนป่วยอาจท�ำเองได้ยาก  แต่ถ้าผู้ดูแลช่วยสร้างโอกาสให ้ เขาไดป้ ลอ่ ยวางความรสู้ กึ ผดิ  เชน่  ชวนเขาทำ� บงั สกุ ลุ  อทุ ศิ   ส่วนบุญให้ผู้ล่วงลับ  หรือขออโหสิกรรมจากคนที่ตนเคย  ท�ำไม่ดี  ความรู้สึกผิดของผู้ป่วยก็อาจจะบรรเทาเบาบาง  ลงได้

ถาม- ตอบ ๑คําถาม การเอา “ตัวฉัน” ออก ให้เหลือแต่ความปวด มหี ลกั ในการท�ำอยา่ งไรคะ  อาตมาไดก้ ล่าวไปบา้ งแล้วในตอนทา้ ยๆ วา่   การเจริญสติ  เป็นวิธีการหน่ึงท่ีจะท�ำให้เราเห็นว่ามีความ  ปวด แตไ่ มม่ ผี ปู้ วด เพราะการเจรญิ สตชิ ว่ ยใหเ้ ราไมย่ ดึ มน่ั   ถอื มนั่ ใน รปู  เวทนา สงั ขาร หรอื ความคดิ  และอารมณ ์ ว่าเป็นเรา เปน็ ของเรา

พระไพศาล  วิสาโล เวลามคี วามคดิ เกดิ ขน้ึ  แตก่ อ่ นเราจะสำ� คญั มนั่ หมาย  71 วา่  “ฉนั คดิ ” ความคดิ เปน็  “ของฉนั ” หรอื เมอื่ มคี วามโกรธ  เกิดขึ้น  ก็ส�ำคัญมั่นหมายว่า  “ฉันโกรธ”  ความโกรธเป็น  “ของฉนั ” แตถ่ า้ เราเจรญิ สต ิ กจ็ ะเหน็ เลยวา่ ความโกรธเปน็   ตัวหนึ่ง  ไม่ใช่ตัวเรา  ไม่มีการยึดมั่นส�ำคัญหมายว่าความ  โกรธเป็นฉนั  เป็นของฉนั  แต่เปน็ ภาวะทีเ่ หน็ ความโกรธ ถา้ เราเจรญิ สต ิ เราจะสงั เกตไดว้ า่ เมอ่ื มอี ารมณ ์ หรอื   ความคิดใดเกิดขึ้น  เราจะ  “เห็น”  ไม่เข้าไป  “เป็น”  มี  ความโกรธกจ็ รงิ  แตค่ วามโกรธไม่ใช่เรา ความโกรธไมใ่ ช่  ของเรา แตก่ อ่ นนถี้ า้ ไมม่ สี ต ิ พอโกรธกร็ สู้ กึ เลยวา่ ฉนั โกรธ  แต่สติจะท�ำให้เหน็ ว่า ความโกรธกอ็ นั หนึ่ง ใจก็อันหนึ่ง ดังน้ัน  เมื่อมีความโกรธเกิดข้ึน  แต่ไม่มีผู้โกรธ  น ้ี เรยี กวา่ การเหน็ อารมณ ์ วา่ ไมใ่ ชเ่ รา ไมใ่ ชข่ องเรา ตอ่ ไปก ็ จะเหน็ เวทนา เชน่  ความปวด วา่ กายปวด แตไ่ มใ่ ชเ่ ราปวด  ความปวดเปน็ เรอื่ งของกาย ไมใ่ ชเ่ ปน็ เรอ่ื งของเรา ทำ� นอง  เดียวกัน  ที่ว่ามีความปวด  แต่ไม่มีผู้ปวด  อันน้ีถ้าใคร  เจรญิ สตกิ จ็ ะเขา้ ใจ คอื เปน็ ภาวะท ่ี “เหน็ ” ไมเ่ ขา้ ไป “เปน็ ”  อยา่ งทห่ี ลวงพอ่ คำ� เขยี นทา่ นพดู  “เหน็ ความโกรธ ไมเ่ ปน็ ผโู้ กรธ เหน็ ความปวด ไม่เปน็ ผูป้ วด”

ถาม- ตอบ ๒คําถาม ขอค�ำแนะน�ำว่า  เราควรจะมีแนวทางในการ ฝกึ ภาวนา หรอื การปฏบิ ตั กิ รรมฐานรปู แบบไหน  ถงึ จะเหมาะสมกบั การเตรยี มตวั ตายอยา่ งมสี ต ิ อยา่ งในการ  ป่วยระยะท้าย  และต้องการรักษาแบบประคับประคอง  โดยรักษาตามอาการ   การเจริญสติเป็นวิธีที่จะช่วยให้เราเผชิญกับ  ความเจบ็ ปว่ ย และอยกู่ บั ความเจบ็ ปว่ ยไดด้ ว้ ยใจทไ่ี มท่ กุ ข์ 72 นอกจากสตแิ ลว้  การเจรญิ สมาธกิ ส็ ำ� คญั  สมาธทิ ำ� ให้  จิตแนบแน่นอยู่กับอารมณ์ใดอารมณ์หน่ึง  ท�ำให้ลืมปวด  อย่างที่ยกตัวอย่างว่า  เมื่อปวดท่ีขา  ปวดที่ท้อง  ก็เอาจิต  มาอยทู่ ล่ี มหายใจ มสี มาธอิ ยกู่ บั ลมหายใจ ในภาวะนน้ั จติ   จะวางความปวดที่ทอ้ ง ท่ขี า จติ จะมารับรู้แตล่ มหายใจ “สมาธิ”  เป็นวิธีท่ีท�ำให้จิตวางความเจ็บปวด  หรือ  ลมื ความเจบ็ ปวด สว่ น “สต”ิ  ชว่ ยใหเ้ ราเหน็ ความเจบ็ ปวด  โดยไม่เข้าไปเป็นผู้เจ็บหรือผู้ปวด  หมายความว่าเม่ือม ี ความเจบ็ ปวดทที่ อ้ ง ทขี่ า สตกิ ช็ ว่ ยใหจ้ ติ เพยี งแคด่  ู หรอื   เหน็  แต่ไม่เข้าไปเป็น

พระไพศาล  วิสาโล สตทิ ำ� งานคนละแบบกบั สมาธ ิ สมาธเิ หมอื นกบั ทำ� ให้  73 จิตหันหลังให้กับความเจ็บปวด  แต่สติท�ำให้จิตเห็นความ  เจ็บปวด  แบบห่างๆ  โดยไม่เข้าไปยึดความเจ็บปวดน้ัน  เหมือนกับมีกองไฟกองใหญท่ ไ่ี หม้อย ู่ สติจะทำ� ให้จิตออก  ห่างจากกองไฟน้ัน  ถ้าไม่มีสติ  จิตจะกระโดดเข้ากองไฟ  ไมว่ ่าจะเป็นความปวด หรอื ความโกรธ ทำ� ให้ทกุ ข์มาก ส�ำหรับผู้ท่ีต้องการรับมือกับความเจ็บป่วย  “สติ”  เป็นเครื่องมือท่ีส�ำคัญ  และไม่เพียงแต่เร่ืองความเจ็บป่วย  เท่านั้น  สิ่งรบกวนอ่ืนๆ  เช่น  ความฟุ้งซ่าน  ความว้าวุ่น  ความไม่สงบในใจ  ถ้าเรามีสติเป็นเคร่ืองมือส�ำคัญ  ก็จะ  ชว่ ยใหเ้ ราสามารถรบั มอื กบั อาการตา่ งๆ ทเี่ กดิ ขนึ้ ในใจได ้ และไมใ่ ชแ่ ตส่ งิ่ ทเี่ กดิ ขนึ้ ในใจเทา่ นนั้  สง่ิ ทเี่ กดิ ขนึ้ นอกตวั เรา  เชน่  เสยี งดงั  แดดรอ้ น เมอ่ื กระทบห ู กระทบกาย แตใ่ จ  เราไม่กระเพ่ือม  เพราะเรามีสติ ส่วน “สมาธิ” อาจต้อง  อาศยั สถานการณช์ ว่ ย เชน่ วา่  จะมสี มาธไิ ดต้ อ้ งไปอยใู่ นท่ี  ท่ไี มม่ ีเสียงดงั  ไมม่ แี ดดร้อน สต ิ ชว่ ยใหเ้ รารบั มอื กบั ความปวด ทงั้ กายและความ  รุ่มร้อนในจิตใจได้  ดังนั้น  อาตมาอยากแนะน�ำว่า  ถ้าเรา  ก�ำลังเผชิญกับความเจ็บป่วยอยู่  ควรเจริญสติให้มาก  ถ้า 

ถาม- ตอบ จะให้ดีก็ควรจะเจริญสติก่อนท่ีจะเจ็บป่วย  ตอนที่ร่างกาย  ยังปกติ  เพราะหากเจ็บป่วยแล้ว  บางทีความเจ็บปวด  ทกุ ขเวทนามารบกวนจติ ทำ� ใหป้ ฏบิ ตั ลิ ำ� บาก จะเดนิ จงกรม  ก็เดินล�ำบากแล้ว  เพราะร่างกายอ่อนแอและเจ็บปวด  ถึง  ตอนนนั้ กจ็ ะปฏบิ ตั ลิ ำ� บาก เวน้ แตว่ า่ จะเปน็ ผทู้ ม่ี คี วามเพยี ร  อย่างอาจารย์ก�ำพล  ทองบุญนุ่ม  ซ่ึงพิการตั้งแต่คอลงมา  แต่ท่านก็สามารถเจริญสติได้ด้วยการพลิกมือไปมาตาม  ค�ำแนะน�ำของหลวงพ่อค�ำเขียน  จนกระทั่งท่านพบความ  74 จริงว่า  กายป่วย  แต่ใจไม่ป่วย  ที่พิการคือกาย  แต่ฉัน  ไมไ่ ดพ้ กิ าร ทา่ นไมไ่ ดเ้ หน็ ความจรงิ ดงั กลา่ วดว้ ยความคดิ   แต่เห็นด้วยการประจักษ์แก่ใจว่ากายพิการ  แต่ฉันไม่ได ้ พิการ  ถ้าเห็นตรงนี้ได้  เวลาป่วยก็จะเห็นว่า  กายป่วย  แต่ฉันไมไ่ ด้ป่วย ดงั นน้ั  อาตมาจงึ อยากจะแนะนำ� วา่  การเจรญิ สตนิ น้ั   สำ� คญั มาก ทจ่ี ะชว่ ยใหเ้ รารบั มอื กบั ความผนั ผวนปรวนแปร  ตา่ งๆ ทผ่ี า่ นเขา้ มาในชวี ติ ของเราได ้ ไมเ่ ฉพาะความเจบ็ ปว่ ย  แต่รวมถึงความสูญเสีย  ความพลัดพราก  การถูกต่อว่า  ด่าทอ  สารพัดปัญหา  อย่ารอให้เจ็บป่วยก่อน  แล้วค่อย  ปฏบิ ตั  ิ เพราะอาจจะไมท่ นั การกไ็ ด้

พระไพศาล วสิ าโล ๓คําถาม เกยี่ วกบั เรอ่ื งการณุ ยฆาต หากเปน็ การเจบ็ ปว่ ย ระยะท้าย  แล้วเราต้องการปฏิเสธการรักษา  จะผิดหลักทางพทุ ธศาสนาและเป็นบาปหรือไมค่ ะ   การปฏิเสธการรักษานั้น  ไม่ใช่การุณยฆาต  75 ถ้าหากว่าเป็นความเจ็บป่วยในระยะท้าย  และเห็นว่าการ  รกั ษานน้ั ไมม่ ปี ระโยชน ์ ทวี่ า่ เจบ็ ปว่ ยระยะทา้ ยหมายความ  ว่าป่วยด้วยโรคท่ีรักษาไม่หาย  อยู่ในระยะท้ายของโรคน้ัน  และไม่ตอบสนองต่อการรักษา  เม่ืออยู่ในระยะท้ายและ  เห็นว่าการรักษาไม่ช่วย  มีแต่จะเพิ่มความทุกข์ทรมาน  เพยี งแคย่ อื้ ลมหายใจใหย้ นื ยาว แตต่ ามมาดว้ ยความทกุ ข ์ ทรมาน การปฏเิ สธเชน่ นน้ั ไมใ่ ชก่ ารณุ ยฆาต แตเ่ ปน็ ความ  พร้อม  ความเต็มใจที่จะตายตามวิถีธรรมชาติ  ซึ่งเป็นวิธี  ที่ครูบาอาจารย์หลายท่าน  รวมทั้งท่านอาจารย์พุทธทาส  และหลวงพ่อค�ำเขียน  อาจารย์ของอาตมาท่านเลือก  แต ่ ตอ้ งอยใู่ นเงอื่ นไขวา่ อยใู่ นระยะทา้ ยและเหน็ วา่ การทำ� อะไร  กบั รา่ งกายโดยเฉพาะการยอ้ื ชวี ติ  ไมม่ ปี ระโยชน ์ มแี ตเ่ พมิ่   ความเจบ็ ปวดหรอื ท�ำให้คุณภาพชวี ิตแย่ลง

ถาม- ตอบ แตห่ ากวา่ เปน็ ความเจบ็ ปว่ ยแบบฉบั พลนั  เชน่  เกดิ   อุบัติเหตุ  หรือจู่ๆ  ก็หัวใจหยุดเต้นกะทันหัน  เส้นเลือด  ในสมองแตก  อย่างน้ีมีโอกาสที่จะรักษาหาย  ก็ควรจะท�ำ  หากว่าปฏิเสธไม่ท�ำเพราะต้องการจบชีวิตเร็วๆ  อย่างน ้ี เปน็ การณุ ยฆาต หรอื พดู อกี อยา่ งหนงึ่ วา่  การณุ ยฆาตนน้ั   เปน็ ความตง้ั ใจทจ่ี ะจบชวี ติ เรว็ ๆ สว่ นการเผชญิ ความตาย  อย่างสงบโดยที่ไม่รับการรักษานั้น  หมายถึงการพร้อม  และเต็มใจรบั ความตาย โดยทีไ่ มย่ ้ือและไม่เร่ง 76 การุณยฆาตคือการเร่ง ส่วนอีกวิธีหนึ่งคือการยื้อ  แต่มีทางสายกลาง  คือว่า  ไม่ย้ือและไม่เร่ง  ซึ่งอาจเป็น  การรักษาแบบประคับประคอง  (Palliative  Care)  ขอย�้ำ  ว่าการุณยฆาต  คือ  การเร่งความตาย  ซึ่งเป็นส่ิงท่ีพุทธ  ศาสนาไมเ่ หน็ ดว้ ย และเปน็ คนละอยา่ งกบั การปฏเิ สธการ  รกั ษาเมอื่ เหน็ วา่ รา่ งกายอยใู่ นระยะทา้ ยของความเจบ็ ปว่ ย  และการรักษามีแต่จะเพ่ิมความทุกข์ทรมานเพียงเพ่ือย้ือ  ชีวติ หรือลมหายใจใหย้ ืนยาวข้ึนเทา่ นน้ั

พระไพศาล  วิสาโล ๔คําถาม ที่พระอาจารย์อธิบายมาน้ันเข้าใจทุกอย่าง พยายามเจรญิ สต ิ แตพ่ อเจอปญั หาจรงิ  กลบั ทำ�   ไม่ได้  เหมือนเราท่องจ�ำได้  แต่ท�ำไม่ได้  แสดงว่าเรายัง  ท�ำไม่พอ หรือพอจะมีวิธอี น่ื หรือไหมคะ   ยังท�ำไม่พอมากกว่า  เวลาเจออะไรกระทบ  77 แลว้ เกดิ อารมณต์ ามมา เชน่  โกรธ กลวั  แสดงวา่ เรามสี ติ  น้อย ทำ� ให้เราไม่สามารถจะร้สู ึกตวั ได้ไว ทำ� อยา่ งไรจะใหม้ สี ตเิ รว็  สตไิ ว กต็ อ้ งปฏบิ ตั ใิ หม้ าก  ขึ้น  อย่าท้อถอย  ถึงแม้ว่าจะรู้สึกว่าสติมาช้า  รู้สึกตัวช้า  แตอ่ าตมาเชอื่ วา่ ถา้ ทำ� บอ่ ยๆ มนั จะมาเรว็  เพยี งแตว่ า่ มนั   จะไมเ่ รว็ ทนั ใจเราเทา่ นนั้  การปฏบิ ตั  ิ หากทำ� ถกู ยอ่ มใหผ้ ล  อยแู่ ลว้  แตท่ ผ่ี ปู้ ฏบิ ตั เิ ปน็ ทกุ ขก์ เ็ พราะเกดิ ผลชา้  ไมร่ วดเรว็   อย่างที่ใจปรารถนา เพราะฉะน้ัน เวลาปฏิบัติ  ให้วาง  ความอยาก  วางความคาดหวังที่จะเห็นผลเร็วๆ  และรู้จัก  อดทน รจู้ กั รอคอย ในขณะเดยี วกนั กท็ ำ� ไปเรอ่ื ยๆ อยา่ ทอ้   ปฏิบัติได้แค่  ๕  นาที  ๑๐  นาที  แล้วฟุ้ง  ก็เลิก  อย่างน้ี  ไมถ่ กู  เพราะเปน็ ธรรมดาทจ่ี ะมคี วามฟงุ้  ถา้ เราไมค่ าดหวงั   วา่ จะตอ้ งเหน็ ผลไวๆ เราจะไมม่ คี วามทอ้ ถอย ทอ้ แทง้ า่ ยๆ

ถาม- ตอบ หลวงปขู่ าวเคยพดู ไว ้ “อนั ความอยากหายจากทกุ ข-  เวทนานั้น  อย่าอยาก”  การปฏิบัติก็เหมือนกัน  ถ้าอยาก  ปฏบิ ตั ใิ หเ้ หน็ ผลไวๆ ความอยากนน้ั แหละ จะเปน็ อปุ สรรค  เปน็ ตวั เพม่ิ สมทุ ยั  ใหว้ างความอยากเหน็ ผลไวๆ ใหอ้ ดทน  รู้จักรอคอย  ท�ำไปเร่ือยๆ  ท�ำเต็มที่แต่อย่าซีเรียส  เดี๋ยว  ผลกจ็ ะปรากฏเอง อยา่ คาดหวงั ผล แตใ่ หม้ งุ่ ทกี่ ารกระทำ�   ท�ำเหตุให้ดี แลว้ ผลก็จะมาเอง ๕78 คําถาม เน่ืองจากต้องดูแลผู้ป่วยท่ีอยู่ท้ังในระยะเร่ิมต้น จนถึงระยะสุดท้ายจ�ำนวนหน่ึง  จะต้องเร่ิมต้น  เจรญิ สตอิ ยา่ งไร เนอื่ งจากพน้ื ฐานคนปว่ ยแตล่ ะคนตา่ งกนั   เราก็ไม่ทราบข้อมูลของเขาเหล่าน้ัน  ผู้ท่ีต้องดูแลคนป่วย  ไม่ว่าจะเป็นในระยะใดก็ตาม  ควรจะเริ่มต้นเรื่องการ  เจรญิ สตอิ ย่างไร  อาตมาวา่ ควรจะเรม่ิ ตน้ จากการพยายามเขา้ ใจ  ผปู้ ว่ ยกอ่ นวา่  เขามคี วามทกุ ข ์ ความกงั วลเรอ่ื งอะไร และ  ยอมรับเขาอย่างท่ีเขาเป็น  ในฐานะของผู้ดูแล  หากเรา  ยอมรับในส่ิงที่เขาเป็น  รู้จักเขามากเพียงพอ  เราก็จะม ี

พระไพศาล วสิ าโล ทา่ ทีท่ีถกู ตอ้ งต่อเขา 79 ส�ำหรับผู้ดูแลนั้น  การมีสติ  ก็คือการท่ีเราอยู่กับ  ปัจจุบัน  เวลาเราอยู่กับผู้ป่วยคนใด  ใจเราก็อยู่กับเขา  เตม็ รอ้ ย อยา่ เพงิ่ ไปนกึ ถงึ ผปู้ ว่ ยคนอน่ื  หรอื นกึ ถงึ งานการ  ตา่ งๆ ทคี่ า้ งคาอย ู่ การใสใ่ จกบั ผปู้ ว่ ยทอี่ ยตู่ อ่ หนา้ เราอยา่ ง  เต็มร้อยน้ัน  เป็นวิธีการฝึกให้ใจเราอยู่กับปัจจุบัน  ซ่ึงเป็น  ส่ิงส�ำคัญของการเจริญสติ ท�ำอะไรก็ได้ที่จะช่วยให้ใจเราอยู่กับปัจจุบัน  อยู่กับ  คนขา้ งหนา้ เรา อยกู่ บั คนทเ่ี รากำ� ลงั เกยี่ วขอ้ งดว้ ย อยกู่ บั   งานท่ีก�ำลังท�ำ ไม่ว่า กินข้าว อาบนำ้�  ถูฟัน เราก็อยู่กับ  สงิ่ นนั้ ดว้ ยใจทเ่ี ตม็ รอ้ ย พดู งา่ ยๆ คอื  “ตวั อยไู่ หนใจอยนู่ นั่ ”  ทำ� อะไรดว้ ยใจทเี่ ตม็ รอ้ ย หรอื วา่ ทำ� ทลี ะอยา่ ง คยุ ทลี ะคน  ก็เป็นวิธีการที่จะช่วยท�ำให้เราเจริญสติ  ลดความกังวล  ลดความเครยี ดลงได ้ จะแนะนำ� คนไขเ้ ชน่ นดี้ ว้ ยกไ็ ด ้ เปน็   วธิ กี ารเจริญสตแิ บบง่ายๆ

ถาม- ตอบ ๖คําถาม รู้ว่าโกรธ  แต่รู้ตามยังไม่ค่อยทัน  จะต้องท�ำ อยา่ งไรดคี ะ  รวู้ า่ โกรธ แตส่ ว่ นใหญไ่ มไ่ ดร้ เู้ ฉยๆ พอรแู้ ลว้   ก็จะไปกดข่มความโกรธ  เพราะรู้สึกว่าความโกรธไม่ด ี มีความรู้สึกลบกับความโกรธ  อันน้ีเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับ  หลายคน สิ่งที่ควรท�ำคือ  รู้เฉยๆ  รู้ซ่ือๆ  ครูบาอาจารย์ท่าน  80 สอนวา่  ใหร้ เู้ ฉยๆ ไมผ่ ลกั ไส ไมไ่ หลตาม บางคนพยายาม  ไม่ไหลตามความโกรธ  แต่ก็พยายามผลักไส  พยายาม  กดขม่ ความโกรธไว ้ เพราะฉะนนั้  ความโกรธจงึ ไมห่ ายไป  สักที  เพราะยิ่งพยายามผลักไส  ก็ยิ่งท�ำให้ความโกรธ  มพี ลงั มากขน้ึ  เหมอื นเราไปเตมิ ฟนื  เตมิ เชอ้ื ใหก้ บั กองไฟ  การผลักไสกค็ อื การต่ออายุใหก้ บั มนั ถ้าเรารู้เฉยๆ  รู้ซ่ือๆ  คือเฝ้าดูมัน  เหมือนเราดูรถที่  ก�ำลังแล่นบนถนนข้างหน้าเรา  โดยท่ีเราไม่ได้ไปท�ำอะไร  กับรถเหล่านั้น  ไม่ว่าจะห้ามรถ  หรือกระโจนข้ึนรถ  เรา  ควรท�ำอย่างนั้นกับอารมณ์ต่างๆ  รวมทั้งความโกรธด้วย  คือร้เู ฉยๆ รูซ้ ือ่ ๆ

พระไพศาล  วิสาโล ปฏบิ ตั ใิ หมๆ่  อยา่ ใจรอ้ น คนเราพอมคี วามโกรธแลว้   81 ถา้ จติ ไมไ่ หลไปกบั ความโกรธ กม็ กั จะกระโจนเขา้ ไปกดขม่   ความโกรธ เพราะไมช่ อบอารมณเ์ หลา่ น ี้ โดยเฉพาะคนท ่ี ใฝ่ดี  มักจะไม่ชอบความโกรธ พอโกรธทีไรก็พยายาม  กดข่มมัน  ก็ยิ่งท�ำให้ความโกรธมีอายุยืนยาวมากข้ึน  เป็นการต่ออายุให้กบั มัน พยายามฝึกใจใหม้ ีสติ ด้วยการ รซู้ ่อื ๆ รูเ้ ฉยๆ  เคยมีคนถามหลวงปู่ดูลย์  อตุโล  ว่า  ท�ำอย่างไร  จะตัดความโกรธได้  หลวงปู่ท่านตอบว่า  “ไม่มีใครตัด ให้ขาดได้หรอกมีแต่รู้ทัน  เม่ือรู้ทัน  มันก็ดับไปเอง” รู้ทัน  กับ  รู้ซ่ือๆ  ก็อันเดียวกัน  เพราะฉะน้ัน  ฝึกตรงน ี้ เอาไว้  เวลาดีใจ  ก็แค่ให้รู้ซ่ือๆ  อย่าไปปลาบปล้ืม  เพลิน  หรือดื่มด่�ำไปกับความดีใจ  ถ้าท�ำอย่างนี้ได้  เวลาเกิด  ความไมพ่ อใจ เกดิ ความหงดุ หงดิ  กจ็ ะรซู้ อื่ ๆ ไมโ่ จนลงไป  เกิดการวางระยะห่าง  เป็น  spiritual  distancing  ไม่ใช่  social  distancing social  distancing  คือการวางระยะห่างจากคนท่ี  อยู่ข้างหน้าเรา  แต่นอกจากระยะห่างทางสังคมแล้ว  การ  วางระยะห่างทางจิตใจก็ส�ำคัญเช่นกัน  คือให้จิตอยู่ห่าง 

ถาม- ตอบ จากอารมณ ์ ไมว่ า่  ความโกรธ ความเกลยี ด ความเครยี ด  สงิ่ ทจี่ ะทำ� ใหจ้ ติ อยหู่ า่ งจากอารมณเ์ หลา่ นน้ั ได ้ กค็ อื  “สต”ิ   น่ันเอง  เพราะสติท�ำให้  “เห็น”  แต่ไม่เข้าไป  “เป็น”  การ  เหน็ คอื การวางระยะหา่ งจากอารมณเ์ หล่าน้นั ๗คําถาม กราบเรยี นถามพระอาจารย ์ เรอ่ื งใจ หลายคน ไมเ่ ชอื่  เหน็ วา่ ทำ� ไมไ่ ด ้ ไมเ่ ชอื่ วา่ ทกุ อยา่ งสำ� เรจ็   ได้ด้วยใจ  พระอาจารย์จะแนะน�ำอะไรได้บ้างหรือไม่  82 นอกเหนอื การอธบิ ายจากตัวอย่างท่เี กิดขน้ึ จริง  ลองแนะนำ� ใหเ้ ขาสงั เกตใจของตวั เอง สงั เกต  ท่ีใจของตัวเขาเองว่าสาเหตุแห่งทุกข์อยู่ท่ีใจเขาหรือเปล่า  เวลามคี วามหงดุ หงดิ  มคี วามไมพ่ อใจ อยา่ ไปโทษขา้ งนอก  ใหก้ ลบั มาดใู จ แลว้ จะพบวา่ สาเหตหุ รอื รากเหงา้ ของความ  ทกุ ขใ์ จอยทู่ ใ่ี จเรานน่ั แหละ เสยี งดงั อยา่ งไร ถา้ ใจเราเฉยๆ  กไ็ มร่ สู้ กึ หงดุ หงดิ  แตท่ เี่ ราหงดุ หงดิ เพราะไมช่ อบเสยี งนน้ั   เพราะใจเราไปผลักไสเสียงน้ัน  ให้เขาสังเกตจากใจของ  เขาเอง การเหน็ ดว้ ยตวั เองนนั้  จะทำ� ใหเ้ กดิ ความเชอ่ื  เกดิ   ความคลอ้ ยตาม และเกดิ การประจักษข์ ้นึ มา

พระไพศาล วสิ าโล ๘คําถาม โยมสวดมนต์ นั่งสมาธิ แต่ตอนน้ีย่ิงสวดมนต์ 83 ยิ่งนั่งสมาธิ  ก็ยิ่งเห็นอะไรยิ่งหงุดหงิด  เห็น  ความเจ็บปวดในอดีตท้ังๆ  ท่ีฟังธรรมะของพระอาจารย ์ และหลายๆ อยา่ ง ชว่ งทผี่ า่ นมานม้ี คี วามหงดุ หงดิ ในบา้ น  ครอบครัว  ข้างนอก  แม้เป็นเพียงเร่ืองเล็กๆ  แต่ก็ท�ำให ้ หงุดหงิด  พยายามข่มใจไว้  แต่ในใจก็ร้อนรุ่ม  เม่ือเช้านี้  เข้ามาฟังรายการแล้ว  ต้ังใจว่าจะน่ังสมาธิแค่  ๕  นาที  แตน่ ง่ั ได ้ ๔๕ นาท ี ใจกโ็ ปรง่  โลง่  แตพ่ อออกจากรายการ  อารมณ์หงุดหงิด  น้อยใจ  เสียใจก็กลับมาอีก  มีอาการ  อยา่ งนม้ี าทงั้ เดอื น ทงั้ ๆ ทร่ี อู้ ยวู่ า่ มนั เปน็ อดตี ทผี่ า่ นมาแลว้   และแกไ้ ขคนอน่ื ไมไ่ ด ้ ตอ้ งแกด้ ว้ ยใจตวั เอง ยง่ิ ขม่ กย็ งิ่ เศรา้   อย่างที่อาตมาบอก ย่ิงผลักไส ย่ิงกดข่ม  ยง่ิ ตอ่ อายใุ หก้ บั มนั  ปฏบิ ตั ใิ หมๆ่  เปน็ ธรรมดาทจ่ี ะมคี วาม  นอ้ ยใจ มคี วามเสยี ใจ หา้ มไมไ่ ดห้ รอก ดงั นน้ั กอ่ นอน่ื ตอ้ ง  เลกิ คาดหวงั วา่ ฉนั จะไมเ่ สยี ใจ ฉนั จะไมน่ อ้ ยใจ วางความ  คาดหวงั นนั้ ลง แม้จะเป็นเรอ่ื งเล็กน้อยก็ตาม ประการต่อมาคือให้  “มีสติ”  เห็นความหงุดหงิด  ความขุ่นมัว  ความน้อยใจนั้น  ถ้าหากว่าเห็นแล้ว  เผลอ 

ถาม- ตอบ หลดุ เขา้ ไปในอารมณน์ นั้  อาจจะตอ้ งมอี บุ าย เชน่  กลบั มา  อยกู่ บั ลมหายใจ หายใจเขา้ ลกึ ๆ หายใจออกยาวๆ ไมต่ อ้ ง  ไปทำ� อะไรกบั อารมณเ์ หลา่ นนั้  เพยี งแคถ่ อนจติ ออกมาอย ู่ กับส่ิงอื่นที่เป็นกลางๆ  เช่น  ลมหายใจเข้าออก  เวลาเดิน  จงกรม  ก็รู้ตัวเม่ือเดิน  เม่ือตัวขยับ  หรือมือที่พลิกไปมา  มันจะช่วยดงึ จิตออกจากอารมณเ์ หล่านนั้ ได้ คุณไม่ต้องไปกดข่ม  ผลักไส  หรือตอแยกับมัน  ถ้า  ไปโรมรนั พนั ตกู บั มนั  คณุ จะเสยี ทา่ มนั  มนั จะเกดิ ขน้ึ อยา่ งไร  84 ก็ช่างมัน ขอเพียงแต่ เอาใจของเรามาจดจ่ออยู่กับสิ่งท ่ี เป็นกศุ ล หรือสิ่งทเ่ี ปน็ กลางๆ เช่น ลมหายใจหาอะไรทำ�   อย่าอยู่นิ่งๆ  ใจอยู่กับปัจจุบัน  เมื่อใจอยู่กับปัจจุบัน  มันก็  จะวางอดตี  แมก้ ระทง่ั สงิ่ ปจั จบุ นั ทมี่ ารบกวน เชน่  เสยี งดงั   มนั กจ็ ะไม่มารบกวนจติ ใจ ต่อไปคุณจะมีสติไว  จนกระท่ังเห็นความหงุดหงิด  เหน็ อาการทใี่ จกระเพอื่ ม เม่ือเหน็ แล้วก็จะวางได ้ อย่าไป  ห้ามใจไม่ให้กระเพ่ือม  เรามักจะห้ามใจไม่ให้โกรธ  ไม่ให้  มีความน้อยใจ  ซ่ึงท�ำได้ยาก  แต่เรารู้ทันมันได้  เม่ือรู้ทัน  แล้วก็ไม่ไปยุ่ง  ไม่ไปตอแย  ไม่ไปข่มมัน  ปัญหาของคุณ  คอื คณุ พยายามไปขม่ มนั  พยายามไปบงั คบั ใจ วธิ นี ไี้ มไ่ ดผ้ ล

พระไพศาล  วิสาโล อย่างท่ีหลวงปู่ดูลย์กล่าวว่า ความโกรธนั้น  “ไม่มี ใครตัดให้ขาดได้หรอก  มีแต่รู้ทันมัน  เมื่อรู้ทัน  มันก็ดับ ไปเอง” ลองท�ำวธิ นี ้ีดู ๙คําถาม ผปู้ ว่ ยระยะทา้ ยทไ่ี ดร้ บั มอรฟ์ นี ระงบั ปวด สามารถ เจรญิ สติได้หรือไมค่ ะ   เด๋ียวน้ีการให้มอร์ฟีนพัฒนาไปมาก  ท�ำให้  85 ความเจบ็ ปวดลดลงโดยท่ีไม่ถงึ กบั เบลอ หลายคนท่ีได้รบั   มอรฟ์ นี เพอื่ ลดความเจบ็ ปวด กย็ งั ทำ� งานในชวี ติ ประจำ� วนั   ได้  ขับรถ  ข้ามถนน  โดยไม่เกิดอันตราย  เพราะฉะนั้น  เป็นไปได้ว่าให้มอร์ฟีนแล้ว  ความปวดลดลงจาก  ๘,  ๙  เหลอื  ๓, ๒ แลว้ ก็ยงั สามารถเจริญสติได้ ต่อไปก็อาจจะลองใช้มอร์ฟีนน้อยลง  จากความเจ็บ  ปวด ๒, ๓ ลองดวู า่ ถ้าเพม่ิ ถึง ๔ เราจะอยกู่ ับความเจบ็   ปวดโดยท่ียังมีสติได้หรือไม่  น่ีเป็นแบบฝึกหัดแบบหนึ่ง  แต่ถ้าใหม่ๆ  ยังท�ำไม่ได้  ก็ให้ความเจ็บปวดเหลือ  ๒  เหลอื  ๓ กพ็ อท่ีจะภาวนาได้

ถาม- ตอบ ๑๐คําถาม มีคุณป้าอายุ ๘๘ ปี ป่วยเป็นมะเร็งปอด ซึ่ง ไม่ได้บอกท่าน  รักษาตามอาการ  แต่มีอาการ  คนั เกอื บตลอดเวลา จะสามารถบอกทา่ นไดอ้ ยา่ งไรบา้ งคะ  เขา้ ใจว่าสขุ ทกุ ข์อยทู่ ี่ใจ แต่ท่านคงปฏิบตั ไิ ดย้ ากแล้ว   ชวนท่านน้อมนึกถึงส่ิงดีๆ  ท่ีท่านได้ท�ำ  ถ้า  ท่านเป็นคนท่ีชอบท�ำบุญ  ท�ำกุศล  ก็ชวนท่านพูดคุยเรื่อง  บญุ กศุ ล เรอ่ื งความดที ที่ า่ นไดท้ ำ�  หรอื ถา้ ทา่ นชอบทำ� วตั ร  86 สวดมนตก์ ช็ วนทา่ นสวดมนตด์ ว้ ยกนั  หรอื ใชก้ ารกลอ่ มเกลา  ใจในระดับทีเ่ หมาะสมกบั ทา่ น คนเราเวลาเจ็บป่วยนั้น  ถ้าจิตใจเป็นกุศลก็จะช่วย  ได้มาก  เช่น  นึกถึงความดีท่ีได้ท�ำ  นึกถึงพระรัตนตรัย  หรือสิ่งท่ีตนศรัทธา  และฝึกให้ท่านมีสติรู้ตัว  อยู่กับส่ิงที่  ก�ำลังท�ำอยู่ในปัจจุบัน  โดยไม่จ�ำเป็นต้องชวนท่านตาม  ลมหายใจ  หรือการท�ำสมาธิในรูปแบบก็ได้  การชวนท่าน  พูดคุยถึงความดีที่ท่านได้ท�ำ  พูดคุยถึงส่ิงท่ีท่านภูมิใจก ็ เปน็ วธิ หี นงึ่ ทจ่ี ะชว่ ยใหจ้ ติ ใจทา่ นเกดิ ปตี  ิ เมอ่ื พระพทุ ธเจา้   นำ� ทางผทู้ ใ่ี กลเ้ สยี ชวี ติ  พระองคแ์ นะนำ� ใหเ้ ขานอ้ มใจระลกึ   ถงึ พระรตั นตรยั ทตี่ นศรทั ธา รวมทง้ั ระลกึ ถงึ ความดที ไ่ี ดท้ ำ�

พระไพศาล วสิ าโล การฝกึ จติ ใหป้ ลอ่ ยวาง ถา้ สรปุ สนั้ ๆ กค็ อื  “ใหน้ กึ ถงึ   87 พระ ละทกุ สงิ่ ” สองอยา่ งทว่ี า่ น ี้ คณุ อาจชวนคณุ ปา้ ทำ� กไ็ ด ้ ใหน้ กึ ถงึ พระอยเู่ นอื งๆ “พระ” ในทนี่ ร้ี วมถงึ ความดที ไ่ี ดท้ ำ�   และบุญกุศลท่ีบ�ำเพ็ญในอดีตด้วย  หรือถ้ายังท�ำบุญได้ก ็ ทำ� ไปเรอ่ื ยๆ ใหจ้ ติ ใจเปน็ กศุ ล อยา่ งนเ้ี รยี กวา่  “นกึ ถงึ พระ”  ส่วน  “ละทุกส่ิง”  ก็คือปล่อยวาง  ชวนท่านให้ปล่อยวาง  ไมต่ อ้ งบอกตรงๆ คอ่ ยๆ พดู  คอ่ ยๆ นำ� ทา่ นใหป้ ลอ่ ยวาง  เรอ่ื งลกู  เรอ่ื งหลาน เร่ืองทรพั ยส์ มบตั  ิ อนั นเ้ี ปน็ การเตรยี มใหท้ า่ นเผชญิ ความตายอยา่ งสงบ  นอกเหนอื จากทอี่ าตมาไดพ้ ดู มา คอื การฝกึ ใหม้ สี ต ิ ความ  รู้สึกตัวเวลาท�ำอะไร  วิธีที่ว่านี้คนแก่อาจจะท�ำได้ยาก  เพราะหลงๆ ลมื ๆ แลว้  แตถ่ า้ ทำ�  ๒ อยา่ งน ี้ คอื  “นกึ ถงึ   พระ ละทกุ สงิ่ ” ก็จะช่วยไดม้ าก

ใจทปำ� ดลี ด่อว้ ยยวาง Pdf file Book พระไพศาล  วิสาโล www.visalo.org Facebook : พระไพศาล วสิ าโล Facebook : Phra Paisal Visalo Facebook : วดั ป่าสคุ ะโต ธรรมชาติทพี่ กั ใจ ชมรมกลั ยาณธรรม หนังสือดีล�ำดบั ท ่ี ๔๑๔ พมิ พค์ รงั้ ที่ ๑ : มกราคม ๒๕๖๕  จ�ำนวนพิมพ์ ๓,๐๐๐ เล่ม จดั พิมพโ์ ดย  ชมรมกลั ยาณธรรม ๑๐๐ ถนนประโคนชยั  ต�ำบลปากน�้ำ  อำ� เภอเมือง จังหวัดสมทุ รปราการ ๑๐๒๗๐  โทรศัพท์ ๐-๒๗๐๒-๗๓๕๓ และ ๐-๒๗๐๒-๙๖๒๔ ภาพประกอบ เซมเบ้ ถอดเทป จิตอาสากัลยาณธรรม ออกแบบปก/รปู เลม่  คนขา้ งหลัง พสิ จู นอ์ ักษร ทีมงานกลั ยาณธรรม พิมพท์ ี่ บรษิ ัทส�ำนักพิมพ์สภุ า จ�ำกัด โทร. ๐-๒๔๓๕-๘๕๓๐ สพั พทานัง ธมั มทานงั  ชินาต ิ  การให้ธรรมะเปน็ ทาน ยอ่ มชนะการให้ทั้งปวง www.kanlayanatam.com kanlayanatam kLainnela oyfafnicaiatal m: 2

ถา้ เราวางใจเป็น  การท�ำความดีกน็ ำ� มาซงึ่ ความสุขใจ และชว่ ยให้ทำ� ได้อยา่ งต่อเนื่อง แต่ถ้าเรามเี งอื่ นไขมาก เพราะเราวางใจไมเ่ ป็น เราก็จะทำ� ความดดี ้วยความทุกข์ สุดท้ายกเ็ ลิกทำ� ความดีไปเลย เม่ือเราไมท่ ำ� ความด ี ผลเสยี กจ็ ะเกิดกับเราเอง ความดีเปน็ ส่วนที่ช่วยเตมิ ความสขุ เติมกศุ ลให้กับชวี ิตและจติ ใจของเรา www.kanlayanatam.com Facebook : kanlayanatam