Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ผ้าปะลางิง ภูมิปัญญาผ้าพิมพ์ลายบล๊อกไม้ที่ใกล้สูญหาย

ผ้าปะลางิง ภูมิปัญญาผ้าพิมพ์ลายบล๊อกไม้ที่ใกล้สูญหาย

Description: ผ้าปะลางิง ภูมิปัญญาผ้าพิมพ์ลายบล๊อกไม้ที่ใกล้สูญหาย.

Search

Read the Text Version

ผ้าปะลางงิ ภมู ิปญั ญาผา้ พมิ พล์ ายบลอ็ กไมท้ ่ีใกล้สญู หาย

เป็นผ้าทอพ้ืนถ่ินชายแดนภาคใต้ ท่ีรวบรวมไว้ซ่ึงหลาก จนเมอื่ ลกู หลานชาวใตก้ ลมุ่ หนงึ่ ไดม้ คี วาพยายามรอ้ื ฟนื้ หลายวัฒนธรรมท้ังชาวไทยพุทธ ชาวไทยมุสลิม และชาวไทย ผ้าปะลางงิ ที่สูญหายไปแลว้ ใหก้ ลับมามชี วี ิตข้ึนอกี ครง้ั จากทไ่ี ดม้ ี เช้ือสายจีน เป็นผ้าทอพื้นเมืองที่สามารถบอกเล่าวัฒนธรรมที่มี โอกาสพบเห็นผ้าปะลางิงโบราณผืนเก่าและได้ทำ�การศึกษาค้นคว้า มาแต่โบราณ ของชาว 3 จงั หวดั ชายแดนภาคใต้ ดงั ท่ปี รากฏใน ข้อมูลเพ่ิมเติม โดยใช้ผ้าท่ีพบเป็นต้นแบบในการศึกษาและถักทอ จังหวดั ยะลา จงั หวัดปัตตานี และจงั หวัดนราธวิ าส โดยผ้าปะลางิ ขนึ้ ใหม่ จ�ำ นวน 2 ผนื ปจั จบุ นั ไดถ้ กู เกบ็ รกั ษาไว้ในพพิ ธิ ภณั ฑสถาน งถูกค้นพบในราวปี พ.ศ. 2472 ตามหลักฐานทางภาพถา่ ยในหอ แหง่ ชาตพิ ระนคร ดว้ ยความพยายามอนรุ กั ษ์ และรอื้ ฟน้ื ผา้ ปะลางงิ จดหมายเหตเุ มอื่ ครงั้ ทพี่ ระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสดจ็ ฯ นเ้ี อง ท�ำ ใหผ้ า้ ปะลางงิ ไดก้ ลบั มามลี มหายใจอกี ครงั้ นบั ไดว้ า่ เปน็ ผา้ ประพาส จงั หวดั ปตั ตานี ชาวบา้ นทม่ี ารอรบั เสดจ็ ไดส้ วมใสผ่ า้ ปะลางิ พน้ื เมอื งโบราณทบ่ี อกเลา่ เอกลกั ษณค์ วามเปน็ ชาวใตผ้ า่ นลวดลาย งผนื งามเพอ่ื รอรบั เสดจ็ ฯ ในวนั ส�ำ คญั ดังกลา่ ว บนผนื ผา้ ทม่ี คี วามงดงาม จนเปน็ ทยี่ อมรบั และไดค้ วามนยิ มจากทงั้ หลังจากน้ันผ้าปะลางิงค่อย ๆ เลือนหายไปจาก ลูกคา้ ชาวไทยและชาวตา่ งชาติมาจนถึงปัจจุบนั วฒั นธรรมชาวใต้ ดว้ ยขอ้ สนั นษิ ฐานทวี่ า่ 3 จงั หวดั ชายแดนภาคใต้ จงั หวดั ยะลา ปตั ตานี และนราธวิ าส มฝี นตกชกุ จงึ เปน็ อปุ สรรคตอ่ ความพยายามฟื้นฟูผ้าปะลางิงเกิดขึ้นเมื่อ ผู้ก่อตั้งกลุ่ม การปลกู หมอ่ นเลยี้ งไหม ชาวบา้ นในพน้ื ทจ่ี งึ หนั ไปประกอบอาชพี อน่ื ศรยี ะลาบาตกิ ไดศ้ กึ ษาคน้ ควา้ และถกั ทอ ผา้ ปะลางงิ ขน้ึ 2 ผนื เปน็ ทดแทน ทำ�ใหว้ ตั ถดุ บิ ในการทอผ้าปะลางิงเริ่มหาไดย้ าก เปน็ เหตุ ลายผา้ จวนตานี ปัจจบุ ันเกบ็ รกั ษาอยู่ในพพิ ิธภัณฑสถานแห่งชาติ ให้อาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและการทอผ้าปะลางิงได้สูญหายไป พระนคร จ.กรุงเทพฯ พร้อมตวั แมพ่ ิมพ์ ผกู้ อ่ ตัง้ กลุ่มศรียะลาบา พรอ้ ม ๆ กัน เปน็ เวลานานนับ 80 ปี ติกผนู้ ี้ยงั ได้ผลติ ผ้าปะลางิงลายโบราณตา่ งๆ จ�ำ นวน 32 ผนื แต่ นา่ เสยี ดายหลงั จากนน้ั ผา้ ทง้ั หมดตกอยู่ในมอื ของชาวตา่ งชาติ แต่ ความพยายามดังกล่าวไม่สูญเปล่า เพราะในปัจจุบันผ้าปะลางิงได้ กลับมาเป็นศิลปหัตถกรรมท่ีได้รับความนิยมจากท้ังชาวไทยและ ชาวตา่ งชาติ 1

คุณคา่ ความสำ�คัญ ทางวัฒนธรรมของงานผ้าปะลางิง ผา้ ปะลางงิ เปน็ ผา้ ทอทถี่ อื เปน็ เอกลกั ษณข์ องวฒั นธรรม นอกจากน้ี ผ้าปะลางงิ ยังเปน็ เคร่อื งบ่งบอกสถานะของผู้ แดนใต้ ท่ีรวบรวมไว้ซ่ึงหลากหลายวัฒนธรรม ทั้งชาวไทยพุทธ ครอบครองได้ หากเปน็ ผมู้ สี ถานะชนชน้ั ขนุ นางจะสวมใสผ่ า้ ปะลางงิ ชาวไทยมุสลิม และชาวไทยเชื้อสายจีนบอกเล่าเรื่องราวผ่าน ทถี่ กั ทอดว้ ยเสน้ ไหมแทค้ ณุ ภาพดตี ลอดทงั้ ผนื สว่ นสแี ละลวดลาย ลวดลายด้วยแม่พิมพ์ไม้แกะสลักเป็นลวดลายที่พบเห็นได้ในท้อง จะพิมพ์ทับด้วยทอง ลวดลายเย็บตกแต่งด้วยแล่งเงินแล่งทองให้ ถ่ินแดนใต้โดยเฉพาะลวดลายสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรม เช่น ดูสมฐานะ หากเป็นสามัญชยทวั่ ไปจะใช้ผ้าทท่ี �ำ จากเส้นใยฝ้ายและ ลายกระเบอ้ื ง ลายดา้ มกรชิ ลายชอ่ งระบายลม ลายประตูลูกกรง ลวดลายพมิ พ์ด้วยน้ำ�เทียนตามปกติ มสั ยดิ ลายดอกสาละ และลวดลายจากเพดานโบสถ์ในวัด เปน็ ต้น ในอดีตผ้าปะลางิงนิยมนำ�มาสวมใส่ร่วมกับผ้าจวนตานี ลวดลายบนผนื ผา้ ปะลางงิ ลว้ นสะทอ้ นวถิ ชี วี ติ และบอกเลา่ เรอื่ งราว หรอื ผา้ ปาเตะ๊ โดยสามารถน�ำ ผา้ ปะลางงิ มาสวมใส่ไดห้ ลากหลายวธิ ี ความเปน็ ชาวใต้ไดอ้ ย่างสมบูรณ์ เชน่ นงุ่ เปน็ ผา้ นงุ่ หม่ เปน็ ผา้ สไบ น�ำ มาโพกศรี ษะหรอื น�ำ มาคาดเอว ผา้ ปะลางงิ เปน็ ผนื ผา้ ทรี่ วบรวมไวซ้ ง่ึ ศาสตรเ์ ชงิ ชา่ งหลาย เปน็ ต้น สามารถสรา้ งสรรค์ลวดลายลงบนผืนผ้าได้หลายชนิด ท้ัง แขนงเขา้ ไวด้ ว้ ยกนั เปน็ งานหตั ถกรรมทเ่ี กดิ จากการรว่ มมอื กนั ของ ผา้ แพรจีน ผ้าไหม และผา้ ฝา้ ย ซึ่งเสน้ ใยจะมีความนมุ่ ละมุนแตก ชา่ งทอผา้ ชา่ งแกะสลกั ไม้ (ท�ำ แมพ่ มิ พ)์ ชา่ งยอ้ มผา้ และชา่ งเพน้ ท์ ต่างกัน ทุกกระบวนการล้วนทำ�ด้วยมือท้ังสิ้นจึงกล่าวได้ว่าผืนผ้า ลวดลาย ช่างแต่ละคนจะมีหน้าที่และความชำ�นาญที่แตกต่างกัน ปะลางิงทุกผนื มเี พยี งชน้ิ เดยี วในโลก จึงถือได้ว่าผ้าหน่ึงผืนต้องใช้ความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ผ้าปะลางิงได้สูญหายไปจากชาวใต้กว่า 80 ปี จนถูก ประกอบกับกระบวนการผลิตท่ีหลากหลายข้ันตอนจึงทำ�ให้การทำ� ร้อื ฟ้ืนให้กลับมามลี มหายใจอกี ครงั้ ดว้ ยการศกึ ษาค้นคว้าโดยลกู ผ้าปะลางิงหนึ่งผืนต้องใช้ระยะเวลาในการผลิตนานหลายเดือนจึง หลานชาวใต้ ที่เคยผูกพันกับวิถีชีวิต กลิ่นอายและวัฒนธรรมที่ แล้วเสร็จเปน็ ผืนผา้ ที่มคี วามงดงาม ได้เล็งเห็นถึคุณค่าภูมิปัญญาผ้าปะลางิงโบราณ ท่ีสาบสูญหายไป ให้กลับมาเปน็ มรดกของลูกหลานชาวใต้ ให้ได้มีโอกาสไดเ้ ห็นและ สบื ทอดอีกครั้ง 2

เอกลักษณท์ างกายภาพ และเอกลกั ษณ์ ท่ีโดดเดน่ ในงานผา้ ปะลางิง กระบวนการท�ำ ผา้ ปะลางงิ มคี วามซบั ซอ้ นและขน้ั ตอนยาก กว่าผา้ บาตกิ ทัง้ การทอ การพมิ พล์ าย การมดั ยอ้ ม หรอื แมก้ ระท่งั การสร้างบลอ็ กไมพ้ มิ พ์ เหมอื นรวบรวมเทคนิคการทำ�ผา้ ของภาค ใตม้ าอยู่ในผ้าหนงึ่ ผืน นับวา่ เปน็ เอกลักษณข์ องผ้าผืนน้ี ลวดลายของผ้าปะลางิง ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก วฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ และวถิ ชี วี ติ ใต้ เชน่ ลายจากกระเบอ้ื งโบราณ ลาย จากช่องลมตามสถาปัตยกรรมเก่า ลายจากแม่พิมพ์ขนมโบราณ ลายการละเลน่ วา่ ว หรือการแกะลายผา้ โบราณตา่ งๆ เมื่อถามถึงวัตถุดิบของผ้าปะลางิง เป็นไหมผสมกับใย ฝา้ ย ดว้ ยทภี่ าคใต้ไมส่ ามารถเลย้ี งไหมเองได้ จงึ มกี ารใชก้ ลมุ่ เครอื ขา่ ยข้ึนมา เพอื่ ปอ้ นไหมจากทอี่ ื่นๆ มาให้ สว่ นวตั ถุดบิ ที่ใช้ยอ้ มสี จะมที งั้ สธี รรมชาติ และสเี คมี และส�ำ หรบั วธิ กี ารดแู ลและรกั ษาเนอ้ื ผา้ ปะลางงิ รวมถงึ ผา้ ทอมอื ชนดิ ตา่ งๆ แนะน�ำ วา่ เมอื่ ซกั แลว้ ไมค่ วร น�ำ ไปตากแดด และควรซกั ดว้ ยมอื อยา่ งทะนถุ นอม จะท�ำ ใหผ้ า้ มสี ที ่ี สวยสดและรกั ษาเนอื้ ผา้ ไว้ใหค้ งทนยาวนาน นคี่ อื เอกลกั ษณเ์ ฉพาะ ตัวของผ้าปะลางิง 3

4

5

6

7

ภมู ปิ ัญญาทส่ี ะท้อนทกั ษะเชงิ ชา่ ง และเทคนคิ หรอื ขั้นตอน กระบวนการในงานผ้าปะลางิง ผ้าปะลางิง เป็นผ้าทอมือที่นิยมใช้ท้ังเส้นใยไหม และ เส้นใยฝ้าย หรือเส้นใยไหมผสมกับเส้นใยฝ้าย ด้วยข้อจำ�กัดของ สภาพภมู ปิ ระเทศทไี่ มเ่ ออ้ื อ�ำ นวย ท�ำ ใหภ้ าคใต้ไมเ่ หมาะกบั การปลกู หมอ่ นเลยี้ งไหม จงึ มกี ารเลอื กใชเ้ สน้ ใยไหมคณุ ภาพดจี ากกลมุ่ เครอื ข่ายทดแทน สว่ นวัตถดุ บิ ท่ีใช้ยอ้ มสีจะมที ัง้ สีธรรมชาติ และสเี คม ี ซ่ึงผ้าปะลางิงเป็นผ้าท่ีรวบรวมเทคนิคเชิงช่างไว้หลายแขนงอยู่ใน ผ้าหน่งึ ผนื โดยมกี ระบวนการท่ีสลบั ซับซอ้ น ดังนี้ • การทอผ้า ดว้ ยเทคนิคการยกดอก โดยการใช้กท่ี อท่ปี ระยุกต์จากกี่ รปู แบบโบราณเพอื่ ความสะดวกรวดเรว็ ในการทอผา้ ทอดว้ ยการใช้ เทคนคิ ในการท�ำ ลวดลายในการทอ โดยการยกเสน้ ไหมยนื สลบั ขน้ึ ลงแลว้ ใช้ไหมเสน้ พงุ่ พงุ่ สอดเขา้ ไปในการทอ ท�ำ ใหเ้ กดิ ลวดลายนนู เดน่ นยิ มทอเปน็ ลายเสน้ ตรง หรอื ลายลกู แกว้ เปน็ ลวดลายโบราณ ดั้งเดิมทีย่ งั คงไดร้ ับความนยิ มอยู่ในปจั จบุ นั 8

• การแกะสลกั แม่พิมพ์ไม้ หรือบลอ็ กไม้ โดยการออกแบบลวดลายท่ีต้องการแล้วนำ�ไปแกะสลัก ลงบนไมท้ ี่มีความทนทานตอ่ ความรอ้ น แข็งแรง ไมพ่ พุ งั ง่าย เชน่ ไม้ขนนุ ไม้มะม่วงปา่ เป็นตน้ สว่ นของแป้นนิยมทำ�จากไมเ้ น้ือแข็ง สว่ นของด้ามจบั นยิ มท�ำ จากไมส้ กั (ไมส้ ักเปน็ ไมท้ ี่มนี ำ�้ หนกั จะชว่ ย เพิ่มน้ำ�หนักมือเมื่อนำ�ไปกดลายลงมือผืนผ้า) ช่างแกะสลักต้องมี ความชำ�นาญในการแกะสลักลวดลายให้มีความเรียบเนียนในทุก ดา้ น ควรมชี อ่ งไฟที่สมดลุ ตลอดทงั้ ลวดลาย โดยควรมขี นาดของ ลวดลายไม่เกิน 4-5 ตารางนวิ้ และขนาดของแมพ่ มิ พท์ ่ีเหมาะสม ตอ่ การน�ำ ไปใชง้ านอยู่ท่ขี นาดความกว้าง 4x5 ตารางนิว้ หรอื 5x5 ตารางน้ิว หลังจากแกะสลักลวดลายเสร็จแล้วต้องมีการทดลอง แม่พิมพ์ โดยพิมพ์ลงบนกระดาษเพ่ือตรวจสอบลวดลายว่ามีมี ความตอ่ เนื่องสวยงาม หรือมีความบกพรอ่ งตรงจดุ ใด ทั้งนคี้ วาม สวยงามของลวดลายเมื่อนำ�ไปพิมพ์ข้ึนอยู่กับความชำ�นาญในการ ลงน�้ำ หนักมือของช่างเปน็ ส�ำ คัญ 9 การตีขอบบาตร

10

การตอ่ เสน้ ดา้ ยยนื • การมดั ยอ้ ม เป็นขนั้ ตอนส�ำ คญั ในการท�ำ ใหผ้ า้ มสี สี นั โดยผา้ ปะลางิง นยิ มยอ้ มดว้ ยโทนสที มี่ คี วามสดใส ใช้ไดท้ งั้ สเี คมแี ละสธี รรมชาติ ใน อดีตจะมัดลวดลายดว้ ยวิธกี ารเย็บสอยผา้ ใหเ้ กิดเปน็ ลวดลายตาม ทตี่ อ้ งการ ปจั จบุ นั ใชว้ ธิ กี ารมดั เหมอื นการมดั ยอ้ มทว่ั ไป เนอ่ื งจาก สะดวกรวดเรว็ มากกวา่ เทคนคิ การมดั ยอ้ มเพอื่ ใหเ้ กดิ ตวั ลายขน้ึ มา ก่อนจะออกมาเป็นในลักษณะแบบน้ีท่ีเราจับย้อมขึ้นมาในแต่ละตัว แต่ละตัว หลังจากนั้นเราก็เขียนทับเพื่อ สร้างลวดลายข้ึนอีกครั้ง และเข้าสู่กระบวนการกัดสี เพื่อให้เหลือเพียงสีขาวนวล และนำ�ไป สกู่ ารกระบวนการลงสีพ้นื ใหมอ่ ีกครัง้ 11

• การเพน้ ทล์ วดลาย นยิ มออกแบบคสู่ ตี ดั กนั อยา่ งเพอื่ เพมิ่ ความโดดเดน่ ใหก้ บั ผืนผา้ เช่น สีเขียวคกู่ ับสีม่วง สแี ดงคกู่ บั สเี ขยี ว สีฟา้ คกู่ บั สีชมพู เป็นตน้ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความสมบูรณข์ องสี มีการไลส่ ไี ลน่ ้ำ�หนกั รวม ถงึ การระบายให้เกิดแสงเงา 12 การเกบ็ ตะกอ

13

• การเคลือบสี ขั้นตอนเดียวกับการทำ�ผา้ บาติกเปน็ วธิ ชี ่วยให้สีไม่ ตกและติดทนนาน กระบวนการท�ำ ผา้ ปะลางงิ มคี วามซบั ซอ้ นและขน้ั ตอนยาก กว่าผา้ บาตกิ ท้ังการทอ การพมิ พ์ลาย การมดั ย้อม หรอื แมก้ ระท่ัง การสรา้ งบลอ็ กไมพ้ ิมพ์ เหมือนรวบรวมเทคนคิ การทำ�ผา้ ของภาค ใตม้ าอยู่ในผา้ หนง่ึ ผนื นบั วา่ เปน็ เอกลกั ษณข์ องผา้ ปะลางงิ ทมี่ คี วาม โดดเดน่ ไมเ่ หมือนใคร 14

ครปู ิยะ สวุ รรณพฤกษ์ ครูช่างศิลปหัตถกรรม ประจ�ำ ปี 2560 การอนรุ ักษ์สืบสานภูมปิ ัญญา ของงานผา้ ปะลางงิ ผ้าปะลางิง เป็นเหมอื นผา้ ท่เี ป็นศูนย์รวมของการทำ�งาน ผ้าปะลางิงได้สูญหายไปจากวิถีชีวิตคนใต้นานนับ 80 ของช่างฝีมือหลายแขนง ทงั้ ชา่ งทอผ้า ช่างแกะสลักไม้ ช่างยอ้ มผ้า ปี จนในชว่ งประมาณ 10 กวา่ ปที ่ผี ่านมานี้ ผา้ ปะลางิง ถูกร้ือฟน้ื และชา่ งเพน้ ทผ์ า้ โดยเรมิ่ ตน้ กระบวนการโดยการเตรยี มผนื ผา้ ผา่ น คืนชีวิตมาอีกครั้งหน่ึง โดยผู้มีส่วนร้ือฟื้นการทำ� “ผ้าปะลางิง” ฝีมือการยกดอกของช่างทอ เสร็จจากช่างทอก็เข้าสู่กระบวนการ ให้กลับมาอยู่ในวิถีของคนแถบชายแดนใต้ จนท่ีเป็นที่รู้จักและ ของช่างไม้ท่ีต้องแกะสลักแม่พิมพ์ไม้ หลังจากนั้นก็ส่งต่อให้ช่าง เป็นท่ีนิยมกันอย่างกว้างขวางจนผ้าปะลางิงกลายเป็นผ้าท่ีมีชื่อ มดั ยอ้ มสรา้ งสรรคส์ สี นั ลงบนผนื ผา้ แลว้ จงึ เขา้ สกู่ ระบวนการพมิ พ์ เสียงประจำ�จังหวัดยะลา มาจนถึงในปัจจุบันนี้ น่ันก็คือ “ครูปิยะ ลวดลายและเพน้ ทล์ วดลาย จะเหน็ ไดว้ า่ ผเปะลางงิ หนงึ่ ผนื รวบรวม สุวรรณพฤกษ์” ซึ่งจุดเร่ิมต้นและแรงบันดาลใจจากการที่ได้ ไว้ซึ่งเทคนิคการทำ�ไว้อย่างมากมาย ทุกกระบวนการล้วนมีความ พบเหน็ ผา้ ทอมอื ผนื เกา่ ของคณุ ยาย เปน็ ผา้ โบราณหายากทสี่ ญู หาย ส�ำ คญั ทเี่ ทา่ เทยี มกนั แตด่ ว้ ยกระบวนการทม่ี คี วามยากและสลบั ซบั ไปจากพ้ืนถิ่นนานนับ 80 ปี ท�ำ ใหเ้ กิดความเสียดายในเอกลกั ษณ์ ซอ้ น ตอ้ งอาศยั ความรว่ มมอื ของชา่ งทกุ ฝา่ ยจงึ จะส�ำ เรจ็ เปน็ ผา้ หนง่ึ ของผา้ โบราณชนดิ น้ี เปน็ จดุ เรม่ิ ตน้ ใหค้ ณุ ปยิ ะคน้ ควา้ หาความรู้ จน ผืนได้ต้องใช้ระยะเวลาท่ียาวนาน ประกอบกับสภาพแวดล้อมทาง ไดร้ ู้ว่าผา้ ผนื สวยอันทรงคุณค่านม้ี ีชอื่ เรียกขานวา่ “ผา้ ปะลางงิ ” ภาคใต้ไมเ่ อื้ออำ�นวยต่อการปลูกหมอ่ นเล้ยี งไหม จงึ ทำ�ให้วัตถุดิบ ในการผลิตหาได้ไม่งา่ ยนัก เปน็ สาเหตใุ ห้ผ้าปะลางงิ ค่อย ๆ เลือน หายไปจากวถิ ชี วี ติ ของคนภาคใต้ และการหาชา่ งทอทจ่ี ะสบื สานตอ่ ก็เป็นได้ยากดว้ ย 15

16

17

ความพยายามฟ้ืนฟูผ้าปะลางิงในครั้งน้ันทำ�ให้ครูปิยะ สวุ รรณพฤกษ์ รวบรวมขอ้ มลู อนั เปน็ ความรู้ โดยเรมิ่ ศกึ ษาคน้ ควา้ และถกั ทอผา้ ปะลางงิ ขน้ึ 2 ผนื โดยดตู น้ แบบจากผา้ ผนื เกา่ ของคณุ ยาย และสืบคน้ ขอ้ มลู เพิม่ เตมิ เพ่อื สรา้ งสรรคผ์ า้ ใหอ้ อกมาเหมอื น ต้นฉบับตามแบบโบราณมากที่สุด โดยได้ทำ�เป็นลวดลายผ้าจวน ตานี ปัจจุบันผ้าได้ถูกเก็บรักษาอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พร้อมตัวแม่พิมพ์ และได้ผลิตผ้าปะลางิงลายโบราณขึ้นอีกเป็น จ�ำ นวน 32 ผืน แต่นา่ เสียดายหลังจากน้นั ผา้ เหลา่ นนั้ ไดต้ กอยู่ใน มอื ของชาวต่างชาตทิ ้ังส้นิ นายปิยะได้รวบรวมลวดลายผ้าปะลางิงเอาไว้ มากมาย โดยไดแ้ รงบนั ดาลใจมาจากวฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ และวถิ ชี วี ติ ชาวใต้ เชน่ ลายกระเบอื้ งโบราณ ลายช่องลมตามสถาปตั ยกรรม เกา่ ลายแมพ่ มิ พข์ นมโบราณ ลายละเลน่ วา่ ว หรอื แกะลายผา้ โบราณ ต่างๆ ได้ทำ�การจดหบันทกึ วาดร่างลวดลายและพฒั นาขน้ึ อีกกวา่ 200 ลาย ดว้ ยความอตุ สาหะทจี่ ะพยายามฟนื้ ฟผู า้ ปะลางงิ ขนึ้ มาอกี ครงั้ จนท�ำ ให้ในปจั จบุ นั นผี้ า้ ปะลางงิ ไดร้ บั การยอมรบั และกลบั มา มีลมหายใจอยกู่ ับชาวใตอ้ กี ครงั้ 18

การถา่ ยทอดสง่ ตอ่ ภูมิปัญญาเพื่ออนรุ ักษ์สืบสาน และพฒั นาสร้างสรรคต์ ่อยอดงานผา้ ปะลางงิ ด้วยกระบวนการท่ีสลับซับซ้อนในการสร้างสรรค์ผ้า ครปู ยิ ะไดม้ กี ารพฒั นาผลงานอยเู่ สมอ ทง้ั การยอ้ มสสี นั ที่ ประลางิง จึงทำ�ให้ในปัจจุบันแทบไม่เหลือช่างท่ีมีความสามารถ ในอดีตนิย มใช้ทั้งสีเคมแี ละสธี รรมชาติ ปจั จุบนั ได้ปรบั เปล่ียนมา สรา้ งสรรคผ์ า้ ชนิดนีไ้ ด้ จนผ้าปะลางิงได้เคยสูญหายไปจากคนไทย ให้เปน็ สีธรรมชาตเิ กอื บ 100 % เนือ่ งด้วยเลง็ เหน็ ถึงผลกระทบ นานนบั 80 ปี จนเมอื่ ครปู ยิ ะไดเ้ ลง็ เหน็ คณุ คา่ และรอื้ ฟนื้ ภมู ปิ ญั ญา ต่อสิ่งแวดล้อมจึงมุ่งเน้นพัฒนาการย้อมสีธรรมชาติจากวัตถุดิบ ขน้ึ มาอกี ครงั้ ดว้ ยความมงุ่ หวงั ใหผ้ า้ ปะลางงิ ไดก้ ลบั มาอยู่ในวถิ ชี วี ติ ท่มี ีในท้องถน่ิ เชน่ เปลอื กกลว้ ยหิน ดิน และเปลือกเงาะ เป็นต้น ของคนใต้อีกคร้ังหน่ึง จึงจัดตั้งกลุ่ม “ศรียะลาบาติก” ข้ึนเพื่อ ไดม้ กี ารพัฒนาสรา้ งสรรค์กระบวนการผลิตผา้ ปะลางงิ ใหม้ มี ิติของ รวบรวมช่างฝีมือท่ีมีใจรักในผ้าปะลางิงให้ได้มารวมกลุ่มกันเพื่อ สีสันและลวดลายท่ีมีความแปลกสะดุดตายิ่งข้ึน จนทำ�ให้ “ผ้าปะ แลกเปล่ียนเรียนรู้และพัฒนาผลงานไปด้วยกัน ทำ�ให้ผ้าปะลางิง ลางิง” ฟื้นคืนชีวิตเป็นที่รู้จักและนิยมกันอย่างกว้างขวาง จนเป็น ได้รับการฟน้ื ฟดู ้านองค์ความรู้ เทคนิค และรวบการผลติ ข้นึ มาอกี ผา้ ทม่ี ชี อื่ เสยี งประจำ�ของจังหวัดยะลา ครัง้ การสรา้ งสรรคผ์ า้ ปะลางงิ ใหก้ ลบั มามลี มหายใจขน้ึ มาอกี คร้ัง นับเป็นความสำ�เร็จท่ีมาจากความเพียรพยายามและการเล็ง เห็นคณุ ค่าทางภมู ปิ ัญญาของครปู ิยะ มีความตัง้ ใจท่ีจะถา่ ยทอดสู่ เยาวชน คนรนุ่ ใหม่ เพอื่ ชว่ ยเปน็ อกี แรงผลกั ดนั ทจ่ี ะท�ำ ใหผ้ า้ ปะลางิ งยงั คงอยู่ไดต้ อ่ ไปในอนาคต ดว้ ยการทมุ่ เทแรงกาย แรงใจ ในครงั้ นั้นจึงกล่าวได้ว่าครูปิยะคือบุคคลสำ�คัญในการรื้อฟ้ืนผ้าปะลางิงที่ สญู หายไปใหก้ ลบั มามลี มหายใจอีกครง้ั 19

“ผา้ ปะลางงิ เปน็ ผ้าที่รวบรวมศาสตร์และศิลป์ เชงิ ชา่ งหลายแขนงเข้าไว้ดว้ ยกันในผ้าหนึง่ ผืน ผมภมู ิใจท่ฟี ืน้ ฟูผ้าผนื ปะลางิงโบราณที่เคย สญู หายไปจากวิถีชีวิตของคนใหน้ านนับ 80 ปี ให้กลับมามีลมหายใจข้นึ อีกครง้ั แลว้ ต้งั ใจจะ ส่งตอ่ ภูมิปัญญาอันทรงคณุ คา่ นีใ้ หค้ งอยู๋ตอ่ ไป ชั่วลูกชั่วหลาน” ครูปยิ ะ สวุ รรณพฤกษ์ ครชู า่ งศลิ ปหัตถกรรม ประจำ�ปี 2560 20