ของพระผูเปนเจา” หรือผูไมใชชาวมุสลิม เขาจะไมพบหนทางไปสูสรวง สวรรคช่ัวนิจนิรันดรและจะถูกสงลงไปยังขุมนรก ตามท่ีพระผูเปนเจาได ตรัสไวว า : ﴿َﻣَﻦ ﻳَبْﺘَﻎِ � �َ َْ اﻹِﺳْﻼَمِ دِﻳﻨﺎًﻓَﻠَﻦ �ُﻘ ﺒَْﻞَ ﻣِﻨْﻪُ وَﻫُﻮَ ﻲ ِﻓ اﻵ ِﺧﺮَ ِة ِﻣ َﻦ ( 85 : ﻟَْﺎﺮ ِ ِﺳ� َﻦ﴾ )آل ﻋﻤﺮان “และผูใดแสวงหาศาสนาหน่ึงศาสนาใดอื่นจากอิสลามแลว ศาสนานั้นก็จะไมถูกรับจากเขาเปนอันขาด และในปรโลกเขาจะ อยูในหมูผ ขู าดทุน” (พระคัมภรี อัลกุรอาน, 3:85) และตามท่ีพระองคไดตรัสไววา : ا﴿ ﻷراْﺬﻟَِّضِﻳﻦ َذَ �ﻫََﺒﻔﺎًَﺮوَُولَا ِْﻮ واَ�ْﻣﺘََﺎﺗﺪَُﻮاىْ ِﺑوَِﻪﻫُﻢأُْوْ ﻟﻛَُـﻔﺌَِّﻚﺎَرٌ لَﻓ َُﻬﻠ َْﻢﻦ � َﻋُﻘ َﺬ ﺒْاَﻞٌَب ﻣأَِِﻦﻢٌْ أوَﺣَﻣََﺪﺎِ ﻫلَِﻢﻬُ ﻢﻣ ّﻣِﻞ ِّْ ُءﻦ ( 91 : ّﺎﺮ ِ ِﺻ� َﻦ﴾ )آل ﻋﻤﺮان “แทจริงบรรดาผูที่ปฏิเสธศรัทธา และพวกเขาไดเสียชีวิตไปใน ขณะที่พวกเขาเปนผูปฏิเสธศรัทธาน้ัน ทองเต็มแผนดินก็จะไมถูก รับจากคนใดในพวกเขาเปน อนั ขาด และแมวาเขาจะใชทองน้ันไถ ตัวเขาก็ตาม ชนเหลาน้ีแหละสําหรับพวกเขาน้ัน คือการลงโทษ อันเจ็บแสบและทั้งไมมีบรรดาผูชวยเหลือใด ๆ สําหรับพวกเขา ดวย” (พระคมั ภีรอัลกรุ อาน, 3:91) 99
อาจมีคนถามวา ‘ขาพเจาคิดวาศาสนาอิสลามเปนศาสนาที่ดี ศาสนาหนึ่ง แตถาขาพเจาตองเปล่ียนมานับถือศาสนาอิสลาม ครอบครัวของขาพเจา เพ่ือนๆ และคนอ่ืนๆ อาจจะกลั่นแกลงขาพเจา และลอเลียนขาพเจา ดังนั้น ถาขาพเจาไมเปล่ียนมานับถือศาสนา อิสลาม ขาพเจาจะไดเขาสูสรวงสวรรคและรอดพนไมตองไปสูขุมนรก หรือไม ?’ คําตอบก็คือส่ิงท่ีพระผูเปนเจาไดตรัสไวในโองการบท กอนๆ “และผูใดแสวงหาศาสนาหนง่ึ ศาสนาใดอื่นจากอิสลามแลว ศาสนาน้ันก็จะไมถูกรับจากเขาเปนอันขาด และในปรโลกเขาจะ อยูใ นหมูผขู าดทนุ ” หลังจากที่ไดสงมุหัมมัด ใหมาส่ังสอนผูคนใหมานับถือ ศาสนาอิสลามแลว พระผูเปน เจาทรงไมย อมรบั การเลอื่ มใสในศาสนาอ่ืน ใดนอกจากศาสนาอิสลาม พระผูเปนเจาคือผูสรางและผูจรรโลงโลกของ พวกเรา พระองคทรงสรางสรรพสิ่งในโลกใหกับพวกเรา สรรพส่ิงที่ดีและ ศักดิ์สิทธิ์ท้ังหมดที่พวกเรามีอยูมาจากพระองคท้ังส้ิน ดังน้ัน ท้ังหมดท่ี กลาวมานี้ เมื่อผูใดปฏิเสธไมยอมศรัทธาในพระผูเปนเจา มุหัมมัด ศาสนทตู ของพระองค หรอื ศาสนาอิสลามของพระองค เขาผูน้ันก็สมควร จะไดรับการลงโทษในชีวิตหลังความตาย ที่จริงแลววัตถุประสงคหลักท่ี พระผูเปนเจาทรงสรรคสรางพวกเราขึ้นมาก็คือ เพื่อใหเคารพในพระผู เปนเจาพระองคเดียวและเชื่อฟงในพระองค ตามที่พระผูเปนเจาไดตรัส ไวในพระคมั ภรี อ ัลกรุ อาน (51:56). 100
ชีวิตท่ีเราอยูทุกวันนี้เปนชีวิตท่ีสั้นมากๆ ผูไมศรัทธาในวัน พิพากษาจะคิดวาชีวิตท่ีพวกเขาอยูบนโลกใบน้ีเปนเพียงการอยูไปวัน หนึ่งหรอื เปนสวนหนง่ึ ของวันเทาน้ัน ตามท่ีพระผเู ปนเจาไดตรัสวา: ﻗَلُﻮا ﺒ َ ِﻟثْﻨَﺎ ﻳَﻮْﻣﺎً أَوْ َ� ْﻌ َﺾ،�َ ِ﴿ﺎلَ �َﻢْ ﺒﻟَِثْﺘُﻢْ ﻲ ِﻓ ا َْﻷرْ ِض َﻋ َﺪ َد ِﺳن (113 -112: ﻳَ ْﻮ ٍم ﴾ اﻤﻟﺆﻨﻣﻮن “พระองคตรัสวา พวกเจาพํานักอยูในแผนดินเปนจํานวนก่ีป ? “พวกเขากลาวตอบวา เราพํานักอยูวันหน่ึงหรือสวนหนึ่งของวัน ...” (พระคมั ภีรอัลกรุ อาน, 23:112-113) ، َ ْﺮ َﺟ ُﻌﻮنแُﺗละพَ ﻻระَﺎอْﻨงَคﻴﻟยِัإง ْตُﻢร�ัสَّอีَﻧก�วَوา :ً﴿أَﻓَ َﺤْﺘُﻢْ �َ�َّﻤَﺎ ﺧَﻠَﻘْﻨَﺎ�ُﻢْ �َﺒَﺜﺎ ﴾ﻟﻰَ ا�َُّ الْﻤَﻠِﻚُ اﺤﻟَْﻖُّ ﻻَ إِﻪﻟََ إِﻻَّ ﻫُﻮَ رَبُّ اﻟْ َﻌ ْﺮ ِش اﻟْ َﻜ ِﺮ� ِﻢ ( 116 : اﻤﻟﺆﻨﻣﻮن “พวกเจาคิดวา แทจริงเราไดใหพวกเจาบังเกิดมาโดยไรประโยชน และแทจริงพวกเจาจะไมกลับไปหาเรากระนั้นหรือ ? อัลลอฮฺทรง สูงสงจากคํากลาวอางนั้น เปนผูทรงอํานาจ ผูทรงสัจจะ ไมมีพระ เจาอนื่ ใดนอกจากพระองค. ..” (พระคมั ภรี อัลกรุ อาน , 23:115-116) ชีวิตหลังความตายเปนชีวิตท่ีแทจริง ไมเพียงแตดวงวิญญาณ เทาน้ัน แตรวมทั้งรางกายอีกดวย เราจะใชชีวิตหลังความตายโดยมี รางกายและจติ วญิ ญาณ 101
เม่ือเปรียบเทียบโลกใบนี้กับโลกชีวิตหลังความตาย ทานศาสน ทูตมหุ ัมมดั ไดบอกวา : “คุณคาของโลกใบน้ีเม่อื เปรียบเทียบกับ โลกหลงั ความตายแลว เปรียบเสมือนการชักน้ิวมือขึ้นมาจากทอง ทะเลเม่ือเจาจุมน้ิวลงไปในทอง ทะเลและจากน้ันชักมันกลับ ข้ึนมา” (บรรยายไวใน Saheeh Muslim เลขที่ 2858 และ Mosnad Ahmad เลขท่ี 17560) ความหมายก็คือวา คุณคาของโลกใบน้ีเม่ือ เปรียบเทียบกับโลกหลังความตายแลวเปรียบเสมือนหยดน้ํา เพียงสอง สามหยดเมอ่ื เปรียบเทยี บกบั ทองทะเล 102
บุคคลหนึง่ จะกลายเปนชาวมุสลมิ ไดอยา งไร? เพียงแคกลาวดวยศรัทธาแรงกลาวา “La ilaha illa Allah, Muhammadur rasoolu Allah” บุคคลหนึ่งซ่ึงเปลี่ยนมานับถือศาสนา อิสลามและกลายเปนชาวมุสลิม (ฟงเสียง คลิกท่ี http://www.islam- guide.com/th/testimony.ram) คํากลา วน้ีหมายความวา “ไมมีพระผู เปนเจาที่แทจริง นอกจากพระผูเปนเจา (อัลลอฮฺ) (อยางท่ีกลาว มาแลวนั้น ภาษาอารบิก คําวา อัลลอฮฺ หมายความวา พระผูเปนเจา (พระผูเ ปน เจา ทแี่ ทจ รงิ เพยี งพระองคเดยี วซงึ่ เปนผูสรรคส รางทั้งจักรวาล) คําวาอัลลอฮฺนี้ เปนพระนามของพระผูเปนเจาซ่ึงผูพูดภาษาอารบิกเปน ผใู ช ทงั้ ชาวมสุ ลิมที่เปนอาหรบั และชาวคริสเตยี นที่เปน อาหรับดวย) และ มุหัมมัดคือผูถือสาร (ทานศาสนทูต, ศาสนทูต) ของพระผูเปนเจา” ใน สวนแรกคําวา “ไมมีพระผูเปนเจาท่ีแทจริงอ่ืนใดนอกจากพระผูเปนเจา” หมายความวาไมมีผูใดมีสิทธิ์ท่ีจะไดรับการเคารพบูชานอกจากพระผู เปนเจาเพียงพระองคเดียว และพระผูเปนเจาทรงไมมีทั้งบริวารหรือพระ บุตร การเปน ชาวมสุ ลมิ บคุ คลนัน้ ควรปฏบิ ัติตอไปนี้อกี ดวย: • เชื่อวาพระคัมภีรอัลกุรอานท่ีศักดิ์สิทธ์ิเปนพระดํารัสของพระผู เปนเจา โดยแท ซ่ึงพระองคท รงเปนผเู ปดเผย • เช่ือวาวันพิพากษา (วันฟนคืนชีพ) เปนความจริงและจะมาถึง ตามทีพ่ ระผูเ ปนเจา ไดท รงสญั ญาไวใ นพระคัมภีรอลั กรุ อาน • ยอมรับศาสนาอสิ ลามเปน ศาสนาของตนเอง 103
• ไมเ คารพบูชาสงิ่ อืน่ ใดหรือบคุ คลใดนอกจากพระผเู ปนเจา ทานศาสนทูตมุหัมมัด ไดบอกวา: “พระผูเปนเจาทรง โปรดการสารภาพบาปของบุคคลใดบุคคลหนึ่งเม่ือเขาหันมาหา พระองคเพ่ือสารภาพบาป มากกวาสภาพความดีใจของคนผูหนึ่ง ในหมูพวกเจาท่ีไดขี่อูฐเขาไปในทะเลทราย และมันไดวิ่งหนีไป จากเขา นําเอาอาหารและนํ้าดื่มของเขาไปดวย ดังน้ัน เขาจึงสูญ ส้ินความหวังไปอยางสิ้นเชิงในการไดอูฐกลับมา เขาจึงเดินไปยัง ตนไมและนอนแผหลาอยูใตรมเงาของตนไมดังกลาว (เพ่ือรอ ความตาย) เน่ืองจากเขาสูญส้ินความหวังท้ังหมดที่จะพบอูฐของ เขา ตอมา ขณะท่ีเขาอยูในสภาวะดังกลาว (ดวยความสิ้นหวัง) ทนั ใดนนั้ อูฐตวั น้นั ไดมาอยตู รงหนา เขา! ดังน้นั เขาจึงควา เชือกผูก อูฐเอาไวและรองไหสะอึกสะอ้ืนดวยความปติ ตื้นตัน พลางอุทาน ขึน้ อยา งพล้ังปากวา “โอ อัลลอฮฺ พระองคคือขารับใชของขาพเจา และขาพเจาคือเจานายของพระองค” ความผิดพลาดของเขา เกิดข้ึนจากความปติอันเปยมลนของเขาน่ันเอง” (บรยายไวใน Saheeh Muslim เลขที่ 2747 และ Saheeh Al-Bukhari เลขที่ 6309) 104
คํากลา วที่วา “ไมม ีพระผูเปน เจา ที่แทจริงอน่ื ใด นอกจากอัลลอฮฺ และมุหัมมัด คอื ผถู ือสาร(ศาสนทูต)ของพระผเู ปนเจา ” จารกึ อยเู หนือประตทู างเขา แหงนี้ 105
พระคมั ภีรอัลกรุ อานเปน เรื่องราวเก่ียวกบั อะไร? พระคัมภีรอัลกุรอาน พระดํารัสท่ีทรงเปดเผยเปน ค ร้ั ง สุ ด ท า ย ข อ ง พ ร ะ ผู เ ป น เจา เปนแหลงขอมูลที่สําคัญ แ ห ง ค ว า ม ศ รั ท ธ า แ ล ะ ก า ร ปฏิบัติของชาวมุสลิม พระคัมภีรสัมพันธกับทุกเร่ืองราวซ่ึงเก่ียวของกับ มวลมนุษย อันไดแก สติปญญา คําสอน การบูชา การดําเนินกิจกรรม กฎหมาย เปน ตน แตสาระสําคัญเบื้องตนไดแกความสัมพันธระหวางพระผูเปน เจากบั บรรดามัคลกู (สรรพสง่ิ ท่ีถูกสรา ง)ของพระองค ในเวลาเดียวกนั พระคัมภีรยังไดบรรจุไวซ่ึงแนวทางและคําสอนโดยละเอียดเพ่ือ สังคมท่ียุติธรรม การปฏิบัติตนอยางถูกตอง และระบบเศรษฐกิจที่เปน ธรรม หมายเหตุ พระคัมภีรอัลกุรอานไดรับการเปดเผยตอมุหัม มัด เปนภาษาอารบิกเทานั้น ดังนั้น การแปลพระคัมภีร ทั้งท่ีเปน ภาษาองั กฤษหรือภาษาอ่ืนๆ ไมถอื วาเปนพระคัมภีรอัลกุรอาน หรือไมใช ภาคของพระคัมภีรอัลกุรอาน แตเปนเพียงการแปลความหมายในพระ คมั ภีรอลั กรุ อานซ่งึ ไดรบั การเปด เผยปรากฏอยูในภาษาอารบิกเทานนั้ 106
มหุ ัมมดั ศ็อลลัลลอฮอุ ะลัยฮวิ ะสัลลมั คอื ใคร? มุหัมมัด เกิด ณ นครเมกกะห(มักกะฮฺ)ในป พ.ศ. 113 เน่ืองจากบิดาของทานเสียชีวิตกอนท่ีทานจะเกิด และมารดาของทาน เสียชีวิตตอมาหลังจากน้ันเพียงไมนาน ทานจึงไดรับการเล้ียงดูจากลุง ของซ่ึงมาจากเผา Quraysh (กุร็อยชฺ) ท่ีมีชื่อเสียง ทานไดรับการเลี้ยงดู อยางผูไมรูหนังสือ ไมสามารถอานหรือเขียนหนังสือไดและเปนอยูเชนน้ี จวบจนการเสยี ชีวิต ครอบครัวของทานกอนที่ทานจะรับหนาที่เปนศาสน ทูต ไมเคยสนใจในเร่อื งวิทยาศาสตรแ ละสว นใหญไมรูห นังสือเลย ขณะที่ ทานเจริญวัย ทานมีช่ือเสียงในเรื่องของคุณธรรม ความซ่ือสัตย ความ นาเชื่อถือ ความโอบออมอารียและความจริงใจ ทานเริ่มเปนท่ีรูจักกันถึง ความซอ่ื สัตย ความสุจริต ความนาเชื่อถือ ความมีน้ําใจและความจริงใจ ของทาน จนมีผูเรียกขานทานวา (อัล-อะมีน) ผูนาเช่ือถือ. (บรรยายไวใน Mosnad Ahmad เลขที่ 15078) มุหัมมัด เปนผูเครงในศาสนา และ ทาน จะรังเกียจความเสื่อมโทรมและการกราบไวบูชาสิ่งงมงายที่มีอยู เปน เวลานานในสังคมของทา น 107
มัสยดิ ของทานศาสนทูตมหุ ัมมัด ในกรงุ มะดีนะฮฺ ซาอดุ ิอาระเบีย ในขณะท่ีทานมีอายุไดสี่สิบป มุหัมมัด ไดรับการเปดเผย วิวรณเปนครั้งแรกจากพระผูเปนเจาโดยผานมะลาอิกะฮฺญิบรีล(เทพทูต กาเบรียล) การเปดเผยกระทําติดตอกันเปนเวลาย่ีสิบสามป และคํา เปด เผยเหลาน้นั ไดร ับการรวบรวมจนเปนท่ีรูจักกันในนามพระคัมภีรอัลกุ รอาน ทันทีท่ีทานเร่ิมเผยแผพระคัมภีรอัลกุรอานและเทศนาสั่งสอน ความเปนจรงิ ซึ่งพระผูเปนเจาไดทรงเปดเผยตอทาน ทานและสาวกกลุม เล็กๆ ของทานไดรับความลําบากจากการกลั่นแกลงจากพวกนอก ศาสนา การกลั่นแกลงทวีความรุนแรงมากข้ึน จนมาในป พ.ศ. 1165 พระผูเปนเจาทรงบัญชาใหพวกทานอพยพหนี การอพยพคร้ังน้ีจากนคร เมกกะห (มักกะฮฺ) ไปยังกรุงเมดินะห (มะดีนะฮฺ) ซึ่งอยูทางเหนือขึ้นไป ประมาณ 260 ไมล ถือเปนจดุ เรม่ิ ตน ของปฏิทนิ มุสลมิ 108
หลังจากน้ันหลายป ศาสนทูตมุหัมมัด และสาวกของทาน จึงสามารถกลับมายังนครเมกกะหได ซ่ึงเปนที่ท่ีทานและบรรดาสาวก ตา งใหอ ภยั ตอเหลาปจจามติ ร กอนท่ีทานศาสนทูตมุหัมมัด จะเสียชีวิต ขณะที่มีอายุหก สิบสามป พ้ืนท่ีสวนใหญของคาบสมุทธอาระเบียนกลายเปนชาวมุสลิม และภายในหนึ่งศตวรรษหลังจากท่ีทานเสียชีวิต ศาสนาอิสลามไดแพร ขยายไปถึงตะวันตกของประเทศสเปน และตะวันออกไกลอยางประเทศ จีน บรรดาเหตุผลของการแพรขยายอยางรวดเร็วและอยางสันติวิธีของ ศาสนาอิสลามนั้น ไดแก ความเปนจริงและความชัดเจนของคําสอนใน ศาสนานั่นเอง ศาสนาอิสลามมีความศรัทธาตอพระผูเปนเจาพระองค เดียว ผูซ่งึ มีควรคาแกก ารเคารพบชู าแตเ พียงพระองคเ ดียวเทานน้ั มุหัมมัด ถือเปนตัวอยางท่ีสมบูรณแบบของมนุษยผูหนึ่งใน เรื่องของความซื่อสัตย ยุติธรรม เปยมลนไปดวยความเมตตา มีความ เวทนาสงสาร มีคุณธรรม และกลาหาญ แมวาพระองคจะเปนบุรุษชาติ พระองคก็หนีหางจากลักษณะอันช่ัวรายและมุมานะบากบ่ันอยางเด็ด เด่ียว เพียงเพ่ือพระผูเปนเจาและสิ่งตอบแทนจากพระองคในโลกหลัง ความตาย ยิ่งไปกวานั้น การกระทําและการปฏิบัติตนของทาน จะ กระทําไปดว ยใจทีจ่ ดจอและยําเกรงตอพระผเู ปน เจาเทาน้ัน 109
การแพรขยายของศาสนาอิสลามมีผลตอการพัฒนาทางดาน วิทยาศาสตรอยางไร? ศาสนาอิสลามสอนใหมนุษย รูจักใชพลังสติปญญาและ การสงั เกต ภายในสองสามป ข อ ง ก า ร แ พ ร ข ย า ย ข อ ง ศ า ส น า อิ ส ล า ม ค ว า ม เ จ ริ ญ รุ ง เ รื อ ง แ ล ะ แ ห ล ง แสวงหาความรูเฟองฟูเปนอยางมาก เปนการผสมผสานแนวความคิด ของชาวตะวันออกและชาวตะวันตกเขาดวยกัน และความคิดใหมกับ ความคิดเกา อันนํามาซึ่งความกาวหนาท่ีย่ิงใหญทั้งในดานการแพทย คณิตศาสตร ฟสิกส ดาราศาสตร ภูมิศาสตร สถาปตยกรรม ศิลป วรรณกรรม และประวัติศาสตร เกิดระบบท่ีสําคัญหลายอยาง เชน พืช คณิต ตัวเลขอารบิก และแนวคดิ ในเร่ืองความเปนศูนย (ซึ่งสําคัญตอการ เจริญกาวหนาของเร่ืองคณิตศาสตร) ท้ังหมดน้ีไดรับการถายทอดจาก โลกมุสลิมไปยังยุโรปสมัยกลาง เคร่ืองมือที่มีความสลับซับซอนซึ่งทําให ชาวยุโรปสามารถเดินเรือไปคนพบส่ิง ตางๆ เชน เคร่ืองมือวัดตําแหนง ของดวงดาว เคร่ืองมือวัดมุม และแผนที่การเดินเรือท่ีสมบูรณแบบ ซ่ึง ท้ังหมดไดร บั การพัฒนามาจากชาวมุสลิมท้งั สิน้ 110
เครอ่ื งมือวดั ตําแหนงดวงดาว หน่ึงในเคร่ืองมือทางวิทยาศาสตรที่สําคัญ ที่สุดไดรับการพัฒนามาจากชาวมุสลิมซ่ึงนํามาใชอยางกวางขวางทาง ตะวนั ตกจนกระทงั่ ปจ จุบนั น้ี นักการแพทยชาวมุสลิมไดใหความสนใจตอการผาตัดและไดพัฒนา เครอ่ื งมือผา ตัดขนึ้ มาหลายชนดิ อยางที่เห็นอยใู นหนงั สือโบราณฉบับนี้ 111
ชาวมุสลิมมีความเชอ่ื เก่ียวกบั พระเยซอู ยา งไร? ชาวมสุ ลมิ ใหความเคารพและนับถือศาสนทูตอีซา หรือ พระเยซู (ขอความสันติจงประสบแดทาน) พวกเขายอมรับวาทานคือหน่ึงในผูถือ สารท่ียิ่งใหญที่สุดของพระผูเปนเจามาสูมวลมนุษยชาติ พระคัมภีรอัลกุ รอานไดยืนยันถึงการเกิดอยางบริสุทธ์ิของทาน และมีอยูบทหน่ึงในพระ คัมภีรอัลกุรอานท่ีช่ือวา ‘มัรยัม’ (แมร่ี) พระคัมภีรอัลกุรอานได อรรถาธบิ ายถึงการกาํ เนิดของพระเยซดู งั นี:้ ُ﴿ﻗَﺎﻟَﺖِ الْﻤَﻶﺋِ�َﺔُ ﻳَﺎ مَﺮْ�َﻢُ إِنَّ ا�َّ ﻳُبَﺮﺸُِّكِ ﺑِ�َﻠِﻤ ﺔٍَ ﻣ ِّﻨْﻪُ ا ْﺳﻤُﻪ لْﻤَﺴِﻴﺢُ ﻋِيﻰ َﺴ ا ْ� ُﻦ َمﺮْ�َوَﺟِﻴﻬﺎً ﻲﻓِ اﺪﻟ ُّ�ْﻴَﺎ وَاﻵ ِﺧﺮَ ِة وَ ِﻣ َﻦ ( 45 : لْﻤُﻘَﺮَّ�ِ َ�﴾ )آل ﻋﻤﺮان “จงรําลึกถึงขณะท่ีมะลาอิกะฮฺกลาววา มัรยัมเอย ! แทจริงอัลลอฮฺ ทรงแจงขาวดีแกเธอซึ่งพจมานหนึ่งจากพระองค ชื่อของเขาคือ อัลมะซีห อีซา บุตรของมัรยัม โดยที่เขาจะเปนผูมีเกียรติในโลกน้ี และปรโลก และจะอยูในหมูผูใกลช ดิ ” (พระคมั ภีรอลั กรุ อาน , 3:45) พระเยซูกําเนิดอยางมหัศจรรยโดยคําบัญชาของพระผูเปนเจา ซ่ึงเปนคําบัญชาเดียวกันเหมือนที่ไดทรงบันดาลใหกําเนิดอาดัม พระผู เปน เจา ตรสั วา : ﻛَ َﻤﺜَِﻞ ﻣِﻦ ﺗُﺮَابٍ ﺛِﻢَّﻗَﺎلَ ﻪ َُﻟ َُمَ ﺧَﻠَﻘَﻪ ( 59 : ِ�ّ ﴿َّ ﻣَﺜَﻞَ ﻋِيﻰﺴَ ﻋِﻨﺪَ ا �ُ ﻦ �َﻴَ ُﻜﻮنُ ﴾ )آل ﻋﻤﺮان 112
“แทจรงิ อปุ มาของอีซาน้นั ด่ังอปุ มยั ของอาดัม พระองคทรงบังเกิด เขาจากดิน และไดท รงประกาศิตแกเ ขาวา จงเปน ขนึ้ เถดิ แลวเขาก็ เปน ขึน้ ” (พระคมั ภรี อ ัลกรุ อาน, 3:59) ในชวงระยะเวลาของการทําหนาที่ทานศาสนทูตนั้น พระเยซูได ทِّ ร�งَแ� สْดُﻢง�ปِّา�ّฏَرหิ าّﻦรِยิ ﻣม ٍﺔาَกﺂﻳมِﺑา ย�ُﻢพُรْﺘะﺌผِﺟเู ปْﺪน َﻗเจ ّาِต�َร�ัส َใﻞหِﻴพ�اวَْกﺳเﺮรِา إฟِ�ง َวﺑาَ:﴿ﻻً إِﻰﻟ ْﻠُﻖُ ﻟَ�ُﻢ ﻣِّﻦَ اﻟﻄِّ�ِ ﻛَﻬَﻴْﺌ ﺔَِ اﻟﻄَّ�ْ ِ ﻓَﺄَﻧ ُﻔ ُﺦ ِ�ﻴ ِﻪ �َ َﻴ ُﻜﻮنُ َﻃ�ْ اً ﺑِ ِﺈذْ ِن ّ وَأُﺑْﺮِئُ اﻷ�ْﻤَﻪَ واﻷَﺑْﺮَصَ وَأُﺣْ ِﻴـﻲ الْﻤَﻮْ�َ ﺑِﺈِذْ ِن ا�ِّ وَأُﻧَبِّ ُﺌ ُ�ﻢ ( 49 : ﻤَﺎ ﺗَﺄْ�ُﻠُﻮنَ وَﻣَﺎ ﺗَﺪَّﺧِﺮُونَ ﻲ ِﻓ ُ�ﻴُﻮﺗِ ُ� ْﻢ﴾ )آل ﻋﻤﺮان “และเขาน้ัน(นบีอีซา)เปนฑูตไปยังวงศวานอีสรออีล (โดยท่ีเขาจะ กลาววา) แทจริง ฉันไดนําสัญญาณหนึ่งจากพระเจาของพวกทาน มายงั พวกทาน โดยท่ีฉันจะจําลองขึ้นจากดินใหแกพวกทานดั่งรูป นก แลวฉันจะเปาเขาไปในมัน แลวมันก็จะกลายเปนนกดวย อนุมัติของอัลลอฮฺ และฉันจะรักษาคนตาบอดแตกําเนิด และคน เปนโรคเรื้อน และฉันจะใหผูที่ตายแลวมีชีวิตข้ึน ดวยอนุมัติ ของอัลลอฮฺ และฉันจะบอกพวกทานถึงสิ่งที่พวกทานกินและเก็บ รวบรวมไวใ นบานของพวกทา น...” (พระคมั ภรี อัลกรุ อาน, 3:49) ชาวมุสลิมเช่ือวาพระเยซูไมไดสิ้นชีวิตดวยการถูกตรึงบนไม กางเขน เปนเพียงแผนการของเหลาปจจามิตรของพระเยซูที่จะตรึง 113
กางเขนทาน แตพระผูเปนเจาทรงชวยใหทานปลอดภัยและทรงนําพระ เยซูขึ้นไปเฝาพระองค และนําบุคคลิกลักษณะของพระเยซูใสเขาไปใน รางของอกี คนหนงึ่ หมูปจ จามิตรของพระเยซูจึงนํารางของบุรุษผูน้ีไปตรึง กางเขนแทน โดยคดิ วาเขาผนู น้ั คือพระเยซู พระผูเ ปน เจาตรสั วา: ُ﴿وَ َﻗ ْﻮلِْ ِإﻧَّﺎ�َﺘَﻠْﻨَﺎ الْﻤَﺴِﻴﺢَ ﻋِيﻰﺴَ ا�ْﻦَ مَﺮْ�َﻢَ رَﺳُﻮلَ ا ّ�ِ وَﻣَﺎ �َﺘَﻠُﻮه َُﻠَﺒُﻮهُ وَﻟَـ�ِﻦ ﺷُﺒِّﻪَ ل َﻬُﻢْ وَ�ِنَّ اﺬﻟَِّ ﻦﻳَ اﺧْﺘ ﻠََﻔُﻮاْ �ِﻪ ِﻴ ﻟَﻲﻔِ ﺷَﻚٍّ ﻣ ِّﻨْﻪ : لَﻬُﻢ ﺑِﻪِ ﻣِﻦْ ﻋِﻠْﻢٍ إِﻻَّ ا�ِّﺒَﺎعَ اﻟﻈَّﻦ ِّ وَﻣَﺎ �َﺘَﻠُﻮهُ ﻳَ ِﻘﻴﻨﺎً﴾ )اﻟﺴنﺎء (157 “...และการท่ีพวกเขากลาววา แทจริงพวกเราไดฆ า อัล-มะซีหฺ อีซา บุตรของมัรยัม ศาสนทูตของอัลลอฮฺ และพวกเขาหาไดฆาอีซา และหาไดตรึงเขาบนไมกางเขนไม แตทวาเขาถูกบันดาลให เหมือนแกพวกเขา และแทจริงบรรดาผูท่ีขัดแยงในตัวเขาน้ัน แนนอน ยอมอยูในความสงสัยเกี่ยวกับเขา พวกเขาหามีความรู ใดๆ ตอเขาไม นอกจากคลอยตามความนึกคิดเทาน้ัน และพวก เขามไิ ดฆาเขาดว ยความแนใจ (อซี า)...” (คัมภรี อ ัลกุรอาน, 4:157) ทั้งมุหัมมัด และพระเยซูไมใชผูมาเปล่ียนแปลงคําสอน เบ้ืองตนในการศรัทธาพระผูเปนเจาพระองคเดียว ซึ่งนํามาสั่งสอนโดย ทานศาสนทูตองคกอนๆ แตกลับเปนผูมายืนยันและนําคําสอนนั้นมา สอนใหมตางหาก (ชาวมุสลิมยังเชื่ออีกวา พระผูเปนเจาทรงเปดเผย หนังสือศักดิ์สิทธิ์ตอพระเยซู ช่ือวา Injeel (อินญีล) บางตอนในหนังสือ 114
ยังคงปรากฏคําสอนของพระผูเปนเจาท่ีมีตอพระเยซู ในพระคัมภีรเลม ใหม (New Testament) แตน่ีไมไดหมายความวาชาวมุสลิมเชื่อในพระ คัมภีรไบเบิลที่เรามีอยูในปจจุบันนี้ เพราะวาไมไดเปนพระคัมภีรฉบับ ดงั้ เดิมซ่ึงทรงเปด เผยโดยพระผูเปนเจา พระคัมภีรเหลาน้ันตองเผชิญกับ การเปลี่ยนแปลงแกไข การเพิ่มเติมและการละบางสวนท้ิง เร่ืองนี้ คณะกรรมการผูมีหนาท่ีรับผิดชอบเกี่ยวกับการสังคายนาพระคัมภีร ไบ เบิล (ฉบับมาตรฐานท่ีสังคายนาแลว) ไดเคยกลาวไวเชนกัน คณะกรรมการชุดน้ีประกอบดวยนักปราชญจํานวนสามสิบสองทานซึ่ง ดํารงตําแหนงสมาชิกของคณะกรรมการชุดน้ี พวกเขาไดรับรองสิ่งที่ได ทบทวนและเสนอแนะแกคณะกรรมการท่ีปรึกษาของตัวแทน จํานวนหา สิบ ท า นจ า ก นิก า ย ต าง ๆ ใน ศ า สน า ค ริ สต ท่ี ใ หค ว า มร ว ม มื อ คณะกรรมการไดกลาวไวในบทนําเกี่ยวกับพระคัมภีรไบเบิล (ฉบับ มาตรฐานสังคายนาแลว) หนาท่ี 4 “บางคร้ังมีหลักฐานปรากฏวาเนื้อหา มคี วามยากตอ การถายทอด แตไมม ีฉบบั ใดไดร บั การสังคายนาอยางเปน ที่พอใจเลย ขณะนี้พวกเราสามารถทําไดแตเพียงคอยติดตามการตัดสิน ที่ เ ห ม า ะ ส ม ที่ สุ ด ข อ ง บ ร ร ด า นั ก ป ร า ช ญ ผู เ ช่ี ย ว ช า ญ ใ น ก า ร แ ก ไ ข เปลี่ยนแปลงเนื้อหาตนฉบับ” คณะกรรมการยังไดกลาวไวในบทนํา หนาที่ 7 “หมายเหตุที่ไดรับการเพิ่มเติมเขามาซ่ึงช้ีใหเห็นวามีการ เปล่ียนแปลง การเพิ่มเติม หรือการละบางสวนทิ้งอยางชัดเจนใน หนว ยงานสมัยโบราณ” Mt 9.34; Mk 3.16; 7.4; Lk 24.32, 51 เปน ตน ) 115
มัสยิด อัล-อกั ศอ Al-Aqsa ในนครเยรซู าเลม็ 116
ศาสนาอิสลามกลา วถงึ ลัทธผิ ูกอการรา ยวา อยา งไร? ศาสนาอิสลาม เปนศาสนาที่เปยมลนไปดวยเมตตาธรรม ศาสนาหน่ึง ไมเคยเห็นดวยกับลัทธิกอการราย ในพระคัมภีรอัลกุรอาน พระผเู ปนเจาไดตรัสไวว า : ُﻋّو ﻦَُِﻫﻢْا وﺬَﻟ�َُّﻘِْﺴﻦِﻳَﻄُ ﻮلاَ ﻢإِْ ﻴ�ﻟَُﻘَْﻬﺎِﺗﻢِْﻠ ُ ِإﻮ�نَُﻢّْ اﻲ�ﻓَِّ َا ﺪ�ﻟ ِّﻳُِ ِﺐّﻦُوَاللَْ ْﻢﻤُ�ﻘُِْْﺴ ِﺮ ِﻄ ُﺟ َﻮ�ُ�﴾ﻢ َُّ�﴿ْﻬَﺎ�ُﻢُ ا َِّﻦ ِدﻳَﺎ ِرَن �َﺮﺒ ( 8 : اﻤﻟﻤﺘﺤﻨﺔ “อลั ลอฮฺ มิไดทรงหามพวกเจาเก่ียวกับบรรดาผูที่มิไดตอตานพวก เจาในเรื่องศาสนา และพวกเขามิไดขับไลพวกเจาออกจาก บานเรือนของพวกเจา ในการท่ีพวกเจาจะทําความดีแกพวกเขา และใหความยุติธรรมแกพวกเขา แทจริงอัลลอฮฺทรงรักผูมีความ ยุติธรรม” (คัมภรี อลั กุรอาน, 60:8) ศาสนทูตมหุ ัมมัด เคยสั่งหา มเหลาทหารหาญไมใหเขนฆา บรรดาสตรีและเด็ก ๆ, (บรรยายไวใน Saheeh Muslim เลขท่ี 1744 และ Saheeh Al-Bukhari เลขที่ 3015.) และพระองคทรงแนะนําพวกเขา เหลานั้นวา “จงอยาคิดคดทรยศ จงอยาทําอะไรมากเกินไปกวา ความจําเปน จงอยาเขนฆาเด็กแรกเกิด” (บรรยายไวใน Saheeh Muslim เลขท่ี 1731 และ Al-Tirmizi เลขที่ 1408) และทานยังไดกลาว อีกดวยวา “ผูใดก็ตามเขนฆาบุคคลผูซึ่งใหการทํานุบํารุงชวยเหลือ 117
ชาวมุสลิมจะไมไดส ัมผสั กลิ่นอายอันหอมรัญจวนของสรวงสวรรค แมวากล่ินอายดังกลาวจะขจรขจายอยูเปนเวลาถึงสี่สิบปก็ตาม” (บรรยายไวใน Saheeh Al-Bukhari เลขที่ 3166 และ Ibn Majah เลขที่ 2686) อีกท้ัง ยังไดส่ังหามมิใหมีการลงโทษดวยการเผาไฟอีกดวย (บรรยายไวใน Abu-Dawood เลขท่ี 2675) คร้ังหนึ่งทานเคยลงบัญชีฆาตกรใหอยูเพียงลําดับท่ีสองของ บาปมหันต และยังเคยเตือนเก่ียวกับวันพิพากษาวา “คดีแรกๆ ท่ีจะ ไดรับการตัดสินของบรรดาผูคนในวันพิพากษาโลกนั้นจะเปนคดี เก่ียวกับ การเขนฆากันตาย” (เรื่องนี้หมายถึงการเขนฆาและการทํา ใหผูอ่ืนบาดเจ็บ บรรยายไวใน Saheeh Muslim เลขที่ 1678 และ Saheeh Al-Bukhari เลขท่ี 6533) ชาวมสุ ลมิ ยงั ไดรับการสงเสริมใหมีความกรุณาตอสัตวและหาม ทํารายสัตวอีกดวย ครั้งหน่ึงมุหัมมัด ไดกลาวไววา “สตรีผูหนึ่ง ไดรับการลงโทษเนื่องจากเธอกักขังแมวตัวหน่ึงจนตาย ในการ ตัดสินเรื่องน้ี เธอถูกพิพากษาใหลงไปสูขุมนรก ขณะที่เธอกักขัง แมวตัวน้ัน เธอไมเคยใหอาหารหรือนํ้าแกมันเลย หรือแมกระท่ัง ปลอยใหมันออกมาจับสัตวกินเปนอาหารเองก็หาไม” (บรรยายไว ใน Saheeh Muslim เลขท่ี 2422 และ Saheeh Al-Bukhari เลขท่ี 2365) ทา นยงั บอกอกี ดวยวา “มนุษยผูหน่ึงไดใหนํ้าด่ืมแกสุนัขท่ีหิว กระหายเปนอยางย่ิง ดังน้ัน พระผูเปนเจาจึงยกโทษบาปทั้งปวง ของเขาเน่ืองจากการกระทําในครัง้ นี้” มีคนถามทานศาสนทูต วา พวกเราจะไดร บั การตอบแทนสาํ หรับความกรุณาที่มีใหตอสรรพสัตวดวย 118
หรือ? ทานตอบวา “สิ่งตอบแทนมีไวสําหรับความกรุณาที่มีตอท้ัง คนหรือสัตว” (บรรยายไวใน Saheeh Muslim เลขที่ 2244 และ Saheeh Al-Bukhari เลขท่ี 2466) นอกจากนี้ การนําเอาชีวิตของสัตวมาเปนอาหาร ชาวมุสลิมยัง ไดรับคําบัญชาใหกระทําอยางน่ิมนวลโดยใหสัตวน้ันหวาดกลัวและ ทรมานนอ ยท่สี ุดเทา ทีเ่ ปนไปได ทา นศาสนทตู มุหัมมัด ไดกลาวไววา “เม่ือพวกเจาฆาสัตว ใหกระทําดวยวิธีท่ีเหมาะสมท่ีสุด ผูนั้นควร ลับมีดของเขาใหคมกริบเพื่อชวยลดความทุกขทรมานของสัตว” (บรรยายไวใน Saheeh Muslim เลขท่ี 1955 และ Al-Tirmizi เลขท่ี 1409.) เมื่อพิจารณาถึงเรื่องน้ีและบทความศาสนาอิสลามอ่ืนๆ แลว การกระทําเพื่อสนับสนุนความรุนแรงตอพลเมืองที่ไรทางสู การทําลาย ลา งอาคารบา นเรอื นและทรัพยสินอ่ืนๆ อยางราบคาบ การทิ้งระเบิดและ การทําใหผูชาย สตรี เด็กท่ีบริสุทธ์ิไดรับบาดเจ็บถือเปนการกระทําท่ี ตองหามและนารังเกียจตามหลักศาสนาอิสลามและชาวมุสลิม ชาว มุสลิมปฏิบัติตามหลักศาสนาในเรื่องของความสันติ ความเมตตา และ การใหอภัย และผูคนสวนใหญไมมีสวนเก่ียวของกับเหตุการณรุนแรง บางอยางท่ีเกี่ยวพันกับชาวมุสลิม ถาปจเจกชนที่เปนชาวมุสลิมเขาไป พัวพันกับการปฏิบัติการของลัทธิผูกอการราย บุคคลผูนั้นจะละเมิดตอ บญั ญตั ิของศาสนาอสิ ลาม 119
สิทธิมนุษยชนและความยตุ ิธรรมในศาสนาอิสลาม ศาสนาอิสลามกําหนดสิทธิมนุษยชนไวมากมายสําหรับปจเจก ชน ตอไปน้ีคือสทิ ธิมนษุ ยชนบางประการซึ่งศาสนาอิสลามไดดํารงรักษา ไว ชีวิตและทรัพยสินของพลเมืองทุกคนในรัฐอิสลามถือวาเปนสิ่ง ศักดิ์สิทธ์ิ ไมวาบุคคลน้ันจะเปนชาวมุสลิมหรือไมก็ตาม อีกท้ังศาสนา อิสลามยังคงดํารงรักษาไวซ่ึงเกียรติยศศักด์ิศรี ดังน้ัน ในศาสนาอิสลาม การพูดจาจาบจวงผูอื่นหรือกระทําการลอเลียนตอผูอื่นถือเปนสิ่งที่ กระทํามิได ศาสนทูตมุหัมมัด ไดกลาวไววา “แทท่ีจริงแลวเลือด เน้อื ของพวกเจา ทรัพยสินของพวกเจาและเกียรติยศของพวกเจา จะลวงละเมิดมิได” (บรรยายไวใน Saheeh Al-Bukhari เลขท่ี 1739 และ Mosnad Ahmad เลขท่ี 2037) การเหยียดสผี วิ จะกระทาํ มิไดในศาสนาอิสลาม เนื่องจากในพระ คัมภีรอัลกุรอานไดกลาวถึงความเสมอภาคของมนุษยตามเง่ือนไข ดังตอไปนี้: ً﴿�َ�ُّﻬَﺎ اﻨﻟَّﺎسُ إِﻧَّﺎ ﺧَ ﻠَﻘْﺎ�ُﻢ ﻣِّﻦ ذَﻛَﺮٍ وَأُﻧﻰ َﺜ وَ َﺟ َﻌﻠْﻨَﺎ�ُ ْﻢ ﺷُ ُﻌﻮ�ﺎ َﺎﺋِﻞَ ﺘﻟَِﻌَﺎرَﻓُﻮا إِنَّ أَ�ْﺮَﻣَ�ُﻢْ ِﻋ ﻨﺪَ ا�َِّأَ�ْﻘَﺎ�ُﻢْ إِنَّ ا� ََّ َﻋ ِﻠﻴ ٌﻢ ( 13 : ﺧَ ِﺒ ٌ�﴾ اﻟﺤﺠﺮات “โอ มนุษยชาติทั้งหลาย แทจริงเราไดสรางพวกเจาจากเพศชาย และเพศหญิง และเราไดใหพวกเจาแยกเปนเผาและตระกูลเพ่ือ 120
จะไดรจู ักกัน แทจริงผูที่มีเกียรติยิ่งในหมูพวกเจา ณ ที่อัลลอฮฺน้ัน คือผูที่มีความยําเกรงยิ่งในหมูพวกเจา แทจริงอัลลอฮฺนั้นเปนผู ทรงรอบรอู ยา งละเอยี ดถี่ถว น” (พระคมั ภีรอลั กุรอาน, 49:13) ศาสนาอสิ ลามปฏิเสธการกําหนดกลุมปจเจกชนคนใด หรือชนชาติใดให เปนท่ีโปรดปรานเปนพิเศษ อันเนื่องมาจากความม่ังค่ัง อํานาจ หรือเช้ือ ชาติของพวกเขาเหลาน้ัน พระผูเปนเจาทรงสรางหมูมวลมนุษยขึ้นมาให มีความเทาเทียมกัน ซึ่งจะมีความแตกตางกันก็แตเฉพาะพื้นฐานของ ความศรัทธาและความเล่ือมใสในศาสนาเทานั้น ทานศาสนทูตมุหัม มัด กลาวไววา “โอ มนุษยท้ังหลาย! พระผูเปนเจาของพวกเธอ ก็เปนพระผูเปนเจาองคเดียวกันและบรรพบุรุษของพวกเธอ (อาดัม) ก็เปนบรรพบุรุษคนเดียวกัน ชนชาติอาหรับก็ไมดีไปกวา ชนชาติท่ีไมใชอาหรับ และชนชาติที่ไมใชอาหรับก็ไมดีไปกวาชน ชาตอิ าหรบั และบุคคลผิวสีแดงก็ไมดีไปกวาบุคคลที่มีผิวสีดําและ บุคคลที่มีผิวสีดําก็ไมดีไปกวาบุคคลท่ีมีผิวสีแดง ยกเวนในเร่ือง ของความเลื่อมใสในศาสนา” (สีผิวท่ีกลาวไวในคําดํารัสของทานศา สนทูตน้ันคือตัวอยาง ความหมายก็คือในศาสนาอิสลาม ไมมีผูใดดีกวา ผูอื่น อันเน่ืองมาจากสีผิว ไมวาสีขาว ดํา แดง หรือสีอื่นๆ บรรยายไวใน Mosnad Ahmad เลขท่ี 22978) ปญหาสําคัญอยางหนึ่งในปญหาสําคัญอื่นๆ ที่มนุษยชาติตาง ประสบอยูทุกวันน้ีก็คือลัทธิการเหยียดสีผิว ประเทศที่พัฒนาแลว สามารถสงมนุษยขึ้นไปยังดวงจันทรได แตไมสามารถหามมนุษยให 121
เกลียดชงั และตอสูกับมนุษยรวมโลกได นับต้ังแตชวงชีวิตของทานศาสน ทูตมุหมั มัด เปนตนมา ศาสนาอิสลามไดแสดงใหเห็นดวยตัวอยางท่ี ชดั เจนวา สามารถยุติลัทธิเหยียดสีผิวนั้นไดอยางไร การแสวงบุญ(หัจญ) ในแตล ะปท่ีนครมักกะฮฺแสดงใหเห็นถึงความเปน นา้ํ หน่ึงใจเดียวกันอยาง แทจริงของพี่นองชาวมุสลิมทุกเช้ือชาติและชนช้ัน เมื่อชาวมุสลิม ประมาณสองลานคนจากท่ัวทุกมุมโลกมาชุมนุมกันท่ีนครมักกะฮฺเพ่ือ แสวงบุญดงั กลา ว ศาสนาอสิ ลามเปนศาสนาแหงความยุติธรรม พระผูเปนเจาตรัส ไววา: وَ�ِ َذا أَ ْﻫ ِﻠ َﻬﺎ َ﴿نَّا� َّ ﻳَﺄْ ُمﺮُ�ُ ْﻢ أَن ﺗُُّواْ اﻷَﻣَﺎﻧَﺎت ِإِﻰﻟ �َْ �َ َﺣ َﻜﻤْﺘُﻢ ( 58 : َّﺎسِ أَن ﺤ َﺗْ ُﻜ ُﻤﻮاْ ﺑِﺎﻟْ َﻌ ْﺪ ِل﴾ )اﻟﺴنﺎء “แทจริง อัลลอฮฺทรงใชพวกเจาใหมอบคืนบรรดาของฝากแก เจาของของมัน และเมื่อพวกเจาตัดสินระหวางผูคน พวกเจาก็ จะตองตดั สินดว ยความยตุ ธิ รรม...” (พระคมั ภีรอ ัลกุรอาน, 4:58) และพระองคย งั ตรสั อีกวา : ( 9 : ﴿َﻗْﺴِﻄُﻮا إِنَّ ا�ََّ �ُِﺐُّ الْﻤُﻘِْﺴ ِﻄ َ�﴾ اﻟﺤﺠﺮات “และพวกเจาจงใหความเท่ียงธรรมเถิด แทจริงอัลลอฮฺทรงรักใคร บรรดาผใู หค วามเที่ยงธรรม” (พระคมั ภรี อ ัลกรุ อาน, 49:9) 122
พวกเราควรยุติธรรมแมกระท่ังกับบุคคลผูซ่ึงพวกเราตางเกลียด ชั ُبงَﺮตْﻗาَأมﻮทَ ่ีُﻫพรْะﻮاผُูﺪلเِ ป ْﻋนاเจْاาﻮตُﺪلรِ สั ْﻌไ�َ ววَّ า :﴿ �َْﺮِﻣَﻨَّ�ُﻢْ ﺷَﻨَﺂنُ ﻗَﻮْمٍ ﻰﻠﻋ َ َأَﻻ ( 8 : ِﻠﺘَّﻘْﻮَى﴾ اﻤﻟﺎﺋﺪة “และจงอยาใหการเกลียดชังพวกหน่ึงพวกใด ทําใหพวกเจาไม ยตุ ธิ รรม จงยุติธรรมเถิด มันเปนสิ่งท่ีใกลกับความยําเกรงตอพระ เจายิ่งกวา..” (พระคัมภรี อ ัลกรุ อาน, 5:8) ศาสนทูตมุหัมมัดไดกลาวไววา “มนุษยทั้งหลาย จงระวังในเร่ือง ความอยุติธรรม เน่ืองจากความอยุติธรรมนั้นจะมีแตความมืดมิด ในวันพิพากษาโลก” (ตัวอยางเชน การกดขี่ขมเหงผูอ่ืน การปฏิบัติ อยางอยุติธรรม หรือกระทําส่ิงไมถูกตองตอผูอื่น บรรยายไวใน Mosnad Ahmad เลขที่ 5798 และ Saheeh Al-Bukhari เลขที่ 2447) และบุคคลผูซึ่งไมเคยมีสิทธิใดๆ เลย (เชน ส่ิงที่พวกเขามีสิทธิ์ รองขออยางยุติธรรม) ในชีวิตนี้จะไดรับสิทธิตางๆ ในวันพิพากษา อยาง ท่ีศาสนทูต ไดกลาวไววา “ในวันพิพากษาโลก สิทธิตางๆ จะ มอบใหแกบุคคลเหลานั้นเม่ือบุคคลเหลาน้ันถึงกําหนดไดรับ (และความไมถูกตองจะไดรับการชดใช)” (บรรยายไวใน Saheeh Muslim เลขที่ 2582 และ Mosnad Ahmad เลขที่ 7163) 123
สถานภาพของสตรใี นศาสนาอสิ ลามเปน อยางไร? ศาสนาอิสลามมองสตรี ไม วาโสดหรือสมรสแลวอยาง บุคคลท่ัวๆ ไปที่มีสิทธิเปน ของตัวเอง พรอมท้ังมีสิทธิ ใ น ค ว า ม เ ป น เ จ า ข อ ง ห รื อ จําหนายจายโอนทรัพยสิน แ ล ะ สิ่ ง ท่ี ต น ห า ม า ไ ด โ ด ย ปราศจากอํานาจการปกครองใดๆ (ไมวาจะเปนบิดา สามี หรือบุคคล อื่น) เธอมสี ิทธท์ิ ี่จะซอื้ หรอื ขาย ใหเปนของขวัญและบริจาคการกุศล และ อาจใชจายเงนิ ของตนไดอยา งทตี่ นพอใจ สนิ สอดทองหม้ันที่ไดรับมาจาก การที่เจาบาวมอบใหแกเจาสาวเพื่อใชสอยเปนการสวนตัวของเธอเอง และสตรียังสามารถใชนามสกุลของตนเองไดโดยไมตองใชนามสกุลของ สามีไดอีกดว ย ศาสนาอิสลามยังสงเสริมใหสามีเล้ียงดูภรรยาใหดี อยางที่ ทานศาสนทูตมุหัมมัด ไดกลาววา “บุคคลท่ีดีที่สุดในบรรดาพวกเจา ก็คือบุคคลซึ่งดีที่สุดตอภรรยาของตนเอง” (บรรยายไวใน Ibn Majah เลขที่ 1978 และ Al-Tirmizi เลขท่ี 3895) ผเู ปนมารดาในศาสนาอิสลามถือเปนผูมีเกียรติอยางสูง ศาสนา อิสลามแนะนําใหเลี้ยงดูมารดาดวยวิธีท่ีดีที่สุด บุรุษผูหนึ่งเขาหาศาสน 124
ทูตมุหัมมัด และ ถามวา “โอ ผูถือสารจากพระผูเปนเจา! ผูใดใน บรรดาผูคนท้ังหลาย ควรคาที่จะเปนสหายที่ดีของขาพเจาที่สุด” ทานศา สนทูต ตอบวา “มารดาของเจานะซิ” บุรุษผูนั้นถามอีกวา “แลวใคร หลงั จากน้นั เลา ?” ทา นศาสนทตู ตอบวา “มารดาของเจา” บุรุษผูน้ัน ยังคงถามตอไปอีกวา “ใครอีกหลังจากนั้น?” ทานศาสนทูต ตอบวา “มารดาของเจา” บรุ ุษผนู ั้นถามซํ้าอีกวา “ใครอีกหลังจากน้ัน” ทานศาสน ทูต ตอบอีกวา: “ตอไปคือบิดาของเจา” (บรรยายไวใน Saheeh Muslim เลขท่ี 2548 และ Saheeh Al-Bukhari เลขที่ 5971) 125
ครอบครวั ในศาสนาอิสลาม ครอบครัว ถือเปนสถาบันข้ันพ้ืนฐานของสังคม ซึ่งปจจุบันกําลัง แตกแยก ระบบครอบครัวในศาสนาอิสลามไดนําสิทธิของสามี ภรรยา บุตร และญาติพี่นองเขามาสูดุลยภาพท่ีสมบูรณ ดวยการสงเสริมความ ประพฤตทิ ี่ไมเ ห็นแกต ัว โอบออมอารีและความรักในโครงสรางของระบบ ครอบครัวท่ีมีการจัดการอยางดี ความสงบสุขและความมั่นคงที่ไดรับมา จากสถาบันครอบครัวที่แข็งแกรงถือวามีคุณคาอยางมหาศาล และถูก มองวาเปนส่ิงท่ีสําคัญย่ิงสําหรับการปลูกฝงทางดานจิตใจในหมูมวล สมาชกิ ของครอบครัว ความเปน ระเบยี บของสังคมที่สมานฉันทควรไดรับ การสรรคสรางจากสมาชิกในครอบ ครัวใหญท่ีมีความใกลชิดกันและ จากบุตรผูส ืบสกุล 126
ชาวมุสลมิ ปฏิบตั ิตอผสู ูงอายุอยางไร? ในโลกของศาสนาอิสลามจะไมคอยไดพบเห็น “บานพักคนชรา” การดูแลบิดามารดาของเราในชวงเวลาท่ีลําบากที่สุดในชีวิตของพวก ทานเชนน้ี ถือวาเปนเกียรติและเปนคุณงามความดี อีกทั้งยังถือเปน โอกาสในการพัฒนาจิตใจท่ีย่ิงใหญอีกดวย ในศาสนาอิสลาม ถือวายัง ไมเปนการเพียงพอที่พวกเราเพียงแตสวดมนตภาวนาใหกับบิดามารดา ของพวกเรา แตพวกเราควรจะปฏิบัติดวยความโอบออมอารีอยางไรที่ ส้ินสุด จําไววาเม่ือตอนที่พวกเรายังเปนเด็กเล็กชวยเหลือตัวเองไมได พวกเขาเลี้ยงดูพวกเราดวยตัวของทานเอง มารดาเปนผูที่สมควรไดรับ การยกยอ งเปน อยา งย่ิง เมอ่ื บิดามารดาชาวมสุ ลมิ แกช ราลงทานจะไดรับ การเลย้ี งดูอยางทนถุ นอมดว ยความเมตตาและความไมเ ห็นแกตัว ในศาสนาอิสลาม การเล้ียงดูบิดามารดาถือเปนหนาท่ีอันดับที่ สองรองจากการทําละหมาด และถือเปนสทิ ธิของบดิ ามาดาท่ีจะคาดหวัง วาจะไดรับการดูแล ถือกันวาเปนสิ่งที่นารังเกียจเดียจฉันทในการแสดง ความฉนุ เฉยี วใดๆ เมือ่ ผเู ฒา ชราเร่มิ ทําอะไรลําบาก พระผเู ปนเจา ตรัสวา : َّ﴿رَ�ُ ﻚَّ أَﻻ َّ �َﻌْﺒُﺪُواْ إِﻻَّ إِﻳَّﺎهُ وَ�ِﺎلْﻮَاﺪﻟَِﻳْﻦِ إِﺣْﺴَﺎﻧ ﺎً إِﻣَّﺎ �َﺒْﻠُﻐَﻦ ِﻋﻨﺪَكَ اﺒََ أَﺣَﺪُﻫُﻤَﺎ أَوْ ﺎﻠﻛَِﻫُﻤَﺎ ﻓَﻼَ �َﻘُﻞ لَّﻬُﻤَﺎ أُف ٍّ وَﻻَ �َﻨْ َﻬ ْﺮ ُﻫ َﻤﺎ 127
َ( الﺮَّﻤ َْﺣ ِﺔ وَﻗُﻞ2ِﻦ4ِ ﻣ-ّ ل2ّ3ُﻟ: �ﻔِﺾَﺻْ ِﻐلَﻬ�اًُﻤَ﴾ﺎ اﺟَﺮﻨَﻹﺎحَ ﺳااﺬء،ًَِِّﻗ ُاﻞر ْلﻤَﺣَّ ُﻬْﻬَﻤُﺎﻤَﺎﻗَ ﻛﻮَْﻤﻻًَﺎ ﻛرََ�ِﺮَ�ّﻴَﻤﺎﺎ “และพระเจาของเจาบัญชาวา พวกเจาอยาเคารพภักดีผูใด นอกจากพระองคเทานั้นและจงทําดีตอบิดามารดา เมื่อผูใดในทั้ง สองหรือทั้งสองบรรลุสูวัยชราอยูกับเจา ดังนั้น อยากลาวแกทั้ง สองวา อุฟ (คือถอยคําแสดงความไมพอใจ) และอยาขูเข็ญทาน ทั้งสอง และจงพูดแกทานท้ังสองดวยถอยคําที่ออนโยน และจง นอบนอมแกทานทั้งสอง ซ่ึงการถอมตนเนื่องจากความเมตตา และจงกลาววา ขาแตพระเจาของฉัน ทรงโปรดเมตตาแกทานทั้ง สองเชนท่ีทั้งสองไดเล้ียงดูฉันเมื่อเยาววัย” (พระคัมภีรอัลกุรอาน, 17:23-24) 128
เสาหลักทง้ั หา ของศาสนาอิสลามคอื อะไร? เสาหลักทั้งหาของศาสนาอิสลามถือเปนโครงสรางชีวิตของชาว มุสลมิ เสาหลักเหลานนั้ ถอื เปนการปฏญิ าณตนในเรื่องความศรัทธา การ ละหมาด การใหซ ะกาต(ชวยเหลือแกผูยากไร) การถือศีลอดในชวงเดือน เราะมะฎอน และการไปแสวงบุญยังนครมักกะฮฺสักคร้ังหน่ึงในชีวิต สาํ หรบั ผูที่สามารถทําได 1) การปฏญิ าณตนในเรือ่ งความศรทั ธา การปฏิญาณตนในเรื่องความศรัทธาคือการกลาวดวย ศรัทธาอยางแรงกลาวา “La ilaha illa Allah, Muhammadur rasoolu Allah” (ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮฺ, มุหัมมะดุร เราะสูลุลลอฮฺ) คํากลาว นห้ี มายความวา “ไมมพี ระผูเปนเจาที่แทจริงอื่นใด นอกจากพระผู เปนเจา(อัลลอฮฺ)” และ มุหัมมัดคือผูถือสาร (ศาสนทูต) ของพระผูเปน เจา เทานนั้ ” ในสวนแรกวลีที่วา “ไมมีพระผูเปนเจาที่แทจริงอ่ืนใด นอก จากอัลลอฮฺพระผูเปนเจา” หมายความวาไมมีผูใดมีสิทธ์ิที่จะไดรับการ เคารพบูชานอกจากพระผูเปนเจาเพียงพระองคเดียว และพระผูเปนเจา ทรงไมมีท้ังบริวารหรือพระบุตร การปฏิญาณตนในเร่ืองความศรัทธาน้ี เรียกวา ชะฮาดะฮฺ (Shahada) เปนการกลาวอยางงายๆ ซึ่งควรกลาว ดวยศรัทธาอันแรงกลาเพื่อเปล่ียนมานับถือศาสนาอิสลาม (ตามที่ได 129
อธิบายมาแลวกอนหนาน้ี) การปฏิญาณในเรื่องความศรัทธาถือเปนเสา หลักทีส่ ําคญั ท่สี ุดในศาสนาอิสลาม 2) การละหมาด ชาวมสุ ลมิ จะทําพธิ ีละหมาดวันละหาคร้ัง ในการละหมาดแตละ คร้ังจะใชเวลาประมาณครั้งละหาถึงสิบนาที การละหมาดในศาสนา อิสลามจะเปนการติดตอกันโดยตรงระหวางผูละหมาดกับพระผูเปนเจา ไมม ีสือ่ กลางระหวา งพระผูเ ปนเจากบั ผูละหมาดแตอยางใด ในการทําละหมาด บุคคลผูน้ันจะรูสึกเกษม สันติและสบายใจ อยูภายใน และน่ันก็หมายความวาพระผูเปนเจาทรงยินดีกับเขาหรือเธอ ผูนั้น ทานศาสนทูตมุหัมมัด เคยพูดกับบิลาลวา “โอ บิลาล จง ประกาศอิกอมะฮฺ(เรียกมาทําละหมาด)เถิด เพ่ือใหพวกเราได พักผอนดวยการละหมาดนั้น” (บรรยายไวใน Abu-Dawood เลขที่ 4985 และ Mosnad Ahmad เลขที่ 22578) บิลาล (Bilal) คือหน่ึงใน สหายของศาสนทูตมุหัมมัดซง่ึ มีหนา ที่เรยี กผูคนมาทาํ ละหมาด การทําละหมาดจะกระทําในเวลารุงอรุณ เที่ยง บาย พระ อาทิตยตกดิน และกลางคืน ชาวมุสลิมอาจจะทําการละหมาดไดเกือบ ทุกสถานที่ เชน ในกลางทงุ สํานักงาน โรงงาน หรือในมหาวิทยาลัย 130
3) การใหซะกาต (การจายทรพั ยช วยเหลือแกผ ูยากไร) ทุกสรรพสิ่งเปนของพระผูเปน เจา เพราะฉะนั้นมนุษยจึง ครอบครองทรัพยสมบัติแทน พระองค ความหมายเดิมของ คํ า ว า ซ ะ ก า ต น้ั น มี ความหมายท้ัง ‘การชําระลาง บาป’ และ ‘ความเจริญรุงเรือง’ การให ซะกาต นั้นหมายถึง ‘การใหตาม อัตราสวนจากจาํ นวนทรัพยส ินที่มีอยูแกผูยากไรตามลําดบั ทเ่ี หมาะสม’ อัตราสวนซ่ึงเปนทองคํา เงินและเงินสดซึ่งอาจมีจํานวน ประมาณ 85 กรัมของนํ้าหนักทองคํา และถือครองเปนเจาของเปนเวลา หนึ่งปทางจันทรคติถือเปนสองเปอรเซนตคร่ึง การถือครองของพวกเรา ไดรับการชําระลางบาปดวยการจัดแบงสวนเล็กๆ ไวสําหรับบุคคลผูมี ความจําเปน และเฉกเชนเดียวกับการตัดแตงตนไม การตัดแตงนี้เพ่ือให เกดิ ความสมดลุ อีกท้ังยังชวยสงเสรมิ ใหก ารเจริญเติบโตอีกดวย บุคคลหน่ึงอาจใหทานมากเทาท่ีตนตองการได โดยถือเปนการ ทาํ บญุ กศุ ลหรอื บริจาคทานดวยความสมคั รใจ 131
4) การถอื ศีลอดในเดือนเราะมะฎอน ทุกๆ ปใ นเดือนเราะมะฎอน (เดือนเราะ ม ะ ฎ อ น คื อ เ ดื อ น ท่ี เ ก า ข อ ง ป ฏิ ทิ น ศาสนาอิสลาม เดือนทางจันทรคติ ไมใชทางสุรยิ คต)ิ ชาวมสุ ลิมทั้งหมดจะ ถื อ ศี ล อ ด ต้ั ง แ ต รุ ง อ รุ ณ จ ว บ จ น พ ร ะ อาทิตยต กดนิ โดยจะละเวนจากอาหาร นาํ้ ดมื่ และการมเี พศสมั พันธ แมวาการถือศีลอดจะมีประโยชนตอ สุขภาพ แตการถือศีลอดไดรับการยอมรับเปนสวนใหญวาเปนวิธีหน่ึง ของการชําระลาง จิตใจของตัวเอง โดยการตัดตัวเองออกจากความ สะดวกสบายในทางโลก แมวาจะเปนเพียงระยะสั้นๆ บุคคลผูถือศีลอด จะรูสึกเห็นใจผูหิวโหยอยางแทจริง ในเวลาเดียวกันก็ชวยใหจิตใจของผู ถอื ศีลอดเจริญเติบโตไปดวย 5) การแสวงบญุ ทีน่ ครมกั กะฮฺ การไปแสวงบุญประจําป (หัจญ) ท่ีนครมักกะฮฺ ถือเปน ภาระหนาท่ีอยางหน่ึง ครั้งหนึ่งในชีวิตสําหรับบุคคลซึ่งมีความสามารถ ทั้งทางรางกายและทางการเงินที่จะทําได ในแตละปผูคนจากทั่วทุกมุม โลกประมาณสองลานคนตางไปชุมนุมกันที่นครมักกะฮฺ แมวานครมัก กะฮฺจะคราครํ่าไปดวยผูมาเยือนอยูตลอดเวลา แตพิธีหัจยในแตละปจัด 132
ใหมีข้ึนในเดือนสิบสองตามปฏิทินอิสลาม ผูแสวงบุญชายจะสวมใส เส้ือผาเรียบงายเปนพิเศษเพื่อขจัดการแบงแยกชนช้ัน และวัฒนธรรม ออกไป เพ่ือวา ทกุ คนจะไดยนื อยางเทาเทยี มกนั ตอหนาพระผเู ปนเจา ผูแสวงบุญกําลังละหมาดอยูใน มัสยิด อัล-หะรอม ในนครมัก กะฮฺ ภายในสุเหราแหงนี้จะมีกะอฺบะฮฺ (ส่ิงกอสรางสีดําใน รูปภาพ) ซึ่งชาวมุสลิมจะหันหนาเขาหาขณะทําการละหมาด กะอฺบะฮฺเปนสถานท่ีสักการะซึ่งพระผูเปนเจาทรงบัญชาให ทา นศาสนทตู อิบรอฮมี และลูกชายอิสมาอีลสรางข้ึน การประกอบพธิ หี จั ญ รวมถึงการเดินรอบกะบะฮจฺ ํานวนเจ็ดรอบ และเดินไปอีกเจ็ดรอบระหวางเนินเขาเศาะฟา (Safa) และมัรวะฮฺ 133
(Marwa) เชนเดียวกับที่นางฮาญัรฺ (Hagar) ภรรยาของศาสนทูตอิบรอ ฮีมเคยกระทําระหวางท่ีเธอคนหานํ้า จากนั้นผูแสวงบุญจะยืนรวมกัน ในอะเราะฟะฮฺ (Arafa) บริเวณพ้ืนที่ 15 ไมลจากนครมักกะฮฺ และสวด ออนวอนตอพระผูเปนเจาในสิ่งที่พวกเขาปรารถนาอีกทั้งยังขอประทาน อภัยจากพระองคดว ย วันเสร็จส้ินการประกอบพิธีหัจญ จะจบลงดวยเทศกาล Eid Al- Adha ซ่ึงเปนการเฉลิมฉลองพรอมกับการทําละหมาด การเฉลิมฉลองนี้ และเทศกาล Eid ai-Fitr ซึ่งเปนวันเล้ียงฉลองเพื่อเปนการระลึกถึงวัน ส้ินสุดของเดือนเราะมะฎอน ซ่ึงเปนสองเทศกาลประจําปตามปฏิทิน ศาสนาอสิ ลาม 134
เอกสารอา งองิ Ahrens, C. Donald. 2531. เร่ือง Meteorology Today. ปรับปรุงครั้งท่ี 3. เซนตพ อล: สํานักพมิ พ West Publishing Company. Anderson, Ralph K. และคณะ. 2521. เรื่อง The Use of Satellite Pictures in Weather Analysis and Forecasting. เจนีวา: เลขานุการองคก ารอตุ นุ ิยมวิทยาโลก. Anthes, Richard A.; John J. Cahir; Alistair B. Fraser และ Hans A. Panofsky. 2524. เร่ือง The Atmosphere. ปรับปรุงครั้งที่ 3. โคลัมบัส: สํานักพิมพ Charles E. Merrill Publishing Company. Barker, Kenneth และคณะ. 2528. เร่ือง The NIV Study Bible, New International Version. แกรนด ราพิดส, มิชิแกน: สํานกั พิมพ Zondervan Publishing House. Bodin, Svante. 2521. เร่ือง Weather and Climate. พูเล, โดเรส: สาํ นกั พมิ พ Blandford Press Ltd. Cailleux, Andre. 2511. เรื่อง Anatomy of the Earth. ลอนดอน: สํานกั พิมพ World University Library. Couper, Heather และ Nigel Henbest. 2538. เรื่อง The Space Atlas. ลอนดอน: สาํ นกั พมิ พ Dorling Kindersley Limited. Davis, Richard A., Jr. 2515. เร่ือง Principles of Oceanography. ดอน มิลส, ออนตาริโอ: สํานักพิมพ Addison-Wesley Publishing Company. 135
Douglas, J. D. และ Merrill C. Tenney. 2532. เร่ือง NIV Compact Dictionary of the Bible. แกรนด ราพิดส, มิชิแกน: สาํ นักพมิ พ Zondervan Publishing House. Elder, Danny; and John Pernetta. 1991. Oceans. London: Mitchell Beazley Publishers. Famighetti, Robert. 2539. เรื่อง The World Almanac and Book of Facts 1996. มาหวาห, นิวเจอรซีย: สํานักพิมพ World Almanac Books. Gross, M. Grant. 2536. เร่ือง Oceanography, a View of Earth. ปรับปรุงคร้ังท่ี 6. อีเก้ิลวูด คลิฟส: สํานักพิมพ Prentice- Hall, Inc. Hickman, Cleveland P. และคณะ. 2522. เร่ือง Integrated Principles of Zoology. ปรับปรุงคร้ังท่ี 6. เซนตหลุยส: สํานักพิมพ The C. V. Mosby Company. Al-Hilali, Muhammad T. และ Muhammad M. Khan. 2537. เร่ือง Interpretation of the Meanings of The Noble Quran in the English Language. ปรับปรุงครั้งที่ 4. ริยาดห: สํานกั พมิ พ Maktaba Dar-us-Salam. เรื่อง The Holy Bible, Containing the Old and New Testaments (Revised Standard Version). 2514. นิวยอรค: สํานักพิมพ William Collins Sons & Co., Ltd. Ibn Hesham, Abdul-Malek. เร่ือง Al-Serah Al-Nabaweyyah. เบรุต: สํานักพิมพ Dar El-Marefah. 136
แผนกกิจการศาสนาอิสลาม, สถานทูตประจําซาอุดิอาระเบีย, วอชิงตัน, โคลัมเบีย. 2532. เร่ือง Understanding Islam and the Muslims. วอชงิ ตัน, โคลัมเบีย: แผนกกิจการศาสนาอิสลาม, สถานทตู ประจําซาอดุ อิ าระเบยี . Kuenen, H. 2503. เรื่อง Marine Geology. นิวยอรค: สํานักพิมพ John Wiley & Sons, Inc. Leeson, C. R. และ T. S. Leeson. 2524. เร่ือง Histology. ปรับปรุงครั้ง ท่ี 4. ฟลลาเดเฟย : สํานักพมิ พ W. B. Saunders Company. Ludlam, F. H. 2523. เรื่อง Clouds and Storms. ลอนดอน: สํานักพิมพ The Pennsylvania State University Press. Makky, Ahmad A. และคณะ. 2536. เรื่อง Ee’jaz al-Quran al- Kareem fee Wasf Anwa’ al-Riyah, al-Sohob, al-Matar. เมกกะห: คณะกรรมการกํากับดูแลเร่ืองสัญลักษณทาง วิทยาศาสตรใ นพระคมั ภีรอ ลั กุรอานและซุนนะห. Miller, Albert และ Jack C. Thompson. 2518. เรื่อง Elements of Meteorology. ปรับปรุงครั้งที่ 2. โคลัมบัส: สํานักพิมพ Charles E. Merrill Publishing Company. Moore, Keith L.; E. Marshall Johnson; T. V. N. Persaud; Gerald C. Goeringer; Abdul-Majeed A. Zindani และ Mustafa A. Ahmed. 2535. เรื่อง Human Development as Described in the Quran and Sunnah. เมกกะห: คณะกรรมการกํากับ ดแู ลเรอ่ื งสญั ลกั ษณท างวิทยาศาสตรในพระคัมภีรอัลกุรอาน และซุนนะห. 137
Moore, Keith L.; A. A. Zindani; และคณะ. 2530. เรื่อง Al-E’jaz al- Elmy fee al-Naseyah (The scientific Miracles in the Front of the Head). เมกกะห: คณะกรรมการกํากับดูแล เรื่องสัญลักษณทางวิทยาศาสตรในพระคัมภีรอัลกุรอานและ ซุนนะห. Moore, Keith L. และ T. V. N. Persaud. 2526. เรื่อง The Developing Human, Clinically Oriented Embryology, With Islamic Additions. ปรับปรุงครั้งที่ 5. ฟลลาเดลเฟย: สํานักพิมพ W. B. Saunders Company. El-Naggar, Z. R. 2534. เรื่อง The Geological Concept of Mountains in the Quran. ปรับปรุงคร้ังที่ 1. เฮิรนดอน: สถาบันนานาชาติแนวคดิ เร่ืองศาสนาอิสลาม. Neufeldt, V. 2537. เรื่อง Webster’s New World Dictionary. ปรับปรุง ครั้งท่ี 3. นิวยอรค: สํานกั พมิ พ Prentice Hall. Neufeldt, V. 2537. เรื่อง Webster’s New World Dictionary. ปรับปรุง ครัง้ ที่ 3. นิวยอรค : สาํ นักพมิ พ Prentice Hall. เร่ือง The New Encyclopaedia Britannica. 2524. ปรับปรุงคร้ังที่ 15. ชิคาโก: สาํ นักพมิ พ Encyclopaedia Britannica, Inc. Noback, Charles R.; N. L. Strominger และ R. J. Demarest. 2534. เรื่อง The Human Nervous System, Introduction and Review. ปรบั ปรงุ ครั้งที่ 4. ฟล ลาเดลเฟย: สํานักพิมพ Lea & Febiger. 138
Ostrogorsky, George. 2512. เร่ือง History of the Byzantine State. แปลมาจากภาษาเยอรมันโดย Joan Hussey. ฉบับปรับปรุง ใหม. นวิ บรนั ซว คิ : สํานักพมิ พ Rutgers University Press. Press, Frank และ Raymond Siever. 2525. เรื่อง Earth. ปรับปรุงคร้ัง ที่ 3. ซานฟรานซิสโก: สํานักพิมพ W. H. Freeman and Company. Ross, W. D.; และคณะ. 2506. เรื่อง The Works of Aristotle Translated into English: Meteorologica. เลม 3. ลอนดอน: สํานักพิมพ Oxford University Press. Scorer, Richard และ Harry Wexler. 2506. เรื่อง A Colour Guide to Clouds. สํานกั พิมพ Robert Maxwell. Seeds, Michael A. 2524. เร่ือง Horizons, Exploring the Universe. เบลมองต: สาํ นกั พิมพ Wadsworth Publishing Company. Seeley, Rod R.; Trent D. Stephens และ Philip Tate. 2539. เร่ือง Essentials of Anatomy & Physiology. ปรับปรุงคร้ังที่ 2. เซนตหลยุ ส: สาํ นกั พมิ พ Mosby-Year Book, Inc. Sykes, Percy. 2506. เรื่อง History of Persia. ปรับปรุงคร้ังท่ี 3. ลอนดอน: สํานักพมิ พ Macmillan & CO Ltd. Tarbuck, Edward J. และ Frederick K. Lutgens. 2525. เร่ือง Earth Scienc.e ปรับปรุงครั้งท่ี 3. โคลัมบัส: สํานักพิมพ Charles E. Merrill Publishing Company. Thurman, Harold V. 2531. เร่ือง Introductory Oceanography. ปรับปรุงครั้งท่ี 5. โคลัมบัส: สํานักพิมพ Merrill Publishing Company. 139
Weinberg, Steven. 2527. เรื่อง The First Three Minutes, a Modern View of the Origin of the Universe. พิมพคร้ังที่ 5. นวิ ยอรค : สาํ นกั พิมพ Bantam Books. Al-Zarkashy, Badr Al-Deen. 2533. เรื่อง Al-Borhan fee Oloom Al- Quran. ปรับปรุงคร้ังท่ี 1. เบรุต: สํานักพิมพ Dar El- Marefah. Zindani, A. A. เร่ือง This is the Truth (วีดีโอเทป). เมกกะห: คณะกรรมการกาํ กบั ดูแลเร่ืองสัญลักษณทางวิทยาศาสตรใน พระคมั ภรี อัลกุรอานและซุนนะห 140
หมายเลขของหะดษี (วจนะของทานศาสนทูตมหุ มั มัด) หมายเลขของหะดษี ในหนงั สือเลม นี้ อา งอิงตามดังนี:้ • Saheeh Muslim: ตามหมายเลขของ Muhammad F. Abdul- Baqy. • Saheeh Al-Bukhari: ตามหมายเลขของ Fath Al-Barii. • Al-Tirmizi: ตามหมายเลขของ Ahmad Shaker. • Mosnad Ahmad: ตามหมายเลขของ Dar Ehya’ Al-Torath Al- Araby, Beirut. • Mowatta’ Malek: ตามหมายเลขของ Mowatta’ Malek. • Abu-Dawood: ตามหมายเลขของ Muhammad Muhyi Al- Deen Abdul-Hameed. • Ibn Majah: ตามหมายเลขของ Muhammad F. Abdul-Baqy. • Al-Daremey: ตามหมายเลขของ Khalid Al-Saba Al-Alamy และ Fawwaz Ahmad Zamarly. 141
เกยี่ วกบั บรรณาธกิ าร ผแู ตง: I. A. Ibrahim บรรณาธิการท่วั ไป: Dr. William (Daoud) Peachy Michael (Abdul-Hakim) Thomas Tony (Abu-Khaliyl) Sylvester Idris Palmer Jamaal Zarabozo Ali Al-Timimi บรรณาธกิ ารดา นวิทยาศาสตร: ศาสตราจารย Harold Stewart Kuofi ศาสตราจารย F. A. State ศาสตราจารย Mahjoub O. Taha ศาสตราจารย Ahmad Allam ศาสตราจารย Salman Sultan รองศาสตราจารย Salman Sultan 142
การสงวนลขิ สทิ ธ:์ิ สงวนลขิ สิทธิ์ © 1996-2002 I. A. Abu-Harb. สงวนลิขสิทธิ์ หามนําสวนหนึ่งสวนใดในเว็บไซตน้ีหรือในหนังสือเร่ือง A Brief Illustrated Guide To Understanding Islam ไปทําซํ้า หรือ เผยแพรใ นรูปแบบใดๆ หรือดวยวิธีอ่ืนใด ไมวาจะเปนทางอิเลคทรอนิกส ทางกลไก รวมท้ังการถายเอกสาร การบันทึก หรือการเก็บขอมูลและ ระบบกูคืนขอมูลใดๆ โดยไมไดรับอนุญาตเปนลายลักษณอักษรจากผู แตง เวน แตเ ปน ไปตามสถานการณด านลา งน้ี จึงจะไดร บั อนญุ าต สาํ หรบั การทาํ ซ้าํ : การทําซํ้า พิมพซ้ํา หรือการถายเอกสาร เว็บไซตน้ี ไมวา หนาใดหนาหน่ึงในเว็บไซต หรือทั้งเลม จะไดรับอนุญาตโดยไม ตอ งเสยี คาใชจายใดๆ เมอ่ื เปนไปตามเงือ่ นไขดังตอไปนี้: (1) ตองไมมีการเปลี่ยนแปลง เพ่ิมเติม หรือตัดทอนสวน หนึ่งสว นใดโดยเด็ดขาด (2) เพิ่มเติมขอความและลิงคดังตอไปน้ีไวดานลางหนา เว็บเพจทุกหนา ดวยมขี นาดตัวอกั ษร 3 (12 pt) ดังนี้ : แหลงท่มี าของบทความนค้ี ือ www.islam-guide.com โปรดทราบ การอนุญาตนี้ไมสามารถนําไปใชไดกับบทความและลิงค ตางๆ ในหนา “ขอมูลเพ่ิมเติมเก่ียวกับศาสนาอิสลาม” หรือเว็บไซตนี้ใน ภาษาอ่ืนนอกเหนอื จากภาษาองั กฤษ 143
ขอมูลการพิมพหนงั สอื เลม น้ี: ดา นลา งน้ี คือขอมูลการพิมพหนังสือ A Brief Illustrated Guide To Understanding Islam: ISBN: 9960-34-011-2 หมายเลขบัตรหองสมุด Library of Congress Catalog Card Number: 97-67654 จัดพิมพโดย Darussalam ผูพิมพและผูจัดจําหนาย เมืองฮุสตัน รัฐเท็กซสั สหรฐั อเมริกา 144
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146